“ใช่เสียงเจ้านายคุณหรือเปล่า?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกถาม เจ้าของร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาเข้าใบหน้าคมคาย มานั่งรอเจ้าของบริษัทได้สักพัก
ในท่านั่งสบาย ๆ พาดหน้าขาไขว่ห้างเหยียดกายพิงแผ่นหลังบนโซฟา หยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมาพลิกไปมา พนักงานออฟฟิศสาววัยสามสิบปลาย ๆ ที่เพิ่งมานั่งลงตรงข้ามเขากลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เอ่อ... คือ ถ้าคุณเมฆสะดวกวันอื่น ไม่เป็นไรนะคะ”
“ผมว่างแค่วันนี้ ผมจะรอจนกว่าคุณพายเธอจะมา” ชายหนุ่มขัดด้วยท่าทีวางอำนาจ ส่งสายตาดุคมวาววับจนอีกคนนั้นหลุบหนี
“ลูกค้าอย่างผมควรจะมาเมื่อไรก็ได้ ไม่ใช่หรือไง? คิดว่าผมโอนเงินมัดจำสามแสนบาทเข้าบริษัทคุณ ทั้งที่ยังไม่เห็นงาน ผมเดินเข้ามาโดยไม่รู้อะไรเลยสักอย่างหรือ? คุณญาดา”
ถึงจะมาก่อนนัดหมายในอาทิตย์หน้า เมธพนธ์คิดว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาอย่างเต็มที่ ลูกน้องอย่างหล่อนดันไม่พยายามที่จะเข้าใจเอาเสียเลย
“คือ ฉันเกรงว่า...”
“ลูกสาวคุณกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย วันนี้มีเรียนพิเศษแถวสยาม รถมันจะติดนะครับ จะไปก็รีบไปเถอะ อย่ามาเสียเวลากับเรื่องนี้เลย”
ใบหน้าสวยของคนฟังซีดขาวราวกระดาษกับคำขู่ของคนที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก! หล่อนละล่ำละลักบอก
“ฉันจะโทรบอกคุณพายให้เดี๋ยวนี้ รอไม่นานนะคะ”
ญาดากดหาปลายสายอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากมีปัญหากับลูกค้าที่ดูร้ายกาจชอบกล เป็นโชคดีที่เจ้านายสาวปรากฏตัวในอีกไม่ช้า
สายตาของคนทั้งคู่จับจ้องอยู่กับดวงหน้าหวานที่ยังมีร่องรอยบวมช้ำผ่านการร้องไห้อย่างหนักบริเวณขอบตา ทว่าขณิกาก็ยิ้มในย่างก้าวแรกเข้าบริษัท เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปนะคะ คุณพาย พี่ขอตัวกลับก่อน” สาววัยสี่สิบห้าปีหยิบกระเป๋าพรวดพราดไป ทั้งที่ไม่เคยกลับบ้านก่อนเจ้านาย สีหน้าเศร้าหมองเมื่อครู่กลายเป็นสงสัยอยู่เต็มที่
“รีบไปไหนน่ะ?” มองตามหลังไปและก็ไม่ได้คำตอบ เธอจึงรีบเข้าไปทักทายลูกค้าคนสำคัญ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“ต้องขอโทษที่ให้รอนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอคุณพายได้เสมอ” มุมปากหนาหยักยกยิ้ม และได้รับไมตรีตอบกลับมาจากหญิงสาวพยายามยิ้มอย่างเต็มที่ ก่อนที่เธอจะเมินหน้าเขาแล้วหยิบแท็บเล็ตในกระเป๋าออกมา
“คุณ... เอ่อ... จากบริษัทไวน์องุ่นใช่ไหมคะ? คือฉันยังไม่ได้รายละเอียดอะไรเลย คุณญาดาไม่ได้ส่งมาให้”
“เรียกผมว่า ‘เมฆ’ ที่ผมไม่ได้ส่งรายละเอียดไป เพราะผมอยากจะให้คุณพายกับมือ ในเรื่องของความไว้ใจว่าผมไม่ใช่มิจฉาชีพ ก็คงจะเป็นเงินที่โอนไป...” เขาให้เหตุผลในสีหน้าเข้มเครียด แววตากรุ่นโทสะทอประกายวาบยามพิจารณาใบหน้างามหมดจด
เดรสสีขาวชีฟองเข้ารูปยาวประเข่าเข้ารูปรับเอวคอดกิ่ว หน้าอกหน้าใจของแม่สาวตัวเล็กดูจะล่อตาอยู่น้อย ๆ แต่มันก็ไม่ได้โป๊อะไร นาฬิกาข้อมือ ต่างหู ทำให้เธอดูแพงแต่หัวจรดเท้า
ขณิกาช่างห่างไกลผู้หญิงในอุดมคติของเขาโดยสิ้นเชิง เสื้อผ้าไม่หวือหวาคำพูดจาธรรมดา ไม่มีท่าทางว่าจะให้ท่าเขาอีกต่างหาก
เธอช่างเหมือนคุณหนูเฉิ่ม ๆ ที่หลุดมาจากนิยายน้ำเน่าสักเรื่อง!
“ค่ะ งั้นเราเข้าเรื่องงานกันเลยดีไหมคะ? คุณเมฆ”
“ครับ... เอาไลน์คุณมา”
“คะ?” คำถามเต็มวงหน้าหวาน เธอได้แต่หวังว่ามันคงไม่ใช่การจีบ! เพราะที่ผ่านมาลูกค้าหนุ่ม ๆ บางคนมักทำอย่างนั้น หากไม่สบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มประกายราวมีดคมที่คงจะบาดเนื้อของเธอได้จริง ๆ
“ไลน์... คุณคงไม่คิดว่าผมแบกเอกสารกระดาษกองโตมาใช่ไหม?”
