“งั้นแนนขอตัวกลับก่อนนะ” ตอนนี้ฉันกับเบบี๋อยู่บ้านของเบบี๋ ดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ด้วย ฉันก็ไม่ได้อยากกลับตอนนี้หรอก
แต่มันรู้สึก แปลก ๆ ตั้งแต่อยู่ที่ห้างแล้วมันเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา ฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองด้วย
“แนนนี่!” เบบี๋พูดและทำหน้าอ้อนพร้อมจับมือฉันไว้
“อยู่เป็นเพื่อนเบบี๋ได้ไหม เบบี๋ไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว” เบบี๋พูดเสียงสั่น
“...เฮ้อ!” ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มให้เด็กหญิงเบบี๋ สาวน้อยขี้อ้อน
“ก็ได้ แนน อยู่เป็นเพื่อนเบบี๋ก็ได้ ไว้แดดดี้กลับมาแนนค่อยกลับแล้วกัน!” ฉันหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ เบบี๋ตามเดิม
“แล้วเราจะทำอะไรดี” เบบี๋พูดขึ้น
“เล่นเกมไหม” ฉันเป็นคนเสนอ
“เล่นเกม?” เบบี๋พูดและทำหน้าครุ่นคิด
“......เล่น ๆ” ก่อนจะตอบยิ้ม ๆ พยักหน้าหงึก ๆ
“เกมนี้แนนนี่เล่นประจำ!” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดเกม Candy Crush Saga
“เกมนี้เบบี๋ชอบ เรามาเล่นแข่งกันใครได้แต้มสูงกว่าคนนั้นชนะ!” เบบี๋พูดและยิ้มดูเธอจะมีความสุขมาก
“Ok!” ฉันไหวไหล่เบา ๆ
“ถ้าแพ้อย่าว่าแนนนี่ใจร้ายแล้วกัน!” พูดจบฉันกับเบบี๋ก็ต่างคนต่างใจจดใจจ่อกับหน้าจอ
30 นาทีผ่านไป
“เฮ้ย!!” ฉันอุทานเสียงดัง
“คิก คิก” เป็นเสียงเบบี๋ที่หัวเราะคิกคัก ก็แน่ละ ตัวแสบเป็นคนชนะนิ
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย!” ฉันหยิกแก้มเบบี๋เบา ๆ
“แนนนี่! เบบี๋เจ็บนะ!” เบบี๋พูดพร้อมทำหน้ามุ่ย
“โอ้ ๆ ๆ ง้อนะ!”
ฟอด! ฉันหอมแก้มและกอดเบบี๋แน่น
เอี๊ยด!!
“แดดดี้!!!” เบบี๋ลุกพรวดวิ่งไปหน้าบ้านทันทีที่ได้ยินเสียงรถจอด
“พี่เทเลอร์?” ฉันเดินตามเบบี๋ออกไปแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นพี่เทเลอร์อยู่หน้าบ้าน
ถ้าพี่เทเลอร์อยู่ที่นี่ งั้นก็แสดงว่าน้องพาร์ทมาไทย แค่คิดว่าจะได้เห็นตัวเล็กฉันก็ดีใจจนเนื้อเต้น
แต่...ต้องหุบยิ้มเมื่อเจอสายตาคู่ดุดันจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“เบบี๋...แนนนี่กลับก่อนนะ” ฉันหันไปพูดกับเบบี๋ที่กำลังคุยกับคุณกันต์ เหมือนเบบี๋กำลังงอนคุณเขาอยู่
“สวัสดีค่ะ แนนนี่ขอตัวกลับก่อน” ฉันยิ้มทักทายคุณกันต์ คุณเขารู้เรื่องฉันหมดทุกอย่าง
“แดดดี้ไปส่งแนนนี่หน่อยได้ไหม” เป็นเบบี๋ที่พูดขึ้น
“ไม่ต้อง ๆ แนนนี่ กลับเองได้” ฉันรีบปฏิเสธอย่างไว
“แต่มันจะมืดแล้วนะ แดดดี้ให้คนขับรถไปส่งดีกว่า” คุณกันต์มองไปที่พี่เทเลอร์
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ แนนนี่กลับเองได้”
“ขอตัวนะคะ” สิ้นคำพูดฉันก็รีบเดินหนีจากตรงนี้ทันที
มันรู้สึกไม่ค่อยดียังไงไม่รู้ ยิ่งเห็นสายตาเย็นชาคู่นั้นมันยิ่งใจคอไม่ค่อยดี ถ้าฉันรู้ว่าอยู่เป็นเพื่อนเบบี๋แล้วต้องเจอหน้าเขา รู้แบบนี้กลับตั้งแต่แรกยังจะดีกว่า
หมับ! มือสากคว้าแขนฉันไว้ ทันทีที่ฉันกำลังจะเดินผ่านหน้าเขาไป
“มาทำอะไรที่นี่?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปม…
“นะ...หนูมาส่งเบบี๋กำลังจะกลับค่ะ” ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา สายตาเขาเหมือนมันจะไม่ใช่แค่จะถามเรื่องแค่นี้เหมือนมันมีอะไรมากกว่านั้น
“มานี่สิ” คุณเขาพูดดุ ๆ แล้วลากฉันไปที่สวนหลังบ้าน
พรึบ!
