วันนี้มีนัดกับเดอะแก๊งค่ะ เรียกได้ว่ารวมตัวครบทั้งห้องเลยถึงจะถูก รู้สึกดีมากที่จะได้เจอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง งานนี้มีฉันกับแนนค่ะที่มา ที่เหลือพวกมันไม่ยอมมากัน แต่ไม่เป็นไรเขาไม่ได้บังคับศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ใครจะมาหรือไม่มาก็ได้“ตาล กูไปหาเพื่อนนะ” “เออ ถ้าจะกลับหรือหากูไม่เจอก็โทรมาแล้วกัน”“โอเค” แนนแยกตัวไปหาเพื่อนสมัยตอนอยู่มอต้นฉันเองก็ไม่ต่าง ซึ่งตอนนี้ที่เห็นคนแรกก็คือไอ้จูนนั่นเอง แต่รู้สึกเบื่อขี้หน้ามันเพราะเจอกันค่อนข้างบ่อย “ไอ้หมูล่ะ กูโทรหามันบอกว่ามาถึงแล้วนะ”“ไม่เห็น กูอยู่ตรงนี้ก็เจอมึงคนแรกเนี่ย มันมากับพี่ริวหรือเปล่า”“เออ แล้วพี่ทิวล่ะไปไหน”“ไม่รู้อะ โทรหาไม่ติด แต่ก่อนหน้าน
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับพี่ทิวเลยค่ะ เคยค้างสายและคุยทุกครั้งที่มีเวลาว่างแต่พอห่างกันมันก็รู้สึกอีกแบบ อ๋อ! พี่ทิวซื้อมือถือใหม่แล้วนะคะ เขาบอกว่าของบางอย่างซื้อใหม่ง่ายกว่าซ่อมอาทิตย์หน้าจะสอบไฟนอลแล้วทำให้ฉันอ่านหนังสือจนหัวหมุนเลยทีเดียว คะแนนเก็บมีเยอะก็จริงแต่คะแนนสอบมันก็สำคัญ(พี่ไปบ้านไอ้ริวนะ วันนี้วันเกิดมัน เดี๋ยวพี่โทรหาใหม่)“โอเคค่ะ” เนี่ย! เขาน่ารักมากเลย จะไปไหนมาไหนพี่ทิวจะบอกตลอดเลยค่ะ ทั้งที่ฉันไม่เคยถามไม่เคยห้ามหรือจู้จี้จิกจิกอะไรเลย แต่พี่ทิวมักทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เชื่อใจเขาอยู่ตลอด สองชั่วโมงผ่านไปตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มทุกคนในบ้านเข้านอนหมดแล้วค่ะเหลือแต่ฉันคนเดียวที่ยังตาแข็งทื่ออยู่ อ่านหนังสือเสร็จแล้วล่ะแต่มันดันนอนไม่หลับซะงั้น พลิกไปมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนได้ยินเสียงเหมือนมีรถจอดหน้าบ้านจึงลุกไปดูตรงหน้าต่าง เป็นพี่ทิวค่ะยังไม่ทันได้ใช้ความคิดมือถือก็มีสายเข้าซะก่อน(ออกมาหน่อย พี่รู้ว่าหนูยังไม่นอน)“ค่ะ”สรรพนามเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เราคบกันเขาบอกว่ามันติดปากเพราะฉันชอบแทนตัวเองว่าหนูเลยหนูตามไปด้วย “มาทำไมดึก ๆ แบบนี้ล่ะคะ” ฉันเอ่ยถามด้วยความแปลก
“ดูเขาสนใจพี่มากกว่าพี่นิคอีกนะคะ” ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง “กินข้าวก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” เขาว่าก่อนจะจูงมือฉันเดินมายังร้านอาหารใกล้ที่พัก “ไอ้ทิวทางนี้!” พี่แบคเอ่ยเรียกซึ่งเขานั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่งค่ะ ส่วนพี่ริวกับหมูไปเดินเล่นทางไหนแล้วไม่รู้เหมือนกัน “แล้วเด็กมึงล่ะ” พี่ทิวเอ่ยถามเพื่อนเขา ฉันไม่รู้ว่าคนนี้ชื่ออะไร “ไปกับพวกไอ้นิคแหละ” “ใครเป็นคนชงให้เด็กนั่นมายุ่งกับกูเนี่ย” “กูกับไอ้บอยไม่เกี่ยวนะ” พี่แบครีบแก้ต่าง “ไอ้เต้โน่น ชงไว้นานแล้วแต่มึงไม่สนใจแล้วเสือกมาเจอกันตอนหลังก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ย กูบอกมันว่ามึงมีแฟนแล้วอย่าเข้าไปวุ่นวายอีก ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นแบบนี้วะ” “ไอ้นิคมันรู้แต่ก็ไม่สนใจหรอก ควงเล่น ๆ พอเบื่อมันก็เขี่ยทิ้งแล้ว” พี่อีกคนเสริมต่อ “กูไม่ไว้หน้าใครนะถ้ายังไม่เลิกวุ่นวายกับชีวิตกู ใครจะกินกันรอบวงก็ช่างเหอะ กูเคยบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่งกับกู” “เออมึงใจเย็น ๆ เดี๋ยวพวกกูช่วยเคลียร์” “ไม่ทันแล้วไอ้เหี้ย!” พี่ทิวหัวเสียพอสมควร เขาดูไม่ชอบใจเอามาก ๆ เลยค่ะ “น้องตาลครับ พวกพี่ยืนยันได้ว่าไม่มีอะไร” “พี่ยืนยันด้วยอีกคน คุยกันแทบจะนั
ฤดูกาลสอบปลายภาคผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถามว่าทำได้ไหมทำได้ค่ะ แต่ถูกหรือเปล่าค่อยว่ากัน และแน่นอนว่าต้องทวงคำสัญญากับพี่ทิว“ลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” “ไม่นะ หรือว่าจะลืมดี”“ไม่ดีค่ะ”“อยากไปไหนว่ามาเลย” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม“ทะเลค่ะ หนูชอบทะเล” “ไปวันนี้เลยไหมล่ะ ไม่ตรงกับช่วงเทศกาลคนน่าจะไม่เยอะแถมยังมีที่พักให้เลือกเยอะด้วย” “พี่ว่างเหรอคะ”“ว่างสองวันครับ แล้วหลังจากนั้นพี่จะไม่ว่างเลย มีเรียนทั้งอาทิตย์และก็เคลียร์สินค้าที่ร้านด้วย เฮียไกด์จะขยายร้านน่ะ”“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ พี่น่าจะไม่มีเวลาพักเลย” ฉันไม่ควรลืมว่าเขาไม่ได้ว่างตลอดเหมือนตัวเอง อีกอย่างเรียนเสร็จก็ต้องมาทำงานอีก ฉันกลัวว่าจะทำให้เขาเหนื่อยเพิ่มมากกว่า“ปกติไม่ได้ไปไหนก็ไม่ได้พักนะ อย่าคิดมากสิ” เขายังคงพูดพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นช่วงหัวค่ำก็ออกเดินทางกันเลย โดยที่ฉันได้รับอนุญาตจากพ่อกับแม่แล้ว ที่เห็นพวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้งไม่ได้แปลว่าท่านจะไม่ห่วงนะคะ แต่เป็นเพราะเราอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่เสมอ ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรฉันบอกให้รับรู้ตลอดค่ะ พ่อบอกฉันว่าวันหนึ่งฉันก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง ช่วงวัยรุ่
หลายวันผ่านไปวันนี้ประกาศผลสอบค่ะ โชคดีของฉันที่ไม่ติดศูนย์ ไม่ติดรอ เราผ่านกันทั้งแก๊งค่ะ“ตาลมึงเอาเอกสารมาหรือเปล่า” ไอ้แนนเอ่ยถาม ซึ่งก่อนหน้านี้เรานัดแนะกันแล้วว่าจะหางานพาร์ทไทม์ทำในช่วงปิดเทอม“เอามา ว่าแต่มีมึงกับกูแค่สองคนเองเหรอ” “แจ๋มมันทำร้านสะดวกซื้อแล้วดากับแอมไม่ทำ ส่วนตูนมันช่วยยายดูสวนกะเพราอะ”“อ๋อ”สถานที่ที่พวกเราเลือกคือห้างสรรพสินค้าตลาดค่ะ เป็นสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่อยู่ติดหน้าโรงเรียนเลย เหมือนก้าวเท้าออกจากบ้านถูกข้างก็ว่าได้เพราะนอกจากสอบผ่านแล้วยังได้สัมภาษณ์เลยทันที พร้อมเริ่มงานในอีกสามวันข้างหน้า แอบตื่นเต้นเหมือนกันเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน“มึงรีบหรือเปล่า” “ไม่!”“ดีเลย กูจะซื้อของใช้สักหน่อย เดินเป็นเพื่อนก่อนนะ” ไอ้แนนมันว่าก่อนจะเดินตรงไปยันโซนครีมบำรุง “นั่นพี่ทิวไหม”“ทิวไหนวะ”“คนนั้นไง ตอนเราอยู่มอสามเขาอยู่มอหกอะ” “เออ มึง!โคตรน่ารัก”“แต่เสียดายมากับแฟน จบเลย” บทสนทนาข้างต้นดังเข้ามาในโสตประสาทฉัน จะไม่อะไรเลยหากชื่อนั้นมันไม่ใช่ชื่อเดียวกับคนที่ฉันคุ้นเคย ปรายตามองไปทางที่คนกลุ่มนั้นกำลังพูดถึงอยู่เป็นพี่ทิวจริง ๆ ค่ะ เขามากับพี่เกตุแล
“มึงจะใช้วิธีนี้ปฏิเสธไอ้โบจริงเหรอ” ไอ้อาร์ทเอ่ย“เออ กูพูดแบบตรง ๆ เลยนะ โบแม่งโคตรสวยแถมยังนิสัยดีมากอีกทำไมมึงไม่สนใจวะ” ไอ้หนึ่งเสริมขึ้นมาอีกคน“กูชัดเจนในความเป็นเพื่อนเสมอนะ ต่อให้ไม่มีน้องกูก็คิดกับมันแค่เพื่อนอยู่ดีนั่นแหละ กูไม่ได้พาน้องมาเพื่อตอกย้ำความรู้สึกใคร คนเราคบกันไปไหนมาไหนด้วยกันมันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ” พูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก โบเป็นคนสวยจริงครับนิสัยดี แต่ก็อย่างที่บอกว่าเพื่อนก็คือเพื่อนอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ ที่ตรงนั้นมันมีเจ้าของอยู่ก่อนนานแล้ว“คำพูดคำจาพระเอกฉิบหาย! เมื่อเช้ากูเห็นยังเหล่สาวอยู่เลย” “มึงชี้ให้ดูกูก็ดู แล้วผิดตรงไหน?” มันเป็นเรื่องที่โคตรจะปกติของมนุษย์ด้วยซ้ำ เราต้องเจอผู้คนมากมายไม่แปลกเลยที่จะมองกัน ก็แค่มองเองไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย“มึงเป็นแบบนี้ไงถึงได้มีคนเข้าหาเยอะ” ไอ้แบคว่ายิ้ม ๆ แล้วพูดต่อ “ไม่เคยได้ยินเหรอวะเสน่ห์ของผู้ชายบางคนก็คือความมั่นคงในรักเดียว มึงกับน้องเข้ากันดีมากอะ ตอนแรกกูคิดว่าเด็กจะงี่เง่าน่ารำคาญซะอีกแต่ยกเว้นน้องตาลสักคนแล้วกัน” “ไม่รู้ดิ แต่ก็ยังไม่เคยทะเลาะกันสักทีนะ”“เหรอวะ กูเคยคบอยู่คนหนึ่งโคตรน
หลายวันผ่านไปเป็นอีกหนึ่งวันที่ผมยุ่งมากจริง ๆ เรียนเสร็จต้องรีบมาที่ร้านเพื่อย้ายของทั้งหมด เพราะเฮียไกด์จะขยายร้านใหม่ ไม่ได้โทรหาน้องเลยครับแต่ก็ส่งข้อความทิ้งไว้แล้วว่าไม่ค่อยว่าง ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะอ่านหรือยัง เพราะตัวเธอเองก็ทำงานเหมือนกัน“เชี่ย... กว่าจะเสร็จเหนื่อยฉิบหาย” ไอ้เต้บ่นพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น “ตั้งแต่เที่ยงวันจนจะเที่ยงคืนอยู่ละ”“ห๊ะ? กี่ทุ่มแล้ววะ” “สี่ทุ่มตรงเป๊ะ!”“ฉิบหาย...” ได้ฉิบหายจริง ๆ คราวนี้แหละ มัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับงานจนลืมไปเลยว่าต้องไปรับน้อง คิดได้แบบนั้นก็รีบออกจากร้านทันที มือถือก็เสือกแบตหมด อะไรจะซวยขนาดนี้ไม่รู้ ราวยี่สิบนาทีก็ถึงครับน้องอยู่คนเดียวที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งเวลานี้รถประจำทางมันหมดแล้ว