“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” อลิชาเดินออกจากห้องนอนในช่วงบ่ายของวัน เหลือบสายตามองบุรินทร์ภัทรที่นั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง “เฮียสั่งงานลูกน้องไว้แล้ว ให้พวกมันทำแทนได้”“…..” หญิงสาวหย่อนตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่มเหมือนที่ชอบทำ ก่อนที่เขาจะรีบยกแขนโอบเอวบางไว้แน่น“วันนี้แต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ”“จะพาไปไหนเหรอคะ”“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง” โน้มใบหน้าเข้าใกล้ ใช้ปลายจมูกคลอเคลียสูดดมกลิ่นกายหอมที่คุ้นเคย ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังของเธอเบาๆ เขารีบเคลียร์งานทุกอย่างหลังจากที่อลิชาสอบเสร็จ จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้น “เฮียจะย้ายไปอยู่บ้านใหญ่ คงไม่ได้อยู่ที่คอนโดนี้แล้ว”เพราะมีลูกหลานคอยโทรตามทุกวัน จนใจอ่อนยอมตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม“อ่อ…ค่ะ” พยักหน้ารับแต่ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น ถ้าเป็นแบบที่เขาพูดหมายความว่าเธอใกล้จะได้เป็นอิสระจากความสัมพันธ์บ้าๆ นี่เต็มทน“จะพาเธอไปด้วย”“หมายถึงอยู่กับครอบครัวของเฮียน่ะเหรอ”“ครอบครัวของเฮียไม่มีปัญหา เธอแค่เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวจะสั่งลูกน้องมาเก็บของให้”“…..”“ถ้าเธอเรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน ตกลงมั้ย”“ชาบอกตอนไหนว่าจะไปอยู
บุรินทร์ภัทรถอนหายใจลากยาว เบือนหน้าหันหนีไม่กล้าแม้กระทั่งสบตา อยากให้คำพูดของเธอก่อนหน้านั้นเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เรื่องจริง“ชาไม่อยากฝืนทำให้เราสองคนเสียเวลาไปมากกว่านี้”“มีทางไหนมั้ย ที่จะทำให้ชากลับมารักเฮียเหมือนเดิม แค่บอกมาจะยอมทำให้”“…..” ดวงตากลมโตสั่นเครือ นั่งมองภาพชายหนุ่มทั้งน้ำตา“ถ้าโกรธก็ตบดิ หรือจะทุบจะตีก็เอาเลย เฮียสู้เธอไม่ได้อยู่แล้ว”ที่ผ่านมาเขาคิดมาเสมอว่าตัวเองอยู่ได้โดยไม่ต้องมีความรัก พยายามหลีกหนีทุกครั้ง เพราะไม่อยากเจ็บปวดเหมือนที่น้องชายเคยเจอมาแต่ลิชาทำให้เขารู้จักว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง คิดว่าตัวเองคงรับไหวแต่พอเอาเข้าจริงมันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาไม่สามารถรับความผิดหวังจากเธอได้เลย “ไม่ใช่มาพูดแบบนี้ คิดว่าเฮียเจ็บไม่เป็นหรือไง”“…..”“ยอมจนไม่รู้จะยอมยังไงแล้ว” เพียงแค่เธอบอกขอจบความสัมพันธ์ก็แทบคุมสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่“…..” “จะให้เป็นกิ๊กเป็นชู้หรือเป็นอะไรก็ได้ ตอนนี้ยอมให้แล้วทุกอย่าง จะไม่วุ่นวาย ขอแค่เธออย่าทิ้งเฮียนะ”“พอได้แล้วเฮีย ความรู้สึกของเรามันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลงทุกวัน” ไม่ใช่แค่เธอเองแต่บุรินทร์ภัทรก็คงรับรู้ได้
