“พี่อริสหัวเราะใหญ่เลย... หัวเราะท้องแข็งขนาดนั้นคุยอะไรกัน?”
“นี่... พาย” บ่ามนถูกสะกิดด้วยปลายนิ้วชี้ที่แตะลงหลายครั้ง หญิงสาวแค่ปัดออกไปเหมือนปัดแมลงวันตอม
“อย่าเพิ่งกวนค่ะอาภพ พายกำลังใช้สมาธิขั้นสุดยอด ถ้าพายเป็นผู้ชาย พายคงแจกขนมจีบเช้าเย็นแบบคุณหมอนี่ล่ะ เฮ้อ.. ทำไมพายไม่เกิดมาเป็นผู้ชายนะ หรือให้พี่อริสเกิดมาเป็นไอดอลแบบลิซ่าก็ได้ พายจะตามไปติ่ง! เกาะติดขอบเวที ซื้อตั๋วคอนทุกใบ”
“พาย... ขออาดูด้วยคนสิ” เสียงทุ้มอ้อนขอ พิภพโน้มตัวลงหาคนตัวเล็ก ปลายจมูกรับรู้กลิ่นหอมอ่อนจากเส้นผมดำขลับสลวยเข้าทีหนึ่ง ใจสั่นไหวไปตามประสาโคแก่...
“นี่ของของพาย อาภพขับรถไปซื้อกล้องเองนะคะ ไม่ก็สั่งช้อปปี้เอานะ” ขณิกายังคงไม่สนใจ ด้วยความจงรักภักดีที่มีต่ออริสานั้นสูงมาก เธอชื่นชมผู้หญิงคนนี้มานานเพราะทั้งสวยทั้งเก่ง ดันทำให้คนเป็นพ่อแท้ ๆ รู้สึกไม่พอใจ แต่เขายังทำอ้อนขอ
“ขออาดูหน่อยนะ นะ.. เดี๋ยวอาพาไปขี่ม้าเล่นดีไหม?”
“น้อยไปค่ะ แลกกับกล้องส่องทางไกลรุ่นลิมิเต็ดของพายไม่ได้ พายซื้อมาแพงมากเพื่องานนี้ค่ะ พายเป็นแม่คุณทุ่ม ติ่งตัวแม่ เสียใจด้วยนะคะอาภพ”
วงหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงยังลักลอบดมกลิ่นหอมชื่นใจอยู่เรื่อย ๆ นึกเกิดหึงลูกสาวตัวเอง เพราะหนูพายไม่สนใจเขาเลยนี่แหละ
“พี่อริสคงคิดถึงคุณแม่มาก พี่อริสถึงไม่ค่อยจะยิ้มเลย... เอ๊ะ! หรือนางจะเห็นหมอไอเป็นแม่ คนละเรื่องเดียวกันเลยนะเนี่ย... เห้ย!” เสียงสูงปรี้ด ขณิกาม้วนตัวเขินอาย ระบายยิ้มกว้างเต็มวงหน้าหวาน ยอมลดกล้องลงจากเมื่อเพื่อหันไปส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม
ในระยะใกล้กันเสียจนสังเกตเห็นนัยน์คู่หวานคมสะท้อนความหลงใหลชัดเจน หากเป็นอารมณ์ปรกติขณิกาคงได้ม้วนอายไปสามตลบกับหนุ่มใหญ่ที่ดูไม่แก่ไปกว่าวัย ยังหล่อเหลาเอาการ ไม่ใช่ในอารมณ์ติ่ง...
“อุ๊ย.. โรแมนติก.. อ่ะ...” และที่ว่าคือบุคคลในอีกฝั่งของฟาร์มที่โอบล้อมด้วยพื้นหญ้าเขียวขจี ใบหน้าเปื้อนยิ้มสะบัดไปยกกล้องส่องทางไกลขึ้นส่องต่อ
“ซื้อมาตั้งเจ็ดหมื่นต้องเผือกให้คุ้ม ไหนอะไรยังไง?”
หมับ! กล้องราคาแพงโขถูกมือหนาแย่งไปอย่างดื้อดึง ร่างบางลุกพรวดตาม เขย่งปลายเท้า พยายามไขว่คว้าของของตนจากคนตัวโตที่ยกกล้องไว้เหนือศีรษะ ด้วยความสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร เป็นไปได้ไม่กับผู้หญิงตัวเล็กอย่างขณิกาเลย
“อาภพ! เอาคืนมา อย่ามาแย่งของพายนะ” เสียงแหลมเล็กประท้วง สู้ประกายตาดุดันของหนุ่มใหญ่ที่ดูเป็นคนละคน
“ไม่คืน...”
“เอาของพายคืนมา!”
“อาบอกว่าไม่ อาไม่ให้ดูแล้วพาย ถ้ายังไม่เชื่อ อาจะโทรเรียกลุงนิ่มมารับกลับบ้าน”
“อาภพใจร้าย...” หญิงสาววัยยี่สิบหกปีเบะปากอย่างเง้างอน ความแข็งกร้าวฉายชัดบนใบหน้าคมเข้ม โทสะเดือดพล่านด้วยแรงริษยา
“เป็นเด็ก อย่าลามปาม”
“พายไม่เด็กแล้ว พายเรียนหนังสือจบทำงานหาเงินเอง เป็นเจ้าของบริษัทนะคะ อาภพไม่ต้องเรียกลุงนิ่มหรอก พายไปของพายเองได้” เธอเถียงอย่างที่ไม่เคยทำ ถึงขณิกาจะเป็นลูกคุณหรูเอาแต่ใจเธอก็เป็นเด็กดี
ใช่... เธอไม่เคยกล้ามีปากเสียงกับอาพิภพผู้เปรียบเสมือนพ่อ! เขาชอบออกคำสั่งทำตัวเอาแต่ใจกับเธอ
ในฐานะ ‘อา’ ตรงข้ามกับสายตาที่ทอดมองมาด้วยความหลงใหล รักใคร่ หวงแหน เหมือนเธอเป็นสมบัติส่วนตน
“อาไม่ให้กลับ จนกว่าพ่อเราจะมารับนะ ไปกับอา... ขึ้นรถ”
“...”
ขณิกาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะมองไปทางคนขับรถกอล์ฟประจำฟาร์มที่จอดรออยู่อย่างขุ่นเคืองใจ
“เร็ว ๆ ไป... กลับบ้านอา” เขาออกคำสั่งอีกครั้ง ร่างบางในเดรสสีขาวลูกไม้แขนสั้นสไตล์คุณหนูยอมก้าวขึ้นรถตามคุณอา นั่งลงแล้วจึงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายใบเล็กงานแบรนด์ กดมันพลันตวัดขึ้นแนบหู
“ลุงนิ่มมารับพายเลยนะ พายจะไปร้านพี่ชิน ไปนั่งทำงานก่อนเข้ากรุงเทพค่ะ”
เป็นประสาเธอที่ไม่เคยมีใครขัดใจได้แม้แต่พ่อแม่แท้ ๆ รถกอล์ฟแล่นฉลิวในฟาร์มอากาศสดชื่น ซัดพาความเย็นยะเยือกระลอกหนึ่งมากับสายลม พิภพพยายามข่มอารมณ์โมโหไว้
“พาย... อย่าดื้อกับอา อาบอกไม่ให้กลับ เดี๋ยวพ่อก็มา ค่อยไปได้ไหม?”
“ทำไมคะ? อาภพเป็นอะไรกับพายหรือไง ไม่เป็นก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง พายจะไปกินข้าวกับเพื่อน... ผู้ชาย”
ผู้ชาย กับท่าทางท้าทายของเด็กสาวรุ่นลูก ทำนายหัวฟาร์มม้าเข้าขั้นวิกฤติ สิ้นสุดความสามารถในการควบคุมตัวเอง
“ตอนมาก็อยากจะมาเอง ตอนนี้เธอคงเดินไปเฉย ๆ จากฟาร์มอาไม่ได้ ถ้าอาไม่อนุญาต” สิ้นถ้อยคำเย้ยหยันเป็นเชิงขู่ในท่าทีวางอำนาจว่าคำสั่งของเป็นคำขาด!
หญิงสาวได้แต่เก็บความโกรธระคนน้อยเนื้อต่ำใจไว้ในสีหน้าเรียบเฉย ต้องยอมเชื่อฟังคุณอาในเมื่อเธอคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
-------------------------------
กว่าพ่อจะมารับก็ล่วงเวลาเย็นไปมาก ขณิกาต้องอดทนกับความเอาแต่ใจของคุณอาที่ไม่รู้ว่าเกิดโมโหอะไรขึ้นมา จะกลับก็ไม่ยอมให้กลับ
ปรกตินายพิภพเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล เป็นเจ้านายที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เขานั้นก็ดีกับทุกคน แต่สำหรับขณิกาในพักหลังมานี้เป็นตรงกันข้าม...
วันต่อมาเธอจึงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปเที่ยวหาเขาอีก จากที่เคยไปหาอาภพจนกลายเป็นกิจวัตร
บางทีความอดทนของคนคงมีขีดจำกัด... กับความสัมพันธ์ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
หากว่าเธอบอกรักเขา... จะตอบว่า ‘เป็นแบบนี้ดีแล้ว’
หากว่าเธอจะไปจากเขา... จะตอบว่า ‘อย่าทิ้งอา อยู่กับอา’
และถ้าหากว่าเธอจู่โจมด้วยวิธีใด ๆ เขาจะเว้นระยะห่างไว้ในความเหมาะสมของอาหลาน ทั้งที่สายตาที่มองมาไม่ต่างจากคนรัก เขาหวงเธอ ให้ความหวังเธอ ไม่ให้เธอไปมีผู้ชายคนไหน
แต่ถ้าหากว่าเขาหายไปเป็นอาทิตย์คือเขากำลังเสียใจ เรื่องของภรรยาเก่าที่ล่ำลาโลกนี้ไปถึงสิบห้าปีด้วยโรคมะเร็งปอด ต้นเหตุมาจากควันบุหรี่มือสอง แม้ว่าเขาจะเลิกบุหรี่ไปนานแล้วก็ตาม
อาภพไม่เคยเปิดใจให้ใครเข้าไปในพื้นที่แห่งความเจ็บปวดที่ไม่ต้องการการเยียวยา
บทสรุปของเธอคือไปไหนไม่ได้ และยังต้องติดอยู่ตรงนี้
ทำนองเพลงรักแสนเศร้าคลอไปกับแอร์เย็นฉ่ำของรถยนต์ ปลายเท้าเหยียบคันเร่งเบา ๆ ขณิกาเป็นคนขับรถเองไม่วานลุงนิ่ม ก็คงจะขับไปเรื่อย ๆ
ความเสียใจที่แบกมาตลอดทางจากฟาร์มหลั่งไหลออกมาจากสีหน้าดื้อรั้น ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ บางครั้งก็มองแทบไม่เห็นทางจนต้องยกมือปาดหางตา ก่อนที่เธอจะกดปุ่มบนแป้นพวงมาลัยต่อสายหาชายหนุ่ม ที่ทำร้ายกันมาตลอดชั่วโมง
“คุณพี่ดีเจ... เปิดเพลงสนุก ๆ ได้ไหมคะ.. หนูอกหัก.. ไม่อยากฟังเพลงเศร้า” เสียงสั่นเครือบอกปลายสายที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“โอเคครับน้อง! พี่จะจัดเพลงสนุกให้หนึ่งเพลง”
“เพลงเดียวเองเหรอคะ? แดนซ์ทั้งชั่วโมงไม่ได้หรือคะพี่...”
ไม่ว่าเธอจะน่าสงสารแค่ไหน คนที่กำลังทำงานผ่านสายก็ต้องทำตามหน้าที่คือรักษาเวลาของรายการ
“หาใหม่นะครับน้อง ชีวิตมันต้องเดินต่อไป ตามหาความฝัน เอ้า.. เรามาแดนซ์กัน ขอบคุณคุณพาย ขณิกาครับ!”
