เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดกินแล้วก็ต้องล้าง*****"คุณมาได้ ฉันก็ต้องมาได้สิคะ ว่าแต่คุณเถอะ ไม่คิดจะชวนฉันกับลูกๆ มาด้วยบ้างหรือคะ" อี๋นั่ว พูดด้วยความประชดประชัน นี่ถ้าเธอไม่แอบตามมา เธอกับลูกก็คงไม่ได้มานั่งกินอาหารมากมายแบบนี้หรอก"คุณอย่าได้มาก่อเรื่อง ในบ้านของลูกเป็นอันขาด อย่าหาว่าผมไม่เตือน" หลิวฮุ่ยพูดดักทางภรรยาใว้ เขาย่อมรู้ดีว่าเะฮเป็นยังไง"แหม วันนี้เป็นวันดีๆของครอบครัว ฉันจะก่อเรื่องก่อราวกันทำไมเล่าคะ จริงไหม" อี๋นั่วพูดยั่วโมโหสามี"ถ้างั้นเราเข้าไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่าค่ะ จะได้ทานข้าวพร้อมกัน" เมิ่งหลันพูดตัดปัญหา ตอนนี้ที่โต๊ะอาหารในบ้านของเมิ่งหลัน มีทั้งหมด 7 คน ผู้ใหญ่ 5 และเด็ก 2 ดีที่ว่าเธอเอาโต๊ะขนาดกลางออกมาจากในมิติ ถ้าเธอเอาโต๊ะตัวเล็กออกมาสำหรับนั่งกัน 3 คนแม่ลูกคงจะไม่พอเป็นแน่ "แม่คร้าหนูหิวแล้วค่า""แม่ค้าบผมก็หิวเหมือนกัน" เด็กน้อยทั้งสองบอกแม่ของตนเองว่าหิวมากแล้ว "ถ้าหลานหิวแล้วก็ตักข้าวเถอะลูก" หลิวฮุ่ยบอกเมิ่งหลัน ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ระหว่างที่เมิ่งหลันตักข้าวให้เด็กๆและทุกคนอยู่นั้น…"รู้สึกว่าที่นี่จะอยู่ดีกินดีกันมากเลยนะจ๊ะ สองแฝดก็อ้
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดซื้อตึกทำร้านค้า*****เวลานี้ ตอนนี้ได้เปลี่ยนปี เปลี่ยน ค.ศ. เรียบร้อยแล้ว เมิ่งหลันข้ามเวลามาอยู่ในร่างนี้เป็นเวลา เกือบ 8 เดือนแล้ว เมิ่งหลันได้เริ่มทำการค้าอีกครั้ง เธอได้ใช้รูปแบบเดิมในการขาย เจาะจงบุคคล เอาแบบว่าขายแต่ละครั้ง ไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยหยวน "น้องสาว จำผมได้ใหม ครั้งที่แล้วน้องสาวขายหม้อ ขายกะทะให้ยังไงล่ะ พอจะจำได้หรือไม่" ชายหนุ่มเข้ามาทัก เพราะตนมาตามหาหญิงสาวอยู่หลายครั้งแต่ว่าไม่เจอ คราวนี้ช่างโชคดีจริงๆที่ได้เจอ "อ๋อ จำได้ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้พี่ชายต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ" เมิ่งหลันเสนการขายทันที "ใช่แล้วล่ะครับ ผมต้องการเครื่องครัวแบบครั้งที่แล้ว 2 ชุด ไม่ทราบว่าน้องสาวมีของหรือไม่" ชายหนุ่มบอกความต้องการ "มีแน่นอนค่ะ แต่ว่าตอนนี้ของมันขึ้นราคานะคะ พี่ชายยังอยากได้อยู่หรือไม่คะ" เมิ่งหลันขึ้นราคาสินค้า เพราะว่าเธอไปสืบราคามาแล้ว ครั้งก่อนเธอขายถูกเกินไป "ได้สิ ผมเข้าใจ ของซื้อของขายก็ต้องมีราคาขึ้นลงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา" ชายหนุ่มไม่คิดมาก เพราะเขาเองก็รู้ราคาของอยู่เช่นกัน แต่สำหรับของที่หญิงสาวคนนี้ขายนั้นเป็นของที่