“เป็นอีเมลดีไหมคะ? น่าจะส่งพวกไฟล์ใหญ่ ๆ ได้ดีกว่า”
“ผมพูดว่า... ไลน์ หรือโปรแกรมแชทอะไรก็ได้ ผมสะดวกใช้มันในการคุยงาน ถ้าคุณไม่มี โหลดมันมาตอนนี้”
ทุกถ้อยคำในน้ำเสียงเย็นชาและหน้าตานิ่ง ๆ ของชายหนุ่มอาจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือว่าเธออาจคิดไปเอง พอพิจารณาดูให้ดีสักหน่อย
ตาพร่ามัวของเธอเห็นว่าผู้ชายคนนี้นอกจากหล่อเหลาเอาการยังมีรังสีอำมหิตประหลาดแผ่อยู่รอบกายตลอดเวลา ดูน่าสยองแปลก ๆ
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” ขณิกายอมตอบอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากดมือถือ ยกมือขึ้นจับกระบอกตาร้อนผ่าวที่เริ่มจะเกิดอาการปวด โดยไม่รู้ว่าอีกคนลุกจากเก้าอี้โซฟาตอนไหน
“ทำไมทำอะไรนานนักล่ะ... เวลาผมมีค่านะ คุณพาย” เขาเลิกคิ้วขึ้นถาม คนถูกเรียกจึงปรือตาพร่ามัวกะพริบตาถี่ ๆ พอไม่พบใครก็มองขวับตามคนในฝั่งซ้าย
“อุ๊ย...” อุแม่เจ้า! อุทานต่อในใจ หญิงสาวตะลึงงัน เชยหน้ามองชายผู้พกพาความสูงชะลูดจนขายาว ๆ หัวเข่าเกือบชนกับโต๊ะกระจกรับรองแขก
คิ้วเข้มหนาโก่งเข้าหาดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูเจ้าเล่ห์ร้ายกาจขมวดมุ่นมองเธอ คล้ายกับว่าเขากำลังโกรธอะไรสักอย่าง หรือว่าเธออาจคิดไปเอง...
ทีแรกเธอเผลอคิดอยู่ว่าผู้ชายทำฟาร์มน่าจะคมเข้มดำปรื๋อสิวเต็มหน้า แต่ดูพ่อคุณนี่สิ!
หลังฝ่ามือที่โผล่พ้นจากเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงสแล็คธรรมดา ๆ บอกว่าผิวของเขาขาวอมน้ำผึ้ง แค่ลุคผมสุดเซอร์จับด้วยเจลไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ จมูกเป็นสันคมรับเรียวปากบางกระจับอมแดงชมพู ทั่วทุกอณูใบหน้าคมคายไม่ต่างจากพระเจ้าปั้นแต่งมาอย่างพอดี ผู้ชายคนนี้ไม่ต่างจากดาราฮ่องกงมาติดต่อกองถ่ายละคร!
นี่สินะ.. ที่เขาว่ากันว่าความรักทำให้คนตาบอด สายตาแหลมคมของขณิกามองไม่เห็นผู้น่ากัดเท่านี้ได้ยังไง!
“ทำไมครับ? มีอะไรหรือเปล่า?”
“เอ่อ... ไม่มีอะไร... ค่ะ ขอโทษทีค่ะ” พูดพลันยิ้มเจื่อน หลังจากที่เธอเพิ่งดึงสัมปชัญญะกลับมาได้ ขณะที่ชายหนุ่มมากประสบการณ์ผ่านมือสาวมาโชกโชน ไม่มีทางที่จะไม่เห็นสายตาเมื่อสักครู่
“ผมจะพาคุณไปร้านอาหารอร่อย ๆ คุณทานข้าวให้อิ่ม ตั้งสติดี ๆ แล้วเราค่อยคุยกันดีกว่านะ”
หญิงสาวกลอกตาไปมาด้วยรู้สึกเกรงใจ เตรียมปฏิเสธ “คือฉันว่า...”
“จะไปคุยข้างนอกหรือจะอยู่กับผมสองคนที่นี่? ลูกน้องคุณกลับไปหมดแล้ว”
ได้ยินเท่านั้น เจ้าของบริษัทคนสวยเปลี่ยนใจกะทันหัน “ไปข้างนอกก็ได้ค่ะ...”
ชายหนุ่มไหวไหล่ ถือวิสาสะคว้าโทรศัพท์ในมือของเธอไปกดมันสองสามครั้งก่อนส่งคืนให้
“ไปครับ รถผมจอดอยู่ข้างหน้า”
-------------------------------
รถสปอร์ตหรูสัญชาติอิตาลีสีเงาดำแล่นไปบนถนนทางยาวในเมืองกรุงยามค่ำคืน ช้ากว่าทุกวันที่เขาเคยเป็นคนขับรถเร็วจนลูกน้องคนสนิทต้องทำหน้าที่สารถีแทน ดวงตาคู่คมเข้มไม่วายว่างเว้นจากการจับจ้องใบหน้านวลผ่อง สลับมองทางถนนข้างหน้า
หากเปรียบเทียบเธอกับสิ่งรอบกาย ขณิกาคงเป็นเหมือนพระอาทิตย์ ที่ทำหน้าที่ของตัวมันเองคือหมุนไปตามวงโคจรของระบบสุริยะและโลก แม้เจอสุริยุปราคาบ้างในบางคราว มันจะยังคงส่องสว่างอยู่เสมอ
ระยะทางจากออฟฟิศทาวน์โฮมไปร้านอาหารไม่ไกลใช้เวลาแค่สิบนาที เขาชักชวนเธอสนทนาทั้งในเรื่องงาน มุกตลกขบขัน
ตั้งแต่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจ เมธพนธ์ไม่ใช่คนตลก กลับมีคนบอกว่าเขาเป็นคนตลกร้าย ยิ่งกับเธอที่หัวเราะง่าย
ด้วยความที่เธอเป็นคนอัธยาศัยดี พอมีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง สีหน้าของเธอผ่อนคลายลงจากความเครียด พูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่ยังคงความสุภาพนอบน้อมไว้ด้วยอายุที่อ่อนกว่า
นั่นทำให้เขาเข้าหาเธอได้ง่ายขึ้นด้วยจุดประสงค์บางอย่างซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเขาเอง
กระทั่งมาถึงลานจอดรถยนต์ที่มีแสงมืดสลัว รถยนต์จอดลงอย่างเงียบเชียบด้านหน้าร้านอาหารเปิดโล่ง แทบไม่รู้สึกถึงการแตะเบรกอย่างนิ่มนวล ยิ้มร้ายปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา
“เป็นเรื่องดีที่คุณไม่กลัวผมไปเสียก่อนจะได้คุยงานกันจริงจัง แต่วันหลัง... ต่อให้เป็นแลมโบกินี่ อย่ากระโดดขึ้นรถผู้ชายคนไหน มันอันตรายนะ คุณพาย” น้ำเสียงเข้มขรึมเตือนด้วยความหวังดี
รถยนต์ราคาเหยียดยี่สิบห้าล้านไม่ได้การันตีอะไร เธอแค่เป็นคนที่ชอบทำตามความรู้สึก จึงหันไปบอก
“ฉันไม่รู้สึกว่าคุณเมฆอันตราย แล้วก็... สาว ๆ สวย ๆ ถึงพริกถึงขิง ไม่จืดชืดอย่างฉันคงไม่ต้องใช้เงินถึงสามแสนมั้งคะ”
ชายหนุ่มหักมุมปากลงอย่างไม่เห็นด้วยนักในข้อแรก “ถ้าไม่รู้สึกเลยว่าผมอันตราย... บางทีคุณอาจไม่มีต่อมความรับรู้...”
