“แม่ หนูมีข่าวดีจะบอก”“เรื่องอะไรว่ามาซิ”“สัญญาก่อนถ้าบอกไปแล้วจะไม่ด่า”“ตกลงมันเป็นข่าวดีจริง ๆ ใช่ไหม”“จริงสิ หนูสอบติดบริหารด้วยนะ”“ไหนว่าไม่รู้จะเรียนอะไรไงไม่บังคับหรอกนะ ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน ไปทำงาน เป็นสาวโรงงานไปเลยก็ได้” แม่พูดด้วยน้ำเสียงปกติ คงคิดแหละว่าฉันฝืนใจตัวเอง“ก็ใช่หนูไม่มีความฝัน ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ใช่ว่าไม่มีหัวคิดแต่หนูค้นหาตัวเองไม่เจอ”“ก็ไม่ได้ว่าอะไร เอ็งเอาตัวรอดได้แม่ก็หายห่วงแล้ว” “แต่คิดดูแล้วหนูเรียนสาขานี้ก็ดีเหมือนกัน ได้เปิดประสบการณ์ตัวเองเยอะเลย” ลองทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองไม่น่าจะทำได้มันก็ท้าทายดี“ปริญญามันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตหรอกนะ แม่ว่า...”“ใบปริญญามันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตแต่มันทำให้ชีวิตเรามีทางเลือกเยอะขึ้นนะแม่” พ่อเคยบอกฉันไว้แบบนี้“ตกลงแน่ใจใช่ไหมว่าจะเรียน”“แน่ใจ” “ถ้าอย่างนั้นมีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวแม่ส่งเอง มีปัญหาอะไรขอให้บอก รู้ว่าแทนที่พ่อไม่ได้แต่แม่ก็อยากเป็นทุกอย่างให้เอ็งเหมือนกันนะ” ได้แต่ขอโทษในใจเป็นพัน ๆ ครั้ง ฉันผิดเองที่ละเลยความรู้สึกแม่ไปช่วงเวลาหนึ่ง มองหน้าแ
“ต้องหน้ายุ่งขนาดนี้เลยเหรอคะ” “...” ได้แต่เงียบแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นแทน “พี่ทิว”“พี่ไม่ชอบ จบนะ!”“ไม่ชอบอะไรคะ หรือหนูทำอะไรผิด”“ไม่ชอบให้หยอกล้อกับคนอื่น”“...” ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างพวกเรา หลายวันมานี้ผมคิดเยอะมาก ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจแต่เป็นตัวผมที่ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้มากกว่าตลอดหลายปีที่ได้เห็นการเติบโตของเธอมันให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ตาม อย่างตอนที่เริ่มขึ้นมอปลาย จะเห็นได้ชัดว่ามีสังคมมากขึ้น มีทั้งเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชายซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่อยู่แต่ในกลุ่มไม่สุงสิงกับใครเลย ครั้งนี้ก็เหมือนกันเพียงแต่ว่าสังคมมันกว้างและไม่มีขอบเขตเท่านั้นเอง น้องในชุดมอปลายกับชุดนักศึกษามันให้ความรู้สึกต่างกันราวฟ้ากับเหว แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากจัดการความรู้สึกไร้สาระของตัวเองออกไปแทน“ขอโทษ พี่แค่หวงมากไปหน่อย”“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “หนูรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อีกอย่างนะพี่แบคเขาแค่กวนประสาทพี่เท่านั้นเอง”“จริง ๆ แล้วพี่ไม่ได้หมายถึงไอ้แบคหรอกนะ แค่ไม่อยากให้เราไปหยอกล้อกับคนอื่นแบบนี้เท่านั้นเอง” ผมคิดมากไปเองครับและถ้
