ปิยาพัชรขยับพลิ้วไหวเหมือนเรือลำน้อยเคลื่อนไหวไปในธารพิศวาสที่แสนเร่าร้อน กายบอบบางเอนตัวอิงแอบร่างหนา ทับทิมผลนุ่มบดเบียดเสียดสีกับปลายยอดอกแข็ง ทั้งเสียวซ่านระคนสุขสมจนต้องร้องครางออกมาเสียงแหบห้าวและดังลั่นห้องนอนใหญ่“คุณฟารฮานขา...” ปิยาพัชรร้องเรียกเสียงหวานเชื่อม สะโพกกลมมนขยับร่ายส่ายพลิ้ว ริมฝีปากเล็กทาบไปบนเรือนกายแกร่งเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งสองมือเล็กก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง ลากไล้แผ่วพลิ้วไปตามเรือนกายแกร่ง ยามเมื่อกายใหญ่ขยับถาโถมเข้าหาให้ความหฤหรรษ์มากมาย ปลายนิ้วเล็กจิกกดลงไปบนกล้ามเนื้อแข็งแกร่งและลากเต็มแรง เพื่อระบายและผ่อนคลายความเสียวซ่านและสุขสม เสียงร้องหวานแว่วดังแผ่วพลิ้วจากริมฝีปากอวบอิ่มไม่ขาดสายกายใหญ่ถาโถมชำแรกแทรกลึกจมหายในกลีบบุปผานุ่มและฉ่ำร้อน ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนลากไล้ขบเม้มปลายยอดทับทิมผลหวานนุ่มสลับซ้ายขวาอย่างไม่ยอมให้ได้หยุดพักจนเปียกชุ่ม สองมือลากไล้บีบนวดลำตัวบอบบาง สะโพกงามงอนและลำขาเรียวยาว บ้างเคลื่อนเข้าหาเกสรดอกรักฉ่ำนุ่ม กดคลึงตามแรงปรารถนาที่ลุกโชนเป็นเพลิงไฟ“มัดหมี่จ๋า...เบาๆ หน่อยที่รัก...” ฟารฮานถึงกับหัวหมุนเมื่อเจอกับการตอบรับที่แม้จะไร้เดียง
เรือนกายบอบบางเอนตัวลงนอนแอบอิงร่างหนาใหญ่ แขนเรียวข้างหนึ่งค่อยๆ วาดขึ้นไปวางบนกายแกร่ง แรกๆ ก็เพียงแค่นิดเดียว แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้ว่าอะไรก็ขยับเพิ่มมากขึ้น จนในที่สุดก็กลายเป็นว่าแขนเรียวยาวโอบกอดร่างหนาแกร่ง ศีรษะทุยวางทับบนลำแขนแข็งแกร่งข้างหนึ่ง ใบหน้าขาวสวยแนบชิดอกกว้างและอบอุ่น ก่อนที่ดวงตากลมโตจะปิดลงไปอีกครั้ง พร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าฟารฮานค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา ถึงตอนนี้เรือนกายของเขาก็ยังมีความปรารถนาและความต้องการในตัวปิยาพัชร แต่เมื่อเห็นหญิงสาวนั้นหลับสนิทแล้วก็ไม่อยากกวน ได้แต่พยายามข่มใจตัวเองให้ไฟปรารถนานั้นค่อยๆ ลดลงจนมอดไปในที่สุด มือใหญ่วางทับไปบนไหล่เนียนนุ่ม และหลับตาตามหญิงสาวไป เพื่อตื่นขึ้นมาจะได้มอบรักให้เธออีกสักครั้ง ก่อนที่อินซอฟจะพาจันฑีรามาพบกัญญาพัชรนั่งนิ่งเงียบอยู่เป็นนานกว่าที่จะยื่นโทรศัพท์คืนให้อัสสิยามีย์ สีหน้าเบื่อหน่าย ลมหายใจอุ่นๆ ผ่อนออกจากปากอวบอิ่มได้คุยกับปิยาพัชรเหมือนกับเป็นการช่วยให้เธอตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรดีกับเรื่องที่กำลังกลุ้มอยู่ ศีรษะทุยแหงนมองไปบนฟากฟ้ากว้างใหญ่ เธอเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ต้องเ
