‘ผมไม่ตกลงครับคุณแม่’
‘พ่อพร้อม! ไม่รู้ล่ะ วันพรุ่งคุณหญิงกับน้องจะมาที่นี่ด้วย พ่อพร้อมต้องรับหน้าที่ดูแลน้อง’
เขาไม่ได้รับปากแม่ แต่ก็ต้อนรับแม่ชมเฉกเช่นบุรุษพึงกระทำ และเมื่อสักครู่ที่เขาได้ยินถ้อยสนทนาของแม่ชมกับมารดาของหล่อน จนทำให้บรรดาผู้ใหญ่ที่แม่เชิญมาเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ นั่นยิ่งตอกย้ำว่าเขาคิดถูกแล้ว
แม่ชมอาจงามพร้อมจริงอย่างที่แม่กล่าว ทว่าดอกไม้งามที่มีพิษก็ไม่ควรเลยที่จะนำมาปักแจกัน
‘พร้อม’ หันมองด้านในของเรือนกว้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่คงมีแต่เรื่องสู่ขอ ดูตัว และเรื่องแม่สื่อแม่ชักมาพูดคุยกับเขาไม่ได้หยุดเป็นแน่ เขาคงต้องหาทางเลี่ยงหรือไม่ก็ทำใจให้ทุกถ้อยคำผ่านเลยไป
ส่วนเรือนนี้คงได้เทียวไปมาแค่วันหยุดการแสดง นั่นก็เท่ากับว่าห้องหอที่คุณแม่อุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้คงร้างคนนอนไปอีกนาน เพราะเขาหมายใจว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หัวใจร้องบอกว่าใช่เท่านั้น หญิงที่เขารอคอย นานเท่าไรก็จะรอ
ร่างสูงก้าวตรงสู่ห้องกว้างที่สามารถมองเห็นคลองบางขนากได้ทั้งซ้ายขวา และเป็น ‘ห้องหอ’ ของเขา ทว่ายังไม่ทันก้าวเข้าใกล้ แสงสว่างวาบเจิดจ้าที่ลอดช่องประตูออกมาจากด้านในก็ทำให้ทั้งร่างสะท้าน ทั่วกายสะบัดร้อนสะบัดหนาว ขนลุกเกรียวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ดวงตาคมเข้มจับจ้องแต่ประตู ครุ่นคิดไปพร้อมกับขนทั่วกายยังลุกไม่หยุด อะไรกันจะส่องแสงเจิดจ้าออกมาได้ ในเมื่อบนเรือนนี้มีเขาอยู่เพียงผู้เดียว หรือจะเป็นผีบ้านผีเรือนมาสำแดงฤทธิ์ให้เขารีบแต่งเมียโดยเร็ว แต่ก็ไม่น่าจะใช่
พ่อพร้อมเหลียวมองฟ้า แม้จะค่อนเย็นทว่าแสงสว่างก็ยังเจิดจ้า ผีที่ไหนจะออกมายามมีแสง เขาต้องรู้ให้ได้ว่าที่มาของแสงนั้นคือสิ่งใดกันแน่
ฝีเท้าเบาเดินเข้าใกล้ ฝ่ามือทาบที่บานประตู แม้ว่าขนทั่วกายยังลุกชัน หัวใจยังเต้นรัว แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเข้าไปดูให้แน่ใจ และเพียงผลักเบาๆ บานไม้แกะลวดลายวิจิตรก็เปิดออก นั่นทำให้พ่อพร้อมยืนนิ่งจังงัง
ดวงตาคมเข้มเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้างราวจะอุทานด้วยสิ่งที่เห็นเรียกความร้อนรุ่มพุ่งวาบไปทั่วร่าง
บนเตียงกว้างซึ่งเป็นเตียงสำหรับบ่าวสาวที่เขาเองก็ยังไม่เคยได้นอนสักครั้ง ณ ขณะนี้มีร่างหนึ่งนอนทอดกายสงบนิ่ง
‘หล่อน’ ผู้หญิงคนนั้นนอนหงาย ใบหน้าแหงนขึ้น ดวงตาหลับพริ้ม ไม่ได้น่ากลัวราวภูต ทว่า... กลับน่าพิสมัย