“แก้วนี้ของใคร?” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อจะเอาคำตอบ“มันจะเล่นเกมส์ล้วงความลับกันถ้าใครโกหกต้องกินแก้วนี้ซึ่งในนี้มียาอยู่และหยดลงไปแล้ว กูเป็นคนใส่ลงไปเองแค่หยดเดียว” ไอ้ริวตอบเสียงดังฟังชัด “ฉิบหาย!” เล่นอะไรไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้ากันเลย“มึงกินไปเยอะแค่ไหนเดี๋ยวได้ฉิบหายจริง ๆ หรอก”“...” แค่อึกเดียวเท่านั้นแหละเพราะถูกไอ้อาร์ทแย่งไปซะก่อน แต่ขึ้นชื่อว่ายาปลุกเซ็กซ์ต่อให้เจือจางแค่ไหนมันก็ออกฤทธิ์อยู่ดี “มึงกลับไปก่อนเดี๋ยวกูรับหน้าให้เอง” เบือนหน้าไปมองน้องที่กำลังพูดคุยกับไอ้โบอย่างออกรสพลางใช้ความคิดไปด้วย“มึงอย่าเงียบไอ้ทิว พาน้องกลับไปได้แล้วหรือจะรอให้ยาออกฤทธิ์ก่อน” ไอ้ริวยังคงพูดต่อ “เออ งั้นกูกลับก่อน” ตัดสินใจได้ก็รั้งคนตัวเล็กให้เดินตามออกมาทันที ใครเรียกผมไม่หันไปอีกเลยเดี๋ยวมันสองคนก็เคลียร์ให้เองแหละ“พี่จะกลับแล้วเหรอคะ ทำไมถึงรีบขนาดนี้” ผมไม่ได้ตอบอะไรและเลือกที่จะพาน้องมาที่รถให้เร็วที่สุด“พี่ทิวทำไมไม่พูดล่ะคะ”“ขึ้นรถก่อน”ภายในเวลาแค่ไม่กี่นาทีมันก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับร่างกายตัวเองแล้วครับ มันวูบวาบไปหมด ผมพยายามตั้งสติและทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นสบายที่สุด“พี่ท
“อาบน้ำก่อนนะเดี๋ยวไม่สบาย” ผมว่าพลางยื่นผ้าเช็ดตัวไปให้“ไม่มีชุดเปลี่ยนนะคะ”“พี่มีครับ” “หนูทำอะไรลงไปเนี่ย” น้ำเสียงเขินอายเอ่ยก่อนจะเอาสองมือปิดหน้าตัวเองไว้“เขินตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว” ยื่นมือไปดึงมือน้องออกแล้วฟัดแก้มยุ้ย ๆ นั่นด้วยความมันเขี้ยว“ฮือ...พี่อย่าแกล้งสิ”“ฮ่า ๆ ก็ได้ ๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว”“ค่ะ!” มีการกระแทกเสียงใส่อีกด้วยครับคล้อยหลังน้องผมก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาแม่น้องทันที ตอนนี้ดึกพอสมควรแต่ถ้าไม่โทรบอกท่านก็จะเป็นห่วงได้ (ว่าไงลูก) “แม่ครับ ผมพาน้องมาค้างด้วยนะแล้วพรุ่งนี้...”(โอเค แม่รู้แล้วเพราะเมื่อเย็นเขาบอกแล้วล่ะว่าจะไปหาทิว)“ครับ”(ดูแลตัวเองกันดี ๆ นะ)“ครับ” หลังจากนั้นสายก็ตัดไปเลยผมยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ เหลือบดูนาฬิกาจะเที่ยงคืนแล้วครับ ความจริงตั้งใจจะเซอร์ไพรส์วันเกิดให้น้องแหละแต่ผิดแผนไปหน่อยเลยต้องเปลี่ยนเป็นโทรให้ไอ้ริวซื้อเค้กมาส่งแทน“มีแต่แบบนี้ว่ะเหลืออันเดียวด้วย กูตามหาตั้งหลายร้านเชียวนะ” มาถึงมันก็บ่นเลยครับ“ขอบใจ นี่ค่าน้ำมัน” ผมว่าพลางยื่นเงินให้มันจำนวนหนึ่ง“ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้ ว่าแต่มึงโอเคหรือยัง?”“อืม”“เออ งั้นกูกลับก่อน พ