ตุ้บ!
“วันนี้ไปไหนมา?” คุณเขาพาฉันมาที่โรงจอดรถดันตัวฉันหลังติดกำแพง พร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจอุ่น กลิ่นบุหรี่และกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง ใช่ฉันว่าฉันเดาไม่ผิดเพราะคุณเขาไม่เคยใช้กลิ่นแบบนี้
“ไปเที่ยวกับเบบี๋” ฉันก็ตอบคุณเขาไปตรง ๆ
“......” คุณเขาเงียบเอาแต่จ้องหน้า
“มะ...ไม่ค่ะ!” ฉันรีบจับมือคุณเขาไว้ทันทีเมื่อเขากำลังจะล้วงมือเข้ามาใต้กระโปรงนักเรียน
“ห้าม?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน พร้อมน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“นะ...หนูต้องรีบกลับมันจะมืดแล้ว”
“ไอ้เด็กนั่นเป็นใคร ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบใช้ของร่วมกับคนอื่น!” สีหน้าเรียบนิ่งน้ำเสียงราบเรียบแต่ฟังดูเยือกเย็นสายตาเย็นชาคู่นั้นดูแล้วยากจะคาดเดา ว่าคุณเขากำลังคิดอะไรอยู่
“โบวี่! เพื่อนหนู” ในกลุ่มก็มีแต่โบวี่คนเดียวแล้วคุณเขาหมายถึงใคร?
“แน่ใจ!” คุณเขากระซิบเบา ๆ พร้อมขบกัดใบหูเบา ๆ
“ยะ...อย่าค่ะ!” ฉันเอามือดันหน้าอกแกร่งเมื่อริมฝีปากร้อนแตะที่ต้นคอ
“นะ...หนูเจ็บ” สองมือกำหมัดแน่นนิ่วหน้าเมื่อคุณเขาออกแรงดูด มันเจ็บแปล๊บ ๆ
“เธอโกหกฉันอยู่รู้ตัวไหม!” น้ำเสียงกระเส่าพร้อมริมฝีปากนุ่มไล่จูบสูดดมตามซอกคอ แก้ม และหยุดที่ริมฝีปาก สัมผัสแบบนี้สำหรับคนอื่นอาจจะว่าอ่อนโยน แต่สำหรับฉันถ้าคุณเขาทำแบบนี้เมื่อไหร่ฉันต้องเจ็บตัวเมื่อนั้น
“หนูไม่ได้โกหก หนูไปกับเพื่อนจริง ๆ” ฉันยืนยันกับเขาก็ที่ไปด้วยกันก็มีแต่เพื่อน ๆ นิ
“ฮึ...ปากแข็ง!” แววตาเย็นชาดุดันจ้องมองฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ปะ...อื้อ!!” แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไร คำพูดฉันมันขาดหายไปเมื่อริมฝีปากหยักประทับจูบลงริมฝีปากฉันอย่างอ่อนโยน
“ฉันถามว่ามันเป็นใคร” ริมฝีปากหนาค่อย ๆ ผละออกอย่างอ้อยอิ่ง น้ำเสียงแหบพร่าพร้อมมือสากที่เลื่อนขึ้นมาบีบปลายคาง
“นะ...หนูไม่รู้ว่าคุณหมายถึงใคร” ฉันพูดเสียงสั่น มือเขาเริ่มออกแรงบีบปลายคางฉันอย่างแรง
“หึ...ได้!” สิ้นคำพูดเขาก็ทำการจูบบดขยี้ริมฝีปากอย่างแรง
“ฮื้อ!” ฉันร้องท้วงในลำคอเมื่อลิ้นสากลื่นสอดดันเข้ามาในโพรงปากพร้อมดูดดึงเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างแรง ยิ่งเขาดูดแรงเท่าไรความเจ็บมันก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น
ฉันดิ้นพยายามจะผลักตัวเขาออกแต่เขากลับยิ่งกระชับกอด รัดตัวฉันไว้แน่นกว่าเดิม
“ฮื้อ!!”