พ่อพร้อมก้าวเข้าหาอาการสะท้านไปทั่วกายราวจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จนมาหยุดอยู่ห่างร่างอรชรไม่เกินเอื้อมมือคว้า ได้สำรวจตรวจตราหล่อนอย่างใกล้ชิด อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเมื่อครู่กลับหายไปกลายเป็นความอบอุ่นหัวใจมาทดแทน
‘ไม่ใช่ผีแน่นอน หล่อนเป็นคน ผีอะไรจะ... น่ามองขนาดนี้’
หล่อนมีผิวขาวละเอียดดุจลูกสาวจีน ดวงตาหลับพริ้มมีแพขนตาหนางอนงามประดับอยู่ จมูกนิด ปากน้อยๆ แต่อวบอิ่มเป็นสีชมพูกุหลาบ และพวงแก้มก็เช่นกันให้สีระเรื่อ เส้นผมของหล่อนเป็นสีน้ำตาลเข้มดุจสีช็อกโกแลตยาวหยักศกคลอเคลียอยู่รอบกรอบหน้า หล่อนมีเรือนร่างแบบบาง ทว่าอกอวบอิ่มกลับชูชันกระเพื่อมขึ้นเบาๆ ตามแรงลมหายใจเข้าออก
‘หล่อนกำลังหลับลึก ไม่ใช่ผี... ผีไม่หลับ’
ความคิดมากมายพรั่งพรูมาในหัว พยายามคิดค้านตนเองว่าหล่อนเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่ผี หล่อนก็แค่เป็น... หญิงแปลกหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น รวมทั้งเครื่องแต่งกายของหล่อนก็ผิดแผกไปจากเครื่องแต่งกายของสตรีที่เขาเคยเห็น
หล่อนสวมเสื้อเชิ้ตขาวกลัดกระดุมไม่ครบจนช่วงคอที่เปิดกว้างตกไปค้างอยู่ที่หัวไหล่ลาดเนียน เผยให้เห็นทรวงอกอวบที่กระเพื่อมจากแรงลมหายใจเข้าออกอยู่รำไร รูปร่างแบบบางจนเห็นเอวคอดกิ่วใต้เนื้อผ้าขาวได้อย่างรางเลือน และหล่อนก็สวมกางเกงขี่ม้าที่เนื้อผ้าเป็น ‘ยีน!!’
พ่อพร้อมรีบเข้าประชิดร่างนอนหลับใหล ค่อยๆ หย่อนกายลงนั่งอีกฟากเตียง ดวงตาคมเข้มฉายแววแปลกใจอย่างที่สุด เพราะจะเป็นไปได้อย่างไรที่หล่อนจะสวมกางเกงขี่ม้าตัดเย็บจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบที่ชาวยุโรปเรียกว่า ‘ผ้ายีน’ หากเป็นที่ยุโรปคงไม่แปลก แต่นี่คือสยาม เขาไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินว่ามีสตรีท่านใดสวมใส่กางเกงยีนมาก่อน
ฝ่ามือเอื้อมหาหมายจะสัมผัสกางเกงหล่อน แต่แล้วก็ชักมือกลับเพราะคงไม่ดีแน่หากเขาจะแตะต้อง ทว่าความอยากรู้ก็มีมาก ทั้งที่เขาไม่เคยคิดก้าวล่วงสตรีใดมาก่อน แต่หล่อนผู้นี้เป็นข้อยกเว้น เพราะหล่อน...
ดวงตาคมเข้มเคลื่อนผ่านเรือนร่างงามขึ้นพิศใบหน้าจิ้มลิ้มอีกครั้ง หล่อนยังคงนอนหลับตาพริ้ม ราวไม่รู้สึกรู้สาว่าหล่อนได้บุกรุกเรือนของเขา เรือนที่เป็นเรือนหอ ในห้องหอ และบนเตียงสำหรับบ่าวสาว หลากหลายความคิดไหลเวียนวน ขณะดวงตายังคงจับจ้องอย่างถอนออกไม่ได้เลย เพราะอะไร?
