เว่ยซือซานได้ยินคำพูดของบุตรสาวก็คิดตาม ทุกวันนี้ชาวบ้านอดอยากกันทั่วทุกพื้นที่ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าทหารที่ประจำอยู่พื้นที่กันดารต่าง ๆ ยิ่งทางเหนืออาหารยิ่งขาดแคลน หากปลูกได้จริง เจ้าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนแคว้นโจวอย่างแน่นอน แม่ทัพเช่นเขาจึงไม่ลังเลบอกให้องครักษ์เก็บพวกที่มีหน่อแยกไว้กลับไปด้วยเว่ยซือหลางที่เห็นน้องสาวเอาแต่สนใจมันฝรั่งพวกนี้ต่อไปไม่ไหวจึงกล่าวขึ้นบ้าง “น้องเล็ก พี่หาเจ้ามันฝรั่งนี่จนเจอ เจ้าควรให้รางวัลพี่ใหญ่หน่อยหรือไม่”เด็กอ้วนแหงนคอมองพี่ชายจนคอตั้งบ่า กะพริบตาปริบ ๆ หยุดใช้ความคิดไปแวบหนึ่งก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสดใสของเจ้าตัว“เช่นนั้นอาหงจะทำมันบดจากเจ้านี่ให้กินดีหรือไม่เจ้าคะ”“มันบด?”“เจ้าค่ะ มันบด ที่จริงเอาไปทำได้หลายอย่าง แต่อาหงจะทำมันบดให้พี่ใหญ่กิน อร่อยแน่นอนเจ้าค่ะเชื่ออาหงได้เลย”“ได้ ๆ เช่นนั้นต้องรบกวนน้องเล็กแล้ว”เว่ยซือเหลียงทำใจไม่ได้ที่ทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ได้รับความสนใจจากน้องสาว เขาจึงเเยกตัวออกไปอีกด้านเผื่อจะเจออะไรดี ๆ ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่เจออะไร นอกจากเฉ่าเหมยป่าที่ลูกไม่ใหญ่นัก และเหลือไม่มาก คาดว่าคงถูกชาวบ้านเก็บกลับไปกินจนหม
“อาหง เดี๋ยวเก็บผลไม้พวกนี้เสร็จแล้วเราพักกินข้าวกันสักชั่วครึ่งยามนะลูก แล้วค่อยเดินเข้าป่าชั้นกลาง”“ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ” ตกลงกันเรียบร้อยทุกคนต่างเร่งมือเก็บผลไม้ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าทุกคนเปื้อนด้วยรอยยิ้ม พวกเขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อน เข้าป่ากับคุณหนูเว่ยซือหงครั้งเดียวได้ของกินมากมาย!สวรรค์เข้าข้างแล้ว!ด้วยในกลุ่มมีคนที่มีพลังธาตุลมอยู่ด้วย การเก็บผลไม้ตระกูลเหมยตรงหน้าจึงเสร็จอย่างรวดเร็ว พวกเขาแยกย้ายกันพักผ่อน ครบครึ่งชั่วยามก็มุ่งหน้าเข้าป่าชั้นกลางช่วงนี้สัตว์ยังไม่ออกจากการจำศีลจึงค่อนข้างปลอดภัย แต่อีกราวครึ่งเดือนคงต้องเว้นช่วงการเข้าป่าไปก่อน เพราะช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่สัตว์ออกจากการจำศีลจะดุร้ายมากที่สุด เว่ยซือหงไม่ลืมเตือนลู่คงถึงเรื่องนี้ทั้งยังย้ำบอกให้เขาเตือนชาวบ้านคนอื่น ๆ ด้วย แน่นอนว่าลู่คงย่อมรับปาก การรับใช้เทพธิดามีอะไรที่ไม่ดีเล่า เขาเชื่อว่าถ้ารับใช้เว่ยซือหงต่อไปชีวิตจะมีแต่ดีขึ้นแน่นอน! เข้าเขตป่าชั้นกลางเกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ความอุดมสมบูรณ์ที่ต่างจากป่าชั้นนอกนี้ ช่างเป็นสวรรค์ของคนที่หาของป่าจริง ๆ ไม่เเปลกเลยที่คนมีความสา
“กลับมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” เสียงใสที่ดังมาก่อนตัวเช่นนี้มีอยู่คนเดียว หลิวลี่หงละมือจากผ้าเช็ดหน้าที่ตั้งใจปักให้บุตรสาว เงยหน้ามองไปยังนอกศาลากลางสวน เห็นร่างขาวอวบวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาหา“ท่านแม่ ดูนี่สิเจ้าคะ อาหงได้ของกินมาฝากท่านแม่เยอะแยะเลย” เด็กน้อยโอ้อวด พร้อมชูเฉ่าเหมยในมือให้มารดาดู“ค่อย ๆ เดิน ประเดี๋ยวล้ม”“อาหงไม่ล้มหรอกเจ้าค่ะท่านแม่ อาหงแข็งแรงมาก ท่านแม่! ท่านดูเฉ่าเหมยที่อาหงเก็บมาสิเจ้าคะ น่ากินใช่หรือไม่” เด็กน้อยไม่อยากให้มารดาดุเรื่องที่นางวิ่งมาจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องเฉ่าเหมยเเทนหลิวลี่หงส่ายหน้าระอาใจด้วยรู้เท่าทันบุตรสาว แต่ไม่คิดเปิดโปง หญิงสาวรับผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำแล้วจากสาวใช้ข้างกาย เช็ดใบหน้าอวบอิ่มของบุตรสาวสุดที่รักอย่างทะนุถนอม“หน้าเจ้าแดงนัก วันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้วนะลูกรัก”“เจ้าค่ะ อาหงขี้เกียจแล้ว อิอิ”“แล้วนี่พ่อเจ้าไม่ตามมาด้วยเล่า”“ท่านพ่อยืนคุมพวกพี่ ๆ บ่าวจัดเก็บผลผลิตที่พวกลูกไปเก็บมาเจ้าค่ะ”“หืม? ไม่ได้มีเพียงเฉ่าเหมยที่เจ้าเก็บมานี้หรือ” หลิวลี่หงเเปลกใจกับคำพูดของบุตรสาว คิดว่าได้เพียงเฉ่าเหมยป่ามาเสียอีก“ท่านแม่ ท่านดูถูกอาหงเกินไปแล้ว!
เว่ยซือหลางเห็นสายตาคลางแคลงของท่านปู่จึงอธิบายทันที “บัวหิมะจริง ๆ ขอรับท่านปู่ แต่เป็นบัวหิมะอีกประเภท น้องเล็กกล่าวว่า เป็นบัวหิมะประเภทหัว กินสดเป็นผลไม้ก็ได้ หรือนำไปทำน้ำแกงกระดูกหมูก็ได้ขอรับ สรรพคุณทางยาดีนักขอรับ”“โอ้ เช่นนั้นรึ ปู่คิดว่ามีแต่บัวหิมะที่เป็นดอกขึ้นทางตอนเหนือของแคว้นเราเสียอีก”“จริงขอรับ ตอนแรกพวกข้าก็แปลกใจแต่พอได้ฟังคำอธิบายของน้องเล็กก็หายสงสัยไปเอง ท่านปู่อยากลองหน่อยหรือไม่ขอรับ”“เอาสิ” รับคำหลานชายคนโตอย่างง่าย ๆ ด้วยสงสัยรสชาติของมัน“หืม” ทว่าพอบัวหิมะถูกปอกเปลือกนอกออกไป ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจมากกว่าเดิม กับเนื้อในสีส้มอมเหลืองแต่กลับใสฉ่ำน้ำยิ่ง“ท่านปู่ลองชิมดูสิขอรับ อร่อยมาก ข้าชอบมากขอรับ” เว่ยซือเหลียงกล่าวเร่งท่านปู่ให้ลองชิมเว่ยซือหลิวลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเอาเข้าปาก กร๊อบ! เสียงความกรอบของบัวหิมะที่ถูกกัดได้ยินกันทั่ว นายท่านผู้เฒ่าหลับตาพริ้มลิ้มชิมรสหวานฉ่ำน้ำด้วยความชอบใจ“อร่อยมาก! นี่ นี่เป็นผลไม้ที่อร่อยยิ่งนัก พ่อไม่เคยกินมาก่อนเลย”เว่ยซือซานหัวเราะออกมาพลางว่า “อย่าว่าแต่ท่านพ่อเลยขอรับที่ไม่เคยกิน แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังไม่เคยกินแน่
