“คาน”
“ครับบอส”
“ไปสืบมาว่ามือขวาของหัวหน้าแก๊งพายัพมาทำอะไรถิ่นเรา”
พายุที่เพิ่งเดินชนกับชายที่เป็นมือขวาคนสำคัญของแก๊งนั้นถึงกลับต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ปกติแล้วพวกมีตำแหน่งจะไม่ค่อยมาเองแบบนี้หรอก แปลว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ๆ
“ครับบอส”
“นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปเยี่ยมนิ่มคนเดียวได้”
“ครับ”
คานตอบรับและเดินออกไปทันที ส่วนพายุก็มาที่ห้องพักผู้ป่วยน่าแปลกใจที่พอเดินเข้ามาแล้วไร้ร่างนมสานั่งอยู่ใกล้ ๆ คนป่วยเช่นทุกที เขาก้าวขามาหยุดยืนข้างเตียงคนป่วยแล้วมองคนที่หลับอย่างเหนื่อยใจ เขามองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งสายตาก็ไปสะดุดกับหญิงวัยกลางคนนอนหลับอยู่ มันทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้เพราะขนาดเขาเดินมาหยุดใกล้ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร เขาเลยใช้นิ้วไปจ่อตรงจมูก ลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้เขาโล่งใจ
“นมสาหลับค่า”
พายุหันไปมองตามเสียงก็เห็นหญิงสาวที่หลับเมื่อกี้ ลุกนั่งกอดตุ๊กตาตัวโปรดไว้แน่น
“คุณนมทำไมหลับลึกขนาดนี้ครับคนเก่ง”
“นมสาเหนื่อยยยย หนูนิ่มก็เหนื่อยยยยเย้ยนอนหลับสบาย~”
ท่าทางน่าเอ็นดูของเธอทำให้พายุอดยิ้มไม่ได้ เขานั่งลงบนเตียงข้างๆ คนป่วย แล้ววางมือใหญ่ลงบนหัวเธอแบบที่ชอบทำบ่อยๆ แต่คนที่เพิ่งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ครั้งแรกถึงกลับใจเต้นแรง
[เด็กสมัยนี้จะแพรวพราวอะไรขนาดนั้น...แต่เขาก็หล่อมากนะ ดูแน่นไปหมดดี]
“หนูนิ่มก็เหนื่อยเหรอครับ เล่นซนอะไรมาหรือเปล่าทำไมถึงเหนื่อย”
“หนูนิ่มไม่ซน หนูนิ่มเป็นเด็กดีค่า~”
“ถ้าเป็นเด็กดีวันหลังเฮียจะซื้อของโปรดมาให้ดีไหมครับ”
[ผู้ชายคนนี้แทนตัวเองว่าเฮียกับนิ่มสินะ]
“ค่า~”
ระหว่างที่เขานั่งเล่นเป็นเพื่อนนิ่มก็คอยลอบมองแม่นมสูงวัยเป็นระยะ อาการของเธอเหมือนโดนยาสลบหรือยานอนหลับมากกว่าการนอนธรรมดา
“หนูนิ่มครับ ก่อนหน้านี้มีใครเข้ามาหรือเปล่า รึว่านมสาได้ไปเจอใคร กินอะไรแปลกๆ ไหม”
[ช่างสังเกตแฮะ ดีนะที่เราเอาขวดน้ำไปเททิ้งก่อนแล้ว]
“ม่ายยยยมีค่า”
“งั้นเดี๋ยวรอเฮียอยู่ที่นี่ก่อนนะครับ เฮียไปตามหมอมาดูนมสาหน่อยก่อน”
“ค่า~”
นิ่มยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีให้ พอร่างสูงเดินพ้นประตูสีหน้าเธอก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉย สายตามองไปดูร่างแม่นมด้วยความเป็นห่วง
[หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ]
หลังจากนั้นไม่นานพายุก็เดินกลับมาพร้อมหมอ พอตรวจได้สักพักหมอก็สรุปว่านมสากินยานอนหลับเข้าไป เขาไม่ได้ซักไซ้อะไรมากมาย
“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ”
“ไม่เป็นอะไรเลยครับ ถ้าคุณพายุมีเรื่องอะไรเรียกผมได้ตลอดเลยครับ”
แม้ว่าหมอจะอายุเยอะกว่าแต่ก็ต้องนอบน้อมให้คนตรงหน้าเพราะอีกฝ่ายคือคนบริจาครายใหญ่ให้โรงพยาบาลตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ยอดเงินแปดหลักกับเครื่องมือทางการแพทย์ใหม่ๆ ในทุกปีทำให้พวกเขาตระหนักว่านี่ไม่ต่างจากนายทุนรายใหญ่
“ให้คนมาพานมสาไปพักผ่อนหาห้องดีให้เธอด้วยครับ”
“ผมจะจัดการให้ครับ”
ไม่นานนมสาก็ถูกพาไปนอนพักผ่อนอีกห้อง ในห้องนี้เลยเหลือแค่พายุกับนิ่ม
“หนูนิ่มง่วงหรือว่าหิวไหมครับ?”
“ไม่ง่วงค่า หนูนิ่มนอนปายแย้ว”
“งั้นเดี๋ยวเฮียปอกผลไม้ให้ดีกว่า”
พายุเดินไปหยิบจานผลไม้พร้อมมีดที่วางเตรียมพร้อมไว้กลับมานั่งใกล้ๆ แล้วลงมือปอกผลไม้
นิ่มมองท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของอีกฝ่ายแล้วเกือบจะอดขำไม่ได้ ตอนนี้เธออยากจะรู้แล้วสิว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้ดูใจดีกับนิ่มขนาดนี้ทั้งที่เธอก็เป็นแค่คนไม่สมประกอบ เธอนั่งดูเขาพร้อมกับสำรวจท่าทางอีกฝ่าย ผู้ชายคนนี้นอกจากจะหล่อแล้ว ยังดูเป็นคนบุคลิกแบด ๆ ด้วยอาจจะเพราะรอยสักตามแขน
[ปกตินักธุรกิจธรรมดาไม่ค่อยสักแบบนี้หรอกนะ ถ้าไม่ใช่พวกในวงการมาเฟียแล้วถ้าเป็นจริงอยู่ระดับไหนถึงได้มีลูกน้องคอยตาม...หัวหน้าแก๊งเหรอหรือหัวหน้าทิศ!! แต่ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าเป็นแบบที่ฉันคิดทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้าหรือนอกจากทิศเธอแล้ว ยังมีทิศอื่นเปลี่ยนมือผู้นำ]
“เสร็จแล้วครับ กระต่ายน้อยเป็นไงครับน่ากินไหม”
นิ่มที่เห็นกระต่ายตัวบิดเบี้ยวก็ต้องกลั้นขำไม่ให้ส่งเสียงออกมา
“เย้~ กระต่าย ทำมายกระต่ายหนูนิ่มมันม่ายน่ารักเลย”
คำถามนิ่มทำให้พายุยิ้มเล็กน้อยให้เธอ จะให้เขาตอบยังไงละก็มันไม่น่ารักแถมยังน่าเกลียดอีก
[ก็ครั้งแรกที่ทำอะไรแบบนี้นิ]
“ไว้วันหลังเฮียจะทำให้น่ารักกว่านี้นะครับ”
“อือ”
ก๊อก ๆ
“บอสครับ คุณพจน์ คุณเพียงพรกับคุณหนูน่านน้ำมาเยี่ยมไข้คุณหนูนิ่มครับ”
คานที่กลับจากทำงานตามคำสั่งก็มายืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูต่อ พอเห็นผู้มาเยือนใหม่เขาก็รีบเข้ามารายงานทันที พายุมองนิ่มก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องเป็นการตอบรับ
“ไม่คิดว่าหลานจะอยู่ที่นี่ด้วย”
พจน์เดินเข้ามาทำท่าทางนอบน้อม นั่นเลยทำให้นิ่มยิ่งอยากรู้สถานะของอีกฝ่าย ว่าเธอควรเข้าใกล้หรือออกจาก
“ครับพอดีอีกสองวันผมจะไปอังกฤษเลยมาเยี่ยมน้องก่อน”
“ตายแล้ว! น่านน้ำก็จะไปอังกฤษ สองคนนี้นัดกันไว้หรือเปล่า” เพียงพรพูดแทรกขึ้น ความจริงเธอก็รู้แก่ใจอยู่แล้วว่าไม่ได้มีการนัดแนะอะไรกันแบบนั้น
“แม่คะ!!” น่านน้ำจับแขนแม่ไว้แล้วส่ายหัวไปมาเพื่อบอกว่าไม่ใช่แบบที่แม่พูด
“น้องน้ำไปทำอะไรที่อังกฤษเหรอครับ” โดยปกติแล้วเขาจะเรียกน่านน้ำว่าน้ำจนเคยชิน
“น้ำจะไปดูงานแฟชั่นฤดูหนาวของปีนี้น่ะค่ะ ถ้าว่างๆ พี่พายุไปด้วยกันไหมคะ”
“ถ้าว่างพี่จะไปเป็นเพื่อนนะครับ”
ระหว่างบทสนทนาของทุกคน นิ่มก็คอยเก็บรายละเอียดอยู่เงียบๆ แปลกที่เธอมองหน้าทั้ง 3 คนแล้วรู้สึกกลัว พ่อที่ไม่เคยปกป้องลูกสาว เมียแต่งพ่อที่รังเกียจก็พอจะเข้าใจว่านิ่มเก่าอาจจะเคยกลัวจนฟังใจ แต่หญิงสาวคนสวยที่ในความฝันดูใจดีและคอยช่วยเหลือมาตลอดทำไมถึงกลัว
[ดูเหมือนว่าบางอย่างที่สมองนี้จำได้ จะไม่ใช่ทั้งหมดสินะ]
“ตายแล้วหนูนิ่มกินอะไรอยู่เหรอลูก แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง ที่แม่ไม่ได้มาเยี่ยมช่วงนี้”
เพียงพรรีบหันไปพูดจาเอาอกเอาใจนิ่ม เธอก็ไม่ค่อยชอบทำแบบนี้หรอกแต่ต่อหน้าคนอื่นก็ต้องเป็นแม่เลี้ยงที่ดีแม้ว่ามันจะเป็นแค่เด็กปัญญาอ่อนลูกชู้
[ปั้นหน้าเก่งจัง ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องกระตุ้นหน่อย]
“พรูดดด~ แค่ก ๆ”
“ว้ายตายแล้ว!!”
“คุณ!!”
นิ่มพ้นแอปเปิลที่กำลังเคี้ยวในปากใส่หน้าเพียงพรเต็ม ๆ ทำเอาทุกคนต่างพากันตกใจ ส่วนคนที่ถูกทำแบบนั้นพอตั้งสติได้ก็ยกมือขึ้นหมายจะตบสั่งสอน
“อีเด็กบ้าแก!!”
แต่ยังไม่ทันที่จะลงไม้ลงมือ พายุก็เข้ามาจับแขนไว้ก่อน เพียงพรที่โมโหว่าถูกห้ามไม่ให้ตัวเองสั่งสอนนิ่มตวัดสายตาไปมองแต่พอเห็นว่าชายที่มีอำนาจเหลือล้นก็ต้องรีบอ่อนลง
“คุณอาคิดจะทำอะไรคู่หมั้นผมครับ”
'คู่หมั้น'
นิ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้คือใคร ทำไมเขาถึงได้ดูใจดีกับนิ่มขนาดนี้เพราะเขาคือคู่หมั้นนี่เอง...แต่มันยังมีผู้ชายที่ยังยอมรับการหมั้นกับผู้หญิงที่สติไม่สมประกอบด้วยเหรอ
“คืออา...อาแค่จะเช็ดปากให้น้องนะจ๊ะ”
“พวกคุณอามาก็ดีเลยครับ ผมจะให้นิ่มไปพักอยู่บ้านคุณหญิงย่าอรวรรณก่อนระหว่างผมเตรียมเรื่องงานหมั้นอย่างเป็นทางการในอีก 3 เดือนหน้า”
“ได้ยังไงล่ะหลาน จะเอานิ่มไปลำบากคุณหญิงแม่ได้ยังไง อายุท่านก็เยอะแล้วจะให้มาดูแลคนสติไม่สมประกอบจะลำบาก อีกอย่างถ้าเกิดนัง...เกิดหนูนิ่มอาละวาดจะยุ่งนะ จริงไหมคะคุณ”
“จริงหลานคือ...”