ปัก ปัก ปัก
ฉันฟาดมือน้อย ๆ ลงที่หลังคุณเขาอย่างแรง มือสากล้วงเข้ามาใต้กระโปรงนักเรียน พร้อมลูบตรงเนินน้องสาวและล้วงมือเข้ามาในแพนตี้ตัวน้อยที่ใส่อยู่
“ตื่นเต้นไหมแบบนี้” น้ำเสียงแหบพร่า พูดขึ้นพร้อมลมหายใจติดขัด
“อย่าค่ะ... หนูขอร้อง” ฉันพูดเสียงสั่น ที่นี่มันโรงจอดรถนะถ้ามีใครมาเห็นเข้าล่ะ
“ฮึ... หุบปาก!”
พรึบ! คุณเขาจับฉันผลักตัวหันหลังให้เขา
“ไม่นะอย่า!!” ยิ่งฉันห้ามเขาก็ยิ่งโมโห ฉันจับมือเขาที่พยายามจะถอดแพนตี้ตัวน้อยฉันออก
“อยู่เฉย ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว!” สิ้นคำพูดดุดันเขาก็จัดการถอดมันออกแล้วโยนทิ้งทันที
“คิดถึงฉันไหมไม่เจอตั้งหลายวัน!” น้ำเสียงกระเส่าพร้อมปลายจมูกโด่งคลอเคลียที่ต้นคอ มือสองข้างก็จัดการกับเข็มขัดราคาแพงออกอย่างเร่งรีบ
“......” ฉันเลือกที่จะเงียบ
“แต่ฉันคิดถึงเธอทุกวันเลยนะรู้ไหม!” คำพูดหวานหูของเขามันยิ่งทำให้ความกลัวในตัวฉันมันเพิ่มมากขึ้น
“หึ... เงียบ ๆ แบบนี้ดีมากสาวน้อย!” เขากระแทกเสียงพร้อมแยกขาฉันอ้าออกจากกันเล็กน้อย
ฉันทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนนิ่ง เมื่อรู้สึกถึงของแข็งบางอย่างที่ถูไถกับก้นงอน
สัมผัสมันชวนขนลุกเมื่อปลายหัวเปียกลื่น ถูขึ้นลง เบา ๆ ลมหายใจถี่ร้อนที่พ่นเข้าออกไม่เป็นจังหวะนั้นแสดงว่าเขากำลังต้องการเป็นอย่างมาก
“เสียว ~~” เขาพูดเสียงกระเส่า
“อ่า ~~” เสียงครางในลำคอดังขึ้นอย่างพอใจ เมื่อปลายหัวมนค่อย ๆ แหวกกลีบร่องสอดใส่เข้ามาในตัวฉันทีละนิด
“อยากจุกหรืออยากเสียว ~~”“......” ฉันได้แต่ยืนนิ่งเมื่อปลายลิ้นสากเลียตามซอกหูซอกคอ ทำเอาไรขนอ่อนฉันลุกไปทั้งตัวท้องไส้มันปั่นป่วน มันเสียววูบวาบตรงท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก“อ๊ะ!!” ฉันรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันทีเมื่อเขาดันแก่นกายขนาดใหญ่และแข็งเข้ามาในตัวฉันทีเดียวจนมิดลำ มันทั้งจุกท้องน้อยเอามาก ๆ“หึ...จุก!” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างพอใจเอวหนาเริ่มขยับเป็นจังหวะเนิบนาบ ฉันได้แต่ปิดปากเงียบ อีกมือค้ำกันผนังห้องไว้“อ่า ~~” มือสากสองข้างล้วงเข้ามาใต้เสื้อนักเรียนบีบเคล้นสองเต้าผ่านบราเซียร์ที่ฉันใส่อยู่อย่างเมามันพร้อมกับเอวหนาที่เริ่มขยับถี่รัวขึ้นเรื่อย ๆ“ฮื่อ! อ๊ะ” ฉันเผลอครางอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วโป้งเลื่อนลงมาเขี่ยขยี้ติ่งเกสรพร้อมกับสับเอวสอบถาโถมเข้าใส่ร่องแคบอย่างไม่ถนอมจะบอกว่าเจ็บก็ไม่ใช่มันจุกท้องน้อยมากกว่า ทุกครั้งที่เขากระแทกแก่นกายแรง ๆ เน้น ๆ มันเข้าลึกมากมากจนมันจุก ไหนจะปลายนิ้วร้ายที่ยังคงเขี่ยขยี้ไม่ลดละมันเสียวตรงนั้นมันอึดอัดเหมือนตัวจะระเบิด แล้วยิ่งทรมานเป็นเท่าตัวเมื่อต้องห้ามตัวเองไม่ให้ครางเสียงน่าเกลียดออกไป“อ่า ~~”“ซี้ด ~~”พั่บ ปัก ปักยิ่งเขาออ
