“......” แนนนี่รู้สึกตัวงัวเงียตื่นขึ้นหลังจากที่เจอบทลงโทษจากคนใจร้าย
ส่วนคนก่อเหตุยังคงนอนหลับแถมยังกอดร่างบางไว้แน่น
“จะไปไหน!” เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อร่างบางค่อย ๆ ยกท่อนแขนแกร่งออกจากตัว
“นะ...หนูจะไปอาบน้ำ” เด็กสาวตอบตะกุกตะกักอย่างเลิ่กลั่ก
“ฉันบอกเหรอ ว่าให้เธอไป!” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นจ้องหน้าเด็กสาวอย่างไม่สบอารมณ์
“ตะ...แต่คุณทำไปหลายรอบแล้วนะคะ ตอนนี้มันก็จะมืดแล้วด้วย”
เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดจ้องหน้าและพูดความในใจออกไป
“อีกอย่างคุณไม่กลับไปหาน้องพาร์ทเหรอ ปล่อยให้เด็กอยู่บ้านคนเดียวมัน...”
“ไม่ต้องมาสอน!” ไม่ทันที่แนนนี่จะได้พูดจบชายหนุ่มก็พูดสวนขึ้นก่อน
“หนูไม่ได้สอนหนูแค่อธิบายให้ฟัง!”
“หึ...ปากเก่งนะเดี๋ยวนี้กล้าเถียง!” ชายหนุ่มกดเสียงทุ้มต่ำกระตุกยิ้มอย่างขบขัน
“หนูไม่ได้เถียง! ก็บอกอยู่ว่าหนูแค่อธิบาย!” ร่างบางพูดหนักแน่นพร้อมดันตัวออกจากอ้อมแขนท่อนใหญ่
หมับ!
“อยากลองดีว่างั้น?!” แต่ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นก็ถูกเจ้าของท่อนแขนรั้งให้นอนลงที่เดิม
“ไม่ค่ะ!” เมื่อเห็นแววตาเยือกเย็น ไร้ซึ่งอารมณ์คู่นั้นทำให้เด็กสาวได้แต่นอนนิ่ง เพราะถ้าขืนยังพูดต่อปากต่อคำคงได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่
แค่นี้เธอก็ระบมไปทั้งตัว ผิวขาว ๆ มีแต่รอยแดงเป็นจ้ำ ๆ ตามเรียวแขนมีแต่รอยนิ้วมือเต็มไปหมด
ไหนจะรอยกัดรอยเขี้ยวที่หัวไหล่จนเลือดซึม ตามหน้าท้อง ต้นขา พูดได้ว่าส่วนไหนที่อยู่ใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้เป็นรอยหมดทุกส่วน
“ฉันสั่งห้ามเธอแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปเจอลูกชายฉันอีก!” สีหน้าเรียบนิ่งน้ำเสียงดุดันพร้อมสายตาที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อจ้องมองที่เด็กสาว
“นะ...หนูแค่เอาของขวัญวันเกิดไปให้น้องค่ะ ไม่ได้จะไปทำอย่างอื่น” เธอกล่าวเสียงสั่น เพราะคนตัวโตเริ่มออกแรงบีบที่แขนเธออย่างแรง
“ลูกฉันไม่ต้องการอะไรจากเธอทั้งนั้น”
“จำไว้เธอห้ามเข้าใกล้ลูกชายฉันอีก! ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์จะเป็นแม่ของลูกฉันจำไว้!” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวทั้ง ๆ ที่เขาสั่งห้ามแล้วแต่เด็กสาวก็ยังจะฝืนคำสั่ง
“หนูรู้ ว่าหนูไม่มีสิทธิ์แต่หนูขอเจอหน้าน้องบ้างได้ไหม!”
“คุณจะให้หนูทำอะไรก็ได้ จะเอาหนูไปขาย ให้หนูไปนอนกับใครจะตบ จะตี จะทำอะไรหนู หนูยอมหมด” แนนนี่พูดเสียงสะอื้นไห้ พูดระบายความรู้สึกที่เก็บไว้มานานออกมาจนหมด
“ขอแค่ให้หนูเจอหน้าน้องบ้างได้ไหม แค่ได้มองอยู่ไกล ๆ ก็ได้ หนูจะไม่เข้าใกล้น้องเลย ขอแค่มองอยู่ไกล ๆ ก็พอ” เด็กสาวลุกขึ้นยกมือไหว้ชายหนุ่มที่มองเธอด้วยความรำคาญ
“ฮึ...ไม่มีวันอย่าฝันอะไรเกินตัว!” สิ้นคำพูดร่างหนาก็ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำทันที
“อึก!”
“คนใจร้าย!!” แนนนี่ได้แต่มองตามเจ้าของคำพูดคนที่ทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจ
“อึก! อึก” เธอได้แต่ก้มหน้ากอดเข่า เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าเด็กน้อยหัวใจเธอก็เจ็บเจียนจะขาดใจตาย...
หลายวันผ่านไป
โรงเรียนเอกชนชื่อดัง
“แนนนี่”
“แนนนี่!”