-หลายวันผ่านไป-“อาการเป็นยังไงบ้างแฟรงก์” ฟรินเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนของพี่ชาย วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ เห็นแฟรงก์กำลังเดินกะเผลกออกจากห้องน้ำ บนร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูที่ถูกพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่“ก็ตามที่เห็น”“ยังเจ็บตรงไหนอีกไหม”“เจ็บที่ใจ”“…..” ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ ขนาดเจ็บหนักเจียนตายแต่มันยังไม่สลด“ถอนหายใจใส่กูทำไม” ถ้าไม่ติดว่าเจ็บอยู่คงจะเอาไม้ค้ำยันเขกหัวน้องชายแรงๆ“เพ้อเจ้อได้แบบนี้ สงสัยคงจะหายดีแล้ว”“คนอย่างกูไม่ตายง่ายๆ หรอก” ก็แค่รถคว่ำสมองกระทบกระเทือน หน้าแหกนิดหน่อย รอดตายมาได้ก็ถือว่าเป็นบุญ“มึงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รู้มั้ยว่ากูเป็นห่วง”“นอกจากเมีย มึงเคยสนใจใครด้วยเหรอ”“สนใจมึงไง กูเป็นห่วงมึง”“ไม่ต้องมาทำซึ้ง จะอ้วก” ยิ่งเห็นสายตาห่วงหาอาลัยอาวรณ์ของไอ้แว่นยิ่งรู้สึกพะอืดพะอม เพราะในชีวิตนี้มันไม่คิดจะรักหรือสนใจใครแล้วนอกจากดาวเหนือเมียสุดที่รัก“เพิ่งอาบน้ำเสร็จใช่มั้ย มานั่งลงตรงนี้เดี๋ยวกูใส่เสื้อผ้าให้” ฟรินหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ให้พี่ชายด้วยความระมัดระวัง เพราะในทุกวันจะมีแค่เขากับพ่อที่คอยแวะเวียนเข้ามาดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แ
“หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลยเจ๊ พี่ลิชาไปอยู่ที่ไหนนะ” ชารันแฝดน้องทิ้งตัวนั่งลงกอดเข่าก้มหน้าอยู่บนพื้น หลังจากที่เอาแต่เดินตากแดดตากลมตามหาพี่ลิชามาตลอดทั้งวัน“อดทนหน่อยสิ พี่ลิชาน่าจะอยู่แถวนี้”“อีกนานมั้ย ชารันปวดขาไปหมดแล้ว”“ชาราก็หิวข้าว ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่ายเลย”“ชารันก็หิวเหมือนกัน ขอกินข้าวหน่อยได้มั้ย”ดาวศุกร์เริ่มสับสนเมื่อน้องแฝดทั้งสองคนมีอาการงอแงโวยวาย“งั้นเราไปกินข้าวกัน กินเสร็จแล้วค่อยกลับบ้านนะ”ตอนนี้เริ่มพลบค่ำ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ผู้คนแปลกหน้าก็เริ่มพลุกพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็มองพวกเธอสามคนด้วยสายตาแปลกๆดาวศุกร์มองไปบริเวณโดยรอบด้วยความหวาดระแวงเช่นกัน“แย่แล้วแฝด กะ…กระเป๋าตังค์เจ๊หาย” ใบหน้าของเด็กน้อยซีดเผือด เมื่อกระเป๋าที่สะพายมามีรอยถูกเปิดออกโดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ทั้งไอแพดและโทรศัพท์ราคาแพงที่ย่าเพิ่งซื้อให้ กระเป๋าเงินสดก็หายเกลี้ยงจะเหลือก็เพียงบัตรแบล็คการ์ดของป๊าแฟรงก์ที่ยังอยู่ “กระเป๋าตังค์หายไปไหนนะ”“จริงเหรอเจ๊”“หายหมดแล้ว เจ๊ไม่มีตังค์เลย”“ชาราอยากกลับบ้าน”“ไอ้แฝดอย่าร้องไห้นะ” ดาวศุกร์ดึงน้องสาวฝาแฝดทั้งสองมากอดไว้แน่นเพราะไม่อยา