วันนี้เรือนของเว่ยซือหงครึกครื้นอย่างมาก ทั้งเจ้านายและบ่าวทาสแทบจะมารวมตัวกันที่เรือนของนางทั้งหมด เสียงพูดคุยดังระงมพอ ๆ กับการชี้ไม้ชี้มือยังจุดหมายเดียวกันกล้าอ่อนของพืชผักที่เจ้าตัวน้อยเพาะเมล็ดไว้เพิ่งโผล่พ้นดินออกมามากมายละลานตา แม้จะโผล่มาเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจได้ นานมากแล้วที่ทวีปนภาครามไม่สามารถเพาะปลูกได้เช่นนี้ สายตาที่มองไปยังเจ้าตัวน้อยจึงมีทั้งเทิดทูนและชื่นชมเว่ยซือหงก็ดีใจไม่แพ้คนอื่น นางเดินสำรวจกล้าผักในถาดเพาะเมล็ด เมื่อไม่เห็นว่ามีสิ่งใดเสียหายจึงยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเปล่งประกายระยับ“ทุกคน! ขั้นตอนแรกของการปลูกผักอาหงทำได้แล้วเจ้าค่ะ” เสียงใสเอ่ยเจื้อยแจ้วยืดอกรอรับคำชมไม่คิดขวยอายแม้แต่น้อย“ฮ่าฮ่าฮ่า หลานปู่เก่งกาจยิ่งนัก ผักที่คนทั่วแคว้นไม่สามารถปลูกได้หลานกลับปลูกมันขึ้นมาได้ เก่งจริง ๆ” เว่ยซือหลิวไม่หวงคำชมหลานสาวแม้แต่น้อยหลินซือเหยาชมต่อ “ดีดีดี อาหงของย่ายอดเยี่ยมจริง ๆ ต่อไปนี้จวนเราก็จะมีผักสด ๆ กินแล้ว ขอบน้ำใจเจ้า ลำบากอาหงแล้ว”“ลูกแม่เก่งมาก”“ลูกพ่อยอดเยี่ยมที่สุด”เว่ยซือหลาง/เว่ยซือเหลียง “น้องเล็กดีที่สุด!”อาหงยืดอกรับค
“คุณหนู! คุณหนู! สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ!” น้ำเสียงที่บ่งบอกความตื่นเต้นดังมาก่อนเจ้าตัวจะมาถึงเว่ยซือหงละสายตาจากตำราโบราณในมือ เงยหน้ามองป้าหม่าที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม “ใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะป้าหม่า ค่อย ๆ พูดนะเจ้าคะ อาหงฟังไม่รู้เรื่อง”ป้าหม่าปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยรายงานด้วยอาการตื่นเต้นยินดี “ถั่วงอกเจ้าค่ะคุณหนู! ถั่วงอกที่คุณหนูสั่งให้ป้าปลูกมันขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ”“จริงหรือเจ้าคะ” เจ้าตัวไม่ได้ตื่นเต้นมากนัก ผิดกับป้าหม่าที่ตื่นเต้นจนดูลนลาน “เจ้าค่ะคุณหนู!” หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารัว ๆ จะไม่ให้นางตื่นเต้นได้อย่างไร นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของนางเลยนะ พืชผักใบเขียวที่คุณหนูน้อยสั่งให้ปลูกมันก็เจริญเติบโตด้วยดีอยู่หรอก แต่กว่าจะได้กินได้ขายต้องใช้เวลา ผิดกับถั่วงอกที่คุณหนูสั่งให้นางปลูกและดูแลคนเดียว ไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาปลูกแค่ 4-5 วันจะสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้วป้าหม่าจำคำที่คุณหนูบอกได้ดี วันนี้หลังรดน้ำและทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จนางจึงตัดสินใจไปเปิดดู ถึงตอนแรกจะไม่มั่นใจนักว่ามันจะโตและเก็บเกี่ยวได้แล้วจริง ๆ ทว่าทันทีที่เปิดผ้าคลุมออก ความขาวอวบอิ่มของต้น
