“กระโปรงเธอมันสั้นไปมั้ยลิชา แล้วเสื้อนักศึกษาทำไมมันฟิตเปรี๊ยะขนาดนั้น”บุรินทร์ภัทรรีบเดินตามเมียเด็กเข้ามาในออฟฟิศ ยืนเท้าเอวไล่สายตามองการแต่งกายของหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์อลิชานั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ทำท่าทางราวกับไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูดตอนนี้เหมือนอาจารย์ฝ่ายปกครองกำลังเรียกเด็กนักเรียนที่ผิดระเบียบมาอบรมสั่งสอนก็ไม่ปานกระโปรงทรงเอแหวกลึกโชว์เรียวขาสวยจนเกือบจะเห็นขอบกางเกงในและเสื้อนักศึกษาตัวจิ๋วรัดสัดส่วนอวบอั๋น ใครได้เห็นก็ต้องเหลียวมอง“ปกติหนูก็ใส่แบบนี้”“เดี๋ยวเฮียพาไปซื้อชุดใหม่ แต่ไม่เอาแบบนี้แล้วนะ”“หนูแต่งแบบนี้แล้วมันไม่สวยเหรอคะ”“เพราะสวยนั่นแหละถึงได้ตามหึงอยู่แบบนี้”“สรุปจะเอายังไง” คนตัวเล็กเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เขาเคยบอกว่าเธอจืดชืดเฉิ่มเชยไม่น่ามอง พอเริ่มหันมาดูแลตัวเอง รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวกลับไม่พอใจ“ถ้าจะแต่งแบบนี้ เก็บเอาไว้ให้เฮียเห็นคนเดียวพอ”“เฮ้อ…” ผ่อนลมหายใจลากยาว ดูเหมือนว่าการกลับมาเจอกันอีกครั้งจะรับมือยากกว่าที่คิดไว้“กลับไปเป็นยัยเฉิ่มของเฮียเหมือนเดิม เฮียชอบที่เธอเป็นแบบนั้น”“แต่ตอนนั้นหนูไม่สวยนะ”“จะตอนไหนก็สวยสำหรับเฮีย” ไม
“มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ”ดาวเหนือหันมายิ้มให้ เนื่องจากเธอและอลิชามีอายุห่างกันมากถึงสิบปี จึงมองคนที่เด็กกว่าด้วยสายตาเอ็นดู “วันนี้วันพระ…พี่กำลังเตรียมของไปใส่บาตรตอนเช้า งั้นมาช่วยพี่ปอกสับปะรดทีนะ หนูทำเป็นมั้ย”ดาวเหนือมักตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เข้าครัวทำอาหาร พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยค่อยไปตามลูกกับสามีให้ลุกขึ้นมาใส่บาตรพร้อมกัน“ทำได้ค่ะ”“แล้วแฟรงก์อาการเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่มีลิชา ดูเหมือนว่าจะสดใสยิ้มแย้มขึ้นเยอะเลย”“เห็นชอบบ่นว่าปวดหัวค่ะ แต่พอได้กินยาก็ดีขึ้น” ร่างกายภายนอกของบุรินทร์ภัทร อาจจะดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่อวัยวะภายในที่ผ่านการกระทบกระเทือนมาอย่างหนักยังบอบช้ำต้องได้รับการฟื้นฟู“ฝากดูแลเขาทีนะ คนนี้ดื้อไม่มีใครเกินเลย”“แล้วเฮียแฟรงก์กับเฮียฟรินใครดื้อกว่าคะ”“เข้าใจถามดีนะ” คนที่โตกว่าหัวเราะออกมาเบาๆ ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแต่กลับรู้สึกถูกชะตาอลิชาเป็นคนสวย นอบน้อมถ่อมตัว อัธยาศัยดี ชอบชวนคุยยิ้มแย้มสดใส ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังมองไม่รู้เบื่อ“พี่ว่าดื้อกันคนละแบบนะ แต่ก็น่าปวดหัวทั้งคู่นั่นแหละ”“พวกเขาสองคนดูรักกันมากเลยนะคะ” ถึงแม้เฮียฟรินจะชอบดุเฮี
“ทำอะไรกันอยู่” บุรินทร์ภัทรเดินเข้ามาย่อตัวนั่งลงข้างลูกสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำการบ้านด้วยใจจดจ่อ“พี่ลิชากำลังสอนการบ้านลูกอยู่ค่ะ”“สอนการบ้านลูกเสร็จแล้ว อย่าลืมส่งการบ้านให้ผัวด้วยนะ” หันมองอลิชาที่นั่งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะถูกคนตัวเล็กส่งสายตาดุดันกลับคืนมา“ถ้าจะมาเพื่อกวนสมาธิลูก ก็ออกไปเลยนะ”“เฮียมาหาเพราะคิดถึง เธออย่าใจร้ายนักสิ”“เข้ามากวนมากกว่าน่ะสิ”“มีของมาฝากหนูกับลูกด้วย เฮียอุตส่าห์ขับมอเตอร์ไซค์ตากแดดไปซื้อมาให้เลยนะ”อลิชายิ้มกว้างเมื่อชายหนุ่มยื่นแก้วชานมไข่มุกร้านโปรดที่เธอชอบกินอยู่เป็นประจำ“แล้วไหนของเล่นที่ศุกร์อยากได้ ป๊าลืมซื้อมาเหรอ”“ไม่ลืมอยู่แล้วนางฟ้าตัวน้อยของป๊า” ทำเสียงเล็กเสียงน้อยพูดคุย ไม่ว่าลูกสาวคนสวยอยากได้หรือต้องการอะไร ป๊าสุดหล่อคนนี้แทบจะคลานเข่าเอามาถวายให้สามเวลาเช้าเย็นกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าถ้าไม่มีดาวศุกร์ในวันนั้น อลิชาคงไม่ยอมกลับมาคืนดีหาเขาเป็นแน่“ป๊าห้ามลืมเด็ดขาดเลยนะ ว่าสิ้นปีนี้ เราต้องไปดูแสงเหนือที่ฟินแลนด์และอลาสก้าด้วยกัน”“ไม่ลืมแน่นอน ป๊าจัดการจองตั๋วเครื่องบินเฟิร์สคลาสและโรงแรมห้าดาวไว้ให้ศุกร์เรียบร้อยแล้ว”“ทำดีมาก ศุ
-2F BRA-ร่างสูงคมคายพ่นควันบุหรี่ออกทางจมูกและริมฝีปากจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนสีหน้าดูเคร่งเครียด มือซ้ายยกโทรศัพท์แนบหู ส่วนมืออีกข้างคอยชี้นิ้วสั่งพนักงานในร้าน‘แฟรงก์ บุรินทร์ภัทร’ หนุ่มหล่อวัย28ปี ดีกรีเจ้าของคลับชื่อดังมากกว่า5สาขาทั่วกรุงเทพอยู่ในชุดลำลองสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงยีนขายาวขาดเข่าสีซีดทรงผมมัลเล็ตสีควันบุหรี่ถูกจัดทรงให้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนข้อมือสวมใส่นาฬิกาแบรนด์ดังราคาหลักหลายล้านที่ขโมยน้องชายฝาแฝดมาใบหน้าราวกับเทพเจ้าปั้นคิ้วเข้มหนารับกับดวงตาเฉี่ยวคม ทำให้ดูโดดเด่นกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่อยู่แถวนั้นได้ไม่ยาก‘จะโทรจิกอะไรนักหนา บอกว่าทำงานอยู่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง’‘น่ารำคาญชะมัด แค่นี้แหละ’ติ๊ด…ชายหนุ่มรีบกดตัดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิด เธอคือผู้หญิงที่เข้ามาติดพันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ“หงุดหงิดกับสาวคนไหนอีกล่ะเฮีย” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยแซวผู้เป็นเจ้านายด้วยความสนิทสนมเฮียแฟรงก์ของเขาเรียกว่าหล่อสะบัด ฐานะก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลาเต็มพิกัด ทำให้มีสาวสวยมาติดพันมากมาย“มึงจำยัยวิกกี้ได้มั้ย” แค่นึกเห็นหน้าก็ปวดหัว นอกจากเรื่องบนเตียงก
