“เอาจริงดิไอ้ทิว” ไอ้แบคเอ่ยถามหลังจากที่กลับมาจากส่งน้อง ขอเท้าความก่อนครับคือจะเรียกว่าบังเอิญก็ได้แหละ ผมไปส่งแม็กให้ลูกค้าจังหวะที่จะกลับขึ้นรถก็เห็นน้องกับเพื่อนพอดีก็เลยเข้าไปทักและเป็นอย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ “เอาอะไรของมึง ถามให้เข้าใจหน่อย”“เออ กูเห็นพล่ามแบบนี้สองครั้งละ” ไอ้นิคเสริมขึ้นมาอีกคน“ก็เรื่องที่มึงจะจีบน้องคนนั้นไง แน่ใจเหรอวะ”“ทำไมต้องไม่แน่ใจด้วย ถ้ามึงยังอคติและเห็นต่างก็ช่วยอยู่เฉย ๆ เถอะ” “ไม่ใช่แบบนั้นแต่... คนเดียวกันจริงเหรอวะ ผิดกันมากเลยนะโว้ย” น้ำเสียงและท่าทางของมันในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะมันคือความจริง“ผิดกันตรงไหนกูมองยังไงก็เหมือนเดิม แค่ดูแลตัวเองมากขึ้นและผอมลงเท่านั้นเอง” “ในสายตาน้องกูต้องเป็นคนเหี้ยมากแน่ ๆ ตำหนิเขาไว้ซะเยอะเลย แถมยังบ่อยครั้งอีกต่างหาก” ไอ้แบคยังคงพล่ามต่อ“เพิ่งคิดได้?”“แหม... คนเรามันก็เปลี่ยนความคิดกันได้ ตอนนั้นยังห้าวนี่หว่า ยังคึกคะนองอยู่จะพูดอะไรก็ได้แต่ตอนนี้ไม่แล้วไง มึงอย่าซ้ำเติมสิวะมาช่วยกูคิดดีกว่าว่าเจอกันครั้งต่อไปกูจะเข้าหน้ากับน้องยังไงดี”“ฝันไปเถอะว่ามึงจะได้เจออีก
หลายวันผ่านไป ผมยังคงโทรคุยกับน้องปกติ ถามว่าคุยบ่อยแค่ไหนก็ทุกครั้งที่มีเวลาว่างนั่นแหละ“เลิกเรียนหรือยัง วันนี้พี่ว่างเดี๋ยวไปรับ”(กำลังจะเลิกค่ะ)“รอที่โรงเรียนแหละ แวะไปส่งไอ้ริวก่อนเดี๋ยวพี่จะรีบไป” คุยต่ออีกนิดหน่อยก็วางสายครับ กำลังจะขึ้นรถแต่กลับถูกใครบางคนเรียกเอาไว้ซะก่อน“พี่ทิวคะ”“...”“ขอโทษที่รบกวนค่ะ พี่ไปส่งหนูได้หรือเปล่าพอดีว่า...”“ไม่ว่าง! โทษทีนะ” จบประโยคผมก็ขึ้นรถทันที ไม่สนด้วยว่าใครอีกคนจะทำหน้ายังไง “เห็นแล้วเหนื่อยใจแทนมึง” ไอ้ริวมันว่าอย่างปลง ๆ“กูไม่ได้อยากรู้จักเลยด้วยซ้ำ”“ทำไงได้ก็มีศักดิ์เป็นน้องสาวมึงอยู่ดี”“เสียใจด้วยกูเป็นลูกคนเดียว” เด็กนั่นเป็นลูกติดภรรยาใหม่ของพ่อผมเป็นน้องผมหนึ่งปี ถ้ามองอีกนัยหนึ่งเธอก็มีศักดิ์เป็นน้องสาวอย่างไอ้ริวมันบอกนั่นแหละ ในกรณีที่ญาติดีกันนะ แต่ก็นั่นแหละผมไม่ได้อยากนับญาติด้วย ใครจะมองว่าใจแคบใจดำก็ช่างเถอะ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมกับแม่เจอมันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งเลยด้วยซ้ำ“งานแต่ง มึงไปไหม?” “ไปร่วมเป็นสักขีพยานหรือไปดูความฉิบหายดีล่ะ”“สัส! โหดเกิ๊น!”อีกไม่กี่วันข้างหน้างานมงคลสมรสจะถูกจัดขึ้น ทุกคนดูเบิกบานและ
สองสามวันนี้ฉันรู้สึกได้ค่ะว่าที่ทิวแปลกไป เขาดูไม่ค่อยสบอารมณ์ ซึม... เหมือนมีเรื่องให้คิดแทบจะตลอดเวลาแต่ยังคงพูดคุยกับฉันด้วยน้ำเสียงและท่าทางปกติ“วันหยุดที่จะถึงนี้ไปทะเลกับพี่ไหม”“หนูต้องขอพ่อกับแม่ก่อน”“ชวนเพื่อนไปด้วยสิ จะได้สบายใจ” “...”“เราจะได้อุ่นใจไง เพราะว่าไปกันหลายคน พี่กลัวเราอึดอัด” ถ้าจะอึดอัดคงเป็นเพราะอาการแปลก ๆ ของเขามากกว่าค่ะวันนี้พี่ทิวมาส่งอีกนั่นแหละแต่วันนี้ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะที่บ้านฉันคนเยอะกว่าทุกวัน ที่สำคัญทุกสายตาจับจ้องมาที่รถด้วย แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้รู้สึกประหม่าเท่ากับเห็นพ่อยืนอยู่หน้าบ้าน “ทำไมวันนี้รถจอดเยอะจัง” ขนาดพี่ทิวยังสงสัยเลยค่ะ“สงสัยน้าหนูมาเยี่ยมยายแน่เลย” เมื่อรถจอดสนิทฉันก็ยังคงนิ่งอยู่แบบนั้น รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องทั้งที่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด “นั่นพ่อเราเหรอ”“พี่รู้ได้ยังไง” “ถอดแบบกันมาขนาดนี้ไม่รู้มั้งครับ” พูดจบเขาก็เปิดประตูลงจากรถเลยค่ะ เห็นแบบนั้นฉันจึงรีบลงไปบ้าง ตื่นเต้นเป็นบ้าเลยไม่ได้ตั้งตัวว่าจะมาเจออะไรแบบนี้“พี่ทิว นั่นพ่อกับแม่หนู” พ่อกำลังจะตัดต้นไม้หน้าบ้านค่ะ ส่วนแม่กำลังเดินออกมาเช่นกัน“สวัสดีครับ” พี่ทิว
ทุกคนดูสะใจมากเลยที่ได้แกล้งพี่ทิว ส่วนฉันยังเอ๋ออยู่ ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันค่ะเพราะรู้จักแค่ไม่กี่คนเอง“พี่ก็ว่ามันแซวอะไรกัน เรานี่เอง” พี่ริวเดินมากับพี่แบคค่ะ ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรแค่ยิ้มให้ก็เท่านั้น “รถมึงเต็มหรือเปล่าไอ้ทิว กูจะฝากเด็กไปด้วยคนหนึ่ง” “ใคร?”“ไอ้นิค เถียงกับไอ้แบคมาตลอดทางเลยหนวกหูฉิบหาย” “เสียใจด้วยรถกูเต็ม” “เฮ้อ...”หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางกันต่อ อพี่เกตุเขามากับพี่เต้นะคะ ท่าทางสนิทกันพอสมควรเหมือนเพื่อนก็ไม่ใช่ มากกว่าเพื่อนก็ไม่เชิง“ถามได้นะ” อยู่ ๆ พี่ทิวก็พูดขึ้นมา“ไม่ถามดีกว่าค่ะ ถ้าพี่บอกว่าไม่มีอะไรหนูก็จะเชื่อแบบนั้น” “เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตอนนี้เกตุคงรู้ใจตัวเองแล้ว หรือกำลังเล่นสงครามประสาทกับไอ้แบคก็ไม่รู้นะ” ฉันก็พอมองออกเหมือนกันสายตาที่พี่แบคมองพี่เกตุมันชัดเจนมาก แต่ไม่ขอยุ่งดีกว่าฉันไม่ควรลืมว่าผู้หญิงคนนี้เคยปั่นประสาทฉันไว้ระหว่างทางก็จะมีแต่เสียงสนทนาระหว่างฉันกับพี่ทิว ส่วนนางทั้งสองหลับค่ะ! หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ใช้เวลาเดินทางราวสามชั่วโมงก็มาถึง เป็นบ้านพักติดทะเลเลยค่ะ ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและฉันก็แอบคิดว่ามันแพงมากด
