Dararai Hospitel (7 ปีต่อมา)
“เด็กน้อย...ถ้าเรายังไม่ตื่นอีกหลังจากนี้ไปเฮียจะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเราได้แล้วนะ”
[เสียงของใครกันนะ ทำไมฟังดูอ่อนโยนจัง]
น้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนพูดแผ่วเบาใกล้ๆ หญิงสาวที่กำลังหลับใหลเป็นเจ้าหญิงนิทรามาเกือบ 7 ปี เขาพยายามมากที่จะยื้อเธอไว้ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์
........
“อืออออ”
เสียงเปล่งออกมาจากลำคออย่างเหนื่อยล้าของร่างผอมแห้งที่หลับใหลราวกับเจ้าหญิงนิทราอยู่บนเตียงผู้ป่วยมาหลายปี ในที่สุดก็ยอมขยับตัวสักทีเปลือกตาที่ปิดสนิทมานานค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแต่กว่าสายตาของเธอจะปรับสภาพรับแสงและมองเห็นได้ชัดก็ใช้เวลาหลายนาทีเลย
“คุณคะนี่มันก็หลายปีแล้วจะยื้อไว้ทำไม อีกอย่างฟื้นขึ้นมาทำอย่างกลับมันจะหายบ้า รีบให้หมอถอดเครื่องช่วยพวกนี้ออกก็ตายแล้วไหม จะเสียเงินทำไมปีละเป็นล้านเพื่อช่วยคนไม่ประโยชน์”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงนิ่มก็เป็นลูกสาวผมคนหนึ่งเหมือนกัน” พจน์ รีบแสดงท่าทางไม่พอใจใส่ เพียงพร ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง
[น่ารำคาญจริงๆ ใครมาพูดแถวนี้]
คนที่นอนอยู่ค่อยๆ เหลือบสายตาไปมองทางต้นเสียง เธอรู้จักสองคนนี้เพราะทั้งคู่อยู่ในความฝันอันแสนยาวนานของเธอ ทำไมกันนะทั้งที่ไม่เคยรู้จักเลยสักนิดแต่ทำถึงได้ฝันเป็นเรื่องราวขนาดนั้น แล้วสายระโยงระยางพวกนี้คืออะไรหรือเธอจะถูกแทงแต่ยังไม่ตาย
“ไม่รู้ล่ะ!! ถ้ามันไม่ตายพายุก็ไม่ยอมแต่งงานกับน่านน้ำ คุณรักยัยนิ่มคิดว่ามันเป็นลูก แล้วน่านน้ำล่ะ!! น่านน้ำต่างหากที่เป็นคนต้องได้หมั้นกับพายุ ถ้าไม่ใช่เพราะอีเด็กบ้านี่เกิดมาลูกฉันก็ต้องได้สิ่งที่เหมาะสม”
“คุณเบาๆ หน่อยที่นี่โรงพยาบาลนะ”
“ใครมันจะได้ยิน อีเด็กบ้าสมอง 3 ขวบนี่นะเหรอ ให้มันตื่นขึ้นมาเลย ต่อให้ตื่นมันก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดหรอก”
เพียงพรพูดอย่างเดือดดาล เธอเกลียดแม่ของอีเด็กคนนี้ที่เอาตัวเข้าแลกมานอนกับสามีจนมีลูกด้วยกัน เกลียดตัวมันเกิดมาแย่งสิ่งที่ควรเป็นลูกสาวของเธอ เพราะตระกูลอัครสกูลวงศ์ของสามี มีสัญญาแต่งงานกับอนันท์พิบูรวงศ์ษาตระกูลเก่าแก่ที่มีอิทธิพลและยังผู้คุมแก๊งมาเฟียใหญ่แห่งทิศบูรพา แต่ในสัญญาดันมีข้อกำหนดว่าต้องแต่งกับลูกคนโตเพียงเท่านั้น
“แต่นิ่มยังไม่ตายไง ต่อให้เธอสมองเป็นแค่เด็ก 3 ขวบแต่พายุก็ยืนยันเองว่าจะแต่ง ขอแค่เธอยังมีชีวิตอยู่เขาจะไม่แต่งกับคนอื่น”
“ก็ใช่ไง!! เราถึงควรฆ่ามันหรือคุณเห็นลูกอีคนใช้ดีกว่าลูกสาวตามกฎหมาย”
“ผม...”
[เป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้เลย สิ่งที่คนเป็นพ่อควรตอบคือยังไงก็ลูกสาวตัวเองทั้งคู่สิ...แล้วเรี่ยวแรงฉันหายไปหมดเนี่ย]
“ไม่กล้าใช่ไหม งั้นฉันทำเองติดคุกฉันก็ยอม ขอแค่ลูกฉันได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก” เพียงพรปรี่ไปที่เตียงคนไข้ด้วยความโมโห แต่พอมาถึงเธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ดวงตาที่ปิดสนิทมาตลอดหลายปีตอนนี้กลับจ้องมาทางเธออย่างไม่วางตา
“คุณอย่าทำอะไรบะ...บ้า นิ่ม!!”