-2F BRA-ร่างสูงคมคายพ่นควันบุหรี่ออกทางจมูกและริมฝีปากจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนสีหน้าดูเคร่งเครียด มือซ้ายยกโทรศัพท์แนบหู ส่วนมืออีกข้างคอยชี้นิ้วสั่งพนักงานในร้าน‘แฟรงก์ บุรินทร์ภัทร’ หนุ่มหล่อวัย28ปี ดีกรีเจ้าของคลับชื่อดังมากกว่า5สาขาทั่วกรุงเทพอยู่ในชุดลำลองสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงยีนขายาวขาดเข่าสีซีดทรงผมมัลเล็ตสีควันบุหรี่ถูกจัดทรงให้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนข้อมือสวมใส่นาฬิกาแบรนด์ดังราคาหลักหลายล้านที่ขโมยน้องชายฝาแฝดมาใบหน้าราวกับเทพเจ้าปั้นคิ้วเข้มหนารับกับดวงตาเฉี่ยวคม ทำให้ดูโดดเด่นกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่อยู่แถวนั้นได้ไม่ยาก‘จะโทรจิกอะไรนักหนา บอกว่าทำงานอยู่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง’‘น่ารำคาญชะมัด แค่นี้แหละ’ติ๊ด…ชายหนุ่มรีบกดตัดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิด เธอคือผู้หญิงที่เข้ามาติดพันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ“หงุดหงิดกับสาวคนไหนอีกล่ะเฮีย” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยแซวผู้เป็นเจ้านายด้วยความสนิทสนมเฮียแฟรงก์ของเขาเรียกว่าหล่อสะบัด ฐานะก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลาเต็มพิกัด ทำให้มีสาวสวยมาติดพันมากมาย“มึงจำยัยวิกกี้ได้มั้ย” แค่นึกเห็นหน้าก็ปวดหัว นอกจากเรื่องบนเตียงก
-หลังเลิกงาน-“ยัยลิชา!”เสียงของ ‘คะนิ้ง’ ช่วยปลุกให้ลิชาตื่นจากภวังค์ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง“มีอะไร”“คิดถึงพ่อหนุ่มแบดบอยคนนั้นอยู่เหรอ”“ไม่ใช่สักหน่อย”“แกน่ะโกหกไม่เนียนเลยนะชา” เพราะลิชามัวแต่นั่งเหม่อลอยอยู่นานสองนาน เขี่ยข้าวในจานไปมาไม่ยอมกินมันสักทีเธอรู้มาตั้งแต่แรกว่าเพื่อนสนิทแอบชอบพ่อหนุ่มเพลย์บอยหล่อรวยเจ้าของคลับ ชื่อเสียงเรียงนามของบุรินทร์ภัทรก็ไม่ใช่เล่นๆ เรียกได้เต็มปากว่าเขาน่ะเสือตัวพ่อ“เฮ้อ~” ลิชาถอนหายใจหนักครั้งแล้วครั้งเล่า ซบใบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความห่อเหี่ยว“ถ้าชอบขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ลองไปสารภาพรักกับเขาดูล่ะ”“จะบ้าเหรอคะนิ้ง ฉันไม่กล้า” เรียกว่าอกหักได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เธอมันก็แค่ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ธรรมดา ต่างจากสาวสวยที่เจ้านายเคยควงเป็นไหนๆไหนจะเน็ตไอดอล ดารา พริตตี้ นางแบบ แค่คิดก็หมดหวังสิ้นหนทาง“แล้วมีอะไรต้องกลัว”“เฮียแฟรงก์เป็นใคร แล้วฉันเป็นใคร มันไม่สมควรหรอกคะนิ้ง” เพราะเจียมเนื้อเจียมตัวมาโดยตลอดตลอด ทุกวันนี้แค่ได้แอบมองไปวันๆ ก็มีความสุขแล้ว“ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ อย่างน้อยแกก็ยังได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ”“…..”“ถ้าผ
-มหาวิทยาลัย-“เป็นอะไรฟ้าใส” เสียงหวานของคะนิ้งเอ่ยถาม พักนี้ฟ้าใสชอบนั่งเหม่อลอย ทำตัวลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมในแถมยังสวยขึ้นผิดหูผิดตา“ปะ…เปล่า” คนถูกถามรีบดึงสติกลับมา พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ“พักนี้แกเป็นอะไร มีความลับอะไรบอกมา”“ไม่มีอะไรหรอก เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อย”“ฉันได้ข่าวจากยัยชา มันบอกว่าแกมีแฟนแล้วเหรอ มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่” คะนิ้งหรี่สายตามองเพื่อนสาวอย่างจับผิด เหลือบสายตาเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่ที่วางอยู่ข้างกัน“แกเอาเรื่องฉันไปบอกคนอื่นเหรอลิชา” หันไปถามลิชาด้วยท่าทางโวยวายยกใหญ่จนคนตัวเล็กใบหน้าถอดสี“ฉันไม่ใช่คนอื่น แล้วแกจะไปหงุดหงิดใส่ชาทำไม เป็นบ้าหรือไง”ฟ้าใสยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมทำท่าทางฟึดฟัด พักนี้ไม่ว่าลิชาจะทำอะไรก็ดูเหมือนว่าจะขัดหูขัดตาเธอไปเสียหมด“ไปรวยอะไรมา แกเปลี่ยนกระเป๋าอีกแล้วเหรอ”“เป็นยังไง สวยใช่ปะ”“ใบละตั้งเป็นแสน แกไปเอาเงินมาจากไหน” ฐานะทางบ้านของฟ้าใสไม่ได้ร่ำรวย แต่กลับมีของแบรนด์เนมราคาแพงใช้ไม่ขาดมือ“ฉันก็มีงานของฉัน ได้เงินดีแถมไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมาย”“…..” ลิชารีบหันไปมองเพื่อนสาวอย่างให้ความสนใจ เธอเป็นลูกชาว
-โรงเรียนนานาชาติ-“ป๊า…” ดาวศุกร์ที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มกระโปรงลายสก็อต รีบวิ่งเข้ามากอดป๊าของเธอไว้แน่นด้วยความดีใจหน้าที่รับส่งเด็กหญิงไปโรงเรียนในทุกๆ วันเลยตกเป็นของบุรินทร์ภัทรไปโดยปริยาย“แต่งตัวซะหล่อเชียวนะ จะพาลูกไปเที่ยวไหน” ดาวศุกร์ยืนเท้าเอวหรี่สายตามองคนตรงหน้าอย่างจับผิด ปกติก็หล่ออยู่แล้ว แต่วันนี้ป๊าแฟรงก์ดูหล่อกว่าทุกวัน“มารับศุกร์นั่นแหละ”“วันนี้จุ๊บลูกหรือยัง”“ศุกร์นั่นแหละมาจุ๊บป๊าก่อน”ร่างสูงย่อตัวนั่งลงให้อยู่ในระดับเดียวกับหลานสาว ก่อนจะเอียงแก้มให้หอมเหมือนทุกวัน“คุณครูคนนั้นต้องชอบป๊าแน่เลย ศุกร์เห็นเขาชอบแอบมองป๊าอยู่บ่อยๆ”“…..” แฟรงก์ไม่ได้ตอบคำถามของหลานสาว ยกยิ้มมุมปากทักทายคุณครูอนุบาลคนสวยที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อนแต่มันก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างขอจบความสัมพันธ์“วันนี้ศุกร์อยากกินติม พาไปกินติมหน่อยได้มั้ย”“กินทุกวันไม่เบื่อหรือไง”“เมื่อวานกินช็อกโกแลต แต่วันนี้จะกินวานิลลา”“ตามใจ แต่ห้ามบอกไอ้แว่นนะ เดี๋ยวเราสองคนจะโดนดุ”“ศุกร์รู้งาน ไม่บอกอยู่แล้ว คิคิ” เด็กน้อยยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะชอบใจอย่างมีจริต ก่
“หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลยเจ๊ พี่ลิชาไปอยู่ที่ไหนนะ” ชารันแฝดน้องทิ้งตัวนั่งลงกอดเข่าก้มหน้าอยู่บนพื้น หลังจากที่เอาแต่เดินตากแดดตากลมตามหาพี่ลิชามาตลอดทั้งวัน“อดทนหน่อยสิ พี่ลิชาน่าจะอยู่แถวนี้”“อีกนานมั้ย ชารันปวดขาไปหมดแล้ว”“ชาราก็หิวข้าว ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่ายเลย”“ชารันก็หิวเหมือนกัน ขอกินข้าวหน่อยได้มั้ย”ดาวศุกร์เริ่มสับสนเมื่อน้องแฝดทั้งสองคนมีอาการงอแงโวยวาย“งั้นเราไปกินข้าวกัน กินเสร็จแล้วค่อยกลับบ้านนะ”ตอนนี้เริ่มพลบค่ำ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ผู้คนแปลกหน้าก็เริ่มพลุกพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็มองพวกเธอสามคนด้วยสายตาแปลกๆดาวศุกร์มองไปบริเวณโดยรอบด้วยความหวาดระแวงเช่นกัน“แย่แล้วแฝด