“คิดอะไรอยู่วะ” เฮียไกด์เอ่ยถามขณะที่ผมกำลังใช้ความคิด“คิดว่าเจอคนที่ใช่ครับ”“น้ำเน่าฉิบหาย! ถ้าเป็นคนอื่นกูจะพูดแบบนี้” “แล้วเฮียคิดว่าไงล่ะ”“บางอย่างไม่ต้องแบกมันไว้ตลอดเวลาก็ได้มั้ง มึงคิดเหรอว่าจะเจอเรื่องแย่ ๆ แค่วันเดียวน่ะไอ้ทิว พรุ่งนี้ตื่นมามึงก็ต้องเจออีกอยู่ดี นอกจากจะไม่สนใจมันจริง ๆ เท่านั้นแหละ” “เฮียรู้ไหมว่าใครบางคนพูดประโยคนี้กับผมไปแล้ว”“มันก็จริงไม่ใช่เหรอ สุดท้ายแล้วเราก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี กูเข้าใจว่ามันยากแต่มึงก็ไม่ควรเอามันมายึดติดจนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ขนาดนี้ เลิกสนใจเขาแล้วหันมามีความสุขกับชีวิตตัวเองดีกว่านะ” มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละครับ วันนี้เป็นวันดีอีกวันหนึ่งในชีวิตเขา ลูกอย่างผมก็ควรยินดีสินะ ต้องรู้สึกดีสิที่เขากำลังจะมีความสุขอีกครั้งแม้ว่าที่ตรงนั้นจะไม่ใช่แม่อีกแล้วก็ตาม “ผมจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ ก็แล้วกัน”“คิดได้แบบนี้ก็ดีแต่ตอนนี้มึงดูสาวน้อยมึงก่อนดีกว่า” ได้ยินแบบนั้นผมจึงเบือนหน้าไปมองน้องที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นอยู่ชายหาดกับเพื่อน“ค่อยเป็นค่อยไปสิเฮีย ใจเย็น ๆ”“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ แต่เป็นรักสามเศร้าของพวกมึงสองสามคนต่าง
ค่ำคืนแรกผ่านไปด้วยดีแถมยังล้วงความลับที่อยู่ก้นบึ้งหัวใจของพี่ทิวมาได้อีกด้วย ตอนนั้นที่เขาหายหน้าไปฉันคิดว่าเขาคงมีคนคุยหรือมีแฟนไปแล้วซะอีก ที่ไหนได้สภาพจิตใจย่ำแย่นี่เอง“ตาลไปเดินเล่นกัน”“ไปดิ แต่ขออาบน้ำก่อนแป๊บหนึ่ง”“กูไม่ไปนะ ซื้อโจ๊กมาฝากด้วย” ไอ้จูนมันว่าก่อนจะคลุมโปงหลับต่อ ส่วนพี่เกตุกับแฟนพี่นิคยังไม่ตื่นค่ะ ฉันกับแนนเลยอาบน้ำแต่งตัวออกมากันแค่สองคน“โอ้โห... พระเจ้า! กินหรืออาบกันเนี่ย” ถึงกับอุทานออกมาเมื่อเห็นขวดเครื่องดื่มเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด มันเยอะมากค่ะ เห็นแล้วรกตามากเลย“แทบจะไม่มีทางเดินอยู่แล้ว” บ่นงุบงิบกันอยู่สองคนก่อนจะเก็บกวาดให้เรียบร้อยออกมาหน้าหาดมีของกินเยอะเลยค่ะ แต่ผู้คนยังไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่อีกอย่างตอนนี้ยังเช้าอยู่ด้วย เดินเล่นชมบรรยากาศกันไปเรื่อยจนฉันเป็นฝ่ายตั้งคำถามก่อน “เมื่อวานทำไมมึงลากเฮียไกด์ออกมาได้ล่ะ”“มึง! กูแค่พูดเล่นว่าจะไปต่อกับเขา แต่เขากวนประสาทไง หยอกมาหยอกกลับไม่โกง”“พี่ทิวบอกว่าเฮียโสด โสดมานานแล้วด้วยแต่ว่าเขาเป็นคนนิ่ง ๆ จนดูไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ อันนี้กูพูดเองนะ พี่ทิวไม่ได้พูด”“ช่างเถอะกูไม่ได้อะไรหรอกแค่กวนประ
หลังจากทริปทะเลจบลงพวกเราก็กลับมาใช้ชีวิตซ้ำจำเจเหมือนเดิมคือการมาเรียนนั่นเอง กับพี่ทิวก็โทรคุยกันทุกวันค่ะแต่ไม่ได้เจอกันบ่อยนะเพราะพี่เขาก็เรียนเหมือนกัน เราจะเจอกันวันหยุดสุดสัปดาห์ซะมากกว่า“เดือนหน้าโรงเรียนเราจัดงานครบรอบสี่สิบสองปี มึงมาไหม” แนนเอ่ยถามขณะที่ฉันยังงงอยู่“คืองานอะไร กูไม่เห็นรู้เรื่อง” “งานครบรอบไง เขาจะจัดงานเลี้ยงและมีศิษย์เก่ารุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาร่วมกิจกรรมด้วยกูได้ยินเขาพูดกัน อีกเดี๋ยวคงประกาศให้ทุกคนได้รู้นั่นแหละ”“อ๋อ...”