“แต่...คุณอาจเสียเวลาเปล่า”
“ผมเสียช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดไปแล้ว” น้ำเสียงเจือความเจ็บปวด
“ก่อนหน้านี้คุณเย็นชากับฉัน” พูดไปแล้วก็รู้สึกถึงความน้อยใจ ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจากเจ้าของร่างนี้หรือเพราะเธออ่านสมุดบันทึกของหลินเหยาซื่อ
“เหยาซื่อ..”
‘คุณคือคนที่ผมจะรักไม่ได้’
เขาเอียงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อได้สบตากับดวงตาคู่สวย ไม่อาจพูดทุกสิ่งที่อยู่ในใจได้หมด
“อยู่ในสกุลกั๋ว ผมคือลูกเมียรองของคุณพ่อ แต่อยู่นอกบ้าน ผมคือลูกนอกสมรส ชีวิตผมเจอสายตาดูแคลนมาตลอดรวมทั้งคนในครอบครัว ผมจะไม่ให้ลูกของผมต้องเจอเรื่องแบบเดียวกับผม ถ้าคุณไม่เชื่อใจ ผมทำหมันก็ได้นะ”
“ทำหมันเหรอ” เธอทำตาโตไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้
“คุณจะได้มั่นใจว่าผมจะไม่มีลูกกับใครแน่นอน”
“เรื่องนั้น...” เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง “ไม่ต้องหรอกค่ะ ถ้าคนจะนอกใจ ทำหมันก็นอกใจได้อยู่ดี”
ได้ยินแบบนี้แล้ว กั๋วคังเหรินยิ้มออกมาแล้วกอดเธอแน่นขึ้นอีกนิด
“แสดงว่าตอนนี้ผมอยู่ในใจของคุณแล้วใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้...”
ไม่ได้อะไรล่ะ? ไม่ได้คิดเรื่องนั้น หรือไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว
จู่ๆ หลินเหยาซื่อก็นึกคำพูดไม่ออก
“ขออนุญาตนะครับ”
“คะ?”
มือใหญ่ประคองท้ายทอยเธอไว้ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยจะทาบทับลงมา แรงขบเม้มเบาๆ แต่เรียกร้องทำให้อีกฝ่ายเผยอริมฝีปากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่สวยยังดูมึนงงอยู่ในขณะที่ดวงตาของเขามีแววเจ้าเล่ห์ กว่าหลินเหยาซื่อจะรู้ตัวก็ถูกจูบอยู่เธอก็แทบขาดอากาศหายใจแล้ว เขาจึงยอมถอนจูบ
“คุณ...คุณ...” เธอยกมือขึ้นทุบแผงอกแกร่งที่ไม่ทำให้เขาสะเทือนเลยสักนิด “ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามขโมยจูบอีก”
“ผมขออนุญาตแล้วไง” เขายิ้มกริ่ม แรงทุบจากมือน้อยๆ ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บ แต่เขากลัวเธอจะเจ็บมือเสียเองจึงรวบข้อมือของเธอไว้ก่อน
หลินเหยาซื่อฮึดฮัดเพราะทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ทำตาดุใส่ “ฉันจะกลับห้อง”
“เหยาซื่อ...คืนนี้นอนที่นี่เถอะนะ”
“คุณมันฉวยโอกาส!”
“ก็ผมบอกแล้วไง ให้คุณฝึกจูบกับผมบ่อยๆ”
“คุณนี่!”
ทำไมผู้ชายคนนี้หน้าหนาขนาดนี้นะ
“ถ้าคุณยังดิ้นขลุกขลักแบบนี้ ผมจะขออนุญาตทำมากกว่าจูบแล้วนะ”
“คนบ้า!คุณกล้าเหรอ!”
เธอดึงมือตัวเองกลับแต่เขารั้งร่างเธอไปกอดไว้แนบแน่นจนสัมผัสได้ถึงบางส่วนที่แข็งขันอยู่กึ่งกลางของชายหนุ่ม คราวนี้เธอไม่กล้าขยับตัวอีก และยังไม่กล้ามองหน้าเขาด้วย
“นอนเถอะ พรุ่งนี้คุณมีงานต้องทำอีก”
ฝ่ามือของเขาลูบแผ่นหลังของเธอเบาๆ ไออุ่นและกลิ่นกายเฉพาะตัวของเขาทำให้เธอค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกายลง คล้ายได้ยินเสียงฮัมเพลงอยู่ข้างหู แรกที่ได้ยินเธอคิดว่าเป็นเพลงกล่อมเด็ก แต่ฟังไปอีกนิดก็รู้สึกว่าไม่ใช่ คล้ายเป็นบทเพลงเก่าๆ
ฤดูเก็บเกี่ยว
รอคนรักกลับมาหา
เธอยังคงเฝ้ามองที่บานประตู
รอให้ร่างของเขากลับมาเยือน
ทุ่งข้าวกลายเป็นสีทอง
ผู้ชายของเธอยังไม่กลับมา
ลูกชายของเรา ยังเฝ้ารอพ่อของเขา
เมื่อไหร่หนอ สายลมจะหอบคนไกลให้หวนคืน
ชายหนุ่มพึมพำเพลงบทเก่าที่มารดาร้องให้ฟังแทนเพลงกล่อมเด็ก เป็นเพียงท่อนสั้นๆ ที่เขาเพิ่งเข้าใจความหมายก็เมื่อเติบโตแล้ว
กั๋วคังเหรินรับรู้ได้ว่าคนในอ้อมกอดผล็อยหลับไปแล้ว เขาก้มมองใบหน้ายามหลับใหล ทั้งที่คนตรงหน้าก็คือหลินเหยาซื่อ แต่ลึกๆ แล้วเขารู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไป ความมั่นใจในตัวเองของเธอบางครั้งก็ทำให้เขาหวั่นไหว กลัวว่าสักวัน เธอจะไม่ต้องการเขาแล้ว เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วกอดเธอไว้ เก็บเกี่ยวความสุขนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด หากวันหนึ่งเธอรู้ความจริงทั้งหมด...เธออาจไม่ให้อภัยเขา
ช่างเถอะ ถึงจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ขอแค่เธอไม่กีดกันเขากับลูกก็พอ.