กะ…กระเป๋าตังค์เจ๊หาย” ใบหน้าของเด็กน้อยซีดเผือด เมื่อกระเป๋าที่สะพายมามีรอยถูกเปิดออกโดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ทั้งไอแพดและโทรศัพท์ราคาแพงที่ย่าเพิ่งซื้อให้ กระเป๋าเงินสดก็หายเกลี้ยงจะเหลือก็เพียงบัตรแบล็คการ์ดของป๊าแฟรงก์ที่ยังอยู่ “กระเป๋าตังค์หายไปไหนนะ”“จริงเหรอเจ๊”“หายหมดแล้ว เจ๊ไม่มีตังค์เลย”“ชาราอยากกลับบ้าน”“ไอ้แฝดอย่าร้องไห้นะ” ดาวศุกร์ดึงน้องสาวฝาแฝดทั้งสองมากอดไว้แน่นเพราะไม่อยา
-หลายวันผ่านไป-“อาการเป็นยังไงบ้างแฟรงก์” ฟรินเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนของพี่ชาย วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ เห็นแฟรงก์กำลังเดินกะเผลกออกจากห้องน้ำ บนร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูที่ถูกพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่“ก็ตามที่เห็น”“ยังเจ็บตรงไหนอีกไหม”“เจ็บที่ใจ”“…..” ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ ขนาดเจ็บหนักเจียนตายแต่มันยังไม่สลด“ถอนหายใจใส่กูทำไม” ถ้าไม่ติดว่าเจ็บอยู่คงจะเอาไม้ค้ำยันเขกหัวน้องชายแรงๆ“เพ้อเจ้อได้แบบนี้ สงสัยคงจะหายดีแล้ว”“คนอย่างกูไม่ตายง่ายๆ หรอก” ก็แค่รถคว่ำสมองกระทบกระเทือน หน้าแหกนิดหน่อย รอดตายมาได้ก็ถือว่าเป็นบุญ“มึงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รู้มั้ยว่ากูเป็นห่วง”“นอกจากเมีย มึงเคยสนใจใครด้วยเหรอ”“สนใจมึงไง กูเป็นห่วงมึง”“ไม่ต้องมาทำซึ้ง จะอ้วก” ยิ่งเห็นสายตาห่วงหาอาลัยอาวรณ์ของไอ้แว่นยิ่งรู้สึกพะอืดพะอม เพราะในชีวิตนี้มันไม่คิดจะรักหรือสนใจใครแล้วนอกจากดาวเหนือเมียสุดที่รัก“เพิ่งอาบน้ำเสร็จใช่มั้ย มานั่งลงตรงนี้เดี๋ยวกูใส่เสื้อผ้าให้” ฟรินหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ให้พี่ชายด้วยความระมัดระวัง เพราะในทุกวันจะมีแค่เขากับพ่อที่คอยแวะเวียนเข้ามาดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แ
บุรินทร์ภัทรถอนหายใจลากยาว เบือนหน้าหันหนีไม่กล้าแม้กระทั่งสบตา อยากให้คำพูดของเธอก่อนหน้านั้นเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เรื่องจริง“ชาไม่อยากฝืนทำให้เราสองคนเสียเวลาไปมากกว่านี้”“มีทางไหนมั้ย ที่จะทำให้ชากลับมารักเฮียเหมือนเดิม แค่บอกมาจะยอมทำให้”“…..” ดวงตากลมโตสั่นเครือ นั่งมองภาพชายหนุ่มทั้งน้ำตา“ถ้าโกรธก็ตบดิ หรือจะทุบจะตีก็เอาเลย เฮียสู้เธอไม่ได้อยู่แล้ว”ที่ผ่านมาเขาคิดมาเสมอว่าตัวเองอยู่ได้โดยไม่ต้องมีความรัก พยายามหลีกหนีทุกครั้ง เพราะไม่อยากเจ็บปวดเหมือนที่น้องชายเคยเจอมาแต่ลิชาทำให้เขารู้จักว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง คิดว่าตัวเองคงรับไหวแต่พอเอาเข้าจริงมันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาไม่สามารถรับความผิดหวังจากเธอได้เลย “ไม่ใช่มาพูดแบบนี้ คิดว่าเฮียเจ็บไม่เป็นหรือไง”“…..”“ยอมจนไม่รู้จะยอมยังไงแล้ว” เพียงแค่เธอบอกขอจบความสัมพันธ์ก็แทบคุมสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่“…..” “จะให้เป็นกิ๊กเป็นชู้หรือเป็นอะไรก็ได้ ตอนนี้ยอมให้แล้วทุกอย่าง จะไม่วุ่นวาย ขอแค่เธออย่าทิ้งเฮียนะ”“พอได้แล้วเฮีย ความรู้สึกของเรามันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลงทุกวัน” ไม่ใช่แค่เธอเองแต่บุรินทร์ภัทรก็คงรับรู้ได้