แถมรถที่สัญจรไปมาก็ไม่ค่อยมีแล้วด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้น.... ไม่อยากจะคิดเลย“ขอโทษ พี่ลืม พี่มัวแต่ทำงาน” “ไม่เป็นไรค่ะ หนูรู้อยู่แล้วว่ายังไงพี่ก็ต้องมา” เธอว่าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างมาให้ผม สีหน้าท่าทางไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นเลยสักนิด ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะด่าหรือโกรธไปแล้วก็ได้ “เชื่อใจกันขนาดนี้เลยเหรอ”“แน่นอน!”ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งรู้ส
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าก่อนหน้านี้พ่อป่วยหรือเป็นอะไรเพราะเขาไม่เคยบอกรวมไปถึงไม่มีท่าทีป่วยให้เห็นด้วย วันนี้หมอนัดฟังผลตรวจค่ะฉันลาหยุดหนึ่งวัน ความรู้สึกตอนนี้มันก็บอกไม่ถูก “ถึงคิวพ่อแล้วเดี๋ยวหนูพาไปเอง” ฉันเอ่ยบอกแม่“รอนี่แหละเดี๋ยวแม่เข้าไปเอง” พูดจบก็พาพ่อเข้าห้องตรวจไปเลยค่ะ ไม่รอให้ฉันได้ตอบอะไรสักคำเกือบยี่สิบนาทีที่พ่อกับแม่อยู่ในนั้นก่อนจะออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่รวมถึงฉันเองก็ด้วยมันต้องมีอะไรมากกว่านี้แต่ทำไมแม่ถึงไม่บอก “น้ำตาลเอ็งกลับบ้านไปก่อน เก็บเสื้อผ้าให้แม่สี่ห้าชุดแล้วตามไปที่โรงพยาบาลในตัวเมืองนะ” ได้ยินแบบนี้แล้วรู้ได้ทันทีว่าพ่อต้องป่วยหนัก การที่ถูกส่งต่อนั่นหมายความว่าที่นี่ไม่สามารถรักษาเราได้ อาจจะเครื่องมือไม่พอหรือไม่มีหมอเฉพาะทาง “ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปสิ” แม่ย้ำอีกครั้ง“พ่อเป็นอะไร”“ไปรักษาที่โน่นเดี๋ยวก็รู้” แม่ตอบพร้อมกับยื่นเงินให้ฉันจำนวนหนึ่ง “เก็บไว้ใช้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่โรงพยาบาลกี่วัน”“อืม เดี๋ยวหนูจะรีบตามไป” “ไปกับอั๋นเลยเดี๋ยวน้าไปเป็นเพื่อนแม่เอง” น้าสะใภ้เอ่ย อั๋นเป็นพี่ฉันสองปีค่ะ เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันแต่อยู่คนละบ้าน
ชีวิตหลังแต่งงานเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ทอฝันเลี้ยงง่ายไม่อ้อนเลย ตอนนี้เพิ่งสิบเดือนเริ่มเกาะยืนแล้ว ดูท่าทางอีกไม่นานคงวิ่งจับไม่ไหวแน่นอน“คนสวย แม่ไปทำงานแล้วนะคะ หนูอย่างอแงกับพ่อนะ” พูดจบก็ก้มไปฟัดแก้มลูกสาวจนหนำใจเลยทีเดียว “หอมแต่ลูก ไม่หอมพ่อของลูกบ้างเหรอครับ”“ไม่ค่ะ!” ปากบอกปฏิเสธแต่ก็หอมครับ ว่านอนสอนง่ายจะตาย วันนี้เป็นวันหยุดผม หลังจากส่งน้องเสร็จก็แวะมาบ้านไอ้ริวต่อเลย รับปากมันไว้ว่าจะเข้ามาไง “เมื่อก่อนพกเมีย เดี๋ยวนี้พกลูก” ไอ้แบคเอ่ยแซวทันทีที่เห็นผมกับน้องทอฝัน“แล้วมึงเมื่อไหร่จะมี”“ทักได้เจ็บใจมาก” มันอยากมีครับ แต่ไอ้เกตุไม่ท้องสักที “น้ำยาไม่ดีก็แบบนี้แหละ”“ขยี้กันเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”... : ฮ่า ๆ“ไอ้ริว แล้วลูกมึงไปไหน”“อยู่ในเปลโน่น สองขวบกว่าแล้วยังติดเปลอยู่เลย ไปโรงเรียนกูว่าร้องตาย” น้ำเสียงมันเหมือนสิ้นหวังมากเลย“เอาน่ะค่อย ๆ ฝึกให้นอนพื้นทีหลังก็ได้”“ไม่หรอก ลูกกูอารมณ์แปรปรวนเก่งมาก แต่ไม่ซนนะ”“เป็นยังไงวะอารมณ์แปรปรวน”“อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ ร้อง ๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะได้อีกด้วย บางวันเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย”“ไม่ลองปรึกษาหมอวะน่าจะช่วยได้