หลังจากนั้นไม่กี่วันอาจารย์ก็แจ้งให้ทราบค่ะ พี่ทิวบอกเหมือนกันว่าจะมา เขารู้ก่อนที่ฉันจะรู้ซะอีก แน่นอนจริง ๆ“ฉันคงไม่ได้มาแน่เลย” ดาเอ่ย“ทำไมล่ะ”“บ้านฉันอยู่ไกล รถเมล์หมดยังพอว่างานเลี้ยงก็เลิกดึกอีกฉันจะเข้าบ้านยังไงล่ะ”“เดี๋ยวแนนไปส่งก็ได้ แนนเอามอไซม์มา”“แก! บ้านฉันอยู่ลึกสุด เปลี่ยวด้วยขากลับแกไม่กลัวหรือไง เอาตามนี้แหละ ไม่ต้องเป็นภาระใครด้วย” “โอเค ๆ เอาที่แกสบายใจ” บ้านดาอยู่ไกลจริงค่ะ ที่นางมาเรียนที่นี่เพราะแถวนั้นมีแต่โรงเรียนประถมและที่นี่ใกล้สุดวันนี้เลิกเรียนเร็วเพราะคาบสุดท้ายยกเลิกประชุม พี่ทิวมารับค่ะ“วันนี้พี
วันนี้มีนัดกับเดอะแก๊งค่ะ เรียกได้ว่ารวมตัวครบทั้งห้องเลยถึงจะถูก รู้สึกดีมากที่จะได้เจอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง งานนี้มีฉันกับแนนค่ะที่มา ที่เหลือพวกมันไม่ยอมมากัน แต่ไม่เป็นไรเขาไม่ได้บังคับศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ใครจะมาหรือไม่มาก็ได้“ตาล กูไปหาเพื่อนนะ” “เออ ถ้าจะกลับหรือหากูไม่เจอก็โทรมาแล้วกัน”“โอเค” แนนแยกตัวไปหาเพื่อนสมัยตอนอยู่มอต้นฉันเองก็ไม่ต่าง ซึ่งตอนนี้ที่เห็นคนแรกก็คือไอ้จูนนั่นเอง แต่รู้สึกเบื่อขี้หน้ามันเพราะเจอกันค่อนข้างบ่อย “ไอ้หมูล่ะ กูโทรหามันบอกว่ามาถึงแล้วนะ”“ไม่เห็น กูอยู่ตรงนี้ก็เจอมึงคนแรกเนี่ย มันมากับพี่ริวหรือเปล่า”“เออ แล้วพี่ทิวล่ะไปไหน”“ไม่รู้อะ โทรหาไม่ติด แต่ก่อนหน้าน
ชีวิตหลังแต่งงานเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ทอฝันเลี้ยงง่ายไม่อ้อนเลย ตอนนี้เพิ่งสิบเดือนเริ่มเกาะยืนแล้ว ดูท่าทางอีกไม่นานคงวิ่งจับไม่ไหวแน่นอน“คนสวย แม่ไปทำงานแล้วนะคะ หนูอย่างอแงกับพ่อนะ” พูดจบก็ก้มไปฟัดแก้มลูกสาวจนหนำใจเลยทีเดียว “หอมแต่ลูก ไม่หอมพ่อของลูกบ้างเหรอครับ”“ไม่ค่ะ!” ปากบอกปฏิเสธแต่ก็หอมครับ ว่านอนสอนง่ายจะตาย วันนี้เป็นวันหยุดผม หลังจากส่งน้องเสร็จก็แวะมาบ้านไอ้ริวต่อเลย รับปากมันไว้ว่าจะเข้ามาไง “เมื่อก่อนพกเมีย เดี๋ยวนี้พกลูก” ไอ้แบคเอ่ยแซวทันทีที่เห็นผมกับน้องทอฝัน“แล้วมึงเมื่อไหร่จะมี”“ทักได้เจ็บใจมาก” มันอยากมีครับ แต่ไอ้เกตุไม่ท้องสักที “น้ำยาไม่ดีก็แบบนี้แหละ”“ขยี้กันเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”... : ฮ่า ๆ“ไอ้ริว แล้วลูกมึงไปไหน”“อยู่ในเปลโน่น สองขวบกว่าแล้วยังติดเปลอยู่เลย ไปโรงเรียนกูว่าร้องตาย” น้ำเสียงมันเหมือนสิ้นหวังมากเลย“เอาน่ะค่อย ๆ ฝึกให้นอนพื้นทีหลังก็ได้”“ไม่หรอก ลูกกูอารมณ์แปรปรวนเก่งมาก แต่ไม่ซนนะ”“เป็นยังไงวะอารมณ์แปรปรวน”“อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ ร้อง ๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะได้อีกด้วย บางวันเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย”“ไม่ลองปรึกษาหมอวะน่าจะช่วยได้
