“ไอ้ยักษ์...! มึงไปเต้นกินรำกินตามงานวัดทำเหี้ยอะไร!? บ้านช่องไม่เคยกลับ ไปอยู่กับไอ้ครูโขนนั่นอีกแล้วใช่ไหม ค่อยดูเถอะมึง กูจะตามไปถล่มแม่ง!” ถ้อยคำสบถด่าของแม่ฟาดลงพร้อมฝ่ามือพิฆาต บนแผ่นหลังของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีที่ยกมือขึ้นปัดป้องกอดกุมตัวเอง
ด้วยความที่เขาเป็นเด็กตัวใหญ่หากเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน พ่อแม่หรือใครก็เรียกเขาว่า ‘ไอ้ยักษ์’ ใหญ่ขนาดว่าเพื่อน ๆ ที่โรงละครโขนเล็ก ๆ ของลุงก็ยังให้เขาเล่นแต่บทยักษ์
“โอ๊ย! แม่ อะไรของแม่เนี่ย มันเรื่องของผมป่ะ” ในน้ำเสียงขุ่นเคืองเถียงอย่างก้าวร้าว เด็กหนุ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นความที่ดีในมุมของตัวเขา ไม่ใช่กับแม่...
“ไอ้ห่า...! ได้แค่เศษเงิน มันพอแดกไหม มาช่วยกูส่งของให้ลูกค้านี่”
“ไม่ไป... ไม่อยากไป มาบังคับอะไร ผมโตแล้วนะไม่ใช่เด็กชาย!” เสียงตะคอกอย่างโกรธขึ้งเรียกโทสะลูกใหญ่ของหญิงอ้วนท้วม
ปั่ก! มืออวบกำหมัดแน่นฟาดเข้ากลางกระหม่อมตามด้วยลูกถีบจนเด็กชายตัวใหญ่กระเด็นไปตามแรงเหวี่ยง กระแทกเข้ากับสังกะสีของบ้านหลังเก่าซอมซ่อ
บ้านที่ไม่เคยเป็นบ้านสำหรับเขา...
ร่างกายที่มีแผลฟกช้ำคงไม่บาดเจ็บเท่าบาดแผลในใจ แต่เขาก็โดนแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้จนกลายเป็นเรื่องปรกติ จึงแทบไม่มีเสียงร้องครวญครางแล้วเพราะมันเป็นความเคยชิน
“ถ้ามึงไม่ไป! มึงกับกูขาดกัน ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก ตกลงจะไปไม่ไป ไอ้ยักษ์!”
คนเป็นแม่กัดกรามกรอด ๆ กระชากเสื้อยืดสกปรกจนเกือบจะขาดคามือ ถึงอีกคนตัวสูงใหญ่กว่าหล่อนรู้ดีกว่าลูกชายไม่กล้า
“ไม่ไปโว้ย!” เขาตะคอกกลับ แววตากร้าวฉายแววเกรี้ยวโกรธ เมธพนธ์ไม่ใช่คนที่จะยอมใครทุบตีนอกจากแม่... เขายังไม่เคยเชื่อฟังใครนอกจากครูนพ
“แม่จะไปส่งยา ไปเสี่ยงคุกตารางก็ไปกันเอง ผมไม่ไป...!” มือสะบัดพันธนาการออกอย่างดื้อดึง กระแทกเท้าปึงปังหนีไป โดยไม่ฟังเสียงกร่นด่าตามไล่หลัง
“ไอ้ลูกทรพี! มึงมันเลี้ยงเสียข้าวสุก กูไม่น่าเบ่งมึงออกมาเลยจริง ๆ ไอ้เมธพนธ์!”
-------------------------------
ความทรงจำเลวร้ายในวันวานไม่ใช่เรื่องน่าจดจำแต่เขาก็นึกถึงมันอยู่เสมอ...
นัยน์ตาคู่คมเข้มทอประกายกร้าวโกรธรับแสงอรุณ กระแสลมพัดอ่อน พื้นหญ้าสีเขียวรายล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ภูเขากว้างพาอากาศสดชื่นเย็นสบาย
ร่างสูงสง่าไพล่มือทั้งสองไว้ข้างหลัง ทอดมองภาพเบื้องหน้าสายตาอย่างเจ็บแค้น ราวกับว่ามีเปลวไฟลูกหนึ่งในดวงตา...
กลิ่นเหล้าบุหรี่คละคลุ้งในห้องมืด เชือกเส้นหนา ๆ กับถ้อยคำหวานของคำว่า ‘รัก’ ที่สร้างบาดแผลไปทั่วจนไม่เหลือพื้นที่ให้ความเจ็บปวดทรมาน นั่นคือความรักที่เขารู้จักมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก...