สายที่วางไปหลังจากนั้น เพลงอกหักตามมาติด ๆ แทบทั้งช่วงรายการ!
ทว่าคนฟังก็ไม่ได้เปลี่ยนมันไปไหน มือสั่นเทากุมพวงมาลัยแน่นหอบความเศร้าเสียใจไปจนถึงกรุงเทพฯ
กระทั่งมาถึงร้านกาแฟชื่อดังใกล้ ๆ บริษัทซึ่งอยู่ในย่านธุรกิจอย่างถนนสุขุมวิท ขณิกาได้นัดหมายเพื่อนสาวหุ้นส่วนไว้
อิงฟ้าเป็นสาวสวยเปรี้ยว ผิวขาวละเอียดถึงไม่ขาวเท่าเธอแต่ก็สวยขนาดว่าไปไหนมาไหน ผู้ชายส่วนใหญ่เหลียวหลังมอง
พอผลักประตูกระจกเข้าร้านที่เต็มไปด้วยผู้คน เธอก็มองหาคนที่ส่งข้อความผ่านไลน์มายังส่งรูปถ่ายให้ด้วยว่าอยู่ตรงไหน
“รอนานไหมแก?” ทักทายเพื่อนสาวที่กวักมือเรียกตั้งแต่อยู่หน้าร้าน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาในฝั่งตรงข้าม
หญิงสาววัยเดียวกันอย่างอิงฟ้ามาถึงก่อนไม่นาน สังเกตได้ว่าใบหน้าสดสวยเศร้าหมองและขอบตาบวมช้ำ
“เป็นอะไรมาน่ะ? ว่าจะไม่ทักแล้วนะนังพาย อกหักจากคุณอามาอีกล่ะสิ”
“เปล่า... ดีเจมันเปิดเพลงเศร้า ฉันอิน” ปฏิเสธทันที วางกระเป๋าและแท็บเล็ตงานลงบนโต๊ะด้วยความพร้อมในการทำงาน
“แกโอนตังให้พนักงานยังอ่ะ เดือนนี้ติดลบไหม?”
“พอไหวว่ะ แต่กำไรน้อยขนาดนี้ กระเป๋าแกกับฉันรวมกันเท่ากำไรหกเดือนเจ็ดเดือน ฉันว่าเราไปเปิดร้านขายปาท่องโก๋กันดีไหมเพื่อน?” อิงฟ้ายอมเพิกเฉยกับเรื่องที่อีกคนไม่อยากพูดถึง บวกกับว่าหล่อนกำลังรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับธุรกิจที่ติดลบ
หลังเรียนจบมาด้วยทุนทรัพย์จากพ่อแม่ ลงหุ้นเปิดบริษัทกันสามคนมีอิงฟ้า ขณิกา พิมพ์ลภัส ปริญญาโทด้านการตลาด Newcastle University มหา’ลัยอันดับหนึ่งของ UK ไม่ได้ช่วยอะไรสักอย่าง “ฉันว่า... ปริญญาไม่ต่างจากกระดาษใบเดียว หางานทำ หาเงินยากกว่าเป็นร้อยเท่า” คนบ่นหยิบแป้งตลับออกมาจากกระเป๋าเพื่อจัดการกับสภาพใบหน้าของตัวเองให้ดูดีมากพอไปพบลูกน้องอย่างสง่าผ่าเผย “แต่จะให้เกาะพ่อแม่กินไปตลอดชีวิตก็ไม่ไหวอ่าเนอะ” “เออ... ก็ต้องทนกันไป... จนกว่าจำได้ดีล่ะ มันต้องมีสักวัน” ขณิกาบ่นปนให้กำลังใจเพื่อนและตัวเอง ขณะที่อิงฟ้ามีเรื่องคันปากอยากเม้าท์กับกลุ่มเพื่อนสนิทจนตัวสั่น วางแก้วพลาสติกในมือลง ลดน้ำเสียงลงเอ่ย “เออ... พาย แกได้ข่าวยัยวาป่ะ ฉันได้ยินว่านางรับช่วงต่อบริษัทโฆษณาจากพ่อ ที่นางชอบโม้อ่ะว่าเปิดเป็นเจ้าแรกรุ่นเดอะอะไรของนางสักอย่าง นางลงเฟซไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์กับหนุ่มหล่อด้วยนะ ดูอู้ฟู่เชียว” แค่ได้ยินชื่อเพื่อนร่วมรุ่นอีกคน ขณิกาชะงักนิ่ง เก็บแป้งใส่กระเป๋าด้วยหน้าตาเจื่อน ๆ “ออ... ก็ดีนะ ฉันดีใจกับนางด้วย”
“ใช่เสียงเจ้านายคุณหรือเปล่า?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกถาม เจ้าของร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาเข้าใบหน้าคมคาย มานั่งรอเจ้าของบริษัทได้สักพัก ในท่านั่งสบาย ๆ พาดหน้าขาไขว่ห้างเหยียดกายพิงแผ่นหลังบนโซฟา หยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมาพลิกไปมา พนักงานออฟฟิศสาววัยสามสิบปลาย ๆ ที่เพิ่งมานั่งลงตรงข้ามเขากลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เอ่อ... คือ ถ้าคุณเมฆสะดวกวันอื่น ไม่เป็นไรนะคะ” “ผมว่างแค่วันนี้ ผมจะรอจนกว่าคุณพายเธอจะมา” ชายหนุ่มขัดด้วยท่าทีวางอำนาจ ส่งสายตาดุคมวาววับจนอีกคนนั้นหลุบหนี “ลูกค้าอย่างผมควรจะมาเมื่อไรก็ได้ ไม่ใช่หรือไง? คิดว่าผมโอนเงินมัดจำสามแสนบาทเข้าบริษัทคุณ ทั้งที่ยังไม่เห็นงาน ผมเดินเข้ามาโดยไม่รู้อะไรเลยสักอย่างหรือ? คุณญาดา” ถึงจะมาก่อนนัดหมายในอาทิตย์หน้า เมธพนธ์คิดว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาอย่างเต็มที่ ลูกน้องอย่างหล่อนดันไม่พยายามที่จะเข้าใจเอาเสียเลย “คือ ฉันเกรงว่า...” “ลูกสาวคุณกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย วันนี้มีเรียนพิเศษแถวสยาม รถมันจะติดนะครับ จะไปก็รีบไปเถอะ อย่ามาเสียเวลากับเรื่องนี้เลย”