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดแม่ของเขาดีที่สุด*****ตอนนี้เมิ่งหลัน ได้มายืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังที่เขาต้องการขาย บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว กะด้วยตาเปล่าน่าจะประมาณครึ่งหมู่เห็นจะได้ บริเวณหน้าบ้านคนพลุกพล่านไม่น้อย เธอจึงมีความคิดที่ว่า เธอจะเปิดร้านขายของชำ หรือยุคสมัยใหม่เรียกว่าร้านสะดวกซื้อนั่นเอง บ้านหลังนี้มีลักษณะเป็นสองชั้น ชั้นล่างโล่ง มีห้องครัวหนึ่งห้อง และห้องน้ำหนึ่งห้อง มีพื้นที่โล่งอยู่หลังบ้านนิดหน่อย ปลูกได้เพียงพืชผักสวนครัวเท่านั้น ส่วนชั้นบน มีห้องนอนสามห้อง ห้องโถงหนึ่งห้อง ซึ่งเธอคิดว่าบริเวณนี้น่าจะใช้เป็นโซนรับแขกหรือพักผ่อน สามารถทำเป็นที่อยู่อาศัยได้ เมิ่งหลันคิดว่า บ้านหลังนี้ ดีเป็นอย่างมาก ทุกอย่างช่างดูลงตัวไปหมด ทั้งขนาดและพื้นที่ที่ได้จัดสรรค์ใว้อย่างลงตัวและน่าพอใจ"ฉันชอบบ้านหลังนี้มากเลยค่ะ ราคาเท่าไหร่หรือคะ ฉันขอทราบได้หรือไม่คะ" เมิ่งหลันถามราคา เมื่อพิจารณาบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอแอบคิดไว่ในใจว่าเงินในมือของเธอนั้นคงพอที่จะจ่ายมัน"เจ้าของเขาฝากขายให้ที่ 5,500 หยวนครับ ราคานี้ทางเราไม่ได้บวกเพิ่มแต่อย่างไร เป็นราคาที่เจ้าของบ้านตั้งใว
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดเตรียมตัวย้ายบ้าน*****หลังจากที่ทำการซื้อขายบ้านได้แล้วนั้น เมิ่งหลัน ได้ปรึกษากับหลินฮุ่ย ผู้เป็นบิดา เรื่องที่ตนจะย้ายเข้าไปอยู่ในตัวอำเภอ เพื่อที่จะไปเปิดร้านค้า"พ่อคะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกค่ะหนูกับเด็กๆอยู่ได้จริงๆ" เมิ่งหลันบอกผู้เป็นพ่อให้คลายความกังวลลง หลังจากที่เะอพูดเรื่องนี้ท่านก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก"แต่พ่อก็ยังห่วงอยู่ดี บ้านทั้งหลังมีแค่เด็กและผู้หญิงเท่านั้น มันไม่ได้เหมือนกับอยู่ที่ชนบทนะลูก ที่นั่นลูกไม่ได้รู้จักใครเลย" จะไม่ให้เขาห่วงได้ยังไง ที่นั่นมันไใ่ใช่ชนบทแห่งนี้ที่รู้จักกันทุกคนเสียเมื่อไหร่"เอาอย่างนี้ได้ไหมคะ ช่วงที่หนูเข้าไปอยู่แรกๆ พ่อไปอยู่เป็นเพื่อนหนูกับลูกได้หรือเปล่าคะ" เมิ่งหลันยื่นข้อเสนอ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า"แต่ว่าคุณพ่อจะมีปัญหากับน้าอี๋นั่วหรือเปล่าคะ ไหนจะต้องลางานที่ทุ่งนาอีก" เมิ่งหลันไม่อยากสร้างปัญหาให้พ่อของตน ถึงบิดาจะมีตำแหน่งงานเป็นคณะกรรมการของหมู่บ้าน ไม่ต้องลงแรงที่ทุ่งนา แต่ก็ต้องคอยจัดการบริหารงานต่างๆ ในชุมชนอยู่ดี"เรื่องงานไม่ต้องกังวลหรอกลูกพ่อคิดว่าไปเช้าเย็นกลับน่าจะทัน" หลิวฮุ่
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดอยากได้ก็เอาเงินมา*****"เมิ่งหลัน เปิดประตูให้ฉันหน่อย ฉันมีธุระจะคุยด้วย" นางอี๋นั่วที่มาถึงก็เคาะประตูเรียกเมิ่งหลันทันที"มีอะไรหรือคะ ถึงมาหาฉันที่บ้านได้" เมิ่งหลันถามทันที โดยที่ไม่เชิญอี๋นั่วเข้าไปในบ้าน"ก็พ่อของเธอน่ะสิ บอกว่าเธอจะย้ายไปอยู่ในตัวอำเภอ ฉันก็เลยมาถามว่าจริงอย่างที่พ่อของเธอพูดหรือเปล่า" อี๋นั่วลองถามหยั่งเชิงดูก่อน "ใช่แล้วล่ะค่ะ ฉันจะย้ายเข้าไปอยู่ในตัวอำเภอ มีอะไรหรือเปล่าคะ" "ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่จะถามให้แน่ใจเท่านั้นเอง แล้วก็จะมาถามเธอด้วยว่า เธอจะยกบ้านหลังนี้ให้ซิงอีได้ไหม ไหนๆเธอก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว มันก็ไม่มีความจำเป็นที่เธอต้องเก็บเอาไว้ เพราะถึงยังไงเธอก็มีบ้านอยู่ในเมืองแล้ว" อี๋นั่วพูดด้วยความหน้าไม่อายเลยสักนิด "ทำไมฉันต้องยกให้ด้วยล่ะคะ ก็ในเมื่อบ้านหลังนี้มันเป็นสินเดิมของฉัน มันเป็นสมบัติของแม่ที่ยกให้กับฉัน" เมิ่งหลันถามด้วยความงุนงง เธอจะย้ายเข้าไปอยู่ในอำเภอแล้วจำเป็นต้องยกบ้านหลังนี้ให้ซิงอีด้วยหรอ มันคือตรรกะอะไรกัน"ก็ซิงอีเป็นน้องสาวของเธอ ในเมื่อเธอไม่อยู่เธอก็ควรจะยกให้น้อง มันก็เป็นเรื่องที่สมควร
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดหวังเหอตี้*****วันนี้เมิ่งหลันได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านในตัวอำเภอเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เข้ามาทำความสะอาดและขนเฟอร์นิเจอร์ออกมาจากช่องมิติเธอนำเตียงขนาดห้าฟุตออกมาหนึ่งหลัง เเละหกฟุตหนึ่งหลัง ใส่ใว้ทั้งสองห้อง เครื่องนอนเอาออกมาจัดเรียงให่เรียบร้อย โดยที่เธอจะอยู่ที่ห้องใหญ่ กับลูกแฝดชายหญิงของเธอ และห้องเล็กก็จะให้บิดาอาศัยนอนเป็นเพื่อนเธอส่วนห้องโถงหรือห้องรับแขกนั้น เธอนำโต๊ะรับแขกออกมาหนึ่งชุด แต่ว่าเป็นโต๊ะไม้ ถึงแม้ว่าจะอยากได้เป็นชุดโซฟาก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าเอาออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า ส่วนชั้นล่าง ที่เธอตั้งใจทำร้านขายของนั้นเธอก็เอาเคาน์เตอร์คิดเงินออกมาวาง และเชลวางของ เธอได้จัดวางเป็นล็อคๆไป โดยจัดเลียนแบบใน supermarket แยกโซนและแยกประเภท เพื่อง่ายแก่การเลือกซื้อสินค้า ส่วนสินค้านั้นเธอยังไม่ได้เอาออกมาเติม เพราะว่าเธอยังหาคำตอบหรือคำแก้ตัวไม่ได้ ว่าเธอเอาของพวกนี้มาจากที่ไหน ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการผ่อนผันเรื่องการค้ามากแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่อยากเสี่ยง เพราะว่ายังมีสินค้าบางอย่างที่เป็นสินค้าควบคุม "แม่บ้านสวย""บ้านสวย" สองแฝดชมบ้านหลังใหม่ไ
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดพวกเรามีพ่อมั้ย*****"คุณคะ คุณจะยอมให้ลูกกลับไปที่หมู่บ้านในชนบทแห่งนั้นจริงๆหรือคะ" คุณนายเหอถามผู้เป็นสามีขณะที่อยู่ในห้องนอนด้วยกัน 2 คน"คุณก็เห็นอยู่ ว่าคงห้ามลูกไม่ได้ ปล่อยเขาไปเถอะเขาโตแล้ว" พ่อหวังไม่คิดจะขัดขวางทางเดินของลูกชาย"แต่ฉันไม่ยอมนะคะคุณ ลูกชายของเรากำลังจะมีอนาคตที่ดี จะกลับไปจมปลักกับผู้หญิงบ้านนอกแบบนั้นได้อย่างไร" แม่เหอไม่ยินยอมเป็นอย่างยิ่ง ปีนี้ลูกชายของเธอก็จะเรียนจบแล้ว "คุณก็คิดมากเกินไปแล้ว คุณรอดูไปก่อนเถอะ" พ่อหวังพยายามจะเกลี้ยกล่อมภรรยา"ฉันกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นเมื่อเห็นลูกของเรากลับไป จะคว้าไว้แน่นกว่าเดิมนะสิคะ " เธอยังไม่คลายความกังวล"คุณคิดดูสิ ผู้ชายที่จบจากมหาวิทยาลัย ซ้ำยังมีอนาคตที่ดีผู้หญิงที่ไหนบ้างที่ไม่อยากได้" แม่เหอคิดฟุ้งซ่านไม่หยุด"ฉันไม่ยอมหรอกนะคะ ฉันได้ทาบทามลูกสาวของคุณนายเหยาซีไว้แล้ว ถึงจะไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแต่ก็จบถึงมัธยมปลายเลยนะคะ ฐานะทางบ้านก็ดี ฉันอยากได้คนนี้เป็นสะใภ้ค่ะ" แม่เหอพูดถึงว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตนได้ไปทาบทามเมื่อครั้งก่อน"คุณคิดจะทำอะไรก็น่าจะถามลูกเสียก่อน ถ้าเกิดผิดใจกับฝ
เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกแฝดคุณจะทำยังไงต่อ******"สวัสดีเมิ่งหลัน ไม่เจอกันนานเลย" หวังเหอตี้ กล่าวทักทายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา "คุณมาได้ยังกันคะ ไม่ใช่ว่าตอนนี้คุณยังเรียนไม่จบใม่ใช่หรือคะ" เมิ่งหลันถามด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ตกใจ แปลกใจ สงสัยสับสนปนเปกันไปหมด "ผมเรียนจบแล้วครับ ผมกลับมาหาคุณแล้ว" หวังเหอตี้บอกเมิ่งหลันที่ยังมีอาการตกตะลึงไม่หาย ที่เขาบอกว่าจบแล้วนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะว่าชายหนุ่มนั้นเรียนดีมาก จริงขอทำเรื่องสอบจบก่อนคนอื่นๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน ก็มีเสียงเด็กวิ่งเข้ามาเสียก่อน "แม่คร้า คุยกับใครอยู่คะ" "ใช่ครับ นี่ใคร" สองแฝดออกมาตามแม่ที่หน้าร้าน เพราะว่าตอนนี้มีลูกค้ารอคิดเงินอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์"ถ้าอย่างนั้นคุณเข้ามาก่อนเถอะค่ะ ฉันขอไปจัดการธุระสักครู่" หลังจากที่เมิ่งหลันตั้งสติได้แล้วจึงบอกให้ชายหนุ่มเข้ามาด้านในก่อน แต่กลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มนั้นมีอาการแทนหญิงสาว เด็กสองคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงมาเรียกภรรยาของเขาว่าแม่ หรือว่าเมิ่งหลันจะแต่งงานใหม่ไปแล้ว หวังเหอตี้มองหน้าเด็กๆหนึ่งที แล้วก็ย้ายไปมองหน้าเมิ่งหลันอีกที ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ส
พวกเราคือครอบครัว…สี่ปีต่อมา…หลังจากวันที่เมิ่งหลันคลอดลูกชายฝาแฝด ก็ผ่านมามานานหลายปีแล้ว การเลี้ยงดูลูกของเธอช่างวุ่นวายเป็นอย่างมาก ดีที่เหอตี้ออกจากงานมาช่วยเธอดูแลร้าน ไม่อย่างนั้นเธอเองคงไม่มีเวลาพัก การเลี้ยงลูกถึงสี่คนไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยฟางหลินและเหวินหลงนั้น ดีที่โตพอจนรู้ความแล้ว ตอนนี้อายุก็เข้าปีที่สิบแล้ว หนูน้อยฟางหลินในตอนนี้ความงดงามนั้นเปล่งประกายมากถึงจะยังเด็กอยู่ก็ตาม จนทำให้คุณพ่อนั้นหวงมากเป็นพิเศษ เพราะยิ่งโตหน้าตาก็ยิ่งเหมือนกับคนเป็นแม่ส่วนแฝดน้องเหวินหลงเองก็ใช่ย่อย ความหล่อเหลาก็ไม่ได้แพ้ใคร ในทุกวันที่ไปโรงเรียนมักจะมีสาวน้อยมอบขนมให้อยู่เสมอ จนทุกวันนี้สหายมู่มู่ที่ไปโรงเรียนด้วยกันไม่ต้องเสียเงินซื้อขนมเลยส่วนแฝดชาย หวังจางหมิ่น และหวังเจียวจิ้นนั้น ตอนนี้ก็อายุสี่ขวบแล้ว ซึ่งความซุกซนไม่ต้องพูดถึง ขนาดที่ว่าเมิ่งหลันจ้างพี่เลี้ยงมาเพิ่ม ทั้งสองคนก็ยังหลุดลอดสายตาออกไปซนที่อื่นได้ “จางหมิ่น เจียวจิ้น แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามออกมาเล่นข้างนอกแบบนี้” เมิ่งหลันที่ออกมาเจอลูกๆของเธออยู่ที่ด้านนอกพอดี จึงอดที่จะดุไม่ได้“แม่ครับ พวกเราไม่อยากอยู่ในบ้าน” เ