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง ครู่หนึ่งบานประตูก็เปิดออก ใบหน้าของจางลี่ยื่นออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เคาะประตูคือบิดาก็ยิ้มจนดวงตาหยีเล็กแล้วเปิดประตูออกกว้าง
“คุณแม่ขา คุณพ่อมารับแล้วค่ะ”
“คุณพ่อมาแล้ว” จางหย่งพูดพลางเดินมาจูงมือพ่อให้เข้าไปด้านใน
กั๋วคังเหรินยิ้มให้ลูกทั้งสองแล้วสายตาก็หยุดนิ่งที่ภาพภรรยาสาว วันนี้เธอสวมชุดเดรสสีน้ำเงินไพลิน เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเสื้อผ้านัก แต่ชุดที่เธอสวมเป็นชุดราตรีเกาะอกแม้จะไม่โป๊เปลือยแต่ก็เห็นเนิ่นอกอิ่มสวย ช่วงเอวเข้ารูปอวดสะโพกกลมกลึง กระโปรงด้านหน้าสั้นแต่ด้านหลังยาวทำให้เธอไม่ดูตัวเตี้ยและยังเห็นเรียวขางาม ผ้าไหมสีน้ำเงินเหลือบเงินราวกับอัญมณีเม็ดงามและขับเน้นผิวกายผุดผ่องและรูปร่างอรชรจนเขาหายใจติดขัดยกมือขึ้นขยับเนคไทเบาๆ
“เนคไทแน่นไปหรือคะ” หลินเหยาซื่อถามแล้วเดินมาช่วยจัดแต่งเสื้อผ้าให้เขา รูปร่างสูงใหญ่กำยำใส่สูทแบบพอดีตัวสีน้ำเงินเข้มเหลือบดำดูทันสมัยแล้วหล่อกระชากใจชะมัด!
“ปะ..เปล่าครับ” กว่าจะค้นหาเสียงตัวเองเจอก็เจอสายตาของเธอกวาดตามองอย่างสำรวจ ลูกสองคนก็ทำเลียนแบบแม่ ทำให้เขาพลอยเขินอายอยู่บ้าง
“คุณพ่อหล่อไหมคะ” หลินเหยาซื่อถามลูกทั้งสอง
“หล่อค่ะ/ครับ” จางลี่จางหย่งพูดพร้อมกัน
“คุณแม่สวยไหมคะ”
“สวยค่ะ/ครับ”
หลินเหยาซื่อไม่ได้ยินคำตอบจากปากของกั๋วคังเหรินก็จ้องหน้าเขาเค้นเอาคำตอบ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนตอบออกไป
“สวยครับ สวยมาก”
หลินเหยาซื่อหัวเราะอารมณ์ดี เธอหมุนตัวหน้ากระจกดูความเรียบร้อยอีกครั้ง กั๋วคังเหรินเพิ่งนึกได้หยิบกล่องเครื่องประดับวางบนโต๊ะ แล้วหยิบสร้อยไข่มุกออกมาสวมที่คอของหญิงสาว
“ไม่รู้ว่าคุณจะชอบไหม ผมเห็นคอคุณโล่งๆไปนะ”
“ชอบค่ะ” เธอตอบรวดเร็ว “ฉันชอบไข่มุก”
ก่อนมาอยู่ในร่างนี้ เธอเป็นเด็กกำพร้าไม่อาจเรียกร้องเอาสิ่งใดได้ แต่เธอก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ชอบเครื่องประดับของสวยงาม แต่เงินรายได้ที่เธอมีซื้อได้แค่เครื่องประดับราคาถูก เธอมักมองแอบมองเครื่องประดับไข่มุกบนตัวนักแสดงหญิงอยู่เสมอ
ท่าทางชื่นชอบจากใจจริงของเธอทำให้กั๋วคังเหรินยิ้มออกมา หากรู้ว่าเธอชอบขนาดนี้ เขาคงซื้อให้เธอนานแล้ว
“วันนี้คุณพ่อยืมตัวคุณแม่ไปเที่ยวหน่อยนะครับ” กั๋วคังเหรินค้อมเอวลงพูดกับลูกฝาแฝด “อยู่บ้านกับป้าฮุ่ยชิว ต้องเป็นเด็กดีนะครับ” “ลี่ลี่เป็นเด็กดี” “หย่งหย่งก็เป็นเด็กดีครับ” “คราวหน้าคุณพ่อพาพวกเราไปเที่ยวด้วยนะคะ” จางลี่รีบพูดขึ้น “ใช่ๆ คุณพ่อต้องพาเราไปเที่ยวด้วย” “ได้ๆ คราวหน้าเราไปเที่ยวพร้อมกันทั้งหมดนี้เลยนะ” “สัญญานะครับ/ค่ะ” เด็กๆ ยื่นนิ้วก้อยออกมา กั๋วคังเหรินยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วน้อยๆ “พ่อสัญญาครับ” ป้าฮุ่ยชิวกับคนรับใช้ที่เข้ามาช่วยคุณผู้หญิงแต่งตัวถึงกับน้ำตาซึม ดีจริงๆ ที่คุณผู้ชายกลับมาและยอมรับเรื่องลูกอย่างไม่ติดใจอะไร ก่อนหน้านี้หลินเหยาซื่อต้องลำบากมากทั้งอุ้มท้องและคอยสืบข่าวตามหาสามี โดนโกงเงินอีก เจ็บป่วยปางตายกว่าจะรอดชีวิตมาได้ นางได้แต่ภาวนาให้ครอบครัวนี้พ้นเคราะห์กรรมแล้วพบเจอแต่ความสุข หลินเหยาซื่อใส่ต่างหูและสร้อยข้อมือเรียบร้อยแล้ว ป้าฮุ่ยชิวนึกได้รีบเตือนคุณผู้หญิงทันที “คุณผู้หญิงคะ สวมแหวนแต่งงานด้วยค่ะ”