กลางยามอู่(11:00 – 12:59 น.) เว่ยซือหงที่อาบน้ำแต่งกายด้วยชุดใหม่ก็ได้มานั่งรอที่ห้องอาหารของเรือนใหญ่พร้อมคนอื่น ๆ “ไหนอาหงของปู่ วันนี้เจ้าบอกว่ามีอาหารจากผักชนิดใหม่หรือ”“เจ้าค่ะท่านปู่”“เป็นผักชนิดใดเล่าบอกปู่ได้หรือไม่”“รอสักเดี๋ยวนะเจ้าคะ รออาหารขึ้นโต๊ะ ท่านปู่และทุกคนจะได้รู้เองเจ้าค่ะ” เด็กน้อยแสร้งปิดบังทำท่าซุกซนจนได้รับการลงโทษด้วยการฟัดแก้มก้อน“อ๊าย! ท่านปู่! อย่ารังแกอาหง ฮ่าฮ่า ยอมแล้วเจ้าค่ะ ท่านปู่ แฮก! อย่ารังแกอาหง”“พอได้แล้วเจ้าค่ะท่านพี่เดี๋ยวหลานนอนละเมอ” ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นสามีกลั่นแกล้งหลานสาวจนเจ้าตัวเล็กหายใจไม่ทันแล้วถึงได้เอ่ยปราม“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านย่า มีแต่ท่านย่าที่ไม่รังแกอาหง” เด็กแก้มกลมออดอ้อนทำหน้าทำตาเสียจนผู้เฒ่าเว่ยซือหลิวมันเขี้ยว ร่ำ ๆ จะฟัดเจ้าเด็กขี้อ้อนอีกสักยก หากสำรับอาหารไม่ขึ้นโต๊ะเสียก่อน“ช่างเจรจานักนะเจ้าตัวแสบ”“โธ่ ท่านแม่เจ้าขา อาหงพูดความจริงนี่เจ้าคะ” ทว่ามารดาไม่หลงกลทั้งยังหรี่ตาจับผิด เจ้าตัวน้อยลอบกลืนน้ำลายก่อนเปลี่ยนเรื่องทันควัน“มาเจ้าค่ะทุกคน อาหงจะแนะนำพืชชนิดใหม่ให้ทราบ สิ่งที่อยู่ต่อหน้าทุกคนเรียกว่าถั่วงอกเจ้าค่
“คิดอะไรอยู่เจ้าตัวแสบของพ่อ” “อาหงกำลังคิดว่าจะเพาะปลูกสิ่งใดเพิ่มดีเจ้าค่ะ”“ฮืม... คิดปลูกอันใดอีกเล่า ที่ผ่านมายังวุ่นวายไม่พอเหรอ เว้นช่วงไปก่อนดีหรือไม่ลูกรัก พ่อไม่อยากเห็นเจ้าเหนื่อยไปมากกว่านี้แล้ว”ไม่ได้อยากขัดขวางบุตรสาวทว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าตัวน้อยเหนื่อยมามาก เขาอยากให้นางพักไปก่อน แค่ปลูกถั่วงอกออกมาได้ก็สร้างความแตกตื่นไปทั่ว ทั้งคนจากในวังและจวนขุนนางล้วนรวมตัวมาที่จวนตระกูลเว่ยทั้งสิ้นแน่นอนพวกเขาไม่ได้หวง เพราะเจ้าของวิธีการเพาะปลูกพวกมันบอกพวกเขาตั้งแต่แรกแล้วว่าให้เผยแพร่วิธีปลูกถั่วงอกออกไป เพื่อที่ทุกคนจะได้มีผักและอาหารใหม่ ๆ กินเพิ่มดังนั้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจวนตระกูลเว่ยจึงมีคนเข้าออกมากมายเพื่อมาถามถึงวิธีการและเคล็ดลับ เพราะเหตุนั้นตอนนี้ทั่วทั้งแคว้นโจวได้ทราบถึงวิธีเพาะปลูกถั่วงอกโดยทั่วกันจากสารของฮ่องเต้ที่สั่งให้คนติดประกาศทุกหัวมุมเมือง “ท่านพ่อ อาหงไม่เหนื่อยเลยเจ้าค่ะ อาหงมีความสุขมาก ยิ่งเห็นผู้คนมีของกินเพิ่มอาหงก็ยิ่งดีใจ”“แต่ว่าเจ้าเพิ่งเจ็ดขวบ”“แต่อาหงไม่ได้ไปสอนพวกเขาเหล่านั้นนี่เจ้าคะ มีเพียงท่านพ่อ ท่านปู่และบ่าวทำสวนเท่านั้น ที่รับ
ส่วนกลุ่มคนที่มาจากขุมอำนาจหรือจวนขุนนางต่าง ๆ มีความต้องการผลผลิตปราณจำนวนมาก ต่างตรงไปที่ชั้นสองของร้าน แล้วแจ้งชนิดและจำนวนผักที่ต้องการเสร็จ คนของตระกูลเว่ยที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ จะนำผลผลิตออกมาจากแหวนมิติตามจำนวนที่ลูกค้าต้องการ หลังตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย ทำการจ่ายเงินเป็นอันจบการซื้อขายงานในส่วนนี้ถูกดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ขุมอำนาจต่าง ๆ ต่างชื่นชอบการจัดการด้วยวิธีนี้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องยื้อแย่งกับคนทั่วไป