หลายเดือนผ่านไปใกล้ได้เห็นหน้ากันแล้วครับ แอบกระซิบหน่อยว่าท้องใหญ่มาก และด้วยขนาดหน้าท้องที่ใหญ่เกินตัวจึงมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของน้องพอสมควร เหนื่อยง่ายทำอะไรไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน “หนูลาคลอดเมื่อไหร่”“ยังเลยค่ะ หนูว่าจะทำจนคลอดเลย”“ว่าไงนะ” ไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ ครับ“หมายถึงทำจนเจ็บท้องใกล้คลอดเลยค่ะ ลาได้เก้าสิบวันหนูอยากอยู่กับลูกนาน ๆ นี่ถ้าลาล่วงหน้าเป็นเดือนกลัวได้ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อย” เห็นไหมครับ ไม่ได้มีแค่ผมสักหน่อยที่เห่อลูก“เข้าใจ แต่พี่อยากให้พักเดินจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”“แต่หนู...”“คุณแม่ดื้อเหรอครับ?”“ก็ได้ค่ะ” กำหนดคลอดเดือนหน้าแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะคาดเคลื่อนก็ได้ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อนครับพวกเราย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่แล้วและรับแม่กับยายมาอยู่ด้วยชั่วคราวเพราะไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวไง ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผิดที่ผิดทางแล้วยายผมจะเหงา เพราะเพื่อนบ้านก็มีคุณตาคุณยายอายุไล่เลี่ยกัน คุยกันถูกคอประหนึ่งว่ารู้จักมานานแรมปี“พี่ทิว”“ครับ?”“หนูอยากกินไข่ปลาทอด” ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความหวังเชียว“มันหาซื้อได้ที่ไหน” ไข่ปลาน่ะรู้จักครับ แต่มันไม่ได้ม
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี... ตอนแรกตั้งใจจะเชิญแค่ญาติคนสนิทแต่ตากับยายคัดค้านค่ะ ให้เหตุผลว่าแม่เป็นลูกคนเล็กญาติทางนั้นก็สำคัญ ญาติทางนี้ก็สำคัญ ป้าบ้านนั้น น้าบ้านนี้ เยอะแยะไปหมด เป็นคนเก่าคนแก่ที่มีคนรู้จักนับถือเยอะก็อย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรเอาที่ตากับยายสบายใจเลย พี่แบคกับพี่เต้อาสาเป็นพิธีกรให้ และไม่วายถูกตั้งคำถามประหลาด ๆ ตามเคย“เจ้าบ่าวครับ เห็นคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นไหมครับ?” พี่แบคเอ่ยพลางชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่ง เป็นรุ่นน้องที่ทำงานของพี่ทิวนั่นแหละค่ะ“เห็นครับ”“สวยไหม?”“สวย”“คุณ! นี่งานมงคลของคุณนะครับ คุณกล้าชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาเชียวเหรอ” คำถามกวนอารมณ์ถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองแล้วเห็นว่าเป็นคนสวยปกติก็คือเป็นคนสวยเท่านั้นเอง กลับกันถ้าเราอยู่ใกล้คนที่เราชอบต่อให้หน้าตาธรรมดายังไงในสายตาเราเขาก็สวยที่สุดอยู่ดี” ประโยคหลังพี่ทิวหันมาพูดกับฉันทำเอาผู้คนในงานเอ่ยแซวเสียงดังไปทั่วบริเวณ“เจ้าสาวครับ”“ค่ะ”“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นหล่อไหมครับ”“หล่อค่ะ”“แล้วระหว่างทางนั้นกับทางนี้ ใครหล