กั๋วซีฮั่นแย้มยิ้มแต่แววตาเย้ยเยาะน้องชายต่างมารดา ซึ่งไม่เคยนับเป็นน้องชายเลยสักนิด ตอนนี้เขาคือหัวหน้าสกุลกั๋วแต่แทบไม่มีอำนาจอะไรเลย ตั้งแต่บิดาตายจากเงินทองก็ร่อยหรอ กิจการก็ล้มพังไม่เป็นท่าเหลือเพียงหน้าฉากที่กินเงินปันผลเพียงเล็กน้อยซึ่งมันก็ไม่พอให้แม่และน้องสาวสองคนถลุงเล่น เป็นเพราะหลินซือซงเป็นเพื่อนสนิทกับบิดาของเขา ทำให้เขากับกั๋วคังเหรินเข้ามาทำงานในบริษัทหลินกรุ๊ฟ แต่แผนการของเขาพังพินาศเพราะไอ้เจ้าน้องชายนอกสมรสคนนี้ “ประธานกั๋วกลับมาแล้วจริงๆ” หลายคนเข้ามาทักทายและต้องการย้ำกับตัวเองว่ากั๋วคังเหรินกลับมานั่งตำแหน่งประธานหลินกรุ๊ฟแล้วจริงๆ ความน่าเชื่อถือและความมั่นใจของนักลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ และยิ่งวันนี้กั๋วคังเหรินมาพร้อมภรรยาสาวทำให้สยบข่าวลือเรื่องนอกใจไปได้มาก “ไม่นึกว่าจะได้เห็นประธานกั๋วควรภรรยาออกงานเลี้ยง”เพราะฝึกซ้อมมาอย่างดี หลินเหยาซื่อไม่ได้แสดงอาการประหม่าออกมา เธอยิ้มและพูดคุยกับคนอื่นอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกคนชื่นชมชุดที่เธอใส่ทำให้มาดามหวังแอบโฆษณาผลงานของเธอไปด้วย กั๋วคังเหรินพูดคุยทักทาย
“คังเหริน...คุณมีเงินไหม?” “หือ? คุณจะเอาเท่าไหร่ครับ” ‘ฟังดูรวยจัง’ “ก็คุณเดซี่ร้องเพลงเพื่อรับเงินบริจาคนี่ค่ะ คุณก็ช่วยบริจาคหน่อยสิ เพื่อการกุศลนะคะ” ก็งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อระดมทุนสร้างโรงพยาบาลในพื้นที่ทุรกันดาร ไม่ใช่เหรอ เธอจำได้อยู่นะ “อ้อ...ได้สิ คุณจะบริจาคเท่าไหร่ล่ะ” หลินเหยาซื่อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนยกหนึ่งนิ้วขึ้นมา กั๋วคังเหรินพยักหน้ารับ เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม กั๋วคังเหรินหยิบสมุดเช็กในกระเป๋าเสื้อสูทแล้วตวัดมือเขียนไม่กี่นาทีก็ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เจ้าหน้าที่ไป พิธีกรบนเวทีอ่านโน้ตสั้นๆแล้วประกาศบนเวที “กลุ่มบริษัทหลินกรุ๊ฟบริจาคเงินหนึ่งแสนหยวนค่ะ” เสียงปรบมือดังขึ้น กั๋วคังเหรินค้อมศีรษะลงเล็กน้อย แต่เมื่อหันไปมองคนข้างๆ ก็เห็นดวงตากลมจ้องมองเขาอยู่ “น้อยไปหรือ?” เขาก้มหน้าถาม ใบหน้าอยู่ใกล้มากจนได้กลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ “ปะ...เปล่าค่ะ ฉันนึกว่าคุณจะบริจาคหนึ่งหมื่นหยว
เขายื่นหน้าไปใกล้จ้องมองดวงตาหวานฉ่ำคู่นั้นก่อนหลุบตามองริมฝีปากอิ่มสวยแล้วพูดออกไป “ขออนุญาตนะครับ” “คะ?” แม้จะมึนเมาอยู่แต่ก็รับรู้ได้ว่าเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปาก สร้างความวาบหวามและร้อนแรงจนหัวใจเต้นแรง เธออยากขยับตัวหนีแต่มือข้างหนึ่งประคองท้ายทอยไว้ทำให้เธอต้องจ่ายค่าจ้างให้ไม้แขวนเสื้ออย่างเขา อาจเพราะดื่มแชมเปญไปมาก เธอถึงรู้สึก ‘กระหาย’ สัมผัสจากเขา ยิ่งวันนี้เห็นสายตาหญิงสาวหลายคนจ้องมองที่ผู้ชายคนนี้ เธอรู้สึก ‘หึงหวง’ ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ กั๋วคังเหรินเลิกคิ้วเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เธอจูบเขาตอบ แม้จะเงอะงะไปหน่อยแต่ก็เรียนรู้ได้เร็ว คราวนี้เธอไม่ได้ทุบอกเขาเพื่อบอกให้หยุดอีก แต่ปลายนิ้วแตะที่แผ่นอกของเขา เป็นเขาที่ต้องหยุดตัวเองเพื่อสบตากับดวงตางดงาม “มากกว่าจูบได้ไหม” “ฉัน...เอ่อ...” เขายื่นหน้าไปประทับริมฝีปากที่หน้าผากเธอแผ่วเบา ก่อนค่อยๆพรมจูบทั่วใบหน้า จูบอ่อนหวานแตกต่างจากท่าทีเผด็จการ เธอได้ยินคนพูดถึงเขาในทางร้าย ตัดสินใจเด็ดขาด ยอมหักไม่ยอมงอ เป็นคนไร้หัวใจ แต่เมื่อเ
หลินเหยาซื่อสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เมื่อเขาถอนจูบแล้ว มันคับตึงไปหมดจนเธออดขยับตัวไปมาไม่ได้ เสียดเสียวทุกครั้งที่ลำเอ็นเคลื่อนไหวเข้าออกเธอยกสะโพกขึ้นรับจังหวะกดลงของเขา น้ำเมื อกวาวใสไหลออกมามากทำให้เขาดุนดันแก่นกายเข้าไปจนสุด “อ๊า” “อา” สองเสียงครางออกมาพร้อมกัน เขาก้มมองเนินเนื้อที่ดูดกลืนแก่นกายเขาเข้าไปจนหมด เขายกมือลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อก่อนเริ่มขยับเอวสอบ ร่างเล็กสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้นของเขา มือเรียวเล็กโอบกอดร่างหนา ร่องรักรัดแก่นกายบุรุษจนเขาครางอย่างเปี่ยมสุข เธอสะบัดหน้าไปมาจนเส้นผมยาวสยาย ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาเพราะทนต่อความเสียวซ่านไม่ไหว หญิงสาวส่งเสียงครางและยกสะโพกขึ้น เรียวขาโอบรัดเอวสอบไว้แน่น ร่างกายเกร็งกระตุกอย่างรุนแรง ผนังอ่อนนุ่มโอบรัดลำเอ็นจนเขาแทบคลั่ง เขาหยุดครู่หนึ่งให้ร่างเล็กค่อยผ่อนลมหายใจแล้วจึงจับเรียวขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นพาดบ่าแล้วเริ่มโยกสะโพกสอบอีกครั้ง เธอหอบหายใจใบหน้าแดงก่ำ เธอตัวสั่นและร่อนสะโพกอย่างไม่รู้ตัว ความเสียวซ่านถาโถมจนดวงตาพร่า กั๋วคังเหรินมองหน้าอกอวบอิ่ม
“ฉันเข้าใจ...แต่...” เธอเป็นห่วงหลังของเขานี่นะ “อุ้มที่ละคนก็แล้วกัน อย่าอุ้มพร้อมกันสองคน”“ได้ครับ” เขายิ้มแล้วดึงหญิงสาวมากอดไว้ “คุณเชื่อใจผมเหรอ”“นั้นสิ ทำไมฉันต้องเชื่อคุณ” หลินเหยาซื่อดิ้นขลุกขลักแต่เขากอดรัดแน่นขึ้นทำให้เธอจำนนต้องหยุดดิ้นรน“กั๋วคังเหริน” เธอพูดน้ำเสียงจริงจังแม้ว่าจะถูกเขากอดอยู่ “ฉันไม่ใช่หลินเหยาซื่อคนเก่าที่คุณรู้จัก ฉันยืนยันอีกครั้งว่าคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพราะสัญญากับคุณพ่อ ไม่ต้องทดแทนบุญคุณอะไรทั้งนั้น หรือแม้แต่เรื่องลูก ฉันก็เลี้ยงพวกเขาได้ ฉันจะไม่กีดกันเรื่องคุณกับลูกแต่...ถ้าคุณไม่มีใจให้กัน ฉันก็ไม่อยากให้คุณฝืนใจอยู่ที่นี่”“ผมเต็มใจ” เขาพูดย้ำที่เคยพูดกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง “ช่วงที่ผมรักษาตัวเองอยู่ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงคุณ แต่สภาพผมตอนนั้น...ผมไม่กล้าให้คุณมาพบ ผมรู้ว่าคุณจะไม่ยอมทอดทิ้งผมแต่ผมคงทนไม่ได้ให้คุณมาอยู่กับคนที่นอนติดเตียงแบบนั้น แต่เมื่อผมหายดี ผมแอบกลับมาดูคุณ ถ้าคุณไม่มีใคร ผมก็อยากเริ่มต้นใหม่กับคุณอีกครั้ง ผมพลาดที่หลอกตัวเองว่าไม่เคยรักคุณ”“คุณ...คุณรักฉัน?” หลินเหยาซื่อแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน“คุณรักฉัน?”“ผม
หลินเหยาซื่อถ่ายรูปจางลี่จางหย่ง เธอตั้งใจจะถ่ายรูปของลูกๆให้มากๆ ไม่ให้เหมือนเธอในวัยเด็กที่แทบไม่มีรูปถ่ายเลย แล้วก็นึกได้ว่า เด็กๆยังไม่ได้ถ่ายรูปกับพ่อของตัวเองเลย จากสตูดิโอไปบริษัทก็ไม่ไกลนัก พาลูกๆไปเจอหน้าพ่อที่ทำงานคงไม่รบกวนอะไรมากหรอกนะ “มาดามหวังค่ะ ถ้าเสร็จงานแล้ว ฉันจะขอพาลูกกลับเลยนะคะ” “ดูเด็กๆ ถ่ายแบบจนเพลินลืมดูเวลาไปเลย ฉันนี่แย่จริงๆ” มาดามหวังพูดพลางหัวเราะ “งานออกมาสวยจริงๆ ชุดของจางลี่จางหย่งไม่ต้องเปลี่ยนคืนหรอกนะคะ ใส่กลับไปได้เลย” “ขอบคุณมากค่ะ” “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ” มาดามหวังจับมือของหญิงสาวแล้วบีบเบาๆ “ทั้งลายผ้าและชุดที่เหยาซื่อออกแบบมาเป็นที่ถูกใจของลูกค้ามาก มียอดจองตั้งแต่ยังไม่ได้วางตลาดอย่างเป็นทางการ “มาดามหวังพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นเพราะมาดามให้โอกาสฉัน ทั้งที่ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกัน และเชื่อมั่นในฝีมือของฉันที่ไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยตรง ฉันก็รู้สึกขอบคุณมาดามจากใจจริงๆค่ะ” “ขอบคุณกันไปขอบคุณกันมาไม่เสร็จเสียที” หวังเข่อซิงหัวเราะแล้วกวักมือเรียกเด็กฝาแฝดสองคนมา
