“ฉันเข้าใจ...แต่...” เธอเป็นห่วงหลังของเขานี่นะ “อุ้มที่ละคนก็แล้วกัน อย่าอุ้มพร้อมกันสองคน”
“ได้ครับ” เขายิ้มแล้วดึงหญิงสาวมากอดไว้ “คุณเชื่อใจผมเหรอ”
“นั้นสิ ทำไมฉันต้องเชื่อคุณ” หลินเหยาซื่อดิ้นขลุกขลักแต่เขากอดรัดแน่นขึ้นทำให้เธอจำนนต้องหยุดดิ้นรน
“กั๋วคังเหริน” เธอพูดน้ำเสียงจริงจังแม้ว่าจะถูกเขากอดอยู่ “ฉันไม่ใช่หลินเหยาซื่อคนเก่าที่คุณรู้จัก ฉันยืนยันอีกครั้งว่าคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพราะสัญญากับคุณพ่อ ไม่ต้องทดแทนบุญคุณอะไรทั้งนั้น หรือแม้แต่เรื่องลูก ฉันก็เลี้ยงพวกเขาได้ ฉันจะไม่กีดกันเรื่องคุณกับลูกแต่...ถ้าคุณไม่มีใจให้กัน ฉันก็ไม่อยากให้คุณฝืนใจอยู่ที่นี่”
“ผมเต็มใจ” เขาพูดย้ำที่เคยพูดกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง “ช่วงที่ผมรักษาตัวเองอยู่ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงคุณ แต่สภาพผมตอนนั้น...ผมไม่กล้าให้คุณมาพบ ผมรู้ว่าคุณจะไม่ยอมทอดทิ้งผมแต่ผมคงทนไม่ได้ให้คุณมาอยู่กับคนที่นอนติดเตียงแบบนั้น แต่เมื่อผมหายดี ผมแอบกลับมาดูคุณ ถ้าคุณไม่มีใคร ผมก็อยากเริ่มต้นใหม่กับคุณอีกครั้ง ผมพลาดที่หลอกตัวเองว่าไม่เคยรักคุณ”
“คุณ...คุณรักฉัน?” หลินเหยาซื่อแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“คุณรักฉัน?”
“ผมรักคุณ” เขาพูดพลางถอนหายใจก่อนจะดันร่างเธอออกจากอ้อมอกเพื่อสบตายืนยันในสิ่งที่ตนพูด “ผมรักคุณ แต่ฐานะผมด้อยกว่าคุณและคิดเสมอว่าคุณพ่อของคุณคือผู้มีพระคุณของผม ผมจะคิดเรื่องแบบนี้กับลูกสาวท่านไม่ได้ ผมพยายามทำตัวเย็นชา รวมทั้ง...คบคนอื่นเพื่อลืมคุณ”
“ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้ชื่อเดซี่ จาง หรอกนะคะ” เธอค้อนเข้าให้ แต่เขากลับยิ้มยอมแพ้ออกมา
“อืม...ผมยอมรับว่าคบกับเดซี่จริง แต่ก็แค่เคยคบกัน ผมเองก็ไม่ใช่คนดีนักที่คบกับคนอื่นเพื่อให้รู้ใจตัวเอง บางทีผมก็คิดว่าที่เรื่องมาถึงจุดนี้เพราะผมทำตัวเองทั้งนั้น”
“ใช่ค่ะ ทำตัวเองทั้งนั้น” เธอทำตาดุใส่ “แต่คนอื่นทำร้ายจนคุณบาดเจ็บสาหัส คุณบอกฉันมาเถอะคะว่าคุณสงสัยใคร เรื่องส่วนตัวหรือเรื่องบริษัทของคุณพ่อ”
“จริงๆ ผมไม่อยากให้คุณรู้เรื่องนี้ แต่ผมก็ไม่อยากปิดบังคุณอีก จากที่ผมเก็บรวมรวมข้อมูลทั้งหมดมันเชื่อมโยงไปถึงเรื่องการประมูลการก่อสร้างที่พักราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจ A พ่อของคุณพูดเสมอว่า ท่านจดจำความรู้สึกที่ไม่มีบ้านซุกหัวนอนได้เป็นอย่างดี ที่ท่านทำก็เพื่อให้คนอื่นได้มีโอกาสมี ‘บ้าน’ ของตัวเอง ก่อนจะสายเกินไป”
หลินเหยาซื่อพยักหน้าเข้าใจ วิญญาณของเธอคือหลินเหยาซื่อในปี2023 แต่ความรู้สึก ความทรงจำบางอย่างของหลินเหยาซื่อในปี1980 แม้ชื่อเดียวกัน แต่หลินเหยาซื่อในปี1980มีครอบครัว มีพ่อและแม่ แต่เธอคือเด็กกำพร้าได้รับอนุญาตให้ใช้แซ่หลินตามเจ้าของสถานสงเคราะห์เด็ก
เอ๊ะ! แซ่หลิน
คงไม่ใช่...