“ว่าไงเบบี๋” ฉันหันไปยิ้มให้เบบี๋ที่เดินยิ้มแป้นมาแต่ไกล
“วันนี้เราไปชอปปิงกันไหมเบบี๋ขอแดดดี้แล้ว” เบบี๋เป็นคนน่ารักนิสัยดีแล้วอีกอย่างผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านก็รู้จักกันมานาน
“ไปชอปปิงเหรอ” ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอคุณเขาอีกเลยและเขายังสั่งห้ามไม่ให้ฉันไปเจอน้องพาร์ทอีก
“นะ ไปด้วยกัน” เบบี๋ก็แบบนี้ตลอดชอบอ้อนชอบเอาหน้ามาถูแขนแล้วใครล่ะจะใจแข็งได้
“อือ...” ฉันยิ้มให้เบบี้
“เย่ ๆ ๆ ๆ ๆ นึกว่าแนนนี่จะไม่ไปกับเบบี๋ซะอีก”
“ช่วงนี้แดดดี้ก็เอาแต่ทำงาน ป๊ะป๋าก็เอาแต่ทำงาน พี่เปอร์ก็ไม่รู้ไปไหน เบบี๋เหง้าเหงา”
แก้มป่อง ๆ ดวงตากลมโตใสซื่อ รอยยิ้มหวาน ๆ เสียงหัวเราะที่สดใสของเบบี๋มันทำให้ฉันยิ้มได้
จะว่าไปเบบี๋ก็เหมือนเป็นน้องสาวมากกว่าเป็นเพื่อนมากกว่า
“งั้นเราเข้าห้องกันดีกว่า สอบอีกไม่กี่วิชาก็จะเสร็จแล้ว” ฉันพูดกับเบบี๋ที่กำลังยิ้มให้โทรศัพท์
“แนนนี่ดูนี่สิ”
“เบบี๋ว่าน้องพาร์ทเหมือนกับแนนนี่เลย ยิ่งเวลานอนนิ่ง ๆ ยิ่งเหมื้อนเหมือน” เธอยื่นโทรศัพท์ให้ฉันดู
ใช่! เหมือนมาก นึกว่าเป็นคนคนเดียวกัน ฉันได้แต่มองภาพแล้วยิ้ม มันเป็นภาพที่น้องพาร์ทนอนหลับอยู่บนตัวคุณเขา
“เราไปกันเถอะ!” ฉันพูดตัดบทไม่อยากจะนึกถึงเรื่องนี้เพราะต้องสอบอีกหลายวิชา
“ปะ!”
ฉันกับเบบี๋เดินคล้องแขนกันไปเข้าห้อง เบบี๋ไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากฉัน ส่วนฉันก็มีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งแต่อยู่คนละโรงเรียน
นาน ๆ เราจะนัดเจอกันเพราะเธอต้องช่วยพ่อแม่ทำงานเลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร
ระหว่างที่รอข้อสอบฉันก็เอาหนังสือมาอ่านทบทวน แต่เชื่อเถอะมันไม่เข้าหัวสักนิด ในหัวมันคิดแต่เรื่องจะทำยังไงฉันถึงจะได้เจอน้องพาร์ท
ถ้าจะพาหนีไปอยู่ที่อื่น เฮ้อ ขนาดตัวเองยังเอาตัวเองจะไม่รอดแล้วจะเลี้ยงดูน้องพาร์ทได้ยังไง
อีกอย่างน้องพาร์ท อยู่กับคุณเขา ก็สุขสบายมีทุกอย่างพร้อมไม่ต้องดิ้นรนอะไร แล้วดูฉันสิ มีอะไรเรียนยังไม่จบ ม. ปลายด้วยซ้ำ
“เฮ้อ!” คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
ฉันฝันอยากเรียนรัฐศาสตร์ถ้าฉันเรียนจบมีงานทำฉันก็สามารถดูแลน้องพาร์ทได้สบาย
ฉันเลือกเรียนสาขาการระหว่างประเทศ มันเป็นสาขาที่มุ่งทำความเข้าใจกับระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่าง ๆ
มีความสำคัญทั้งต่อภาครัฐบาลและภาคเอกชน เพราะแต่ละประเทศไม่ได้อยู่กันอย่างโดดเดี่ยว ความกินดีอยู่ดีของประชาชนในแต่ละประเทศ ความสำเร็จในธุรกิจการค้าอาศัยความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างประเทศเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นโยบายต่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศการค้าระหว่างประเทศ ฉันอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและชีวิตของทุกคนให้กินดีอยู่ดี ถ้าฉันทำได้น้อง ๆ ก็จะไม่ต้องลำบากแต่จะประกอบอาชีพอะไรยังไม่ได้คิดเลย อาชีพที่คนจบรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ทำกัน ก็พวก ปลัดอำเภอ, นายอำเภอ, ผู้ว่าราชการจังหวัด, ปลัดกระทรวง, เจ้าหน้าที่ด้านการปกครองอื่น ๆ , ข้าราชการในกระทรวงต่าง ๆ , ข้าราชการในองค์กรอิสระต่าง ๆ นักการเมืองระดับประเทศ, นักการเมืองระดับท้องถิ่น, นักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักการทูตในระดับต่าง ๆ , พนักงานในองค์กรระหว่างประเทศ, เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป, เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน, เจ้าหน้าที่ประสานงาน, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, นักวิเคราะห์โครงการ, นักวิเคราะห์การลงทุน, นักวิเคราะห์ระบบงาน, นักบริหารองค์การระดับสูง, พนักงานธนาคาร, นักเขียน, นักหนัง
