สัมผัสแผ่วเบาแว่วหวานซาบซ่านอยู่บนกลีบปาก แม้จะเต็มไปด้วยความละมุน นุ่มนวล เนิบนาบแต่ก็สามารถพาให้หล่อนล่องลอย ด้วยสัมผัสแสนดีอ่อนโยนนี้ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นราวหล่อนกำลังโบยบินขึ้นสวรรค์ หล่อนฝัน? หรือจริง?
หากหล่อนกำลังฝัน ทำไมความอุ่นวาบนี้จึงเสมือนจริง ทั้งสิ่งก่อกวนบนริมฝีปากก็เริ่มทวีความรุนแรง หนักหน่วงขึ้น รวมทั้งความชื้นปนอุ่นที่กำลังละเลียดชอนชิมราวริมฝีปากของหล่อนเป็นขนมหวาน
นิราวดีส่ายหน้า หัวสมองหนักอึ้ง เปลือกตาก็เช่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบานี้ ความฉ่ำชื้นที่ละเลียดแนบแน่นอยู่บนริมฝีปากนี้ หล่อนแน่ใจมีคนกำลัง ‘จูบ’ หล่อน
‘จูบ!’ แค่คิดเปลือกตาหลับพริ้มก็เปิดขึ้นทันที และสิ่งแรกที่เห็นก็คือแนวคิ้วดกดำกับดวงตาที่หลับพริ้มของผู้ชาย
หล่อนถูกผู้ชายจูบ!
‘จูบแรก’ ของหล่อน
ดวงตาสวยเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวเร็ว สิ่งเดียวที่คิดได้ในหัวเวลานี้คือกรีดร้อง ทว่า... แนวคิ้วเข้มแบบนี้ ดวงตาที่หลับพริ้มแบบนี้...
อืม... นี่คือ ‘ความฝัน’
หล่อนกำลังฝันจริงๆ ฝันที่สร้างความเร่าร้อนไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าหล่อนจะไม่เคยคิดเกินเลยมาถึงขั้นนี้ แต่การถูกศิลปินในดวงใจจู่โจมจูบแบบนี้ หล่อนก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน แม้จะในฝันก็ตามเถอะ
สาวน้อยที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดทำให้พ่อพร้อมจำต้องละจูบออก ดวงตาคมเข้มทว่าหวานสุดในยามนี้มองสบดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้างมองเขา ก่อนแววตาซุกซนปนเก้อเขินนิดๆ จะหลุบต่ำ กิริยาน่าเอ็นดูของหล่อนเรียกความซาบซ่านกระจายไปทั่วทั้งร่าง ก่อเกิดความปรารถนารุนแรงรุกเร้าอย่างไม่เคยเกิดกับหญิงใดมากมายเท่านี้ แค่หล่อนมองเขาด้วยดวงตาตื่นๆ เขาก็ยับยั้งไม่ได้
“อื้อ...”
ใบหน้าหล่อที่ค้อมเข้าใกล้บ่งบอกจุดหมายที่จะไปถึง นั่นทำให้นิราวดีตื่นตัวทันที หล่อนยกมือดันแผงอกกว้างเอาไว้ จะยอมให้เขาจูบอีกไม่ได้ เพราะหากปล่อยให้เขาจูบซ้ำ ที่เคยตั้งใจว่าจะไม่คิดเกินเลยกับเขา ก็อาจไม่เป็นดังเดิม เพราะลองหล่อนเก็บเขามาฝันเป็นตุเป็นตะได้ถึงขนาดนี้ ใจหล่อนก็คงคิดถึงเขาอยู่มากทีเดียว