“เฮ้ย!!”ปึ่ก!! อั่ก!! ฮาก!!ไม่ทันไรร่างเล็กและใหญ่สามร่างนอนตาเถลือกถลน หายใจรวยรินบนเนินทรายใหญ่ และมีเหยี่ยวตัวใหญ่ยักษ์กางปีกไหวจนฝุ่นทรายกระจาย กระโดดจากร่างนั้นไปร่างนี้จิกทึ้งผิวกายจนมีกลิ่นคาวโชยคละคลุ้งและเลือดสีแดงไหลเป็นสาย ซึมหายไปในรอยทรายร่างหนาใหญ่ทรุดตัวลงนั่งบนข้อเท้า มือใหญ่เป็นเหมือนคีมเหล็กจับบนใบหน้าซึ่งรกครึ้มไปด้วยหนวดและเคราของคนที่คิดว่าเป็นหัวหน้าในการเฝ้าดูครั้งนี้ “ก่อนตายแกควรทำประโยชน์ให้กับประชาชนที่อยู่หน่อยดีไหม บอกมาว่าพวกของเจ้าที่เหลือหลบซ่อนอยู่ที่ไหน มีใครเป็นนายใหญ่”แม้จะหวาดกลัวกับความตายที่อยู่เบื้องหน้า แต่เมื่อรับคำสั่งและให้คำสัตย์สาบานไว้แล้วว่าจะรักษาคำพูด ไม่สนแม้ชีวิตจะต้องสิ้นไป เพื่อให้นายได้เป็นหนึ่งในแผ่นหล้า น้ำลายปนเลือดออกจากปากสีน้ำตาลเข้ม “ถึงกูจะตาย มึงก็อย่าหวังว่าจะได้เจอกับเพื่อนและนายกู”“งั้นหรือ...แต่เราว่าไม่ใช่นะ” ใบหน้าคมคร้ามแฝงด้วยยิ้มเหี้ยมเกรียม ดวงตาเป็นประกายสีแดงลุกชันอย่างโกรธเกรี้ยว คนพวกนี้ทำเหมือนชีวิตตัวเองเป็นแค่ผักปลา ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง มือใหญ่ขยับเคลื่อนลงไปที่ลำคอแกร่งและกดอย่างแรงจนมีเสียงดัง
“แล้วไอ้ชื่อแปลกๆ ที่นายเรียกน่ะมันแปลว่าอะไร หมายความว่ายังไง บอกตรงๆ ว่าฉัน...” มือเรียวชี้เข้าหาตัวเองพร้อมส่ายศีรษะเบาๆ ซ้ำอีกครั้ง “เรียกไม่ถูก ไม่ใช่ชื่อพ่อชื่อแม่ตั้งให้ ไม่อยากได้”อัสสิยามีย์อยากจะหัวเราะให้ดังลั่นห้อง มองใบหน้าขาวสวยแดงก่ำและเบะปากออก “เอาน่าคุณ ถือว่าเป็นงานละกัน ชื่อเขาออกจะน่ารัก”“แปลว่าอะไร นายยังไม่บอกเลย”ร่างหนาใหญ่หันกเดินทางกัน”“ออกไปก่อนซิ จะได้รีบแต่งตัวให้เสร็จ” มาถึงคราวนี้กัญญาพัชรก็ไม่ขัดขืนหรือถ่วงเวลาอีกแล้ว เพียงแค่ร่างใหญ่ลับหายออกไปจากห้อง ผ้าผืนใหญ่ที่กางกั้นประตูเอาไว้นิ่งสนิท เธอก็รีบผลัดเปลี่ยนผ้าผืนใหญ่ที่ค้นหาได้จากหีบใบใหญ่ออกจากกาย แล้วหยิบเอากางเกงผ้าเนื้อนุ่มและบางเบาขึ้นมา แล้วต้องเบะหน้าและส่ายศีรษะซ้ำอย่างรังเกียจ เมื่อได้เห็นชัดเจนกระจ่างตา‘ชุดบ้าอะไรวะ โป๊ชะมัดเลย ใครจะกล้าใส่กันล่ะนี่’“เสร็จยังคุณ” เหมือนกับรู้ว่าหญิงสาวจะยังลังเลและตะขิดตะขวงใจกับชุดที่เขาหามาให้ใส่ อัสสิยามีย์ตะโกนถามกลับไปน้ำเสียงนุ่มทุ้ม“รอเดี๋ยวซิ คนไม่เคยใส่เสื้อผ้าแปลกๆ แบบนี้ จะให้ใส่เร็วๆ ได้ไงกันล่ะ” กัญญาพัชรร้องตะโกนกลับไปพร้อมกับผ่อนลมหาย
“นายท่านครับ”“นั่นใคร”น้ำเสียงห้าวนุ่มทุ้มดังออกมาจากกระโจมใหญ่ มือรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากเรือนกาย เหลือไว้เพียงแค่ผ้าผืนเล็กซึ่งปกปิดบางส่วนของร่างกายเอาไว้ และผ้าโพกศีรษะซึ่งปกปิดใบหน้าเหลือเพียงแค่ดวงตาคมดุ แล้วก้าวขึ้นไปนั่งเอนบนเตียงนอน ให้มือใหญ่เท้ารับน้ำหนักตัวเอาไว้ อีกมือก็ยื่นไปหยิบผลไม้มาถือบีบไว้“ผู้หญิงที่ท่านรอมาถึงแล้วครับนายท่าน”“งั้นหรือ ก็ให้เข้ามาซิ” ชายหนุ่มเชื้อเชิญ ดวงตามองผ่านผ้าม่านเนื้อบางเบาด้วยรอยยิ้ม