“บางทีฉันอาจเป็นพวกตายด้าน” เธอย้อนตอบ ก่อนมองซ้ายขวาว่าเป็นที่ไหน ด้วยความมืดของร้านที่มีเปิดเพียงไฟสลัว ๆ แต่กลับเห็นผู้คนมากมายจำภายนอกร้าน
ดวงตาคู่สวยวูบไหวสั่นมองกระจกใสโดยรอบ ข้างในมีมินิบาร์ ขณิกามารับประทานอาหารร้านนี้กับเพื่อนฝูงและลูกน้องอยู่เป็นประจำ รวมถึงหนุ่มคนหนึ่งที่เหยียบย่ำความรักของเธอเสียไม่มีชิ้นดี
“ว่าแต่... เราจะคุยกัน.. ร้านนี้เหรอคะ?”
“ร้านนี้มันมีอะไรครับ? หรือว่าลูกสาวท่านรองฯ ไม่ชอบ เพราะร้านมันไม่หรูพอ”
ร้านอาหารนี้ห่างไกลคำว่าหรูมาก ด้วยลักษณะการตกแต่งอย่างทันสมัย กว้างขวางโอ่อ่าและยังอยู่ใจกลางเมือง เธอแค่ไม่อยากนึกถึงพิภพอีก ทว่าพอหันไปสบแววตาคู่คมเปล่งประกาย
“หรือว่า... เคยมากับใครล่ะ?” ท่าทางประชดประชันครั้งที่สอง ใบหน้าเศร้าหมองเปลี่ยนไปเป็นระเรื่อยิ้มอย่างฝืนใจ
“ไม่มีอะไรค่ะ...”
“ดีแล้วที่ไม่มี เพราะถ้ามี ผมจะทำให้มันไม่มี... เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”
คำพูดนั้นทำให้งุนงงอยู่น้อย ๆ เมื่อสุภาพบุรุษเป็นฝ่ายเปิดประตูเชื้อเชิญ ให้รวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับบรรยากาศเดิม ๆ
เรียกว่าเป็นการบังคับคงดีเสียกว่า เพราะถ้าหากว่าเลือกร้านอาหารได้เธอจะไม่มาเหยียบร้านนี้ ในสภาพหัวใจบอบช้ำกลัดหนองแน่นอน!
“ใกล้ออฟฟิศ และน่าจะใกล้ที่พักของคุณพายด้วยหรือเปล่า? ผมไม่แน่ใจ ผมว่าสะดวกกว่าเส้นอื่น รถมันออกจะติดนะครับ” เขาให้เหตุผลที่พาเธอมาร้านนี้ พลางสาวเท้าก้าวให้ช้าลงเท่ากันกับคนตัวเล็กกว่า ร่างสูงเดินนำไปยังโต๊ะที่จองไว้ นั่งทับที่เดิมของใครบางคนอย่างจงใจ พอถึงเวลาที่บริกรหนุ่มมารับรายการอาหาร เขายังสั่งอาหารเมนูที่เธอจะมาสั่งมันเป็นประจำ “ต้มยำ... ผัดผัก ยำ...” บริกรหนุ่มยิ้มรับรายการอาหารจากลูกค้าที่ยังบอกด้วยว่า ‘เผ็ดน้อย’ และไม่เอาหัวหอม ส่วนสำหรับตัวเขาเป็นน้ำผลไม้ เพราะว่าขับรถมาเองเขาก็จะไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองชายตรงหน้าด้วยความคิดหลายอย่าง อันที่จริงเธอเอะใจมาได้สักพักแล้วว่าคำพูดจาของเขาแปลกๆ “คุณเมฆคะ ถ้าฉันจะถามตรง ๆ...” “คุณคิดว่าผมเป็นใคร? ผมจะเดินเข้าไปหาคุณเฉย ๆ ทำไม ผมไปจ้างบริษัทอื่นที่เปิดมาเป็นสิบยี่สิบปี เก๋ากว่าบริษัทคุณก็ได้” ตาคมลืมพรึบจากเมนูอาหาร วางมันไว้บนโต๊ะ รวบมือไว้บนหน้าตักด้วยกิริยาเชิดหยิ่งทุกกระเบียดนิ้ว “ตามผมมาครับ...” ร่างสูง
“ใครสั่งให้พวกมึงไปกระทืบหมอหมา!?” เสียงตะคอกอย่างโกรธขึ้ง นายหัวสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดพอได้เรื่องว่ามีคนทำงานเกินคำสั่ง ทั้งที่มันเคยเป็นเรื่องปรกติในฟาร์มแห่งนี้ งานประจบเอาใจเป็นที่หนึ่งยกให้วิทยา คนอื่นที่หวังโบนัสจากนายก็ไม่น้อยหน้า “อ้าว.. นายบอกพวกผมเองว่าอย่าให้ใครมาแตะของเล่นนาย” “พวกมึงจะทำอะไร ทำไมไม่มาถามกูก่อน! ไอ้ควาย มีสมองกันบ้างไหม?” นับครั้งได้ที่คนสุภาพร้ายกาจอย่างเมธพนธ์จะขึ้นกูมึง ลูกน้องสามคนโดนตบกบาลเรียงตัว ตามด้วยลูกถีบสุดจุกล้มลงไปกองกับพื้น ส่งเสียงครวญครางไปตาม ๆ กัน เป็นที่รู้ว่านายหัวแต่เก่าก่อนเคยอยู่โรงโขน กระบี่กระบอง เขาก็ต้องเป็นวิชาป้องกันตัว ถึงไม่ค่อยจะได้ลงมือกันบ่อย ๆ แต่ถ้าได้โมโหแล้วล่ะก็ มือหนักตีนหนัก! “อย่าสะเออะหาเรื่องให้กูอีก แค่นี้กูก็ปวดกบาลจะตายห่า!” ฝ่ามือหนาง้างขึ้นกลางอากาศเตรียมสาดโทสะอีกรอบ ลูกน้องคนสนิทเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาพอดี วิทยาไปให้ปากคำกับตำรวจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวก่อเรื่อง กลุ่มนักเลงที่เจตนาไปสั่งสอนคุณหมอ แต่ดันถูกหมอหมาซ้อมเสียยับเยินสภาพดูไม่ได้ ไม่พอ