ก่อนหน้านี้ประจำเดือนฉันมาสามวันค่ะ ปกติจะห้าหรือไม่ก็เจ็ดวัน แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นคนมีรอบเดือนไม่ปกติอยู่แล้ว แต่คราวนี้คงปล่อยผ่านไม่ได้แล้วแหละเลิกงานฉันซื้อที่ตรวจครรภ์มาด้วยห้าอัน อันละยี่ห้อไปเลยค่ะ มาถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ตรวจเลย คุณหมอแนะนำมาว่าควรเป็นฉี่แรกของวันเพื่อผลที่แม่นยำ แต่มันตื่นเต้นไงอยากรู้จึงลองตรวจดูก่อนในความคิดฉันถ้าท้องจริงตรวจตอนไหนคงขึ้นสองขีดเหมือนกัน อันนี้คิดเอาเองนะคะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะจุ่มที่ตรวจลงไป ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ วินาทีที่แถบสีชมพูเริ่มเห็นชัดขึ้น ...“สะ สองขีด” เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ขีดที่สองมันจางมากแต่มองผ่าน ๆ ก็คือเห็นว่าเป็นสองขีด ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจนะคะแค่ไม่คิดว่าจะมาเร็วแบบนี้ฉันเพิ่งหยุดกินยาคุมเมื่อสองเดือนก่อนเอง ใครจะคิดว่าจะติดรวดเร็วทันใจขนาดนี้ล่ะ แล้วต้องทำยังไงต่อต้องบอกใครเป็นคนแรก?เช้าอีกวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว ใช่ค่ะ! หิวจริง ๆ ลืมตามาก็อยากกินข้าวเลย ทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาข้างนอกเห็นแม่ทำกับข้าวอยู่ก่อนแล้ว“วันนี้ไม่ไปใส่บาตรเหรอ” “หนูตื่นสายเลยไม่ได้ไป แม่...”“ว่า?”“...”“เรียกแล้วไม่พูดนะ” พูด
หลังจากทริปทะเลจบลงพวกเราก็กลับสู่บทบาทหน้าที่ตัวเองกันอีกครั้ง แอบเขินไปหลายวันเลยเรื่องที่เข้าใจผิด อย่างที่บอกเป็นใครก็ต้องคิดจริงไหม? ส่วนไอ้อาการหน้ามืดโลกหมุนของฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่ทิวดูแลดียิ่งกว่าหมอซะอีก“พอแล้วมั้งคะ” ถึงกับต้องเอ่ยปรามขึ้นเมื่อเห็นเขาหยิบผลไม้ใส่รถเข็นจนเยอะแยะไปหมด“อันนี้มีประโยชน์”“รู้... แต่หนูไม่ชอบนี่แค่อันนี้อย่างเดียวก็พอค่ะ” ฉันว่าพลางชี้มือไปที่กล่องสตอวเบอร์รี่“ครับ ซื้อเข้าห้องไปเลยแล้วกันเผื่อพรุ่งนี้พี่เลิกดึก”“โอเคค่ะ”ทุกครั้งที่เงินเดือนออกเราจะซื้อของเติมตู้เย็นเสมอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในส่วนเฉพาะของสดประมาณสองพันบาท ค่าน้ำ ค่าไฟอีกสองพันบาท จิปาถะยิบย่อยรวมทั้งหมดแล้วประมาณห้าพันอันนี้ฉันคำนวณเองนะ ส่วนค่าน้ำมันรถหรือของที่จำเป็นอื่น ๆ ยังไม่ได้คิดค่ะ ที่กล่าวมานี้อยู่ในความรับผิดชอบของพี่ทิวทั้งหมดฉันเคยบอกแล้วว่าเรื่องในครัวฉันรับผิดชอบเองได้แต่เขาไม่ยอมและให้เหตุผลว่าผู้นำครอบครัวเขาไม่มาแบ่งจ่ายกันหรอก ในเมื่อค้านอะไรไม่ได้ก็เลยใช้วิธีแยกซื้อต่างหากโดยที่พี่ทิวไม่รู้ ตั้งแต่คบกันมาสาบานได้ว่าฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเ
หมดกันเซอร์ไพรส์ของผม แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะเนี่ยทำน้องร้องไห้ไปหลายวันเลย ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ตั้งใจจริง ๆ คือบ้านต่างหากที่ดินตรงนั้นผมซื้อมันตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้บอกน้องเพราะตั้งใจจะปลูกบ้านก่อน บวชแล้วค่อยแต่งไง แต่มันผิดแผนนิดหน่อย ปิดมาได้ตั้งนานดันมาตกม้าตายตอนบ้านเสร็จซะงั้น ครืด...ครืด…“ว่าไง”(จะเพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่ากูจะได้บอกช่างถูก)“แก้ตรงสีไม่เสมออย่างเดียวก็พอ”(เออ ผัวกูถามว่ามึงจะเข้ามาดูไหม)“เข้าแหละ น่าจะพรุ่งนี้บ่าย”(กูถามจริงแฟนมึงไม่สงสัยบ้างเหรอ ถ้าเป็นกูคงจับได้ตั้งแต่ผัวกลับบ้านไม่ตรงเวลาละ)“จะเหลือเหรอ”(ฮ่า ๆ กูว่าแล้วเซอร์ไพรส์ไม่เคยสำเร็จ แล้วเขาว่าไง)“เปล่าหรอก เข้าใจผิดนิดหน่อย”(ไม่ใช่คิดว่ากูเป็นกิ๊กมึงหรอกนะ)“ประมาณนั้น”(ฉิบหาย!)“เกือบได้ฉิบหายจริง ๆ แต่ตอนนี้คุยกันเข้าใจแล้ว ไว้พรุ่งนี้กูพาไปด้วยเลย ไหน ๆ ก็รู้แล้วนี่”(เออ ไว้เจอกัน)ลูกหว้าเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เราอยู่ทีมเดียวกันแต่คนละฝ่าย รู้จักกันตั้งแต่ฝึกงานไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ส่วนที่น้องคิดไปไกลคงเป็นเพราะพฤติกรรมของผมมากว่า เรื่องนี้แม่กับยายก็รู้นะครั
นานนับชั่วโมงที่ฉันจมอยู่กับความรู้สึกนี้ น้ำตาก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลยมันคิดไปหมดทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? แล้วพี่ทิวนอกใจฉันจริง ๆ อย่างนั้นเหรอไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่จนตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมจนบานประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับแสงไฟที่ส่องสว่าง“ทำไมไม่เปิดไฟครับ แล้วกลับมาก่อนทำไมไม่โทรบอกพี่” “หนูโทรแล้วแต่ไม่ติด”“โกหก! พี่เช็กดูแล้วไม่มีใครโทรมา”“ก็หนูโทรแล้วมันไม่ติดจริง ๆ” ฉันยังคงแถไปแบบนั้น “พี่เปลี่ยนน้ำหอมแล้วเหรอคะกลิ่นนี้หอมดีนะ” พี่ทิวหน้าเจื่อนไปเลยค่ะเมื่อฉันถามออกไปแบบนั้น “หนูอาบน้ำก่อนแล้วกัน เหนื่อย...” เหนื่อยที่ต้องรู้สึกเหนื่อยที่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ เหนื่อยที่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จฉันก็เข้าห้องนอนทันที ปวดหัว ปวดตา ปวดไปหมดทุกอย่าง ไม่อยากรู้สึกไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ถ้าเขาหมดรัก หรือรักฉันน้อยลงเขาก็ควรจะบอก ไม่ควรทำกับฉันแบบนี้ ไม่ควรเลยจริง ๆ แค่เพียงไม่นานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ฉันคุ้นเคย “เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงข้างฉัน“ปวดหัวค่ะ อยากนอน”