หล่อนจะไม่ยอมฝันเพ้อเจ้อเพื่อตื่นไปเจอกับความเจ็บปวดหรอก ก็นั่นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่นา ไม่มีทางที่หล่อนจะฝ่าฟันแฟนคลับนับล้านขึ้นไปยืนเคียงข้างเขาได้หรอก เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะความรักของหล่อนจะต้องไม่หลบซ่อน และหล่อนคงไม่อดทนพอที่จะถูกบลูลี่ แต่ไม่ว่าหล่อนจะดันเขาออกแค่ไหน เขาก็เหมือนไม่ยอม ใบหน้าหล่อๆ นั้นยังค้อมเข้าใกล้จะรุกเร้าหล่อนให้ได้
“เฮีย!” เมื่อรั้งด้วยมือไม่ได้ หล่อนก็ต้องใช้เสียงรั้งเขาไว้ ซึ่งก็ได้ผล
“หืม... รู้จักฉันด้วยรึ”
“รู้จักสิเฮีย รู้จักดีเลยล่ะ เฮียลุกเถอะ” นิราวดีพยายามดันแผงอกกว้างให้ห่างออก แต่คนด้านบนกลับไม่สะเทือนเลยสักนิด “อื้อ... ในฝันก็หนักด้วยแฮะ”
“หล่อนว่าอะไรรึ”
“นุชว่าหนักค่ะ เฮียลุกเถอะ นี่เฮียเล่นนุชหลายขุมเลยนะ กะเข้าฝันทีเดียวได้ทั้งจูบได้ทั้งจิ้นน่ะสิ แต่นุชไม่เอาฝันเพ้อเจ้อแบบนี้หรอก นุชไม่อยากตื่นไปเจ็บ แต่ถ้าเป็นเฮียตัวจริง นุชก็จะให้เฮียจูบ จุ๊บๆๆ จูบจนปากเปื่อยเลยและ ตัวในฝันแบบนี้ นุชไม่เอาหรอก ลุกเถอะ หนัก... นุชอยากตื่นแล้ว”
หล่อนพูดออกไปตามใจคิด มือก็ดันอกเขาไปด้วย เพราะนี่เป็นความฝัน หล่อนจะพูดอะไรจะทำอะไรก็ได้ แต่หากฝันจะจักจี้ไปไกลจนถึงเรื่องนั้น หล่อนคงต้องยั้งไว้ ไม่งั้นหล่อนคงสัปดนเกินคนที่เก็บเอาเฮียมาฝันให้เสียหาย รักและชื่นชมเฮียก็พอแล้ว ไม่ควรเลยที่จะดึงเฮียมาเจ็ดเปื้อนแปดเปื้อนกับหล่อน
“ให้จูบอีกใช่ไหม”
“ว้าย! เฮีย ไม่เอาแล้ว ไม่จูบแล้ว นุชจักจี้ เฮีย... ไม่เอา...”
นิราวดีดันใบหน้าหล่อที่ค้อมเข้าใกล้ หันหน้าหนีปากกับจมูกที่ซุกไซ้ลงมาพร้อมหัวเราะคิกคักแก้เขิน เพราะเขาไม่ยอมหยุดจูบ ยังคงซุกไซ้จะปล้ำจูบหล่อนจนได้ และนั่นก็ทำให้หล่อนวูบวาบไปทั้งร่างที่ไม่สามารถสลัดไล่ความคิดพิเรนทร์ออกจากหัวได้เลย ก็ฝันของหล่อนกำลังเลยเถิดว่าเฮียชวนเล่นจ้ำจี้
“เฮีย... ไม่เอานะ ไม่เอา เฮีย...”
ทว่าไรเคราสากที่เสียดสีข้างแก้มกลับทำให้หล่อนนิ่วหน้า ฝันเหมือนจริงเหลือเกิน เพราะหล่อนรู้สึกแสบ ฝ่ามือดันแผงอกไว้มั่น ดวงตาสวยมองคนเหนือร่าง ใบหน้านี้ ‘เฮียโชค’ ไม่ผิดแน่ จะผิดก็เพียงเส้นผมที่หวีเรียบเสยไปด้านหลังไม่ได้แต่งทรงทันสมัยเทรนด์เกาหลีดั่งที่เห็นทุกวัน และดวงตาคมเข้มของเฮียที่มองหล่อนในเวลานี้... ไม่เคยเห็นสักครั้ง
“ไอ้นุช นี่แกฝันเพ้อเจ้อว่าเฮียจะกินแกเลยเหรอวะ บ้าไปแล้ว เป็นไม่ได้ ไอ้นุชตื่น... แกตื่นเดี๋ยวนี้นะ ฝันแบบนี้ไม่เอา ไม่ฝันแบบนี้ แกจะฝันสัปดนแบบนี้ไม่ได้ ตื่น... ไอ้นุช แกตื่นเดี๋ยวนี้นะ ตื่น...”