“เหยาซื่อ...คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมจู่ๆ ก็นิ่งไป”
“ปะ..เปล่าค่ะ” เธอส่ายหน้าไปมา “เอ่อ...ธุรกิจของคุณพ่อ นอกจากอสังหาริมทรัพย์แล้ว มีสถานสงเคราะห์เด็กบ้างไหมคะ”
“ไม่มีครับ” เขาตอบรวดเร็วอย่างไม่ต้องคิดมาก เพราะกิจการของเครือของหลินกรุ๊ฟมีเขาเป็นคนดูแลทั้งหมด “คุณมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ” เธอรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวทิ้งไป “ต่อไปนี้คุณห้ามปิดบังทุกเรื่องกับฉัน รวมทั้งคนที่ทำร้ายคุณและบริษัทของคุณพ่อ”
“ครับ ผมสัญญา”
กั๋วคังเหรินยกมือขึ้นลูบใบหน้าของเธอแผ่วเบา สายตาที่ทอดมองทำเอาหลินเหยาซื่อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเค้กในตู้โชว์ที่เขาหมายตาจะลิ้มรส มือเรียวกระชับสาบเสื้อเข้าหากันซ่อนเนินอกขาวผ่องที่ยามนี้มีรอยจูบของเขาเต็มไปหมด
“ไม่ได้แล้วนะคะ ไม่ไหวแล้ว”
“ไม่เห็นใจผมหน่อยเหรอ” แววตากับน้ำเสียงช่างเว้าวอนชวนสงสาร “นอกจากคุณแล้วผมก็ไม่ใคร ช่วงที่ไม่ได้อยู่กับคุณก็ไม่เคยความสัมพันธ์กับใครเลยนะ”
“มันก็ถูกต้องแล้วนี่ คุณแต่งงานกับฉันจะไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นได้เหรอ” เธอขึงตาใส่
“คุณภรรยาพูดถูกทุกอย่าง” มือใหญ่จับไหล่กลมมนให้เอนตัวลงนอนอีกครั้ง ใบหน้าสวยแดงเรื่อ แล้วจูบมุมปากของเธอแผ่วเบา
“คังเหริน” เธอพยายามขยับตัวไม่ให้เขาถอดเสื้อคลุมออก แต่ไม่เป็นผล “ฉันยังเจ็บอยู่นะคะ”
“ถ้างั้นผมจะเบามือแล้วกันนะ”
“คุณ!”
หลินเหยาซื่อร้องห้ามแต่ไม่เป็นผล มือร้อนลูบไล้เรือนร่างอย่างอ่อนโยนแต่ปลุกเร้าให้ร่างกายบิดเร่าด้วยแรงปรารถนา ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงหวานครางขึ้นแผ่วเบาผสานเสียงหอบหายใจของคนด้านบนที่เคลื่อนไหวเชื่องช้าจนเธอต้องจิกเล็บกับไหล่ของเขา ส่งเสียงวิงวอนขอร้องอย่างน่าอาย
“ได้...ได้โปรด...”
ความทรมานอันแสนหวามและร่างกายเปลือยเปล่าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ สองร่างขยับโยกเป็นจังหวะสอดคล้องราวเติมเต็มให้กันและกัน กั๋วคังเหรินกอดร่างเล็กไว้แนบแน่น
ครั้งนี้เขาจะไม่โกหกความต้องการของหัวใจอีกแล้ว
เด็กฝาแฝดถูกใส่ชุดใหม่น่ารักสดใส ชุดที่ทั้งสองใส่ตัดเย็บจากลายผ้าที่หลินเหยาซื่อเป็นคนออกแบบ เป็นความคิดของหวังเข่อซิงให้พาจางหย่งจางลี่มาในวันถ่ายแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด
แรกทีเดียวเธอก็กลัวว่าลูกจะมาสร้างความรำคาญให้คนอื่น ที่ผ่านมาเด็กสองคนแทบไม่เคยออกจากบ้านเลย เท่าที่จำได้ก็แค่ไปหาโรงพยาบาลตามที่คุณหมอนัด และไปเที่ยวสวนสนุก และยิ่งไม่เคยมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอกลัวว่าวันข้างหน้าเมื่อถึงเวลาลูกเข้าโรงเรียนจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ จึงตัดสินใจพามาพร้อมกับคนรับใช้ที่บ้านด้วยอีกคน เผื่อรับมือไม่ไหว แต่เด็กสองคนกลับเรียบร้อยและเชื่อฟังกว่าที่คิดไว้ จางหย่งขี้อายในขณะที่จางลี่อยากรู้อยากเห็น นิสัยเด็กสองคนต่างกันมากแม้จะเป็นฝาแฝดกัน แต่มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด
หวังเข่อซิงจ้างนางแบบนายแบบเด็กมาถ่ายแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ แต่ก็อยากเอาใจหลินเหยาซื่อด้วย แต่ไม่คิดว่าผลจะออกมาดีกว่าที่คิด นี่สินะที่เรียกว่า ‘พ่อหล่อแม่สวยลูกออกมาหน้าตาดี’ ยิ่งเด็กสองคนนิสัยดี แสดงว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาดีเช่นกัน
