“เธอๆ เอ้าน้ำ เราเอามาเผื่อ”
“ขอบใจจ้ะ” นิราวดีหันไปยิ้มให้กับสาวน้อยร่างอวบที่นั่งอยู่ด้านข้าง รับขวดน้ำที่เพื่อนแฟนคลับมีน้ำใจหยิบยื่นมาให้ พลางเปิดถุงผ้าใบเก่งแล้วหยิบกล่องขนมออกมายื่นให้ “นี่เรามีคัพเค้กมาด้วย เราอบเอง กินด้วยกันนะ”
“เรามีมะม่วง เปรี้ยวเข็ดฟันเลยล่ะ แจมด้วยคน”
พี่สาวที่นั่งอยู่อีกด้านยกกล่องบรรจุมะม่วงตัดแต่งชิ้นพอคำกับน้ำปลาหวานกระปุกใหญ่มาตั้งตรงกลาง นั่นทำให้นิราวดีทำหน้าซี้ดเข็ดฟันขึ้นในบัดดล แต่น้ำลายสอในปากก็ทำให้หล่อนอยากกระโจนเข้าใส่
“แต่เรามีพิซซ่าของเฮีย...”
เสียงพี่สาวอีกคนที่นั่งถัดไปกลับทำให้พวกหล่อนพากันกรี๊ด ก่อนจะรีบตะครุบปิดปากกั้นเสียงโดยเร็ว เพราะพิซซ่าหลากหลายถาดกำลังถูกลำเลียงเข้ามาในพื้นที่
รอยยิ้มกว้างปะปนกับน้ำตาคลอซาบซึ้ง นิราวดีมองบรรยากาศโดยรอบ ณ ขณะนี้ หล่อนอยู่ท่ามกลางมิตรภาพที่อาจหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ มิตรภาพที่ได้จากบรรดาเหล่าแฟนคลับด้วยกันเอง ซึ่งเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่แทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
จากคนที่แอนตี้เรื่องแฟนคลับศิลปิน คนที่กล่าวหาว่าพวกหล่อนบ้าศิลปินเกินเหตุ คนที่บอกว่าศิลปินชายคนอื่นๆ หล่อกว่าเยอะทำไมไม่ไปคลั่งไคล้ ทว่าเมื่อสิ่งที่พวกหล่อนทำถูกถ่ายทอดปากต่อปาก จากตาเห็น หรือสัมผัสเอง นั่นทำให้จำนวนแฟนคลับของเฮียเพิ่มมากขึ้น จนวันนี้หล่อนเห็นแล้วว่ามีคนรักเฮียมากมาย เพราะยอดคนติดตามเฮียในสื่อออนไลน์มีมากกว่า 1 ล้านคน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หล่อนรักเฮียได้ไง
ภาพการแถลงข่าวของเฮียโชคถึงคอนเสิร์ตที่จะมีในเดือนหน้าฉายอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของแฟนคลับทุกคน แต่หล่อนดันปวดฉี่กะทันหันนี่สิปัญหา
นิราวดีบิดตัวไปมาชั่งใจว่าควรทำอย่างไรดี เพราะถ้าลุกไปตอนนี้ ตำแหน่งที่นั่งต้องเปลี่ยนแน่ ถ้าหล่อนไปเข้าห้องน้ำ ความตั้งใจที่อุตส่าห์มารอเฮียตั้งแต่ตี 5 เพื่อให้ได้นั่งแถวแรกก็จะเป็นหมันทันที เพราะหล่อนคงพลาดโอกาสได้จับมือเฮีย คิดแล้วก็โทษตัวเองว่าไม่ควรดื่มน้ำเยอะ แล้วดันไม่กล้านุ่งผ้าอ้อมผู้ใหญ่มาอีก พอมาปวดฉี่แบบนี้ หล่อนนึกไม่ออกเลยว่าควรทำอย่างไรต่อ แต่หากนั่งทนอยู่แบบนี้รอจนเฮียออกมา มีหวังหล่อนได้ฉี่ราดแน่
“อูย...”