ภาพที่แอบถ่ายเอาไว้เมื่อวันก่อนในร้านอาหาร วงหน้าสวยหมดจดในทีเผลอที่เขาดูได้อย่างไม่เบื่อ เกศรินเห็นว่าเจ้านายไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ จึงก้าวเข้าไปใกล้ ๆ เอ่ยเสียงอ้อนหวาน “อย่าใจร้ายกับเกศเลยนะคะ เกศคิดถึงคุณเมฆนะ” พอตาคมหลุบมองเลขาฯ สาวค่าตัวแพงลิบที่ช่วยดูแลงานในฟาร์มและเรื่องบนเตียง มือหนาวางของทุกอย่างลงเพื่อเปิดลิ้นชักหาสมบัติคู่กาย อีกคนก็ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้ม และรอ... “วันนี้ห้ามใช้เสียง... เข้าใจนะ” สิ้นคำ ท้ายทอยน้อยก็ถูกตะปบเข้าให้พลิกตัวหันไปอีกทางหนึ่ง กระชากบั้นท้ายงามงอนเข้าหากายแกร่งกำยำ ถลกกระโปรงขึ้นไวอย่างช่ำชอง หล่อนตั้งอกตั้งใจมาหาเขาด้วยกายพร้อมขนาดว่าแพนตี้ตัวจิ๋วก็ไม่ได้ใส่มา ซองสีสันสดสวยกลิ่นสตรอว์เบอร์รีถูกกัดทิ้ง และเพียงแค่เหลือบตามองไปยังภาพถ่ายบนโต๊ะพลันพริ้มตาหลับลง เขาแทบไม่ต้องทำอะไรกับมันมากมาย รอยยิ้มหวาน ๆ ในห้วงคะนึงพาความรู้สึกเร่าร้อนรุนแรง มือสวมอุปกรณ์ด้วยการลูบมันด้วยฝ่ามือร้อนคราวเดียว เจ้าของสะโพกกลมกลึงซึ่งถูกผลักลงนอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานไม้สักกว้าง ก
เจ้านายสาวผ่อนลมหายใจ มองดอกไม้สีขาวกับสภาพรกรุงรังของห้องครัว เธอเริ่มลงมือเก็บจัดของให้เข้าที่เข้าทาง หยิบผ้าผืนเล็กลูบน้ำขัดถูโต๊ะให้มันสะอาด ความเป็นลูกคุณหนูแท้จริงก็แค่เปลือกนอก ตอนเล็ก ๆ แม่ของเธอหนีตามผู้ชายก็คือพ่อ! ทิ้งเธอไว้ลำพังกับคุณยายที่สอนให้เธอทำทุกอย่างเป็น ยังสอนให้เธอรู้จักพอเพียงในแบบของคุณยาย บ้านหลังใหญ่โตประสาเศรษฐินีชาวจีนย่านวงเวียนใหญ่ จากออฟฟิศไปหากรถไม่ติดมากใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ขณิกาเข้ากรุงเทพทีไรก็จะไปเยี่ยมยายเพียนเสมอ ถึงยายเป็นคนจีนแต่เธอก็ยังไม่เคยจะเรียกยายว่าอาม่าเหมือนลูกหลานคนอื่น ๆ ด้วยความที่แม่บอกให้เรียก ‘ยาย’ ความคิดถึงคุณยายปรากฏในรอยยิ้มหวาน บนใบหน้าสะสวย ขอบตาดำคล้ำเหนื่อยล้าจากการทำงาน แน่นอนว่าบริษัทของเธอกำลังตกเป็นที่อิจฉา เพื่อน ๆ ที่จบโฆษณากลับมาด้วยกันยังสงสัยว่าเธอได้งานจากคุณเมธพนธ์มาได้อย่างไร อิงฟ้าและพิมพ์ลภัสโทรสั่งพิซซ่าฉลอง เข้ามาดูรายละเอียดโฆษณา ใบเสนอราคาในตอนเช้าก่อนออกไป ตัวเธอเองก็ซื้อวัตถุดิบมาทำคุกกี้ ที่หลายคนชมชอบว่าอร่อยมากน่าจะเปิดร้านเบเกอรี่ได้
การจราจรช่วงเย็นหนาแน่นติดขัดทั่วทุกถนนในเมืองกรุง การทำคุกกี้เพิ่มจึงมีเวลาซื้อของแค่ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลจากออฟฟิศ ชายหนุ่มเห็นด้วยและตามใจเธอขอแค่เขาได้ห่อขนมกลับบ้าน ต้องเป็นคุกกี้ฝีมือเธอเท่านั้น! พอขับรถมาถึงที่หมาย ร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิทก็จับรถเข็นเดินนำไปแผนกเครื่องปรุง ละฝีเท้าให้ช้าลงเล็กน้อยให้เท่าคนตัวเล็กที่มีความสูงแค่ระดับบ่า “มันต้องใช้อะไรบ้าง แป้งสาลีเหรอ?” “แป้งสาลีอเนกประสงค์ เนย ช็อกโกแลต อย่างอื่นมีหมดแล้วค่ะ คุณเมฆทำอาหาร หรือว่าทำขนมเป็นไหมคะ?” “ผมทำกับข้าว ทำงานแม่บ้านเป็นทุกอย่าง ผมแค่ไม่เคยทำขนม เมื่อก่อนผมไม่ได้รวยเท่านี้...” น้ำเสียงราบเรียบบอก เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับการนึกถึงอดีตอันไม่มีเรื่องใดให้น่าจดจำ หญิงสาวเชยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกแปลก จะว่าสงสารก็ด้วยส่วนหนึ่ง มือหยิบแป้งสาลีที่ต้องการจากชั้นวางลงในรถเข็น เดินไปข้าง ๆ กัน เธอคงได้แค่ปลอบประโลม “ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจนหรอกค่ะ บ้านฉันพอมีฐานะ แต่ว่าฉันทำอาหารได้ทุกอย่าง พ่อแม่ตามใจฉัน ฉันอยากทำอะไรฉันก็ได้ทำ ฉันเลยไปเรียนทำขนม เย็