กลิ่นน้ำโคลนเน่า เสื้อผ้าขาด ๆ ความหิวโหยในสลัม บ่อนพนัน ยาเสพติด คำด่าทอและความรุนแรงในครอบครัว ในทุกครั้งที่ถูกทำร้ายด้วยความรัก เขาจะได้รับการปลอบประโลมที่ดีที่สุดเสมอ
องุ่น... เป็นอาหารที่ดีที่สุดจากแม่
พื้นที่กว่าร้อยไร่ เขาคิดว่ามันใหญ่... มากพอจะปลูกอะไรมากกว่าองุ่น
แต่เขาก็แค่ปลูกเจ้าพืชไม้เลื้อยพันธุ์เดียว ที่เหลือคือรีสอร์ต แคมป์นอนชมฟาร์ม เวทีแสดงสัตว์แสนรู้ ใหญ่ที่สุดในอีกฝั่งหนึ่งคือร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นลอฟท์บ้านสวนดูหรูหราไฮโซ
เพราะแม่ของเขาชอบองุ่น... เหตุผลมันก็เท่านั้น
“นายหัว... เอ่อ ไม่ไปทำบุญให้พ่อแม่นายหน่อยหรือครับ?” เสียงของลูกน้องคนสนิทขัด แม้ไม่อยากรบกวนเวลาฟุ้งซ่านของนายที่ยืนดูไร่อยู่เงียบ ๆ ลำพังมาสักพัก
วันนี้เมธพนธ์อยู่ในเชิ้ตและกางเกงสีดำสนิท เตรียมตัวที่จะไปคุยธุรกิจกับหุ้นส่วนกาสิโน ไม่ใช่ว่าจะไปงานศพหรือไว้อาลัยวันครบรอบเสียชีวิตของใคร
“ฉันไม่เข้าวัด” น้ำเสียงราบเรียบเย็นชาเอ่ย อีกคนถึงกับต้องรวบรวมความกล้าด้วยหวังดี
“บ้านเด็กกำพร้า... ก็ได้นะนายหัว... ไปทำบุญกัน”
ชายหนุ่มหันไปบอกชัด ๆ ทีละคำ “กู ไม่ ไป”
น้อยครั้งที่ผู้ชายสุภาพร้ายกาจจะขึ้นกูมึง เมธพนธ์ถึงชอบจิกกัดแต่เขาก็พูดจาไพเราะ เหมือนลูกน้องที่มีความอดทนสูงมาก
“โอนเงินบริจาค... ออนไลน์ลดหย่อนภาษีได้...”
“ไอ้วิทย์... มึงอยากกินตีนกูไหม?”
วิทยาฉีกยิ้มกว้างตอบอย่างกวนประสาท “ไม่อ่ะ... ตีนนายไม่อร่อย ไม่เหมือนตีนไก่ ตีนสาว ๆ หวานอร่อย...”
“งั้นเหรอ...?” ในเสียงกร้าวก็อย่างนั้น เจ้านายมอบลูกถีบให้เข้าทีหนึ่งจนกางเกงสีดำเปื้อนรอยเท้าเข้า ก่อนที่ลูกน้องหนุ่มจะสาวเท้าหนีและถูกไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง
ในฟาร์มแห่งนี้คงมีแค่นายวิทยาที่ไม่รักตัวกลัวตาย กล้าหยอกแหย่นายหัวอยู่เป็นประจำ ชายหนุ่มเองถ้าได้โมโหแล้วล่ะก็คงต้องเอาเลือดหัวใครสักคน อาจเป็นเพราะว่าเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างนั้น
“ไอ้วิทย์! มึงมานี่ซะดี ๆ”
“ผมยอมแล้วนาย ไม่เอาน่า... อย่าหงุดหงิด ใจเย็น ๆ” คนพูดหัวเราะ ยกมือโบกไปมาเหมือนเป็นเรื่องตลก ขณะที่เจ้านายโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง พยายามวิ่งไล่จับวิทยาซึ่งว่องไวอยู่พอตัว
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” เสียงตะคอกพลันกัดกรามกรอด ๆ ก่อนที่เขากระแทกเท้าปึงปังบนพื้นหญ้าไปอย่างอารมณ์เสีย เพราะว่าคงทำอะไรมันไม่ได้...
ทีแรกวิทยามาทำงานที่ฟาร์มผ่านบริษัทรักษาปลอดภัย บอดี้การ์ดวีไอพี นับได้ถึงตอนนี้ไม่มีลูกน้องคนไหนรู้ใจและซื่อสัตย์ไปกว่า วิชาป้องกันตัว พละกำลัง ความฉลาดของลูกน้องคนนี้ยังนับเป็นที่หนึ่ง บางครั้งเขาจึงแทบไม่อยากมีเรื่องกับมันเลย
รถสปอร์ตหรูแล่นไปอย่างรวดเร็วจากปลายเท้าที่เหยียบคันเร่งแรง จากฟาร์มองุ่นถึงร้านอาหารโดยใช้เวลาไม่กี่นาที
ร้านอาหารประจำฟาร์มแห่งนี้ เจ้าของไร่องุ่นได้ทำการจ้างสถาปนิกส่วนตัวออกแบบตามใจชอบ ด้วยความเป็นคนชอบอนุรักษ์ข้าวของโบราณ
ภายในร้านวันนี้ผู้คนบางตา โต๊ะเก้าอี้โซฟาแบบเก่าทว่ามันถูกออกแบบให้ใหม่ด้วยสีขาวดำสะดุดตา มีลูกค้าของโรงแรมอยู่เพียงสองโต๊ะ เบาะนุ่มสีครีมอ่อนเข้ากันกับผนังอิฐดินเผากับพื้นปูน กระจกบานใหญ่สามารถเปิดได้สุดเพื่อรับลมเย็น ๆ จากภายนอก ได้กลิ่นอายของธรรมชาติอย่างเต็มที่
ชายหนุ่มมาถึงก็ตรงไปกระแทกก้นนั่งลงด้านในสุด หยิบงานขึ้นมาทำผ่านโทรศัพท์จอใหญ่ในมือ โดยมีวิทยาตามมาในอีกไม่ถึงสิบนาที หลังถูกทิ้งไว้แม้ขาไปจะไปด้วยกัน
“นายทำไมใจร้ายจัง ขับรถหนีมาคนเดียวเฉย... ฟาร์มไม่ใช่เล็ก ๆ กะจิตกะใจให้ผมขับรถกอล์ฟมาเนี่ยนะ”
“ใครใช้ให้แกตามมาล่ะ?”