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” อลิชาเดินออกจากห้องนอนในช่วงบ่ายของวัน เหลือบสายตามองบุรินทร์ภัทรที่นั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง “เฮียสั่งงานลูกน้องไว้แล้ว ให้พวกมันทำแทนได้”“…..” หญิงสาวหย่อนตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่มเหมือนที่ชอบทำ ก่อนที่เขาจะรีบยกแขนโอบเอวบางไว้แน่น“วันนี้แต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ”“จะพาไปไหนเหรอคะ”“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง” โน้มใบหน้าเข้าใกล้ ใช้ปลายจมูกคลอเคลียสูดดมกลิ่นกายหอมที่คุ้นเคย ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังของเธอเบาๆ เขารีบเคลียร์งานทุกอย่างหลังจากที่อลิชาสอบเสร็จ จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้น “เฮียจะย้ายไปอยู่บ้านใหญ่ คงไม่ได้อยู่ที่คอนโดนี้แล้ว”เพราะมีลูกหลานคอยโทรตามทุกวัน จนใจอ่อนยอมตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม“อ่อ…ค่ะ” พยักหน้ารับแต่ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น ถ้าเป็นแบบที่เขาพูดหมายความว่าเธอใกล้จะได้เป็นอิสระจากความสัมพันธ์บ้าๆ นี่เต็มทน“จะพาเธอไปด้วย”“หมายถึงอยู่กับครอบครัวของเฮียน่ะเหรอ”“ครอบครัวของเฮียไม่มีปัญหา เธอแค่เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวจะสั่งลูกน้องมาเก็บของให้”“…..”“ถ้าเธอเรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน ตกลงมั้ย”“ชาบอกตอนไหนว่าจะไปอยู
-ร้านอาหาร-“มาได้สักทีนะ ฉันกำลังจะโทรตามแกอยู่พอดี” ปราณปาลินมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งมาถึงวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของเธอกับบดินทร์จึงนัดลูกหลานให้มาทานข้าวที่ร้านอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแต่นั่นไม่น่าแปลกใจเท่าคนที่ไอ้แฟรงก์มันพาติดสอยห้อยตามมาด้วย“ให้รอนิดรอหน่อยทำเป็นบ่น” ไม่พูดเปล่า รีบเดินเข้าไปหอมแก้มเจ๊สุดที่รักด้วยความคิดถึง“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเหรอคะ” หญิงสาวเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่นยืนหลบอยู่ทางด้านหลังด้วยอาการประหม่า กระซิบถามเสียงเบาอย่างสงสัย“แม่ผัวเธอไง” ลิชามองไปทางหญิงวัยกลางคน เป็นเพราะเขาไม่ได้บอกมาก่อนด้วยซ้ำว่าจะพามาเจอครอบครัว เคยได้ยินชื่อมานานเพิ่งจะได้เห็น ‘ปราณปาลิน’ ตัวจริงก็วันนี้ เธอสวยดูดี รูปร่างผิวพรรณมีราศีไม่เหมือนคนที่อายุห้าสิบเลยสักนิด “ส่วนคนหล่อๆ ที่นั่งหัวโต๊ะชื่อคุณบดินทร์คือพ่อผัวของเธอ”“สวัสดีค่ะ”‘บดินทร์’ ยกมือรับไหว้ มองว่าที่ลูกสะใภ้คนโตผ่านรอยยิ้มอบอุ่น“แล้วแกพาใครมาด้วย อย่าบอกนะว่า…” ผู้เป็นแม่รีบหยัดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น มองดูก็รู้ว่าอลิชายังเด็กกว่าลูกชายเป็นไหนๆ“คนนี้แหละลูกสะใภ้เจ๊”“ไอ้แฟรงก