“ใกล้ออฟฟิศ และน่าจะใกล้ที่พักของคุณพายด้วยหรือเปล่า? ผมไม่แน่ใจ ผมว่าสะดวกกว่าเส้นอื่น รถมันออกจะติดนะครับ” เขาให้เหตุผลที่พาเธอมาร้านนี้ พลางสาวเท้าก้าวให้ช้าลงเท่ากันกับคนตัวเล็กกว่า ร่างสูงเดินนำไปยังโต๊ะที่จองไว้ นั่งทับที่เดิมของใครบางคนอย่างจงใจ พอถึงเวลาที่บริกรหนุ่มมารับรายการอาหาร เขายังสั่งอาหารเมนูที่เธอจะมาสั่งมันเป็นประจำ “ต้มยำ... ผัดผัก ยำ...” บริกรหนุ่มยิ้มรับรายการอาหารจากลูกค้าที่ยังบอกด้วยว่า ‘เผ็ดน้อย’ และไม่เอาหัวหอม ส่วนสำหรับตัวเขาเป็นน้ำผลไม้ เพราะว่าขับรถมาเองเขาก็จะไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองชายตรงหน้าด้วยความคิดหลายอย่าง อันที่จริงเธอเอะใจมาได้สักพักแล้วว่าคำพูดจาของเขาแปลกๆ “คุณเมฆคะ ถ้าฉันจะถามตรง ๆ...” “คุณคิดว่าผมเป็นใคร? ผมจะเดินเข้าไปหาคุณเฉย ๆ ทำไม ผมไปจ้างบริษัทอื่นที่เปิดมาเป็นสิบยี่สิบปี เก๋ากว่าบริษัทคุณก็ได้” ตาคมลืมพรึบจากเมนูอาหาร วางมันไว้บนโต๊ะ รวบมือไว้บนหน้าตักด้วยกิริยาเชิดหยิ่งทุกกระเบียดนิ้ว “ตามผมมาครับ...” ร่างสูง
“ใครสั่งให้พวกมึงไปกระทืบหมอหมา!?” เสียงตะคอกอย่างโกรธขึ้ง นายหัวสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดพอได้เรื่องว่ามีคนทำงานเกินคำสั่ง ทั้งที่มันเคยเป็นเรื่องปรกติในฟาร์มแห่งนี้ งานประจบเอาใจเป็นที่หนึ่งยกให้วิทยา คนอื่นที่หวังโบนัสจากนายก็ไม่น้อยหน้า “อ้าว.. นายบอกพวกผมเองว่าอย่าให้ใครมาแตะของเล่นนาย” “พวกมึงจะทำอะไร ทำไมไม่มาถามกูก่อน! ไอ้ควาย มีสมองกันบ้างไหม?” นับครั้งได้ที่คนสุภาพร้ายกาจอย่างเมธพนธ์จะขึ้นกูมึง ลูกน้องสามคนโดนตบกบาลเรียงตัว ตามด้วยลูกถีบสุดจุกล้มลงไปกองกับพื้น ส่งเสียงครวญครางไปตาม ๆ กัน เป็นที่รู้ว่านายหัวแต่เก่าก่อนเคยอยู่โรงโขน กระบี่กระบอง เขาก็ต้องเป็นวิชาป้องกันตัว ถึงไม่ค่อยจะได้ลงมือกันบ่อย ๆ แต่ถ้าได้โมโหแล้วล่ะก็ มือหนักตีนหนัก! “อย่าสะเออะหาเรื่องให้กูอีก แค่นี้กูก็ปวดกบาลจะตายห่า!” ฝ่ามือหนาง้างขึ้นกลางอากาศเตรียมสาดโทสะอีกรอบ ลูกน้องคนสนิทเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาพอดี วิทยาไปให้ปากคำกับตำรวจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวก่อเรื่อง กลุ่มนักเลงที่เจตนาไปสั่งสอนคุณหมอ แต่ดันถูกหมอหมาซ้อมเสียยับเยินสภาพดูไม่ได้ ไม่พอ
ภาพที่แอบถ่ายเอาไว้เมื่อวันก่อนในร้านอาหาร วงหน้าสวยหมดจดในทีเผลอที่เขาดูได้อย่างไม่เบื่อ เกศรินเห็นว่าเจ้านายไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ จึงก้าวเข้าไปใกล้ ๆ เอ่ยเสียงอ้อนหวาน “อย่าใจร้ายกับเกศเลยนะคะ เกศคิดถึงคุณเมฆนะ” พอตาคมหลุบมองเลขาฯ สาวค่าตัวแพงลิบที่ช่วยดูแลงานในฟาร์มและเรื่องบนเตียง มือหนาวางของทุกอย่างลงเพื่อเปิดลิ้นชักหาสมบัติคู่กาย อีกคนก็ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้ม และรอ... “วันนี้ห้ามใช้เสียง... เข้าใจนะ” สิ้นคำ ท้ายทอยน้อยก็ถูกตะปบเข้าให้พลิกตัวหันไปอีกทางหนึ่ง กระชากบั้นท้ายงามงอนเข้าหากายแกร่งกำยำ ถลกกระโปรงขึ้นไวอย่างช่ำชอง หล่อนตั้งอกตั้งใจมาหาเขาด้วยกายพร้อมขนาดว่าแพนตี้ตัวจิ๋วก็ไม่ได้ใส่มา ซองสีสันสดสวยกลิ่นสตรอว์เบอร์รีถูกกัดทิ้ง และเพียงแค่เหลือบตามองไปยังภาพถ่ายบนโต๊ะพลันพริ้มตาหลับลง เขาแทบไม่ต้องทำอะไรกับมันมากมาย รอยยิ้มหวาน ๆ ในห้วงคะนึงพาความรู้สึกเร่าร้อนรุนแรง มือสวมอุปกรณ์ด้วยการลูบมันด้วยฝ่ามือร้อนคราวเดียว เจ้าของสะโพกกลมกลึงซึ่งถูกผลักลงนอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานไม้สักกว้าง ก