“หนูขอลงไปซื้อของหน่อยได้ไหมคะ” พอดีทางผ่านมีร้านขายยาเล็ก ๆ เปิดอยู่“......” คุณเขาเงียบแต่พยักหน้าเบา ๆ แล้วเอนหลังพิงเบาะคุณเขาดูเครียด ๆ“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ แนนนี่ลงไปซื้อของแป๊บเดียว” ฉันบอกพี่เทเลอร์เพราะแถวนี้มันหาที่จอดรถยากเดินไปไม่ไกลก็ถึงร้านขายยาแล้ว“......แกไปซื้อ” เป็นคุณเขาที่พูดกับพี่เทเลอร์“ครับนาย!”“ตะ...แต่...”ฉันไม่ทันจะได้พูดอะไรคุณเขาก็ลืมตาพร้อมทำหน้าดุ ๆ แล้วพี่เทเลอร์รู้เหรอว่าฉันจะซื้อยาอะไร เฮ้อ ฉันก็ได้แต่นั่งก้มหน้าบรรยากาศมันอึดอัดชะมัด“พอดีลูกชายฉันไม่สบาย ไม่ยอมกินข้าวกินนม งอแงทั้งวันเธอมีน้องคงรู้นะต้องทำยังไง!” อยู่ ๆ คุณเขาก็พูดขึ้น“รู้ค่ะ” ฉันตอบอย่างหนักแน่น“ไม่ต้องยิ้มดีใจขนาดนั้น! ถ้าไม่เพราะครั้งที่แล้วเธอเอาเสื้อผ้าบ้า ๆ ไปให้ลูกฉันก็คงไม่เอาแต่ถามหาเธอแบบนี้หรอก!”พูดดีได้ไม่ถึงสิบคำคุณเขาก็ทำหน้าดุใส่ฉันอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรดุได้ดุไปยังไงวันนี้ฉันก็จะได้เจอหน้าน้องพาร์ทแล้ว ดุแค่นี้ฉันสบายมาก! (◠‿◕)“......” คุณเขาหันมาจ้องหน้าฉันแล้วถอนหายใจอย่างเอือมระอา“ถามจริง เธอโกรธใครเป็นไหม?” คุณเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ“เป็นสิคะ ใครจะโกรธไม่เ
“ไปบอกพยาบาลให้กลับไปก่อน” คุณเขาพูดเรียบ ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง“ครับนาย!”“มาได้ไงเราอะ” พี่ไทเกอร์พูดกับคุณเขาแล้วหันมาถามฉัน“คุณเขาให้มาหาน้องพาร์ทได้ค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง“งั้นพี่พาไปหานายน้อย ดีเหมือนกันพี่กับพยาบาลกำลังจะตายแล้ว นายน้อยร้องไห้งอแงทั้งวัน”พี่ไทเกอร์พูดอย่างหนักใจ แล้วพาฉันเดินเข้าไปหาน้องพาร์ทที่กำลังอาละวาดร้องไห้อยู่กับพยาบาล“น้องพาร์ทครับ!” ฉันส่งเสียงเรียกน้องพาร์ทเบา ๆ“อึก ฮือ! อึก อึก” เสียงสะอื้นเล็ก ๆ ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตา มันทำให้หัวใจฉันแทบสลาย“เป็นอะไรครับทำไมร้องไห้งอแงแบบนี้”คุณเขาที่พูดพร้อมอุ้มน้องพาร์ทเดินมาหาฉัน สีหน้าแววตาคุณเขามันอ่อนโยนมากเวลาเขาอยู่กับลูก“หม่ำ ๆ หม่ำ ๆ” พอน้องพาร์ทเห็นฉันก็ยิ้มดีใจใหญ่“นะ...หนูขออุ้มน้องได้ไหม!” ฉันเดินเข้าไปจับมือเล็ก ๆ“......” คุณเขาไม่พูดอะไรและส่งน้องพาร์ทให้ฉัน“คนเก่งของพี่แนนตัวร้อนเหรอครับ!”“ไหนพี่แนนดูหน่อยสิ” ฉันเอามือแตะที่หน้าผากเล็ก ๆ ดีที่ไข้ไม่สูงเท่าไร“น้องไม่ยอมทานข้าวเลยค่ะ” เป็นคุณพยาบาลที่พูดขึ้น ส่วนตัวเล็กตอนนี้เงียบนิ่งเอาหน้าแนบอกแต่ยังคงมีเสียงสะอื้นเป็นพัก ๆ“ไม่เป็นไรค่ะแน