อยากเห็นว่ากัญญาพัชรในชุดนางระบำที่จัดหาไว้นั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง จะสวยงามและเย้ายวนอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า“เชิญครับคุณ” คาลิดเปิดประตูให้กัญญาพัชรเสร็จก็รีบเดินกลับไปประจำการที่เดิมเท้าเรียวยาวพาร่างสูงโปร่งเดินไปหยุดอยู่กึ่งกลางกระโจมใหญ่ และถึงแม้ว่าจะมีผ้าม่านสีขาวลายลูกไม้แปลกตาขวางกั้นอยู่ แต่ดูเหมือนว่ารัศมีแห่งอำนาจและความปรารถนาที่เร่าร้อนจะแผ่กระจายมาถึงตัว“เข้ามาซิฮะดียะห์ พอดีเลยเราเพิ่งกลับมายังไม่ได้อาบน้ำเลย เจ้ามาก็ดีแล้ว ช่วยอาบน้ำให้เราหน่อยซิ”นาสเซอร์บอกเสียงนุ่มและหยอกเย้า ร่างหนาลุกจากเตียงนอนอย่างเชื่องช้าเหมือนคนขี้เกียจ แต่เร
“เจ้านี่ตลกจริงๆ นะฮะดียะห์ เราเพิ่งอารมณ์เสียมาหยกๆ ได้ฟังเจ้าพูดแล้วอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นกองเลย เอาเถอะ เจ้าพูดตามที่ถนัดและต้องการแล้วกัน เราไม่บังคับละ แต่ตอนนี้บอกตรงๆ ว่าเราเหนื่อย เพลียและหิวมากเลย เจ้ามาช่วยเราอาบน้ำก่อนดีกว่า”อย่างไม่รอให้หญิงสาวได้ปฏิเสธ มือหนาจับรั้งแขนเรียวและพาเดินไปยังถังไม้ขนาดใหญ่ที่มีน้ำบรรจุอยู่เกือบจะเต็มล้น“เจ้าอาบหรือยังล่ะ ถ้ายังอาบพร้อมเราก็ได้นะ”“อาบแล้ว พระองค์อยากอาบก็อาบไปคนเดียวซิ หม่อมฉันจะไปนั่งรอที่ตรงนั้น”มือเรียวยกขึ้นชี้ไปที่ฝั่งหนึ่งของห้อง ตรงที่มีโต๊ะตัวเล็กตั้งอยู่พร้อมผลไม้หลากหลายชนิดวางตั้งอยู่จนเกือบจะล้นโต๊ะ มือเรียวยกขึ้นลูบท้องแผ่วเบาเพราะความหิว จะว่าไปเธอทานอะไรไม่ลงมาเกือบจะสองวันแล้ว วันนี้ก็มัวแต่คิดมากจนลืมนึกถึงเรื่องอาหารไปเสียอีกด้วย พอได้มาเห็นแบบนี้ก็เกิดอาการกระหายหิวขึ้นในทันที“ไม่เอาละ เราอยากอาบพร้อมเจ้า”มือใหญ่จับร่างบอบบางหันมา พร้อมตวัดเอาเสื้อตัวใหญ่ออกจากกายโปร่งบางอย่างรวดเร็ว โดยที่กัญญาพัชรไม่ทันได้ตั้งตัว“ว้าย!!”“หืม...เจ้านี่สวยจริงๆ ฮะดียะห์ มิน่าล่ะ เป็นแบบนี้เองถึงได้มีคนกีดกันไม่ให้เจ้าเข้า
กัญญาพัชรรีบทำตามอย่างเผลอไผล ใบหน้าขาวสวยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดชื่นและแจ่มใส ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้าง เมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ มือเล็กเรียวที่ลากไล้ไปทั่วลำตัวแกร่งหยุดชะงัก ปลายเล็บแหลมคมจิกลงไปบนอกกว้างจนคนที่นอนเอนตัวอิงถังไม้อยู่ถึงกับสะดุ้ง“ทำอะไรน่ะฮะดียะห์”“โอ๊ะ! ขอประทานอภัยเพคะองค์นาสเซอร์ หม่อมฉันเผลอคิดอะไรเพลินไปหน่อย” กัญญาพัชรรีบเอ่ยปากขอโทษ แต่ใบหน้านั้นแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจนดวงตาเป็นประกายอย่างถูกอกถูกใจ อีกทั้งมือเล็กที่ลากไปทั่วกายใหญ่จากที่เคยแผ่วเบาและนุ่มนวลก็เป็นแรงขึ้นอย่าง“โอ๊ย! เราเจ็บนะฮะดียะห์”“ตายแล้ว หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะองค์นาสเซอร์ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ” ‘นิดหน่อย