“วันนี้เฮียขอไปรับเธอที่มหาลัยได้มั้ย ขากลับค่อยแวะไปช็อปปิ้งดูหนังด้วยกัน”ได้แต่เดินตามหลังหญิงสาวอยู่ไม่ห่าง เอาแต่ยืนมองอลิชาที่กำลังสวมชุดนักศึกษาแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ นานแล้วที่ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวออกไปเที่ยวด้วยกัน“วันนี้ชามีนัดทำรายงานกับเพื่อนเดี๋ยวกลับเองค่ะ”“เพื่อนคนไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“ก็มีทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย”“ชื่ออะไร เฮียรู้จักหรือเปล่า”“จะถามอะไรนักหนา”“เพราะหวงเธอไง”“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ชาจะรีบไปเรียน”“อย่าลืมโทรหาเฮียด้วยนะ” สวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้านหลัง เต็มใจยอมทำตามคำสั่งเหมือนหมาที่เชื่อฟังเจ้านาย “เฮียจะรอรับโทรศัพท์จากเธอคนเดียว”“…..”“ถ้าอยากให้ไปรับก็โทรบอก เฮียจะรีบไป”“…..”“รับปากสิว่าจะไม่มีใคร ชาจะไม่มองผู้ชายคนไหนนอกจากเฮีย”“อืม…” อลิชาพยักหน้าตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องโดยมีบุรินทร์ภัทรที่ยืนชะเง้อคอมองตามจนลับสายตา02.00 น.ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาหลังจากเห็นอลิชาเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องตอนช่วงดึกของวันหรี่สายตามองผ่านความมืดสลัว เธอสวมชุดนักศึกษารัดรูปโชว์เรียวขาสวย ชายเสื้อหลุดลุ่ย แถมกลิ่นแอลกอ
รถยนต์ยี่ห้อหรูตบไฟเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานคอนกรีตขนาดใหญ่ระหว่างทางผ่านมามีแค่เพียงบุรินทร์ภัทรที่พยายามส่งเสียงพูดคุย ส่วนอลิชาเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมมองหน้ากัน“เข้าไปข้างในบ้านด้วยกันมั้ย จะได้เจอพ่อกับแม่เฮียด้วย”“ไม่ดีกว่าค่ะ ปกติเฮียก็ให้ชานั่งรอบนรถอยู่แล้ว”รอยยิ้มจางๆ ที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ เลือนหายไป บุรินทร์ภัทรหวนคิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งก่อนเขาเคยปล่อยให้อลิชานั่งรอบนรถแบบหลบๆ ซ่อนๆ มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เธอก็ยังเชื่อฟังทำตามคำสั่งไม่ปริปากบ่นพอมาวันนี้ไม่อยากปิดบังอีกแล้ว อยากประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าเธอเป็นเมียเขา!“เฮียไปเถอะค่ะ”“เดี๋ยวรีบพาลูกออกมาหา เธอจะได้ไม่ต้องรอนาน” ประคองใบหน้าแสนหวานให้เห็นมาสบตา เกิดเป็นความหวาดระแวงว่าเธอจะหนีหายไปจากกัน “ชาอย่าหายไปไหนนะ เดี๋ยวเฮียรีบมา”“อืม”ร่างบางได้แต่ถอนหายใจมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆ ไกลออกไปภายในใจเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นความรู้สึกเอาไว้ทำให้สับสนเหมือนว่าเธอเคยรักเขามาก มาตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกโหยหาผู้ชายคนนี้อีกแล้ว อาจจะเหลือไว้เพียงความผูกพันรอแค่วันให้มันหมดไปคนหนึ่งเริ่มจากร้อย เคยโดนทำร้ายจิตใจยิ่งนา
ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าโกดังสต๊อกสินค้าขนาดใหญ่“เฮียแฟรงก์!” อลิชาตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่นไปทั่วบริเวณ“ว่าไงคนสวยของเฮีย” บุรินทร์ภัทรเดินออกมาต้อนรับคนที่มาใหม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง “มาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้นะ”ดวงตาคู่คมจ้องมองเรือนร่างของคนตัวเล็กแบบไม่ได้ตั้งใจ เสื้อผ้าตัวบางที่เธอสวมใส่เปียกปอนไปด้วยเม็ดฝนจนแนบเนื้อเผยให้เห็นสัดส่วนอวบอั๋น“เป็นฝีมือของเฮียใช่มั้ย”“ขยับมาพูดใกล้ๆ เฮียแก่แล้วหูไม่ค่อยดี” กระดิกนิ้วเรียกคนตัวเล็กให้เข้าหาด้วยท่าทางยียวน ชอบยั่วให้เธอโมโหถือว่าเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง“ทำแบบนี้ทำไม”“พูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”“ที่คิมมาบอกเลิกชา เป็นเพราะเฮียใช่มั้ย”“อย่าใส่ความกัน”“ถ้าไม่ใช่เฮียแล้วจะเป็นใคร”“จะไปรู้เหรอ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ ไหนล่ะหลักฐาน ถ้ามีก็ช่วยงัดออกมา จะได้รู้ว่าทำอะไรผิด”“…..” ลิชาจิกเล็บลงบนต้นขาของตัวเองแน่นเมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิดคนตรงหน้าได้“ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เธอชักจะใจดำกับเฮียเกินไปแล้วนะ” ตีหน้าเศร้าบอกผ่านน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อน แต่ลิชาไหวตัวทันรีบขยับถอยห่าง“ไม่ต้องมาเล่นละคร
-2F BAR-คิมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของบุรินทร์ภัทร วาดสายตามองไปรอบบริเวณด้วยความสงสัย หลังจากโดนลูกน้องของเฮียแฟรงก์ตามไปหิ้วปีกถึงในห้องนอนจนต้องรีบมา“เฮียให้คนไปตามผมมาพบด่วน มีธุระอะไรเหรอเปล่าครับ”“นั่งก่อนสิ”“…..” หย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม เห็นเฮียฟรินนั่งกอดอกหลบอยู่ในมุมมืดของห้อง กลิ่นฉุนของควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งกระทบเข้าใบหน้าจนรู้สึกเสียวสันหลังบุรินทร์วัชร์เป็นคนจับตัวได้ยาก มีโอกาสน้อยนักที่จะได้เจอตัวเป็นๆ“มึงจะดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนมั้ย” แฟรงก์เอ่ยถาม เหลือบสายตามองรุ่นน้องคนสนิท ก่อนจะใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น“ก็ดีเหมือนกันครับ”สายตาเรียบนิ่งของคนตรงหน้า คิมไม่สามารถคาดเดาความคิดได้เลย“กูขอรบกวนเวลามึงไม่นาน แค่ห้านาที แต่ก็อาจจะมากกว่านั้นถ้าเกิดว่าเราคุยกันไม่ลงตัว”“ว่ามาเลย เฮียแฟรงก์ต้องการอะไร”“เลิกยุ่งกับเมียกูซะ!”“…..” บรรยากาศภายในห้องเงียบลง ไม่มีคำพูดใดๆ ต่อจากประโยคก่อนหน้านั้น คิมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องนี้“มึงคงรู้อยู่แก่ใจว่ากูหมายถึงอะไร”“…..” ยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ พ่นลมหายใจลากยาวเพื่อดึงสติ เขารู้ว่าลิชากับรุ่นพี่เคยมีความสัมพ