หลินเหยาซื่อถ่ายรูปจางลี่จางหย่ง เธอตั้งใจจะถ่ายรูปของลูกๆให้มากๆ ไม่ให้เหมือนเธอในวัยเด็กที่แทบไม่มีรูปถ่ายเลย แล้วก็นึกได้ว่า เด็กๆยังไม่ได้ถ่ายรูปกับพ่อของตัวเองเลย จากสตูดิโอไปบริษัทก็ไม่ไกลนัก พาลูกๆไปเจอหน้าพ่อที่ทำงานคงไม่รบกวนอะไรมากหรอกนะ “มาดามหวังค่ะ ถ้าเสร็จงานแล้ว ฉันจะขอพาลูกกลับเลยนะคะ” “ดูเด็กๆ ถ่ายแบบจนเพลินลืมดูเวลาไปเลย ฉันนี่แย่จริงๆ” มาดามหวังพูดพลางหัวเราะ “งานออกมาสวยจริงๆ ชุดของจางลี่จางหย่งไม่ต้องเปลี่ยนคืนหรอกนะคะ ใส่กลับไปได้เลย” “ขอบคุณมากค่ะ” “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ” มาดามหวังจับมือของหญิงสาวแล้วบีบเบาๆ “ทั้งลายผ้าและชุดที่เหยาซื่อออกแบบมาเป็นที่ถูกใจของลูกค้ามาก มียอดจองตั้งแต่ยังไม่ได้วางตลาดอย่างเป็นทางการ “มาดามหวังพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นเพราะมาดามให้โอกาสฉัน ทั้งที่ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกัน และเชื่อมั่นในฝีมือของฉันที่ไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยตรง ฉันก็รู้สึกขอบคุณมาดามจากใจจริงๆค่ะ” “ขอบคุณกันไปขอบคุณกันมาไม่เสร็จเสียที” หวังเข่อซิงหัวเราะแล้วกวักมือเรียกเด็กฝาแฝดสองคนมา
“คุณนายกับคุณหนูรอสักครู่ ผมไปเอารถมาจอดหน้าตึกนะครับ” “อืม” หลินเหยาซื่อพยักหน้ารับ ดูชีวิตเธอตอนนี้สิ มีคนรับใช้ติดตามข้างกาย มีคนขับรถให้ หรือสวรรค์มองเห็นว่าเธอลำบากมาหลายปี ตอนนี้จึงชดเชยให้เธอได้ใช้ชีวิตที่ไม่กล้าคิดฝัน “คุณแม่ขา/ครับ” แรงกระตุกจากมือน้อยๆ ทำให้หลินเหยาซื่อได้สติ เธอส่งยิ้มให้ลูกฝาแฝด“มีอะไรเหรอ”เด็กสองคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าไปมา“อ้าว ...มีอะไรก็พูดมาสิคะ ถ้าไม่พูดแม่ก็ไม่เข้าใจน่า” เธอหัวเราะเบาๆ“หย่งหย่งตื่นเต้นจะได้ไปเจอคุณพ่อที่ทำงานค่ะ” จางลี่รีบพูดขึ้น“ลี่ลี่ต่างหากล่ะ” จางหย่งยื่นปากใส่จางลี่“เอาล่ะๆ แม่ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน”เธอกระชับมือน้อยๆในอุ้งมือทั้งซ้ายขวาแน่นขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือเจ้าลิงน้อยที่เป็นสิ่งล้ำค่ามากที่สุดในชีวิตใหม่ของโลกนี้. สายตาหลายคู่จับจ้องมาทางหลินเหยาซื่อและลูกแฝดชายหญิงทั้งสองคน บริษัทหลินกรุ๊ฟใหญ่โตกว่าที่คิดไว้มาก เธอเดินจูงมือลูกมาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แจ้งความต้องการพบกั๋วคังเหรินโดยไม่ได้นัดหมายไว้ก่อน “หลินเหยาซื่อค่ะ” เธอพูดชื่อตัวเองอีกครั้ง “เป็นภรรยาค่ะ”
“คุณ... ยิ้มหน่อยค่ะ รีแลกซ์หน่อย ไม่ได้ถ่ายรูปติดบัตรนะคะ”“ผม...ผมต้องทำยังไง” เขาเก้อเขินและทำอะไรไม่ถูก เคยถูกถ่ายรูปแต่เพราะเรื่องงาน แต่แทบไม่เคยถ่ายรูปครอบครัวเลยเพราะเขาไม่เคยถูกนับเป็นสมาชิกของครอบครัวหลินเหยาซื่อเห็นท่าทางอับจนหนทางของกั๋วคังเหรินแล้วก็นึกสงสาร ผู้ชายคนนี้แบกอะไรไว้เต็มบ่า ชีวิตสาหัสกว่าเด็กกำพร้าอย่างเธอมาก หญิงสาวส่งสายตาไปทางลูกลิงแฝด แค่ขยิบตาให้ เด็กๆ ก็เข้าใจความหมาย“โจมตี!” สองลิงพูดขึ้นพร้อมกัน“โจมตี?”กั๋วคังเหรินทำหน้างงก่อนจะเข้าใจความหมายก็เมื่อจางลี่กับจางหย่งกระโดดปล้ำหอมแก้มเขา หลินเหยาซื่อรีบกดชัตเตอร์ทันที เสียงเด็กๆ หัวเราะสนุกสนานปีนป่ายขึ้นตัวผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังก่อนยกมือขอยอมแพ้ หลินเหยาซื่อแอบเสียดาย ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนคงกดไปได้หลายร้อยรูปแล้ว แต่ในมือของเธอคือกล้องฟิล์ม เหลือให้ถ่ายภาพได้อีกแค่สองภาพเท่านั้น“คุณแม่มาถ่ายรูปกันค่ะ/ครับ” เด็กๆ กวักมือเรียก หลินเหยาซื่อลองตั้งกล้องบนโต๊ะทำงานแล้วปรับโฟกัส เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูด“นั่งนิ่งๆก่อน เดี๋ยวแม่ตั้งเวลาถ่ายรูปแป๊บ”คราวนี้ลูกลิงนั่งสงบเสงียมแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลิ
“คังเหรินกลับมาแล้ว ต่อไปห้ามแตะต้องเขาอีก” เดซี่พูดแล้วยื่นแก้วไวน์ที่ดื่มหมดคืนให้ ช่วงที่กั๋วคังเหรินหายตัวไป เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ที่แน่ๆ เธอไม่เชื่อว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น เพราะกับเธอเองเขายังไม่แตะต้อง ให้เกียรติและทะนุถนอมจนเธออ่อนใจ ทั้งที่อยากมีความสัมพันธ์ทางกาย ยิ่งตอนที่เขามาบอกเลิกเพราะต้องไปแต่งงานกับหลินเหยาซื่อ เขาก็แสดความรู้สึกผิดกับเธอมาก โดยที่เขาไม่เคยรู้ว่า ระหว่างที่เขาคบกับเธอ เธอเองไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียวเมื่อก่อนนั้น กั๋วคังเหรินมีดีแค่หน้าตาดีและเรียนเก่ง แต่ฐานะทางการเงินไม่ดีนัก เรียนก็ต้องขอทุนเรียน ที่สำคัญเขาถูกนินทาอยู่เสมอที่เป็นลูกนอกสมรส เธอก็ไม่ได้อยากคบกับผู้ชายที่หล่อแต่จนนักหรอก แต่กั๋วคังเหรินเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม้ตอนนั้นเธอเรียนได้แค่2ปีก่อนไปใช้ชีวิตต่างประเทศ แต่ก็ช่วงเวลาที่คบกับเขานั้นเขาดูแลเธอดีมาก และเมื่อเธอกลับมาในฐานะ เดซี่ จาง เขาก็ไม่เคยคิดเปิดเผยเรื่องของเธอ ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็เพิ่งเข้าไปทำงานที่บริษัทหลินกรุ๊ฟหลังจากเรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศ ถ้าให้พูดตาม
มือเล็กดันไหล่เขา เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นก่อนค่อยขยับเอวถอนแก่นกายออกช้าๆ น้ำรักขาวขุ่นไหลล้นเปื้อนเปรอะ ร่วมรักกันมาหลายครั้งแล้ว แต่เธอยังเขินอายอยู่ดี และเขาก็ช่างดุดันตรงข้ามกับรอยยิ้มอ่อนโยนเหลือเกิน จู่ๆ หญิงสาวก็นึกขึ้นได้เธอก้มมองท่อนล่างของตนแล้วมองไปที่แก่นกายของเขา กั๋วคังเหรินเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เพราะปกติเธอไม่กล้ามองส่วนนั้นของเขาด้วยซ้ำ“มีอะไรเหรอ คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”เธอส่ายหน้าแล้วก็พยักหน้า และนึกอีกทีก็ส่ายหน้า สับสนงุนงงไปหมด“เรา...เราไม่ได้คุมกำเนิด” ในปีค.ศ. 2023 รัฐบาลผ่อนปรนเรื่องการมีลูก แต่ในปี ค.ศ. 1979 รัฐบาลโดยการนำของเติ้งเสี่ยวผิงริเริ่ม ‘นโยบายลูกคนเดียว’ เพื่อควบคุมจำนวนประชากรไม่ให้เพิ่มขึ้นมากเกินไป เพราะยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูประเทศ และเพิ่งผ่านสงครามภายในและภายนอกประเทศ กั๋วคังเหรินยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าของภรรยาตัวน้อย “ไม่เป็นไร ผมจัดการได้ แต่ถ้าคุณท้องอีกครั้ง ขอให้ผมอยู่ข้างๆคุณชดเชยที่ไม่ได้อยู่กับคุณท้องที่แล้ว”“คุณตั้งใจอยู่แล้วสินะ ถึงไม่ได้เตือนฉันเรื่องคุมกำเนิด” ก็บอกแล้วว่าถูกเขาจูบทีไร เธอก็ลืมเรื่องอื่นไปหมดทุกที“ผมติดค้
ใช้เวลาราวๆชั่วโมงเศษก็เดินทางมาถึงที่หมาย กั๋วคังเหรินไม่ได้บอกใครว่าจะมาดูสถานที่เพราะเป็นการมาส่วนตัว เว่ยฉือจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นนาย ชายหนุ่มก้าวลงมาแล้วจึงยื่นมือไปช่วยประคองให้หลินเหยาซื่อออกมาจากรถ “ฉันไม่ได้เปราะบางขนาดนั้นเสียหน่อย” หญิงสาวหัวเราะเสียงใสแล้วกวาดตามองไปโดยรอบ ที่นี่เป็นพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมที่ทางรัฐบาลให้โยกย้ายเข้าไปเขตอุตสาหกรรมใหม่ พื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นชุมชนแห่งใหม่ ตอนที่เธอจำความได้ก็อยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กแล้ว ชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไปแต่ละวันทำให้เธอไม่ได้สนใจนักว่า เดิมที่พื้นที่ที่เคยอยู่ บริษัทไหนประมูลได้ทำโครงการนี้ “ระวังด้วย ตอนนี้กำลังขนย้ายเครื่องจักรกันอยู่” “ฉันไม่เดินเข้าไปด้านในหรอกค่ะ แค่ดูรอบๆก็พอ” เธอหันมายิ้มให้เขาแล้วอดถอนหายใจไม่ได้ ใครจะเชื่อว่าเธอจะได้กลับมาเยือนสถานที่ก่อนที่เธอจะเติบโต เพราะเป็นเด็กที่ไม่มีใครรับอุปการะ เธอจึงทำงานพิเศษตั้งแต่เข้าเรียนมัธยมปลาย หลังจากเรียนจบสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็ย้ายออกไปอยู่ห้องเช่าราคาถูก แม้จะได้ทุน