วิทยาเบะปากทำตัวเป็นเด็ก นั่งลงในฝั่งตรงข้าม “กินข้าวยังครับ วันนี้นายจะเอาอาหารคลีนไหม? ผมไปสั่งให้”
“ไม่... กินเวย์แล้ว ไม่หิว”
ถึงพ่อครัวที่นี่จะฝีมือดีขนาดไหน หากเขาหมดอารมณ์รับประทานอาหารแล้วก็คงไม่... โปรตีนกระปุกของนักบริหารกล้ามให้พลังงานแทนข้าวมื้อหนึ่งได้แต่ก็คงไม่พอสำหรับผู้ชายตัวโต
“โธ่... นายนะนาย ผมไม่ได้อยากเซ้าซี้เลย แค่อยากจะให้ทำบุญทำทานบ้าง นอกจากทำกับน้อง ๆ หนู ๆ”
“เฮอะ! อยากทำก็ไปทำคนเดียวสิวะ” คราวนี้เจ้านายแค่นยิ้มประชดประชัน วิทยาฉลาดพอรู้ว่าจะทำอย่างไรให้นายอารมณ์ดี
“งั้นไวน์สักแก้วให้ชื่นใจละกัน พร้อมกับแกล้ม ผมจัดให้... เรายังมีเรื่องต้องคุยกัน” พูดจบร่างสูงในสไตล์การแต่งตัวคล้ายคลึงกันกับเจ้านาย หมุนกายไปหน้าบาร์เครื่องดื่ม เปิดตู้ไวน์ในส่วนที่แช่ไว้สำหรับเจ้าของมาดื่มสังสรรค์
เจ้าของฟาร์มองุ่นชอบงานปาร์ตี้นารีกับบรรดาลูกน้องอยู่แล้ว เหลือบตามองตามก่อนปัดจอโทรศัพท์ทำไม่สนใจอย่างเดิม วิทยาคงมีเรื่องสำคัญมากพอที่จะทำให้เขาให้หงุดหงิดอีกรอบสอง “เอ้อ... ครูนพป่วยหนัก ผมได้ยินว่าเป็นอัมพาตครึ่งตัว นายจะไปเยี่ยมไหม?” ดวงตาคู่คมเหลือบขึ้นมองคนพูด ก่อนหลุบตาลงมองน้ำสีแดงสดที่ถูกรินเทจากปลายขวดลงในแก้ว มันไหลวนอย่างไม่มีทางออก... อาจเปรียบเสมือนความสัมพันธ์อันไม่สามารถตัดขาดจากกันของเขากับครูนพเพราะความเป็นเจ้าบุญนายคุณ ไม่ใช่ต่อเขาคนเดียว... แต่กับอีกหลายชีวิตด้วยเช่นกัน คุณลุงใจดีเจ้าของค่ายกระบี่กระบอง โรงโขนเล็ก ๆ ในชุมชนสลัมผู้มีอุดมคติแน่วแน่ ท่านหวังดีกับเด็ก ๆ จึงจัดตั้งแหล่งกิจกรรมแทนการมั่วสุม จากพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกด้วยระบบวงจรชีวิตสุดเลวทราม ชีวิตของเขาก่อนจะมายืน ณ จุดนี้ผ่านอะไรมาโชกโชน “ไปเยี่ยมแกกันนะครับ โรงโขนของลุงกำลังจะปิด แกเป็นหนี้เพราะไอ้ถินมันติดพนัน เข้าบ่อนเล่นยา ขาก็เดี้ยง แกต้องจบความฝันของแก คงเศร้ามาก ๆ” คำขอร้องของวิทยาจริงจังทั้งสีหน้าแววตา
“พี่อริสหัวเราะใหญ่เลย... หัวเราะท้องแข็งขนาดนั้นคุยอะไรกัน?” “นี่... พาย” บ่ามนถูกสะกิดด้วยปลายนิ้วชี้ที่แตะลงหลายครั้ง หญิงสาวแค่ปัดออกไปเหมือนปัดแมลงวันตอม “อย่าเพิ่งกวนค่ะอาภพ พายกำลังใช้สมาธิขั้นสุดยอด ถ้าพายเป็นผู้ชาย พายคงแจกขนมจีบเช้าเย็นแบบคุณหมอนี่ล่ะ เฮ้อ.. ทำไมพายไม่เกิดมาเป็นผู้ชายนะ หรือให้พี่อริสเกิดมาเป็นไอดอลแบบลิซ่าก็ได้ พายจะตามไปติ่ง! เกาะติดขอบเวที ซื้อตั๋วคอนทุกใบ” “พาย... ขออาดูด้วยคนสิ” เสียงทุ้มอ้อนขอ พิภพโน้มตัวลงหาคนตัวเล็ก ปลายจมูกรับรู้กลิ่นหอมอ่อนจากเส้นผมดำขลับสลวยเข้าทีหนึ่ง ใจสั่นไหวไปตามประสาโคแก่... “นี่ของของพาย อาภพขับรถไปซื้อกล้องเองนะคะ ไม่ก็สั่งช้อปปี้เอานะ” ขณิกายังคงไม่สนใจ ด้วยความจงรักภักดีที่มีต่ออริสานั้นสูงมาก เธอชื่นชมผู้หญิงคนนี้มานานเพราะทั้งสวยทั้งเก่ง ดันทำให้คนเป็นพ่อแท้ ๆ รู้สึกไม่พอใจ แต่เขายังทำอ้อนขอ “ขออาดูหน่อยนะ นะ.. เดี๋ยวอาพาไปขี่ม้าเล่นดีไหม?” “น้อยไปค่ะ แลกกับกล้องส่องทางไกลรุ่นลิมิเต็ดของพายไม่ได้ พายซื้อมาแพงมากเพื่องานนี้ค่ะ พายเป็นแม่คุณทุ่ม ติ่งตั