“งั้นแนนขอตัวกลับก่อนนะ” ตอนนี้ฉันกับเบบี๋อยู่บ้านของเบบี๋ ดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ด้วย ฉันก็ไม่ได้อยากกลับตอนนี้หรอกแต่มันรู้สึก แปลก ๆ ตั้งแต่อยู่ที่ห้างแล้วมันเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา ฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองด้วย“แนนนี่!” เบบี๋พูดและทำหน้าอ้อนพร้อมจับมือฉันไว้“อยู่เป็นเพื่อนเบบี๋ได้ไหม เบบี๋ไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว” เบบี๋พูดเสียงสั่น“...เฮ้อ!” ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มให้เด็กหญิงเบบี๋ สาวน้อยขี้อ้อน“ก็ได้ แนน อยู่เป็นเพื่อนเบบี๋ก็ได้ ไว้แดดดี้กลับมาแนนค่อยกลับแล้วกัน!” ฉันหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ เบบี๋ตามเดิม“แล้วเราจะทำอะไรดี” เบบี๋พูดขึ้น“เล่นเกมไหม” ฉันเป็นคนเสนอ“เล่นเกม?” เบบี๋พูดและทำหน้าครุ่นคิด“......เล่น ๆ” ก่อนจะตอบยิ้ม ๆ พยักหน้าหงึก ๆ“เกมนี้แนนนี่เล่นประจำ!” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดเกม Candy Crush Saga“เกมนี้เบบี๋ชอบ เรามาเล่นแข่งกันใครได้แต้มสูงกว่าคนนั้นชนะ!” เบบี๋พูดและยิ้มดูเธอจะมีความสุขมาก“Ok!” ฉันไหวไหล่เบา ๆ“ถ้าแพ้อย่าว่าแนนนี่ใจร้ายแล้วกัน!” พูดจบฉันกับเบบี๋ก็ต่างคนต่างใจจดใจจ่อกับหน้าจอ30 นาทีผ่านไป“เฮ้ย!!” ฉันอุทานเสียงดัง“คิก คิก” เป็นเสียง
“อยากจุกหรืออยากเสียว ~~”“......” ฉันได้แต่ยืนนิ่งเมื่อปลายลิ้นสากเลียตามซอกหูซอกคอ ทำเอาไรขนอ่อนฉันลุกไปทั้งตัวท้องไส้มันปั่นป่วน มันเสียววูบวาบตรงท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก“อ๊ะ!!” ฉันรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันทีเมื่อเขาดันแก่นกายขนาดใหญ่และแข็งเข้ามาในตัวฉันทีเดียวจนมิดลำ มันทั้งจุกท้องน้อยเอามาก ๆ“หึ...จุก!” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างพอใจเอวหนาเริ่มขยับเป็นจังหวะเนิบนาบ ฉันได้แต่ปิดปากเงียบ อีกมือค้ำกันผนังห้องไว้“อ่า ~~” มือสากสองข้างล้วงเข้ามาใต้เสื้อนักเรียนบีบเคล้นสองเต้าผ่านบราเซียร์ที่ฉันใส่อยู่อย่างเมามันพร้อมกับเอวหนาที่เริ่มขยับถี่รัวขึ้นเรื่อย ๆ“ฮื่อ! อ๊ะ” ฉันเผลอครางอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วโป้งเลื่อนลงมาเขี่ยขยี้ติ่งเกสรพร้อมกับสับเอวสอบถาโถมเข้าใส่ร่องแคบอย่างไม่ถนอมจะบอกว่าเจ็บก็ไม่ใช่มันจุกท้องน้อยมากกว่า ทุกครั้งที่เขากระแทกแก่นกายแรง ๆ เน้น ๆ มันเข้าลึกมากมากจนมันจุก ไหนจะปลายนิ้วร้ายที่ยังคงเขี่ยขยี้ไม่ลดละมันเสียวตรงนั้นมันอึดอัดเหมือนตัวจะระเบิด แล้วยิ่งทรมานเป็นเท่าตัวเมื่อต้องห้ามตัวเองไม่ให้ครางเสียงน่าเกลียดออกไป“อ่า ~~”“ซี้ด ~~”พั่บ ปัก ปักยิ่งเขาออ
“หนูขอลงไปซื้อของหน่อยได้ไหมคะ” พอดีทางผ่านมีร้านขายยาเล็ก ๆ เปิดอยู่“......” คุณเขาเงียบแต่พยักหน้าเบา ๆ แล้วเอนหลังพิงเบาะคุณเขาดูเครียด ๆ“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ แนนนี่ลงไปซื้อของแป๊บเดียว” ฉันบอกพี่เทเลอร์เพราะแถวนี้มันหาที่จอดรถยากเดินไปไม่ไกลก็ถึงร้านขายยาแล้ว“......แกไปซื้อ” เป็นคุณเขาที่พูดกับพี่เทเลอร์“ครับนาย!”“ตะ...แต่...”