พจน์ที่รีบเข้ามาจะห้ามตกใจ เมื่อเห็นลูกสาวคนโตที่นอนเป็นผักมาหลายปีมองมาทางตัวเองกับภรรยา เขาตั้งสติได้ก็รีบกดสัญญาณเรียกหมอมาดูอาการ
“ญาติคนไข้ออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ”
หมอกับพยาบาลที่เข้ามาถึงก็รีบเชิญญาติคนป่วยออกไปข้างนอก
“เป็นเพราะคุณ ถ้าปล่อยให้มันตายตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว” เพียงพรกำมือเข้าหากันแน่น ถ้ามันฟื้นก็แปลว่าลูกสาวเธอก็จะไม่มีทางได้แต่งงานเข้าไปตระกูลนั้น ความหวังที่จะให้ลูกเป็นนายหญิงก็พังลงหมด
ไม่นานหมอที่หายเข้าไปในห้องก็ออกมาพร้อมกับรายงานการตรวจเพื่อรายงานให้ญาติคนไข้รู้ แต่สีหน้าทั้งสองคนไม่ได้ดูดีใจเลยสักนิด
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ อาจจะมีแค่อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเพราะไม่ได้ขยับร่างกายเป็นเวลานาน ทำกายภาพสัก 2 อาทิตย์ก็กลับแข็งแรงแล้วครับ”
“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ”
หลังจากหมอเดินออกไปพจน์ก็มองผ่านช่องกระจกตรงประตูมองลูกที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง
“เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวให้นมสามาเฝ้า”
“เป็นเพราะคุณไม่ยอมเด็ดขาด มันถึงยังอยู่เป็นหนามทิ่มแทงใจฉันอยู่แบบนี้” ตอนนี้นอกจากอีเด็กบ้าคนนี้แล้วยังมีสามีที่เธออยากจะฆ่าให้ตาย
ร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆ พยุงตัวให้ตัวเองลุกขึ้นหลังจากรู้สึกว่าเสียงพูดหน้าห้องพักเงียบไป
“ไม่ใช่ร่างเรา”
นารันยกมือทั้งสองข้างผอมแห้งขึ้นดู สายตาของเธอมองไปยังโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตรงหน้าที่กำลังสะท้อนร่างกายคนที่เธออาศัยอยู่
ทำไมเธอถึงมาอยู่ร่างนี้ได้นะ ถ้างั้นความฝันที่เธอเห็นซ้ำไปมา ความน่าเวทนาของเด็กหญิงสติไม่ค่อยสมประกอบคนนี้ได้รับมันคือเรื่องจริง ต้องจะปวดขนาดไหนกันนะสมองถึงได้จดจำขนาดนี้ แล้วตัวเราล่ะเป็นยังไง
ถึงแม้จะอยากรู้เรื่องของตัวเอง แต่ด้วยสภาพร่างกายที่แทบไม่มีแรงจะขยับด้วยซ้ำ จะให้หาความจริงอะไรได้
[นอนก่อนแล้วกัน มีแรงเมื่อไหร่ค่อยตามหาความจริง]
เธอเลือกที่จะเอนตัวลงนอนอีกครั้งเพราะความเหนื่อยล้า ร่างกายเด็กคนนี้อ่อนแอมากเกินไปจริงๆ แต่ก็อย่างว่าเธอจะไปดูแลอะไรได้สมองของเธอหยุดการพัฒนาและเรียนรู้แม้กระทั่งการดูแลปกป้องตัวเองไม่ได้
“คุณหนูนิ่มของนม ในที่สุดทูนหัวของนมก็ยอมตื่นสักที นอนนานขนาดนี้ไม่คิดถึงนมบางเหรอคะ”
มือที่แสนอบอุ่นลูบผมนุ่มสลวยด้วยความอ่อนโยน ดูเหมือนว่าแม้จิตใจและวิญญาณจะเป็นของนารัน แต่จิตใต้สำนึกกลับยังมีความรู้สึกของเจ้าของร่างคนเดิมหลงเหลืออยู่ นั่นเลยทำให้น้ำตาใสไหลลงอาบแก้มคนที่กำลังหลับ
[ดูท่าทางเธอจะรักแม่นมคนนี้มากสินะ]
ก็คงใช้แหละเพราะในความฝันก็มีแค่หญิงชราคนนี้คอยดูแลเธอ เอาเถอะฉันจะดูแลให้แทนก็แล้วกัน
“อืออออ” นารันส่งเสียงเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายไม่ตกใจว่าเธอตื่นแล้ว
“คุณหนูนี่นมทำให้ตื่นหรือเปล่าคะ”
เธอเลือกที่จะส่ายหัวไปมาแทนการตอบด้วยคำพูด เธอยังไม่คุ้นชินกับการพูดแบบนั้น ขืนพูดแบบคนปกติมีหวังตกใจกันแน่
“หิวน้ำหรือเปล่าคะ” สาถามคนที่เพิ่งฟื้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หญิงสาวก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับ เธอเลยเดินไปรินน้ำใส่แก้วพร้อมกับใส่หลอดให้อีกฝ่ายดูด “ค่อยๆ ดื่มนะคะ 7 ปีแล้วสินะที่คุณหนูนอนอยู่แบบนี้”
พรวด!!
“แค่ก ๆ “
คนที่กำลังดื่มน้ำพอได้ยินคำว่า 7 ปีก็ทำเอาเธอถึงกับสำลักน้ำออกมา
[ตอนนี้พอพ.ศ.อะไร?]