หลังเรียนจบมาด้วยทุนทรัพย์จากพ่อแม่ ลงหุ้นเปิดบริษัทกันสามคนมีอิงฟ้า ขณิกา พิมพ์ลภัส ปริญญาโทด้านการตลาด Newcastle University มหา’ลัยอันดับหนึ่งของ UK ไม่ได้ช่วยอะไรสักอย่าง “ฉันว่า... ปริญญาไม่ต่างจากกระดาษใบเดียว หางานทำ หาเงินยากกว่าเป็นร้อยเท่า” คนบ่นหยิบแป้งตลับออกมาจากกระเป๋าเพื่อจัดการกับสภาพใบหน้าของตัวเองให้ดูดีมากพอไปพบลูกน้องอย่างสง่าผ่าเผย “แต่จะให้เกาะพ่อแม่กินไปตลอดชีวิตก็ไม่ไหวอ่าเนอะ” “เออ... ก็ต้องทนกันไป... จนกว่าจำได้ดีล่ะ มันต้องมีสักวัน” ขณิกาบ่นปนให้กำลังใจเพื่อนและตัวเอง ขณะที่อิงฟ้ามีเรื่องคันปากอยากเม้าท์กับกลุ่มเพื่อนสนิทจนตัวสั่น วางแก้วพลาสติกในมือลง ลดน้ำเสียงลงเอ่ย “เออ... พาย แกได้ข่าวยัยวาป่ะ ฉันได้ยินว่านางรับช่วงต่อบริษัทโฆษณาจากพ่อ ที่นางชอบโม้อ่ะว่าเปิดเป็นเจ้าแรกรุ่นเดอะอะไรของนางสักอย่าง นางลงเฟซไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์กับหนุ่มหล่อด้วยนะ ดูอู้ฟู่เชียว” แค่ได้ยินชื่อเพื่อนร่วมรุ่นอีกคน ขณิกาชะงักนิ่ง เก็บแป้งใส่กระเป๋าด้วยหน้าตาเจื่อน ๆ “ออ... ก็ดีนะ ฉันดีใจกับนางด้วย”
“ใช่เสียงเจ้านายคุณหรือเปล่า?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกถาม เจ้าของร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาเข้าใบหน้าคมคาย มานั่งรอเจ้าของบริษัทได้สักพัก ในท่านั่งสบาย ๆ พาดหน้าขาไขว่ห้างเหยียดกายพิงแผ่นหลังบนโซฟา หยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมาพลิกไปมา พนักงานออฟฟิศสาววัยสามสิบปลาย ๆ ที่เพิ่งมานั่งลงตรงข้ามเขากลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เอ่อ... คือ ถ้าคุณเมฆสะดวกวันอื่น ไม่เป็นไรนะคะ” “ผมว่างแค่วันนี้ ผมจะรอจนกว่าคุณพายเธอจะมา” ชายหนุ่มขัดด้วยท่าทีวางอำนาจ ส่งสายตาดุคมวาววับจนอีกคนนั้นหลุบหนี “ลูกค้าอย่างผมควรจะมาเมื่อไรก็ได้ ไม่ใช่หรือไง? คิดว่าผมโอนเงินมัดจำสามแสนบาทเข้าบริษัทคุณ ทั้งที่ยังไม่เห็นงาน ผมเดินเข้ามาโดยไม่รู้อะไรเลยสักอย่างหรือ? คุณญาดา” ถึงจะมาก่อนนัดหมายในอาทิตย์หน้า เมธพนธ์คิดว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาอย่างเต็มที่ ลูกน้องอย่างหล่อนดันไม่พยายามที่จะเข้าใจเอาเสียเลย “คือ ฉันเกรงว่า...” “ลูกสาวคุณกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย วันนี้มีเรียนพิเศษแถวสยาม รถมันจะติดนะครับ จะไปก็รีบไปเถอะ อย่ามาเสียเวลากับเรื่องนี้เลย”
“ใกล้ออฟฟิศ และน่าจะใกล้ที่พักของคุณพายด้วยหรือเปล่า? ผมไม่แน่ใจ ผมว่าสะดวกกว่าเส้นอื่น รถมันออกจะติดนะครับ” เขาให้เหตุผลที่พาเธอมาร้านนี้ พลางสาวเท้าก้าวให้ช้าลงเท่ากันกับคนตัวเล็กกว่า ร่างสูงเดินนำไปยังโต๊ะที่จองไว้ นั่งทับที่เดิมของใครบางคนอย่างจงใจ พอถึงเวลาที่บริกรหนุ่มมารับรายการอาหาร เขายังสั่งอาหารเมนูที่เธอจะมาสั่งมันเป็นประจำ “ต้มยำ... ผัดผัก ยำ...” บริกรหนุ่มยิ้มรับรายการอาหารจากลูกค้าที่ยังบอกด้วยว่า ‘เผ็ดน้อย’ และไม่เอาหัวหอม ส่วนสำหรับตัวเขาเป็นน้ำผลไม้ เพราะว่าขับรถมาเองเขาก็จะไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองชายตรงหน้าด้วยความคิดหลายอย่าง อันที่จริงเธอเอะใจมาได้สักพักแล้วว่าคำพูดจาของเขาแปลกๆ “คุณเมฆคะ ถ้าฉันจะถามตรง ๆ...” “คุณคิดว่าผมเป็นใคร? ผมจะเดินเข้าไปหาคุณเฉย ๆ ทำไม ผมไปจ้างบริษัทอื่นที่เปิดมาเป็นสิบยี่สิบปี เก๋ากว่าบริษัทคุณก็ได้” ตาคมลืมพรึบจากเมนูอาหาร วางมันไว้บนโต๊ะ รวบมือไว้บนหน้าตักด้วยกิริยาเชิดหยิ่งทุกกระเบียดนิ้ว “ตามผมมาครับ...” ร่างสูง