แต่ตั้งใจมากถึงมากที่สุด’ประกายระยิบระยับอย่างถูกอกถูกใจที่เกิดขึ้นในดวงตากลมโต ทำให้นาสเซอร์รู้ว่ากำลังถูกหญิงสาวกลั่นแกล้ง รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นตรงมุมหนึ่งของริมฝีปากหนา ดวงตาคมกริบพราวระยับ ตอนแรกก็กะว่าจะเอาคืนอยู่หรอกนะ แต่พอได้เห็นรอยยิ้มกระจ่างสดใสเปื้อนใบหน้าขาวเนียน ก็ยอมปล่อยให้หญิงสาวทำตามใจต่อไป ได้แต่นับจำนวนครั้งเอาไว้เพื่อจะได้ลงโทษคนกล้าให้
“องุ่นหวานจังเลยฮะดียะห์” นาสเซอร์พูดเสียงนุ่ม ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ ไล่มองใบหน้าขาวสวยเห่อแดงตลอดทั้งลำคอ เสียดายจังถ้าเขาไม่ต้องการปกปิดเรื่องราวบางอย่างไว้ ถึงอยากจะให้กัญญาพัชรเต้นระบำหน้าท้องให้ถึงดู แม้จะรู้ว่าหญิงสาวไม่เก่งเหมือนระดับอาชีพแต่คงจะน่ามอง อืม...มือใหญ่ยกขึ้นลูบปลายคาง เอาน่าวันหนึ่งจะต้องได้เห็น วันนี้ก็ยอมๆ ไปก่อนละกัน“บ้า...” ศีรษะทุยตวัดค้อนให้คนพูดวงโต “นี่ปิดตาหม่อมฉันทำไม” มือเรียวรีบยกขึ้นหมายดึงเอาผ้าที่ผูกตาออก“ห้ามเอาออกนะฮะดียะห์ เพราะไม่งั้นการทานอาหารของเราคงจะสิ้นเพียงแค่นี้ แล้วหลังจากนั้นก็...” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวลากไล้ไปบนเนินเนื้อนูนเด่น ไล่ไปจนถึงบางส่วนของเรือนกายสาว“มะ...ไม่เอาออกแล้วค่ะ เฮ้ย!! ไม่ใช่ หม่อมฉันไม่เอาออกแล้วเพคะ”“ดีแล้ว เชื่อฟังแบบนี้ซิเขาถึงเรียกว่าน่ารัก เราบอกแล้วว่าจะพูดจายังไงก็ได้ เราไม่ถือ ยกไว้ให้หนึ่งคน” ใบหน้าคมโน้มลงไปมอบจุมพิตวาบหวามให้กัญญาพัชรอีกรอบ ก่อนจะชวนทานผลไม้บนโต๊ะโดยวิธีใส่ปากเขาเคี้ยวพอแตกแล้วส่งเข้าริมฝีปากอวบอิ่ม บ้างก็ป้อนใส่ปากนุ่มแล้วค่อยใช้ปลายลิ้นสากร้อนซอกซอนแย่งชิงเข้าปากต
“พาหม่อมฉันกลับมาอีกทำไม หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย คนหลอกลวง”“ถ้าไม่ใจร้ายและหลอกลวงอีก จะอยู่ด้วยไหมล่ะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและเว้าวอนทำเอาคนที่พยายามจะใจแข็งถึงกับสั่นระรัว ด้วยรู้ชะตาตัวเองดีตั้งแต่ถูกจับได้นั่นแหละว่าอาจหนีไม่พ้นอ้อมแขนใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต“จะรู้ได้ไง พระองค์จะไม่หลอกหม่อมฉันอีก ทั้งพี่ทั้งน้องช่างวางแผนและเจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่”“ใช้หัวใจแลกหัวใจไง”“เชอะ...คนอย่างองค์นาสเซอร์ ประมุขผู้ครองแคว้นซัลจาร์บาเมีย ชายหนุ่มที่มีผู้หญิงนับสิบอ๋อ...นับร้อยมากกว่าคอยถวายตัวเป็นข้ารองบาทน่ะหรือจะยอมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอย่างหม่อมฉันเพียงคนเดียว เชื่อตายละ” กัญญาพัชรยังคงปากแข็งแม้ใจจะยอมผ่อนตามไปเกือบจะครึ่งแล้ว“อ้าว...ทำไมล่ะ เราแตกต่างกับชายหนุ่มคนอื่นอย่างไร ถึงจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้น่ะ ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในชีวิตนะมัดหวาย สำหรับเราเมื่อเราพบคนที่ใช่ เราก็พร้อมที่จะหยุดทุกอย่างไว้ที่เธอคนนั้นเพียงคนเดียว และตอนนี้เราก็คิดว่าเราพบนางคนนั้นของเราแล้ว”หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะ นาสเซอร์หมายถึงเธอใช่ไหม ‘ไม่นะมัดหวาย แกอย่าลืมซิว่าเขาหลอกลว