หลินเหยาซื่อถูกแรงกระแทกทำให้ผวาตื่น เธอหันซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนก รถยนต์ส่ายไปมาอย่างน่ากลัว ความทรงจำสุดท้ายก่อนจะมาฟื้นในปี1980คือรถบัสที่ส่ายไปมาและพุ่งตกเขา เธอตื่นตระหนกด้วยคิดว่าตัวเองกลับไปสู่เหตุการณ์ในปี2023 แต่มือที่กุมมือแน่นอยู่นั้นทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในปี1980กับผู้ชายที่ชื่อกั๋วคังเหริน“เกิดอะไรขึ้นคะ”“เชื่อใจผม” เขาโอบเธอไว้ในอ้อมกอดกดศีรษะเธอให้ซุกกับแผ่นอกของเขา“เว่ยฉือ”“พวกมันมากันหลายคน ผมจะพยายามสลัดพวกมันให้หลุด อ๊ะ!”รถยนต์คันนั้นพุ่งเข้าชนจากท้ายรถอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันดันให้ไปด้านหน้า เว่ยซือจะหักพวกมาลัยหลบแต่รถยนต์อีกคันมาขนาบข้าง ดวงตาดำจ้องมองผ่านหน้าต่างรถ กั๋วคังเหรินเห็นปากกระบอกปืนส่องมาตรงมาทางเขาก็รีบกดร่างหลินเหยาซื่อให้หมอบลงไป เว่ยซือเห็นท่าไม่ดีเหยียดคันเร่งหนีให้พ้นวิถีปืน ทว่ารถยนต์เสียหลักออกนอกเส้นทางพุ่งตกลงไปในแม่น้ำ!รวดเร็วจนหลินเหยาซื่อไม่ทันกรีดร้อง เธอรู้สึกว่าร่างกระเด็นกระดอนในรถยนต์ แต่ก็มีกั๋วคังเหรินกอดไว้แน่น เธอหูอื้อไม่ยินเสียงใดทั้งนั้น ราวกับเคยเกิดเรื่องนี้มาก่อน ใช่ ...มันเคยเกิดขึ้นในรถบัสที่เธอนั่งเดินไปเป็น
ทันทีที่ลืมตา ภาพที่เห็นคือเด็กน้อยสองคนที่หน้าตาคล้ายกันจนเหมือนพิมพ์เดียวกันนั่งจ้องหน้าด้วยแววตาวิตกกังวล ทำให้เธอยื่นมือไปตั้งใจจะคว้าเอาเด็กสองคนมากอด แต่มีสายน้ำเกลือติดที่แขนทำให้ชะงักไป หลินเหยาซื่อทำหน้างุนงงและสับสนว่าเธออยู่ในปีค.ศ.ไหนกันแน่ “คุณแม่ตื่นแล้ว!” จางลี่กับจางหย่งผสานเสียงขึ้นพร้อมกันเสียงดังจนหลินเหยาซื่อต้องหยีตาและทำให้กั๋วคังเหรินที่ยืนคุยกับคุณหมอรีบสาวเท้ามาข้างเตียงภรรยาสาว “เหยาซื่อ...ได้ยินผมไหม?” กั๋วคังเหรินถามเสียงสั่น เขาเองก็กลัวว่าเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ไม่อาจแสดงความอ่อนแอได้ เพราะลูกยังต้องการเขาอยู่ “เกิดอะไรขึ้น” เธอถามและพบว่าน้ำเสียงแหบแห้งเหลือเกิน “ฉันอยู่ที่ไหน” “โรงพยาบาล...” เขาเอ่ยชื่อออกไป “คุณหลับไปเจ็ดวันเลยทีเดียว” “เจ็ดวัน...” หลินเหยาซื่อยังมึนงงอยู่ แต่เมื่อยื่นมือไปแตะใบหน้าที่โน้มลงมาใกล้สัมผัสไออุ่นที่คุ้นเคยก็ทำให้มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป “ขอโทษที่หลับไปนานนะคะ” เธอหันไปมองลูกทั้งสองที่ทำตาแดงๆ มองเธอ “แม่หลับไปหลายวัน ดื้อกับคุณพ่อหรือเปล่า
จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นผูกพันในแววตาคู่นั้น หลินเหยาซื่อไม่แน่ใจว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร ทำไมเธอรู้สึกว่าเขาคือคนที่เคยกุมมือไว้ก่อนที่จะสิ้นใจดวงตาหลังแว่นสายตาตื่นตกใจที่เห็นดวงตาคู่สวยมีหยดน้ำตา “คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า มีอะไรผิดปกติไหม”หญิงสาวใส่หน้าไปมา “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ทำไมตัวเองถึงมีน้ำตา”เธอพยายามหัวเราะเช่นทุกครั้ง เวลามีอะไรเธอมักจะหัวเราะเสมอ กระทั่งครั้งนี้เธอก็หัวเราะทั้งที่มีน้ำตา ชายหนุ่มยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้ม“สัญญากันแล้วนี่นา ว่าจะไม่หลับไปนานแบบนี้อีก”คราวนี้หญิงสาวตกใจกับคำพูดของเขา“เมื่อกี้คุณหมอพูดว่าอะไรนะคะ”‘คุณหมอ’ ชายหนุ่มยิ้มเศร้า เธอคงจำเขาไม่ได้สินะ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วขยับตัวรักษาระยะห่างระหว่างหมอกับคนป่วย ทั้งที่เขาอยากคว้าเธอมากอดแนบอกเหลือเกิน‘จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่เขาจำเธอได้ก็พอ’ชายหนุ่มมองดวงตากลมโตที่ยังมีแววสงสัย เรื่องแบบนี้เล่าไปจะมีใครเชื่อ ตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยหลังจากภรรยาตายจากได้ห้าปี เช้าวันหนึ่งเขาก็ตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าของร่างนี้ป่ว