“ใครสั่งให้พวกมึงไปกระทืบหมอหมา!?” เสียงตะคอกอย่างโกรธขึ้ง นายหัวสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดพอได้เรื่องว่ามีคนทำงานเกินคำสั่ง ทั้งที่มันเคยเป็นเรื่องปรกติในฟาร์มแห่งนี้ งานประจบเอาใจเป็นที่หนึ่งยกให้วิทยา คนอื่นที่หวังโบนัสจากนายก็ไม่น้อยหน้า “อ้าว.. นายบอกพวกผมเองว่าอย่าให้ใครมาแตะของเล่นนาย” “พวกมึงจะทำอะไร ทำไมไม่มาถามกูก่อน! ไอ้ควาย มีสมองกันบ้างไหม?” นับครั้งได้ที่คนสุภาพร้ายกาจอย่างเมธพนธ์จะขึ้นกูมึง ลูกน้องสามคนโดนตบกบาลเรียงตัว ตามด้วยลูกถีบสุดจุกล้มลงไปกองกับพื้น ส่งเสียงครวญครางไปตาม ๆ กัน เป็นที่รู้ว่านายหัวแต่เก่าก่อนเคยอยู่โรงโขน กระบี่กระบอง เขาก็ต้องเป็นวิชาป้องกันตัว ถึงไม่ค่อยจะได้ลงมือกันบ่อย ๆ แต่ถ้าได้โมโหแล้วล่ะก็ มือหนักตีนหนัก! “อย่าสะเออะหาเรื่องให้กูอีก แค่นี้กูก็ปวดกบาลจะตายห่า!” ฝ่ามือหนาง้างขึ้นกลางอากาศเตรียมสาดโทสะอีกรอบ ลูกน้องคนสนิทเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาพอดี วิทยาไปให้ปากคำกับตำรวจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวก่อเรื่อง กลุ่มนักเลงที่เจตนาไปสั่งสอนคุณหมอ แต่ดันถูกหมอหมาซ้อมเสียยับเยินสภาพดูไม่ได้ ไม่พอ
ภาพที่แอบถ่ายเอาไว้เมื่อวันก่อนในร้านอาหาร วงหน้าสวยหมดจดในทีเผลอที่เขาดูได้อย่างไม่เบื่อ เกศรินเห็นว่าเจ้านายไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ จึงก้าวเข้าไปใกล้ ๆ เอ่ยเสียงอ้อนหวาน “อย่าใจร้ายกับเกศเลยนะคะ เกศคิดถึงคุณเมฆนะ” พอตาคมหลุบมองเลขาฯ สาวค่าตัวแพงลิบที่ช่วยดูแลงานในฟาร์มและเรื่องบนเตียง มือหนาวางของทุกอย่างลงเพื่อเปิดลิ้นชักหาสมบัติคู่กาย อีกคนก็ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้ม และรอ... “วันนี้ห้ามใช้เสียง... เข้าใจนะ” สิ้นคำ ท้ายทอยน้อยก็ถูกตะปบเข้าให้พลิกตัวหันไปอีกทางหนึ่ง กระชากบั้นท้ายงามงอนเข้าหากายแกร่งกำยำ ถลกกระโปรงขึ้นไวอย่างช่ำชอง หล่อนตั้งอกตั้งใจมาหาเขาด้วยกายพร้อมขนาดว่าแพนตี้ตัวจิ๋วก็ไม่ได้ใส่มา ซองสีสันสดสวยกลิ่นสตรอว์เบอร์รีถูกกัดทิ้ง และเพียงแค่เหลือบตามองไปยังภาพถ่ายบนโต๊ะพลันพริ้มตาหลับลง เขาแทบไม่ต้องทำอะไรกับมันมากมาย รอยยิ้มหวาน ๆ ในห้วงคะนึงพาความรู้สึกเร่าร้อนรุนแรง มือสวมอุปกรณ์ด้วยการลูบมันด้วยฝ่ามือร้อนคราวเดียว เจ้าของสะโพกกลมกลึงซึ่งถูกผลักลงนอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานไม้สักกว้าง ก
เจ้านายสาวผ่อนลมหายใจ มองดอกไม้สีขาวกับสภาพรกรุงรังของห้องครัว เธอเริ่มลงมือเก็บจัดของให้เข้าที่เข้าทาง หยิบผ้าผืนเล็กลูบน้ำขัดถูโต๊ะให้มันสะอาด ความเป็นลูกคุณหนูแท้จริงก็แค่เปลือกนอก ตอนเล็ก ๆ แม่ของเธอหนีตามผู้ชายก็คือพ่อ! ทิ้งเธอไว้ลำพังกับคุณยายที่สอนให้เธอทำทุกอย่างเป็น ยังสอนให้เธอรู้จักพอเพียงในแบบของคุณยาย บ้านหลังใหญ่โตประสาเศรษฐินีชาวจีนย่านวงเวียนใหญ่ จากออฟฟิศไปหากรถไม่ติดมากใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ขณิกาเข้ากรุงเทพทีไรก็จะไปเยี่ยมยายเพียนเสมอ ถึงยายเป็นคนจีนแต่เธอก็ยังไม่เคยจะเรียกยายว่าอาม่าเหมือนลูกหลานคนอื่น ๆ ด้วยความที่แม่บอกให้เรียก ‘ยาย’ ความคิดถึงคุณยายปรากฏในรอยยิ้มหวาน บนใบหน้าสะสวย ขอบตาดำคล้ำเหนื่อยล้าจากการทำงาน แน่นอนว่าบริษัทของเธอกำลังตกเป็นที่อิจฉา เพื่อน ๆ ที่จบโฆษณากลับมาด้วยกันยังสงสัยว่าเธอได้งานจากคุณเมธพนธ์มาได้อย่างไร อิงฟ้าและพิมพ์ลภัสโทรสั่งพิซซ่าฉลอง เข้ามาดูรายละเอียดโฆษณา ใบเสนอราคาในตอนเช้าก่อนออกไป ตัวเธอเองก็ซื้อวัตถุดิบมาทำคุกกี้ ที่หลายคนชมชอบว่าอร่อยมากน่าจะเปิดร้านเบเกอรี่ได้
เสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วทั้งโรงละครกว้างขวาง ครอบคลุมด้วยระบบเสียงดิจิตัลรอบทิศทาง ตกแต่งด้วยลวดลายงามแบบไทย โขนละครรามเกียรติ์ตอนยกทัพไปรบ หนุมานชูกล่องดวงใจ หนุมานรบมัจฉานุ ลักสีดา พิเภกสวามิภักดิ์ อีกหลากหลายตอนที่เธอมารอชม ไม่มีรอบไหนพลาด ซื้อตั๋วไม่มีขาด FC แฟนพันธุ์แท้ กดจองได้เร็วเสียยิ่งกว่าตั๋วงานคอนฯ BTS ในที่สุดเธอก็กลายเป็นเจ้าแม่จนต้องได้ที่นั่งด้านหน้าสุดทุกครั้ง! ขณิกากลายเป็นหนึ่งคนที่อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย บางครั้งยังนุ่งซิ่นมานั่งชมละครโขน ละครเพลง กับพี่สาวคนสนิทและคุณอา ทว่าสิ้นสุดงานแสดงจบลงมีสิ่งเดียวที่เธอไม่เคยนึกชอบ! คือตอนถอดหัวโขน มักจะมีเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาว ๆ เบา ๆ ‘นายหัวเมฆแห่งไร่องุ่น พีควัลเลย์’ กลายเป็นคนดังในวงการเซเลบด้วยความหล่อเหลากระชากใจด้วยรอยยิ้มตรงมุมปาก ชายหนุ่มยังได้ตำแหน่งครองใจสาวน้อยใหญ่เป็น ‘ทศกัณฐ์ที่หล่อที่สุด!’ ทั้งโลกโซเชียลแชร์กันแค่ข้ามคืน เรื่องที่เขาถูกใส่ร้ายได้รับการเปิดเผยความจริง สาวไหน ๆ มาต่อคิวรอเสนอตัวให้ด้วยความอยากจะเป็นนางสีดากันทั้งนั้น
แผนการร้ายของทินกรนั้นคาเดาได้ไม่ยาก เขาคงคิดจะสั่งสอนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพื่อที่จะได้นำเงินก้อนนี้ไปตั้งตัว หนีไปกบดานประเทศอื่น ทว่าทันใดนั้นเอง หมับ! แรงหนักแน่นจับเข้าต้นแขนพาความรู้สึกเย็นวาบ เมื่อทินกรหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ปกปิดใบหน้าเกรี้ยวโกรธไว้ด้วยผ้าปิดปากสีดำลายยักษ์! ไม่มีใครรู้ว่าชายแปลกหน้าเป็นใคร เว้นเพียงหญิงสาวที่จับจ้องมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “ของผัวเขาให้เมียไว้ใช้ ส่วนของเมียมันต้องเยอะกว่าสิวะ ไอ้น้องชาย...” “พะ... พี่ยักษ์” เสียงสั่นขลาดกลัว ทินกรยืนตัวสั่นเทาหลังจากที่เขาพยายามหลบชายตรงหน้ามาตลอดหลายเดือนหลังทุบตีครูนพ นำเงินไปใช้หนี้บ่อน ที่น่ากลัวกว่าติดคุกน่าจะเป็น ‘ไอ้เมธพนธ์’ “มึงหนีหน้ากูทำไม ไอ้ถิน... กลัวตายอย่างนั้นเหรอ? เจ้าหนี้มึงโดนตำรวจรวบเมื่อเช้า... อย่าบอกนะว่าไม่รู้?” เสียงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีดังพร้อมกับนายตำรวจใหญ่อีกคน ปรีชาได้สั่งให้ผู้หมวดผู้กองติดตามนายทินกรจนรวบตัวเจ้าหนี้ ซึ่งก็คือเจ้าของยาเสพติดล็อตใหญ่ได้สำเร็จที่หน้าบ่อน เป็นข่าวดังประจำวันแต่ดูเหม
เรื่องที่ได้ยินจากปากของขณิกานับว่าช่วยตำรวจได้ไม่น้อย วิทยาไม่ลืมบอกเรื่องสำคัญอีกอย่าง “ฟาร์มองุ่น... บ้าน ที่ดิน เพนท์เฮ้าส์ศรีราชา นายหัวเคยบอกผมว่ายกให้คุณพาย...” “เขา... ให้พายเหรอ? ให้... ทำไม...” ทั้งน้ำเสียงและแววตาตัดพ้อมองวิทยาอย่างต้องการคำตอบที่เขาไม่สามารถให้เธอได้ แม้แต่ปรีชาเองก็ส่ายหน้าไปมาว่าไม่รู้... “คุณเมฆ... ไม่สิ เขายังไม่ตาย... ไหนศพคุณเมฆ?” นั่นคือที่เธอไม่เชื่อคนตรงหน้ากับภาพที่เห็น ก่อนจะเริ่มส่งเสียงดังร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนเสียสติ ขณะที่กนิษฐามาถึงในอีกไม่นานด้วยความเป็นห่วงลูกสาว ในห้องผู้ป่วยพิเศษ คนเป็นพ่อจำต้องหันหลังให้ลูกสาวในคราวนี้ นายตำรวจใหญ่อย่างเขามีจิตใจเข้มแข็งมากพอ เพราะอีกหลายชีวิตบริสุทธิ์ยังเฝ้ารอแสงแห่งความหวัง ท่ามกลางความมืดมิดมัวเมาของการเป็นทาสยาเสพติด วิทยาปิดประตูปิดลงด้วยท่าทางเป็นห่วง ปล่อยให้สองแม่ลูกอยู่กันตามลำพัง ก่อนเดินตามนายตำรวจในชุดลำลอง อึกอักถาม “เอ่อ... ไหวไหมครับท่านรอง? ฝั่งผมน่ะไหว... แต่ลูกสาวท่าน...” “ไม่... ต้องจับมันกับเจ้าหนี้มันให้ได้... ฉันจะต้องปิดค