“... คะ กลับบ้านมันดึกแล้ว” ฉันเดินเข้าไปหาคุณเขาอย่างว่าง่าย เพราะถ้าฉันไม่เชื่อฟังเขามันคงไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าไร“แล้วฉันบอกว่าให้เธอกลับ?” เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมริมฝีปากร้อนขบที่ใบหูเบา ๆ ทำเอาไรขนฉันลุกซู่ ไปทั้งตัวจนต้องหดคอหนี“ไม่ให้กลับแล้วหนูจะนอนไหน?” อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันค้างที่นี่! "แล้วไม่อยากนอนกับ..." คุณเขามองไปที่น้องพาร์ท“อยากค่ะ!” ฉันฉีกยิ้มกว้าง“อยากนอนกับฉัน!” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงยกค้างไว้แต่ต้องหุบยิ้มแล้วกลืนน้ำลายลงคอเมื่อประโยคต่อมาน้ำเสียงคุณเขามันสั่นกระเส่าชวนขนลุก“......” ฉันเลือกที่จะเงียบ นี่ฉันต้องรองรับอารมณ์คุณเขาไปถึงเมื่อไหร่“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” คุณเขาพูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปทันที“แปลกคน บทจะใจดีก็ใจดี บทจะดุก็ดุจนน่ากลัว”“แต่ช่างเถอะคืนนี้ฉันจะได้นอนกอดน้องพาร์ทให้หายคิดถึง!” "คืนนี้พี่แนนขอนอนกอดนะครับ!" ฉันหันกลับไปพูดกับเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียง ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อจากพิษไข้ พร้อมหอมแก้มเบา ๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวากลัวคุณเขามาเห็นแล้วจะดุฉันอีก“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”“แล้วเสื้อผ้าจะเอาที่ไหนมาเปลี่ยน!” เมื่อนึกถึง
1 ชั่วโมงผ่านไป“ตื่นแล้วเหรอครับ!” ระหว่างที่ฉันกำลังดูของในกระเป๋าที่ไม่รู้ว่าคุณเขาไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วยังเอาเสื้อผ้าของใช้ฉันมาตั้งหลายชุด น้องพาร์ทก็งัวเงียตื่นขึ้นมาพอดี“อารมณ์ดีแบบนี้หายแล้วใช่ไหมเอ่ย” เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนหน้าหล่อ ๆ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถ้างอแงเอาแต่ร้องไห้เหมือนตอนแรกที่ฉันมามีหวังฉันได้ร้องไห้ตามแน่“......” น้องพาร์ทไม่พูดเอาแต่มองหน้าแล้วส่งยิ้มหวานให้“ตัวไม่ร้อนแล้วนิ” ฉันเอาตัวน้องพาร์ทมานั่งตัก ตอนนี้ตัวก็ไม่ร้อนมากแค่รุม ๆ แถมยังอารมณ์ดีแบบนี้คงจะดีขึ้นมากแล้วฉันก็นั่งคุยเล่นกับน้องพาร์ท อยู่นาน จะดีแค่ไหนนะถ้าฉันได้มีโอกาสได้อยู่กับน้องแบบนี้ทุกวัน“หิวไหมครับ!” ฉันก้มหน้าลงหอมแก้มน้อย ๆ ให้เต็มปอด พยายามเก็บเกี่ยวความสุขไว้ให้มากที่สุด เพราะฉันรู้ดีว่าเวลาของฉันมันมีไม่มากส่วนคุณเขาตอนนี้น่าจะอยู่ห้องทำงานละมั้งเห็นแต่งตัวเสร็จก็เดินคุยโทรศัพท์ออกไป ฉันเองก็ไม่ได้สนใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรของฉัน“งั้นพี่แนนนี่ว่าเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่า” นี่ก็เกือบ ๆ จะสามทุ่มแล้วฉันเองก็เริ่มจะหิว ๆ แล้วเหมือนกันพูดจบฉันก็อุ้มน้องพาร์ท ออกไปข้างนอกเพ