“ผมคุยกับคุณหญิงย่าเรื่องนี้เรียบร้อยครับ ท่านไม่ได้มีปัญหาอะไรและผมหวังว่าฝั่งคุณอาก็คงจะไม่มีปัญหา...เพราะไม่งั้นเรื่องเหล้าที่คุณอาหลบภาษีแล้วเอามาใช้ในคลับ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้อีก”
แม้ว่าคำพูดของพายุจะดูเหมือนแค่บอกเล่าแต่กลับเหมือนกำลังเตือนว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาคือคำขาด นิ่มมองสถานการณ์ทุกอย่างด้วยความพอใจ ตอนนี้เธอกำลังคิดว่านอกจากคุณย่าแล้ว 'ผู้ชายคนนี้ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะสามารถใช้งานได้'
“มะ...ไม่มีหรอก ถ้าคุณแม่ท่านตกลงอาก็ไม่มีปัญหาอะไร”
พจน์ได้ยินคำพูดพายุก็ต้องรีบตอบตกลงทันที เดี๋ยวนี้ที่กิจการของเขากำไรเยอะเพราะเหตุผลนี้ส่วนหนึ่ง
“คุณคะ!!”
เพียงพรรีบตะคอกสามี ถ้ายัยเด็กคนนี้ไปอยู่กับแม่สามีเธอจริงๆ แผนที่ต้องการกำจัดก็ล้มหมดนะสิ
“เงียบ!!” พจน์ตะคอกภรรยา ปกติไม่ค่อยจะได้มีใครได้เห็นการกระทำแบบนี้หรอกเพราะเขาถือได้เกรงใจภรรยามาก
“แม่คะน้ำว่าเรากลับกันก่อนดีไหม”
น่านน้ำที่สังเกตเห็นสายตาพายุเริ่มไม่พอใจ ก็ต้องรีบพูดกับแม่ ปกติแล้วชายที่เธอแอบรักเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง ถ้าเขาแสดงสีหน้าแบบนี้แปลว่าไม่ค่อยโอเค
“แต่!”
“นะคะแม่เรากลับกันเถอะ...พี่นิ่มอันนี้เป็นช็อกโกแลตแบบที่พี่ชอบ น้ำซื้อมาฝาก” น่านน้ำหันไปยื่นถุงกระดาษยี่ห้อร้านดังให้แต่พายุเป็นฝ่ายรับแทน เธอเลยสบตากับเขาแล้วส่งความรู้สึกเว้าวอนผ่านสายตาไปให้เขา การที่ต้องเห็นชายที่รักคอยดูแลคนอื่นมันเจ็บแบบนี้เองสินะ
หลังจากบอกลานิ่มกับพายุแล้วน่านน้ำก็พาแม่ของเธอปลีกตัวออกมาทันที เพียงพรกุมมือลูกสาวตัวเองแน่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ
“คอยดูแม่จะเอาทุกอย่างของลูกคืนมาให้ได้”
“คุณหนู! นมสาขอโทษนะคะ”สาที่เพิ่งตื่นจากการนอนพอรู้สึกตัวเธอก็รีบกลับมาหาคุณหนูตัวเองทันที ดีนะที่พอเข้ามาเจอพายุเลยโล่งใจหน่อย“นมสาตื่นแล้วเย้ๆ” นิ่มตบมือตัวเองด้วยความดีใจ ในสายตาพายุกับนมสานิ่มดูบริสุทธิ์ทั้งร่างกายและจิตใจ “เดี๋ยวเฮียขอคุยกับนมสาก่อนได้หรือเปล่าครับ”“ค่า~”พอได้รับคำอนุญาตทั้งคู่ก็เดินปลีกตัวออกไปยืนคุยกันไม่ไกลมากนัก“ที่นมสาขอร้องให้ผมช่วยพูดเรื่องย้ายนิ่มไปบ้านคุณหญิงย่า ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะครับ” ความจริงเรื่องนี้นมสาขอร้องเขามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่นิ่มตกน้ำและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา“จริงเหรอคะ!! ดีจริง ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดีเลย นมน่าจะขอร้องให้คุณพายุออกหน้าตั้งนานแล้ว”“ไม่หรอกครับ อีกอย่างสถานะตอนนั้นต่อให้ออกหน้าใครก็คงไม่มีคนยอมทำตาม” คำว่าอำนาจมันน่ากลัวก็แบบนี้แหละ ตั้งแต่เขาขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าอยู่เหนือทุกคน ทุกอย่างก็พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือทันที “แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นนมก็ต้องขอบคุณแทนคุณหนู คุณพายุดีกับคุณหนูมาก ทั้งที่ทางนี้ไม่เคยทำอะไรให้เลยมีแต่รับ”“ไม่เลย...ผมต่างหากที่รับจากน้องมามากแล้ว” พายุพูดพร้อมกับมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเตีย
ภายในห้องโดยสารชั้นเฟิร์สคลาสชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินลำนี้จะเดินทางไปต่างประเทศ สีหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียดหลังจากได้ยินรายงานจากลูกน้องคนสนิทผ่านโทรศัพท์“แล้วตอนนี้หนูนิ่มเป็นยังบ้าง” (คุณหนูหลับไปแล้วครับ หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แผลตามตัวไม่มีจะมีก็แค่รอยบีบที่คอ) “เวรเอ้ย!! มึงยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอแม็ก กูสั่งให้มึงไปดูแลเธอแต่มึงกลับทำพลาด รู้ใช่ไหมว่าถ้ากูกลับไปมึงจะเจอกับอะไร” (ครับบอส) แม็กตอบรับความผิดของตัวเองที่ล่ะหลวม ถ้าไม่ใช่ว่าเขาออกไปซื้อกาแฟเรื่องทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ อีกอย่างถ้าเป็นคนอื่นทำงานพลาดป่านนี้คงถูกสั่งเก็บไปแล้ว“ให้คนไปสืบว่าใครส่งมันมา” (ครับ) หลังจากวางสายเสร็จใบหน้าพายุยิ่งตึงเครียดมากกว่าเดิม ดูเหมือนว่านิ่มจะถูกเพ่งเล็งจากใครสักคนสินะ ถ้าอย่างนั้นเหตุการณ์ตกน้ำเมื่อ 7 ปีก่อนคงไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแต่ใครกันล่ะที่ปองร้ายเธอ ทั้งที่เด็กคนนั้นไม่เคยทำร้ายใครเลยแท้ๆ และยังเป็นคนที่ทำให้เขาอยากมีชีวิตเพื่ออยู่ต่อ'พี่ขา'เด็กชายวัย 15 ปีที่เพิ่งมาถึงบ้านหลังพร้อมกับพ่อและแม่หันไปมองเด็กหญิงที่อุ้มตุ๊กตาเดินมาหาตัวเอง ไม่รู้ทำไมเ