ฉันไม่ทันจะได้พูดอะไรคุณเขาก็ลืมตาพร้อมทำหน้าดุ ๆ แล้วพี่เทเลอร์รู้เหรอว่าฉันจะซื้อยาอะไร เฮ้อ ฉันก็ได้แต่นั่งก้มหน้าบรรยากาศมันอึดอัดชะมัด“พอดีลูกชายฉันไม่สบาย ไม่ยอมกินข้าวกินนม งอแงทั้งวันเธอมีน้องคงรู้นะต้องทำยังไง!” อยู่ ๆ คุณเขาก็พูดขึ้น“รู้ค่ะ” ฉันตอบอย่างหนักแน่น“ไม่ต้องยิ้มดีใจขนาดนั้น! ถ้าไม่เพราะครั้งที่แล้วเธอเอาเสื้อผ้าบ้า ๆ ไปให้ลูกฉันก็คงไม่เอาแต่ถามหาเธอแบบนี้หรอก!”พูดดีได้ไม่ถึงสิบคำคุณเขาก็ทำหน้าดุใส่ฉันอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรดุได้ดุไปยังไงวันนี้ฉันก็จะได้เจอหน้าน้องพาร์ทแล้ว ดุแค่นี้ฉันสบายมาก! (◠‿◕)“......” คุณเขาหันมาจ้องหน้าฉันแล้วถอนหายใจอย่างเอือมระอา“ถามจริง เธอโกรธใครเป็นไหม?” คุณเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ“เป็นสิคะ ใครจะโกรธไม่เ
“ไปบอกพยาบาลให้กลับไปก่อน” คุณเขาพูดเรียบ ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง“ครับนาย!”“มาได้ไงเราอะ” พี่ไทเกอร์พูดกับคุณเขาแล้วหันมาถามฉัน“คุณเขาให้มาหาน้องพาร์ทได้ค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง“งั้นพี่พาไปหานายน้อย ดีเหมือนกันพี่กับพยาบาลกำลังจะตายแล้ว นายน้อยร้องไห้งอแงทั้งวัน”พี่ไทเกอร์พูดอย่างหนักใจ แล้วพาฉันเดินเข้าไปหาน้องพาร์ทที่กำลังอาละวาดร้องไห้อยู่กับพยาบาล“น้องพาร์ทครับ!” ฉันส่งเสียงเรียกน้องพาร์ทเบา ๆ“อึก ฮือ! อึก อึก” เสียงสะอื้นเล็ก ๆ ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตา มันทำให้หัวใจฉันแทบสลาย“เป็นอะไรครับทำไมร้องไห้งอแงแบบนี้”คุณเขาที่พูดพร้อมอุ้มน้องพาร์ทเดินมาหาฉัน สีหน้าแววตาคุณเขามันอ่อนโยนมากเวลาเขาอยู่กับลูก“หม่ำ ๆ หม่ำ ๆ” พอน้องพาร์ทเห็นฉันก็ยิ้มดีใจใหญ่“นะ...หนูขออุ้มน้องได้ไหม!” ฉันเดินเข้าไปจับมือเล็ก ๆ“......” คุณเขาไม่พูดอะไรและส่งน้องพาร์ทให้ฉัน“คนเก่งของพี่แนนตัวร้อนเหรอครับ!”“ไหนพี่แนนดูหน่อยสิ” ฉันเอามือแตะที่หน้าผากเล็ก ๆ ดีที่ไข้ไม่สูงเท่าไร“น้องไม่ยอมทานข้าวเลยค่ะ” เป็นคุณพยาบาลที่พูดขึ้น ส่วนตัวเล็กตอนนี้เงียบนิ่งเอาหน้าแนบอกแต่ยังคงมีเสียงสะอื้นเป็นพัก ๆ“ไม่เป็นไรค่ะแน
“... คะ กลับบ้านมันดึกแล้ว” ฉันเดินเข้าไปหาคุณเขาอย่างว่าง่าย เพราะถ้าฉันไม่เชื่อฟังเขามันคงไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าไร“แล้วฉันบอกว่าให้เธอกลับ?” เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมริมฝีปากร้อนขบที่ใบหูเบา ๆ ทำเอาไรขนฉันลุกซู่ ไปทั้งตัวจนต้องหดคอหนี“ไม่ให้กลับแล้วหนูจะนอนไหน?” อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันค้างที่นี่! "แล้วไม่อยากนอนกับ..." คุณเขามองไปที่น้องพาร์ท“อยากค่ะ!” ฉันฉีกยิ้มกว้าง“อยากนอนกับฉัน!” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงยกค้างไว้แต่ต้องหุบยิ้มแล้วกลืนน้ำลายลงคอเมื่อประโยคต่อมาน้ำเสียงคุณเขามันสั่นกระเส่าชวนขนลุก“......” ฉันเลือกที่จะเงียบ นี่ฉันต้องรองรับอารมณ์คุณเขาไปถึงเมื่อไหร่“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” คุณเขาพูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปทันที“แปลกคน บทจะใจดีก็ใจดี บทจะดุก็ดุจนน่ากลัว”“แต่ช่างเถอะคืนนี้ฉันจะได้นอนกอดน้องพาร์ทให้หายคิดถึง!” "คืนนี้พี่แนนขอนอนกอดนะครับ!" ฉันหันกลับไปพูดกับเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียง ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อจากพิษไข้ พร้อมหอมแก้มเบา ๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวากลัวคุณเขามาเห็นแล้วจะดุฉันอีก“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”“แล้วเสื้อผ้าจะเอาที่ไหนมาเปลี่ยน!” เมื่อนึกถึง