ออกมาแล้ว…“หลันหลัน คุณไม่ต้องกลัวนะครับ” เหอตี้ผู้เป็นสามีปลอบใจภรรยาอยู่ที่ข้างเตียง วันนี้เป็นวันที่คุณหมอนั้นนัดผ่าคลอดให้กับเมิ่งหลัน เพราะว่าเธอนั้นมีความเสี่ยงจึงต้องใช้วิธีการผ่าคลอดแทนการคลอดธรรมชาติ“เหอตี้คะ ฉันกลัวจังเลยค่ะ” เธอบอกสามีออกไป นี่คือการคลอดครั้งแรกของเธอ เธอจะไม่กลัวได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเมิ่งหลันคนก่อนจะเคยคลอดลูกแต่มันก็ไม่ใช่เธออยู่ดี“ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะครับ หมอที่นี่เก่งอยู่แล้ว คุณนอนพักก่อนดีกว่า” เมื่อเหอตี้เห็นว่าภรรยานั้นมีความเครียดจึงอยากให้เธอได้พักผ่อน“แล้วสองแฝดอยู่ที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันถามหาลูกทั้งสองคน เพราะเธอมารอคลอดตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็ยังไม่ได้เจอหน้าลูกเลย“อยู่กับน้าอี้ฝานครับ สองแฝดไม่มีงอแงเลย พูดจารู้เรื่องมาก แค่บอกว่าแม่กำลังจะมาคลอดน้องพวกเขาก็เข้าใจ” เหอตี้เมื่อเช้านี้ได้กลับไปที่บ้านและพูดเรื่องนี้ให้สองแฝดฟัง ซึ่งทั้งสองก็เข้าใจ และบอกว่าจะรอแม่และน้องอยู่ที่บ้าน“คุณจะรอฉันที่ด้านนอกใช่หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันถามสามีเมื่อมองเวลาแล้วไกล้ที่จะเข้าห้องคลอดเต็มที“ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอกห้องคลอดแน่นอน ผมรับรองเลยว่าเมื่อคุณออกมา คุ
งานแต่งงานของพี่ใหญ่เหอซาน…วันนี้เป็นวันที่เมิ่งหลันนั้นต้องมาตรวจครรภ์เป็นครั้งที่สอง และการตรวจก็เป็นไปด้วยดี การเติบโตของทารกในครรภ์นั้นดีมากทีเดียวและอีกเรื่องที่ทำให้หลิวเมิ่งหลันและหวังเหอตี้ ต้องตกตะลึงกันอีกครั้ง นั่นก็คือในท้องของเมิ่งหลันนั้นมีลูกน้อยถึงสองคน นั่นก็หมายความว่าในตอนนี้เมิ่งหลันนั้นกำลังท้องลูกแฝดอีกครั้งนั่นเองแต่การแพทย์ในยุคสมัยนี้ก็ไม่สามารถตรวจได้ว่าเจ้าก้อนแป้งที่กำลังนอนอยู่ในท้องของเมิ่งหลันนั้นเป็นเพศไหน จะเป็นชายชาย หญิงหญิง หรือหญิงชาย ก็ไม่อาจรู้ได้ ถึงแม้เจ้าก้อนแป้งทั้งสองจะแข็งแรงดี แต่เมิ่งหลันก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ เธอกลัวการคลอดลูก เธอกลัวว่าจะไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย เหอตี้ที่รับรู้ได้ถึงความกังวลก็ได้แต่ปลอบใจภรรยา ไม่ว่าอย่างไรเขาจะหาหมอที่มีฝีมือที่สุดมาทำคลอดให้ภรรยาให้ได้“เดี๋ยววันนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวนะครับ” เหอตี้เอ่ยขึ้นเมื่อพากันออกมาจากในโรงพยาบาลหลังจากที่ตรวจการตั้งครรภ์เสร็จแล้ว“คุณจะพาฉันไปที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็เดาไม่ถูก เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ยังไม่ได้ออกไปที่ไหนแบบจริงจังสักที เพราะเธอทุ่มเทเวลาใ