การหายตัวอย่างไร้ร่องรอยของนายทินกรที่ไม่ยอมมาตามหมายศาล เดือดร้อนถึงพลตำรวจเอกปรีชาและนายหัวไร่องุ่น ตำรวจยังไม่สามารถทำการเข้าจับกุมในเมื่อเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาในการประกันตัวสู้คดี จำเลยยังไม่ยอมรับสารภาพตามหลักฐานการจับกุมพร้อมของกลางทั้งหมด และซัดทอดไปที่นายเมธพนธ์ว่าเป็นคนบงการ แม้ไม่มีหลักฐานบางครั้งศาลอาจรับฟังคำซัดทอดลงโทษได้เช่นกัน ปัญหานี้คงจะมีแต่เขาสามารถจัดการกับนายถิน ร้อยตำรวจตรีพิมฐาติดต่อมาขอเจรจากับเขาว่าท่านอยากลงตำแหน่งอย่างสวย ๆ ในวัยใกล้เกษียณ แผนการนี้อาจจับตัวการใหญ่ได้แบบไม่ต้องมีใครเสียเลือดเนื้อ... ตัวเขาเองก็จะไม่ต้องเดือดร้อนยังเป็นการจับแก๊งค้ายานรกแบบละมุนละม่อมที่สุด “นายหัวจะทำตามที่ท่านรองฯ ขอไหม?” วิทยาถามนายที่มีท่าทีหงุดหงิด ทว่าเขาและนายเห็นด้วยกับนายตำรวจกับวิธีการนี้ “มันมีทางเลือกไหมล่ะ?” “ผมจะคุ้มกันความปลอดภัยของคุณพายให้ นายลุยได้เลย ไม่ต้องห่วง เรื่องทนายของเราผมเตรียมไว้แล้วครับ” เมื่อลูกน้องคนสนิทรับปากเป็นมั่นเหมาะ เจ้าของร่างสูงในเสื้อแขนยาวคอเต่าตามสภา
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาไว ๆ “ไม่ดีค่ะ... พายไม่อยากกอด ตัวพาย เส้นผมของพาย... หัวใจพายมีเจ้าของ... จะทำอะไรต้องขออนุญาต ห้ามไม่ให้ผู้ชายคนไหนแตะเป็นคำสั่ง แฟนพายดุมาก อาภพจะเดือดร้อนเอา” ขณิกาทวนคำพูดของบางคนครบถ้วนทุกคำ เธอเป็นคนตรงพอ ๆ กับอริสา ลูกสาวของพิภพ เสียงผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ดัง “อาขอโทษนะ... อาเคยเห็นแก่ตัวเพราะเรื่องเมียเก่า ทั้งที่แก้วตายไปตั้งนานแล้ว อารู้ว่าอารัก... อาหวงพายมากแต่อาโง่เอง” “ไม่เป็นไรค่ะ พายไม่โกรธอาภพเลย ถ้าพายไม่วิ่งหนีอาวันนั้น พายคงไม่ได้เจอคุณเมฆ... เขาดูแลพายดีมาก ๆ เขารักพายอย่างที่พายรักเขาคนเดียว” ในแววตาคู่สวยเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวชายหนุ่ม แม้ว่าเขาจะเคยเป็นเพลย์บอย เธอกลับแน่ใจว่าความรักของเธอและเขาเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง หญิงสาวก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง เผชิญหน้ากับคุณอาที่เธอเคยปันหัวใจให้... “อาภพดูแลตัวเองนะคะ นายหัวฟาร์มม้าเป็นคนดีต้องเจอคนศีลเสมอกันแน่ค่ะ ถ้าไม่เจอก็แก่ตายไปคนเดียวเนอะ อายุเยอะแล้ว... ปลงค่ะปลง” และเป็นอีกครั้งที่เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ พิภพพอจะยิ้มออกบ้างพอเห็นว่าอด
“คุยอะไรกันคะ? หน้าตาคร่ำเครียดเชียว พายพลาดอะไรไปหรือเปล่า?” “นายหัวกำลังพูดถึงงานโฆษณาของคุณพายน่ะครับ” วิทยาหันไปตอบทำเหมือนว่าเขาไม่ได้คุยอะไรกับเจ้านายมาก่อนเลย แผนเซอร์ไพรส์สาวครั้งนี้คงไปได้ด้วยดีถ้าเขาไม่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ วงหน้าหวานขมวดมุ่นมองถ้วยมีหูที่ว่างเปล่า ถามด้วยความหวังดี “คุณวิทย์... กาแฟอีกแก้วไหมคะ? พายไปซื้อให้... มันหมดแล้วนะ” “ไม่เป็นไรครับ...” เจ้านายส่ายหน้าไปมากับความไม่เนียนของลูกน้อง ก่อนที่หญิงสาวจะนั่งลงข้าง ๆ เขาหยิบแท็บเล็ตส่งให้ “ตัวอย่างโฆษณาเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ตรวจดูความเรียบร้อยก่อนได้ คุณลูกค้าไม่ชอบตรงไหน แก้ไขได้ค่ะ” ได้ยินคำว่าตรวจตรา... ดวงตาคู่คมหรี่เล็กลงมองเดรสสีขาวแขนยาวความความยาวคลุมเข่าดูเรียบร้อยแฝงความเย้ายวนไว้ตรงหน้าอกอวบอัดคับแน่นในเสื้อคอลึกกว้างทรงสี่เหลี่ยม “แต่งตัวให้มันดี ๆ เสื้อ... คอลึกเอาผ้าพันคอคลุมไว้ด้วยครับ” “แหม... คุณเมฆหวงพายเหรอ? เมื่อก่อนไม่เห็นจะบ่น... งานจะเอาไหมคะ?” เธอย้ำอีกรอบให้ผู้ชายขี้บ่นรับงานไป ปั