1 ชั่วโมงผ่านไป“ตื่นแล้วเหรอครับ!” ระหว่างที่ฉันกำลังดูของในกระเป๋าที่ไม่รู้ว่าคุณเขาไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วยังเอาเสื้อผ้าของใช้ฉันมาตั้งหลายชุด น้องพาร์ทก็งัวเงียตื่นขึ้นมาพอดี“อารมณ์ดีแบบนี้หายแล้วใช่ไหมเอ่ย” เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนหน้าหล่อ ๆ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถ้างอแงเอาแต่ร้องไห้เหมือนตอนแรกที่ฉันมามีหวังฉันได้ร้องไห้ตามแน่“......” น้องพาร์ทไม่พูดเอาแต่มองหน้าแล้วส่งยิ้มหวานให้“ตัวไม่ร้อนแล้วนิ” ฉันเอาตัวน้องพาร์ทมานั่งตัก ตอนนี้ตัวก็ไม่ร้อนมากแค่รุม ๆ แถมยังอารมณ์ดีแบบนี้คงจะดีขึ้นมากแล้วฉันก็นั่งคุยเล่นกับน้องพาร์ท อยู่นาน จะดีแค่ไหนนะถ้าฉันได้มีโอกาสได้อยู่กับน้องแบบนี้ทุกวัน“หิวไหมครับ!” ฉันก้มหน้าลงหอมแก้มน้อย ๆ ให้เต็มปอด พยายามเก็บเกี่ยวความสุขไว้ให้มากที่สุด เพราะฉันรู้ดีว่าเวลาของฉันมันมีไม่มากส่วนคุณเขาตอนนี้น่าจะอยู่ห้องทำงานละมั้งเห็นแต่งตัวเสร็จก็เดินคุยโทรศัพท์ออกไป ฉันเองก็ไม่ได้สนใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรของฉัน“งั้นพี่แนนนี่ว่าเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่า” นี่ก็เกือบ ๆ จะสามทุ่มแล้วฉันเองก็เริ่มจะหิว ๆ แล้วเหมือนกันพูดจบฉันก็อุ้มน้องพาร์ท ออกไปข้างนอกเพ
“อย่าค่ะ” ฉันพูดเสียงเบามือดันหน้าอก เมื่อคุณเขาค่อย ๆ ผละปากออกอย่างอ้อยอิ่ง“......” คุณเขาเงียบ สายตาเรียบนิ่งที่มองฉันมันยากจะคาดเดา“นอนได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะไม่ให้เธอนอน”น้ำเสียงราบเรียบ พร้อมนิ้วหัวแม่มือเขี่ยเกลี่ยริมฝีปากฉันเบา ๆ“นะ...หนูขอจับมือน้องนอนได้ไหม”ฉันถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“อือ” คุณเขาตอบเสียงผ่านลำคอเบา ๆ“ขอบคุณค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง พร้อมพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าไปหาน้องพาร์ท“ฝันดีนะครับ” ฉันจับมือน้อย ๆ พูดในใจแล้วเผลอยิ้มออกมา ก็คนมันดีใจนิไม่นึกเลยว่าฉันจะมีวันนี้ วันที่ได้นอนกับน้องพาร์ทคืนนี้ต้องเป็นคืนที่ฉันหลับฝันดีแน่ ๆ ฉันค่อยๆ หลับตาลงแค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับฉัน“เฮือก!” ฉันที่กำลังเคลิ้มหลับต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมืออุ่น ๆ ค่อย ๆ เลื่อนมาวางทับที่เอว“......” ฉันได้แต่เงียบ นอนตัวแข็งทื่อเมื่อลมหายใจอุ่นพ่นรดต้นคอตึก! ตัก! ตึก! ตัก!หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เมื่อคุณเขาขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกระชับกอดฉันแน่น“อยู่นิ่ง ๆ ถ้าเธอขยับฉันจะเอาเธอตอนนี้!” น้ำเสียงขรึม ๆ กระซิบข้างหูเมื่อฉันขยับตัว“นะ...หนูหายใจไม่ออก ไม่กอดได้ไหม” ฉันตอบตะกุกตะกัก ก็ฉ
“เป็นไง”“ตกลงว่าท้องไหม?”ปรเมศวร์เอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นร่างบางของภรรยาสาวเดินออกมาจากห้องน้ำ“ฟองเบียร์ล่ะ” แต่เธอกลับไม่สนใจเดินผ่านหน้าสามีหนุ่มสายตาสอดส่องหาลูกสาวตัวน้อย“แนน! หนูตอบป๋าก่อนตกลงท้องไหม!” ท่อนแขนแกร่งคว้าเอวคอดดึงร่างเล็กเข้ามากอดเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สนใจ“ป๊ะป๋า! ปล่อยอึดอัดหายใจไม่ออก” สองมือเล็กผลักดันหน้าอกอย่างรำคาญ“เหม็นด้วย! ““ไหนบอกว่าเลิกได้แล้วทำไมยังได้กลิ่นบุหรี่!” เธอชักสีหน้าไม่พอใจทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นเหม็นของบุหรี่ติดปลายจมูก“อะไรป๋าไม่ได้สูบ คงจะลูกค้าสูบมันเลยติดเสื้อ ป๋าเลิกนานแล้ว” ปรเมศวร์รีบอธิบายอย่างกระตือรือร้น แต่เห็นอาการแปลก ๆ ของเมียรักเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจ“ดีใจมากไหมคะ” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มบางเมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าสามี หลังจากที่พยายามจะมีลูกอีกคนมาหลายเดือนและในวันนี้ก็สิ้นสุดการรอคอยแต่จะเป็นลูกสาวอย่างที่เขาหวังไหม อันนี้คงต้องว่ากันอีกที“ที่สุดครับ!”“หนูน่ารักที่สุดเลยรู้ไหม!”พรึบ!ร่างบางถูกช้อนอุ้มเดินตรงไปยังเตียงนอน“คงได้เวลาป๋าต้องทำงานให้น้อยลงเพื่อจะได้ดูแลหนูกับลูกให้มากขึ้นแล้วสินะ!” เขาพูด