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” สาเห็นนิ่มหน้าแดงก่ำก็ถามด้วยความตกใจ ยิ่งเห็นหญิงสาวหันมองซ้าย ขวาด้วยท่าทางร้อนรนเธอยิ่งเป็นห่วง ปกติคุณหนูถ้าเป็นแบบนี้แปลว่ากำลังกลัวอะไรอยู่ นารันเลือกที่จะส่ายหัวไปมาดูท่าทางเธอคงต้องหาคำตอบเรื่องนี้
[เด็กสาวคนนี้ตกน้ำตายก่อนแล้วเธอเพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างตอนที่ถูกแทงหรือว่าตัวเธอเองอาจจะหลับแล้วแค่สลับร่างกัน...ไม่ก็ร้ายแรงหน่อยก็คือเธอตายเมื่อ 7 ปีที่แล้ว]
2 วันถัดมา “คุณนมขา...หนูนิ่มหิว” “ตายแล้ว!! คุณหนูยอมคุยกับนมแล้วเหรอคะ หิวเหรองั้นเดี๋ยวนมลงไปซื้อของกินที่คุณหนูชอบให้ รอนมอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ” “ค่า~” คนที่ถูกหลอกล้อว่าจะได้ของกินที่ชอบกว้างอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนที่มองอดยิ้มก่อนเดินออกจากห้องมา แต่อีกฝ่ายหารู้ไหมว่าเพียงแค่ประตูปิดลงใบหน้ายิ้มแย้มก็เรียบเฉย “เฮ้อ~ คงต้องรีบออกไปก่อนที่นมสาจะกลับมา” เธอพยุงร่างเล็กของนิ่มลงจากเตียงอย่างลำบากเพราะร่างกายเด็กคนนี้อ่อนแอและเหนื่อยง่ายมากเกินไป จะทำอะไรก็ไม่ทันใจเธอเลยสักนิด แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ต้องหาคำตอบที่อยากรู้ให้ได้ ขาเล็กก้าวผ่านประตูห้องคนไข้ออกมา เธอไม่ลืมที่จะหันกลับไปดูเลขห้องเพื่อตอนกลับมาไม่เข้าผิด “คุณคนสวยคะ...ฉันขอรบกวนยืมโทรศัพท์หน่อยได้หรือเปล่า พอดีฉันตามหาญาติไม่เจอ จะไปที่เคาน์เตอร์บริการก็เดินลำบาก” หลังจากเดินออกมาสักพักเธอก็เห็นผู้หญิงแต่งตัวดูดี ไม่คุ้นตาในความทรงจำของนิ่ม เลยคิดว่าไม่น่าจะใช่คนรู้จุก เธอเลือกผู้หญิงคนนี้ในการหาความจริงอะไรบางอย่างโดยการใช้คำพูดจาหวานเพื่อหว่านล้อมให้เธอยอมช่วยเหลือ “ได้ค่ะ...นี่ค่ะ” นารันมองโทรศัพท์แบบพับได้ในมือตัวเองก่อ
ตกดึกของวันนั้น หญิงสาวที่เป็นคนไข้ตื่นขึ้นมาในยามวิกาล เธอลุกขึ้นเดินลงจากเตียงแล้วตรงมาหาแม่นมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆ คนหลับเบามือมากที่สุด ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง“ดีนะที่เป็นรุ่นไม่ใหม่มาก ไม่งั้นคงใช้ไม่เป็นแน่”นารันกดค้นหาข้อมูลก่อนจะเข้าอีเมลตัวเองที่ไม่ได้ใช้มาเกือบ 7 ปี ดีนะที่บัญชียังไม่ถูกปิดใช้บริการไปถึง Veehaiyai@gmalh.comฉันรู้เรื่องการตายของนารันเมื่อ 7 ปีก่อน ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมมาเจอกันที่ดาดฟ้า Dararai Hospitel พรุ่งนี้มาเจอกันตอนบ่ายโมงห้ามสายเด็ดขาดหวังว่าวีคงจะยังใช้อีเมลอยู่และเข้าอ่านมันนะเพราะทั้งสองแอคเคาท์มีเพียงเธอกับวีเท่านั้นที่รู้ ถ้าเขาได้อ่านมันคงจะมาเจอเธอแน่ๆ หลังจากนั้นเธอก็ลบทุกอย่างออกจากโทรศัพท์นมสาแล้วเดินเอากลับไปวางไว้ที่เดิม“ขอโทษนะนมสา พรุ่งนี้หลับไปสักพักก่อน”เธอเปิดลิ้นชักแล้วหยิบยาเม็ดนอนหลับเล็กๆ ออกมา เพราะนมสาเล่าอาการที่เธอเดินออกจากห้องพักคนเดียว หมอเลยให้ยามาหนึ่งเม็ดเพิ่มเมื่อวาน แต่เธอไม่ได้กินเลือกที่จะแอบเก็บไว้เผื่อต้องใช้และก็ได้ใช้มันจริง............“คุณหนูนอนรอนมอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวนมขอเข้าห้อง
“คาน”“ครับบอส”“ไปสืบมาว่ามือขวาของหัวหน้าแก๊งพายัพมาทำอะไรถิ่นเรา”พายุที่เพิ่งเดินชนกับชายที่เป็นมือขวาคนสำคัญของแก๊งนั้นถึงกลับต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ปกติแล้วพวกมีตำแหน่งจะไม่ค่อยมาเองแบบนี้หรอก แปลว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ๆ“ครับบอส”“นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปเยี่ยมนิ่มคนเดียวได้”“ครับ”คานตอบรับและเดินออกไปทันที ส่วนพายุก็มาที่ห้องพักผู้ป่วยน่าแปลกใจที่พอเดินเข้ามาแล้วไร้ร่างนมสานั่งอยู่ใกล้ ๆ คนป่วยเช่นทุกที เขาก้าวขามาหยุดยืนข้างเตียงคนป่วยแล้วมองคนที่หลับอย่างเหนื่อยใจ เขามองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งสายตาก็ไปสะดุดกับหญิงวัยกลางคนนอนหลับอยู่ มันทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้เพราะขนาดเขาเดินมาหยุดใกล้ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร เขาเลยใช้นิ้วไปจ่อตรงจมูก ลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้เขาโล่งใจ“นมสาหลับค่า”พายุหันไปมองตามเสียงก็เห็นหญิงสาวที่หลับเมื่อกี้ ลุกนั่งกอดตุ๊กตาตัวโปรดไว้แน่น “คุณนมทำไมหลับลึกขนาดนี้ครับคนเก่ง”“นมสาเหนื่อยยยย หนูนิ่มก็เหนื่อยยยยเย้ยนอนหลับสบาย~” ท่าทางน่าเอ็นดูของเธอทำให้พายุอดยิ้มไม่ได้ เขานั่งลงบนเตียงข้างๆ คนป่วย แล้ววางมือใหญ่ลงบนหัวเธอแบบที่ชอบทำบ่อยๆ แต่คนที่เ
“คุณหนู! นมสาขอโทษนะคะ”สาที่เพิ่งตื่นจากการนอนพอรู้สึกตัวเธอก็รีบกลับมาหาคุณหนูตัวเองทันที ดีนะที่พอเข้ามาเจอพายุเลยโล่งใจหน่อย“นมสาตื่นแล้วเย้ๆ” นิ่มตบมือตัวเองด้วยความดีใจ ในสายตาพายุกับนมสานิ่มดูบริสุทธิ์ทั้งร่างกายและจิตใจ “เดี๋ยวเฮียขอคุยกับนมสาก่อนได้หรือเปล่าครับ”“ค่า~”พอได้รับคำอนุญาตทั้งคู่ก็เดินปลีกตัวออกไปยืนคุยกันไม่ไกลมากนัก“ที่นมสาขอร้องให้ผมช่วยพูดเรื่องย้ายนิ่มไปบ้านคุณหญิงย่า ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะครับ” ความจริงเรื่องนี้นมสาขอร้องเขามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่นิ่มตกน้ำและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา“จริงเหรอคะ!! ดีจริง ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดีเลย นมน่าจะขอร้องให้คุณพายุออกหน้าตั้งนานแล้ว”“ไม่หรอกครับ อีกอย่างสถานะตอนนั้นต่อให้ออกหน้าใครก็คงไม่มีคนยอมทำตาม” คำว่าอำนาจมันน่ากลัวก็แบบนี้แหละ ตั้งแต่เขาขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าอยู่เหนือทุกคน ทุกอย่างก็พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือทันที “แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นนมก็ต้องขอบคุณแทนคุณหนู คุณพายุดีกับคุณหนูมาก ทั้งที่ทางนี้ไม่เคยทำอะไรให้เลยมีแต่รับ”“ไม่เลย...ผมต่างหากที่รับจากน้องมามากแล้ว” พายุพูดพร้อมกับมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเตีย
ภายในห้องโดยสารชั้นเฟิร์สคลาสชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินลำนี้จะเดินทางไปต่างประเทศ สีหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียดหลังจากได้ยินรายงานจากลูกน้องคนสนิทผ่านโทรศัพท์“แล้วตอนนี้หนูนิ่มเป็นยังบ้าง” (คุณหนูหลับไปแล้วครับ หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แผลตามตัวไม่มีจะมีก็แค่รอยบีบที่คอ) “เวรเอ้ย!! มึงยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอแม็ก กูสั่งให้มึงไปดูแลเธอแต่มึงกลับทำพลาด รู้ใช่ไหมว่าถ้ากูกลับไปมึงจะเจอกับอะไร” (ครับบอส) แม็กตอบรับความผิดของตัวเองที่ล่ะหลวม ถ้าไม่ใช่ว่าเขาออกไปซื้อกาแฟเรื่องทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ อีกอย่างถ้าเป็นคนอื่นทำงานพลาดป่านนี้คงถูกสั่งเก็บไปแล้ว“ให้คนไปสืบว่าใครส่งมันมา” (ครับ) หลังจากวางสายเสร็จใบหน้าพายุยิ่งตึงเครียดมากกว่าเดิม ดูเหมือนว่านิ่มจะถูกเพ่งเล็งจากใครสักคนสินะ ถ้าอย่างนั้นเหตุการณ์ตกน้ำเมื่อ 7 ปีก่อนคงไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแต่ใครกันล่ะที่ปองร้ายเธอ ทั้งที่เด็กคนนั้นไม่เคยทำร้ายใครเลยแท้ๆ และยังเป็นคนที่ทำให้เขาอยากมีชีวิตเพื่ออยู่ต่อ'พี่ขา'เด็กชายวัย 15 ปีที่เพิ่งมาถึงบ้านหลังพร้อมกับพ่อและแม่หันไปมองเด็กหญิงที่อุ้มตุ๊กตาเดินมาหาตัวเอง ไม่รู้ทำไมเ