“ตัวเอง... ตัวเองเป็นอะไร ปวดท้องเหรอ เรามียานะ”
“เรา... เราปวดฉี่”
“ก็ไปฉี่สิ อ้อ... กลัวที่นั่งหาย ไปเหอะ เดี๋ยวเราดูไว้ให้ รีบไปรีบมานะ”
“ขอบคุณจ้ะตัวเอง เราไปแป๊บเดียว เดี๋ยวมานะ”
นิราวดีกระชับมือของเพื่อนแฟนคลับ ดีใจที่มองตาก็รู้ใจ เพราะใครเล่าจะอยากเสียที่
ระหว่างอยู่ในห้องน้ำ นิราวดีปฏิบัติกิจอย่างเร่งด่วน แต่ตาและหูไม่ได้พลาดจากคำสัมภาษณ์ของเฮียเลยสักนิด หล่อนยิ้มกว้างเมื่อกล้องแพลนไปที่ใบหน้าของเฮีย แต่เมื่อพิธีกรของค่ายถามเฮียว่ามีอะไรจะบอกฝากถึงแฟนคลับทั่วประเทศไหม หล่อนก็ตาตื่น เพราะนั่นคือสัญญาณว่าการแถลงข่าวกำลังสิ้นสุด
หล่อนรีบรุดออกจากห้องน้ำ หูยังฟัง ตายังมองโทรศัพท์ ทว่าเสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนคลับที่นั่งรอก็ทำให้หล่อนมองตรงไป บริเวณนั้นเหล่าทีมงานกำลังหอบกุหลาบแดงช่อโตออกมาแจกบรรดาแฟนคลับ
“ว้ายๆๆๆ ช้าไม่ได้ๆ”
หล่อนตื่นตัว สมองคำนวณระยะทาง หากหล่อนเดินย้อนกลับไปตามทางเดิม หล่อนต้องใช้เวลาประมาณ 10 วินาที จึงจะถึงจุดที่เพื่อนจองที่ไว้ให้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าถึงหรือเปล่าเพราะตอนนี้เหล่าแฟนคลับที่นั่งอยู่ต่างลุกขึ้นยืนเพื่อรับดอกไม้และขยับเข้าไปใกล้ชิดเพราะเฮียกำลังจะออกมาแล้ว แต่หากหล่อนลัดเลาะไปอีกทาง หล่อนอาจจะได้ดอกไม้จากเฮียเป็นคนสุดท้ายหรือดอกไม้อาจหมดก่อน แต่นั่นจะทำให้หล่อนสัมผัสเฮียได้อย่างใกล้ชิดเพราะเป็นจุดที่เฮียจะขึ้นรถพอดี
สมองยังคำนวณไม่เสร็จแต่เท้าของหล่อนก้าวไปแล้ว ช่องทางเดินบนตะแกรงระบายน้ำใต้ท่อเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ของอาคาร แม้จะเกิดเสียงเวลาเดิน แต่เสียงกรี๊ดที่ดังกลบทุกสิ่งก็ทำให้ฝีเท้าเร่งขึ้น
ดวงตากลมโตมองแต่เพียงเจ้าของร่างสูงที่ค่อยๆ เดินทักทายและแจกดอกไม้แฟนคลับ ฝีเท้าเร่งให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ จุดหมายคือแฟนคลับคนสุดท้ายที่ยืนอยู่นอกเชือกกั้นเขตห้ามเข้า แค่อีกไม่กี่ก้าว หล่อนก็จะก้มรอดเชือกเข้าไป ทว่า...
ผลุบ!
หัวใจหล่นวูบตามร่างกายที่ลอยละลิ่วรวดเร็ว โดยที่หล่อนไม่ทันได้กรีดร้อง แต่กลับได้ยินเสียงร้องกรี๊ดของใครหลายๆ คน ผ่านหูฟังที่หล่อนเสียบไว้ ก่อนที่เสียงนั้นจะห่างไกล ทว่าร่างกายของหล่อนก็ยังล่องลอย… ลอยไปที่ใด...