“อะไรนะ!? ไอ้ยักษ์มันเล่นหัวผู้กองเรอะ?” เสียงโวยวายของนายตำรวจใหญ่ ในห้องผู้ป่วยพิเศษที่มีกระเช้าเยี่ยมไข้เต็มโต๊ะ คนไข้เจ้าของห้องนั่งมองหนุ่มวัยหกสิบปีสาดอารมณ์ใส่โทรศัพท์นานหลายนาที เรื่องลูกสาวถูกลักพาเข้าซอยเล็กซอยน้อยในหมู่บ้านสลัมย่านบางยี่เรือ ทะลุออกถนนใหญ่ได้ แต่ละเส้นทางลึกลับงุนงงจนผู้กองหาทางออกไม่เจอ และก็คลาดกับเป้าหมายจนได้ ขณะที่อริสากำลังคิดว่าน้องสาวคนสนิทไม่มาเยี่ยม ไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความเธอเลยเป็นเพราะคำพูดเมื่อหลายวันก่อน มันเคยเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเธอและพ่อกับการว่าสาดเสียเทเสียนายหัวไร่องุ่น กลั่นแกล้งกันมานานนับหลายปี ไม่ใช่ตอนนี้... ‘คุณเมฆไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าพี่อริสจะเกลียดเขาอย่างคนไม่มีเหตุผล แล้วแต่พี่เลย... แต่พี่อย่าด่าว่าเขาให้พายฟัง พายไม่อยากฟังค่ะ’ คนเคยสนิทกันคงไม่สบายใจ หลายวันก่อนรุ่นพี่อย่างชินดนัยมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังพร้อมด้วยหลักฐานของร้อยตำรวจตรีพิมฐา ใบหน้าสดสวยซีดขาวราวกระดาษคร่ำเครียดจัด บนเตียงผู้ป่วยที่ถูกปรับให้เอนขึ้นเล็กน้อย ด้วยแผลจากลูกกระสุนที่ทะลุผ่
ร้านอาหารมากมายขายกันแข่งหลายซุ้ม มีกิจกรรมยิงปืน ตักปลา เวทีการแสดงในแบบของวัดไทย ๆ ผู้คนต่างมาเที่ยวกันคึกคัก มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ด้วยความเป็นลูกหลานบ้านเศรษฐีนีต้องแอบหนีเที่ยวอยู่บ่อย ๆ เพราะบ้านของคุณยายเองก็มีกฎกติกา ท่านคงกลัวว่าหลานสาวจะไปคบเด็กเกเรจนเสียผู้เสียคน แต่จนถึงทุกวันนี้เธอยังไม่เคยทำตัวออกนอกลู่นอกทางให้พ่อแม่หรือคุณยายต้องน้ำตาตกในสักครั้ง “เรื่องงานโฆษณา ฝ่ายทีมงานยังต้องตัดต่ออีกหน่อยนะคะ เดี๋ยวพายส่งให้นะ” เธอบอกเขาพอจะเดินเข้าไปหาซื้อของกิน ชายหนุ่มไหวไหล่ตอบหน้าตาเฉย “ครับ... ไม่รีบอยู่แล้ว ผมแค่ตั้งใจไปหาน้องพาย... ไปจีบ” “พายรู้... คุณเมฆอยากแค่แก้เผ็ดอาภพเท่านั้นแหละ ดูตอนหัวเราะเวลาอาภพโมโหเข้าสิ สะใจเหลือเกินนะคะ” คนฟังจำได้ว่าเคยปรับความเข้าใจในเรื่องนี้กับเธอแล้วว่าทีแรกก็เป็นอย่างนั้น เมธพนธ์ไม่ใช่คนพูดอะไรซ้ำซาก ยิ่งวันก่อนนายพิภพโทรมาบอกเรื่องนายตำรวจใหญ่ด้วยตัวเองเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ตัวท่านเองต
หมดชั่วโมงสุดท้ายของคาบเรียนบางอาทิตย์ หากว่ามีเจ้ามืออย่างเศรษฐินีประจำหมู่บ้านหรือคนรวยคนอื่น ๆ บริจาคเงินพิเศษมา บ้านหลังนี้ยังมีกับข้าวและขนมฟรีให้เด็ก ๆ และคนทั่วไป พอเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มสอนเด็ก ๆ ครูจึงนั่งดูว่าไม่มีตรงไหนผิด “ท่าซึ่งใช้แทนคำพูดของตัวพระ รับ ปฏิเสธ สั่ง เรียก พี่จะทำให้ดูก่อน” “ลิง ๆ พี่ ผมอยากรำท่าลิง ท่านิลพัทรบหนุมาน หกกระบวนท่า...” “เป็นลิง... ต้องเข้มแข็งและว่องไว...” ว่าพลันกระโดดกระทบขา โบกมือไปมาที่ปากพยักหน้าหัวเราะร่า ในสายของคุณครูชื่นชมสิ่งที่พร่ำสอนไปนับสิบปีแต่นักเรียนยังไม่ลืม ทว่าพอศิษย์เอกเปลี่ยนอิริยาบถเป็นอีกตัวละครหนึ่ง ที่มักวิ่งตามนางเอกอยู่เสมอแม้ว่าเขาจะไม่เคยสมหวังในความรักต้องแย่ง! “เป็นยักษ์! ต้องรักนางให้ได้เท่ากู...!” “กูไม่ได้ให้มึงมาจีบแฟนโว๊ย! สักทีวะ ไอ้ยักษ์... ลีลาเยอะแยะมากมาย” เสียงโวยวายของครูนพเรียกอาการหัวเราะกลิ้งของเด็กน้อยทั้งหลายคนในห้องกว้าง พี่ยักษ์! เร็ว ๆ เลย... กว่าที่ชายหนุ่มจะกรีดกรายร่ายรำกระบวนท่าลิงและย