“ไม่ใช่หรอกมัดหมี่ ถ้าเพียงแค่ความต้องการของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันว่าเขาไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก” ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่จับมือเล็กเรียวมาวางบนแผงอกกว้างตรงที่มีหัวใจกำลังเต้นอยู่“สิ่งที่ฉันทำด้วยความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจก็จริง แรกเริ่มมาจากเพียงแค่ความปรารถนาก็จริง แต่สิ่งหนึ่งนับจากวันแรกที่ฉันได้ครอบครองความบริสุทธิ์ของสาวน้อยคนนั้น มันเป็นคำสั่งมาจากหัวใจทั้งสิ้น” สองมือใหญ่จับรั้งใบหน้าขาวสวยให้จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ“ฉันอยากจะบอกให้มัดหมี่รู้เหมือนกัน ฉัน...รัก...มัดหมี่”ปิยาพัชรแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง หากว่าไม่ถูกจับรั้งไว้ศีรษะทุยคงจะส่ายบอกว่าไม่เชื่อและไม่จริง แต่คำพูดที่หนักแน่น ดวงตาที่มั่นคงดุจดังภูเขาหินที่ไม่อาจพังทลายลงมาได้ ไม่ว่าจะเจอพายุร้ายเพียงใดเป็นคำตอบที่ชัดเจน และที่สำคัญคือหัวใจของเธอมันก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดนั้นซะด้วยสองแขนเรียวโอบรอบกายแข็งแกร่ง “จริงๆ นะคะ คุณฟารฮานพูดจริงๆ นะคะ ไม่ได้หลอกให้มัดหมี่ดีใจเล่นนะคะ”“จริงซิ ฉันจะโกหกมัดหมี่ทำไมล่ะ เพราะรัก ฉันเลยต้องวางแผนการร้ายทุกอย่าง เพื่อส่งแม่สาวจอมหว
“แสดงว่าพวกนายรู้แผนการของเราทุกอย่างเลยใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวางตั้งแต่ต้น”“เอาเป็นว่าฉันจะเล่าให้เธอฟังวันหลังนะ แต่วันนี้ขอฉันลงโทษคนที่ทำให้ใจเสียก่อนละกัน”ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง “เสียใจด้วยนะอินซอฟ เผอิญว่าวันนี้เครื่องซักผ้ามันดันเกิดแอ๊กซิเดนท์ ทำงานไม่ได้อ่ะ”จันฑีราหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ยิ่งได้เห็นใบหน้าเสียอารมณ์ของอินซอฟก็ยิ่งอยากแกล้งยั่วเย้าให้หนักขึ้นอีก แต่รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เธอหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ย่อมจะต้องถูกเขาเอาคืนจนอาจจะลุกจากเตียงไม่ได้เพราะความเพลียมือเล็กจับแขนใหญ่วางยาวแนบไปกับพื้นเตียง พร้อมกับวางศีรษะลงไปนอนหนุน อีกมือก็จับแขนใหญ่มาพาดรอบเรือนกายเล็ก กายบางขยับจนแนบชิดกับเรือนกายใหญ่ นับจากวันนี้ชีวิตที่เคยมีเคยอยู่คนเดียวได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเติมเต็มด้วยความรักและความอบอุ่น“ขอบใจนะอินซอฟที่รักฉัน เมื่อก่อนที่ฉันเคยทำร้ายและทำไม่ดีกับนายไว้ ขอให้นายยกโทษและให้อภัยฉันด้วยนะ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้ฉันจะทำตัวดีๆ และรักนายให้มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำ
“จะไปไหนล่ะมัดหมี่...” แขนแข็งแกร่งสอดเข้าระหว่างเอวเล็กคอดและดึงเข้าหาตัว ศีรษะทุยโน้มลงกระซิบเบาๆ ข้างใบหูนุ่ม น้ำเสียงกึ่งกระเซ้าและยั่วเย้า“รู้ไหมว่าโทษของคนที่คิดหนีฉันน่ะมันร้ายแรงมากนะ”“ปล่อยน้องสาวฉันนะนายฟารฮาน” แม้จะห้อยต่องแต่งอยู่บนร่างสูงใหญ่ แต่กัญญาพัชรก็ไม่วายส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ฟารฮาน สองมือยันแผ่นหลังกว้างเพื่อจะได้นำเอาตัวเองลงไปขัดขวาง“ฉันว่าเธอเอาตัวให้รอดพ้นจากพี่ชายฉันก่อนดีกว่านะมัดหวาย ก่อนที่จะมาช่วยเหลือคนอื่นเขาน่ะ” ฟารฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงเป็นจังหวะ“ไปกันเถอะมัดหมี่ เรามีเรื่องที่จะต้องคุยเหมือนกัน”“ว้าย!!” สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายลอยขึ้นจากพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำอะไรก็ไม่รู้คุณฟารฮานน่ะ”“ก็พาคนที่กล้าหนีฉันไปลงโทษไง” ใบหน้าคมโน้มลงจนจมูกโด่งคมประชิดติดแก้มนุ่ม“บ้า...” ปิยาพัชรส่งค้อนให้คนพูดวงโตด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงฟารฮานไม่ได้โกรธเคืองเธอแม้แต่น้อยนิด อาจมีน้อยใจบ้าง แต่ถ้าอธิบายให้ฟังเขาก็พร้อมที่จะเข้าใจ“โว้ย...ปล่อยฉันนะคนบ้า คนเฮ็งซวย ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง รัง
ยามราตรีที่ท้องฟ้ามีแสงดาวส่องนำทาง สามร่างเดินตามกันไปอย่างรีบเร่ง โดยมีร่างสูงโปร่งเดินนำและร่างบอบบางอีกสองร่างเดินตามไปติดๆ ศีรษะทุยสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวา ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้จะรู้ว่าคืนนี้นาสเซอร์ ฟารฮาน และอินซอฟกำลังอยู่ร่วมการประชุมในการกำหนดนโยบายของแคว้นว่าจะให้เดินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่ใครจะรู้เล่าเกิดว่าคนหนึ่งคนใดเกิดสงสัยในพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ และกระซิบกระซาบที่เธอและน้องๆ ทั้งสองคนมีมีหลายครั้งที่ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันไปจะเอ่ยปากถามสองสาวที่ตามมาด้วยว่าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะตามเธอไปน่ะ แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยของสองสาวก็ทำให้พูดไม่ออก ใจจริงกัญญาพัชรไม่ได้อยากชวนปิยาพัชรและจันฑีราหนีไปด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของสองสาว ที่ไม่รู้ว่าจะต้องโดนหางเลขจากคนที่ไม่หวังดีด้วยเมื่อไหร่ มันก็ทำให้เธอต้องคะยั้นคะยอชักแม่น้ำทั้งห้าให้สองสาวเดินทางหลบหนีกลับบ้านด้วย อีกทั้งเมื่อน้องสาวทั้งสองคนรู้ว่าเธอจะหนีกลับ ทั้งสองก็ไม่ยอมให้เธอต้องเดินทางเพียงลำพังปิยาพัชรและจันฑีราเดินตามกัญญาพัชรไปด้วยใจที่เจ็บปวดและหวาดกลัว