-หลังเลิกงาน-“ยัยลิชา!”เสียงของ ‘คะนิ้ง’ ช่วยปลุกให้ลิชาตื่นจากภวังค์ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง“มีอะไร”“คิดถึงพ่อหนุ่มแบดบอยคนนั้นอยู่เหรอ”“ไม่ใช่สักหน่อย”“แกน่ะโกหกไม่เนียนเลยนะชา” เพราะลิชามัวแต่นั่งเหม่อลอยอยู่นานสองนาน เขี่ยข้าวในจานไปมาไม่ยอมกินมันสักทีเธอรู้มาตั้งแต่แรกว่าเพื่อนสนิทแอบชอบพ่อหนุ่มเพลย์บอยหล่อรวยเจ้าของคลับ ชื่อเสียงเรียงนามของบุรินทร์ภัทรก็ไม่ใช่เล่นๆ เรียกได้เต็มปากว่าเขาน่ะเสือตัวพ่อ“เฮ้อ~” ลิชาถอนหายใจหนักครั้งแล้วครั้งเล่า ซบใบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความห่อเหี่ยว“ถ้าชอบขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ลองไปสารภาพรักกับเขาดูล่ะ”“จะบ้าเหรอคะนิ้ง ฉันไม่กล้า” เรียกว่าอกหักได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เธอมันก็แค่ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ธรรมดา ต่างจากสาวสวยที่เจ้านายเคยควงเป็นไหนๆไหนจะเน็ตไอดอล ดารา พริตตี้ นางแบบ แค่คิดก็หมดหวังสิ้นหนทาง“แล้วมีอะไรต้องกลัว”“เฮียแฟรงก์เป็นใคร แล้วฉันเป็นใคร มันไม่สมควรหรอกคะนิ้ง” เพราะเจียมเนื้อเจียมตัวมาโดยตลอดตลอด ทุกวันนี้แค่ได้แอบมองไปวันๆ ก็มีความสุขแล้ว“ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ อย่างน้อยแกก็ยังได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ”“…..”“ถ้าผ
-มหาวิทยาลัย-“เป็นอะไรฟ้าใส” เสียงหวานของคะนิ้งเอ่ยถาม พักนี้ฟ้าใสชอบนั่งเหม่อลอย ทำตัวลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมในแถมยังสวยขึ้นผิดหูผิดตา“ปะ…เปล่า” คนถูกถามรีบดึงสติกลับมา พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ“พักนี้แกเป็นอะไร มีความลับอะไรบอกมา”“ไม่มีอะไรหรอก เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อย”“ฉันได้ข่าวจากยัยชา มันบอกว่าแกมีแฟนแล้วเหรอ มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่” คะนิ้งหรี่สายตามองเพื่อนสาวอย่างจับผิด เหลือบสายตาเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่ที่วางอยู่ข้างกัน“แกเอาเรื่องฉันไปบอกคนอื่นเหรอลิชา” หันไปถามลิชาด้วยท่าทางโวยวายยกใหญ่จนคนตัวเล็กใบหน้าถอดสี“ฉันไม่ใช่คนอื่น แล้วแกจะไปหงุดหงิดใส่ชาทำไม เป็นบ้าหรือไง”ฟ้าใสยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมทำท่าทางฟึดฟัด พักนี้ไม่ว่าลิชาจะทำอะไรก็ดูเหมือนว่าจะขัดหูขัดตาเธอไปเสียหมด“ไปรวยอะไรมา แกเปลี่ยนกระเป๋าอีกแล้วเหรอ”“เป็นยังไง สวยใช่ปะ”“ใบละตั้งเป็นแสน แกไปเอาเงินมาจากไหน” ฐานะทางบ้านของฟ้าใสไม่ได้ร่ำรวย แต่กลับมีของแบรนด์เนมราคาแพงใช้ไม่ขาดมือ“ฉันก็มีงานของฉัน ได้เงินดีแถมไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมาย”“…..” ลิชารีบหันไปมองเพื่อนสาวอย่างให้ความสนใจ เธอเป็นลูกชาว