“ไทเกอร์!!”“ไอ้ไทเกอร์!!!”ปรเมศวร์ส่งเสียงเรียกลูกน้องหนุ่มที่ซึ่งกำลังหัวหมุนกับเจ้าสองแสบลูกชายเจ้านายเสียงแข็ง“ครับนาย” ชายหนุ่มวิ่งหอบตรงเข้าหาผู้เป็นนาย“ดูฟองเบียร์ด้วยกูมีธุระ!”“แล้วดูลูก ๆ กูดี ๆ ล่ะ อย่าให้ไปวิ่งเล่นแถวสระน้ำ!”“ถ้าลูกกูเป็นอะไรไปมึงตาย!”สิ้นประโยคเด็กน้อยแก้มใสวัยห้าเดือนเศษก็ถูกยัดใส่มือลูกน้องหนุ่มที่ทำหน้ามึนงง“นาย!” แต่ยังไม่ทันที่เจ้านายหนุ่มจะได้เดินไปไหนเขาก็อุ้มเด็กน้อยไปขวางหน้าไว้เสียก่อน“อะไรของมึงอีก?” เจ้านายหนุ่มมองหน้าลูกน้องอย่างไม่สบอารมณ์เพราะจิตใจมันลอยล่องไปอยู่ที่สระน้ำ“แล้ว...” ลูกน้องหนุ่มมองไปที่สองพี่น้องที่กำลังเล่นต่อสู้กันอยู่“มันเป็นหน้าที่มึง! ไว้กูขึ้นเงินเดือนให้!”เขาพูดแค่นั้นก็จะรีบสาวเท้ายาว ๆ ไปหาภรรยาสาวที่กำลังเล่นน้ำอย่างสบายใจ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าภัยร้ายกำลังจะถึงตัวเพราะชุดบิคีนีตัวจิ๋วที่เธอสวมใส่……“ไม่ตายวันนี้จะตายวันไหน! ไอ้ไทเกอร์!” ไทเกอร์ได้แต่บ่นตามหลังเจ้านาย ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ“อ้อแอ้ อ้อแอ้” แต่ต้องสีหน้าเปลี่ยนเมื่อเสียงหวานเล็กดังอ้อแอ้ มือเล็กนุ่มนิ่มลูบจับที่หน้าเขาอย่างอ่อนโยน“เห็นแบบ
“กรี๊ด อุแว้!!”“พอร์ช! ลูกอีกแล้วนะแกล้งน้องทำไม!”เฮ้อ! ฉันละเหนื่อยใจกับลูกชายคนนี้ ตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 3 เดือนกว่า ๆ ทุกอย่างเงียบกริบทางตำรวจพยายามสืบหาที่มาของเด็กแต่ไร้ซึ่งวี่แวว ฉันกับคุณป๋าเลยรับเลี้ยงสาวน้อยและรับเป็นลูกบุญธรรมน้องฟองเบียร์ เด็กหญิง พิชามญชุ์ โชติฐิติเมธานนท์พิชามญชุ์ ผู้งดงามด้วยความรู้ ชื่อนี้หลวงตาเป็นคนตั้งให้ และต้องขอบคุณป๊ะป๋าที่ตามใจฉันให้ลูกใช้นามสกุลเดียวกันกับเราได้เพราะไม่รู้วันเกิดเด็กที่แน่ชัดเราเลยเอาวันที่เจอน้องเป็นวันเกิด และดีที่คุณป๋าเขามีเส้นสายจัดการเรื่องเอกสารให้ลูกได้มีสิทธิ์ทุกอย่างเหมือนคนอื่น ๆแต่ต้องปวดหัววันละแปดรอบกับไอ้ตัวแสบลูกชายคนเล็ก เผลอเป็นไม่ได้แอบหยิกแก้มน้องทุกทีอย่างวันนี้ก็เหมือนกันน้องนั่งเล่นหัวเราะ อยู่ ๆ คนพี่วิ่งมาจากไหนไม่รู้หยิกแก้มน้องจนเป็นรอย จนน้องร้องกรี๊ด“แบร่!!!” แล้วยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันมาแลบลิ้นใส่แล้ววิ่งไปหาพี่ชายทันที ให้มันได้แบบนี้สิ! ลูกคนนี้นิ“นี่ก็อีกคนเขาแกล้งขนาดนี้ยังมองตามตาละห้อย แล้วอะไรคือยิ้มหวานคะ? หนูไม่เจ็บเหรอลูก”ฉันทายาใส่แก้มขาวใสที่เป็นรอยแดงอย่า
ประเทศจีน...“แนน!!”“จะทะเลาะกับป๋าให้ได้ใช่ไหม!”“ได้!”“งั้นขึ้นห้อง ถอดเสื้อผ้าเรามีเรื่องต้องคุยกัน!”สิ้นคำพูดร่างฉันก็ถูกกระชากขึ้นไปบนห้อง และจากนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!คนบ้าอะไรจะถอดเสื้อผ้าคุยกัน เขาหาเรื่องรังแกฉันมากกว่า!