“คุณนายกับคุณหนูรอสักครู่ ผมไปเอารถมาจอดหน้าตึกนะครับ” “อืม” หลินเหยาซื่อพยักหน้ารับ ดูชีวิตเธอตอนนี้สิ มีคนรับใช้ติดตามข้างกาย มีคนขับรถให้ หรือสวรรค์มองเห็นว่าเธอลำบากมาหลายปี ตอนนี้จึงชดเชยให้เธอได้ใช้ชีวิตที่ไม่กล้าคิดฝัน “คุณแม่ขา/ครับ” แรงกระตุกจากมือน้อยๆ ทำให้หลินเหยาซื่อได้สติ เธอส่งยิ้มให้ลูกฝาแฝด“มีอะไรเหรอ”เด็กสองคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าไปมา“อ้าว ...มีอะไรก็พูดมาสิคะ ถ้าไม่พูดแม่ก็ไม่เข้าใจน่า” เธอหัวเราะเบาๆ“หย่งหย่งตื่นเต้นจะได้ไปเจอคุณพ่อที่ทำงานค่ะ” จางลี่รีบพูดขึ้น“ลี่ลี่ต่างหากล่ะ” จางหย่งยื่นปากใส่จางลี่“เอาล่ะๆ แม่ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน”เธอกระชับมือน้อยๆในอุ้งมือทั้งซ้ายขวาแน่นขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือเจ้าลิงน้อยที่เป็นสิ่งล้ำค่ามากที่สุดในชีวิตใหม่ของโลกนี้. สายตาหลายคู่จับจ้องมาทางหลินเหยาซื่อและลูกแฝดชายหญิงทั้งสองคน บริษัทหลินกรุ๊ฟใหญ่โตกว่าที่คิดไว้มาก เธอเดินจูงมือลูกมาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แจ้งความต้องการพบกั๋วคังเหรินโดยไม่ได้นัดหมายไว้ก่อน “หลินเหยาซื่อค่ะ” เธอพูดชื่อตัวเองอีกครั้ง “เป็นภรรยาค่ะ”
จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นผูกพันในแววตาคู่นั้น หลินเหยาซื่อไม่แน่ใจว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร ทำไมเธอรู้สึกว่าเขาคือคนที่เคยกุมมือไว้ก่อนที่จะสิ้นใจดวงตาหลังแว่นสายตาตื่นตกใจที่เห็นดวงตาคู่สวยมีหยดน้ำตา “คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า มีอะไรผิดปกติไหม”หญิงสาวใส่หน้าไปมา “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ทำไมตัวเองถึงมีน้ำตา”เธอพยายามหัวเราะเช่นทุกครั้ง เวลามีอะไรเธอมักจะหัวเราะเสมอ กระทั่งครั้งนี้เธอก็หัวเราะทั้งที่มีน้ำตา ชายหนุ่มยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้ม“สัญญากันแล้วนี่นา ว่าจะไม่หลับไปนานแบบนี้อีก”คราวนี้หญิงสาวตกใจกับคำพูดของเขา“เมื่อกี้คุณหมอพูดว่าอะไรนะคะ”‘คุณหมอ’ ชายหนุ่มยิ้มเศร้า เธอคงจำเขาไม่ได้สินะ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วขยับตัวรักษาระยะห่างระหว่างหมอกับคนป่วย ทั้งที่เขาอยากคว้าเธอมากอดแนบอกเหลือเกิน‘จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่เขาจำเธอได้ก็พอ’ชายหนุ่มมองดวงตากลมโตที่ยังมีแววสงสัย เรื่องแบบนี้เล่าไปจะมีใครเชื่อ ตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยหลังจากภรรยาตายจากได้ห้าปี เช้าวันหนึ่งเขาก็ตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าของร่างนี้ป่ว