เธอไม่อยากจะเป็นนางวันทองสองใจนักหรอก แต่จะมีชะนีสักกี่ตนทนความตลกร้ายของตาบ้านี่ไหว! ร้อยตำรวจตรีพิมฐาหรือหมวดพินเห็นว่าชายหนุ่มเดินไปชำระเงินรีบเข้ามาหาเธอในทันที ด้วยท่าทีเป็นห่วง “พาย... มีอะไรให้พี่ช่วยไหม?” ขณิกาส่ายหน้าไปมา เธอหงุดหงิดตั้งแต่รู้ว่าถูกตามตัวแล้วแค่ไม่ได้พูด “ช่วยกลับบ้านไปนอนเถอะนะพี่ ป่านนี้พี่พินยังไม่เลิกตามพายอีก พายบอกแล้วว่าวันนี้เข้าออฟฟิศไม่มีอะไร พ่อนี่ก็อีกคนนะ จริง ๆ เลย” ถลึงตาใส่ผู้หมวดสาวทีหนึ่งก่อนสะบัดก้นงอนไป ร้านขายยาตรงทางเข้าออกซูเปอร์มาเก็ตไม่ไกลมากนัก ขณิกาคุยกับเภสัชกรสาวมีอายุ ได้วิตามินกับครีมทาหน้าประสาผู้หญิงรักสวยรักงามมาสองสามอย่าง พอหันหลังกลับไปชะเง้อคอมองหาเขาก็เดินพอดี “ซื้อยาเสร็จแล้วใช่ไหม?” “ค่ะ เสร็จแล้ว อ่ะ... นี่” ตอบพลางยื่นถุงพลาสติกยาให้เขา “ยาของคุณเมฆ ทาด้วยนะคะ เดี๋ยวผิวจะเป็นรอย” ตาคมหลุบมองตามของในมืออย่างขุ่นเคืองใจ “แค่นี้ไม่เห็นจะต้องทา... แผลเป็นมันน่ารังเกียจมากหรือไง?” “ฉันไม่ได้พูดเลยนะว่ามันน่ารังเกียจ คุณเมฆคะ ทา
20 ปีที่แล้ว... “โอ๊ย ๆ พอแล้ว! เจ็บโว๊ย” เสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ปลายนิ้วมือทั้งห้านิ้วของเด็กสาวตัวน้อยนุ่งโจงกระเบนแดงเสื้อขาวสีเดียวกันกับอีกหลายคน ถูกกดให้แอ่นงอเกือบจะติดหลังฝ่ามือจนทนไม่ไหวเท่านั้น “ฮึ! มือแข็งแบบนี้เรอะจะมาหัดรำ” ทั้งน้ำเสียงและท่าทางดูถูก เด็กหนุ่มปล่อยมือน้อยที่จับบิดอยู่เมื่อครู่ เจ้าตัวเล็กกระโดดไปมาสูดลมเข้าปาก ก่อนกุมมือตัวเองไว้อย่างหวงแหน “ไอ้พี่ยักษ์! ไอ้บ้าเอ๊ย ฝากไว้ก่อนเถอะ” “แล้วเมื่อไรจะมาเอาคืนล่ะยัยเด็กกะโปก กลับไปเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ เล่นหมากเก็บกับเพื่อนเถอะ ตัวแค่นี้...” ไม่ว่าเปล่า พี่ยักษ์ขาใหญ่ประจำบ้านลุงนพฉีกยิ้มกว้างไม่ต่างจากยักษ์ตัวเขียว! ดวงตาคมเข้มเบิกกว้างถมึงทึงอย่างน่ากลัว โน้มตัวลงดึงชายเสื้อยืดสีขาวมอมแมมจากข้างหลัง “ลุงให้พี่มาสอนหนู! ไม่ได้ให้มาออกความเห็น” บริภาษด้วยสายตาอาฆาตแค้น เด็กน้อยวัยหกขวบแม้ขาลอยจากพื้นยังคงมีสีหน้าดื้อรั้น ด้วยความอยากจะเอาชนะคนที่กำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ “จีบมือ... ย่อขาไปจนกว่าพี่จะบอกว่าพอ... แล้วจะสอนให้นะจ๊ะอีหนู มันเป
เมธพนธ์ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง เศรษฐีอย่างเขาไปซื้อกินเอาก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้หรือผู้หญิง... กาสิโนที่มีอยู่ล้อมรอบเมืองไทยเหนือจรดใต้ให้กำไรดีงาม นักธุรกิจทั้งชาวไทยชาวต่างชาติเข้าไปจับจองเป็นเจ้าของจนร่ำรวย เมื่อมันไม่ได้มีแค่ผีพนันไปเข้าบ่อนจนหมดตัว พวกฟอกเงิน ขายของผิดกฎหมายก็นำเงินไปย่อยเป็นน้ำ เป็นวงจรเช่นนี้มานาน ซึ่งตำรวจต้องปิดหูปิดตาข้างหนึ่งเพราะไม่สามารถทำอะไรได้ เขาควรไม่พอใจขณิกาทั้งเรื่องวีรกรรมมากมายของพี่สาวตัวดีของเธอ ไหนจะการที่แม่คุณดันเป็นลูกสาวนายตำรวจใหญ่ พลตำรวจเอกปรีชาคงต้องให้ลูกสาวหาช่องทางมาสืบสาวเรื่องราวจากเขา ผู้หญิงคนนี้เหมือนสิ่งต้องห้ามที่ต้องหลีกหนีให้ไกล แต่ไอ้เมธพนธ์ดันไม่มีความอดทนเอาเสียเลย! ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งหลงใหล กลิ่นหอมอ่อนของแชมพู น้ำหอมราคาแพงที่บางวันเธอก็ไม่ได้พรมมันมาเหลือเพียงกลิ่นกายสาวจากธรรมชาติ รอยยิ้มนุ่มนวลบนวงหน้าหวานสะกดมนุษย์น้ำแข็งอย่างเขาให้เหลวละลาย... หัวใจเต้นแรง... ตื่นเต้น... ตื่นตัวตลอดเวลา ทุก ๆ อย่างที่เธอทำนั้นเขารู้สึกชอบมันไปเสียหมด แค่ขยับต
เสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วทั้งโรงละครกว้างขวาง ครอบคลุมด้วยระบบเสียงดิจิตัลรอบทิศทาง ตกแต่งด้วยลวดลายงามแบบไทย โขนละครรามเกียรติ์ตอนยกทัพไปรบ หนุมานชูกล่องดวงใจ หนุมานรบมัจฉานุ ลักสีดา พิเภกสวามิภักดิ์ อีกหลากหลายตอนที่เธอมารอชม ไม่มีรอบไหนพลาด ซื้อตั๋วไม่มีขาด FC แฟนพันธุ์แท้ กดจองได้เร็วเสียยิ่งกว่าตั๋วงานคอนฯ BTS ในที่สุดเธอก็กลายเป็นเจ้าแม่จนต้องได้ที่นั่งด้านหน้าสุดทุกครั้ง! ขณิกากลายเป็นหนึ่งคนที่อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย บางครั้งยังนุ่งซิ่นมานั่งชมละครโขน ละครเพลง กับพี่สาวคนสนิทและคุณอา ทว่าสิ้นสุดงานแสดงจบลงมีสิ่งเดียวที่เธอไม่เคยนึกชอบ! คือตอนถอดหัวโขน มักจะมีเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาว ๆ เบา ๆ ‘นายหัวเมฆแห่งไร่องุ่น พีควัลเลย์’ กลายเป็นคนดังในวงการเซเลบด้วยความหล่อเหลากระชากใจด้วยรอยยิ้มตรงมุมปาก ชายหนุ่มยังได้ตำแหน่งครองใจสาวน้อยใหญ่เป็น ‘ทศกัณฐ์ที่หล่อที่สุด!’ ทั้งโลกโซเชียลแชร์กันแค่ข้ามคืน เรื่องที่เขาถูกใส่ร้ายได้รับการเปิดเผยความจริง สาวไหน ๆ มาต่อคิวรอเสนอตัวให้ด้วยความอยากจะเป็นนางสีดากันทั้งนั้น
แผนการร้ายของทินกรนั้นคาเดาได้ไม่ยาก เขาคงคิดจะสั่งสอนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพื่อที่จะได้นำเงินก้อนนี้ไปตั้งตัว หนีไปกบดานประเทศอื่น ทว่าทันใดนั้นเอง หมับ! แรงหนักแน่นจับเข้าต้นแขนพาความรู้สึกเย็นวาบ เมื่อทินกรหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ปกปิดใบหน้าเกรี้ยวโกรธไว้ด้วยผ้าปิดปากสีดำลายยักษ์! ไม่มีใครรู้ว่าชายแปลกหน้าเป็นใคร เว้นเพียงหญิงสาวที่จับจ้องมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “ของผัวเขาให้เมียไว้ใช้ ส่วนของเมียมันต้องเยอะกว่าสิวะ ไอ้น้องชาย...” “พะ... พี่ยักษ์” เสียงสั่นขลาดกลัว ทินกรยืนตัวสั่นเทาหลังจากที่เขาพยายามหลบชายตรงหน้ามาตลอดหลายเดือนหลังทุบตีครูนพ นำเงินไปใช้หนี้บ่อน ที่น่ากลัวกว่าติดคุกน่าจะเป็น ‘ไอ้เมธพนธ์’ “มึงหนีหน้ากูทำไม ไอ้ถิน... กลัวตายอย่างนั้นเหรอ? เจ้าหนี้มึงโดนตำรวจรวบเมื่อเช้า... อย่าบอกนะว่าไม่รู้?” เสียงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีดังพร้อมกับนายตำรวจใหญ่อีกคน ปรีชาได้สั่งให้ผู้หมวดผู้กองติดตามนายทินกรจนรวบตัวเจ้าหนี้ ซึ่งก็คือเจ้าของยาเสพติดล็อตใหญ่ได้สำเร็จที่หน้าบ่อน เป็นข่าวดังประจำวันแต่ดูเหม
เรื่องที่ได้ยินจากปากของขณิกานับว่าช่วยตำรวจได้ไม่น้อย วิทยาไม่ลืมบอกเรื่องสำคัญอีกอย่าง “ฟาร์มองุ่น... บ้าน ที่ดิน เพนท์เฮ้าส์ศรีราชา นายหัวเคยบอกผมว่ายกให้คุณพาย...” “เขา... ให้พายเหรอ? ให้... ทำไม...” ทั้งน้ำเสียงและแววตาตัดพ้อมองวิทยาอย่างต้องการคำตอบที่เขาไม่สามารถให้เธอได้ แม้แต่ปรีชาเองก็ส่ายหน้าไปมาว่าไม่รู้... “คุณเมฆ... ไม่สิ เขายังไม่ตาย... ไหนศพคุณเมฆ?” นั่นคือที่เธอไม่เชื่อคนตรงหน้ากับภาพที่เห็น ก่อนจะเริ่มส่งเสียงดังร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนเสียสติ ขณะที่กนิษฐามาถึงในอีกไม่นานด้วยความเป็นห่วงลูกสาว ในห้องผู้ป่วยพิเศษ คนเป็นพ่อจำต้องหันหลังให้ลูกสาวในคราวนี้ นายตำรวจใหญ่อย่างเขามีจิตใจเข้มแข็งมากพอ เพราะอีกหลายชีวิตบริสุทธิ์ยังเฝ้ารอแสงแห่งความหวัง ท่ามกลางความมืดมิดมัวเมาของการเป็นทาสยาเสพติด วิทยาปิดประตูปิดลงด้วยท่าทางเป็นห่วง ปล่อยให้สองแม่ลูกอยู่กันตามลำพัง ก่อนเดินตามนายตำรวจในชุดลำลอง อึกอักถาม “เอ่อ... ไหวไหมครับท่านรอง? ฝั่งผมน่ะไหว... แต่ลูกสาวท่าน...” “ไม่... ต้องจับมันกับเจ้าหนี้มันให้ได้... ฉันจะต้องปิดค