-โรงเรียนนานาชาติ-“ป๊า…” ดาวศุกร์ที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มกระโปรงลายสก็อต รีบวิ่งเข้ามากอดป๊าของเธอไว้แน่นด้วยความดีใจหน้าที่รับส่งเด็กหญิงไปโรงเรียนในทุกๆ วันเลยตกเป็นของบุรินทร์ภัทรไปโดยปริยาย“แต่งตัวซะหล่อเชียวนะ จะพาลูกไปเที่ยวไหน” ดาวศุกร์ยืนเท้าเอวหรี่สายตามองคนตรงหน้าอย่างจับผิด ปกติก็หล่ออยู่แล้ว แต่วันนี้ป๊าแฟรงก์ดูหล่อกว่าทุกวัน“มารับศุกร์นั่นแหละ”“วันนี้จุ๊บลูกหรือยัง”“ศุกร์นั่นแหละมาจุ๊บป๊าก่อน”ร่างสูงย่อตัวนั่งลงให้อยู่ในระดับเดียวกับหลานสาว ก่อนจะเอียงแก้มให้หอมเหมือนทุกวัน“คุณครูคนนั้นต้องชอบป๊าแน่เลย ศุกร์เห็นเขาชอบแอบมองป๊าอยู่บ่อยๆ”“…..” แฟรงก์ไม่ได้ตอบคำถามของหลานสาว ยกยิ้มมุมปากทักทายคุณครูอนุบาลคนสวยที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อนแต่มันก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างขอจบความสัมพันธ์“วันนี้ศุกร์อยากกินติม พาไปกินติมหน่อยได้มั้ย”“กินทุกวันไม่เบื่อหรือไง”“เมื่อวานกินช็อกโกแลต แต่วันนี้จะกินวานิลลา”“ตามใจ แต่ห้ามบอกไอ้แว่นนะ เดี๋ยวเราสองคนจะโดนดุ”“ศุกร์รู้งาน ไม่บอกอยู่แล้ว คิคิ” เด็กน้อยยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะชอบใจอย่างมีจริต ก่
นับหนึ่ง…นับสอง…นับสามนิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะทำงานอย่างใจเย็น บุรินทร์ภัทรมองจ้องไปยังประตูห้องทำงานแต่กลับไร้วี่แววผ่านไปหลายวันที่ยื่นข้อเสนอให้ลิชา แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับทำให้เขารู้สึกหัวเสียไม่น้อยแกร๊ก…บานประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะถอนหายใจลากยาวอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่เป็นลูกน้องคนสนิทไม่ใช่คนที่คิดไว้“เฮียให้ผมมาพบด่วนมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”“วันนี้ลิชามาทำงานหรือเปล่า”“น้องมาตั้งนานแล้วครับ”“แล้วทำไมยังไม่ขึ้นมาหากูอีก”“เฮียนัดน้องไว้หรือเปล่าครับ”“เปล่า ไม่ได้นัด ช่างเถอะ แต่อีกเดี๋ยวก็คงมา”ลูกน้องคนสนิทยกมือเกาหัวด้วยความงงงวย ร้อยวันพันปีเจ้านายไม่เคยถามหา ถ้าไม่ได้มีธุระด่วนหรือเรื่องคอขาดบาดตาย “เอ่อ…ว่าแต่เฮียถามหาลิชาทำไม”“กูเป็นเจ้านายแค่ถามหาลูกน้องไม่ได้หรือไง”“ผมถามแค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย”“มึงจะไปไหนก็ไป เห็นแล้วหงุดหงิดฉิบหายเลย” โบกมือไล่ลูกน้องยกใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปทั้งหมด“ลิชา…ชื่อคุ้นๆ” ไคโรที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นานเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนไ
“ทำอะไรกันอยู่” บุรินทร์ภัทรเดินเข้ามาย่อตัวนั่งลงข้างลูกสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำการบ้านด้วยใจจดจ่อ“พี่ลิชากำลังสอนการบ้านลูกอยู่ค่ะ”“สอนการบ้านลูกเสร็จแล้ว อย่าลืมส่งการบ้านให้ผัวด้วยนะ” หันมองอลิชาที่นั่งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะถูกคนตัวเล็กส่งสายตาดุดันกลับคืนมา“ถ้าจะมาเพื่อกวนสมาธิลูก ก็ออกไปเลยนะ”“เฮียมาหาเพราะคิดถึง เธออย่าใจร้ายนักสิ”“เข้ามากวนมากกว่าน่ะสิ”“มีของมาฝากหนูกับลูกด้วย เฮียอุตส่าห์ขับมอเตอร์ไซค์ตากแดดไปซื้อมาให้เลยนะ”อลิชายิ้มกว้างเมื่อชายหนุ่มยื่นแก้วชานมไข่มุกร้านโปรดที่เธอชอบกินอยู่เป็นประจำ“แล้วไหนของเล่นที่ศุกร์อยากได้ ป๊าลืมซื้อมาเหรอ”“ไม่ลืมอยู่แล้วนางฟ้าตัวน้อยของป๊า” ทำเสียงเล็กเสียงน้อยพูดคุย ไม่ว่าลูกสาวคนสวยอยากได้หรือต้องการอะไร ป๊าสุดหล่อคนนี้แทบจะคลานเข่าเอามาถวายให้สามเวลาเช้าเย็นกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าถ้าไม่มีดาวศุกร์ในวันนั้น อลิชาคงไม่ยอมกลับมาคืนดีหาเขาเป็นแน่“ป๊าห้ามลืมเด็ดขาดเลยนะ ว่าสิ้นปีนี้ เราต้องไปดูแสงเหนือที่ฟินแลนด์และอลาสก้าด้วยกัน”“ไม่ลืมแน่นอน ป๊าจัดการจองตั๋วเครื่องบินเฟิร์สคลาสและโรงแรมห้าดาวไว้ให้ศุกร์เรียบร้อยแล้ว”“ทำดีมาก ศุ
“มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ”ดาวเหนือหันมายิ้มให้ เนื่องจากเธอและอลิชามีอายุห่างกันมากถึงสิบปี จึงมองคนที่เด็กกว่าด้วยสายตาเอ็นดู “วันนี้วันพระ…พี่กำลังเตรียมของไปใส่บาตรตอนเช้า งั้นมาช่วยพี่ปอกสับปะรดทีนะ หนูทำเป็นมั้ย”ดาวเหนือมักตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เข้าครัวทำอาหาร พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยค่อยไปตามลูกกับสามีให้ลุกขึ้นมาใส่บาตรพร้อมกัน“ทำได้ค่ะ”“แล้วแฟรงก์อาการเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่มีลิชา ดูเหมือนว่าจะสดใสยิ้มแย้มขึ้นเยอะเลย”“เห็นชอบบ่นว่าปวดหัวค่ะ แต่พอได้กินยาก็ดีขึ้น” ร่างกายภายนอกของบุรินทร์ภัทร อาจจะดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่อวัยวะภายในที่ผ่านการกระทบกระเทือนมาอย่างหนักยังบอบช้ำต้องได้รับการฟื้นฟู“ฝากดูแลเขาทีนะ คนนี้ดื้อไม่มีใครเกินเลย”“แล้วเฮียแฟรงก์กับเฮียฟรินใครดื้อกว่าคะ”“เข้าใจถามดีนะ” คนที่โตกว่าหัวเราะออกมาเบาๆ ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแต่กลับรู้สึกถูกชะตาอลิชาเป็นคนสวย นอบน้อมถ่อมตัว อัธยาศัยดี ชอบชวนคุยยิ้มแย้มสดใส ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังมองไม่รู้เบื่อ“พี่ว่าดื้อกันคนละแบบนะ แต่ก็น่าปวดหัวทั้งคู่นั่นแหละ”“พวกเขาสองคนดูรักกันมากเลยนะคะ” ถึงแม้เฮียฟรินจะชอบดุเฮี
“กระโปรงเธอมันสั้นไปมั้ยลิชา แล้วเสื้อนักศึกษาทำไมมันฟิตเปรี๊ยะขนาดนั้น”บุรินทร์ภัทรรีบเดินตามเมียเด็กเข้ามาในออฟฟิศ ยืนเท้าเอวไล่สายตามองการแต่งกายของหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์อลิชานั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ทำท่าทางราวกับไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูดตอนนี้เหมือนอาจารย์ฝ่ายปกครองกำลังเรียกเด็กนักเรียนที่ผิดระเบียบมาอบรมสั่งสอนก็ไม่ปานกระโปรงทรงเอแหวกลึกโชว์เรียวขาสวยจนเกือบจะเห็นขอบกางเกงในและเสื้อนักศึกษาตัวจิ๋วรัดสัดส่วนอวบอั๋น ใครได้เห็นก็ต้องเหลียวมอง“ปกติหนูก็ใส่แบบนี้”“เดี๋ยวเฮียพาไปซื้อชุดใหม่ แต่ไม่เอาแบบนี้แล้วนะ”“หนูแต่งแบบนี้แล้วมันไม่สวยเหรอคะ”“เพราะสวยนั่นแหละถึงได้ตามหึงอยู่แบบนี้”“สรุปจะเอายังไง” คนตัวเล็กเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เขาเคยบอกว่าเธอจืดชืดเฉิ่มเชยไม่น่ามอง พอเริ่มหันมาดูแลตัวเอง รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวกลับไม่พอใจ“ถ้าจะแต่งแบบนี้ เก็บเอาไว้ให้เฮียเห็นคนเดียวพอ”“เฮ้อ…” ผ่อนลมหายใจลากยาว ดูเหมือนว่าการกลับมาเจอกันอีกครั้งจะรับมือยากกว่าที่คิดไว้“กลับไปเป็นยัยเฉิ่มของเฮียเหมือนเดิม เฮียชอบที่เธอเป็นแบบนั้น”“แต่ตอนนั้นหนูไม่สวยนะ”“จะตอนไหนก็สวยสำหรับเฮีย” ไม