“ทีนี้หายโมโหยัง” ก็แบบนี้ทุกทีพอได้แล้วก็มาอ้อน ทีตอนลากขึ้นเตียงเกรี้ยวกราดที่สุด“......” ฉันเงียบ! ดีนะที่วันนี้พี่ไทเกอร์พาสองหนุ่มไปเที่ยว ฉันเลยแวะไปหาคุณป๋าที่บริษัท แต่ต้องไปเห็นอะไรที่มันทำให้อารมณ์เสียเพราะแบบนี้ฉันถึงไม่อยากกลับมาที่นี่ ที่บ้านหลังนี้ เพราะมันมีอะไรหลายอย่างที่มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บ“ป๋าไม่ได้อะไรกับผู้หญิงพวกนั้นแล้วนะ เราก็อยู่ด้วยกันตลอด แค่เอาหนูคนเดียวป๋าก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว”ฉันเข้าใจเพราะเรื่องมันก็นานแล้วแต่มันก็หงุดหงิดใจอยู่ดี ที่เห็นผู้หญิงที่เขาเคยควง!“ป๋าเป็นเด็กดีแล้วนะครับ” ลมหายใจอุ่น ๆ พ่นรดที่ต้นคออย่างแผ่วเบา“หนูเข้าใจแต่หนูไม่ชอบ ไม่ชอบที่พวกเธอมองป๊ะป๋าด้วยสายตาท่าทางอ่อยแบบนั้น หนูหวง!”ฉันพลิกตัวมุดหน้าซุกแผงอกแกร่ง เพิ่งจะกลับมาอยู่จีนได้ไม่ถึงอาทิตย์กลับต้องมาทะเลาะกันเสียแล้วแ
หลายเดือนผ่านไป...งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ทั้ง ๆ ที่ฉันขอแค่งานเล็ก ๆ แต่ป๊ะป๋าบอกมันไม่ได้เพราะด้วยฐานะฉันตอนนี้ที่เป็นถึงน้องสาวเจ้าของบริษัทส่งออกใหญ่โตของประเทศและคุณเขาที่เป็นถึงประธานบริษัทค้าเพชรอันดับต้น ๆ จะให้จัดงานเล็ก ๆ มันเป็นไปไม่ได้“แม่สวยจังครับ!” น้องพาร์ทที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีขาวพูดมองแม่แล้วเอาแต่นั่งยิ้มกริ่ม ส่วนน้องพอร์ชตอนนี้กำลังซน ก็ช่วงวัยของเขาแหละกำลังหัดเดินไม่เคยจะอยู่นิ่งดีที่ได้พี่ไทเกอร์คอยดูแลวิ่งตามตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ พี่ไทเกอร์ยังไม่ได้พักเลยแต่ความซนยังไม่เท่าน้องญี่ปุ่นลูกสาวคนสวยของเบบี๋ รายนั้นบอกเลยทั้งซนทั้งแสบส่วนคนที่สบายหน่อยคือพี่พิมพ์ เพราะน้องมาเฟียคือนิ่งสุขุมถอดแบบพี่เทเลอร์มาทุกอย่าง! ฉันละปลื้มใจแทนพี่สาวเพราะไม่ต้องมานั่งปวดหัววิ่งไล่จับลูกเหมือนฉันส่วนคุณเจ้าบ่าวป๊ะป๋าคนหล่อ ก็ดีใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เข้าใจว่าตื่นเต้นแต่ฉันเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ยังไม่ตื่นเต้นจนออกหน้าออกตาเท่าเขาเลยไม่ใช่ไม่ดีใจที่ได้แต่งานมันก็ดีใจแต่ป๊ะป๋าเขาดีใจเกินไป อยู่ด้วยกันมากี่ปี ลูกสองคนก็โตจนวิ่งไล่เตะก้นพ่อได้แล้ว ทุกวันนี้ฉันเหมือนมีลูกชายส
“ลูกไม่ยอมดูดขวด!” คุณป๋าเขามองฉันอย่างคาดโทษและส่งลูกให้ฉัน“หนูขอโทษ!” ฉันได้แต่ทำหน้าสำนึกผิด เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ใส่ลูกก็จะกินนม“แอ้!!”“รู้แล้วครับไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนเลย ก็อ้อนแบบนี้แม่ถึงใจอ่อนให้หนูกินจากเต้าจนป๊ะป๋าดุ” ฉันเอาลูกนอนลงที่ตักทันทีที่เห็นเต้าตามเคยตัวเล็กดีใจจนตัวสั่นจ๊วบ!!ด๊วบ!!“เบา...ไอ้เสือ นมแม่ช้ำหมดแล้วลูก!” คุณป๋าเขาคลานเข่าขึ้นมาบนเตียงจูบที่เท้าเล็ก“ทำอะไรไม่เอามันจั๊กจี้!” ฉันเอามือดันตัวเขาที่เอาหัวหนุนตักแล้วอ้าปากงับเต้าอีกข้าง“ทีลูกดูดไม่เห็นเป็นอะไรป๋าก็หิวเหมือนกันกินหน่อยนะ!” เขามันบ้า! ดูดดึงหน้าอกแล้วดูดแรงด้วยแรงพอจนน้ำนมมันทะลักออกมานั่นแหละ“ป๊ะป๋า! ไม่เอาพอแล้วลูกกินนมอยู่นะ!” ฉันพูดดุ ๆ“หึ...ป๋าแค่ล้อเล่นเอง”“แล้วพาร์ท ล่ะคะ” ทำไมฉันถึงรู้สึกผิดต่อลูกอยู่ตลอดนะ“มีอะไรหรือเปล่า”คุณเขานั่งช้อนด้านหลังเอาคางเกยไหล่ มือสากเอื้อมมาหยอกล้อเล่นกับตัวเล็กที่พอนมเข้าปากก็เงียบไปเลย“ป๊ะป๋า!” ฉันเอียงคอหันไปจ้องหน้าเขา“ฮือ ว่าไงครับเป็นอะไรทำไมทำหน้าเศร้า ๆ” คุณเขาจุ๊บที่ปากฉันเบา ๆ“ป๊ะป๋ารักน้องพาร์ทไหม” ฉันพูดเสียงสั่น ไม่รู้ฉันคิดอะไรทำ