การหายตัวอย่างไร้ร่องรอยของนายทินกรที่ไม่ยอมมาตามหมายศาล เดือดร้อนถึงพลตำรวจเอกปรีชาและนายหัวไร่องุ่น ตำรวจยังไม่สามารถทำการเข้าจับกุมในเมื่อเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาในการประกันตัวสู้คดี จำเลยยังไม่ยอมรับสารภาพตามหลักฐานการจับกุมพร้อมของกลางทั้งหมด และซัดทอดไปที่นายเมธพนธ์ว่าเป็นคนบงการ แม้ไม่มีหลักฐานบางครั้งศาลอาจรับฟังคำซัดทอดลงโทษได้เช่นกัน ปัญหานี้คงจะมีแต่เขาสามารถจัดการกับนายถิน ร้อยตำรวจตรีพิมฐาติดต่อมาขอเจรจากับเขาว่าท่านอยากลงตำแหน่งอย่างสวย ๆ ในวัยใกล้เกษียณ แผนการนี้อาจจับตัวการใหญ่ได้แบบไม่ต้องมีใครเสียเลือดเนื้อ... ตัวเขาเองก็จะไม่ต้องเดือดร้อนยังเป็นการจับแก๊งค้ายานรกแบบละมุนละม่อมที่สุด “นายหัวจะทำตามที่ท่านรองฯ ขอไหม?” วิทยาถามนายที่มีท่าทีหงุดหงิด ทว่าเขาและนายเห็นด้วยกับนายตำรวจกับวิธีการนี้ “มันมีทางเลือกไหมล่ะ?” “ผมจะคุ้มกันความปลอดภัยของคุณพายให้ นายลุยได้เลย ไม่ต้องห่วง เรื่องทนายของเราผมเตรียมไว้แล้วครับ” เมื่อลูกน้องคนสนิทรับปากเป็นมั่นเหมาะ เจ้าของร่างสูงในเสื้อแขนยาวคอเต่าตามสภา
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาไว ๆ “ไม่ดีค่ะ... พายไม่อยากกอด ตัวพาย เส้นผมของพาย... หัวใจพายมีเจ้าของ... จะทำอะไรต้องขออนุญาต ห้ามไม่ให้ผู้ชายคนไหนแตะเป็นคำสั่ง แฟนพายดุมาก อาภพจะเดือดร้อนเอา” ขณิกาทวนคำพูดของบางคนครบถ้วนทุกคำ เธอเป็นคนตรงพอ ๆ กับอริสา ลูกสาวของพิภพ เสียงผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ดัง “อาขอโทษนะ... อาเคยเห็นแก่ตัวเพราะเรื่องเมียเก่า ทั้งที่แก้วตายไปตั้งนานแล้ว อารู้ว่าอารัก... อาหวงพายมากแต่อาโง่เอง” “ไม่เป็นไรค่ะ พายไม่โกรธอาภพเลย ถ้าพายไม่วิ่งหนีอาวันนั้น พายคงไม่ได้เจอคุณเมฆ... เขาดูแลพายดีมาก ๆ เขารักพายอย่างที่พายรักเขาคนเดียว” ในแววตาคู่สวยเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวชายหนุ่ม แม้ว่าเขาจะเคยเป็นเพลย์บอย เธอกลับแน่ใจว่าความรักของเธอและเขาเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง หญิงสาวก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง เผชิญหน้ากับคุณอาที่เธอเคยปันหัวใจให้... “อาภพดูแลตัวเองนะคะ นายหัวฟาร์มม้าเป็นคนดีต้องเจอคนศีลเสมอกันแน่ค่ะ ถ้าไม่เจอก็แก่ตายไปคนเดียวเนอะ อายุเยอะแล้ว... ปลงค่ะปลง” และเป็นอีกครั้งที่เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ พิภพพอจะยิ้มออกบ้างพอเห็นว่าอด
“คุยอะไรกันคะ? หน้าตาคร่ำเครียดเชียว พายพลาดอะไรไปหรือเปล่า?” “นายหัวกำลังพูดถึงงานโฆษณาของคุณพายน่ะครับ” วิทยาหันไปตอบทำเหมือนว่าเขาไม่ได้คุยอะไรกับเจ้านายมาก่อนเลย แผนเซอร์ไพรส์สาวครั้งนี้คงไปได้ด้วยดีถ้าเขาไม่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ วงหน้าหวานขมวดมุ่นมองถ้วยมีหูที่ว่างเปล่า ถามด้วยความหวังดี “คุณวิทย์... กาแฟอีกแก้วไหมคะ? พายไปซื้อให้... มันหมดแล้วนะ” “ไม่เป็นไรครับ...” เจ้านายส่ายหน้าไปมากับความไม่เนียนของลูกน้อง ก่อนที่หญิงสาวจะนั่งลงข้าง ๆ เขาหยิบแท็บเล็ตส่งให้ “ตัวอย่างโฆษณาเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ตรวจดูความเรียบร้อยก่อนได้ คุณลูกค้าไม่ชอบตรงไหน แก้ไขได้ค่ะ” ได้ยินคำว่าตรวจตรา... ดวงตาคู่คมหรี่เล็กลงมองเดรสสีขาวแขนยาวความความยาวคลุมเข่าดูเรียบร้อยแฝงความเย้ายวนไว้ตรงหน้าอกอวบอัดคับแน่นในเสื้อคอลึกกว้างทรงสี่เหลี่ยม “แต่งตัวให้มันดี ๆ เสื้อ... คอลึกเอาผ้าพันคอคลุมไว้ด้วยครับ” “แหม... คุณเมฆหวงพายเหรอ? เมื่อก่อนไม่เห็นจะบ่น... งานจะเอาไหมคะ?” เธอย้ำอีกรอบให้ผู้ชายขี้บ่นรับงานไป ปั