เพราะผลผลิตปราณถูกคนตระกูลเว่ยเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว โดยผักผลไม้ปราณในร้านค้าตระกูลเว่ยมีราคาดังนี้ผักกาดขาว ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า ถั่วฝักยาว พริกชั่งละ 1 ตำลึงทองหัวไชเท้า แครอท แตงกวา ฟักทอง ฟักเขียว ชั่งละ 5 ตำลึงทอง มะเขือเทศ บัวหิมะ ชั่งละ 10 ตำลึงทองกล้วยชนิดต่าง ๆ ขายที่หวีละ 1 ตำลึงทอง แต่ละหวีมีถึงสิบลูกแตงโมขายผลละ 3 ตำลึงทอง ส้ม ผิงกั่ว(แอปเปิล) สับปะรด ชั่งละ 10 ตำลึงทององุ่น เฉ่าเหมย(สตรอว์เบอร์รี) และผลไม้ตระกูลเหมยทั้งหมดชั่งละ 20 ตำลึงทองลูกท้อ ทับทิม ลูกพลับจัดเป็นผลไม้มงคลขายชั่งละ 30 ตำลึงทองส่วนข้าว มันฝรั่งและมันเทศนั้นมีความต้องกา
ร้านค้าตระกูลเว่ย “สวรรค์ พวกเขาปลูกผักปราณได้จริง ๆ”“เจ้าดูแสงสีเขียวระยิบระยับนั่นสิ นี่มันผักปราณระดับสูง”“ตระกูลเว่ยจะเก่งกาจเกินไปแล้ว”หน้าร้านตระกูลเว่ยมีแต่เสียงพูดคุยหลายช่วงอายุทั้งชายหญิง ดังสลับกันไปมา เรื่องที่ตระกูลเว่ยจะเปิดขายผักปราณสร้างความแตกตื่นไปทั้งยุทธภพ จะเห็นได้ว่าแคว้นโจวมีคนเข้าออกค่อนข้างมาก ทั้งผู้ฝึกยุทธ์อิสระ คนจากสำนักศึกษาต่าง ๆ เหล่าบัณฑิต และคนจากดินแดนเบื้องบน ที่ยืนปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งออกมาจาง ๆ เพียงเท่านั้นก็สร้างความอึดอัดให้คนของดินแดนเบื้องล่างได้แล้ว“ไม่คิดว่าข่าวที่คนของเราส่งไปจะเป็นเรื่องจริง”“ถ้าไม่เห็นผักปราณจำนวนมากที่อยู่ในร้านรอขายข้าก็ไม่อยากเชื่อเช่นกันขอรับคุณชาย”“ถึงลมปราณดินแดนเบื้องล่างจะขาดแคลนทว่าก็ไม่อาจดูเบาพวกเขาได้เช่นกันขอรับคุณชาย”“ไม่ถูกต้อง คนที่เราไม่อาจดูเบาคือตระกูลเว่ยเจ้าของผักปราณระดับสูงมากมายนี้ต่างหาก...”คุณชายของกลุ่มวิเคราะห์ออกมา พลางมองผักปราณระดับสูงที่ถูกจัดเตรียมไว้บนชั้นวางของ และอยู่ในตะกร้าแบ่งแยกเป็นชนิดต่าง ๆ ชัดเจน ง่ายต่อการเลือกหา ทั้งยังสะดวกต่อการซื้อขายราคาบนป้ายไม้ที่เด่นหราอยู
อย่างไรก็ตามทัณฑ์สวรรค์มีเพียงสามสายเท่านั้น ทั้งยังทำอันใดกับหินแร่นิฬกาลไม่ได้ สมกับเป็นวัตถุดิบไร้ระดับ สมบัติประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้ นางอยากครอบครองให้มากสักหน่อย ขนาดทัณฑ์สวรรค์ที่เป็นดังตำนานเล่าขาน ยังไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้เลย เป็นเช่นนี้จะไม่ให้นางโลภอยากได้เพิ่มได้อย่างไรเล่า!ตัวหินแร่นิฬกาลลอยนิ่งอยู่เช่นนั้นอย่างองอาจราวกับกำลังเยาะเย้ยสายฟ้าจากสวรรค์ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เลือนรางหายไปอันที่จริงหินแร่นิฬกาลยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่มันหลบซ่อนตัวเองด้วยอักขระพรางตา จึงไม่มีใครมองเห็น นอกจากเว่ยซือหงเท่านั้น ซึ่งนับเป็นข้อดีอย่างมาก เพราะถ้ามีคนต้องการทำลายไร่ของนางขึ้นมา ก็จะทำได้ยาก