ลิ้นสากเปียกลื่นลากเลียยาวตั้งแต่เนินลงไปถึงสะดือสองมือสากลูบไล้ตามเรียวขาและจับมันอ้ากว้างออก“อ๊ะ” ฉันร้องครางในลำคอเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นร้อนแตะตรงส่วนนั้นผ่านแพนตี้ผ้าลูกไม้ตัวบางที่ฉันใส่จ๊วบ!!ด๊วบ!!เขาจูบดูดมันอย่างเอร็ดอร่อย จนมันเปียกแฉะสองมือจิกกำผ้าปูที่นอนแอ่นอกบิดตัวเมื่อถูกปลายลิ้นร้ายเขาทารุณ“ฮื่อ! ป๊ะป๋า มะ...มันเสียวนะคะ!” ฉันกลั้นใจพูดเพราะตอนนี้มันเสียวจนแทบจะพูดไม่เป็นภาษาอยู่แล้ว!พรึบ!ฟิ้ว ~~~คุณป๋าเขาไม่สนใจฟังถอดเสื้อพร้อมแพนตี้ตัวน้อยออกจากตัวขว้างทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี“อืม”แผล็บ!!แจ๊ะ! แจ๊ะ!ปลายลิ้นสากลื่นยังคงทำการทารุณกรรมน้องหนูฉันต่อ และฉันต้องดิ้นพล่านเมื่อเขาสอดดุนลิ้นร้ายผลุบเข้าออกร่องสวาท ทั้งดูดทั้งเลียทำเอาฉันแทบดิ้นตายด้วยความเสียว แต่ต้องเก็บกดเสียงห้ามตัวเองไม่ให้ส่งเสียงครางออกมากลัวลูกจะตื่น“ฮื่อ! ป๊ะป๋า นะ...หนูไม่ไหวแล้วนะ! กรี๊ดดดด” สองมือกำหมัดแน่นส่งเสียงกรีดร้องในลำคอ เมื่อปลายลิ้นร้อนไม่ปรานีร่องแคบฉันเลยเขาตวัดลิ้นละเลงติ่งเกสรสลับกับดูดแรง ๆ และสอดดันดุนลิ้นผลุบเข้าออกถี่รัว เพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อมาร่างฉันมันสั่นกระสับกระส่ายก
แน่นอนฉันจูบตอบสองแขนยกขึ้นคล้องคอเอียงหน้า หาองศาที่เหมาะสม มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาจับล็อกท้ายทอยแน่นเราจูบกันอย่างดูดดื่มจนลืมไปว่าตอนนี้เราอยู่ในลิฟต์!“อุ๊ย!!!”ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดพนักงานที่ยืนอยู่ข้างนอกต่างตกใจที่เห็นเราสองคนจูบกันฉันพยายามดันตัวคุณเขาออกแต่ทว่าเขากลับยิ่งกดจูบหนัก ๆ อีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยริมฝีปากที่บวมเป่งอย่างอ้อยอิ่ง“ป๋ารักหนูนะ”คำพูดหวานหูและสายตาหวานเยิ้มที่เขามองมาที่ฉันมันยิ่งทำให้ฉันเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกคุณเขาไม่สนใจพนักงานที่ยืนดูหอมแก้มมือโอบไหล่เดินไปที่โรงจอดรถพอมาถึงโรงรถเขาก็จูบฉันอีกครั้งและจูบอยู่อย่างนั้นนานหลายนาทีฉันเห็นท่าไม่ค่อยดีเลยรีบผลักตัวเขาออกแล้วรีบขึ้นรถก่อนทุกอย่างมันจะเลยเถิดระหว่างที่ขับรถไปรับลูกที่โรงเรียนคุณเขาก็กุมมือเดี๋ยวจูบเดี๋ยวหอมยิ้มไม่หุบฉันก็ได้แต่นั่งยิ้มส่ายหัวอะไรจะเป็นหนักถึงขนาดนี้ก็แค่บอกรักเอง แต่จะว่าไปฉันเองก็มีความสุขไม่ต่างอะไรจากเขาที่ได้บอกความรู้สึกออกไปสำหรับฉันคุณเขาคงเป็นรักแรกและรักสุดท้ายและฉันก็อยากเป็นคนสุดท้ายของเขาเหมือนกัน“รักนะคะป๊ะป๋า!”ฉันยิ้มให้เขาและพูดในใจ เรามองหน้าสบตากันโด
46 ป๊ะป๋าของหนูหมับ!!“นะ...หนูพูดว่าอะไรนะ!”แต่ไม่ทันจะได้เดินออกไปไหนสองมือใหญ่ก็คว้าตัวสวมกอดจากด้านหลัง เสียงเข้มสั่นเครือกอดเอวแน่น“ปล่อยค่ะ! ไหนว่าจะทำงาน”ฉันพลิกตัวหันไปมองหน้าสบตาคนแก่ขี้งอน“...มะ...ไม่ทำแล้ว” คุณเขาดูไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลยดูตื่นตกใจมึนงงยังไม่หาย“ป๋าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” คุณเขาสวมกอดฉันแน่น มันแน่นจนแทบหายใจไม่ออกงับ!!!“หนู! กัดป๋าทำไม!” ฉันอ้าปากงับหัวไหล่เขาอย่างแรง“ถ้าเจ็บก็แสดงว่าไม่ได้ฝันค่ะ” ฉันยกสองแขนขึ้นคล้องคอเขา และแน่นอนสองมือใหญ่กอดรัดดึงตัวฉันแนบชิดติดอกแกร่ง“หนูรักป๊ะป๋า รักมานานแล้ว ได้ยินชัดไหมคะ!”ฉันพูดและยิ้มให้พ่อของลูกที่อยู่ ๆ ก็ร้องไห้น้ำตาอาบสองแก้ม ฉันถึงกับงงเขาร้องไห้ทำไม?“ป๊ะป๋า!!” ฉันถึงกับต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมแล้วส่ายหัว กลั้นขำแทบไม่ไหว“ร้องไห้ทำไม!”“ไม่ร้องสิคะ หนูแค่บอกรักเอง” ฉันดึงเขาเข้ามากอดปลอบ“ก็ป๋าดีใจ หนูรู้ไหมป๋ารอฟังคำว่ารักจากหนูมานานแค่ไหน!” เขาพูดเสียงสะอื้นสองแขนกอดฉันแน่น“หยุดร้องได้แล้วค่ะเดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า มันจะไม่ดีเท่าไรนะ”“แล้วอีกอย่าง” ฉันดันตัวมองหน้าสบตาพ่อของลูกที่ยังคงสะอื้นไ