3 วันต่อมาคนป่วยที่กำลังนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงมองหญิงสูงวัยดูน่าเกรงขามตรงหน้า คนนี้นะเหรอ คุณหญิงอรวรรณ อัครสกูลวงศ์ ความทรงจำเกี่ยวกับท่านในจิตใต้สำนึกของนิ่มน้อยมากจนเธอ อาจจะเพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันด้วย“คุณหนูของนมสวัสดีคุณหญิงย่าสิคะ” สารีบบอกเมื่อเห็นว่านิ่มจ้องย่าไม่วางตา“สวัสดีค่าคุณย่า” นิ่มยกมือสองข้างประกบเข้าหากันแล้วยิ้มกว้าง“ไหว้พระเถอะหนูนิ่ม หมดเคราะห์หมดโศกนะลูก” อรวรรณลูบหัวหลานสาวอย่างอ่อนโยน แม้ว่าเธอจะมีแม่เป็นแค่คนใช้ที่พยายามปีนขึ้นเตียงเจ้านายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่เด็กที่เกิดมาก็ไม่รู้เรื่องด้วยอีกอย่างคงเป็นกรรมที่ติดตัวมาถึงทำให้นิ่มไม่เหมือนกับคนทั่วไป แล้วแบบนี้คนแก่แบบเธอยังจะจงเกลียดจงชังหลานได้อีกเหรอ“วันนี้กลับบ้านกับย่านะลูกไปอยู่ด้วยกัน อยากอยู่กับย่าไหม”“อยู่กับคุณย่า นิ่มอยากอยู่กับคุณย่าเย้ๆ” นิ่มปรบมือรัวๆ อย่างดีใจ ทำเอาคนที่มองอยู่ต่างพากันยิ้มตามหลังจากนั้นหมอก็เข้ามาตรวจอาการนิ่มอีกรอบก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ พอทุกอย่างเรียบร้อยคุณหญิงย่าก็พาเธอกับนมสากลับทันทีโดยมีแม็กคอยคุ้มกันอยู่ตลอดเวลาจนถึงคฤหาสน์หลังใหญ่คฤหาสน์เก่าตระกูล
ตระกูลอนันท์พิบูรวงศ์ษาปัง!! มือใหญ่ตีลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ทำให้ลูกน้องคนสนิททั้ง 2 คน ถึงกับสะดุ้งเพราะดูจากท่าทางแล้วพวกเราคงไม่รอด“มันจะมีหมอเทวดาที่ไหนทำเรื่องแบบนั้นได้”พายุกำมือเข้าหากันแน่นเพราะห่วงความปลอดภัยของนิ่ม หลังจากตัวเองกลับมาจากคุยงานก็ได้รับรายงานว่านิ่มถูกพาไปรักษาโรคออทิสติก มันจะมีหมอเทวดาที่ไหนทำได้แบบนั้นแถมขอเวลาแค่ 3 เดือน เขาพยายามที่จะสอบถามคุณหญิงย่าแต่ท่านก็ไม่ยอมบอก จะให้เขาเอากฎมาเฟียไปบีบเอาคำตอบเหมือนลูกน้องก็ไม่ได้เพราะท่านก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เขาเคารพ อีกอย่างปู่ที่ตายไปก็แจ้งไว้ชัดเจนว่าคนของตระกูลอัครสกูลวงศ์จะถูกละเว้นความผิดทั้งหมด“พวกมึงไปหานักสืบสายนอกส่งเข้าไปมาทิศอื่น ในเมื่อกูหาเขตตัวเองไม่เจอก็แปลว่านิ่มถูกไอ้หมอลวงโลกคนนั้นพาไปถิ่นแน่” “ครับบอส!!” แม็กกับคานตอบรับพร้อมกัน ดูท่าทางถ้าพวกเขายังไม่มีข่าวคราวของคุณหนูนิ่มอาจจะหัวหลุดออกจากบ่ากันเลยก็ได้ พายุถอนหายใจยาวด้วยความหงุดหงิดหลังจากลูกน้องทั้งสองคนเดินออกจากห้องไปทำงานตามที่เขาสั่ง เป็นเพราะเขาติดธุระเลยกลับมาช้ากว่ากำหนด ถ้าเขากลับมาเวลาเดิมก็คงไม่มีใครพานิ่ม
หลังจากเสร็จพิธีหมั้นแขกก็เริ่มทยอยกลับ ตอนนี้นิ่มถูกพามานั่งรอในห้องที่พายุจองไว้เป็นพิเศษ ไม่นานคนที่ให้เธอมารอก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ เธอ“หนูนิ่มครับ เฮียขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่า”“ค่ะ”“หมอคนนั้นทำอะไรกับเราหรือเปล่า ทำไมถึง...”“ถึงหายบ้านะเหรอคะ” เธอฉีกยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ความจริงนิ่มก็จำอะไรไม่ได้เหมือนว่าคุณหมอจะใช้การสะกดจิตน่ะค่ะ แล้วก็พาไปสูดอากาศปลอดโปร่ง...นิ่มก็อธิบายไม่ถูก เฮียต้องการคำตอบตอนนี้เลยเหรอคะ”พายุถึงกับต้องถอนหายใจยาวออกมาเมื่อคนตัวเล็กส่งสายตาอ้อนเขา นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่รู้จักนิ่มมาที่เธอมาท่าทางออดอ้อนเหมือนที่ผู้หญิงทั่วไปทำกัน “เฮ้อ~ เอาไว้วันหลังก็ได้ครับ แต่ว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไรจริงๆ ใช่ไหม”“จริงค่ะ”“งั้นก็ดีแล้วครับ หนูนิ่มบอกเฮียได้หรือเปล่าว่าหมอคนนั้นพาไปอยู่ที่ไหนมา”“หนูนิ่มก็ไม่รู้จักเหมือนกันค่ะ เฮียพายุก็น่าจะรู้นิคะว่านอกจากบ้านแล้วหนูนิ่มไม่เคยไปไหนเลย...แต่ว่าหนูนิ่มก็พออธิบายได้ว่าที่นั่นมีทะเล บ้านตั้งอยู่บนภูเขา มองลงไปเห็นทะเลค่ะ”พายุนึกถึงสถานที่ตามที่นิ่มบอก ถ้าพื้นที่มีทะเลรายล้อมเป็นส่วนใ