คู่มือการเลี้ยงลูก…หลังจากที่ทุกคนรู้ข่าวเรื่องการท้องของเมิ่งหลันก็ยินดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านใหญ่หวัง แม่เหอที่รู้ข่าวก็ไปสรรหาของบำรุงต่างๆมาให้เมิ่งหลันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโสมหรือรังนกก็ตาม“ฉันต้องขอบคุณคุณแม่มากเลยนะคะสำหรับของบำรุงพวกนี้” เมิ่งหลันบอกแม่สามี ถึงแม้เธอจะรู้ว่าของพวกนี้ดีมีสรรพคุณมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะกินมันได้ เพราะเมื่อครั้งก่อนที่แม่เหอก็ฝากให้เหอตี้เอามาให้เธอทาน พอเธอทานเข้าไปถึงกับอาเจียนไม่ยอมหยุด “ไม่เป็นไรเลยจ้ะ เธอต้องกินมันให้หมดนะ หลานของฉันจะได้ออกมาแข็งแรง” แม่เหอบอกด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่เจ้าใหญ่ จะแต่งงานเมื่อไหร่ดีล่ะ เหอตี้มีลูกแซงหน้าไปแล้วนะ” แม่เหอเอ่ยถามลูกชายคนโต ที่ตอนนี้สานสัมพันธ์กับคู่หมั้นได้อย่างราบรื่น“แล้วคุณแม่ว่ายังไงล่ะครับ พร้อมที่จะไปสู่ขอสะใภ้ใหญ่ได้หรือยัง” เหอซานหันมาถามแม่ของตนบ้างแม่เหอที่ได้ยินแบบนั้นก็ตาโตทันที นี่เจ้าใหญ่ของเธอกำลังบอกให้ไปขอภรรยาให้เขาใช่หรือไม่“นี่ลูกพูดจริงใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่กับพ่อจะได้ไปพูดเรื่องนี้กับบ้านกงแต่เช้าเลย” “555” เหอซานอดที่จะยิ้มขำแม่ของตนไม่ได้ คงอยากได้สะใภ้มากเลยถ
สองแฝดจะมีน้อง…“ท้อง???”“คุณหมอช่วยพูดอีกครั้งได้หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันที่ต้องการได้ยินอีกครั้ง ว่าอาการที่เธอเป็นนั้นเป็นโรคอะไรกันแน่ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม“คนไข้ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรนะครับ อาการที่เป็นอยู่ เป็นอาการของคนท้องเท่านั้นครับ” หมอเองได้ตรวจซ้ำถึงสองรอบจากการจับชีพจร ซึ่งผลที่ออกมาก็เหมือนกันทั้งสองครั้งและเขาเองก็มั่นใจเป็นอย่างมากเมิ่งหลันคิดว่ากลับบ้านไปเธออาจจะเรียกเอาชุดทดสอบการตั้งครรค์ออกมาตวจอีกสักครั้ง เพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจหมอในยุคนี้หรอกนะ แค่เธออยากมีโมเม้นท์ขึ้นสองขีดแบบคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง“แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้ฉันท้องกี่เดือนแล้วหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็แอบงงเหมือนกัน ทั้งที่เธอเองก็กินยาคุม แล้วลูกของเธอนั้นทะลุยาคุมออกมาได้ยังไงกัน หรือยาที่เธอกินจะหมดอายุนะ แต่ก็ไม่น่าใช่“ประมาณ เดือนกว่าได้แล้วครับ ช่วงนี้คุณก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะครับ ของหนักก็ห้ามยกเพราะมันจะเสี่ยงต่อการแท้ง ส่วนในเรื่องของอาหารก็ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ และก็อย่าลืมดื่มนมด้วยนะครับ อ้อ…และอีกอย่างเรื่องบนเตียงช่วงนี้ก็ให้งดไปก่อนนะครับจนกว่าจะมีอ