ฝ่ามือแกร่งทาบเหนือหน้าอก หัวใจเขาเต้นถี่รุนแรงได้คำตอบหลากหลายอย่างในความคิด คำตอบที่เขาเคยคาดหวัง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะพานพบในวันนี้ วันที่เรือนซึ่งเขาเคยมองว่าไร้คู่พร้อมสำหรับเป็น ‘เรือนหอ’
พ่อพร้อมสุดจะหักห้ามใจ นิ้วแกร่งเคลื่อนเกลี่ยลูกผมที่ละวงหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มงามพิศและไม่ทันที่หัวใจจะยั้งคิด ริมฝีปากร้อนรุ่มก็ทาบปิดกลีบกุหลาบบอบบางทันที
สัมผัสแผ่วเบาแว่วหวานซาบซ่านอยู่บนกลีบปาก แม้จะเต็มไปด้วยความละมุน นุ่มนวล เนิบนาบแต่ก็สามารถพาให้หล่อนล่องลอย ด้วยสัมผัสแสนดีอ่อนโยนนี้ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นราวหล่อนกำลังโบยบินขึ้นสวรรค์ หล่อนฝัน? หรือจริง? หากหล่อนกำลังฝัน ทำไมความอุ่นวาบนี้จึงเสมือนจริง ทั้งสิ่งก่อกวนบนริมฝีปากก็เริ่มทวีความรุนแรง หนักหน่วงขึ้น รวมทั้งความชื้นปนอุ่นที่กำลังละเลียดชอนชิมราวริมฝีปากของหล่อนเป็นขนมหวาน นิราวดีส่ายหน้า หัวสมองหนักอึ้ง เปลือกตาก็เช่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบานี้ ความฉ่ำชื้นที่ละเลียดแนบแน่นอยู่บนริมฝีปากนี้ หล่อนแน่ใจมีคนกำลัง ‘จูบ’ หล่อน ‘จูบ!’ แค่คิดเปลือกตาหลับพริ้มก็เปิดขึ้นทันที และสิ่งแรกที่เห็นก็คือแนวคิ้วดกดำกับดวงตาที่หลับพริ้มของผู้ชาย หล่อนถูกผู้ชายจูบ! ‘จูบแรก’ ของหล่อน ดวงตาสวยเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวเร็ว สิ่งเดียวที่คิดได้ในหัวเวลานี้คือกรีดร้อง ทว่า... แนวคิ้วเข้มแบบนี้ ดวงตาที่หลับพริ้มแบบนี้... อืม... นี่คือ ‘ความฝัน’ หล่อนกำลังฝันจริงๆ ฝันที่สร้างความเร่าร้อนไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าหล่อนจะไม่เคยคิดเ
“เฮีย! เฮียโชค! กรี๊ดดดดด...” “เฮีย! กรี๊ดดดดด... เฮีย! รักเฮียนะ! รักเฮีย!” “เฮีย! นุชรักเฮียนะ! เฮีย! นุชรักเฮีย!” เสียงตะโกนเรียกชื่อและเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่าแฟนคลับดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพราะพวกเขากำลังมองไปยังจุดหมายเดียวกัน ทุกสายตาและทุกหัวใจจดจ่อในผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าสู่ด้านในของสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ผู้ชายที่ทำให้เหล่าแฟนคลับมารอให้กำลังใจ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว และเป็นคนเดียวที่หยุดเดินก่อนที่คนอื่นๆ จะหยุดตาม ใบหน้าหล่อจัดหันมองมายังทิศทางที่เหล่าแฟนคลับยืนอยู่ ยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือทักทาย พร้อมกับทำสัญญาณมือว่า ‘ให้รอนะ ประเดี๋ยวจะออกมา’ แค่นั้นเหล่าบรรดาแฟนคลับก็พากันกรี๊ด จนทั่วทั้งบริเวณสนั่นไปด้วยเสียงแหลมเล็กของแฟนคลับนับร้อยคน ซึ่งในนั้นมีหล่อนรวมอยู่ด้วย ‘นิราวดี’ ชะเง้อมองศิลปินในดวงใจที่หล่อนรักเขาเหลือเกิน รักและปรารถนาดีต่อเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้เขาจะหล่อสุดๆ แต่หล่อนกลับรู้ตัวว่าไม่ได้รักหรือคลั่งไคล้เขาจนมาเป็นแฟนคลับตัวยงเพราะความหล่อ แต่เป็นเพราะ... ‘เขาเป็นเขา’ เขาเป็นแบบอ
“เธอๆ เอ้าน้ำ เราเอามาเผื่อ” “ขอบใจจ้ะ” นิราวดีหันไปยิ้มให้กับสาวน้อยร่างอวบที่นั่งอยู่ด้านข้าง รับขวดน้ำที่เพื่อนแฟนคลับมีน้ำใจหยิบยื่นมาให้ พลางเปิดถุงผ้าใบเก่งแล้วหยิบกล่องขนมออกมายื่นให้ “นี่เรามีคัพเค้กมาด้วย เราอบเอง กินด้วยกันนะ” “เรามีมะม่วง เปรี้ยวเข็ดฟันเลยล่ะ แจมด้วยคน” พี่สาวที่นั่งอยู่อีกด้านยกกล่องบรรจุมะม่วงตัดแต่งชิ้นพอคำกับน้ำปลาหวานกระปุกใหญ่มาตั้งตรงกลาง นั่นทำให้นิราวดีทำหน้าซี้ดเข็ดฟันขึ้นในบัดดล แต่น้ำลายสอในปากก็ทำให้หล่อนอยากกระโจนเข้าใส่ “แต่เรามีพิซซ่าของเฮีย...” เสียงพี่สาวอีกคนที่นั่งถัดไปกลับทำให้พวกหล่อนพากันกรี๊ด ก่อนจะรีบตะครุบปิดปากกั้นเสียงโดยเร็ว เพราะพิซซ่าหลากหลายถาดกำลังถูกลำเลียงเข้ามาในพื้นที่ รอยยิ้มกว้างปะปนกับน้ำตาคลอซาบซึ้ง นิราวดีมองบรรยากาศโดยรอบ ณ ขณะนี้ หล่อนอยู่ท่ามกลางมิตรภาพที่อาจหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ มิตรภาพที่ได้จากบรรดาเหล่าแฟนคลับด้วยกันเอง ซึ่งเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่แทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากคนที่แอนตี้เรื่องแฟนคลับศิลปิน คนที่กล่าวหาว่าพวกหล่อนบ้าศิ
เสียงบรรเลงปี่พาทย์วงใหญ่ดังขับขานขจรไกลไปทั่วแนวคุ้งน้ำ ด้วยวันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่ ‘คุณหญิงพิศ’ ทำบุญขึ้นเรือนใหม่ ผู้มาร่วมงานบุญมีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่นับหน้าถือตาและเหล่าเพื่อนฝูงญาติสนิททั้งทางฝั่งท่านเจ้าคุณสามีผู้ล่วงลับไปแล้วและทางฝั่งคุณหญิงพิศเอง รวมทั้งผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงานที่ลูกชายนับถือ ด้วยเรือนนี้มิใช่เป็นเพียงเรือนใหม่ที่คุณหญิงพิศตั้งใจปลูกที่บ้านเกิด หากแต่หมายใจว่าจะให้เป็นเรือนหอของ ‘หลวงสำเนียงไพเราะ’ บุตรชายอีกด้วย “แม่พิศนี่ก็กระไร ปลูกเรือนใหม่เรือนหอให้ลูกชายทั้งที ก็มาปลูกอยู่หัวไร่ปลายนาเยี่ยงนี้ ดูสิ ไปมาก็ลำบากลำบน” “ไม่ลำบากเท่าไรดอกค่ะคุณแม่ นั่งรถไฟต่อเดียวเอง” “เอ๊ะแม่ชม! ไม่ทันไร ลูกก็ว่าไม่ลำบากแล้วรึ” “ก็จริงนี่คะคุณแม่ อีกหน่อยเมื่อสถานีรถไฟบางน้ำเปรี้ยวสร้างเสร็จ ก็จะยิ่งไปมาสะดวกมากขึ้นค่ะ จะเข้าพระนครก็ใช้เวลาไม่นานนัก” “แต่แม่ไม่ไหวจะมาเยี่ยมเยือนลูกดอกนะ ลูกคงต้องเป็นฝ่ายไปหาแม่ที่พระนครเสียล่ะ” ถ้อยสนทนาระหว่าง ‘คุณหญิงชื่น’ ภริยาพระยาพิศาลและ ‘แม่ชม’ บ