ตระกูลอนันท์พิบูรวงศ์ษา (5 เดือนต่อมา)“อุ๊ป! อ้วกกกก”เสียงอ้วกที่ดังออกมาจากห้องน้ำทำให้คนที่ยืนคอยอยู่ด้านนอกอดห่วงไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแกร๊ก~ ไม่นานร่างของคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำก็เดินออกมาด้วยสภาพที่อิดโรย“ที่รักคุณไหวหรือเปล่าคะ”นิ่มยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวให้เขาเช็ดหน้าตาตัวเอง หลังจากจบเรื่องราวทุกอย่างเธอกับพายุก็แต่งงานกันได้ 4 เดือนแล้ว เขาดูแลและปรนนิบัติกับเธอดีทุกอย่างแม้จะรู้ว่าตัวเธอไม่ใช่นิ่มคนเก่าอีกต่อไป เขาเคยมาสารภาพกับเธอว่าเริ่มสังเกตตัวเองมีปฏิกิริยาหรือความรู้สึกแตกต่างออกไปจากนิ่มคนเก่ากับเธอตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้วและอาจจะหลงรักนิ่มคนใหม่ตอนนั้นก็ได้“ไหวครับ” ถึงจะบอกว่าไหวแต่ตอนนี้เขาก็หน้ามืดมาก ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ ทั้งเอาแต่อ้วก อารมณ์ฉุนเฉียวก็ง่าย แถมยังอยากกินอาหารเปรี้ยวบ่อยๆ “แต่เฮียเป็นอะไรไม่รู้หรือว่าเฮียควรไปหาหมอดีครับที่รัก”“ใช่ค่ะ ควรไปหาหมอ...แต่ไม่ใช่ที่รักนะคะเป็นหนูนิ่มต่างหาก”“ที่รักเป็นอะไร!! ไม่สบายตรงไหนบอกเฮียมาเลย”เพียงแค่ได้ยินว่าภรรยาต้องไปหาหมอหัวใจเขาก็เต้นแรงด้วยความหวาดกลัว เขากลัวจนลืมว่าตัวเองต่างห
Dararai Hospitel (ห้องพักคนไข้ VVIP) “เฮียพายุคะ ตอนนี้ทิศพายัพเปลี่ยนมือหัวหน้าแล้วนะ วีได้เป็นหัวหน้าแทน เขายกเลิกพวกการค้าเถื่อนที่จะส่งเข้าไปทิศอื่น ๆ หนูนิ่มบอกเขาว่าสิ่งที่นารันต้องการมากที่สุดคือให้เขามีชีวิตเป็นของตัวเองเพราะนารันเธอก็ได้ตายไปแล้วอยากใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาจะทำตามที่หนูบอกไหมแต่ตอนนี้สำหรับหนูเหลือแค่เฮียแล้วนะแต่ถ้าเฮียไม่ฟื้นแบบนี้หนูก็ไม่เหลือใครสิ”หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนหนึ่งแล้ว พายุที่ถูกยิงเฉียดจุดสำคัญไปเพียงนิด แต่นั่นก็ทำให้เขาหลับไม่ได้สติมาเกือบเดือน เธอกลัวเหรอเกิน...กลัวว่าเขาจะเหมือนนิ่มที่หลับไปแล้วกลับมาไม่ใช่ตัวเองอีก แบบนั้นเธอคงทนไม่ได้แม้ว่าตอนนี้พายุจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอีกเพราะอาการคงที่มีเพียงเครื่องที่เอาไว้คอยวัดคลื่นความถี่ของหัวใจ ส่วนเธอก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลทุกวันเรื่องในแก๊งก็มีเธอคอยจัดการแทนเงียบ ๆ โดยให้คานกับแม็กเป็นคนออกหน้าแทน ส่วนเรื่องของอดีตสามีที่วีเป็นคนฆ่า หัวหน้าทิศคนอื่นลงความเห็นว่าเพราะหัวหน้าของทิศพายัพทำความผิดร้ายแรงโดยการสั่งคนไปทำผิดกฎหมายในเขตการปกครองคนอื่น ความจริงคนพวกนั้นก็อาจจะตั้
คฤหาสน์ตระกูลเวสิกา (3 วันต่อมา)“นายท่านครับผมเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว”“อืม...แล้วไอ้วีมันอยู่ที่ไหน”“มันหายไปตั้งแต่สองวันก่อนแล้วครับเจ้านาย”“มันได้ไปเจอใครบ้างไหม กูกำลังคิดว่าเรื่องลอบฆ่าของพวกเราคราวก่อนมันนี่แหละจะเป็นคนปล่อยข่าว” ศรันพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่โมโห ดีนะที่เขาวางแผนไว้ก่อนไม่อย่างนั้นเรื่องคงสาวมาถึงเขาแน่ว่าเป็นคนวางแผน“คนของเรารายงานว่ามันข้ามเข้าไปเขตของทิศบูรพาครับ”“บูรพางั้นเหรอ” พอได้ยินชื่อนี้เขาก็นึกถึงหน้าไอ้เด็กปากดีคนนั้นกับคู่หมั้นของมันที่รู้ความลับของภรรยา แถมวันงานมันยังเป็นคนเดียวในพวกหัวหน้าทิศที่ไม่ได้อยู่ในช่วงชุลมุน “หรือไอ้วีมันจะขายข่าวพวกเราให้ไอ้เด็กนั่น...แม่งเอ้ย!! แล้วบอกว่าซื่อสัตย์ต่อนารัน มึงมันก็โลภชอบหาผลประโยชน์เหมือนกันแหละว่ะ”“ให้ผมส่งคนไปตามเก็บมันดีไหมครับนายท่าน”“ดี!! แต่ถ้าจับเป็นได้ก็เอามาให้กูก่อนเดี๋ยวกูจะฆ่ามันด้วยมือของตัวเอง”“ครับ...คนของเราแจ้งว่าเตรียมรถสำหรับการเดินทางเรียบร้อยแล้วครับ”“งั้นก็ไปกันเถอะ”ท่าเรือทิศทักษิณรถยนต์สีดำไม่ต่ำกว่าสิบคันมุ่งตรงเข้ามาในทางลับ ศรันทำเรื่องการค้าอาวุธและยาแบบน