เมิ่งหลันป่วย???วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว ที่เมิ่งหลันและคนงานช่วยกันบรรจุของเพื่อทำถุงยังชีพ และทุกวันก็จะทำได้ประมาณหนึ่งพันชุดทุกวัน“คุณเมิ่งหลันคะ วันนี้มีคนมาโวยวายที่หน้าร้านอีกแล้วค่ะ” ซูเหวินเข้ามารายงานเมิ่งหลัน เพราะหลายวันมานี้มีคนต้องการมาซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง แต่ทางร้านไม่สามารถเปิดขายให้ได้ เพราะต้องนำไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน นั้นจึงสร้างความไม่พอใจกับลูกค้าบางคน“แล้วได้บอกเหมือนที่ฉันสั่งไว้หรือเปล่าจ๊ะ” เมิ่งหลันเองให้ลูกจ้างทุกคนนั้นบอกลูกค้าไปตามความจริง ว่าทางร้านไมาสามารถขายสินค้าให้ได้ ให้ไปหาซื้อที่อื่นก่อน “บอกแล้วค่ะ….” ทั้งสองพูดกันไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงดังโวยวายกันอยู่ที่ด้านนอก“เฮอะ ที่ไม่ยอมขายข้าวให้พวกฉัน เป็นเพราะว่าจะเอาไปขายให้กับทางการใช่หรือเปล่าล่ะ” เสียงลูกค้าที่เป็นสตรีเอ่ยขึ้น“ไม่อยากขายให้พวกเราก็พูดมาตรงๆเถอะ ไม่ต้องอ้างทางการหรอก มันน่าอาย” เธอยังพูดไม่หยุด“ทำมาเป็นบอกว่าเอาไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ฉันเองก็เดือดร้อนเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ของพวกนี้กับฉันด้วย” ผู้หญิงทืี่มาด้วยกันเอ่ยขึ้น“ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซ
ช่วยเหลือผู้ประสบภัย…….“ทำไมคุณถึงได้ทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ” เมิ่งหลันถามเหอตี้ที่พึ่งจะกลับมาจากที่ทำงาน ก็เห็นว่าสีหน้าของสามีนั้นไม่ค่อยจะดีนัก ทั้งที่ปกติแล้วเวลาที่เขากลับมาบ้านนั้นมักจะส่งยิ้มมาให้ก่อนเสมอเหอตี้ที่ได้ยินเมิ่งหลันถามก็ถอนหายใจ “วันนี้พี่ใหญ่มาหาผมที่ทำงานครับ” เขาเว้นหายใจไปช่วงหนึ่ง จึงทำให้เมิ่งหลันสงสัยเข้าไปอีก“พี่ใหญ่มาขอความช่วยเหลือน่ะครับ ตอนนี้ทางตอนเหนือเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรง ฝนตกหนักมาหลายวัน จนตอนนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ บางพื้นที่ก็มีน้ำป่าลงมาจากเขาทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นอย่างมาก” เหอตี้พูดพร้อมกับจ้องหน้าของภรรยา “แล้วยังไงต่อคะ” เมิ่งหลันอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ที่เหอตี้ไม่ยอมพูดให้เสร็จเสียที“ตอนนี้ประชาชนในแถบนั้นหลายพันคนกำลังเดือดร้อนเรื่องอาหาร และที่อยู่อาศัย พี่ใหญ่เลยอยากจะขอให้คุณช่วยเรื่องอาหารครับ” เหอตี้พูดออกมาได้ในที่สุด ที่เขาไม่กล้าพูดออกมาในทีแรกเพราะกลัวว่าภรรยาจะไม่ยอมช่วยเหลือในเรื่องนี้ ทั้งๆที่เขาก็รู้แหละว่าเมิ่งหลันนั้นเป็นคนจิตใจดี แต่ในเรื่องนี้ที่ต้องช่วยคนจำนวนมากเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“แค่นี้หรือคะ??” เม