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ มองตัวเองในกระจก ยกมือขึ้นเปิดเส้นผมที่ปรกหน้าเห็นรอยแผลจากการถูกกระแทกต้องเย็บยี่สิบเข็ม คุณหมอแจ้งว่าถ้าเธอต้องการทำศัลยกรรมเพื่อลบรอยแผลเป็นก็ทำได้ เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธอหัวเราะและตอบไปว่า“ไม่เป็นไรค่ะ แผลเป็นนิดเดียว”แต่จริงๆเธอเสียเงินหลายหมื่นหยวน ในปีค.ศ. 2023 นี้ เธอคือผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา เหลือเงินติดบัญชีอยู่ไม่เท่าไหร่ โชคยังดีที่บริษัทภาพยนตร์ที่เธอรับงานเป็นตัวประกอบเห็นใจให้เงินค่าทำขวัญมาจำนวนหนึ่ง ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นมาจากประกันอุบัติเหตุ เธอจึงไม่ต้องเป็นหนี้สินล้มละลายเพราะการรักษาตัวเอง แต่ข่าวที่เธอช่วยชีวิตคนอื่นก็ทำให้เธอกลายเป็นที่สนใจ ตอนนี้แม้เธอเป็นแค่ตัวประกอบ แต่ก็มีหลายบริษัทอยากให้เธอไปร่วมเล่นซีรีย์บทเล็กๆ ถึงอย่างไรหน้าตาเธอก็ไม่ได้สะสวยพอจะเป็นถึงนางเอกได้ และยิ่งตอนนี้มีแผลเป็นที่หน้าผากอีก ต่อให้ใช้ make up ปิดบังยังไง ก็ยังเห็นอยู่ดี แผลเป็นไม่ได้น่าเกลียดเท่าไหร่ เห็นแล้วก็อดคิดถึงแผลเป็นของผู้ชายคนนึงไม่ได้ แผลเป็นของเขาใหญ่กว่าเธอมาก ผ่านมาหลายปี แผลเป็นนั้นก็เป็นรอยจางๆหลินเหยาซื่อต้องทำกายภาพบำบัดที่โรงพยา
“ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ พ่อก็รักไม่น้อย ปกว่ากัน แล้วพวกลูกล่ะ จะรักน้อง ไม่ว่าน้องจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือเปล่า”“แน่นอนครับค่ะ พวกเรารักน้อง อยากให้น้องออกมาเร็วๆ จะช่วยคุณแม่เลี้ยงน้องและเล่นกับน้อง” คนเป็นแม่หัวเราะเสียงใส จะช่วยแม่เลี้ยงน้องหรืออยากเล่นกับน้องก็ไม่รู้เสียงหัวเราะของคนในครอบครัว ละลายความหม่นเศร้าที่เคยปกคลุมในบ้านหายไปหมดสิ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปตรงหน้า“เข้าบ้านเถอะเย็นแล้ว อากาศเย็น เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอา”หญิงสาวมองมือใหญ่แข็งแกร่งที่ยื่นมาตรงหน้า เธอรู้ว่ามือคู่นี้จะคอยประคองเธอไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่นเดียวกับเธอที่สัญญาไว้กับเขาว่าจะจับมือเขาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบางที...นี่อาจเป็นเหตุผลที่โชคชะตาส่งเธอมาในปีนี้ 1980 เพื่อได้รับใครสักคน และเพื่อให้หัวใจได้ถูกรัก.จบ.ลืมตาอีกครั้งหญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วพบว่า ตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะรู้ว่า ตัวเองตื่นมาในปีค.ศ. 2023 เธอคือผู้รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ในอุบัติเหตุรถบัสตกเขาลงแม่น้ำหลินเหยาซื่อจำได้ว่าตอนที่ฟื้นขึ้นมา เธอสบตากับดวงตาคู่หนึ่งแม้เขาจะสวมหน้ากากอนา
คราวนี้เห็นทีจะจบเรื่องแล้วจริงๆ หลินเหยาซื่อถอนหายใจอย่างหอบเหนื่อย เธอถึงกับหมดแรงนั่งลงไปกับพื้น สามีเห็นแล้วก็รีบเข้าไปประคองอุ้มเธอขึ้นมาไว้บนเตียง เขาสั่งการกับเว่ยฉือให้จัดการเรื่องทั้งหมดแทนเขา เมื่อในห้องไม่มีคนนอกแล้ว ลูกทั้งสองคนก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามาหาแม่ได้“คุณแม่เกิดอะไรขึ้นครับ/ค่ะ”เด็กน้อยสองคน ปีนขึ้นเตียงรีบเข้ามากอดแม่ เด็กฝาแฝดคนแย่งกันพูดเสียงดัง บรรยากาศกลับสดใสอีกครั้ง หลินเหยาซื่อส่ายหน้าไปมา บทเรียนต่อไปเธอต้องสอนให้ลูกพูดเสียงให้เบาลงกว่านี้ แต่เอาเถอะ เวลานี้เสียงของลูก ไพเราะที่สุดแล้ว“ขอแม่หอมแก้มเพิ่มพลังหน่อยสิ” หญิงสาวพูดขึ้น เด็กน้อยสองคนก็รุมหอมแก้มกันใหญ่สามีถอนหายใจแล้วค่อยยิ้มออกมา ทั้งที่เมื่อครู่เจอเรื่องอันตรายมากแต่เธอก็ยังยิ้มได้ คนที่บ้าที่สุดอาจจะเป็นภรรยาของเขาก็ได้ คิดแล้วเขาก็หัวเราะออกมาหลินเหยาซื่อเสียงสามีหัวเราะ ก็หันไปทำหน้ายู่ใส่“หัวเราะอะไรคะ”“หัวเราะอะไรคะ/ครับ” ลูกสองคนพูดเลียนแบบแม่“ไม่มีอะไรครับ”คนเป็นพ่อพูดแล้วโบกมือไปมา แต่หลินเหยาซื่อสบตากับลูกทั้งสองส่งสัญญาณ คนเป็นสามีรู้สึกไม่ค่อยน่าไว้ใจแสร้งถอยหลัง แต
ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้ดาราสาวปวดใจแทบเป็นบ้า ยิ่งเห็นกั๋วคังเหรินโอบกอดหลินเหยาซื่ออย่างปกป้องและความห่วงใย ครั้งหนึ่งอ้อมกอดนั้นเคยเป็นของเธอมาก่อน ทำไมมันถึงมาจุดนี้ได้ ทำไมไม่ใช่เธอที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ดาราสาวแหงนหน้าหัวเราะ ท่าทางไม่ต่างจากคนเสียสติ โลกไม่ยุติธรรมเสียเลย เธอมองหน้าชายที่เคยรักผ่านม่านน้ำตา“ทำไมคะ ทำไมคุณไม่รักฉัน ทำไมคุณต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น”ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เขาประคองร่างของภรรยาขึ้น มองเห็นหยดเลือดจากที่เธอกระชากสายน้ำเกลือออกก็ปวดใจ โชคดีที่ลูกสาวลูกชายไม่ได้อยู่ในห้องนี้ เขาไม่อยากให้ลูกๆ ต้องมาเห็นภาพแบบนี้“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว คุณจะรื้อฟื้นทำไม คุณเองก็ไม่ได้มีผมเพียงคนเดียว ระหว่างที่เราคบกัน ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณมีคนอื่น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ได้ยินดังนี้ ดาราสาวถึงกับหน้าซีดไป เพราะเธอคิดเสมอว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องราวด้านมืดของเธอเลยชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง“ให้มันจบแค่นี้เถอะ คุณมีชีวิตของคุณ ผมมีชีวิตของผม ผมมีภรรยาและลูกที่รักมากและผมต้องดูแลพวกเขา นอกจากหลินเหยาซื่อแล้ว ชีวิตนี้ผมไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว เห็นแก่ควา
หลังจากมั่นใจว่า ในห้องไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว หลินเหยาซื่อจึงลุกขึ้นจากเตียงนอน เธอรู้สึกรำคาญสายน้ำเกลืออยู่บ้าง แต่จะทำอย่างไรได้ก็สถานะตอนนี้เป็นคนป่วยนี้นะเธอไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองอีกเมื่อไหร่ เธอจะหลับไปแบบนี้อีกไหม หลับไปยาวนานถึง 7 วัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ แม้กระทั่งหมอ แต่ตัวเธอเอง ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ชีวิตที่ได้มาใหม่นี้ จะใช้ได้ยาวนานเพียงใด แต่ที่สุดแล้ว ก็ยังมีลมหายใจอยู่ โดยเฉพาะในชาตินี้ เธอรู้ดีว่า มีสิ่งที่สำคัญที่สุดรออยู่ นั่นก็คือ ลูกชายหญิงฝาแฝดของเธอ ที่แม้ซนเหมือนลิง แต่เธอก็รักพวกเขามากแม้ไม่มีความทรงจำที่อุ้มท้องพวกเขา แต่เธอก็รู้สึกว่าทั้งสองเป็นลูกของเธอจริงๆหญิงสาว มองไปที่โต๊ะตรงหัวเตียง มีกระเช้าผลไม้ตั้งอยู่ มีผลไม้หลากชนิด เธอเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลสีสวย เห็นแล้วก็คิดถึงงานที่ทำค้างอยู่ Collection ใหม่ครั้งหน้า เธอน่าจะออกแบบลายผ้า เป็นรูปผลไม้เด็กๆชอบผลไม้สีสันสดใส น่าจะทำลายผ้าแล้ว ทำของอย่างอื่นด้วยก็ดีนะหลินเหยาซื่อคิดฝันไปไกลถึงกิจการของตัวเอง และเม็ดเงินที่จะเข้ากระเป๋า เมื่อมีเงินมาก เธอก็สามารถท