คฤหาสน์ตระกูลอัครสกูลวงศ์ (1 อาทิตย์ต่อมา)“กินข้าวหน่อยนะน้ำ อันนี้ของโปรดเราเลยนะ”นิ่มตักอาหารใส่ช้อนยื่นไปตรงหน้าหญิงสาวสติเลื่อนลอยมือของเธอกอดตุ๊กตาไว้ในอ้อมแขนแน่น สายตามองไปรอบๆ เหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่“อาร่อยมัยยย”“อร่อยสิ ลองกินก่อนนะเด็กดี”“เด็กดี! เด็กดี! น้ำเป็งเด็กดีจากิน”น่านน้ำอ้าปากงับเข้าที่ช้อนอย่างแรงจนเกิดเสียง นิ่มมองคนตรงหน้าตัวเองอย่างเวทนาอีกครั้ง เธอก็ไม่ได้อยากทำร้ายน่านน้ำหรอกนะแต่มันคงจะเป็นผลกรรมของแม่ที่ส่งมาถึงลูก ไม่ต่างจากตอนที่แม่ของนิ่มทำผิดต่อเพียงพรแล้วผลกรรมมาตกไปหาลูกสาว“คุณหนูคะคือมีผู้ชายมาขอเข้าพบค่ะ เขาบอกว่าชื่อวี”“วีงั้นเหรอ...เธอเชิญเขาไปนั่งรอฉันอยู่ที่ห้องรับแขก เสร็จแล้วก็มาป้อนข้าวน่านน้ำแทนฉันหน่อย”“ค่ะคุณหนู”ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ พายุก็เป็นคนรับใช้หรือแม้กระทั่งคนสวนชุดเก่าออกทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็นคนของตัวเองแทนเธอเลยไม่ต้องกังวลเรื่องใครมาลอบฆ่าอีก ส่วนพ่อกับแม่ของน่านน้ำก็ถูกขับออกจากทิศบูรพากลายเป็นเหมือนคนไร้บ้าน ไม่ต่างจากคนจรจัดตอนนี้ทั้งคู่อาจจะกำลังนั่งขอทานอยู่ที่ไหนสักที่ก็ได้
ตระกูลอนันท์พิบูรวงศ์ษา (3วันต่อมา) “อยู่ไหน นังนิ่มมันอยู่ไหน”“คุณเพียงพรอย่ามาโวยวายที่นี่ดีกว่านะครับ บอสของพวกผมคงจะไม่ชอบเท่าไหร่” “ออกไปอย่ายุ่งหมาคอยเฝ้าบ้านแบบพวกแกมีสิทธิ์อะไรมาขวางฉัน ไปลากอีนิ่มมาหาฉันเดี๋ยวนี้!!”เพียงพรไม่ใช่แค่ไม่ฟังคำเตือนของแม็ก แต่เธอยังออกอาการอาละวาดอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรนอกจากเรื่องทำให้ลูกสาวที่เสียสติของตัวเองกลับมาเป็นปกติเพราะแบบนั้นเลยกล้าบุกมาถึงที่ ที่ไม่ควรจะมาเพื่อถามอีเด็กเคยบ้าว่าทำยังไงถึงหายได้“โวยวายอะไรกัน!!”เสียงเจ้าของบ้านที่อยู่ตรงระเบียงชั้นสองยืนมองเหตุการณ์ความวุ่นวายด้านล่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย“พายุ! หลานช่วยบอกให้นังนิ่มลงมาหาหน่อย”“นังนิ่มงั้นเหรอครับ...เพิ่งรู้นะครับว่าคุณอาไม่ให้เกียรติผู้หญิงของผมขนาดนี้ นั่นสินะ! ถ้าให้เกียรติคงไม่จ้างคนมาลอบฆ่าหรอก”พายุพูดพร้อมกับเดินลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม แต่คำพูดของเขากับทำให้เพียงพรชะงักเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่ตัวเองทำ“พะ...พูดอะไรนะ”“งั้นคุณอาไปกับผมหน่อยดีไหมครับ จะได้รู้ว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” เขาก้าวขาลงจากบันไดขั้นสุดท้ายแล้วมาหยุ
“คุณยังจะทำแบบนั้นไปทำไมกันคะ...อ่อ จริงสินะฉันยังอยู่ในร่างนิ่ม คุณคงไม่อยากให้ฉันพาร่างนี้ไปมีอันตะ...อืออออ” นิ่มยังไม่ได้จบประโยคมือใหญ่ของพายุก็เอื้อมไปปิดปากเธอไว้ แม้ว่าเธอจะพยายามแกะมือของเขาออกแต่ก็ไม่ขยับเลยสักนิด “หยุดพูดได้ไหมก่อนที่เฮียจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ห้ามเข้ามายุ่งอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเฮียใจร้าย” พายุจ้องตาคู่สวยไม่หลบสายตา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าหัวใจของตัวเองเป็นของเธอ “แล้วจะให้ฉันทำยังไง” “กลับไปเป็นหนูนิ่มคนเดิม...คนที่ฟื้นมาในร่างของคนอื่น เฮียต้องการนิ่มคนนี้ อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจแต่เฮียไม่อยากให้นิ่มคนนั้นกลับมาอีก” “ทำไมคะ” “เพราะเฮียไม่อยากให้นิ่มคนตรงหน้าหายไป...เฮียนะหลงรักนิ่มคนนี้ไปจนหมดหัวใจแล้ว” นิ่มใจเต้นแรงเพียงแค่ได้ยินคำบอกของอีกฝ่าย เขาไม่ได้โกหกเธอใช่ไหม “คุณ...” “ชู่ว~ เรียกเฮียสิครับ ทำไมต้องหมางเมินเฮียขนาดนั้นหนูไม่รักเฮียบ้างเหรอ” “อย่ามาล้อเล่นนะคะ เฮียชอบนิ่มต่างหาก...แต่ฉันไม่ใช่นิ่มและไม่มีทางเป็นเธอได้ ถ้าเฮียจะให้ฉันเป็นตัว...” “เฮียไม่เคยเห็นนิ่มคนตรงหน้าเป็นตัวแทนใครเพราะคนที่เฮียรักคือ