“อ้าว...พี่มัดหวายหลับแล้วละแก” ปิยาพัชรที่เล่าเรื่องของตัวเองจ๋อยๆ ด้วยความดีใจและสุขล้นหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าลง เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สาวฟังแทบทั้งหมด ยกเว้นเรื่องที่เธอตกเป็นของฟารฮานแล้วและเรื่องถูกปองร้ายหมายเอาชีวิต“ใจเย็นๆ นะแก ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานอินซอฟจะต้องหาคนที่คิดร้ายกับแกเจอ” จันฑีรายกมือขึ้นตบบ่ากว้างของเพื่อนรักเบาๆ เธอเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าปิยาพัชร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ากัญญาพัชรมีอาการดีขึ้น ความเหนื่อยจากการเดินทางไกลก็เริ่มประท้วง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าหาวหวอดๆ ดวงตาก็เริ่มที่จะหรี่ลง“ฉันไม่ไหวแล้วแก ขอนอนกอดพี่มัดหวายก่อนนะ” ร่างบอบบางคลานขึ้นไปบนเตียงนอนใหญ่ เอนตัวนอนแนบชิดร่างกัญญาพัชร“เฮ้ย...ไม่เอาซิแก ฉันนอนด้วย” ปิยาพัชรบอก เพราะเธอก็เหนื่อยและเพลียเหมือนกัน ร่างบอบบางรีบเอนตัวลงอิงแอบแนบซบกับร่างพี่สาว แขนเรียวยาวพาดไปโอบร่างโปร่งไว้ แต่ด้วยความไม่ระมัดระวังทำให้ปลายมือไปถูกเอาที่บาดแผล ทำให้คนที่หลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ และเจ็บปวดเล็กน้อย“ขอมัดหมี่นอนด้วยนะพี่มัดหวาย คิดถึง อยากนอนกอดพี่” ปิยาพัชรบอกเสียงหว
“ยานี่จะช่วยให้เจ้าดีขึ้นและหายดีในเร็ววันนะ” แม้จะไม่หมดทั้งถ้วยแต่ยาที่เข้าไปจะทำการขับพิษที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายกัญญาพัชรให้ออกมาอย่างช้าๆ และหมดในที่สุด มือใหญ่ปิดปากเรียวยาวไม่ให้หญิงสาวพ่นยากลับออกมาจนกว่ายาทั้งหมดจะหายเข้าไปในกาย“อือ...” สองมือเล็กเรียวยกขึ้นจิกทึ้งดึงมือใหญ่ออกจากใบหน้า เจ็บจนน้ำตาเล็ดออกมาจากกระบอกตากับเรี่ยวแรงที่ชายหนุ่มกดลงไป และยังฝืดๆ และเหม็นเน่ากับสิ่งที่ได้ไหลเข้าสู่ร่างกาย“อดทนนิดมัดหวาย อีกไม่นานเจ้าก็หายแล้วคนดี ยานี้จะเป็นยารักษาให้เจ้าหายจากอาการบาดเจ็บและพิษร้ายที่เข้าสู่ร่างกายนะคนดี”“พิษร้ายหรือเพคะ หมายความว่า...”“ใช่ คมมีดที่บาดลงไปในเนื้อของเจ้าอาบด้วยยาพิษร้ายแรง ถ้าเป็นเราอาจจะเพียงแค่หมดแรง จนกลายเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิตได้ แต่กับเจ้ามันทำให้เจ้าเกือบจะจากเราไปตลอดชีวิต...รู้ไหม”“แต่หม่อมฉันว่ามันก็คงดีกว่าตื่นมาเป็นตัวตลก เป็นผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งในสายตาของพระองค์ไม่ใช่หรือเพคะ” กัญญาพัชรเอ่ยถามอย่างน้อยอกน้อยใจ หลายครั้งที่เธอลืมตาตื่นมาแล้วก็มีเพียงแค่ความเงียบของห้อง และยังมีคนแปลกหน้าที่คอยทำอะไรกับร่างกายก็ไม่รู้ จับพ