หลายเดือนผ่านไปใกล้ได้เห็นหน้ากันแล้วครับ แอบกระซิบหน่อยว่าท้องใหญ่มาก และด้วยขนาดหน้าท้องที่ใหญ่เกินตัวจึงมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของน้องพอสมควร เหนื่อยง่ายทำอะไรไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน “หนูลาคลอดเมื่อไหร่”“ยังเลยค่ะ หนูว่าจะทำจนคลอดเลย”“ว่าไงนะ” ไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ ครับ“หมายถึงทำจนเจ็บท้องใกล้คลอดเลยค่ะ ลาได้เก้าสิบวันหนูอยากอยู่กับลูกนาน ๆ นี่ถ้าลาล่วงหน้าเป็นเดือนกลัวได้ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อย” เห็นไหมครับ ไม่ได้มีแค่ผมสักหน่อยที่เห่อลูก“เข้าใจ แต่พี่อยากให้พักเดินจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”“แต่หนู...”“คุณแม่ดื้อเหรอครับ?”“ก็ได้ค่ะ” กำหนดคลอดเดือนหน้าแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะคาดเคลื่อนก็ได้ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อนครับพวกเราย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่แล้วและรับแม่กับยายมาอยู่ด้วยชั่วคราวเพราะไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวไง ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผิดที่ผิดทางแล้วยายผมจะเหงา เพราะเพื่อนบ้านก็มีคุณตาคุณยายอายุไล่เลี่ยกัน คุยกันถูกคอประหนึ่งว่ารู้จักมานานแรมปี“พี่ทิว”“ครับ?”“หนูอยากกินไข่ปลาทอด” ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความหวังเชียว“มันหาซื้อได้ที่ไหน” ไข่ปลาน่ะรู้จักครับ แต่มันไม่ได้ม
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี... ตอนแรกตั้งใจจะเชิญแค่ญาติคนสนิทแต่ตากับยายคัดค้านค่ะ ให้เหตุผลว่าแม่เป็นลูกคนเล็กญาติทางนั้นก็สำคัญ ญาติทางนี้ก็สำคัญ ป้าบ้านนั้น น้าบ้านนี้ เยอะแยะไปหมด เป็นคนเก่าคนแก่ที่มีคนรู้จักนับถือเยอะก็อย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรเอาที่ตากับยายสบายใจเลย พี่แบคกับพี่เต้อาสาเป็นพิธีกรให้ และไม่วายถูกตั้งคำถามประหลาด ๆ ตามเคย“เจ้าบ่าวครับ เห็นคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นไหมครับ?” พี่แบคเอ่ยพลางชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่ง เป็นรุ่นน้องที่ทำงานของพี่ทิวนั่นแหละค่ะ“เห็นครับ”“สวยไหม?”