หล่อนหลับตาส่ายหน้าคาดหวังว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะหายไป ทว่าแค่เปิดตาขึ้นเสียงทุ้มๆ ดังแผ่วชิดริมฝีปากกลับทำให้หล่อนอ้าปากค้างไปไม่เป็น เพราะคำพูดแผ่วๆ ของคนเหนือร่างก็คือ
“ตื่นไปทั้งตัวแล้ว”
“เฮีย! เฮียโชค! กรี๊ดดดดด...” “เฮีย! กรี๊ดดดดด... เฮีย! รักเฮียนะ! รักเฮีย!” “เฮีย! นุชรักเฮียนะ! เฮีย! นุชรักเฮีย!” เสียงตะโกนเรียกชื่อและเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่าแฟนคลับดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพราะพวกเขากำลังมองไปยังจุดหมายเดียวกัน ทุกสายตาและทุกหัวใจจดจ่อในผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าสู่ด้านในของสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ผู้ชายที่ทำให้เหล่าแฟนคลับมารอให้กำลังใจ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว และเป็นคนเดียวที่หยุดเดินก่อนที่คนอื่นๆ จะหยุดตาม ใบหน้าหล่อจัดหันมองมายังทิศทางที่เหล่าแฟนคลับยืนอยู่ ยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือทักทาย พร้อมกับทำสัญญาณมือว่า ‘ให้รอนะ ประเดี๋ยวจะออกมา’ แค่นั้นเหล่าบรรดาแฟนคลับก็พากันกรี๊ด จนทั่วทั้งบริเวณสนั่นไปด้วยเสียงแหลมเล็กของแฟนคลับนับร้อยคน ซึ่งในนั้นมีหล่อนรวมอยู่ด้วย ‘นิราวดี’ ชะเง้อมองศิลปินในดวงใจที่หล่อนรักเขาเหลือเกิน รักและปรารถนาดีต่อเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้เขาจะหล่อสุดๆ แต่หล่อนกลับรู้ตัวว่าไม่ได้รักหรือคลั่งไคล้เขาจนมาเป็นแฟนคลับตัวยงเพราะความหล่อ แต่เป็นเพราะ... ‘เขาเป็นเขา’ เขาเป็นแบบอ
“เธอๆ เอ้าน้ำ เราเอามาเผื่อ” “ขอบใจจ้ะ” นิราวดีหันไปยิ้มให้กับสาวน้อยร่างอวบที่นั่งอยู่ด้านข้าง รับขวดน้ำที่เพื่อนแฟนคลับมีน้ำใจหยิบยื่นมาให้ พลางเปิดถุงผ้าใบเก่งแล้วหยิบกล่องขนมออกมายื่นให้ “นี่เรามีคัพเค้กมาด้วย เราอบเอง กินด้วยกันนะ” “เรามีมะม่วง เปรี้ยวเข็ดฟันเลยล่ะ แจมด้วยคน” พี่สาวที่นั่งอยู่อีกด้านยกกล่องบรรจุมะม่วงตัดแต่งชิ้นพอคำกับน้ำปลาหวานกระปุกใหญ่มาตั้งตรงกลาง นั่นทำให้นิราวดีทำหน้าซี้ดเข็ดฟันขึ้นในบัดดล แต่น้ำลายสอในปากก็ทำให้หล่อนอยากกระโจนเข้าใส่ “แต่เรามีพิซซ่าของเฮีย...” เสียงพี่สาวอีกคนที่นั่งถัดไปกลับทำให้พวกหล่อนพากันกรี๊ด ก่อนจะรีบตะครุบปิดปากกั้นเสียงโดยเร็ว เพราะพิซซ่าหลากหลายถาดกำลังถูกลำเลียงเข้ามาในพื้นที่ รอยยิ้มกว้างปะปนกับน้ำตาคลอซาบซึ้ง นิราวดีมองบรรยากาศโดยรอบ ณ ขณะนี้ หล่อนอยู่ท่ามกลางมิตรภาพที่อาจหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ มิตรภาพที่ได้จากบรรดาเหล่าแฟนคลับด้วยกันเอง ซึ่งเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่แทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากคนที่แอนตี้เรื่องแฟนคลับศิลปิน คนที่กล่าวหาว่าพวกหล่อนบ้าศิ