ครืด...ครืด...“ว่าไงมึง” (กูกลับหอวันนี้ มึงกลับวันไหน)“พรุ่งนี้เช้าแหละ พี่ทิวไปส่ง”(ห่างกันบ้างก็ได้ อิจฉาค่ะ)“อย่า ๆ ฉันรู้นะ!”(อะไร ๆ แค่นี้แหละ มาเร็ว ๆ ด้วยคิดถึง) แล้วสายก็ถูกตัดไปเลย วันหยุดผ่านไปโคตรเร็ว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปเรียนแล้ว ส่วนเรื่องเมื่อวาน เอ่อ... ช่างมันเถอะค่ะ“ไปบ้านพี่นะ แม่ถามหาแล้ว”“บ่ายสองหนูต้องไปรับหลานน่ะสิวันนี้เปิดเทอมวันแรกพอดีรถรับส่งเขายังไม่พร้อม”“อยู่มออะไร”“มอหนึ่งค่ะ โรงเรียนในตัวเมืองแหละ” พี่ฝนไปขายของค่ะ ส่วนหลานฉันยังขึ้นรถเมล์ไม่เก่งเลยต้องไปรับไปส่งเองก่อน“ไม่เป็นไร ส่งหลานเสร็จแล้วค่อยกลับมาก็ได้”“เอาที่พี่สบายใจ” เห็นหน้าพี่ทิวแล้วก็อดนึกถึงเรื่องนั้นไม่ได้สักที ไม่ได้โรคจิตนะคะ ก็มันลอยเข้ามาในหัวเองแถมเขายังทิ้งร่องรอยไว้ให้ฉันดูต่างหน้าอีกด้วย ร้ายนัก! ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ร้านค่ะพี่ทิวแค่มาเช็กของให้เฮียไกด์เฉย ๆ ระหว่างรอฉันก็เล่นเกมส์ในมือถือไปเพื่อค่าเวลากระทั่งได้ยินใครคนหนึ่งเอ่ยทักทายพี่ทิว“มาทำรถเหรอ” เธอเอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม“เปล่า เราทำงานที่นี่น่ะ”“อ๋อ... แล้วฝึกงานจบจะทำที่นั่นต่อไหมหรือมีงานในใจแล้ว”“ย
จบประโยคก็บังคับฉันให้เดินตามมาที่รถตัวเองแทน สีหน้าท่าทางของพี่ทิวตอนนี้บอกตามตรงว่าฉันกลัวค่ะ ฉันไม่รู้ว่าเขาเห็นหรือได้ยินอะไรมาบ้างถึงได้อารมณ์ร้ายขนาดนี้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกเกร็งไปหมด พี่ทิวไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำจนกระทั่งถึงคอนโดของเขา(ปัง)เขาปิดประตูห้องเสียงดังลั่นทำเอาฉันตกใจจนร้องไห้ออกมานานหลายนาทีที่พี่ทิวยังคงเงียบและมองหน้าฉันอยู่แบบนั้นก่อนที่เขาจะรั้งฉันเข้ามาในห้องน้ำและเปิดฝักบัวราดใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว“แค่ก แค่ก! พี่ทิว...”“เคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้ แล้วทำไมไม่ฟังกันบ้าง!! ให้มันแตะเนื้อต้องตัวอยู่ได้ ทำไมวะ!!” เขาตวาดออกมาเสียงดังพร้อมกับราดน้ำใส่ศีรษะฉันรวมไปถึงขัดถูจนรู้สึกแสบผิวไปหมด“หนาว... พะ พอแล้ว” ฉันร้องบอกพลางยื่นมือไปจับแขนเขาเพื่อให้หยุดการกระทำนั้นลงและมันได้ผลค่ะ พี่ทิวปิดน้ำก่อนจะอุ้มฉันวางลงบนเตียงนอนของเขา “ขอโทษ อึก! มันไม่มีอะไรจริง ๆ นะคะ” “...” พี่ทิวยังคงเงียบและจับฉันแก้ผ้าเหมือนเด็กน้อย หลังจากนั้นผ้าขนหนูผืนหนึ่งก็ห่มบนร่างกายฉัน อีกทั้งยังเช็ดผมให้อีกด้วย “พี่ทิว”“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจออกมาเฮือกให
ระหว่างวันรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นไข้ร้อน ๆ หนาว ๆ แถมยังปวดหัวอีกด้วย “เรียนเสร็จไปกินปิ้งย่างกัน” “เลี้ยงนะ”“จัดไป”พอหมดชั่วโมงพวกเราก็ตรงไปร้านปิ้งย่างหน้ามหาวิทยาลัยกันเลย แต่ระหว่างทางบังเอิญเจอพี่กอล์ฟเข้า เขาเลยเดินมาหาฉัน“แฟนเราใช่ไหมคนเมื่อคืน”“ค่ะ หนูขอโทษแทนด้วยที่เขาพูดกับพี่แบบนั้น”“ไม่เป็นไร ว่าแต่คบกันนานหรือยัง”“จะสามปีแล้วค่ะ หนูต้องขอโทษอีกครั้งนะ”“ครับ แล้วจะไปไหนกันเหรอ”“ไปร้านปิ้งย่างค่ะ พี่ไปด้วยกันไหม” ไอ้แนนเอ่ยชวนตามมารยาท“ไม่ล่ะ พี่มีธุระครับขอตัวก่อนนะ” หันมายิ้มให้แล้วเดินจากไปมาถึงร้านก็สั่งแบบจัดหนักจัดเต็มเลยค่ะ มื้อนี้ภามเลี้ยง มันสองคนพูดคุยกันไปเรื่อยส่วนฉันได้แต่มองจอมือถือของตัวเอง ครึ่งวันมานี้พี่ทิวยังไม่โทรมาเลย หรือว่าเขาจะไม่สนในฉันอย่างที่พูดไว้เมื่อคืนจริง ๆ นะ“ตาล! โน่น...” ไอ้แนนเอ่ยเรียกก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปด้านหลังของฉัน เบือนหน้าไปมองเป็นพี่ทิวกับเธอคนนั้นอีกแล้วค่ะ เขาอยู่ห่างจากตรงนี้ไกลพอสมควรแต่มันก็มองเห็นชัดว่าเป็นพี่ทิว จะว่าไปวันนี้เขาแต่งตัวดีและสุภาพมากนะ ในมือถือเอกสารฉบับหนึ่ง ส่วนเธอคนนั้นก็ถือแฟ้มเอกสารเช่นกัน
วันเวลายังคงเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมเรียนจบแล้วครับ ตอนนี้กำลังทำงานเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องกลกับองค์กรขนาดใหญ่อยู่ ความจริงอุตสาหกรรมที่เป็นองค์กรเล็ก ๆ ก็ได้แหละแต่ในเมื่อสัมภาษณ์ผ่านเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองใช่ไหมล่ะครับ ส่วนน้องอยู่ปีสองแล้ว พวกเราไม่เคยทะเลาะกันเลยแต่มีบ้างที่โกรธหรืองอนกันตามประสา อะไรที่ควรทำร่วมกันก็ทำ ส่วนเรื่องหึงหวงก็มีมาเรื่อย ๆ แต่เราเลือกที่จะเชื่อใจกันเลยไม่ค่อยเป็นปัญหาอย่างเมื่อก่อน“วันนี้พี่เลิกห้าโมง เราไปหาแม่กันนะ”“แม่ใครคะ แม่หนูหรือแม่พี่”“ทั้งสองแม่นั่นแหละ” ตั้งใจไว้ว่าจะให้น้องย้ายมาอยู่กับผมที่คอนโดด้วยกันเลยต้องบอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ทั้งสองฝ่าย ปกติแค่ไป ๆ มา ๆไง อีกอย่างน้องแนนย้ายกลับไปอยู่บ้านแล้วด้วย เลิกงานก็มารับน้องแล้วไปรับแม่ผมต่อเลย งานนี้ต้องพึ่งแม่แล้วแหละ ผู้ใหญ่ไม่ได้ห้ามก็จริงแต่ก็อยากทำให้มันถูกต้อง“ทิวแน่ใจนะ”“ครับ”“เป็นแฟนกัน เป็นผัวเมียกันมันไม่เหมือนกันนะ อย่างคำว่าคู่ชีวิตกับชีวิตคู่”“ผมรู้ แม่ไม่ต้องห่วงผมจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง”“ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะผิดหวัง แม่ไม่คาดหวังให้ทิวเป็นอย่างที่ใจแม่ต้อง
ชีวิตหลังแต่งงานเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ทอฝันเลี้ยงง่ายไม่อ้อนเลย ตอนนี้เพิ่งสิบเดือนเริ่มเกาะยืนแล้ว ดูท่าทางอีกไม่นานคงวิ่งจับไม่ไหวแน่นอน“คนสวย แม่ไปทำงานแล้วนะคะ หนูอย่างอแงกับพ่อนะ” พูดจบก็ก้มไปฟัดแก้มลูกสาวจนหนำใจเลยทีเดียว “หอมแต่ลูก ไม่หอมพ่อของลูกบ้างเหรอครับ”“ไม่ค่ะ!” ปากบอกปฏิเสธแต่ก็หอมครับ ว่านอนสอนง่ายจะตาย วันนี้เป็นวันหยุดผม หลังจากส่งน้องเสร็จก็แวะมาบ้านไอ้ริวต่อเลย รับปากมันไว้ว่าจะเข้ามาไง “เมื่อก่อนพกเมีย เดี๋ยวนี้พกลูก” ไอ้แบคเอ่ยแซวทันทีที่เห็นผมกับน้องทอฝัน“แล้วมึงเมื่อไหร่จะมี”“ทักได้เจ็บใจมาก” มันอยากมีครับ แต่ไอ้เกตุไม่ท้องสักที “น้ำยาไม่ดีก็แบบนี้แหละ”“ขยี้กันเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”... : ฮ่า ๆ“ไอ้ริว