“อย่าค่ะ” ฉันพูดเสียงเบามือดันหน้าอก เมื่อคุณเขาค่อย ๆ ผละปากออกอย่างอ้อยอิ่ง“......” คุณเขาเงียบ สายตาเรียบนิ่งที่มองฉันมันยากจะคาดเดา“นอนได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะไม่ให้เธอนอน”น้ำเสียงราบเรียบ พร้อมนิ้วหัวแม่มือเขี่ยเกลี่ยริมฝีปากฉันเบา ๆ“นะ...หนูขอจับมือน้องนอนได้ไหม”ฉันถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“อือ” คุณเขาตอบเสียงผ่านลำคอเบา ๆ“ขอบคุณค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง พร้อมพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าไปหาน้องพาร์ท“ฝันดีนะครับ” ฉันจับมือน้อย ๆ พูดในใจแล้วเผลอยิ้มออกมา ก็คนมันดีใจนิไม่นึกเลยว่าฉันจะมีวันนี้ วันที่ได้นอนกับน้องพาร์ทคืนนี้ต้องเป็นคืนที่ฉันหลับฝันดีแน่ ๆ ฉันค่อยๆ หลับตาลงแค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับฉัน“เฮือก!” ฉันที่กำลังเคลิ้มหลับต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมืออุ่น ๆ ค่อย ๆ เลื่อนมาวางทับที่เอว“......” ฉันได้แต่เงียบ นอนตัวแข็งทื่อเมื่อลมหายใจอุ่นพ่นรดต้นคอตึก! ตัก! ตึก! ตัก!หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เมื่อคุณเขาขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกระชับกอดฉันแน่น“อยู่นิ่ง ๆ ถ้าเธอขยับฉันจะเอาเธอตอนนี้!” น้ำเสียงขรึม ๆ กระซิบข้างหูเมื่อฉันขยับตัว“นะ...หนูหายใจไม่ออก ไม่กอดได้ไหม” ฉันตอบตะกุกตะกัก ก็ฉ
บ้านอัมรินทร์“อะไรกันคะ” ร่างระหงออกจากบ้านแล้วต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นดอกกุหลาบขาวช่อโตที่เธอชอบ“นายให้เอามาให้คุณครับ” เทเลอร์ในชุดสูทสีดำราคาแพงยื่นช่อดอกไม้ในมือให้หญิงสาว“...ขอบคุณค่ะ” แพรพิมพ์ ผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและรับดอกไม้จากชายหนุ่ม“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มผู้เจียมตัวก้มหน้าแล้วเดินออกจากบ้านทันที“ดะ…เดี๋ยว!”“ว้าย!!!”แพรพิมพ์เดินตามเทเลอร์ แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้สะดุดขาตัวเองล้ม“คุณพิมพ์!!”