3 วันต่อมาคนป่วยที่กำลังนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงมองหญิงสูงวัยดูน่าเกรงขามตรงหน้า คนนี้นะเหรอ คุณหญิงอรวรรณ อัครสกูลวงศ์ ความทรงจำเกี่ยวกับท่านในจิตใต้สำนึกของนิ่มน้อยมากจนเธอ อาจจะเพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันด้วย“คุณหนูของนมสวัสดีคุณหญิงย่าสิคะ” สารีบบอกเมื่อเห็นว่านิ่มจ้องย่าไม่วางตา“สวัสดีค่าคุณย่า” นิ่มยกมือสองข้างประกบเข้าหากันแล้วยิ้มกว้าง“ไหว้พระเถอะหนูนิ่ม หมดเคราะห์หมดโศกนะลูก” อรวรรณลูบหัวหลานสาวอย่างอ่อนโยน แม้ว่าเธอจะมีแม่เป็นแค่คนใช้ที่พยายามปีนขึ้นเตียงเจ้านายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่เด็กที่เกิดมาก็ไม่รู้เรื่องด้วยอีกอย่างคงเป็นกรรมที่ติดตัวมาถึงทำให้นิ่มไม่เหมือนกับคนทั่วไป แล้วแบบนี้คนแก่แบบเธอยังจะจงเกลียดจงชังหลานได้อีกเหรอ“วันนี้กลับบ้านกับย่านะลูกไปอยู่ด้วยกัน อยากอยู่กับย่าไหม”“อยู่กับคุณย่า นิ่มอยากอยู่กับคุณย่าเย้ๆ” นิ่มปรบมือรัวๆ อย่างดีใจ ทำเอาคนที่มองอยู่ต่างพากันยิ้มตามหลังจากนั้นหมอก็เข้ามาตรวจอาการนิ่มอีกรอบก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ พอทุกอย่างเรียบร้อยคุณหญิงย่าก็พาเธอกับนมสากลับทันทีโดยมีแม็กคอยคุ้มกันอยู่ตลอดเวลาจนถึงคฤหาสน์หลังใหญ่คฤหาสน์เก่าตระกูล
ตระกูลอนันท์พิบูรวงศ์ษาปัง!! มือใหญ่ตีลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ทำให้ลูกน้องคนสนิททั้ง 2 คน ถึงกับสะดุ้งเพราะดูจากท่าทางแล้วพวกเราคงไม่รอด“มันจะมีหมอเทวดาที่ไหนทำเรื่องแบบนั้นได้”พายุกำมือเข้าหากันแน่นเพราะห่วงความปลอดภัยของนิ่ม หลังจากตัวเองกลับมาจากคุยงานก็ได้รับรายงานว่านิ่มถูกพาไปรักษาโรคออทิสติก มันจะมีหมอเทวดาที่ไหนทำได้แบบนั้นแถมขอเวลาแค่ 3 เดือน เขาพยายามที่จะสอบถามคุณหญิงย่าแต่ท่านก็ไม่ยอมบอก จะให้เขาเอากฎมาเฟียไปบีบเอาคำตอบเหมือนลูกน้องก็ไม่ได้เพราะท่านก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เขาเคารพ อีกอย่างปู่ที่ตายไปก็แจ้งไว้ชัดเจนว่าคนของตระกูลอัครสกูลวงศ์จะถูกละเว้นความผิดทั้งหมด“พวกมึงไปหานักสืบสายนอกส่งเข้าไปมาทิศอื่น ในเมื่อกูหาเขตตัวเองไม่เจอก็แปลว่านิ่มถูกไอ้หมอลวงโลกคนนั้นพาไปถิ่นแน่” “ครับบอส!!” แม็กกับคานตอบรับพร้อมกัน ดูท่าทางถ้าพวกเขายังไม่มีข่าวคราวของคุณหนูนิ่มอาจจะหัวหลุดออกจากบ่ากันเลยก็ได้ พายุถอนหายใจยาวด้วยความหงุดหงิดหลังจากลูกน้องทั้งสองคนเดินออกจากห้องไปทำงานตามที่เขาสั่ง เป็นเพราะเขาติดธุระเลยกลับมาช้ากว่ากำหนด ถ้าเขากลับมาเวลาเดิมก็คงไม่มีใครพานิ่ม
หลังจากเสร็จพิธีหมั้นแขกก็เริ่มทยอยกลับ ตอนนี้นิ่มถูกพามานั่งรอในห้องที่พายุจองไว้เป็นพิเศษ ไม่นานคนที่ให้เธอมารอก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ เธอ“หนูนิ่มครับ เฮียขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่า”“ค่ะ”“หมอคนนั้นทำอะไรกับเราหรือเปล่า ทำไมถึง...”“ถึงหายบ้านะเหรอคะ” เธอฉีกยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ความจริงนิ่มก็จำอะไรไม่ได้เหมือนว่าคุณหมอจะใช้การสะกดจิตน่ะค่ะ แล้วก็พาไปสูดอากาศปลอดโปร่ง...นิ่มก็อธิบายไม่ถูก เฮียต้องการคำตอบตอนนี้เลยเหรอคะ”พายุถึงกับต้องถอนหายใจยาวออกมาเมื่อคนตัวเล็กส่งสายตาอ้อนเขา นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่รู้จักนิ่มมาที่เธอมาท่าทางออดอ้อนเหมือนที่ผู้หญิงทั่วไปทำกัน “เฮ้อ~ เอาไว้วันหลังก็ได้ครับ แต่ว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไรจริงๆ ใช่ไหม”“จริงค่ะ”“งั้นก็ดีแล้วครับ หนูนิ่มบอกเฮียได้หรือเปล่าว่าหมอคนนั้นพาไปอยู่ที่ไหนมา”“หนูนิ่มก็ไม่รู้จักเหมือนกันค่ะ เฮียพายุก็น่าจะรู้นิคะว่านอกจากบ้านแล้วหนูนิ่มไม่เคยไปไหนเลย...แต่ว่าหนูนิ่มก็พออธิบายได้ว่าที่นั่นมีทะเล บ้านตั้งอยู่บนภูเขา มองลงไปเห็นทะเลค่ะ”พายุนึกถึงสถานที่ตามที่นิ่มบอก ถ้าพื้นที่มีทะเลรายล้อมเป็นส่วนใ