“สวย”“คุณ! นี่งานมงคลของคุณนะครับ คุณกล้าชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาเชียวเหรอ” คำถามกวนอารมณ์ถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองแล้วเห็นว่าเป็นคนสวยปกติก็คือเป็นคนสวยเท่านั้นเอง กลับกันถ้าเราอยู่ใกล้คนที่เราชอบต่อให้หน้าตาธรรมดายังไงในสายตาเราเขาก็สวยที่สุดอยู่ดี” ประโยคหลังพี่ทิวหันมาพูดกับฉันทำเอาผู้คนในงานเอ่ยแซวเสียงดังไปทั่วบริเวณ“เจ้าสาวครับ”“ค่ะ”“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นหล่อไหมครับ”“หล่อค่ะ”“แล้วระหว่างทางนั้นกับทางนี้ ใครหล
ก่อนหน้านี้ประจำเดือนฉันมาสามวันค่ะ ปกติจะห้าหรือไม่ก็เจ็ดวัน แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นคนมีรอบเดือนไม่ปกติอยู่แล้ว แต่คราวนี้คงปล่อยผ่านไม่ได้แล้วแหละเลิกงานฉันซื้อที่ตรวจครรภ์มาด้วยห้าอัน อันละยี่ห้อไปเลยค่ะ มาถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ตรวจเลย คุณหมอแนะนำมาว่าควรเป็นฉี่แรกของวันเพื่อผลที่แม่นยำ แต่มันตื่นเต้นไงอยากรู้จึงลองตรวจดูก่อนในความคิดฉันถ้าท้องจริงตรวจตอนไหนคงขึ้นสองขีดเหมือนกัน อันนี้คิดเอาเองนะคะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะจุ่มที่ตรวจลงไป ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ วินาทีที่แถบสีชมพูเริ่มเห็นชัดขึ้น ...“สะ สองขีด” เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ขีดที่สองมันจางมากแต่มองผ่าน ๆ ก็คือเห็นว่าเป็นสองขีด ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจนะคะแค่ไม่คิดว่าจะมาเร็วแบบนี้ฉันเพิ่งหยุดกินยาคุมเมื่อสองเดือนก่อนเอง ใครจะคิดว่าจะติดรวดเร็วทันใจขนาดนี้ล่ะ แล้วต้องทำยังไงต่อต้องบอกใครเป็นคนแรก?เช้าอีกวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว ใช่ค่ะ! หิวจริง ๆ ลืมตามาก็อยากกินข้าวเลย ทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาข้างนอกเห็นแม่ทำกับข้าวอยู่ก่อนแล้ว“วันนี้ไม่ไปใส่บาตรเหรอ” “หนูตื่นสายเลยไม่ได้ไป แม่...”“ว่า?”“...”“เรียกแล้วไม่พูดนะ” พูด
หลังจากทริปทะเลจบลงพวกเราก็กลับสู่บทบาทหน้าที่ตัวเองกันอีกครั้ง แอบเขินไปหลายวันเลยเรื่องที่เข้าใจผิด อย่างที่บอกเป็นใครก็ต้องคิดจริงไหม? ส่วนไอ้อาการหน้ามืดโลกหมุนของฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่ทิวดูแลดียิ่งกว่าหมอซะอีก“พอแล้วมั้งคะ” ถึงกับต้องเอ่ยปรามขึ้นเมื่อเห็นเขาหยิบผลไม้ใส่รถเข็นจนเยอะแยะไปหมด“อันนี้มีประโยชน์”“รู้... แต่หนูไม่ชอบนี่แค่อันนี้อย่างเดียวก็พอค่ะ” ฉันว่าพลางชี้มือไปที่กล่องสตอวเบอร์รี่“ครับ ซื้อเข้าห้องไปเลยแล้วกันเผื่อพรุ่งนี้พี่เลิกดึก”“โอเคค่ะ”ทุกครั้งที่เงินเดือนออกเราจะซื้อของเติมตู้เย็นเสมอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในส่วนเฉพาะของสดประมาณสองพันบาท ค่าน้ำ ค่าไฟอีกสองพันบาท จิปาถะยิบย่อยรวมทั้งหมดแล้วประมาณห้าพันอันนี้ฉันคำนวณเองนะ ส่วนค่าน้ำมันรถหรือของที่จำเป็นอื่น ๆ ยังไม่ได้คิดค่ะ ที่กล่าวมานี้อยู่ในความรับผิดชอบของพี่ทิวทั้งหมดฉันเคยบอกแล้วว่าเรื่องในครัวฉันรับผิดชอบเองได้แต่เขาไม่ยอมและให้เหตุผลว่าผู้นำครอบครัวเขาไม่มาแบ่งจ่ายกันหรอก ในเมื่อค้านอะไรไม่ได้ก็เลยใช้วิธีแยกซื้อต่างหากโดยที่พี่ทิวไม่รู้ ตั้งแต่คบกันมาสาบานได้ว่าฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเ
หมดกันเซอร์ไพรส์ของผม แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะเนี่ยทำน้องร้องไห้ไปหลายวันเลย ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ตั้งใจจริง ๆ คือบ้านต่างหากที่ดินตรงนั้นผมซื้อมันตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้บอกน้องเพราะตั้งใจจะปลูกบ้านก่อน บวชแล้วค่อยแต่งไง แต่มันผิดแผนนิดหน่อย ปิดมาได้ตั้งนานดันมาตกม้าตายตอนบ้านเสร็จซะงั้น ครืด...ครืด…“ว่าไง”(จะเพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่ากูจะได้บอกช่างถูก)“แก้ตรงสีไม่เสมออย่างเดียวก็พอ”(เออ ผัวกูถามว่ามึงจะเข้ามาดูไหม)“เข้าแหละ น่าจะพรุ่งนี้บ่าย”(กูถามจริงแฟนมึงไม่สงสัยบ้างเหรอ ถ้าเป็นกูคงจับได้ตั้งแต่ผัวกลับบ้านไม่ตรงเวลาละ)“จะเหลือเหรอ”(ฮ่า ๆ กูว่าแล้วเซอร์ไพรส์ไม่เคยสำเร็จ แล้วเขาว่าไง)“เปล่าหรอก เข้าใจผิดนิดหน่อย”(ไม่ใช่คิดว่ากูเป็นกิ๊กมึงหรอกนะ)“ประมาณนั้น”(ฉิบหาย!)“เกือบได้ฉิบหายจริง ๆ แต่ตอนนี้คุยกันเข้าใจแล้ว ไว้พรุ่งนี้กูพาไปด้วยเลย ไหน ๆ ก็รู้แล้วนี่”(เออ ไว้เจอกัน)ลูกหว้าเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เราอยู่ทีมเดียวกันแต่คนละฝ่าย รู้จักกันตั้งแต่ฝึกงานไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ส่วนที่น้องคิดไปไกลคงเป็นเพราะพฤติกรรมของผมมากว่า เรื่องนี้แม่กับยายก็รู้นะครั
นานนับชั่วโมงที่ฉันจมอยู่กับความรู้สึกนี้ น้ำตาก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลยมันคิดไปหมดทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? แล้วพี่ทิวนอกใจฉันจริง ๆ อย่างนั้นเหรอไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่จนตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมจนบานประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับแสงไฟที่ส่องสว่าง“ทำไมไม่เปิดไฟครับ แล้วกลับมาก่อนทำไมไม่โทรบอกพี่” “หนูโทรแล้วแต่ไม่ติด”“โกหก! พี่เช็กดูแล้วไม่มีใครโทรมา”“ก็หนูโทรแล้วมันไม่ติดจริง ๆ” ฉันยังคงแถไปแบบนั้น “พี่เปลี่ยนน้ำหอมแล้วเหรอคะกลิ่นนี้หอมดีนะ” พี่ทิวหน้าเจื่อนไปเลยค่ะเมื่อฉันถามออกไปแบบนั้น “หนูอาบน้ำก่อนแล้วกัน เหนื่อย...” เหนื่อยที่ต้องรู้สึกเหนื่อยที่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ เหนื่อยที่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จฉันก็เข้าห้องนอนทันที ปวดหัว ปวดตา ปวดไปหมดทุกอย่าง ไม่อยากรู้สึกไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ถ้าเขาหมดรัก หรือรักฉันน้อยลงเขาก็ควรจะบอก ไม่ควรทำกับฉันแบบนี้ ไม่ควรเลยจริง ๆ แค่เพียงไม่นานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ฉันคุ้นเคย “เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงข้างฉัน“ปวดหัวค่ะ อยากนอน”