“เฮียแฟรงก์ของชายังหล่อเหมือนเดิม” อลิชานั่งเอนหลังพิงหัวเตียง ยกมือลูบศีรษะของชายหนุ่มที่กำลังนอนหนุนอยู่บนตักด้วยความอ่อนโยนเธอคลี่ยิ้มบางมองข้ามบาดแผลที่ติดอยู่บนใบหน้า จ้องดวงตาเฉี่ยวคมที่คุ้นเคย“มัวแต่จ้องหน้าหนู ทำไมถึงไม่พูดอะไรบ้าง”“แค่กำลังคิด ว่าบางทีเฮียอาจจะฝันไป” ใช่ครั้งแรกซะที่ไหน! เป็นเพราะคิดถึงเธอมากไปจนเก็บเอาไปฝันอยู่หลายครั้ง“ไม่ได้ฝัน”“ถ้าเป็นฝัน มันก็คงเป็นฝันที่ดีที่สุด” หลับตาลงช้าๆ ด้วยความเหนื่อยล้า อยากนอนหลับแบบไม่ต้องตื่นไปชั่วชีวิตเขาแค่ไม่อยากตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ว่างเปล่า“มันคือเรื่องจริง ชาอยู่ตรงนี้แล้ว”โน้มใบหน้าเข้าใกล้ ก้มลงจูบที่ริมฝีปากของชายหนุ่มเบาๆ สอดเรียวลิ้นเข้าไปเกี่ยวพันดูดดื่ม โดยที่เขาไม่ได้ปฏิเสธ ยอมให้เธอจูบเป็นเวลาเนิ่นนานบุรินทร์ภัทรเงยหน้าขึ้นรับรสจูบอ่อนหวาน ส่งเสียงครางต่ำในลำคอ รสชาตินิ่มนวลยังคงติดอยู่ในโพรงปากไม่สามารถสลัดมันออกจากความทรงจำได้เลย“เชื่อหรือยังว่าไม่ได้ฝัน”“จะกลับมาหากันตอนไหน กลับมาเลยได้มั้ย อย่าทิ้งเฮียไว้คนเดียวแบบนี้”“ชาจะไม่ไปไหน”“มีแค่เฮียคนเดียวได้มั้ย เธออย่าไปรักใครนอกจากเฮีย”“จะไม่
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” อลิชารีบวิ่งไปขวางหน้าเมื่อบุรินทร์ภัทรตั้งท่าจะเดินหนี หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มในรอบหลายเดือน“…..”“เฮียเป็นอะไร” หยดน้ำตารินไหลอาบพวงแก้มจนเปียกปอน โผกอดคนตัวโตไว้แน่นด้วยความคิดถึง“ไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณที่พาลูกมาส่ง เฮียขอตัวไปดูลูกก่อน” เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปสู้หน้าเพราะรู้ว่าร่างกายของตัวเองนั้นไม่เหมือนเดิม“อย่าเพิ่งไป” ประคองใบหน้าคมคายให้เงยขึ้นมาสบตา กลั้นเสียงร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่น “ทำไมถึงเป็นแบบนี้”ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปที่บาดแผลขนาดใหญ่ รอยแผลเป็นนั้นยังคงปรากฏให้เห็นเด่นชัดอยู่บนใบหน้า“เฮียเจ็บมากมั้ย”“คงไม่ตายง่ายๆ หรอก”ร่างสูงยกยิ้มเล็กน้อยมองคนตรงหน้า แต่สิ่งที่เธอทำคือเขย่งปลายเท้าขึ้นมาจูบที่ริมฝีปากหนาอย่างเอาแต่ใจชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆ หยุดเคลื่อนไหวร่างกายยอมให้เธอจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า โหยหาทุกสิ่ง ต้องการทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอลิชา“ทำแบบนี้เพื่ออะไร ต้องการอะไรอีก”“ชาไม่ได้ต้องการอะไรเลย”“แค่นี้ก็เจ็บจนทนไม่ไหว อย่าทำให้เฮียเจ็บไปมากกว่านี้”“ทำไมถึงไม่บอกกันบ้าง” ซุกใบหน้าคลอเคลียเข้ากับแผงอกแกร่งอย่างออดอ้อน“มั
“หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลยเจ๊ พี่ลิชาไปอยู่ที่ไหนนะ” ชารันแฝดน้องทิ้งตัวนั่งลงกอดเข่าก้มหน้าอยู่บนพื้น หลังจากที่เอาแต่เดินตากแดดตากลมตามหาพี่ลิชามาตลอดทั้งวัน“อดทนหน่อยสิ พี่ลิชาน่าจะอยู่แถวนี้”“อีกนานมั้ย ชารันปวดขาไปหมดแล้ว”“ชาราก็หิวข้าว ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่ายเลย”“ชารันก็หิวเหมือนกัน ขอกินข้าวหน่อยได้มั้ย”ดาวศุกร์เริ่มสับสนเมื่อน้องแฝดทั้งสองคนมีอาการงอแงโวยวาย“งั้นเราไปกินข้าวกัน กินเสร็จแล้วค่อยกลับบ้านนะ”ตอนนี้เริ่มพลบค่ำ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ผู้คนแปลกหน้าก็เริ่มพลุกพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็มองพวกเธอสามคนด้วยสายตาแปลกๆดาวศุกร์มองไปบริเวณโดยรอบด้วยความหวาดระแวงเช่นกัน“แย่แล้วแฝด กะ…กระเป๋าตังค์เจ๊หาย” ใบหน้าของเด็กน้อยซีดเผือด เมื่อกระเป๋าที่สะพายมามีรอยถูกเปิดออกโดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ทั้งไอแพดและโทรศัพท์ราคาแพงที่ย่าเพิ่งซื้อให้ กระเป๋าเงินสดก็หายเกลี้ยงจะเหลือก็เพียงบัตรแบล็คการ์ดของป๊าแฟรงก์ที่ยังอยู่ “กระเป๋าตังค์หายไปไหนนะ”“จริงเหรอเจ๊”“หายหมดแล้ว เจ๊ไม่มีตังค์เลย”“ชาราอยากกลับบ้าน”“ไอ้แฝดอย่าร้องไห้นะ” ดาวศุกร์ดึงน้องสาวฝาแฝดทั้งสองมากอดไว้แน่นเพราะไม่อยา
-หลายวันผ่านไป-“อาการเป็นยังไงบ้างแฟรงก์” ฟรินเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนของพี่ชาย วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ เห็นแฟรงก์กำลังเดินกะเผลกออกจากห้องน้ำ บนร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูที่ถูกพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่“ก็ตามที่เห็น”“ยังเจ็บตรงไหนอีกไหม”“เจ็บที่ใจ”“…..” ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ ขนาดเจ็บหนักเจียนตายแต่มันยังไม่สลด“ถอนหายใจใส่กูทำไม” ถ้าไม่ติดว่าเจ็บอยู่คงจะเอาไม้ค้ำยันเขกหัวน้องชายแรงๆ“เพ้อเจ้อได้แบบนี้ สงสัยคงจะหายดีแล้ว”“คนอย่างกูไม่ตายง่ายๆ หรอก” ก็แค่รถคว่ำสมองกระทบกระเทือน หน้าแหกนิดหน่อย รอดตายมาได้ก็ถือว่าเป็นบุญ“มึงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รู้มั้ยว่ากูเป็นห่วง”“นอกจากเมีย มึงเคยสนใจใครด้วยเหรอ”“สนใจมึงไง กูเป็นห่วงมึง”“ไม่ต้องมาทำซึ้ง จะอ้วก” ยิ่งเห็นสายตาห่วงหาอาลัยอาวรณ์ของไอ้แว่นยิ่งรู้สึกพะอืดพะอม เพราะในชีวิตนี้มันไม่คิดจะรักหรือสนใจใครแล้วนอกจากดาวเหนือเมียสุดที่รัก“เพิ่งอาบน้ำเสร็จใช่มั้ย มานั่งลงตรงนี้เดี๋ยวกูใส่เสื้อผ้าให้” ฟรินหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ให้พี่ชายด้วยความระมัดระวัง เพราะในทุกวันจะมีแค่เขากับพ่อที่คอยแวะเวียนเข้ามาดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แ