สหรัฐอเมริกา (1ปีต่อมา) ปัง! ปัง!ลูกกระสุนถูกยิงออกจากกระบอกเข้าเป้าอย่างแม่นยำถึงแม้ว่าจะเป็นเป้าแบบเคลื่อนที่ก็ตาม หลังจากยิงจนกระสุนปืนหมด มือเล็กก็ถอดชิ้นส่วนของปืนอย่างชำนาญตามที่เคยได้รับการสั่งสอนมาแต่เด็ก“ไงแก ไปหงุดหงิดอะไรจากไหนมา ถ้าเป้าเป็นคนจริงๆ คงตายเป็นร้อยรอบแล้ว” จีอาหญิงสาวลูกครึ่งอเมริกัน-ไทย ถามเพื่อนสนิทที่กำลังถอดหูฟังออก ถึงแม้เธอจะเพิ่งรู้จักนิ่มได้แค่ปีเศษๆ แต่สไตล์และความชอบที่คล้ายๆ กันเลยสนิทกันเร็ว“เปล่า...วันนี้ไปดื่มกันไหม” “ได้สิ!! แต่ว่าฉันต้องไปร้านสักก่อนนะ พอดีนัดช่างสักเอาไว้”“สักอีกแล้วเหรอ แกรู้ไหมว่าตอนนี้สักเยอะเหมือนมาเฟียแล้ว...ไม่สิตอนอยู่แก๊งมาเฟียฉันยังไม่สักเลยด้วยซ้ำ” ปลายประโยคนิ่มพูดเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน“แกบ่นเหมือนพ่อฉันอีกแล้ว...ก็ฉันมันลูกสาวมาเฟียอยู่แล้วนิ เหมือนแกไงมีผัวเป็นมาเฟีย ว่าแต่ทำไมฉันไม่เห็นพี่เขามาหลายเดือนแล้ว”คำพูดของจีอาทำให้นิ่มหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ที่เธอมีอาการแบบนี้ก็เพราะคนที่เพื่อนกำลังพูดถึง หลังจากที่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ก็หนึ่งปีแล้วช่วง 5 เดือนแรกพายุบินมาหาเธอเดือนละ 4-5 วัน แต่คนที่มาหาบ่อยๆ จู่
15.00 น.นิ่มที่กำลังหลับใหลอยู่บนที่นอนนุ่มของตัวเองอย่างสบายจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนนั่งลงบนเตียงที่เธอกำลังนอนอยู่ แต่ถึงแบบนั้นเปลือกตาของเธอก็หนักเกินกว่าจะลืมดูว่าคือใคร“ใครเหรอคะ? ถ้าจะมาปลุกไปกินข้าวนิ่มยังไม่หิวเลยค่ะ ยังรู้สึกแฮงค์ๆ อยู่เลยขอชาหรือน้ำขิงร้อนสักแก้วแทนได้ไหม” นิ่มพูดทั้งที่ตายังปิดอยู่“ดูท่าทางเมื่อคืนหนูนิ่มจะสนุกมากสินะสภาพถึงดูไม่ได้ขนาดนี้” เสียงทุ้มคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมาหลายเดือน นั่นทำให้นิ่มที่กำลังนอนอยู่ลืมตาขึ้นมองก่อนจะลุกขึ้นนั่งเพื่อเช็กดูอีกทีว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปใช่หรือเปล่านิ่มจ้องคนตัวโตที่นั่งอยู่ขอบเตียงไม่ห่างจากเธอ ใบหน้าที่แม้จะมีความหงุดหงิดอย่างเต็มเปี่ยมแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อและมีเสน่ห์ลดน้อยลงเลย [เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นเขาทำหน้าตาแบบนี้ใส่เรา] “เฮียพายุมาได้ยังไงคะ!!” นิ่มร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะถอยหลังไปชิดกับหัวเตียงเหมือนคนหนีความผิด“ไงครับหนูนิ่มคนเก่งจะบอกเฮียได้หรือยัง เมื่อคืนสนุกมากไหม” พายุมองนิ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็เคยเห็นรูปที่คานส่งให้อยู่หรอกนะที่นิ่มไปทำผมมาในรูปมันก็ดูดีอยู่ แต่กลับไม่ได้ครึ่งของตัวจ
พอได้ยินคำว่าโกรธอีกแล้ว แค่นั้นก็ไม่รู้อะไรดลใจให้นิ่มลุกขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งของพายุ แล้วใช้สองมือโอบรอบคอแกร่งไว้แล้วซบหน้าลงบ่าแกร่งอีกที พายุเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัยว่าคนตัวเล็กคิดจะทำอะไรอีก ตั้งแต่ที่นิ่มหายดีเขาก็เหมือนไม่รู้จักเธอเลย จับทางแทบไม่ได้“จะทำอะไรครับ” พายุถามด้วยความสงสัย“ทำให้เฮียหายโกรธ” จู่ ๆ นิ่มก็นึกบางอย่างขึ้นได้เลยพูดอย่างมีเลศนัย“หือออ”นิ่มเงยหน้าขึ้นจากบ่ากว้างก่อนจะใช้แขนที่คล้องอยู่โน้มให้ใบหน้าพายุลงมาใกล้ตัว แล้วแนบริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ตอนแรกพายุก็ตกใจในการกระทำของเธอ ไม่คิดว่าหญิงสาวจะใจกล้าทำอะไรแบบนี้ได้พอตั้งสติเขาเลยแกล้งปิดปากสนิท นั้นทำให้ความอยากเอาชนะของนิ่มมีมากขึ้น ครั้งหนึ่งเธอก่อนตายเคยอยากขอโทษสามีด้วยวิธีแบบนี้ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสเพราะถึงเวลาเธอทำอะไรผิดเขาก็มักจะบอกว่าไม่โกรธหรือไม่เป็นไร [การอ้อนผู้ชายมันเป็นแบบนี้เองสินะ] พายุมองคนที่พยายามจะเปิดปากเขาอย่างพอใจ ลิ้นเล็กนุ่มกวาดไปริมฝีปากเขา นั่นทำให้เขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะลิ้มลองเลยเปิดปากตัวเองออกก่อนที่ลิ้นอีกฝ่ายจะแทรกเข้ามา เขาดูดดื่มและหยอกเย้ากับลิ้นเล็กนุ่ม