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ มองตัวเองในกระจก ยกมือขึ้นเปิดเส้นผมที่ปรกหน้าเห็นรอยแผลจากการถูกกระแทกต้องเย็บยี่สิบเข็ม คุณหมอแจ้งว่าถ้าเธอต้องการทำศัลยกรรมเพื่อลบรอยแผลเป็นก็ทำได้ เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธอหัวเราะและตอบไปว่า“ไม่เป็นไรค่ะ แผลเป็นนิดเดียว”แต่จริงๆเธอเสียเงินหลายหมื่นหยวน ในปีค.ศ. 2023 นี้ เธอคือผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา เหลือเงินติดบัญชีอยู่ไม่เท่าไหร่ โชคยังดีที่บริษัทภาพยนตร์ที่เธอรับงานเป็นตัวประกอบเห็นใจให้เงินค่าทำขวัญมาจำนวนหนึ่ง ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นมาจากประกันอุบัติเหตุ เธอจึงไม่ต้องเป็นหนี้สินล้มละลายเพราะการรักษาตัวเอง แต่ข่าวที่เธอช่วยชีวิตคนอื่นก็ทำให้เธอกลายเป็นที่สนใจ ตอนนี้แม้เธอเป็นแค่ตัวประกอบ แต่ก็มีหลายบริษัทอยากให้เธอไปร่วมเล่นซีรีย์บทเล็กๆ ถึงอย่างไรหน้าตาเธอก็ไม่ได้สะสวยพอจะเป็นถึงนางเอกได้ และยิ่งตอนนี้มีแผลเป็นที่หน้าผากอีก ต่อให้ใช้ make up ปิดบังยังไง ก็ยังเห็นอยู่ดี แผลเป็นไม่ได้น่าเกลียดเท่าไหร่ เห็นแล้วก็อดคิดถึงแผลเป็นของผู้ชายคนนึงไม่ได้ แผลเป็นของเขาใหญ่กว่าเธอมาก ผ่านมาหลายปี แผลเป็นนั้นก็เป็นรอยจางๆหลินเหยาซื่อต้องทำกายภาพบำบัดที่โรงพยา
“ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ พ่อก็รักไม่น้อย ปกว่ากัน แล้วพวกลูกล่ะ จะรักน้อง ไม่ว่าน้องจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือเปล่า”“แน่นอนครับค่ะ พวกเรารักน้อง อยากให้น้องออกมาเร็วๆ จะช่วยคุณแม่เลี้ยงน้องและเล่นกับน้อง” คนเป็นแม่หัวเราะเสียงใส จะช่วยแม่เลี้ยงน้องหรืออยากเล่นกับน้องก็ไม่รู้เสียงหัวเราะของคนในครอบครัว ละลายความหม่นเศร้าที่เคยปกคลุมในบ้านหายไปหมดสิ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปตรงหน้า“เข้าบ้านเถอะเย็นแล้ว อากาศเย็น เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอา”หญิงสาวมองมือใหญ่แข็งแกร่งที่ยื่นมาตรงหน้า เธอรู้ว่ามือคู่นี้จะคอยประคองเธอไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่นเดียวกับเธอที่สัญญาไว้กับเขาว่าจะจับมือเขาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบางที...นี่อาจเป็นเหตุผลที่โชคชะตาส่งเธอมาในปีนี้ 1980 เพื่อได้รับใครสักคน และเพื่อให้หัวใจได้ถูกรัก.จบ.ลืมตาอีกครั้งหญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วพบว่า ตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะรู้ว่า ตัวเองตื่นมาในปีค.ศ. 2023 เธอคือผู้รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ในอุบัติเหตุรถบัสตกเขาลงแม่น้ำหลินเหยาซื่อจำได้ว่าตอนที่ฟื้นขึ้นมา เธอสบตากับดวงตาคู่หนึ่งแม้เขาจะสวมหน้ากากอนา