เสียงบรรเลงปี่พาทย์วงใหญ่ดังขับขานขจรไกลไปทั่วแนวคุ้งน้ำ ด้วยวันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่ ‘คุณหญิงพิศ’ ทำบุญขึ้นเรือนใหม่ ผู้มาร่วมงานบุญมีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่นับหน้าถือตาและเหล่าเพื่อนฝูงญาติสนิททั้งทางฝั่งท่านเจ้าคุณสามีผู้ล่วงลับไปแล้วและทางฝั่งคุณหญิงพิศเอง รวมทั้งผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงานที่ลูกชายนับถือ ด้วยเรือนนี้มิใช่เป็นเพียงเรือนใหม่ที่คุณหญิงพิศตั้งใจปลูกที่บ้านเกิด หากแต่หมายใจว่าจะให้เป็นเรือนหอของ ‘หลวงสำเนียงไพเราะ’ บุตรชายอีกด้วย “แม่พิศนี่ก็กระไร ปลูกเรือนใหม่เรือนหอให้ลูกชายทั้งที ก็มาปลูกอยู่หัวไร่ปลายนาเยี่ยงนี้ ดูสิ ไปมาก็ลำบากลำบน” “ไม่ลำบากเท่าไรดอกค่ะคุณแม่ นั่งรถไฟต่อเดียวเอง” “เอ๊ะแม่ชม! ไม่ทันไร ลูกก็ว่าไม่ลำบากแล้วรึ” “ก็จริงนี่คะคุณแม่ อีกหน่อยเมื่อสถานีรถไฟบางน้ำเปรี้ยวสร้างเสร็จ ก็จะยิ่งไปมาสะดวกมากขึ้นค่ะ จะเข้าพระนครก็ใช้เวลาไม่นานนัก” “แต่แม่ไม่ไหวจะมาเยี่ยมเยือนลูกดอกนะ ลูกคงต้องเป็นฝ่ายไปหาแม่ที่พระนครเสียล่ะ” ถ้อยสนทนาระหว่าง ‘คุณหญิงชื่น’ ภริยาพระยาพิศาลและ ‘แม่ชม’ บ
‘ผมไม่ตกลงครับคุณแม่’ ‘พ่อพร้อม! ไม่รู้ล่ะ วันพรุ่งคุณหญิงกับน้องจะมาที่นี่ด้วย พ่อพร้อมต้องรับหน้าที่ดูแลน้อง’ เขาไม่ได้รับปากแม่ แต่ก็ต้อนรับแม่ชมเฉกเช่นบุรุษพึงกระทำ และเมื่อสักครู่ที่เขาได้ยินถ้อยสนทนาของแม่ชมกับมารดาของหล่อน จนทำให้บรรดาผู้ใหญ่ที่แม่เชิญมาเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ นั่นยิ่งตอกย้ำว่าเขาคิดถูกแล้ว แม่ชมอาจงามพร้อมจริงอย่างที่แม่กล่าว ทว่าดอกไม้งามที่มีพิษก็ไม่ควรเลยที่จะนำมาปักแจกัน ‘พร้อม’ หันมองด้านในของเรือนกว้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่คงมีแต่เรื่องสู่ขอ ดูตัว และเรื่องแม่สื่อแม่ชักมาพูดคุยกับเขาไม่ได้หยุดเป็นแน่ เขาคงต้องหาทางเลี่ยงหรือไม่ก็ทำใจให้ทุกถ้อยคำผ่านเลยไป ส่วนเรือนนี้คงได้เทียวไปมาแค่วันหยุดการแสดง นั่นก็เท่ากับว่าห้องหอที่คุณแม่อุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้คงร้างคนนอนไปอีกนาน เพราะเขาหมายใจว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หัวใจร้องบอกว่าใช่เท่านั้น หญิงที่เขารอคอย นานเท่าไรก็จะรอ ร่างสูงก้าวตรงสู่ห้องกว้างที่สามารถมองเห็นคลองบางขนากได้ทั้งซ้ายขวา และเป็น ‘ห้องหอ’ ของเขา ทว่ายังไม่ทันก้าวเข้าใกล้ แ