บุรินทร์ภัทรถอนหายใจลากยาว เบือนหน้าหันหนีไม่กล้าแม้กระทั่งสบตา อยากให้คำพูดของเธอก่อนหน้านั้นเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เรื่องจริง“ชาไม่อยากฝืนทำให้เราสองคนเสียเวลาไปมากกว่านี้”“มีทางไหนมั้ย ที่จะทำให้ชากลับมารักเฮียเหมือนเดิม แค่บอกมาจะยอมทำให้”“…..” ดวงตากลมโตสั่นเครือ นั่งมองภาพชายหนุ่มทั้งน้ำตา“ถ้าโกรธก็ตบดิ หรือจะทุบจะตีก็เอาเลย เฮียสู้เธอไม่ได้อยู่แล้ว”ที่ผ่านมาเขาคิดมาเสมอว่าตัวเองอยู่ได้โดยไม่ต้องมีความรัก พยายามหลีกหนีทุกครั้ง เพราะไม่อยากเจ็บปวดเหมือนที่น้องชายเคยเจอมาแต่ลิชาทำให้เขารู้จักว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง คิดว่าตัวเองคงรับไหวแต่พอเอาเข้าจริงมันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาไม่สามารถรับความผิดหวังจากเธอได้เลย “ไม่ใช่มาพูดแบบนี้ คิดว่าเฮียเจ็บไม่เป็นหรือไง”“…..”“ยอมจนไม่รู้จะยอมยังไงแล้ว” เพียงแค่เธอบอกขอจบความสัมพันธ์ก็แทบคุมสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่“…..” “จะให้เป็นกิ๊กเป็นชู้หรือเป็นอะไรก็ได้ ตอนนี้ยอมให้แล้วทุกอย่าง จะไม่วุ่นวาย ขอแค่เธออย่าทิ้งเฮียนะ”“พอได้แล้วเฮีย ความรู้สึกของเรามันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลงทุกวัน” ไม่ใช่แค่เธอเองแต่บุรินทร์ภัทรก็คงรับรู้ได้
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” อลิชาเดินออกจากห้องนอนในช่วงบ่ายของวัน เหลือบสายตามองบุรินทร์ภัทรที่นั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง “เฮียสั่งงานลูกน้องไว้แล้ว ให้พวกมันทำแทนได้”“…..” หญิงสาวหย่อนตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่มเหมือนที่ชอบทำ ก่อนที่เขาจะรีบยกแขนโอบเอวบางไว้แน่น“วันนี้แต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ”“จะพาไปไหนเหรอคะ”“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง” โน้มใบหน้าเข้าใกล้ ใช้ปลายจมูกคลอเคลียสูดดมกลิ่นกายหอมที่คุ้นเคย ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังของเธอเบาๆ เขารีบเคลียร์งานทุกอย่างหลังจากที่อลิชาสอบเสร็จ จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้น “เฮียจะย้ายไปอยู่บ้านใหญ่ คงไม่ได้อยู่ที่คอนโดนี้แล้ว”เพราะมีลูกหลานคอยโทรตามทุกวัน จนใจอ่อนยอมตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม“อ่อ…ค่ะ” พยักหน้ารับแต่ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น ถ้าเป็นแบบที่เขาพูดหมายความว่าเธอใกล้จะได้เป็นอิสระจากความสัมพันธ์บ้าๆ นี่เต็มทน“จะพาเธอไปด้วย”“หมายถึงอยู่กับครอบครัวของเฮียน่ะเหรอ”“ครอบครัวของเฮียไม่มีปัญหา เธอแค่เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวจะสั่งลูกน้องมาเก็บของให้”“…..”“ถ้าเธอเรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน ตกลงมั้ย”“ชาบอกตอนไหนว่าจะไปอยู