เจ้านายสาวผ่อนลมหายใจ มองดอกไม้สีขาวกับสภาพรกรุงรังของห้องครัว เธอเริ่มลงมือเก็บจัดของให้เข้าที่เข้าทาง หยิบผ้าผืนเล็กลูบน้ำขัดถูโต๊ะให้มันสะอาด ความเป็นลูกคุณหนูแท้จริงก็แค่เปลือกนอก ตอนเล็ก ๆ แม่ของเธอหนีตามผู้ชายก็คือพ่อ! ทิ้งเธอไว้ลำพังกับคุณยายที่สอนให้เธอทำทุกอย่างเป็น ยังสอนให้เธอรู้จักพอเพียงในแบบของคุณยาย บ้านหลังใหญ่โตประสาเศรษฐินีชาวจีนย่านวงเวียนใหญ่ จากออฟฟิศไปหากรถไม่ติดมากใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ขณิกาเข้ากรุงเทพทีไรก็จะไปเยี่ยมยายเพียนเสมอ ถึงยายเป็นคนจีนแต่เธอก็ยังไม่เคยจะเรียกยายว่าอาม่าเหมือนลูกหลานคนอื่น ๆ ด้วยความที่แม่บอกให้เรียก ‘ยาย’ ความคิดถึงคุณยายปรากฏในรอยยิ้มหวาน บนใบหน้าสะสวย ขอบตาดำคล้ำเหนื่อยล้าจากการทำงาน แน่นอนว่าบริษัทของเธอกำลังตกเป็นที่อิจฉา เพื่อน ๆ ที่จบโฆษณากลับมาด้วยกันยังสงสัยว่าเธอได้งานจากคุณเมธพนธ์มาได้อย่างไร อิงฟ้าและพิมพ์ลภัสโทรสั่งพิซซ่าฉลอง เข้ามาดูรายละเอียดโฆษณา ใบเสนอราคาในตอนเช้าก่อนออกไป ตัวเธอเองก็ซื้อวัตถุดิบมาทำคุกกี้ ที่หลายคนชมชอบว่าอร่อยมากน่าจะเปิดร้านเบเกอรี่ได้
การจราจรช่วงเย็นหนาแน่นติดขัดทั่วทุกถนนในเมืองกรุง การทำคุกกี้เพิ่มจึงมีเวลาซื้อของแค่ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลจากออฟฟิศ ชายหนุ่มเห็นด้วยและตามใจเธอขอแค่เขาได้ห่อขนมกลับบ้าน ต้องเป็นคุกกี้ฝีมือเธอเท่านั้น! พอขับรถมาถึงที่หมาย ร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิทก็จับรถเข็นเดินนำไปแผนกเครื่องปรุง ละฝีเท้าให้ช้าลงเล็กน้อยให้เท่าคนตัวเล็กที่มีความสูงแค่ระดับบ่า “มันต้องใช้อะไรบ้าง แป้งสาลีเหรอ?” “แป้งสาลีอเนกประสงค์ เนย ช็อกโกแลต อย่างอื่นมีหมดแล้วค่ะ คุณเมฆทำอาหาร หรือว่าทำขนมเป็นไหมคะ?” “ผมทำกับข้าว ทำงานแม่บ้านเป็นทุกอย่าง ผมแค่ไม่เคยทำขนม เมื่อก่อนผมไม่ได้รวยเท่านี้...” น้ำเสียงราบเรียบบอก เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับการนึกถึงอดีตอันไม่มีเรื่องใดให้น่าจดจำ หญิงสาวเชยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกแปลก จะว่าสงสารก็ด้วยส่วนหนึ่ง มือหยิบแป้งสาลีที่ต้องการจากชั้นวางลงในรถเข็น เดินไปข้าง ๆ กัน เธอคงได้แค่ปลอบประโลม “ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจนหรอกค่ะ บ้านฉันพอมีฐานะ แต่ว่าฉันทำอาหารได้ทุกอย่าง พ่อแม่ตามใจฉัน ฉันอยากทำอะไรฉันก็ได้ทำ ฉันเลยไปเรียนทำขนม เย็
เธอไม่อยากจะเป็นนางวันทองสองใจนักหรอก แต่จะมีชะนีสักกี่ตนทนความตลกร้ายของตาบ้านี่ไหว! ร้อยตำรวจตรีพิมฐาหรือหมวดพินเห็นว่าชายหนุ่มเดินไปชำระเงินรีบเข้ามาหาเธอในทันที ด้วยท่าทีเป็นห่วง “พาย... มีอะไรให้พี่ช่วยไหม?” ขณิกาส่ายหน้าไปมา เธอหงุดหงิดตั้งแต่รู้ว่าถูกตามตัวแล้วแค่ไม่ได้พูด “ช่วยกลับบ้านไปนอนเถอะนะพี่ ป่านนี้พี่พินยังไม่เลิกตามพายอีก พายบอกแล้วว่าวันนี้เข้าออฟฟิศไม่มีอะไร พ่อนี่ก็อีกคนนะ จริง ๆ เลย” ถลึงตาใส่ผู้หมวดสาวทีหนึ่งก่อนสะบัดก้นงอนไป ร้านขายยาตรงทางเข้าออกซูเปอร์มาเก็ตไม่ไกลมากนัก ขณิกาคุยกับเภสัชกรสาวมีอายุ ได้วิตามินกับครีมทาหน้าประสาผู้หญิงรักสวยรักงามมาสองสามอย่าง พอหันหลังกลับไปชะเง้อคอมองหาเขาก็เดินพอดี “ซื้อยาเสร็จแล้วใช่ไหม?” “ค่ะ เสร็จแล้ว อ่ะ... นี่” ตอบพลางยื่นถุงพลาสติกยาให้เขา “ยาของคุณเมฆ ทาด้วยนะคะ เดี๋ยวผิวจะเป็นรอย” ตาคมหลุบมองตามของในมืออย่างขุ่นเคืองใจ “แค่นี้ไม่เห็นจะต้องทา... แผลเป็นมันน่ารังเกียจมากหรือไง?” “ฉันไม่ได้พูดเลยนะว่ามันน่ารังเกียจ คุณเมฆคะ ทา
เสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วทั้งโรงละครกว้างขวาง ครอบคลุมด้วยระบบเสียงดิจิตัลรอบทิศทาง ตกแต่งด้วยลวดลายงามแบบไทย โขนละครรามเกียรติ์ตอนยกทัพไปรบ หนุมานชูกล่องดวงใจ หนุมานรบมัจฉานุ ลักสีดา พิเภกสวามิภักดิ์ อีกหลากหลายตอนที่เธอมารอชม ไม่มีรอบไหนพลาด ซื้อตั๋วไม่มีขาด FC แฟนพันธุ์แท้ กดจองได้เร็วเสียยิ่งกว่าตั๋วงานคอนฯ BTS ในที่สุดเธอก็กลายเป็นเจ้าแม่จนต้องได้ที่นั่งด้านหน้าสุดทุกครั้ง! ขณิกากลายเป็นหนึ่งคนที่อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย บางครั้งยังนุ่งซิ่นมานั่งชมละครโขน ละครเพลง กับพี่สาวคนสนิทและคุณอา ทว่าสิ้นสุดงานแสดงจบลงมีสิ่งเดียวที่เธอไม่เคยนึกชอบ! คือตอนถอดหัวโขน มักจะมีเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาว ๆ เบา ๆ ‘นายหัวเมฆแห่งไร่องุ่น พีควัลเลย์’ กลายเป็นคนดังในวงการเซเลบด้วยความหล่อเหลากระชากใจด้วยรอยยิ้มตรงมุมปาก ชายหนุ่มยังได้ตำแหน่งครองใจสาวน้อยใหญ่เป็น ‘ทศกัณฐ์ที่หล่อที่สุด!’ ทั้งโลกโซเชียลแชร์กันแค่ข้ามคืน เรื่องที่เขาถูกใส่ร้ายได้รับการเปิดเผยความจริง สาวไหน ๆ มาต่อคิวรอเสนอตัวให้ด้วยความอยากจะเป็นนางสีดากันทั้งนั้น
แผนการร้ายของทินกรนั้นคาเดาได้ไม่ยาก เขาคงคิดจะสั่งสอนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพื่อที่จะได้นำเงินก้อนนี้ไปตั้งตัว หนีไปกบดานประเทศอื่น ทว่าทันใดนั้นเอง หมับ! แรงหนักแน่นจับเข้าต้นแขนพาความรู้สึกเย็นวาบ เมื่อทินกรหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ปกปิดใบหน้าเกรี้ยวโกรธไว้ด้วยผ้าปิดปากสีดำลายยักษ์! ไม่มีใครรู้ว่าชายแปลกหน้าเป็นใคร เว้นเพียงหญิงสาวที่จับจ้องมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “ของผัวเขาให้เมียไว้ใช้ ส่วนของเมียมันต้องเยอะกว่าสิวะ ไอ้น้องชาย...” “พะ... พี่ยักษ์” เสียงสั่นขลาดกลัว ทินกรยืนตัวสั่นเทาหลังจากที่เขาพยายามหลบชายตรงหน้ามาตลอดหลายเดือนหลังทุบตีครูนพ นำเงินไปใช้หนี้บ่อน ที่น่ากลัวกว่าติดคุกน่าจะเป็น ‘ไอ้เมธพนธ์’ “มึงหนีหน้ากูทำไม ไอ้ถิน... กลัวตายอย่างนั้นเหรอ? เจ้าหนี้มึงโดนตำรวจรวบเมื่อเช้า... อย่าบอกนะว่าไม่รู้?” เสียงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีดังพร้อมกับนายตำรวจใหญ่อีกคน ปรีชาได้สั่งให้ผู้หมวดผู้กองติดตามนายทินกรจนรวบตัวเจ้าหนี้ ซึ่งก็คือเจ้าของยาเสพติดล็อตใหญ่ได้สำเร็จที่หน้าบ่อน เป็นข่าวดังประจำวันแต่ดูเหม
เรื่องที่ได้ยินจากปากของขณิกานับว่าช่วยตำรวจได้ไม่น้อย วิทยาไม่ลืมบอกเรื่องสำคัญอีกอย่าง “ฟาร์มองุ่น... บ้าน ที่ดิน เพนท์เฮ้าส์ศรีราชา นายหัวเคยบอกผมว่ายกให้คุณพาย...” “เขา... ให้พายเหรอ? ให้... ทำไม...” ทั้งน้ำเสียงและแววตาตัดพ้อมองวิทยาอย่างต้องการคำตอบที่เขาไม่สามารถให้เธอได้ แม้แต่ปรีชาเองก็ส่ายหน้าไปมาว่าไม่รู้... “คุณเมฆ... ไม่สิ เขายังไม่ตาย... ไหนศพคุณเมฆ?” นั่นคือที่เธอไม่เชื่อคนตรงหน้ากับภาพที่เห็น ก่อนจะเริ่มส่งเสียงดังร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนเสียสติ ขณะที่กนิษฐามาถึงในอีกไม่นานด้วยความเป็นห่วงลูกสาว ในห้องผู้ป่วยพิเศษ คนเป็นพ่อจำต้องหันหลังให้ลูกสาวในคราวนี้ นายตำรวจใหญ่อย่างเขามีจิตใจเข้มแข็งมากพอ เพราะอีกหลายชีวิตบริสุทธิ์ยังเฝ้ารอแสงแห่งความหวัง ท่ามกลางความมืดมิดมัวเมาของการเป็นทาสยาเสพติด วิทยาปิดประตูปิดลงด้วยท่าทางเป็นห่วง ปล่อยให้สองแม่ลูกอยู่กันตามลำพัง ก่อนเดินตามนายตำรวจในชุดลำลอง อึกอักถาม “เอ่อ... ไหวไหมครับท่านรอง? ฝั่งผมน่ะไหว... แต่ลูกสาวท่าน...” “ไม่... ต้องจับมันกับเจ้าหนี้มันให้ได้... ฉันจะต้องปิดค