หลายเดือนผ่านไป ตั้งแต่พี่ทิวกลับมาจากญี่ปุ่นฉันรู้สึกว่าพฤติกรรมเขาเปลี่ยนไปไม่เชิงว่าไม่เหมือนเดิมแต่เขาออกจากห้องบ่อยและกลับไม่ตรงเวลา อย่างเช่นวันนี้(พี่ยังทำธุระไม่เสร็จ หนูกลับห้องก่อนเลยนะพี่น่าจะดึก)“ค่ะ พี่ก็ขับรถดี ๆ นะ”(ครับ)ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะพูดว่าเดี๋ยวพี่ไปรับหรือไม่ก็ต้องรีบมารับฉันก่อน เขาจะละเว้นทุกอย่างเพื่อฉันเสมอแม้ว่าฉันจะดึงดันแค่ไหนพี่ทิวก็ไม่มีทางให้ฉันกลับเองเด็ดขาด แต่วันนี้...“เดี๋ยวเราไปส่งก็ได้ พี่เขาอาจจะงานเยอะอย่าคิดมาก” ภามเอ่ย“อืม”กลับถึงห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแหงนดูนาฬิกาจะสามทุ่มแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าพี่ทิวจะมา รอจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีตอนที่แผ่นหลังแตะสัมผัสกับที่นอนนุ่ม ๆ นั่นแหละ“เพิ่งมาเหรอคะ” เอ่ยถามก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาตีสองแล้วค่ะ“ครับ งานผิดพลาดนิดหน่อยพี่เลยต้องไปดูด้วยตัวเอง นอนเนอะพี่ง่วงแล้ว” พูดจบเขาก็ปิดไฟที่หัวเตียงแล้วกอดฉันอย่างเช่นทุกคืนรอจนแน่ใจว่าพี่ทิวหลับแล้วฉันจึงค่อย ๆ คลายกอดแล้วลงจากเตียงให้เบาที่สุด จากนั้นตรงไปยังตะกร้าผ้าทันทีหยิบชุดที่เขาสวมใส่ก่อนหน้านี้มาสูดดมว่ามีกลิ่นอื่นปะปนม
สามเดือนมานี้เป็นอะไรที่โหดมากสำหรับผม ไม่ว่าจะเรื่องงานรวมไปถึงหัวใจก็ด้วย ไหนจะแม่กับยายอีก มันเครียดและกังวลกดดันไปหมดทุกอย่างเพียงแต่ผมไม่แสดงออกให้ใครเห็นเท่านั้นเอง “หนูรู้สึกว่าพี่กลับมาก่อนเวลาหรือเปล่า?” น้ำเสียงใสเอ่ยพลางทำหน้าครุ่นคิด“คิดถึงเด็กอ้วนไงเลยไม่อยากอยู่นาน”“ความจริง?”“งานพี่เสร็จก่อนเลยขอกลับก่อน” น้องยังคงจ้องหน้าผมหวังจะเอาคำตอบอยู่แบบนั้น ขืนบอกไปว่าโหมงานเพื่อจะให้เสร็จเร็ว ๆ ก็ถูกโกรธกันพอดี “มองหน้าแบบนี้อยากมีเรื่องหรืออยากมีลูก?” “มุขโคตรเก่า”“ฮ่า ๆ พี่ได้พักตั้งหนึ่งอาทิตย์เราไปเที่ยวกันไหม” เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปก่อนครับเดี๋ยวถูกจับได้“เสียใจด้วยค่ะสาขาหนูหยุดไม่ตรงเสาร์อาทิตย์ ถ้าจะหยุดติดกันสองวันก็คงเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์กลางปีโน่นแหละ ที่เหลือสลับกันหยุดค่ะ”“อันที่จริงทำไมหนูไม่ทำสาขาข้างนอกล่ะ ในห้างกว่าจะเลิกก็ฟ้ามืดแถมวันหยุดก็แทบไม่มีด้วยซ้ำ” ในความคิดผมนะมันเหนื่อยเกินไปครับ แต่ดีตรงที่เข้างานสายกว่าสาขาทั่วไปนั่นแหละ“สนุกดีนะ ถ้ามาทำในวันหยุดตัวเองก็ได้เงินเพิ่มไปอีก แถมยังตื่นสายได้ด้วยนะ แล้วพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องกลับมืดนะคะเพราะสาขาหนูเ