ตระกูลอนันท์พิบูรวงศ์ษา (5 เดือนต่อมา)“อุ๊ป! อ้วกกกก”เสียงอ้วกที่ดังออกมาจากห้องน้ำทำให้คนที่ยืนคอยอยู่ด้านนอกอดห่วงไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแกร๊ก~ ไม่นานร่างของคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำก็เดินออกมาด้วยสภาพที่อิดโรย“ที่รักคุณไหวหรือเปล่าคะ”นิ่มยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวให้เขาเช็ดหน้าตาตัวเอง หลังจากจบเรื่องราวทุกอย่างเธอกับพายุก็แต่งงานกันได้ 4 เดือนแล้ว เขาดูแลและปรนนิบัติกับเธอดีทุกอย่างแม้จะรู้ว่าตัวเธอไม่ใช่นิ่มคนเก่าอีกต่อไป เขาเคยมาสารภาพกับเธอว่าเริ่มสังเกตตัวเองมีปฏิกิริยาหรือความรู้สึกแตกต่างออกไปจากนิ่มคนเก่ากับเธอตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้วและอาจจะหลงรักนิ่มคนใหม่ตอนนั้นก็ได้“ไหวครับ” ถึงจะบอกว่าไหวแต่ตอนนี้เขาก็หน้ามืดมาก ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ ทั้งเอาแต่อ้วก อารมณ์ฉุนเฉียวก็ง่าย แถมยังอยากกินอาหารเปรี้ยวบ่อยๆ “แต่เฮียเป็นอะไรไม่รู้หรือว่าเฮียควรไปหาหมอดีครับที่รัก”“ใช่ค่ะ ควรไปหาหมอ...แต่ไม่ใช่ที่รักนะคะเป็นหนูนิ่มต่างหาก”“ที่รักเป็นอะไร!! ไม่สบายตรงไหนบอกเฮียมาเลย”เพียงแค่ได้ยินว่าภรรยาต้องไปหาหมอหัวใจเขาก็เต้นแรงด้วยความหวาดกลัว เขากลัวจนลืมว่าตัวเองต่างห
Dararai Hospitel (ห้องพักคนไข้ VVIP) “เฮียพายุคะ ตอนนี้ทิศพายัพเปลี่ยนมือหัวหน้าแล้วนะ วีได้เป็นหัวหน้าแทน เขายกเลิกพวกการค้าเถื่อนที่จะส่งเข้าไปทิศอื่น ๆ หนูนิ่มบอกเขาว่าสิ่งที่นารันต้องการมากที่สุดคือให้เขามีชีวิตเป็นของตัวเองเพราะนารันเธอก็ได้ตายไปแล้วอยากใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาจะทำตามที่หนูบอกไหมแต่ตอนนี้สำหรับหนูเหลือแค่เฮียแล้วนะแต่ถ้าเฮียไม่ฟื้นแบบนี้หนูก็ไม่เหลือใครสิ”หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนหนึ่งแล้ว พายุที่ถูกยิงเฉียดจุดสำคัญไปเพียงนิด แต่นั่นก็ทำให้เขาหลับไม่ได้สติมาเกือบเดือน เธอกลัวเหรอเกิน...กลัวว่าเขาจะเหมือนนิ่มที่หลับไปแล้วกลับมาไม่ใช่ตัวเองอีก แบบนั้นเธอคงทนไม่ได้แม้ว่าตอนนี้พายุจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอีกเพราะอาการคงที่มีเพียงเครื่องที่เอาไว้คอยวัดคลื่นความถี่ของหัวใจ ส่วนเธอก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลทุกวันเรื่องในแก๊งก็มีเธอคอยจัดการแทนเงียบ ๆ โดยให้คานกับแม็กเป็นคนออกหน้าแทน ส่วนเรื่องของอดีตสามีที่วีเป็นคนฆ่า หัวหน้าทิศคนอื่นลงความเห็นว่าเพราะหัวหน้าของทิศพายัพทำความผิดร้ายแรงโดยการสั่งคนไปทำผิดกฎหมายในเขตการปกครองคนอื่น ความจริงคนพวกนั้นก็อาจจะตั้
คฤหาสน์ตระกูลเวสิกา (3 วันต่อมา)“นายท่านครับผมเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว”“อืม...แล้วไอ้วีมันอยู่ที่ไหน”“มันหายไปตั้งแต่สองวันก่อนแล้วครับเจ้านาย”“มันได้ไปเจอใครบ้างไหม กูกำลังคิดว่าเรื่องลอบฆ่าของพวกเราคราวก่อนมันนี่แหละจะเป็นคนปล่อยข่าว” ศรันพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่โมโห ดีนะที่เขาวางแผนไว้ก่อนไม่อย่างนั้นเรื่องคงสาวมาถึงเขาแน่ว่าเป็นคนวางแผน“คนของเรารายงานว่ามันข้ามเข้าไปเขตของทิศบูรพาครับ”“บูรพางั้นเหรอ” พอได้ยินชื่อนี้เขาก็นึกถึงหน้าไอ้เด็กปากดีคนนั้นกับคู่หมั้นของมันที่รู้ความลับของภรรยา แถมวันงานมันยังเป็นคนเดียวในพวกหัวหน้าทิศที่ไม่ได้อยู่ในช่วงชุลมุน “หรือไอ้วีมันจะขายข่าวพวกเราให้ไอ้เด็กนั่น...แม่งเอ้ย!! แล้วบอกว่าซื่อสัตย์ต่อนารัน มึงมันก็โลภชอบหาผลประโยชน์เหมือนกันแหละว่ะ”“ให้ผมส่งคนไปตามเก็บมันดีไหมครับนายท่าน”“ดี!! แต่ถ้าจับเป็นได้ก็เอามาให้กูก่อนเดี๋ยวกูจะฆ่ามันด้วยมือของตัวเอง”“ครับ...คนของเราแจ้งว่าเตรียมรถสำหรับการเดินทางเรียบร้อยแล้วครับ”“งั้นก็ไปกันเถอะ”ท่าเรือทิศทักษิณรถยนต์สีดำไม่ต่ำกว่าสิบคันมุ่งตรงเข้ามาในทางลับ ศรันทำเรื่องการค้าอาวุธและยาแบบน