คราวนี้เห็นทีจะจบเรื่องแล้วจริงๆ หลินเหยาซื่อถอนหายใจอย่างหอบเหนื่อย เธอถึงกับหมดแรงนั่งลงไปกับพื้น สามีเห็นแล้วก็รีบเข้าไปประคองอุ้มเธอขึ้นมาไว้บนเตียง เขาสั่งการกับเว่ยฉือให้จัดการเรื่องทั้งหมดแทนเขา เมื่อในห้องไม่มีคนนอกแล้ว ลูกทั้งสองคนก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามาหาแม่ได้“คุณแม่เกิดอะไรขึ้นครับ/ค่ะ”เด็กน้อยสองคน ปีนขึ้นเตียงรีบเข้ามากอดแม่ เด็กฝาแฝดคนแย่งกันพูดเสียงดัง บรรยากาศกลับสดใสอีกครั้ง หลินเหยาซื่อส่ายหน้าไปมา บทเรียนต่อไปเธอต้องสอนให้ลูกพูดเสียงให้เบาลงกว่านี้ แต่เอาเถอะ เวลานี้เสียงของลูก ไพเราะที่สุดแล้ว“ขอแม่หอมแก้มเพิ่มพลังหน่อยสิ” หญิงสาวพูดขึ้น เด็กน้อยสองคนก็รุมหอมแก้มกันใหญ่สามีถอนหายใจแล้วค่อยยิ้มออกมา ทั้งที่เมื่อครู่เจอเรื่องอันตรายมากแต่เธอก็ยังยิ้มได้ คนที่บ้าที่สุดอาจจะเป็นภรรยาของเขาก็ได้ คิดแล้วเขาก็หัวเราะออกมาหลินเหยาซื่อเสียงสามีหัวเราะ ก็หันไปทำหน้ายู่ใส่“หัวเราะอะไรคะ”“หัวเราะอะไรคะ/ครับ” ลูกสองคนพูดเลียนแบบแม่“ไม่มีอะไรครับ”คนเป็นพ่อพูดแล้วโบกมือไปมา แต่หลินเหยาซื่อสบตากับลูกทั้งสองส่งสัญญาณ คนเป็นสามีรู้สึกไม่ค่อยน่าไว้ใจแสร้งถอยหลัง แต
ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้ดาราสาวปวดใจแทบเป็นบ้า ยิ่งเห็นกั๋วคังเหรินโอบกอดหลินเหยาซื่ออย่างปกป้องและความห่วงใย ครั้งหนึ่งอ้อมกอดนั้นเคยเป็นของเธอมาก่อน ทำไมมันถึงมาจุดนี้ได้ ทำไมไม่ใช่เธอที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ดาราสาวแหงนหน้าหัวเราะ ท่าทางไม่ต่างจากคนเสียสติ โลกไม่ยุติธรรมเสียเลย เธอมองหน้าชายที่เคยรักผ่านม่านน้ำตา“ทำไมคะ ทำไมคุณไม่รักฉัน ทำไมคุณต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น”ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เขาประคองร่างของภรรยาขึ้น มองเห็นหยดเลือดจากที่เธอกระชากสายน้ำเกลือออกก็ปวดใจ โชคดีที่ลูกสาวลูกชายไม่ได้อยู่ในห้องนี้ เขาไม่อยากให้ลูกๆ ต้องมาเห็นภาพแบบนี้“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว คุณจะรื้อฟื้นทำไม คุณเองก็ไม่ได้มีผมเพียงคนเดียว ระหว่างที่เราคบกัน ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณมีคนอื่น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ได้ยินดังนี้ ดาราสาวถึงกับหน้าซีดไป เพราะเธอคิดเสมอว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องราวด้านมืดของเธอเลยชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง“ให้มันจบแค่นี้เถอะ คุณมีชีวิตของคุณ ผมมีชีวิตของผม ผมมีภรรยาและลูกที่รักมากและผมต้องดูแลพวกเขา นอกจากหลินเหยาซื่อแล้ว ชีวิตนี้ผมไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว เห็นแก่ควา
หลังจากมั่นใจว่า ในห้องไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว หลินเหยาซื่อจึงลุกขึ้นจากเตียงนอน เธอรู้สึกรำคาญสายน้ำเกลืออยู่บ้าง แต่จะทำอย่างไรได้ก็สถานะตอนนี้เป็นคนป่วยนี้นะเธอไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองอีกเมื่อไหร่ เธอจะหลับไปแบบนี้อีกไหม หลับไปยาวนานถึง 7 วัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ แม้กระทั่งหมอ แต่ตัวเธอเอง ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ชีวิตที่ได้มาใหม่นี้ จะใช้ได้ยาวนานเพียงใด แต่ที่สุดแล้ว ก็ยังมีลมหายใจอยู่ โดยเฉพาะในชาตินี้ เธอรู้ดีว่า มีสิ่งที่สำคัญที่สุดรออยู่ นั่นก็คือ ลูกชายหญิงฝาแฝดของเธอ ที่แม้ซนเหมือนลิง แต่เธอก็รักพวกเขามากแม้ไม่มีความทรงจำที่อุ้มท้องพวกเขา แต่เธอก็รู้สึกว่าทั้งสองเป็นลูกของเธอจริงๆหญิงสาว มองไปที่โต๊ะตรงหัวเตียง มีกระเช้าผลไม้ตั้งอยู่ มีผลไม้หลากชนิด เธอเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลสีสวย เห็นแล้วก็คิดถึงงานที่ทำค้างอยู่ Collection ใหม่ครั้งหน้า เธอน่าจะออกแบบลายผ้า เป็นรูปผลไม้เด็กๆชอบผลไม้สีสันสดใส น่าจะทำลายผ้าแล้ว ทำของอย่างอื่นด้วยก็ดีนะหลินเหยาซื่อคิดฝันไปไกลถึงกิจการของตัวเอง และเม็ดเงินที่จะเข้ากระเป๋า เมื่อมีเงินมาก เธอก็สามารถท