เนื่องจากหาตาค่ายกลไม่เจอกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นลงไปแล้ว เว่ยซือหงยืนมองผลงานนี้ของตนด้วยความภาคภูมิใจท่ามกลางสายตาแตกตื่นของคนงานทั้งหมดรวมถึงครอบครัวตนเองด้วยแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดในไร่ตระกูลเว่ยเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็รับรู้แล้วเช่นกัน ม่านพลังสีทองที่ครอบคลุมทั่วไร่ตระกูลเว่ยมันชัดเจนเกินไป ราวกับเป็นพื้นที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกนอกจากเหตุการณ์ในวันนี้จะสร้างความแตกตื่นให้ผู้ค
การจะปลูกผักปราณนั้นใช่ว่าเพียงพูดออกมาแล้วจะทำได้เลยทันที ตระกูลเว่ยต้องเตรียมตัวหลายอย่าง จนเมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ พวกเขาจึงพากันไปที่ไร่ตระกูลเว่ยประตูจวนที่ปิดมานานหลายวันของตระกูลเว่ยถึงได้เปิดออก รถม้าประจำตระกูลทั้งสองคัน เคลื่อนออกจากประตูจวนท่ามกลางสายตาของชาวเมือง และเหล่าขุนนางที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาเมื่อถึงไร่ตระกูลเว่ย คนงานทั้งหมดทั้งแรงงานที่เป็นชาวบ้าน บ่าวตระกูลเว่ย รวมถึงทหารที่คอยดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยของไร่ถูกเรียกมารวมตัวกันที่จุดเดียวพวกเขาทั้งงุนงงและสับสนว่าเจ้านายเรียกรวมตัวด้วยเหตุใด บ้างกังวลกลัวจะถูกเลิกจ้าง ยิ่งบรรดาเจ้านายไม่ปริปาก ความคิดพลันล่องลอยไปไกลมากกว่าเดิม ก่อนทุกคนจะแตกตื่นไปมากกว่านี้ พ่อบ้านอวิ๋นจึงเข้ามาไขข้อข้องใจเสียก่อน“ไม่ต้องแตกตื่น เจ้านายของพวกเราไม่ได้คิดจะเลิกจ้างพวกเจ้า ที่เรียกมารวมตัวกันเพราะจะมีการปรับเปลี่ยนไร่ตระกูลเว่ย การให้พวกเจ้าอยู่รวมกันเป็นจุดเดียวจะทำให้ปลอดภัยและดูแลง่ายกว่าเดิม”คนงานที่เป็นชาวบ้านต่างพากันโล่งใจ หม้อข้าวของตนยังอยู่ ยังไม่ได้ถูกทุบแต่อย่างใด ทว่าความสงสัยใคร่รู้ก็กลับมาอีก
“ทุกคนเจ้าคะ อาหงมีเรื่องจะคุยด้วยเจ้าค่ะ” “ว่าเช่นไรลูกรัก มีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเราหรือ” เว่ยซือซานถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราเลิกขายผักกันเถอะเจ้าค่ะ”“เลิกขายผัก? เลิกแล้วผักที่ปลูกอยู่พันหมู่จะทำอย่างไร” ถึงจะแปลกใจที่เว่ยซือหงเอ่ยเรื่องการยกเลิกกิจการที่กำลังรุ่งเรืองในตอนนี้ แต่พวกเขาไม่ได้แตกตื่น เรื่องราวที่ผ่านมาได้สอนพวกเขาแล้ว ว่าเจ้าตัวน้อยเป็นคนมีเหตุผลเพียงใด การเอ่ยว่าจะไม่ขายผักแล้ว ไม่ใช่คำพูดที่เอ่ยออกมาเพราะต้องการล้อเล่นแน่“ไม่ต้องทำอันใดเลยเจ้าค่ะ แค่เปลี่ยนจากผักธรรมดาพวกนั้นเป็นผักปราณให้หมด”“เจ้าหมายความว่าอยากปลูกผักผลไม้ปราณแทนการปลูกผักธรรมดาหรือ”“เจ้าค่ะท่านแม่”สมาชิกในตระกูลเว่ยนิ่งคิด ความต้องการของบุตรสาวใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยน้ำพลังปราณที่เจ้าตัวมี การเปลี่ยนจากผักธรรมดาเป็นผักปราณนั้นทำได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือ ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้พวกตนก็กินผักผลไม้ปราณและเห็ดปราณ ที่ปลูกอยู่หลังเรือนของเว่ยซือหงหรอกหรือหลินซือเหยาถอนหายใจมองหลานสาวพลางว่า “บอกเหตุผลให้ย่าและพวกเราทุกคนฟังได้หรือไม่ ว่าเหตุใดจึงอยากปลูกและขายผักปราณ”ซึ่งคำถามของฮูหยินผู้เฒ่