สัมผัสแผ่วเบาแว่วหวานซาบซ่านอยู่บนกลีบปาก แม้จะเต็มไปด้วยความละมุน นุ่มนวล เนิบนาบแต่ก็สามารถพาให้หล่อนล่องลอย ด้วยสัมผัสแสนดีอ่อนโยนนี้ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นราวหล่อนกำลังโบยบินขึ้นสวรรค์ หล่อนฝัน? หรือจริง? หากหล่อนกำลังฝัน ทำไมความอุ่นวาบนี้จึงเสมือนจริง ทั้งสิ่งก่อกวนบนริมฝีปากก็เริ่มทวีความรุนแรง หนักหน่วงขึ้น รวมทั้งความชื้นปนอุ่นที่กำลังละเลียดชอนชิมราวริมฝีปากของหล่อนเป็นขนมหวาน นิราวดีส่ายหน้า หัวสมองหนักอึ้ง เปลือกตาก็เช่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบานี้ ความฉ่ำชื้นที่ละเลียดแนบแน่นอยู่บนริมฝีปากนี้ หล่อนแน่ใจมีคนกำลัง ‘จูบ’ หล่อน ‘จูบ!’ แค่คิดเปลือกตาหลับพริ้มก็เปิดขึ้นทันที และสิ่งแรกที่เห็นก็คือแนวคิ้วดกดำกับดวงตาที่หลับพริ้มของผู้ชาย หล่อนถูกผู้ชายจูบ! ‘จูบแรก’ ของหล่อน ดวงตาสวยเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวเร็ว สิ่งเดียวที่คิดได้ในหัวเวลานี้คือกรีดร้อง ทว่า... แนวคิ้วเข้มแบบนี้ ดวงตาที่หลับพริ้มแบบนี้... อืม... นี่คือ ‘ความฝัน’ หล่อนกำลังฝันจริงๆ ฝันที่สร้างความเร่าร้อนไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าหล่อนจะไม่เคยคิดเ
‘ผมไม่ตกลงครับคุณแม่’ ‘พ่อพร้อม! ไม่รู้ล่ะ วันพรุ่งคุณหญิงกับน้องจะมาที่นี่ด้วย พ่อพร้อมต้องรับหน้าที่ดูแลน้อง’ เขาไม่ได้รับปากแม่ แต่ก็ต้อนรับแม่ชมเฉกเช่นบุรุษพึงกระทำ และเมื่อสักครู่ที่เขาได้ยินถ้อยสนทนาของแม่ชมกับมารดาของหล่อน จนทำให้บรรดาผู้ใหญ่ที่แม่เชิญมาเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ นั่นยิ่งตอกย้ำว่าเขาคิดถูกแล้ว แม่ชมอาจงามพร้อมจริงอย่างที่แม่กล่าว ทว่าดอกไม้งามที่มีพิษก็ไม่ควรเลยที่จะนำมาปักแจกัน ‘พร้อม’ หันมองด้านในของเรือนกว้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่คงมีแต่เรื่องสู่ขอ ดูตัว และเรื่องแม่สื่อแม่ชักมาพูดคุยกับเขาไม่ได้หยุดเป็นแน่ เขาคงต้องหาทางเลี่ยงหรือไม่ก็ทำใจให้ทุกถ้อยคำผ่านเลยไป ส่วนเรือนนี้คงได้เทียวไปมาแค่วันหยุดการแสดง นั่นก็เท่ากับว่าห้องหอที่คุณแม่อุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้คงร้างคนนอนไปอีกนาน เพราะเขาหมายใจว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หัวใจร้องบอกว่าใช่เท่านั้น หญิงที่เขารอคอย นานเท่าไรก็จะรอ ร่างสูงก้าวตรงสู่ห้องกว้างที่สามารถมองเห็นคลองบางขนากได้ทั้งซ้ายขวา และเป็น ‘ห้องหอ’ ของเขา ทว่ายังไม่ทันก้าวเข้าใกล้ แ
เสียงบรรเลงปี่พาทย์วงใหญ่ดังขับขานขจรไกลไปทั่วแนวคุ้งน้ำ ด้วยวันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่ ‘คุณหญิงพิศ’ ทำบุญขึ้นเรือนใหม่ ผู้มาร่วมงานบุญมีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่นับหน้าถือตาและเหล่าเพื่อนฝูงญาติสนิททั้งทางฝั่งท่านเจ้าคุณสามีผู้ล่วงลับไปแล้วและทางฝั่งคุณหญิงพิศเอง รวมทั้งผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงานที่ลูกชายนับถือ ด้วยเรือนนี้มิใช่เป็นเพียงเรือนใหม่ที่คุณหญิงพิศตั้งใจปลูกที่บ้านเกิด หากแต่หมายใจว่าจะให้เป็นเรือนหอของ ‘หลวงสำเนียงไพเราะ’ บุตรชายอีกด้วย “แม่พิศนี่ก็กระไร ปลูกเรือนใหม่เรือนหอให้ลูกชายทั้งที ก็มาปลูกอยู่หัวไร่ปลายนาเยี่ยงนี้ ดูสิ ไปมาก็ลำบากลำบน” “ไม่ลำบากเท่าไรดอกค่ะคุณแม่ นั่งรถไฟต่อเดียวเอง” “เอ๊ะแม่ชม! ไม่ทันไร ลูกก็ว่าไม่ลำบากแล้วรึ” “ก็จริงนี่คะคุณแม่ อีกหน่อยเมื่อสถานีรถไฟบางน้ำเปรี้ยวสร้างเสร็จ ก็จะยิ่งไปมาสะดวกมากขึ้นค่ะ จะเข้าพระนครก็ใช้เวลาไม่นานนัก” “แต่แม่ไม่ไหวจะมาเยี่ยมเยือนลูกดอกนะ ลูกคงต้องเป็นฝ่ายไปหาแม่ที่พระนครเสียล่ะ” ถ้อยสนทนาระหว่าง ‘คุณหญิงชื่น’ ภริยาพระยาพิศาลและ ‘แม่ชม’ บ