แล้วลูกมึงไปไหน”“อยู่ในเปลโน่น สองขวบกว่าแล้วยังติดเปลอยู่เลย ไปโรงเรียนกูว่าร้องตาย” น้ำเสียงมันเหมือนสิ้นหวังมากเลย“เอาน่ะค่อย ๆ ฝึกให้นอนพื้นทีหลังก็ได้”“ไม่หรอก ลูกกูอารมณ์แปรปรวนเก่งมาก แต่ไม่ซนนะ”“เป็นยังไงวะอารมณ์แปรปรวน”“อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ ร้อง ๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะได้อีกด้วย บางวันเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย”“ไม่ลองปรึกษาหมอวะน่าจะช่วยได้
หลายเดือนผ่านไปใกล้ได้เห็นหน้ากันแล้วครับ แอบกระซิบหน่อยว่าท้องใหญ่มาก และด้วยขนาดหน้าท้องที่ใหญ่เกินตัวจึงมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของน้องพอสมควร เหนื่อยง่ายทำอะไรไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน “หนูลาคลอดเมื่อไหร่”“ยังเลยค่ะ หนูว่าจะทำจนคลอดเลย”“ว่าไงนะ” ไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ ครับ“หมายถึงทำจนเจ็บท้องใกล้คลอดเลยค่ะ ลาได้เก้าสิบวันหนูอยากอยู่กับลูกนาน ๆ นี่ถ้าลาล่วงหน้าเป็นเดือนกลัวได้ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อย” เห็นไหมครับ ไม่ได้มีแค่ผมสักหน่อยที่เห่อลูก“เข้าใจ แต่พี่อยากให้พักเดินจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”“แต่หนู...”“คุณแม่ดื้อเหรอครับ?”“ก็ได้ค่ะ” กำหนดคลอดเดือนหน้าแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะคาดเคลื่อนก็ได้ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อนครับพวกเราย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่แล้วและรับแม่กับยายมาอยู่ด้วยชั่วคราวเพราะไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวไง ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผิดที่ผิดทางแล้วยายผมจะเหงา เพราะเพื่อนบ้านก็มีคุณตาคุณยายอายุไล่เลี่ยกัน คุยกันถูกคอประหนึ่งว่ารู้จักมานานแรมปี“พี่ทิว”“ครับ?”“หนูอยากกินไข่ปลาทอด” ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความหวังเชียว“มันหาซื้อได้ที่ไหน” ไข่ปลาน่ะรู้จักครับ แต่มันไม่ได้ม
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี... ตอนแรกตั้งใจจะเชิญแค่ญาติคนสนิทแต่ตากับยายคัดค้านค่ะ ให้เหตุผลว่าแม่เป็นลูกคนเล็กญาติทางนั้นก็สำคัญ ญาติทางนี้ก็สำคัญ ป้าบ้านนั้น น้าบ้านนี้ เยอะแยะไปหมด เป็นคนเก่าคนแก่ที่มีคนรู้จักนับถือเยอะก็อย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรเอาที่ตากับยายสบายใจเลย พี่แบคกับพี่เต้อาสาเป็นพิธีกรให้ และไม่วายถูกตั้งคำถามประหลาด ๆ ตามเคย“เจ้าบ่าวครับ เห็นคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นไหมครับ?” พี่แบคเอ่ยพลางชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่ง เป็นรุ่นน้องที่ทำงานของพี่ทิวนั่นแหละค่ะ“เห็นครับ”“สวยไหม?”