“มัดหมี่ทำใจดีๆ และฟังฉันให้ดีนะ” ร่างหนานั่งลงหน้าปิยาพัชรด้วยร้อนรนกระวนกระวายใจและหวาดหวั่น กลัวหญิงสาวจะรับไม่ได้กับข่าวที่จะได้ยินต่อไปนี้ แต่ถึงจะกลัวเพียงใดเขาก็จำเป็นต้องบอกให้หญิงสาวได้รับรู้ สองมือใหญ่จับรั้งมือเล็กเรียวและบีบเบาๆ“ค่ะ มีอะไรหรือคะคุณฟารฮาน” หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเหลือเกิน แล้วเมื่อครู่อินซอฟที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็มีสีหน้าไม่แตกต่างกันเลยสักนิด“เราต้องเดินทางไปแคว้นซัลจาร์บาเมียอย่างด่วนที่สุด”“อืม...ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่คะ คุณฟารฮานเป็นคนที่นั่น เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านก็ไม่เห็นแปลก”ปิยาพัชรตอบกลับ แม้จะใจหายๆ ที่ต้องจากชายหนุ่มไป แต่ก็เข้าใจว่ากัญญาพัชรอาจจะทำงานเสร็จแล้ว หรือไม่ฟารฮานก็ต้องเดินทางไปเพราะงาน แต่เขาจะต้องกลับมาอีก“ไม่ใช่อย่างนั้นนะมัดหมี่...มัดหวายบาดเจ็บ”“พะ...พี่มัดหวายบาดเจ็บ” สองมือเรียวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งยื่นไปจับแขนใหญ่และเขย่าแรงๆ“ตอนนี้พี่มัดหวายเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหน ใครเป็นคนทำ และบาดเจ็บได้ยังไง มีใครดูแลพี่มัดหวายอยู่” หญิงสาวถามยาวน้ำเสียงสั่นเทาน้ำตาอุ่นร้อนไหลอา
“แน่ใจหรือองค์ประมุขนาสเซอร์ ว่าพระองค์จะเอาชีวิตรอดจากคนของเราได้น่ะ ในเมื่อตอนนี้คนของเราล้อมสถานที่จัดงานในวันนี้ไว้หมดแล้ว” เจ้ากรมมหาดไทยเอ่ยถาม ถึงแม้แผนการที่วางไว้จะผิดพลาดไปบ้าง แต่ยังไงเขาก็ยังมีไม้ตายซ่อนอยู่และนาสเซอร์ก็คิดไม่ถึงแน่“ได้ซิท่านเจ้ากรมมหาดไทย” ชายหนุ่มที่เข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหลายคนที่ถูกมัดและลากมาเป็นพรวน“ตอนนี้ข้างนอกนั้น คนที่ท่านวางไว้ถ้าไม่ตายก็หลบหนีไป บ้างก็ถูกจับอย่างเจ้าพวกนี้ไง” กาซิมเอ่ยพูดอย่างหัวเสีย เพราะคนที่หายไปบางคนจะเป็นตัวการใหญ่ๆ นับรองจากเจ้ากรมมหาดไทยและเจ้ากรมการคลังเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังเชื่อว่าเจ้าพวกนั้นจะต้องคอยแอบซุ่มอยู่เพื่อที่จะทำให้แผนการสำเร็จลง อาจไม่ใช่วันนี้แต่ก็เชื่อว่าในไม่นานแน่ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไปเขาและทุกคนที่ยังจงรักภักดีจะต้องตามจับตัวมาลงโทษได้“นาสเซอร์ระวัง...” มือเรียวข้างหนึ่งผลักร่างหนาใหญ่ให้ออกห่างและเอาตัวเองเข้าไปรับปลายมีดแหลมคมที่พุ่งมาจากผู้หญิงร่างอวบอัดซึ่งยืนอยู่ในระยะกระชั้นชิดและอีกมือก็สวนหมัดหลุนๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะหันตัวหลบแล้วแต่ปลายมีดก็ยังถากแขนเรียวยาวไปแต่กัญญาพัชรก็ไม่มี