เสียงบรรเลงปี่พาทย์วงใหญ่ดังขับขานขจรไกลไปทั่วแนวคุ้งน้ำ ด้วยวันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่ ‘คุณหญิงพิศ’ ทำบุญขึ้นเรือนใหม่ ผู้มาร่วมงานบุญมีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่นับหน้าถือตาและเหล่าเพื่อนฝูงญาติสนิททั้งทางฝั่งท่านเจ้าคุณสามีผู้ล่วงลับไปแล้วและทางฝั่งคุณหญิงพิศเอง รวมทั้งผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงานที่ลูกชายนับถือ ด้วยเรือนนี้มิใช่เป็นเพียงเรือนใหม่ที่คุณหญิงพิศตั้งใจปลูกที่บ้านเกิด หากแต่หมายใจว่าจะให้เป็นเรือนหอของ ‘หลวงสำเนียงไพเราะ’ บุตรชายอีกด้วย “แม่พิศนี่ก็กระไร ปลูกเรือนใหม่เรือนหอให้ลูกชายทั้งที ก็มาปลูกอยู่หัวไร่ปลายนาเยี่ยงนี้ ดูสิ ไปมาก็ลำบากลำบน” “ไม่ลำบากเท่าไรดอกค่ะคุณแม่ นั่งรถไฟต่อเดียวเอง” “เอ๊ะแม่ชม! ไม่ทันไร ลูกก็ว่าไม่ลำบากแล้วรึ” “ก็จริงนี่คะคุณแม่ อีกหน่อยเมื่อสถานีรถไฟบางน้ำเปรี้ยวสร้างเสร็จ ก็จะยิ่งไปมาสะดวกมากขึ้นค่ะ จะเข้าพระนครก็ใช้เวลาไม่นานนัก” “แต่แม่ไม่ไหวจะมาเยี่ยมเยือนลูกดอกนะ ลูกคงต้องเป็นฝ่ายไปหาแม่ที่พระนครเสียล่ะ” ถ้อยสนทนาระหว่าง ‘คุณหญิงชื่น’ ภริยาพระยาพิศาลและ ‘แม่ชม’ บ
‘ผมไม่ตกลงครับคุณแม่’ ‘พ่อพร้อม! ไม่รู้ล่ะ วันพรุ่งคุณหญิงกับน้องจะมาที่นี่ด้วย พ่อพร้อมต้องรับหน้าที่ดูแลน้อง’ เขาไม่ได้รับปากแม่ แต่ก็ต้อนรับแม่ชมเฉกเช่นบุรุษพึงกระทำ และเมื่อสักครู่ที่เขาได้ยินถ้อยสนทนาของแม่ชมกับมารดาของหล่อน จนทำให้บรรดาผู้ใหญ่ที่แม่เชิญมาเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ นั่นยิ่งตอกย้ำว่าเขาคิดถูกแล้ว แม่ชมอาจงามพร้อมจริงอย่างที่แม่กล่าว ทว่าดอกไม้งามที่มีพิษก็ไม่ควรเลยที่จะนำมาปักแจกัน ‘พร้อม’ หันมองด้านในของเรือนกว้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่คงมีแต่เรื่องสู่ขอ ดูตัว และเรื่องแม่สื่อแม่ชักมาพูดคุยกับเขาไม่ได้หยุดเป็นแน่ เขาคงต้องหาทางเลี่ยงหรือไม่ก็ทำใจให้ทุกถ้อยคำผ่านเลยไป ส่วนเรือนนี้คงได้เทียวไปมาแค่วันหยุดการแสดง นั่นก็เท่ากับว่าห้องหอที่คุณแม่อุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้คงร้างคนนอนไปอีกนาน เพราะเขาหมายใจว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หัวใจร้องบอกว่าใช่เท่านั้น หญิงที่เขารอคอย นานเท่าไรก็จะรอ ร่างสูงก้าวตรงสู่ห้องกว้างที่สามารถมองเห็นคลองบางขนากได้ทั้งซ้ายขวา และเป็น ‘ห้องหอ’ ของเขา ทว่ายังไม่ทันก้าวเข้าใกล้ แ
สัมผัสแผ่วเบาแว่วหวานซาบซ่านอยู่บนกลีบปาก แม้จะเต็มไปด้วยความละมุน นุ่มนวล เนิบนาบแต่ก็สามารถพาให้หล่อนล่องลอย ด้วยสัมผัสแสนดีอ่อนโยนนี้ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นราวหล่อนกำลังโบยบินขึ้นสวรรค์ หล่อนฝัน? หรือจริง? หากหล่อนกำลังฝัน ทำไมความอุ่นวาบนี้จึงเสมือนจริง ทั้งสิ่งก่อกวนบนริมฝีปากก็เริ่มทวีความรุนแรง หนักหน่วงขึ้น รวมทั้งความชื้นปนอุ่นที่กำลังละเลียดชอนชิมราวริมฝีปากของหล่อนเป็นขนมหวาน นิราวดีส่ายหน้า หัวสมองหนักอึ้ง เปลือกตาก็เช่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบานี้ ความฉ่ำชื้นที่ละเลียดแนบแน่นอยู่บนริมฝีปากนี้ หล่อนแน่ใจมีคนกำลัง ‘จูบ’ หล่อน ‘จูบ!’ แค่คิดเปลือกตาหลับพริ้มก็เปิดขึ้นทันที และสิ่งแรกที่เห็นก็คือแนวคิ้วดกดำกับดวงตาที่หลับพริ้มของผู้ชาย หล่อนถูกผู้ชายจูบ! ‘จูบแรก’ ของหล่อน ดวงตาสวยเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวเร็ว สิ่งเดียวที่คิดได้ในหัวเวลานี้คือกรีดร้อง ทว่า... แนวคิ้วเข้มแบบนี้ ดวงตาที่หลับพริ้มแบบนี้... อืม... นี่คือ ‘ความฝัน’ หล่อนกำลังฝันจริงๆ ฝันที่สร้างความเร่าร้อนไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าหล่อนจะไม่เคยคิดเ
‘ผมไม่ตกลงครับคุณแม่’ ‘พ่อพร้อม! ไม่รู้ล่ะ วันพรุ่งคุณหญิงกับน้องจะมาที่นี่ด้วย พ่อพร้อมต้องรับหน้าที่ดูแลน้อง’ เขาไม่ได้รับปากแม่ แต่ก็ต้อนรับแม่ชมเฉกเช่นบุรุษพึงกระทำ และเมื่อสักครู่ที่เขาได้ยินถ้อยสนทนาของแม่ชมกับมารดาของหล่อน จนทำให้บรรดาผู้ใหญ่ที่แม่เชิญมาเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ นั่นยิ่งตอกย้ำว่าเขาคิดถูกแล้ว แม่ชมอาจงามพร้อมจริงอย่างที่แม่กล่าว ทว่าดอกไม้งามที่มีพิษก็ไม่ควรเลยที่จะนำมาปักแจกัน ‘พร้อม’ หันมองด้านในของเรือนกว้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่คงมีแต่เรื่องสู่ขอ ดูตัว และเรื่องแม่สื่อแม่ชักมาพูดคุยกับเขาไม่ได้หยุดเป็นแน่ เขาคงต้องหาทางเลี่ยงหรือไม่ก็ทำใจให้ทุกถ้อยคำผ่านเลยไป ส่วนเรือนนี้คงได้เทียวไปมาแค่วันหยุดการแสดง นั่นก็เท่ากับว่าห้องหอที่คุณแม่อุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้คงร้างคนนอนไปอีกนาน เพราะเขาหมายใจว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หัวใจร้องบอกว่าใช่เท่านั้น หญิงที่เขารอคอย นานเท่าไรก็จะรอ ร่างสูงก้าวตรงสู่ห้องกว้างที่สามารถมองเห็นคลองบางขนากได้ทั้งซ้ายขวา และเป็น ‘ห้องหอ’ ของเขา ทว่ายังไม่ทันก้าวเข้าใกล้ แ
เสียงบรรเลงปี่พาทย์วงใหญ่ดังขับขานขจรไกลไปทั่วแนวคุ้งน้ำ ด้วยวันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่ ‘คุณหญิงพิศ’ ทำบุญขึ้นเรือนใหม่ ผู้มาร่วมงานบุญมีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่นับหน้าถือตาและเหล่าเพื่อนฝูงญาติสนิททั้งทางฝั่งท่านเจ้าคุณสามีผู้ล่วงลับไปแล้วและทางฝั่งคุณหญิงพิศเอง รวมทั้งผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงานที่ลูกชายนับถือ ด้วยเรือนนี้มิใช่เป็นเพียงเรือนใหม่ที่คุณหญิงพิศตั้งใจปลูกที่บ้านเกิด หากแต่หมายใจว่าจะให้เป็นเรือนหอของ ‘หลวงสำเนียงไพเราะ’ บุตรชายอีกด้วย “แม่พิศนี่ก็กระไร ปลูกเรือนใหม่เรือนหอให้ลูกชายทั้งที ก็มาปลูกอยู่หัวไร่ปลายนาเยี่ยงนี้ ดูสิ ไปมาก็ลำบากลำบน” “ไม่ลำบากเท่าไรดอกค่ะคุณแม่ นั่งรถไฟต่อเดียวเอง” “เอ๊ะแม่ชม! ไม่ทันไร ลูกก็ว่าไม่ลำบากแล้วรึ” “ก็จริงนี่คะคุณแม่ อีกหน่อยเมื่อสถานีรถไฟบางน้ำเปรี้ยวสร้างเสร็จ ก็จะยิ่งไปมาสะดวกมากขึ้นค่ะ จะเข้าพระนครก็ใช้เวลาไม่นานนัก” “แต่แม่ไม่ไหวจะมาเยี่ยมเยือนลูกดอกนะ ลูกคงต้องเป็นฝ่ายไปหาแม่ที่พระนครเสียล่ะ” ถ้อยสนทนาระหว่าง ‘คุณหญิงชื่น’ ภริยาพระยาพิศาลและ ‘แม่ชม’ บ