“สวย”“คุณ! นี่งานมงคลของคุณนะครับ คุณกล้าชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาเชียวเหรอ” คำถามกวนอารมณ์ถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองแล้วเห็นว่าเป็นคนสวยปกติก็คือเป็นคนสวยเท่านั้นเอง กลับกันถ้าเราอยู่ใกล้คนที่เราชอบต่อให้หน้าตาธรรมดายังไงในสายตาเราเขาก็สวยที่สุดอยู่ดี” ประโยคหลังพี่ทิวหันมาพูดกับฉันทำเอาผู้คนในงานเอ่ยแซวเสียงดังไปทั่วบริเวณ“เจ้าสาวครับ”“ค่ะ”“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นหล่อไหมครับ”“หล่อค่ะ”“แล้วระหว่างทางนั้นกับทางนี้ ใครหล
ก่อนหน้านี้ประจำเดือนฉันมาสามวันค่ะ ปกติจะห้าหรือไม่ก็เจ็ดวัน แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นคนมีรอบเดือนไม่ปกติอยู่แล้ว แต่คราวนี้คงปล่อยผ่านไม่ได้แล้วแหละเลิกงานฉันซื้อที่ตรวจครรภ์มาด้วยห้าอัน อันละยี่ห้อไปเลยค่ะ มาถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ตรวจเลย คุณหมอแนะนำมาว่าควรเป็นฉี่แรกของวันเพื่อผลที่แม่นยำ แต่มันตื่นเต้นไงอยากรู้จึงลองตรวจดูก่อนในความคิดฉันถ้าท้องจริงตรวจตอนไหนคงขึ้นสองขีดเหมือนกัน อันนี้คิดเอาเองนะคะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะจุ่มที่ตรวจลงไป ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ วินาทีที่แถบสีชมพูเริ่มเห็นชัดขึ้น ...“สะ สองขีด” เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ขีดที่สองมันจางมากแต่มองผ่าน ๆ ก็คือเห็นว่าเป็นสองขีด ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจนะคะแค่ไม่คิดว่าจะมาเร็วแบบนี้ฉันเพิ่งหยุดกินยาคุมเมื่อสองเดือนก่อนเอง ใครจะคิดว่าจะติดรวดเร็วทันใจขนาดนี้ล่ะ แล้วต้องทำยังไงต่อต้องบอกใครเป็นคนแรก?เช้าอีกวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว ใช่ค่ะ! หิวจริง ๆ ลืมตามาก็อยากกินข้าวเลย ทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาข้างนอกเห็นแม่ทำกับข้าวอยู่ก่อนแล้ว“วันนี้ไม่ไปใส่บาตรเหรอ” “หนูตื่นสายเลยไม่ได้ไป แม่...”“ว่า?”“...”“เรียกแล้วไม่พูดนะ” พูด
หลังจากทริปทะเลจบลงพวกเราก็กลับสู่บทบาทหน้าที่ตัวเองกันอีกครั้ง แอบเขินไปหลายวันเลยเรื่องที่เข้าใจผิด อย่างที่บอกเป็นใครก็ต้องคิดจริงไหม? ส่วนไอ้อาการหน้ามืดโลกหมุนของฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่ทิวดูแลดียิ่งกว่าหมอซะอีก“พอแล้วมั้งคะ” ถึงกับต้องเอ่ยปรามขึ้นเมื่อเห็นเขาหยิบผลไม้ใส่รถเข็นจนเยอะแยะไปหมด“อันนี้มีประโยชน์”“รู้... แต่หนูไม่ชอบนี่แค่อันนี้อย่างเดียวก็พอค่ะ” ฉันว่าพลางชี้มือไปที่กล่องสตอวเบอร์รี่“ครับ ซื้อเข้าห้องไปเลยแล้วกันเผื่อพรุ่งนี้พี่เลิกดึก”“โอเคค่ะ”ทุกครั้งที่เงินเดือนออกเราจะซื้อของเติมตู้เย็นเสมอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในส่วนเฉพาะของสดประมาณสองพันบาท ค่าน้ำ ค่าไฟอีกสองพันบาท จิปาถะยิบย่อยรวมทั้งหมดแล้วประมาณห้าพันอันนี้ฉันคำนวณเองนะ ส่วนค่าน้ำมันรถหรือของที่จำเป็นอื่น ๆ ยังไม่ได้คิดค่ะ ที่กล่าวมานี้อยู่ในความรับผิดชอบของพี่ทิวทั้งหมดฉันเคยบอกแล้วว่าเรื่องในครัวฉันรับผิดชอบเองได้แต่เขาไม่ยอมและให้เหตุผลว่าผู้นำครอบครัวเขาไม่มาแบ่งจ่ายกันหรอก ในเมื่อค้านอะไรไม่ได้ก็เลยใช้วิธีแยกซื้อต่างหากโดยที่พี่ทิวไม่รู้ ตั้งแต่คบกันมาสาบานได้ว่าฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเ
หมดกันเซอร์ไพรส์ของผม แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะเนี่ยทำน้องร้องไห้ไปหลายวันเลย ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ตั้งใจจริง ๆ คือบ้านต่างหากที่ดินตรงนั้นผมซื้อมันตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้บอกน้องเพราะตั้งใจจะปลูกบ้านก่อน บวชแล้วค่อยแต่งไง แต่มันผิดแผนนิดหน่อย ปิดมาได้ตั้งนานดันมาตกม้าตายตอนบ้านเสร็จซะงั้น ครืด...ครืด…“ว่าไง”(จะเพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่ากูจะได้บอกช่างถูก)“แก้ตรงสีไม่เสมออย่างเดียวก็พอ”(เออ ผัวกูถามว่ามึงจะเข้ามาดูไหม)“เข้าแหละ น่าจะพรุ่งนี้บ่าย”(กูถามจริงแฟนมึงไม่สงสัยบ้างเหรอ ถ้าเป็นกูคงจับได้ตั้งแต่ผัวกลับบ้านไม่ตรงเวลาละ)“จะเหลือเหรอ”(ฮ่า ๆ กูว่าแล้วเซอร์ไพรส์ไม่เคยสำเร็จ แล้วเขาว่าไง)“เปล่าหรอก เข้าใจผิดนิดหน่อย”(ไม่ใช่คิดว่ากูเป็นกิ๊กมึงหรอกนะ)“ประมาณนั้น”(ฉิบหาย!)“เกือบได้ฉิบหายจริง ๆ แต่ตอนนี้คุยกันเข้าใจแล้ว ไว้พรุ่งนี้กูพาไปด้วยเลย ไหน ๆ ก็รู้แล้วนี่”(เออ ไว้เจอกัน)ลูกหว้าเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เราอยู่ทีมเดียวกันแต่คนละฝ่าย รู้จักกันตั้งแต่ฝึกงานไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ส่วนที่น้องคิดไปไกลคงเป็นเพราะพฤติกรรมของผมมากว่า เรื่องนี้แม่กับยายก็รู้นะครั
นานนับชั่วโมงที่ฉันจมอยู่กับความรู้สึกนี้ น้ำตาก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลยมันคิดไปหมดทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? แล้วพี่ทิวนอกใจฉันจริง ๆ อย่างนั้นเหรอไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่จนตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมจนบานประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับแสงไฟที่ส่องสว่าง“ทำไมไม่เปิดไฟครับ แล้วกลับมาก่อนทำไมไม่โทรบอกพี่” “หนูโทรแล้วแต่ไม่ติด”“โกหก! พี่เช็กดูแล้วไม่มีใครโทรมา”“ก็หนูโทรแล้วมันไม่ติดจริง ๆ” ฉันยังคงแถไปแบบนั้น “พี่เปลี่ยนน้ำหอมแล้วเหรอคะกลิ่นนี้หอมดีนะ” พี่ทิวหน้าเจื่อนไปเลยค่ะเมื่อฉันถามออกไปแบบนั้น “หนูอาบน้ำก่อนแล้วกัน เหนื่อย...” เหนื่อยที่ต้องรู้สึกเหนื่อยที่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ เหนื่อยที่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จฉันก็เข้าห้องนอนทันที ปวดหัว ปวดตา ปวดไปหมดทุกอย่าง ไม่อยากรู้สึกไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ถ้าเขาหมดรัก หรือรักฉันน้อยลงเขาก็ควรจะบอก ไม่ควรทำกับฉันแบบนี้ ไม่ควรเลยจริง ๆ แค่เพียงไม่นานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ฉันคุ้นเคย “เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงข้างฉัน“ปวดหัวค่ะ อยากนอน”