การหายตัวอย่างไร้ร่องรอยของนายทินกรที่ไม่ยอมมาตามหมายศาล เดือดร้อนถึงพลตำรวจเอกปรีชาและนายหัวไร่องุ่น ตำรวจยังไม่สามารถทำการเข้าจับกุมในเมื่อเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาในการประกันตัวสู้คดี จำเลยยังไม่ยอมรับสารภาพตามหลักฐานการจับกุมพร้อมของกลางทั้งหมด และซัดทอดไปที่นายเมธพนธ์ว่าเป็นคนบงการ แม้ไม่มีหลักฐานบางครั้งศาลอาจรับฟังคำซัดทอดลงโทษได้เช่นกัน ปัญหานี้คงจะมีแต่เขาสามารถจัดการกับนายถิน ร้อยตำรวจตรีพิมฐาติดต่อมาขอเจรจากับเขาว่าท่านอยากลงตำแหน่งอย่างสวย ๆ ในวัยใกล้เกษียณ แผนการนี้อาจจับตัวการใหญ่ได้แบบไม่ต้องมีใครเสียเลือดเนื้อ... ตัวเขาเองก็จะไม่ต้องเดือดร้อนยังเป็นการจับแก๊งค้ายานรกแบบละมุนละม่อมที่สุด “นายหัวจะทำตามที่ท่านรองฯ ขอไหม?” วิทยาถามนายที่มีท่าทีหงุดหงิด ทว่าเขาและนายเห็นด้วยกับนายตำรวจกับวิธีการนี้ “มันมีทางเลือกไหมล่ะ?” “ผมจะคุ้มกันความปลอดภัยของคุณพายให้ นายลุยได้เลย ไม่ต้องห่วง เรื่องทนายของเราผมเตรียมไว้แล้วครับ” เมื่อลูกน้องคนสนิทรับปากเป็นมั่นเหมาะ เจ้าของร่างสูงในเสื้อแขนยาวคอเต่าตามสภา
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาไว ๆ “ไม่ดีค่ะ... พายไม่อยากกอด ตัวพาย เส้นผมของพาย... หัวใจพายมีเจ้าของ... จะทำอะไรต้องขออนุญาต ห้ามไม่ให้ผู้ชายคนไหนแตะเป็นคำสั่ง แฟนพายดุมาก อาภพจะเดือดร้อนเอา” ขณิกาทวนคำพูดของบางคนครบถ้วนทุกคำ เธอเป็นคนตรงพอ ๆ กับอริสา ลูกสาวของพิภพ เสียงผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ดัง “อาขอโทษนะ... อาเคยเห็นแก่ตัวเพราะเรื่องเมียเก่า ทั้งที่แก้วตายไปตั้งนานแล้ว อารู้ว่าอารัก... อาหวงพายมากแต่อาโง่เอง” “ไม่เป็นไรค่ะ พายไม่โกรธอาภพเลย ถ้าพายไม่วิ่งหนีอาวันนั้น พายคงไม่ได้เจอคุณเมฆ... เขาดูแลพายดีมาก ๆ เขารักพายอย่างที่พายรักเขาคนเดียว” ในแววตาคู่สวยเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวชายหนุ่ม แม้ว่าเขาจะเคยเป็นเพลย์บอย เธอกลับแน่ใจว่าความรักของเธอและเขาเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง หญิงสาวก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง เผชิญหน้ากับคุณอาที่เธอเคยปันหัวใจให้... “อาภพดูแลตัวเองนะคะ นายหัวฟาร์มม้าเป็นคนดีต้องเจอคนศีลเสมอกันแน่ค่ะ ถ้าไม่เจอก็แก่ตายไปคนเดียวเนอะ อายุเยอะแล้ว... ปลงค่ะปลง” และเป็นอีกครั้งที่เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ พิภพพอจะยิ้มออกบ้างพอเห็นว่าอด
“คุยอะไรกันคะ? หน้าตาคร่ำเครียดเชียว พายพลาดอะไรไปหรือเปล่า?” “นายหัวกำลังพูดถึงงานโฆษณาของคุณพายน่ะครับ” วิทยาหันไปตอบทำเหมือนว่าเขาไม่ได้คุยอะไรกับเจ้านายมาก่อนเลย แผนเซอร์ไพรส์สาวครั้งนี้คงไปได้ด้วยดีถ้าเขาไม่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ วงหน้าหวานขมวดมุ่นมองถ้วยมีหูที่ว่างเปล่า ถามด้วยความหวังดี “คุณวิทย์... กาแฟอีกแก้วไหมคะ? พายไปซื้อให้... มันหมดแล้วนะ” “ไม่เป็นไรครับ...” เจ้านายส่ายหน้าไปมากับความไม่เนียนของลูกน้อง ก่อนที่หญิงสาวจะนั่งลงข้าง ๆ เขาหยิบแท็บเล็ตส่งให้ “ตัวอย่างโฆษณาเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ตรวจดูความเรียบร้อยก่อนได้ คุณลูกค้าไม่ชอบตรงไหน แก้ไขได้ค่ะ” ได้ยินคำว่าตรวจตรา... ดวงตาคู่คมหรี่เล็กลงมองเดรสสีขาวแขนยาวความความยาวคลุมเข่าดูเรียบร้อยแฝงความเย้ายวนไว้ตรงหน้าอกอวบอัดคับแน่นในเสื้อคอลึกกว้างทรงสี่เหลี่ยม “แต่งตัวให้มันดี ๆ เสื้อ... คอลึกเอาผ้าพันคอคลุมไว้ด้วยครับ” “แหม... คุณเมฆหวงพายเหรอ? เมื่อก่อนไม่เห็นจะบ่น... งานจะเอาไหมคะ?” เธอย้ำอีกรอบให้ผู้ชายขี้บ่นรับงานไป ปั