“เธอๆ เอ้าน้ำ เราเอามาเผื่อ” “ขอบใจจ้ะ” นิราวดีหันไปยิ้มให้กับสาวน้อยร่างอวบที่นั่งอยู่ด้านข้าง รับขวดน้ำที่เพื่อนแฟนคลับมีน้ำใจหยิบยื่นมาให้ พลางเปิดถุงผ้าใบเก่งแล้วหยิบกล่องขนมออกมายื่นให้ “นี่เรามีคัพเค้กมาด้วย เราอบเอง กินด้วยกันนะ” “เรามีมะม่วง เปรี้ยวเข็ดฟันเลยล่ะ แจมด้วยคน” พี่สาวที่นั่งอยู่อีกด้านยกกล่องบรรจุมะม่วงตัดแต่งชิ้นพอคำกับน้ำปลาหวานกระปุกใหญ่มาตั้งตรงกลาง นั่นทำให้นิราวดีทำหน้าซี้ดเข็ดฟันขึ้นในบัดดล แต่น้ำลายสอในปากก็ทำให้หล่อนอยากกระโจนเข้าใส่ “แต่เรามีพิซซ่าของเฮีย...” เสียงพี่สาวอีกคนที่นั่งถัดไปกลับทำให้พวกหล่อนพากันกรี๊ด ก่อนจะรีบตะครุบปิดปากกั้นเสียงโดยเร็ว เพราะพิซซ่าหลากหลายถาดกำลังถูกลำเลียงเข้ามาในพื้นที่ รอยยิ้มกว้างปะปนกับน้ำตาคลอซาบซึ้ง นิราวดีมองบรรยากาศโดยรอบ ณ ขณะนี้ หล่อนอยู่ท่ามกลางมิตรภาพที่อาจหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ มิตรภาพที่ได้จากบรรดาเหล่าแฟนคลับด้วยกันเอง ซึ่งเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่แทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากคนที่แอนตี้เรื่องแฟนคลับศิลปิน คนที่กล่าวหาว่าพวกหล่อนบ้าศิ
“เฮีย! เฮียโชค! กรี๊ดดดดด...” “เฮีย! กรี๊ดดดดด... เฮีย! รักเฮียนะ! รักเฮีย!” “เฮีย! นุชรักเฮียนะ! เฮีย! นุชรักเฮีย!” เสียงตะโกนเรียกชื่อและเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่าแฟนคลับดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพราะพวกเขากำลังมองไปยังจุดหมายเดียวกัน ทุกสายตาและทุกหัวใจจดจ่อในผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าสู่ด้านในของสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ผู้ชายที่ทำให้เหล่าแฟนคลับมารอให้กำลังใจ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว และเป็นคนเดียวที่หยุดเดินก่อนที่คนอื่นๆ จะหยุดตาม ใบหน้าหล่อจัดหันมองมายังทิศทางที่เหล่าแฟนคลับยืนอยู่ ยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือทักทาย พร้อมกับทำสัญญาณมือว่า ‘ให้รอนะ ประเดี๋ยวจะออกมา’ แค่นั้นเหล่าบรรดาแฟนคลับก็พากันกรี๊ด จนทั่วทั้งบริเวณสนั่นไปด้วยเสียงแหลมเล็กของแฟนคลับนับร้อยคน ซึ่งในนั้นมีหล่อนรวมอยู่ด้วย ‘นิราวดี’ ชะเง้อมองศิลปินในดวงใจที่หล่อนรักเขาเหลือเกิน รักและปรารถนาดีต่อเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้เขาจะหล่อสุดๆ แต่หล่อนกลับรู้ตัวว่าไม่ได้รักหรือคลั่งไคล้เขาจนมาเป็นแฟนคลับตัวยงเพราะความหล่อ แต่เป็นเพราะ... ‘เขาเป็นเขา’ เขาเป็นแบบอ