แม้จะไม่ได้อาบน้ำแต่ก็สบายตัวขึ้น หลินเหยาซื่ออารมณ์ดีขึ้น เธอเดินกลับมานั่งบนเตียง ผู้ชายตัวโตบังคับให้เธอลงนอน แต่เธอตีแขนเขาเบาๆ “นอนเยอะแล้วค่ะ ให้นั่งบ้างเถอะ” เธอกวาดตามองเขาแล้วดึงแขนให้เขามานั่งข้างๆ ยื่นมือไปแตะบริเวณที่จำได้ว่าเคยเห็นเลือดไหล “หลังก็มีแผลเป็น หน้าจะมีแผลเป็นอีกไหมนะ” “คุณกลัวเหรอ” เขาถามยิ้มๆ เขาเป็นผู้ชาย แผลเป็นไม่ได้สำคัญกับเลยสักนิด “เปล่าเสียหน่อย ฉันเป็นห่วงคุณต่างหาก คุณให้คุณหมอตรวจร่างกายหรือยังคะ ทุกอย่างโอเค.ไหม” “ผมบาดเจ็บเล็กน้อย คุณต่างหากที่หลับไป หมอก็หาสาเหตุไม่เจอ” “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคะ” “ผมต่างหากที่ทำให้คุณต้องบาดเจ็บ” “ก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของคุณ-เรื่องของฉัน แต่เป็นเรื่องของเราแล้วค่ะ” นอกจากแม่แล้ว เขาก็ไม่เคยมีใครใกล้ชิดแบบนี้ แม้แต่ตอนที่คบกับเดซี่ แม้ภายนอกใกล้ชิดกันแต่ระยะห่างของหัวใจนั้นไกลมาก เสียงประตูห้องเปิดออก กั๋วคังเหรินคิดว่าลูกๆกลับมาแล้ว แต่เมื่อหันไปดูจึงพบว่าเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอหน้
ทันทีที่ลืมตา ภาพที่เห็นคือเด็กน้อยสองคนที่หน้าตาคล้ายกันจนเหมือนพิมพ์เดียวกันนั่งจ้องหน้าด้วยแววตาวิตกกังวล ทำให้เธอยื่นมือไปตั้งใจจะคว้าเอาเด็กสองคนมากอด แต่มีสายน้ำเกลือติดที่แขนทำให้ชะงักไป หลินเหยาซื่อทำหน้างุนงงและสับสนว่าเธออยู่ในปีค.ศ.ไหนกันแน่ “คุณแม่ตื่นแล้ว!” จางลี่กับจางหย่งผสานเสียงขึ้นพร้อมกันเสียงดังจนหลินเหยาซื่อต้องหยีตาและทำให้กั๋วคังเหรินที่ยืนคุยกับคุณหมอรีบสาวเท้ามาข้างเตียงภรรยาสาว “เหยาซื่อ...ได้ยินผมไหม?” กั๋วคังเหรินถามเสียงสั่น เขาเองก็กลัวว่าเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ไม่อาจแสดงความอ่อนแอได้ เพราะลูกยังต้องการเขาอยู่ “เกิดอะไรขึ้น” เธอถามและพบว่าน้ำเสียงแหบแห้งเหลือเกิน “ฉันอยู่ที่ไหน” “โรงพยาบาล...” เขาเอ่ยชื่อออกไป “คุณหลับไปเจ็ดวันเลยทีเดียว” “เจ็ดวัน...” หลินเหยาซื่อยังมึนงงอยู่ แต่เมื่อยื่นมือไปแตะใบหน้าที่โน้มลงมาใกล้สัมผัสไออุ่นที่คุ้นเคยก็ทำให้มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป “ขอโทษที่หลับไปนานนะคะ” เธอหันไปมองลูกทั้งสองที่ทำตาแดงๆ มองเธอ “แม่หลับไปหลายวัน ดื้อกับคุณพ่อหรือเปล่า
หลินเหยาซื่อถูกแรงกระแทกทำให้ผวาตื่น เธอหันซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนก รถยนต์ส่ายไปมาอย่างน่ากลัว ความทรงจำสุดท้ายก่อนจะมาฟื้นในปี1980คือรถบัสที่ส่ายไปมาและพุ่งตกเขา เธอตื่นตระหนกด้วยคิดว่าตัวเองกลับไปสู่เหตุการณ์ในปี2023 แต่มือที่กุมมือแน่นอยู่นั้นทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในปี1980กับผู้ชายที่ชื่อกั๋วคังเหริน“เกิดอะไรขึ้นคะ”“เชื่อใจผม” เขาโอบเธอไว้ในอ้อมกอดกดศีรษะเธอให้ซุกกับแผ่นอกของเขา“เว่ยฉือ”“พวกมันมากันหลายคน ผมจะพยายามสลัดพวกมันให้หลุด อ๊ะ!”รถยนต์คันนั้นพุ่งเข้าชนจากท้ายรถอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันดันให้ไปด้านหน้า เว่ยซือจะหักพวกมาลัยหลบแต่รถยนต์อีกคันมาขนาบข้าง ดวงตาดำจ้องมองผ่านหน้าต่างรถ กั๋วคังเหรินเห็นปากกระบอกปืนส่องมาตรงมาทางเขาก็รีบกดร่างหลินเหยาซื่อให้หมอบลงไป เว่ยซือเห็นท่าไม่ดีเหยียดคันเร่งหนีให้พ้นวิถีปืน ทว่ารถยนต์เสียหลักออกนอกเส้นทางพุ่งตกลงไปในแม่น้ำ!รวดเร็วจนหลินเหยาซื่อไม่ทันกรีดร้อง เธอรู้สึกว่าร่างกระเด็นกระดอนในรถยนต์ แต่ก็มีกั๋วคังเหรินกอดไว้แน่น เธอหูอื้อไม่ยินเสียงใดทั้งนั้น ราวกับเคยเกิดเรื่องนี้มาก่อน ใช่ ...มันเคยเกิดขึ้นในรถบัสที่เธอนั่งเดินไปเป็น