หลายเดือนผ่านไป ตั้งแต่พี่ทิวกลับมาจากญี่ปุ่นฉันรู้สึกว่าพฤติกรรมเขาเปลี่ยนไปไม่เชิงว่าไม่เหมือนเดิมแต่เขาออกจากห้องบ่อยและกลับไม่ตรงเวลา อย่างเช่นวันนี้(พี่ยังทำธุระไม่เสร็จ หนูกลับห้องก่อนเลยนะพี่น่าจะดึก)“ค่ะ พี่ก็ขับรถดี ๆ นะ”(ครับ)ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะพูดว่าเดี๋ยวพี่ไปรับหรือไม่ก็ต้องรีบมารับฉันก่อน เขาจะละเว้นทุกอย่างเพื่อฉันเสมอแม้ว่าฉันจะดึงดันแค่ไหนพี่ทิวก็ไม่มีทางให้ฉันกลับเองเด็ดขาด แต่วันนี้...“เดี๋ยวเราไปส่งก็ได้ พี่เขาอาจจะงานเยอะอย่าคิดมาก” ภามเอ่ย“อืม”กลับถึงห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแหงนดูนาฬิกาจะสามทุ่มแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าพี่ทิวจะมา รอจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีตอนที่แผ่นหลังแตะสัมผัสกับที่นอนนุ่ม ๆ นั่นแหละ“เพิ่งมาเหรอคะ” เอ่ยถามก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาตีสองแล้วค่ะ“ครับ งานผิดพลาดนิดหน่อยพี่เลยต้องไปดูด้วยตัวเอง นอนเนอะพี่ง่วงแล้ว” พูดจบเขาก็ปิดไฟที่หัวเตียงแล้วกอดฉันอย่างเช่นทุกคืนรอจนแน่ใจว่าพี่ทิวหลับแล้วฉันจึงค่อย ๆ คลายกอดแล้วลงจากเตียงให้เบาที่สุด จากนั้นตรงไปยังตะกร้าผ้าทันทีหยิบชุดที่เขาสวมใส่ก่อนหน้านี้มาสูดดมว่ามีกลิ่นอื่นปะปนม
สามเดือนมานี้เป็นอะไรที่โหดมากสำหรับผม ไม่ว่าจะเรื่องงานรวมไปถึงหัวใจก็ด้วย ไหนจะแม่กับยายอีก มันเครียดและกังวลกดดันไปหมดทุกอย่างเพียงแต่ผมไม่แสดงออกให้ใครเห็นเท่านั้นเอง “หนูรู้สึกว่าพี่กลับมาก่อนเวลาหรือเปล่า?” น้ำเสียงใสเอ่ยพลางทำหน้าครุ่นคิด“คิดถึงเด็กอ้วนไงเลยไม่อยากอยู่นาน”“ความจริง?”“งานพี่เสร็จก่อนเลยขอกลับก่อน” น้องยังคงจ้องหน้าผมหวังจะเอาคำตอบอยู่แบบนั้น ขืนบอกไปว่าโหมงานเพื่อจะให้เสร็จเร็ว ๆ ก็ถูกโกรธกันพอดี “มองหน้าแบบนี้อยากมีเรื่องหรืออยากมีลูก?” “มุขโคตรเก่า”“ฮ่า ๆ พี่ได้พักตั้งหนึ่งอาทิตย์เราไปเที่ยวกันไหม” เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปก่อนครับเดี๋ยวถูกจับได้“เสียใจด้วยค่ะสาขาหนูหยุดไม่ตรงเสาร์อาทิตย์ ถ้าจะหยุดติดกันสองวันก็คงเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์กลางปีโน่นแหละ ที่เหลือสลับกันหยุดค่ะ”“อันที่จริงทำไมหนูไม่ทำสาขาข้างนอกล่ะ ในห้างกว่าจะเลิกก็ฟ้ามืดแถมวันหยุดก็แทบไม่มีด้วยซ้ำ” ในความคิดผมนะมันเหนื่อยเกินไปครับ แต่ดีตรงที่เข้างานสายกว่าสาขาทั่วไปนั่นแหละ“สนุกดีนะ ถ้ามาทำในวันหยุดตัวเองก็ได้เงินเพิ่มไปอีก แถมยังตื่นสายได้ด้วยนะ แล้วพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องกลับมืดนะคะเพราะสาขาหนูเ