ช่วงนี้เว่ยซือหงไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำอะไรเป็นพิเศษ นางทุ่มเวลาทั้งหมดให้ครอบครัว ทดแทนที่ตนหายไปตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน คนในตระกูลก็พอใจมากที่เจ้าตัวน้อยใช้ชีวิตสมกับที่เป็นเด็กเสียทีทว่าเป็นคนตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็นสตรี สิ่งที่ควรเรียนยังต้องเรียน นางจึงถูกท่านย่าคุมเข้มเรื่องศาสตร์ทั้งสี่เป็นประจำ ถึงจะไม่ค่อยชอบแต่เว่ยซือหงก็เข้าใจและทำได้ดี ทั้งนี้ยังต้องออกไปร่วมงานเลี้ยงกับท่านย่าหรือท่านแม่ยังจวนอื่น ๆ ตามบัตรเชิญที่ถูกส่งมาเป็นครั้งคราว เจ้าตัวน้อยเลยไม่รู้สึกเบื่อนักการออกไปพบปะผู้คนและเจอเพื่อนบ้างนับเป็นเรื่องดี เช่นวันนี้ที่นางมาเดินเที่ยวตลาดกับหลินหว่าน เด็กสาวจากตระกูลหลินที่เพิ่งทำความรู้จักกันไปเมื่อครั้งงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตที่ผ่านมานั่นเอง“เจ้าว่าปิ่นอันนี้สวยหรือไม่” หลินหว่านเอ่ยถามสหายพร้อมยื่นปิ่นดอกหมู่ตาน(โบตั๋น) ให้ดูเว่ยซือหงดูแล้วทั้งตัวรูปปิ่นและขนาดที่ไม่ใหญ่มากเกินไป เหมาะกับเด็ก ๆ อย่างพวกหน้า ก็พยักหน้ารับตอบคำทันทีเช่นกัน “สวยมาก เหมาะกับเจ้า”“จริงหรือ”“จริง”“เช่นนั้นข้าเอาอันนี้เจ้าค่ะ” คุณหนูตระกูลหลินส่งปิ่นให้สาวใช้ที่ติดตามมานำไปคิดเงิน“
แม้มื้ออาหารจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่คนตระกูลเว่ยก็ยังไม่ได้แยกย้าย พวกเขายังคงต้องการพูดคุยกับเว่ยซือหงให้มากอีกหน่อย ความคิดถึงที่มีมาตลอดหนึ่งเดือนก็ยังไม่เบาบางลงเลย จะให้รีบไปไหนเล่าเว่ยซือเองก็พูดคุยกับครอบครัวด้วยความสนุกสนาน ทุกคนผลัดกันเล่าเรื่องราวที่ตนเองเผชิญมาให้เว่ยซือหงฟัง เจ้าตัวเล็กก็มีอารมณ์ร่วมไปเสียหมด พาลให้คนเล่ามีใจอยากยิ่งอยากเล่าเพิ่ม ความสุขเรียบง่ายที่มีคุณค่าทางใจยิ่งกว่าของหายากราคาแพงเช่นนี้ คนตระกูลเว่ยหวงแหนมันมาก ครั้นทุกคนผลัดกันเล่าเรื่องจนครบแล้วพลันถึงตาเจ้าตัวน้อยบ้าง“แล้วเจ้าเล่าน้องเล็ก เก็บตัวฝึกฝนเสียนาน มีความก้าวหน้าอย่างไรบ้าง” เว่ยซือเหลียงเป็นฝ่ายถามน้องสาวเว่ยซือหงเห็นสายตาทุกคนมองมาอย่างรอคอยและคาดหวังได้แต่ระบายยิ้มกว้างก่อนจะยอมเปิดเผยระดับพลังปัจจุบันของตนทันที ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนในครอบครัวต่างแตกตื่นตกใจ โดยเฉพาะพี่ชายคนรองอย่างเว่ยซือเหลียง“พลังปราณระดับนักรบขั้นสูง!”“เจ้าค่ะ” เห็นน้องสาวรับคำยิ้ม ๆ เช่นนี้พี่ชายอย่างเขารู้สึกปวดใจจริง ๆ ให้ตายเถอะน้องเล็กมีระดับเดียวกันกับเขาเลย!“ระดับเท่าพี่เลยน้องเล็ก นี่คือความแตกต่างของคนธรรมด