หลายเดือนผ่านไป ตั้งแต่พี่ทิวกลับมาจากญี่ปุ่นฉันรู้สึกว่าพฤติกรรมเขาเปลี่ยนไปไม่เชิงว่าไม่เหมือนเดิมแต่เขาออกจากห้องบ่อยและกลับไม่ตรงเวลา อย่างเช่นวันนี้(พี่ยังทำธุระไม่เสร็จ หนูกลับห้องก่อนเลยนะพี่น่าจะดึก)“ค่ะ พี่ก็ขับรถดี ๆ นะ”(ครับ)ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะพูดว่าเดี๋ยวพี่ไปรับหรือไม่ก็ต้องรีบมารับฉันก่อน เขาจะละเว้นทุกอย่างเพื่อฉันเสมอแม้ว่าฉันจะดึงดันแค่ไหนพี่ทิวก็ไม่มีทางให้ฉันกลับเองเด็ดขาด แต่วันนี้...“เดี๋ยวเราไปส่งก็ได้ พี่เขาอาจจะงานเยอะอย่าคิดมาก” ภามเอ่ย“อืม”กลับถึงห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแหงนดูนาฬิกาจะสามทุ่มแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าพี่ทิวจะมา รอจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีตอนที่แผ่นหลังแตะสัมผัสกับที่นอนนุ่ม ๆ นั่นแหละ“เพิ่งมาเหรอคะ” เอ่ยถามก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาตีสองแล้วค่ะ“ครับ งานผิดพลาดนิดหน่อยพี่เลยต้องไปดูด้วยตัวเอง นอนเนอะพี่ง่วงแล้ว” พูดจบเขาก็ปิดไฟที่หัวเตียงแล้วกอดฉันอย่างเช่นทุกคืนรอจนแน่ใจว่าพี่ทิวหลับแล้วฉันจึงค่อย ๆ คลายกอดแล้วลงจากเตียงให้เบาที่สุด จากนั้นตรงไปยังตะกร้าผ้าทันทีหยิบชุดที่เขาสวมใส่ก่อนหน้านี้มาสูดดมว่ามีกลิ่นอื่นปะปนม
สามเดือนมานี้เป็นอะไรที่โหดมากสำหรับผม ไม่ว่าจะเรื่องงานรวมไปถึงหัวใจก็ด้วย ไหนจะแม่กับยายอีก มันเครียดและกังวลกดดันไปหมดทุกอย่างเพียงแต่ผมไม่แสดงออกให้ใครเห็นเท่านั้นเอง “หนูรู้สึกว่าพี่กลับมาก่อนเวลาหรือเปล่า?” น้ำเสียงใสเอ่ยพลางทำหน้าครุ่นคิด“คิดถึงเด็กอ้วนไงเลยไม่อยากอยู่นาน”“ความจริง?”“งานพี่เสร็จก่อนเลยขอกลับก่อน” น้องยังคงจ้องหน้าผมหวังจะเอาคำตอบอยู่แบบนั้น ขืนบอกไปว่าโหมงานเพื่อจะให้เสร็จเร็ว ๆ ก็ถูกโกรธกันพอดี “มองหน้าแบบนี้อยากมีเรื่องหรืออยากมีลูก?” “มุขโคตรเก่า”“ฮ่า ๆ พี่ได้พักตั้งหนึ่งอาทิตย์เราไปเที่ยวกันไหม” เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปก่อนครับเดี๋ยวถูกจับได้“เสียใจด้วยค่ะสาขาหนูหยุดไม่ตรงเสาร์อาทิตย์ ถ้าจะหยุดติดกันสองวันก็คงเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์กลางปีโน่นแหละ ที่เหลือสลับกันหยุดค่ะ”“อันที่จริงทำไมหนูไม่ทำสาขาข้างนอกล่ะ ในห้างกว่าจะเลิกก็ฟ้ามืดแถมวันหยุดก็แทบไม่มีด้วยซ้ำ” ในความคิดผมนะมันเหนื่อยเกินไปครับ แต่ดีตรงที่เข้างานสายกว่าสาขาทั่วไปนั่นแหละ“สนุกดีนะ ถ้ามาทำในวันหยุดตัวเองก็ได้เงินเพิ่มไปอีก แถมยังตื่นสายได้ด้วยนะ แล้วพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องกลับมืดนะคะเพราะสาขาหนูเ