สัมผัสแผ่วเบาแว่วหวานซาบซ่านอยู่บนกลีบปาก แม้จะเต็มไปด้วยความละมุน นุ่มนวล เนิบนาบแต่ก็สามารถพาให้หล่อนล่องลอย ด้วยสัมผัสแสนดีอ่อนโยนนี้ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นราวหล่อนกำลังโบยบินขึ้นสวรรค์ หล่อนฝัน? หรือจริง? หากหล่อนกำลังฝัน ทำไมความอุ่นวาบนี้จึงเสมือนจริง ทั้งสิ่งก่อกวนบนริมฝีปากก็เริ่มทวีความรุนแรง หนักหน่วงขึ้น รวมทั้งความชื้นปนอุ่นที่กำลังละเลียดชอนชิมราวริมฝีปากของหล่อนเป็นขนมหวาน นิราวดีส่ายหน้า หัวสมองหนักอึ้ง เปลือกตาก็เช่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบานี้ ความฉ่ำชื้นที่ละเลียดแนบแน่นอยู่บนริมฝีปากนี้ หล่อนแน่ใจมีคนกำลัง ‘จูบ’ หล่อน ‘จูบ!’ แค่คิดเปลือกตาหลับพริ้มก็เปิดขึ้นทันที และสิ่งแรกที่เห็นก็คือแนวคิ้วดกดำกับดวงตาที่หลับพริ้มของผู้ชาย หล่อนถูกผู้ชายจูบ! ‘จูบแรก’ ของหล่อน ดวงตาสวยเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวเร็ว สิ่งเดียวที่คิดได้ในหัวเวลานี้คือกรีดร้อง ทว่า... แนวคิ้วเข้มแบบนี้ ดวงตาที่หลับพริ้มแบบนี้... อืม... นี่คือ ‘ความฝัน’ หล่อนกำลังฝันจริงๆ ฝันที่สร้างความเร่าร้อนไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าหล่อนจะไม่เคยคิดเ
“เฮีย! เฮียโชค! กรี๊ดดดดด...” “เฮีย! กรี๊ดดดดด... เฮีย! รักเฮียนะ! รักเฮีย!” “เฮีย! นุชรักเฮียนะ! เฮีย! นุชรักเฮีย!” เสียงตะโกนเรียกชื่อและเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่าแฟนคลับดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพราะพวกเขากำลังมองไปยังจุดหมายเดียวกัน ทุกสายตาและทุกหัวใจจดจ่อในผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าสู่ด้านในของสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ผู้ชายที่ทำให้เหล่าแฟนคลับมารอให้กำลังใจ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว และเป็นคนเดียวที่หยุดเดินก่อนที่คนอื่นๆ จะหยุดตาม ใบหน้าหล่อจัดหันมองมายังทิศทางที่เหล่าแฟนคลับยืนอยู่ ยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือทักทาย พร้อมกับทำสัญญาณมือว่า ‘ให้รอนะ ประเดี๋ยวจะออกมา’ แค่นั้นเหล่าบรรดาแฟนคลับก็พากันกรี๊ด จนทั่วทั้งบริเวณสนั่นไปด้วยเสียงแหลมเล็กของแฟนคลับนับร้อยคน ซึ่งในนั้นมีหล่อนรวมอยู่ด้วย ‘นิราวดี’ ชะเง้อมองศิลปินในดวงใจที่หล่อนรักเขาเหลือเกิน รักและปรารถนาดีต่อเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้เขาจะหล่อสุดๆ แต่หล่อนกลับรู้ตัวว่าไม่ได้รักหรือคลั่งไคล้เขาจนมาเป็นแฟนคลับตัวยงเพราะความหล่อ แต่เป็นเพราะ... ‘เขาเป็นเขา’ เขาเป็นแบบอ
สัมผัสแผ่วเบาแว่วหวานซาบซ่านอยู่บนกลีบปาก แม้จะเต็มไปด้วยความละมุน นุ่มนวล เนิบนาบแต่ก็สามารถพาให้หล่อนล่องลอย ด้วยสัมผัสแสนดีอ่อนโยนนี้ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นราวหล่อนกำลังโบยบินขึ้นสวรรค์ หล่อนฝัน? หรือจริง? หากหล่อนกำลังฝัน ทำไมความอุ่นวาบนี้จึงเสมือนจริง ทั้งสิ่งก่อกวนบนริมฝีปากก็เริ่มทวีความรุนแรง หนักหน่วงขึ้น รวมทั้งความชื้นปนอุ่นที่กำลังละเลียดชอนชิมราวริมฝีปากของหล่อนเป็นขนมหวาน นิราวดีส่ายหน้า หัวสมองหนักอึ้ง เปลือกตาก็เช่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบานี้ ความฉ่ำชื้นที่ละเลียดแนบแน่นอยู่บนริมฝีปากนี้ หล่อนแน่ใจมีคนกำลัง ‘จูบ’ หล่อน ‘จูบ!’ แค่คิดเปลือกตาหลับพริ้มก็เปิดขึ้นทันที และสิ่งแรกที่เห็นก็คือแนวคิ้วดกดำกับดวงตาที่หลับพริ้มของผู้ชาย หล่อนถูกผู้ชายจูบ! ‘จูบแรก’ ของหล่อน ดวงตาสวยเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวเร็ว สิ่งเดียวที่คิดได้ในหัวเวลานี้คือกรีดร้อง ทว่า... แนวคิ้วเข้มแบบนี้ ดวงตาที่หลับพริ้มแบบนี้... อืม... นี่คือ ‘ความฝัน’ หล่อนกำลังฝันจริงๆ ฝันที่สร้างความเร่าร้อนไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าหล่อนจะไม่เคยคิดเ
‘ผมไม่ตกลงครับคุณแม่’ ‘พ่อพร้อม! ไม่รู้ล่ะ วันพรุ่งคุณหญิงกับน้องจะมาที่นี่ด้วย พ่อพร้อมต้องรับหน้าที่ดูแลน้อง’ เขาไม่ได้รับปากแม่ แต่ก็ต้อนรับแม่ชมเฉกเช่นบุรุษพึงกระทำ และเมื่อสักครู่ที่เขาได้ยินถ้อยสนทนาของแม่ชมกับมารดาของหล่อน จนทำให้บรรดาผู้ใหญ่ที่แม่เชิญมาเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ นั่นยิ่งตอกย้ำว่าเขาคิดถูกแล้ว แม่ชมอาจงามพร้อมจริงอย่างที่แม่กล่าว ทว่าดอกไม้งามที่มีพิษก็ไม่ควรเลยที่จะนำมาปักแจกัน ‘พร้อม’ หันมองด้านในของเรือนกว้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่คงมีแต่เรื่องสู่ขอ ดูตัว และเรื่องแม่สื่อแม่ชักมาพูดคุยกับเขาไม่ได้หยุดเป็นแน่ เขาคงต้องหาทางเลี่ยงหรือไม่ก็ทำใจให้ทุกถ้อยคำผ่านเลยไป ส่วนเรือนนี้คงได้เทียวไปมาแค่วันหยุดการแสดง นั่นก็เท่ากับว่าห้องหอที่คุณแม่อุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้คงร้างคนนอนไปอีกนาน เพราะเขาหมายใจว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หัวใจร้องบอกว่าใช่เท่านั้น หญิงที่เขารอคอย นานเท่าไรก็จะรอ ร่างสูงก้าวตรงสู่ห้องกว้างที่สามารถมองเห็นคลองบางขนากได้ทั้งซ้ายขวา และเป็น ‘ห้องหอ’ ของเขา ทว่ายังไม่ทันก้าวเข้าใกล้ แ
เสียงบรรเลงปี่พาทย์วงใหญ่ดังขับขานขจรไกลไปทั่วแนวคุ้งน้ำ ด้วยวันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่ ‘คุณหญิงพิศ’ ทำบุญขึ้นเรือนใหม่ ผู้มาร่วมงานบุญมีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่นับหน้าถือตาและเหล่าเพื่อนฝูงญาติสนิททั้งทางฝั่งท่านเจ้าคุณสามีผู้ล่วงลับไปแล้วและทางฝั่งคุณหญิงพิศเอง รวมทั้งผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงานที่ลูกชายนับถือ ด้วยเรือนนี้มิใช่เป็นเพียงเรือนใหม่ที่คุณหญิงพิศตั้งใจปลูกที่บ้านเกิด หากแต่หมายใจว่าจะให้เป็นเรือนหอของ ‘หลวงสำเนียงไพเราะ’ บุตรชายอีกด้วย “แม่พิศนี่ก็กระไร ปลูกเรือนใหม่เรือนหอให้ลูกชายทั้งที ก็มาปลูกอยู่หัวไร่ปลายนาเยี่ยงนี้ ดูสิ ไปมาก็ลำบากลำบน” “ไม่ลำบากเท่าไรดอกค่ะคุณแม่ นั่งรถไฟต่อเดียวเอง” “เอ๊ะแม่ชม! ไม่ทันไร ลูกก็ว่าไม่ลำบากแล้วรึ” “ก็จริงนี่คะคุณแม่ อีกหน่อยเมื่อสถานีรถไฟบางน้ำเปรี้ยวสร้างเสร็จ ก็จะยิ่งไปมาสะดวกมากขึ้นค่ะ จะเข้าพระนครก็ใช้เวลาไม่นานนัก” “แต่แม่ไม่ไหวจะมาเยี่ยมเยือนลูกดอกนะ ลูกคงต้องเป็นฝ่ายไปหาแม่ที่พระนครเสียล่ะ” ถ้อยสนทนาระหว่าง ‘คุณหญิงชื่น’ ภริยาพระยาพิศาลและ ‘แม่ชม’ บ