คฤหาสน์ตระกูลอัครสกูลวงศ์ (1 อาทิตย์ต่อมา)“กินข้าวหน่อยนะน้ำ อันนี้ของโปรดเราเลยนะ”นิ่มตักอาหารใส่ช้อนยื่นไปตรงหน้าหญิงสาวสติเลื่อนลอยมือของเธอกอดตุ๊กตาไว้ในอ้อมแขนแน่น สายตามองไปรอบๆ เหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่“อาร่อยมัยยย”“อร่อยสิ ลองกินก่อนนะเด็กดี”“เด็กดี! เด็กดี! น้ำเป็งเด็กดีจากิน”น่านน้ำอ้าปากงับเข้าที่ช้อนอย่างแรงจนเกิดเสียง นิ่มมองคนตรงหน้าตัวเองอย่างเวทนาอีกครั้ง เธอก็ไม่ได้อยากทำร้ายน่านน้ำหรอกนะแต่มันคงจะเป็นผลกรรมของแม่ที่ส่งมาถึงลูก ไม่ต่างจากตอนที่แม่ของนิ่มทำผิดต่อเพียงพรแล้วผลกรรมมาตกไปหาลูกสาว“คุณหนูคะคือมีผู้ชายมาขอเข้าพบค่ะ เขาบอกว่าชื่อวี”“วีงั้นเหรอ...เธอเชิญเขาไปนั่งรอฉันอยู่ที่ห้องรับแขก เสร็จแล้วก็มาป้อนข้าวน่านน้ำแทนฉันหน่อย”“ค่ะคุณหนู”ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ พายุก็เป็นคนรับใช้หรือแม้กระทั่งคนสวนชุดเก่าออกทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็นคนของตัวเองแทนเธอเลยไม่ต้องกังวลเรื่องใครมาลอบฆ่าอีก ส่วนพ่อกับแม่ของน่านน้ำก็ถูกขับออกจากทิศบูรพากลายเป็นเหมือนคนไร้บ้าน ไม่ต่างจากคนจรจัดตอนนี้ทั้งคู่อาจจะกำลังนั่งขอทานอยู่ที่ไหนสักที่ก็ได้
ตระกูลอนันท์พิบูรวงศ์ษา (3วันต่อมา) “อยู่ไหน นังนิ่มมันอยู่ไหน”“คุณเพียงพรอย่ามาโวยวายที่นี่ดีกว่านะครับ บอสของพวกผมคงจะไม่ชอบเท่าไหร่” “ออกไปอย่ายุ่งหมาคอยเฝ้าบ้านแบบพวกแกมีสิทธิ์อะไรมาขวางฉัน ไปลากอีนิ่มมาหาฉันเดี๋ยวนี้!!”เพียงพรไม่ใช่แค่ไม่ฟังคำเตือนของแม็ก แต่เธอยังออกอาการอาละวาดอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรนอกจากเรื่องทำให้ลูกสาวที่เสียสติของตัวเองกลับมาเป็นปกติเพราะแบบนั้นเลยกล้าบุกมาถึงที่ ที่ไม่ควรจะมาเพื่อถามอีเด็กเคยบ้าว่าทำยังไงถึงหายได้“โวยวายอะไรกัน!!”เสียงเจ้าของบ้านที่อยู่ตรงระเบียงชั้นสองยืนมองเหตุการณ์ความวุ่นวายด้านล่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย“พายุ! หลานช่วยบอกให้นังนิ่มลงมาหาหน่อย”“นังนิ่มงั้นเหรอครับ...เพิ่งรู้นะครับว่าคุณอาไม่ให้เกียรติผู้หญิงของผมขนาดนี้ นั่นสินะ! ถ้าให้เกียรติคงไม่จ้างคนมาลอบฆ่าหรอก”พายุพูดพร้อมกับเดินลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม แต่คำพูดของเขากับทำให้เพียงพรชะงักเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่ตัวเองทำ“พะ...พูดอะไรนะ”“งั้นคุณอาไปกับผมหน่อยดีไหมครับ จะได้รู้ว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” เขาก้าวขาลงจากบันไดขั้นสุดท้ายแล้วมาหยุ
“คุณยังจะทำแบบนั้นไปทำไมกันคะ...อ่อ จริงสินะฉันยังอยู่ในร่างนิ่ม คุณคงไม่อยากให้ฉันพาร่างนี้ไปมีอันตะ...อืออออ” นิ่มยังไม่ได้จบประโยคมือใหญ่ของพายุก็เอื้อมไปปิดปากเธอไว้ แม้ว่าเธอจะพยายามแกะมือของเขาออกแต่ก็ไม่ขยับเลยสักนิด “หยุดพูดได้ไหมก่อนที่เฮียจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ห้ามเข้ามายุ่งอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเฮียใจร้าย” พายุจ้องตาคู่สวยไม่หลบสายตา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าหัวใจของตัวเองเป็นของเธอ “แล้วจะให้ฉันทำยังไง” “กลับไปเป็นหนูนิ่มคนเดิม...คนที่ฟื้นมาในร่างของคนอื่น เฮียต้องการนิ่มคนนี้ อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจแต่เฮียไม่อยากให้นิ่มคนนั้นกลับมาอีก” “ทำไมคะ” “เพราะเฮียไม่อยากให้นิ่มคนตรงหน้าหายไป...เฮียนะหลงรักนิ่มคนนี้ไปจนหมดหัวใจแล้ว” นิ่มใจเต้นแรงเพียงแค่ได้ยินคำบอกของอีกฝ่าย เขาไม่ได้โกหกเธอใช่ไหม “คุณ...” “ชู่ว~ เรียกเฮียสิครับ ทำไมต้องหมางเมินเฮียขนาดนั้นหนูไม่รักเฮียบ้างเหรอ” “อย่ามาล้อเล่นนะคะ เฮียชอบนิ่มต่างหาก...แต่ฉันไม่ใช่นิ่มและไม่มีทางเป็นเธอได้ ถ้าเฮียจะให้ฉันเป็นตัว...” “เฮียไม่เคยเห็นนิ่มคนตรงหน้าเป็นตัวแทนใครเพราะคนที่เฮียรักคือ