หลักจากวันที่ช่วยจางเย่วในวันนั้นก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว จางเย่วเองก็ไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านเดิม แต่มาเช่าบ้านเพื่อเปิดร้านค้าตามคำแนะนำของเมิ่งหลันแทนจางเย่วนั้นเปิดร้านขายของชำ ไม่ได้ขายครบทุกอย่างเหมือนร้านของเมิ่งหลัน เพราะเธอนั้นอยู่ตัวคนเดียว เธอจึงเลือกขายของจำพวก ข้าวสาร แป้ง น้ำตาล อาหารแห้ง“คุณจางคะ ของชุดนี้ฉันเตรียมให้แล้วนะคะ ส่วนครั้งหน้าคุณโทรมาบอกที่ร้านก็ได้ค่ะ ฉันจะให้เด็กไปเอาใบรายการที่ร้านให้เอง คุณจางจะได้ไม่ต้องลำบากมาเอง ไหนจะต้องดูแลร้านอีก” เมิ่งหลันที่ให้ความช่วยเหลือก็พร้อมที่จะช่วยแบบเต็มที่ อะไรที่พอช่วยได้ก็ช่วยทันทีถ้าไม่เดือดร้อนตัวเธอ“จะดีหรือคะ มันจะเป็นการรบกวนเกินไปหรือเปล่า ทีี่พวกคุณช่วยฉันเอาไว้ ฉันเองก็ตอบแทนไม่ไหวแล้วค่ะ” จางเย่วนั้นเกรงใจจริงๆ คนที่นี่ช่วยเธอเอาไว้ตั้งมากมาย ชดใช้ด้วยชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนได้หมดหรือเปล่าและการที่เธอนั้นมีความกล้าเรื่องค้าขายก็เพราะผู้หญิงตรงหน้านี้ จางเย่วชื่นชมเมิ่งหลันเป็นอย่างมาก ผู้หญิงที่เก่งไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการค้า การปกครองคน การดูแลครอบครัว ผู้หญิงคนนี้เก่งมากจริงๆ และเธอเองก็หวังที่จะเป
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ ในเมื่อเธอขอกลับบ้านเดิมไปตั้งหลายวันแล้วก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าหนีไปกับชู้แล้วหรือเปล่า แล้วใครบอกให้พวกคุณมาที่นี่กัน แล้ว….” นายหนิวหันไปบอกเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อจางเย่วก็เอ่ยขึ้นทันที“ฉันเอง…” จางเย่วอดทนไม่ไหวต่อคำพูดของคนเป็นสามีจึงได้แสดงตัวออกมานายหนิวที่ได้ยินเสียงก็หันไปดู ก็เจอเข้ากับภรรยาของตนที่เข้าใจว่าตายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน เขาเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก ตาของเขาปูดโปนจนแทบจะถลำออกมา“นี่..นี่ เธอยังไม่ตะ..เธอกลับมาแล้วหรือ” ก่อนที่นายหนิวจะเผลอพูดอะไรออกไป เขาเองก็ดึงสติของตัวเองกลับมาเสียก่อน ในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีคนรู้เห็นยังไงก็ไม่มีคนเอาผิดเขาได้“ใช่ฉันกลับมาแล้ว ว่าแต่คุณเถอะไปที่ไหนมาหรือคะ อย่าบอกนะว่าออกไปตามหาฉัน” จางเย่วถามขึ้น ทั้งที่รู้ว่าเขาคงออกไปตามสืบเรื่องของตน เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีใครหรือเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าเจอศพของเธอ“เธอหายไปไหนมาหลายวันล่ะ รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงเธอมาก” นายหนิวหยิบยกคนอื่นมาอ้าง ทั้งที่ทุกคนก็รู้ว่าเธอเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปตามเจ้าหน้าที่มาทำเรื่องหย่าและทวงสินเด