“เธอๆ เอ้าน้ำ เราเอามาเผื่อ” “ขอบใจจ้ะ” นิราวดีหันไปยิ้มให้กับสาวน้อยร่างอวบที่นั่งอยู่ด้านข้าง รับขวดน้ำที่เพื่อนแฟนคลับมีน้ำใจหยิบยื่นมาให้ พลางเปิดถุงผ้าใบเก่งแล้วหยิบกล่องขนมออกมายื่นให้ “นี่เรามีคัพเค้กมาด้วย เราอบเอง กินด้วยกันนะ” “เรามีมะม่วง เปรี้ยวเข็ดฟันเลยล่ะ แจมด้วยคน” พี่สาวที่นั่งอยู่อีกด้านยกกล่องบรรจุมะม่วงตัดแต่งชิ้นพอคำกับน้ำปลาหวานกระปุกใหญ่มาตั้งตรงกลาง นั่นทำให้นิราวดีทำหน้าซี้ดเข็ดฟันขึ้นในบัดดล แต่น้ำลายสอในปากก็ทำให้หล่อนอยากกระโจนเข้าใส่ “แต่เรามีพิซซ่าของเฮีย...” เสียงพี่สาวอีกคนที่นั่งถัดไปกลับทำให้พวกหล่อนพากันกรี๊ด ก่อนจะรีบตะครุบปิดปากกั้นเสียงโดยเร็ว เพราะพิซซ่าหลากหลายถาดกำลังถูกลำเลียงเข้ามาในพื้นที่ รอยยิ้มกว้างปะปนกับน้ำตาคลอซาบซึ้ง นิราวดีมองบรรยากาศโดยรอบ ณ ขณะนี้ หล่อนอยู่ท่ามกลางมิตรภาพที่อาจหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ มิตรภาพที่ได้จากบรรดาเหล่าแฟนคลับด้วยกันเอง ซึ่งเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่แทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากคนที่แอนตี้เรื่องแฟนคลับศิลปิน คนที่กล่าวหาว่าพวกหล่อนบ้าศิ
“เฮีย! เฮียโชค! กรี๊ดดดดด...” “เฮีย! กรี๊ดดดดด... เฮีย! รักเฮียนะ! รักเฮีย!” “เฮีย! นุชรักเฮียนะ! เฮีย! นุชรักเฮีย!” เสียงตะโกนเรียกชื่อและเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่าแฟนคลับดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพราะพวกเขากำลังมองไปยังจุดหมายเดียวกัน ทุกสายตาและทุกหัวใจจดจ่อในผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าสู่ด้านในของสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ผู้ชายที่ทำให้เหล่าแฟนคลับมารอให้กำลังใจ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว และเป็นคนเดียวที่หยุดเดินก่อนที่คนอื่นๆ จะหยุดตาม ใบหน้าหล่อจัดหันมองมายังทิศทางที่เหล่าแฟนคลับยืนอยู่ ยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือทักทาย พร้อมกับทำสัญญาณมือว่า ‘ให้รอนะ ประเดี๋ยวจะออกมา’ แค่นั้นเหล่าบรรดาแฟนคลับก็พากันกรี๊ด จนทั่วทั้งบริเวณสนั่นไปด้วยเสียงแหลมเล็กของแฟนคลับนับร้อยคน ซึ่งในนั้นมีหล่อนรวมอยู่ด้วย ‘นิราวดี’ ชะเง้อมองศิลปินในดวงใจที่หล่อนรักเขาเหลือเกิน รักและปรารถนาดีต่อเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้เขาจะหล่อสุดๆ แต่หล่อนกลับรู้ตัวว่าไม่ได้รักหรือคลั่งไคล้เขาจนมาเป็นแฟนคลับตัวยงเพราะความหล่อ แต่เป็นเพราะ... ‘เขาเป็นเขา’ เขาเป็นแบบอ