PY Condominuim“ไม่มีอะไรจะพูดกับเฮียหน่อยเหรอครับ...หนูนิ่มคนใหม่”คำพูดที่แสนเย็นชาทำให้คนที่ฟังได้แต่นั่งถอนหายใจยาว หลังจากเหตุการณ์ในห้องน้ำจบลงพายุก็สั่งให้ลูกน้องมาเก็บกวาดทุกอย่างที่จะไม่สาวถึงตัวเธอ แล้วเขาก็พาเธอออกมาจากงานทันทีเพราะดูเหมือนว่าศรันจะเริ่มแผนที่วางไว้ ความวุ่นวายเลยเกิดขึ้น“คุณต้องการให้ฉันตอบเรื่องไหนคะ”นิ่มเลือกที่จะเปลี่ยนสรรพนามการเรียกระหว่างเธอกับเขาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ค่อยชอบให้เธอเป็นนิ่มอีก แต่สิ่งที่เธอคิดกับตรงข้ามกับพายุมาก ยิ่งเธอทำตัวห่างเหินเขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม“อยากบอกเรื่องไหนละครับ” แม้จะไม่ชอบใจความห่างเหินที่เธอมอบให้แต่เขาก็พยายามข่มความหงุดหงิดตัวเองเอาไว้“คุณถามว่าฉันไม่ใช่นิ่ม ใช่หรือเปล่าคะ...คำตอบคือใช่ค่ะ!”พายุชะงักเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วก้าวขาจากจุดที่ตัวเองยืนไปหาเธอ“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”“ตั้งแต่ที่ตื่นมาในโรงพยาบาล...ฉันก็ไม่ใช่หนูนิ่มของคุณอีก” เธอเลือกที่จะหยุดพูดแล้วหันมองปฏิกิริยาเขา แต่สีหน้าท่าทางของคนตรงหน้าเธอก็ช่างดูยากเหลือเกิน “ฉันชื่อนารันเป็นคนของตระกูลเวสิกา”“ตระกูลเวสิกางั้นเหรอ”“
“ใช่ค่ะก่อนหน้านี้นิ่มสติไม่สมประกอบจริงๆ แต่ตอนนี้ก็กลับมาเป็นปกติแล้ว...คุณแอลละคะได้ยินข่าวว่าคุณมีเชื้อของโรคHIV หายเป็นปกติแล้วเหรอคะ”คำถามของนิ่มทำให้ทุกคนต่างพากันตกใจ โดยเฉพาะแอลกับศรันที่คิดว่าเรื่องนี้มีเพียงคนในครอบครัวรู้จริงๆ“แก! แกไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”แอลที่รู้สึกอายปมด้อยของตัวเองเริ่มโวยวายไม่รักษากิริยาแบบผู้ดีเหมือนเมื่อกี้อีกแล้ว แถมยังจะปรี่เข้ามาทำร้ายนิ่มอีก แต่ดีที่พายุเอาตัวมาขวางไว้“ช่วยรักษามารยาทกับคนของผมด้วย เพราะไม่อย่างนั้นกูก็ไม่ต้องรักษาเหมือนกัน”แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะอายุมากกว่าแต่สำหรับพายุแล้วคนที่กล้าแตะต้องนิ่มก็ไม่มีอะไรต้องไว้หน้า“ใจเย็นครับคุณพายุ ภรรยาผมแค่ตกใจไม่คิดว่าคู่หมั้นของคุณจะเอาข่าวเท็จแบบนี้มาพูดแบบนี้”“คุณศรันจะบอกว่าคู่หมั้นผมโกหกอย่างนั้นเหรอครับ...รู้ไหมมันหมายถึงการใส่ร้ายว่าฉันที่เป็นหัวหน้าทิศบูรพาโกหกด้วย”สายตาของพายุแม้ว่าจะไม่ได้ดูโกรธหรือแสดงอาการอะไรออกมามาก แต่ก็ทำให้ศรันได้แต่กำมือเข้าหากันแน่นเพราะถิ่นที่ตัวเองปกครองมันแค่ส่วนเล็กๆ ถ้าเทียบกับบูรพาเพราะงั้นเขาเลยต้องยอมไอ้เด็กเมื่อวานซืนตรงหน้า[ปากดีนักกูจะ
บรรยากาศของยามดึก ท้องฟ้าตอนนี้มืดสนิทมีเพียงแสงของดวงดาวริบหรี่ ลมหนาวเย็นปะทะผิวกายแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนยืนอยู่ระเบียงท้าลมหนาวแม้แต่น้อย“เป็นไรครับทำไมดูใจลอยจัง” เสียงทุ้มของคนที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในห้องนอนเห็นร่างเล็กยืนเหม่อตรงระเบียงเลยเดินเข้ามากอดจากด้านหลัง ก่อนจะกระซิบถามเบาๆ ข้างหู“ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ” “เสร็จแล้วครับ แต่หนูยังไม่ตอบเฮียเลยทำไมถึงเหม่อแบบนั้น”“แค่คิดอะไรเพลินนะคะ”“บอกเฮียได้ไหมว่าเรื่องอะไร”พายุจับคนในอ้อมกอดพลิกมาเผชิญหน้ากับตัวเอง ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเธอดูเครียดและคิดมากต่างจากปกติ“ไม่มีอะไรค่ะ”“ทำไมต้องปิดบังด้วยครับ...ถึงตอนนี้หนูนิ่มจะเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าเฮียจะดูไม่ออกว่าหนูกำลังมีเรื่องคิดมากอยู่นะ” มือใหญ่แตะลงบนแก้มนุ่มก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ย“แล้วเฮียชอบหนูนิ่มตอนนี้หรือว่าชอบหนูนิ่มคนเดิมคะ?”ถ้าถามว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ก็คือเรื่องนี้แหละ ยิ่งเธอรู้ตัวว่าชอบ...ไม่สิต้องบอกว่ารักเขาเข้าแล้วเธอก็ยิ่งกลัว กลัวว่าความรู้สึกที่เขามีให้ตอนนี้มันเป็นแค่ของนิ่มคนเดิม ไม่ใช่นิ่มคนนี้“ทำไมถึงถามแบบนั้นครับ ไม่ว่าจะนิ่มคนไหนเฮีย