“เธอๆ เอ้าน้ำ เราเอามาเผื่อ” “ขอบใจจ้ะ” นิราวดีหันไปยิ้มให้กับสาวน้อยร่างอวบที่นั่งอยู่ด้านข้าง รับขวดน้ำที่เพื่อนแฟนคลับมีน้ำใจหยิบยื่นมาให้ พลางเปิดถุงผ้าใบเก่งแล้วหยิบกล่องขนมออกมายื่นให้ “นี่เรามีคัพเค้กมาด้วย เราอบเอง กินด้วยกันนะ” “เรามีมะม่วง เปรี้ยวเข็ดฟันเลยล่ะ แจมด้วยคน” พี่สาวที่นั่งอยู่อีกด้านยกกล่องบรรจุมะม่วงตัดแต่งชิ้นพอคำกับน้ำปลาหวานกระปุกใหญ่มาตั้งตรงกลาง นั่นทำให้นิราวดีทำหน้าซี้ดเข็ดฟันขึ้นในบัดดล แต่น้ำลายสอในปากก็ทำให้หล่อนอยากกระโจนเข้าใส่ “แต่เรามีพิซซ่าของเฮีย...” เสียงพี่สาวอีกคนที่นั่งถัดไปกลับทำให้พวกหล่อนพากันกรี๊ด ก่อนจะรีบตะครุบปิดปากกั้นเสียงโดยเร็ว เพราะพิซซ่าหลากหลายถาดกำลังถูกลำเลียงเข้ามาในพื้นที่ รอยยิ้มกว้างปะปนกับน้ำตาคลอซาบซึ้ง นิราวดีมองบรรยากาศโดยรอบ ณ ขณะนี้ หล่อนอยู่ท่ามกลางมิตรภาพที่อาจหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ มิตรภาพที่ได้จากบรรดาเหล่าแฟนคลับด้วยกันเอง ซึ่งเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่แทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากคนที่แอนตี้เรื่องแฟนคลับศิลปิน คนที่กล่าวหาว่าพวกหล่อนบ้าศิ
“เฮีย! เฮียโชค! กรี๊ดดดดด...” “เฮีย! กรี๊ดดดดด... เฮีย! รักเฮียนะ! รักเฮีย!” “เฮีย! นุชรักเฮียนะ! เฮีย! นุชรักเฮีย!” เสียงตะโกนเรียกชื่อและเสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่าแฟนคลับดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพราะพวกเขากำลังมองไปยังจุดหมายเดียวกัน ทุกสายตาและทุกหัวใจจดจ่อในผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าสู่ด้านในของสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ผู้ชายที่ทำให้เหล่าแฟนคลับมารอให้กำลังใจ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว และเป็นคนเดียวที่หยุดเดินก่อนที่คนอื่นๆ จะหยุดตาม ใบหน้าหล่อจัดหันมองมายังทิศทางที่เหล่าแฟนคลับยืนอยู่ ยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือทักทาย พร้อมกับทำสัญญาณมือว่า ‘ให้รอนะ ประเดี๋ยวจะออกมา’ แค่นั้นเหล่าบรรดาแฟนคลับก็พากันกรี๊ด จนทั่วทั้งบริเวณสนั่นไปด้วยเสียงแหลมเล็กของแฟนคลับนับร้อยคน ซึ่งในนั้นมีหล่อนรวมอยู่ด้วย ‘นิราวดี’ ชะเง้อมองศิลปินในดวงใจที่หล่อนรักเขาเหลือเกิน รักและปรารถนาดีต่อเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้เขาจะหล่อสุดๆ แต่หล่อนกลับรู้ตัวว่าไม่ได้รักหรือคลั่งไคล้เขาจนมาเป็นแฟนคลับตัวยงเพราะความหล่อ แต่เป็นเพราะ... ‘เขาเป็นเขา’ เขาเป็นแบบอ