“อะไรนะ!? ไอ้ยักษ์มันเล่นหัวผู้กองเรอะ?” เสียงโวยวายของนายตำรวจใหญ่ ในห้องผู้ป่วยพิเศษที่มีกระเช้าเยี่ยมไข้เต็มโต๊ะ คนไข้เจ้าของห้องนั่งมองหนุ่มวัยหกสิบปีสาดอารมณ์ใส่โทรศัพท์นานหลายนาที เรื่องลูกสาวถูกลักพาเข้าซอยเล็กซอยน้อยในหมู่บ้านสลัมย่านบางยี่เรือ ทะลุออกถนนใหญ่ได้ แต่ละเส้นทางลึกลับงุนงงจนผู้กองหาทางออกไม่เจอ และก็คลาดกับเป้าหมายจนได้ ขณะที่อริสากำลังคิดว่าน้องสาวคนสนิทไม่มาเยี่ยม ไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความเธอเลยเป็นเพราะคำพูดเมื่อหลายวันก่อน มันเคยเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเธอและพ่อกับการว่าสาดเสียเทเสียนายหัวไร่องุ่น กลั่นแกล้งกันมานานนับหลายปี ไม่ใช่ตอนนี้... ‘คุณเมฆไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าพี่อริสจะเกลียดเขาอย่างคนไม่มีเหตุผล แล้วแต่พี่เลย... แต่พี่อย่าด่าว่าเขาให้พายฟัง พายไม่อยากฟังค่ะ’ คนเคยสนิทกันคงไม่สบายใจ หลายวันก่อนรุ่นพี่อย่างชินดนัยมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังพร้อมด้วยหลักฐานของร้อยตำรวจตรีพิมฐา ใบหน้าสดสวยซีดขาวราวกระดาษคร่ำเครียดจัด บนเตียงผู้ป่วยที่ถูกปรับให้เอนขึ้นเล็กน้อย ด้วยแผลจากลูกกระสุนที่ทะลุผ่
ร้านอาหารมากมายขายกันแข่งหลายซุ้ม มีกิจกรรมยิงปืน ตักปลา เวทีการแสดงในแบบของวัดไทย ๆ ผู้คนต่างมาเที่ยวกันคึกคัก มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ด้วยความเป็นลูกหลานบ้านเศรษฐีนีต้องแอบหนีเที่ยวอยู่บ่อย ๆ เพราะบ้านของคุณยายเองก็มีกฎกติกา ท่านคงกลัวว่าหลานสาวจะไปคบเด็กเกเรจนเสียผู้เสียคน แต่จนถึงทุกวันนี้เธอยังไม่เคยทำตัวออกนอกลู่นอกทางให้พ่อแม่หรือคุณยายต้องน้ำตาตกในสักครั้ง “เรื่องงานโฆษณา ฝ่ายทีมงานยังต้องตัดต่ออีกหน่อยนะคะ เดี๋ยวพายส่งให้นะ” เธอบอกเขาพอจะเดินเข้าไปหาซื้อของกิน ชายหนุ่มไหวไหล่ตอบหน้าตาเฉย “ครับ... ไม่รีบอยู่แล้ว ผมแค่ตั้งใจไปหาน้องพาย... ไปจีบ” “พายรู้... คุณเมฆอยากแค่แก้เผ็ดอาภพเท่านั้นแหละ ดูตอนหัวเราะเวลาอาภพโมโหเข้าสิ สะใจเหลือเกินนะคะ” คนฟังจำได้ว่าเคยปรับความเข้าใจในเรื่องนี้กับเธอแล้วว่าทีแรกก็เป็นอย่างนั้น เมธพนธ์ไม่ใช่คนพูดอะไรซ้ำซาก ยิ่งวันก่อนนายพิภพโทรมาบอกเรื่องนายตำรวจใหญ่ด้วยตัวเองเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ตัวท่านเองต
หมดชั่วโมงสุดท้ายของคาบเรียนบางอาทิตย์ หากว่ามีเจ้ามืออย่างเศรษฐินีประจำหมู่บ้านหรือคนรวยคนอื่น ๆ บริจาคเงินพิเศษมา บ้านหลังนี้ยังมีกับข้าวและขนมฟรีให้เด็ก ๆ และคนทั่วไป พอเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มสอนเด็ก ๆ ครูจึงนั่งดูว่าไม่มีตรงไหนผิด “ท่าซึ่งใช้แทนคำพูดของตัวพระ รับ ปฏิเสธ สั่ง เรียก พี่จะทำให้ดูก่อน” “ลิง ๆ พี่ ผมอยากรำท่าลิง ท่านิลพัทรบหนุมาน หกกระบวนท่า...” “เป็นลิง... ต้องเข้มแข็งและว่องไว...” ว่าพลันกระโดดกระทบขา โบกมือไปมาที่ปากพยักหน้าหัวเราะร่า ในสายของคุณครูชื่นชมสิ่งที่พร่ำสอนไปนับสิบปีแต่นักเรียนยังไม่ลืม ทว่าพอศิษย์เอกเปลี่ยนอิริยาบถเป็นอีกตัวละครหนึ่ง ที่มักวิ่งตามนางเอกอยู่เสมอแม้ว่าเขาจะไม่เคยสมหวังในความรักต้องแย่ง! “เป็นยักษ์! ต้องรักนางให้ได้เท่ากู...!” “กูไม่ได้ให้มึงมาจีบแฟนโว๊ย! สักทีวะ ไอ้ยักษ์... ลีลาเยอะแยะมากมาย” เสียงโวยวายของครูนพเรียกอาการหัวเราะกลิ้งของเด็กน้อยทั้งหลายคนในห้องกว้าง พี่ยักษ์! เร็ว ๆ เลย... กว่าที่ชายหนุ่มจะกรีดกรายร่ายรำกระบวนท่าลิงและย