แม้จะไม่ได้อาบน้ำแต่ก็สบายตัวขึ้น หลินเหยาซื่ออารมณ์ดีขึ้น เธอเดินกลับมานั่งบนเตียง ผู้ชายตัวโตบังคับให้เธอลงนอน แต่เธอตีแขนเขาเบาๆ “นอนเยอะแล้วค่ะ ให้นั่งบ้างเถอะ” เธอกวาดตามองเขาแล้วดึงแขนให้เขามานั่งข้างๆ ยื่นมือไปแตะบริเวณที่จำได้ว่าเคยเห็นเลือดไหล “หลังก็มีแผลเป็น หน้าจะมีแผลเป็นอีกไหมนะ” “คุณกลัวเหรอ” เขาถามยิ้มๆ เขาเป็นผู้ชาย แผลเป็นไม่ได้สำคัญกับเลยสักนิด “เปล่าเสียหน่อย ฉันเป็นห่วงคุณต่างหาก คุณให้คุณหมอตรวจร่างกายหรือยังคะ ทุกอย่างโอเค.ไหม” “ผมบาดเจ็บเล็กน้อย คุณต่างหากที่หลับไป หมอก็หาสาเหตุไม่เจอ” “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคะ” “ผมต่างหากที่ทำให้คุณต้องบาดเจ็บ” “ก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของคุณ-เรื่องของฉัน แต่เป็นเรื่องของเราแล้วค่ะ” นอกจากแม่แล้ว เขาก็ไม่เคยมีใครใกล้ชิดแบบนี้ แม้แต่ตอนที่คบกับเดซี่ แม้ภายนอกใกล้ชิดกันแต่ระยะห่างของหัวใจนั้นไกลมาก เสียงประตูห้องเปิดออก กั๋วคังเหรินคิดว่าลูกๆกลับมาแล้ว แต่เมื่อหันไปดูจึงพบว่าเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอหน้
ทันทีที่ลืมตา ภาพที่เห็นคือเด็กน้อยสองคนที่หน้าตาคล้ายกันจนเหมือนพิมพ์เดียวกันนั่งจ้องหน้าด้วยแววตาวิตกกังวล ทำให้เธอยื่นมือไปตั้งใจจะคว้าเอาเด็กสองคนมากอด แต่มีสายน้ำเกลือติดที่แขนทำให้ชะงักไป หลินเหยาซื่อทำหน้างุนงงและสับสนว่าเธออยู่ในปีค.ศ.ไหนกันแน่ “คุณแม่ตื่นแล้ว!” จางลี่กับจางหย่งผสานเสียงขึ้นพร้อมกันเสียงดังจนหลินเหยาซื่อต้องหยีตาและทำให้กั๋วคังเหรินที่ยืนคุยกับคุณหมอรีบสาวเท้ามาข้างเตียงภรรยาสาว “เหยาซื่อ...ได้ยินผมไหม?” กั๋วคังเหรินถามเสียงสั่น เขาเองก็กลัวว่าเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ไม่อาจแสดงความอ่อนแอได้ เพราะลูกยังต้องการเขาอยู่ “เกิดอะไรขึ้น” เธอถามและพบว่าน้ำเสียงแหบแห้งเหลือเกิน “ฉันอยู่ที่ไหน” “โรงพยาบาล...” เขาเอ่ยชื่อออกไป “คุณหลับไปเจ็ดวันเลยทีเดียว” “เจ็ดวัน...” หลินเหยาซื่อยังมึนงงอยู่ แต่เมื่อยื่นมือไปแตะใบหน้าที่โน้มลงมาใกล้สัมผัสไออุ่นที่คุ้นเคยก็ทำให้มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป “ขอโทษที่หลับไปนานนะคะ” เธอหันไปมองลูกทั้งสองที่ทำตาแดงๆ มองเธอ “แม่หลับไปหลายวัน ดื้อกับคุณพ่อหรือเปล่า
หลินเหยาซื่อถูกแรงกระแทกทำให้ผวาตื่น เธอหันซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนก รถยนต์ส่ายไปมาอย่างน่ากลัว ความทรงจำสุดท้ายก่อนจะมาฟื้นในปี1980คือรถบัสที่ส่ายไปมาและพุ่งตกเขา เธอตื่นตระหนกด้วยคิดว่าตัวเองกลับไปสู่เหตุการณ์ในปี2023 แต่มือที่กุมมือแน่นอยู่นั้นทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในปี1980กับผู้ชายที่ชื่อกั๋วคังเหริน“เกิดอะไรขึ้นคะ”“เชื่อใจผม” เขาโอบเธอไว้ในอ้อมกอดกดศีรษะเธอให้ซุกกับแผ่นอกของเขา“เว่ยฉือ”“พวกมันมากันหลายคน ผมจะพยายามสลัดพวกมันให้หลุด อ๊ะ!”รถยนต์คันนั้นพุ่งเข้าชนจากท้ายรถอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันดันให้ไปด้านหน้า เว่ยซือจะหักพวกมาลัยหลบแต่รถยนต์อีกคันมาขนาบข้าง ดวงตาดำจ้องมองผ่านหน้าต่างรถ กั๋วคังเหรินเห็นปากกระบอกปืนส่องมาตรงมาทางเขาก็รีบกดร่างหลินเหยาซื่อให้หมอบลงไป เว่ยซือเห็นท่าไม่ดีเหยียดคันเร่งหนีให้พ้นวิถีปืน ทว่ารถยนต์เสียหลักออกนอกเส้นทางพุ่งตกลงไปในแม่น้ำ!รวดเร็วจนหลินเหยาซื่อไม่ทันกรีดร้อง เธอรู้สึกว่าร่างกระเด็นกระดอนในรถยนต์ แต่ก็มีกั๋วคังเหรินกอดไว้แน่น เธอหูอื้อไม่ยินเสียงใดทั้งนั้น ราวกับเคยเกิดเรื่องนี้มาก่อน ใช่ ...มันเคยเกิดขึ้นในรถบัสที่เธอนั่งเดินไปเป็น