วันเวลาภายในมิติผ่านไปแล้วสิบปี โลกภายนอกก็ผ่านไปนานนับเดือนเช่นกัน ความคิดถึงและความห่วงใยที่มีต่อบุตรหลานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นานแล้วที่เว่ยซือหงเก็บตัวฝึกฝน หากไม่รู้ว่านางเข้าไปในมิติจิตวิญญาณพวกตนคงจะเป็นกังวลและไม่เป็นอันกินอันนอนมากกว่านี้อย่างไรก็ตาม พวกเขาอยู่กับเว่ยซือหงทุกวันตั้งแต่นางเกิดจวบจนอายุใกล้จะแปดขวบแล้ว ไม่มีครั้งไหนที่ต้องห่างกันนานถึงเพียงนี้สักครั้ง ความอดทนที่เคยมีชักจะมอดลงไปทุกทีถึงคนตระกูลเว่ยยังใช้ชีวิตเช่นเดิม ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำสิ่งนั้น แต่มันขาดความมีชีวิตชีวาและสีสันในชีวิต เสียงเจื้อยแจ้วที่เคยทำให้จวนสดใส เสียงหัวเราะของนางที่เคยทำให้พวกเขามีชีวิตชีวาผ่อนคลายความเครียดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ยามไม่มีจึงรู้สึกขาดหายและกระหายถึงสิ่งนั้นมากขึ้นร่วมเดือนที่จวนตระกูลเว่ยเงียบเหงา ยิ่งช่วงสองสามวันที่ผ่านมาถึงกับขาดความมีชีวิตชีวาจนแม้แต่บ่าวรับใช้ยังรู้สึกได้ พวกตนก็คิดถึงคุณหนูน้อยเช่นกัน อยากให้นางมาสร้างเสียงหัวเราะและบรรยากาศแสนสดใสให้จวนตระกูลเว่ยโดยเร็ว เจ้านายในจวนจะได้แช่มชื่นขึ้นมาบ้างความกังวลของบ่าวรับใช้นั้นค่อนข้างมาก ถึงขั้นรวมตัวกันนำเรื
เว่ยซือหงเริ่มเดินพลังในร่างกายอีกครั้ง แต่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความติดขัดที่ตนไม่เคยเจอ ภายนอกคิ้วได้รูปของนางขมวดแน่น หากภายในจิตวิญญาณกลับสงบนิ่งมั่นคงอย่างมากเมื่อระดับการบ่มเพาะถูกทำลาย เส้นชีพจรต่าง ๆ จะอุดตันเต็มไปด้วยความสกปรกจากการดูดซับลมปราณ แม้แต่เว่ยซือหงที่ดูดซับลมปราณภายในมิติที่มีความบริสุทธิ์มาตลอดก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ด้วยเคล็ดวิชาหยินหยางลมปราณสวรรค์ ปัญหาดังกล่าวจึงถูกจัดการได้อย่างไร้ที่ติเว่ยซือหงเดินพลังด้วยเส้นลมปราณสีทอง ซึ่งมีชื่อว่าเส้นลมปราณสวรรค์ ชักนำมันไปยังจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ด้วยความวิเศษของตัวเคล็ดวิชาการบ่มเพาะ ร่วมกับเส้นลมปราณสวรรค์ที่เกิดมาพร้อมนาง สิ่งต่าง ๆ ที่อุดตันในร่างกายจึงถูกกำจัด ทั้งเส้นเลือดและเส้นชีพจรยังถุกกรุยทางจนโล่ง ความสกปรกถูกชะล้างครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งการเดินพลังไร้การติดขัด เด็กน้อยจึงเริ่มการฝึกในลำดับต่อไปเว่ยซือหงค่อย ๆ ชักนำเส้นลมปราณสวรรค์ไปตามเส้นชีพจรต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ตามความรู้ที่ได้รับจากเคล็ดวิชา ความอุ่นร้อนจนเกือบร้อนลวกอยู่กึ่งกลางหน้าท้อง ตันเถียนที่ถูกทำลายไปเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ซึ่งมาพร้อมความเจ็บปวดเกินหยั่