“อะไรนะ!? ไอ้ยักษ์มันเล่นหัวผู้กองเรอะ?” เสียงโวยวายของนายตำรวจใหญ่ ในห้องผู้ป่วยพิเศษที่มีกระเช้าเยี่ยมไข้เต็มโต๊ะ คนไข้เจ้าของห้องนั่งมองหนุ่มวัยหกสิบปีสาดอารมณ์ใส่โทรศัพท์นานหลายนาที เรื่องลูกสาวถูกลักพาเข้าซอยเล็กซอยน้อยในหมู่บ้านสลัมย่านบางยี่เรือ ทะลุออกถนนใหญ่ได้ แต่ละเส้นทางลึกลับงุนงงจนผู้กองหาทางออกไม่เจอ และก็คลาดกับเป้าหมายจนได้ ขณะที่อริสากำลังคิดว่าน้องสาวคนสนิทไม่มาเยี่ยม ไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความเธอเลยเป็นเพราะคำพูดเมื่อหลายวันก่อน มันเคยเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเธอและพ่อกับการว่าสาดเสียเทเสียนายหัวไร่องุ่น กลั่นแกล้งกันมานานนับหลายปี ไม่ใช่ตอนนี้... ‘คุณเมฆไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าพี่อริสจะเกลียดเขาอย่างคนไม่มีเหตุผล แล้วแต่พี่เลย... แต่พี่อย่าด่าว่าเขาให้พายฟัง พายไม่อยากฟังค่ะ’ คนเคยสนิทกันคงไม่สบายใจ หลายวันก่อนรุ่นพี่อย่างชินดนัยมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังพร้อมด้วยหลักฐานของร้อยตำรวจตรีพิมฐา ใบหน้าสดสวยซีดขาวราวกระดาษคร่ำเครียดจัด บนเตียงผู้ป่วยที่ถูกปรับให้เอนขึ้นเล็กน้อย ด้วยแผลจากลูกกระสุนที่ทะลุผ่
ร้านอาหารมากมายขายกันแข่งหลายซุ้ม มีกิจกรรมยิงปืน ตักปลา เวทีการแสดงในแบบของวัดไทย ๆ ผู้คนต่างมาเที่ยวกันคึกคัก มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ด้วยความเป็นลูกหลานบ้านเศรษฐีนีต้องแอบหนีเที่ยวอยู่บ่อย ๆ เพราะบ้านของคุณยายเองก็มีกฎกติกา ท่านคงกลัวว่าหลานสาวจะไปคบเด็กเกเรจนเสียผู้เสียคน แต่จนถึงทุกวันนี้เธอยังไม่เคยทำตัวออกนอกลู่นอกทางให้พ่อแม่หรือคุณยายต้องน้ำตาตกในสักครั้ง “เรื่องงานโฆษณา ฝ่ายทีมงานยังต้องตัดต่ออีกหน่อยนะคะ เดี๋ยวพายส่งให้นะ” เธอบอกเขาพอจะเดินเข้าไปหาซื้อของกิน ชายหนุ่มไหวไหล่ตอบหน้าตาเฉย “ครับ... ไม่รีบอยู่แล้ว ผมแค่ตั้งใจไปหาน้องพาย... ไปจีบ” “พายรู้... คุณเมฆอยากแค่แก้เผ็ดอาภพเท่านั้นแหละ ดูตอนหัวเราะเวลาอาภพโมโหเข้าสิ สะใจเหลือเกินนะคะ” คนฟังจำได้ว่าเคยปรับความเข้าใจในเรื่องนี้กับเธอแล้วว่าทีแรกก็เป็นอย่างนั้น เมธพนธ์ไม่ใช่คนพูดอะไรซ้ำซาก ยิ่งวันก่อนนายพิภพโทรมาบอกเรื่องนายตำรวจใหญ่ด้วยตัวเองเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ตัวท่านเองต
หมดชั่วโมงสุดท้ายของคาบเรียนบางอาทิตย์ หากว่ามีเจ้ามืออย่างเศรษฐินีประจำหมู่บ้านหรือคนรวยคนอื่น ๆ บริจาคเงินพิเศษมา บ้านหลังนี้ยังมีกับข้าวและขนมฟรีให้เด็ก ๆ และคนทั่วไป พอเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มสอนเด็ก ๆ ครูจึงนั่งดูว่าไม่มีตรงไหนผิด “ท่าซึ่งใช้แทนคำพูดของตัวพระ รับ ปฏิเสธ สั่ง เรียก พี่จะทำให้ดูก่อน” “ลิง ๆ พี่ ผมอยากรำท่าลิง ท่านิลพัทรบหนุมาน หกกระบวนท่า...” “เป็นลิง... ต้องเข้มแข็งและว่องไว...” ว่าพลันกระโดดกระทบขา โบกมือไปมาที่ปากพยักหน้าหัวเราะร่า ในสายของคุณครูชื่นชมสิ่งที่พร่ำสอนไปนับสิบปีแต่นักเรียนยังไม่ลืม ทว่าพอศิษย์เอกเปลี่ยนอิริยาบถเป็นอีกตัวละครหนึ่ง ที่มักวิ่งตามนางเอกอยู่เสมอแม้ว่าเขาจะไม่เคยสมหวังในความรักต้องแย่ง! “เป็นยักษ์! ต้องรักนางให้ได้เท่ากู...!” “กูไม่ได้ให้มึงมาจีบแฟนโว๊ย! สักทีวะ ไอ้ยักษ์... ลีลาเยอะแยะมากมาย” เสียงโวยวายของครูนพเรียกอาการหัวเราะกลิ้งของเด็กน้อยทั้งหลายคนในห้องกว้าง พี่ยักษ์! เร็ว ๆ เลย... กว่าที่ชายหนุ่มจะกรีดกรายร่ายรำกระบวนท่าลิงและย