PY Condominuim“ไม่มีอะไรจะพูดกับเฮียหน่อยเหรอครับ...หนูนิ่มคนใหม่”คำพูดที่แสนเย็นชาทำให้คนที่ฟังได้แต่นั่งถอนหายใจยาว หลังจากเหตุการณ์ในห้องน้ำจบลงพายุก็สั่งให้ลูกน้องมาเก็บกวาดทุกอย่างที่จะไม่สาวถึงตัวเธอ แล้วเขาก็พาเธอออกมาจากงานทันทีเพราะดูเหมือนว่าศรันจะเริ่มแผนที่วางไว้ ความวุ่นวายเลยเกิดขึ้น“คุณต้องการให้ฉันตอบเรื่องไหนคะ”นิ่มเลือกที่จะเปลี่ยนสรรพนามการเรียกระหว่างเธอกับเขาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ค่อยชอบให้เธอเป็นนิ่มอีก แต่สิ่งที่เธอคิดกับตรงข้ามกับพายุมาก ยิ่งเธอทำตัวห่างเหินเขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม“อยากบอกเรื่องไหนละครับ” แม้จะไม่ชอบใจความห่างเหินที่เธอมอบให้แต่เขาก็พยายามข่มความหงุดหงิดตัวเองเอาไว้“คุณถามว่าฉันไม่ใช่นิ่ม ใช่หรือเปล่าคะ...คำตอบคือใช่ค่ะ!”พายุชะงักเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วก้าวขาจากจุดที่ตัวเองยืนไปหาเธอ“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”“ตั้งแต่ที่ตื่นมาในโรงพยาบาล...ฉันก็ไม่ใช่หนูนิ่มของคุณอีก” เธอเลือกที่จะหยุดพูดแล้วหันมองปฏิกิริยาเขา แต่สีหน้าท่าทางของคนตรงหน้าเธอก็ช่างดูยากเหลือเกิน “ฉันชื่อนารันเป็นคนของตระกูลเวสิกา”“ตระกูลเวสิกางั้นเหรอ”“
“ใช่ค่ะก่อนหน้านี้นิ่มสติไม่สมประกอบจริงๆ แต่ตอนนี้ก็กลับมาเป็นปกติแล้ว...คุณแอลละคะได้ยินข่าวว่าคุณมีเชื้อของโรคHIV หายเป็นปกติแล้วเหรอคะ”คำถามของนิ่มทำให้ทุกคนต่างพากันตกใจ โดยเฉพาะแอลกับศรันที่คิดว่าเรื่องนี้มีเพียงคนในครอบครัวรู้จริงๆ“แก! แกไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”แอลที่รู้สึกอายปมด้อยของตัวเองเริ่มโวยวายไม่รักษากิริยาแบบผู้ดีเหมือนเมื่อกี้อีกแล้ว แถมยังจะปรี่เข้ามาทำร้ายนิ่มอีก แต่ดีที่พายุเอาตัวมาขวางไว้“ช่วยรักษามารยาทกับคนของผมด้วย เพราะไม่อย่างนั้นกูก็ไม่ต้องรักษาเหมือนกัน”แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะอายุมากกว่าแต่สำหรับพายุแล้วคนที่กล้าแตะต้องนิ่มก็ไม่มีอะไรต้องไว้หน้า“ใจเย็นครับคุณพายุ ภรรยาผมแค่ตกใจไม่คิดว่าคู่หมั้นของคุณจะเอาข่าวเท็จแบบนี้มาพูดแบบนี้”“คุณศรันจะบอกว่าคู่หมั้นผมโกหกอย่างนั้นเหรอครับ...รู้ไหมมันหมายถึงการใส่ร้ายว่าฉันที่เป็นหัวหน้าทิศบูรพาโกหกด้วย”สายตาของพายุแม้ว่าจะไม่ได้ดูโกรธหรือแสดงอาการอะไรออกมามาก แต่ก็ทำให้ศรันได้แต่กำมือเข้าหากันแน่นเพราะถิ่นที่ตัวเองปกครองมันแค่ส่วนเล็กๆ ถ้าเทียบกับบูรพาเพราะงั้นเขาเลยต้องยอมไอ้เด็กเมื่อวานซืนตรงหน้า[ปากดีนักกูจะ
บรรยากาศของยามดึก ท้องฟ้าตอนนี้มืดสนิทมีเพียงแสงของดวงดาวริบหรี่ ลมหนาวเย็นปะทะผิวกายแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนยืนอยู่ระเบียงท้าลมหนาวแม้แต่น้อย“เป็นไรครับทำไมดูใจลอยจัง” เสียงทุ้มของคนที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในห้องนอนเห็นร่างเล็กยืนเหม่อตรงระเบียงเลยเดินเข้ามากอดจากด้านหลัง ก่อนจะกระซิบถามเบาๆ ข้างหู“ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ” “เสร็จแล้วครับ แต่หนูยังไม่ตอบเฮียเลยทำไมถึงเหม่อแบบนั้น”“แค่คิดอะไรเพลินนะคะ”“บอกเฮียได้ไหมว่าเรื่องอะไร”พายุจับคนในอ้อมกอดพลิกมาเผชิญหน้ากับตัวเอง ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเธอดูเครียดและคิดมากต่างจากปกติ“ไม่มีอะไรค่ะ”“ทำไมต้องปิดบังด้วยครับ...ถึงตอนนี้หนูนิ่มจะเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าเฮียจะดูไม่ออกว่าหนูกำลังมีเรื่องคิดมากอยู่นะ” มือใหญ่แตะลงบนแก้มนุ่มก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ย“แล้วเฮียชอบหนูนิ่มตอนนี้หรือว่าชอบหนูนิ่มคนเดิมคะ?”ถ้าถามว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ก็คือเรื่องนี้แหละ ยิ่งเธอรู้ตัวว่าชอบ...ไม่สิต้องบอกว่ารักเขาเข้าแล้วเธอก็ยิ่งกลัว กลัวว่าความรู้สึกที่เขามีให้ตอนนี้มันเป็นแค่ของนิ่มคนเดิม ไม่ใช่นิ่มคนนี้“ทำไมถึงถามแบบนั้นครับ ไม่ว่าจะนิ่มคนไหนเฮีย