ดีที่เทเลอร์คว้ารับตัวเธอไว้ได้ทัน ทำให้ร่างบางอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มสองสายตามองประสานกันอย่างลึกซึ้ง“เจ็บตรงไหนไหมครับ” เทเลอร์รีบดึงสติตัวเองก่อนจะปล่อยหญิงสาวพร้อมสำรวจร่างกายเธออย่างละเอียด“วันนี้พี่ว่างไหม” แพรพิมพ์พูดเสียงสั่น“คุณพิมพ์มีอะไรให้ผมรับใช้ครับสั่งมาได้เลย” เทเลอร์พูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ ก้มหน้ารอรับคำสั่ง... “อย่าทำแบบนี้ได้ไหม” แพรพิมพ์เดินเข้าไปใกล้ ๆ เทเลอร์ แต่เทเลอร์กลับถอยหนี“อย่าทำแบบนี้เลยครับ ““ทำไมคะเพราะอะไร?” แพรพิมพ์ไม่ฟังที่เขาพูดแต่กลับเดินตรงเข้าไปหา“เพราะคุณคือผู้หญิงของนาย!” เทเลอร์พูดเสียงแผ่วย้ำเตือนใจตัวเองว่าคนตรงหน้า
หลายเดือนผ่านไป“อีกสองอาทิตย์จะเปิดเทอมแล้วสินะ”ฉันนั่งมองชุดนักศึกษาที่เพิ่งจะไปซื้อมาเมื่อวันก่อนกับหนูน้อยเบบี๋ที่ตอนนี้ดูจะไม่น้อยแล้วละ รอยเต็มคอทุกวันแบบนั้น แต่ฉันก็ไม่ได้อะไรหรอกเพราะคุณกันต์เขาชัดเจนแสดงออกว่ารักเบบี๋มากขนาดนั้น มากถึงขนาดยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อเบบี๋แบบนี้สิ เขาถึงจะเรียกเจ้าชายที่แท้จริงเบบี๋น่ารักเล่าให้ฉันฟังทุกอย่าง แต่ฉันก็บอกเบบี๋แล้วแหละว่าอย่าไปพูดเรื่องแบบนี้กับคนอื่น เพราะเราไม่รู้หรอกว่าใครคิดยังไงกับเรา บางคนต่อหน้าอาจจะทำเป็นพูดดีพอลับหลังก็ลอบกัดเราก็มีถมไป“เฮ้อ! คิดถึงจังเลยตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ”แต่ต้องมานั่งหงอยเมื่อเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ อยู่หน้าจอโทรศัพท์ ตอนนี้คุณเขาพาน้องพาร์ทกลับจีนแล้วไม่รู้จะมาไทยอีกเมื่อไหร่นี่ก็ 2 เดือนแล้วที่ฉันไม่ได้เจอน้องพาร์ทเลยได้แต่ดูรูปเก่า ๆ กับรูปที่เบบี๋ส่งให้ดูในกรูปไลน์แค่นั้น“แนน!!”“แนนนี่!!”ปัง! ปัง! ปัง!“คะแม่!” ฉันรีบวางโทรศัพท์แล้วรีบไปเปิดประตูให้แม่“มีอะไรหรือเปล่า” ฉันยิ้มให้แม่คงจะมีอะไรให้ทำ“รีบแต่งตัวแล้วไปกับฉัน!” แม่พูดอย่างหงุดหงิด“ไปไหน?” ฉันเอ่ยถามแม่ ปกติแม่ไม่เคยให้ฉันไปไหนมาไหน
“เป็นไง”“ตกลงว่าท้องไหม?”ปรเมศวร์เอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นร่างบางของภรรยาสาวเดินออกมาจากห้องน้ำ“ฟองเบียร์ล่ะ” แต่เธอกลับไม่สนใจเดินผ่านหน้าสามีหนุ่มสายตาสอดส่องหาลูกสาวตัวน้อย“แนน! หนูตอบป๋าก่อนตกลงท้องไหม!” ท่อนแขนแกร่งคว้าเอวคอดดึงร่างเล็กเข้ามากอดเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สนใจ“ป๊ะป๋า! ปล่อยอึดอัดหายใจไม่ออก” สองมือเล็กผลักดันหน้าอกอย่างรำคาญ“เหม็นด้วย! ““ไหนบอกว่าเลิกได้แล้วทำไมยังได้กลิ่นบุหรี่!” เธอชักสีหน้าไม่พอใจทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นเหม็นของบุหรี่ติดปลายจมูก“อะไรป๋าไม่ได้สูบ คงจะลูกค้าสูบมันเลยติดเสื้อ ป๋าเลิกนานแล้ว” ปรเมศวร์รีบอธิบายอย่างกระตือรือร้น แต่เห็นอาการแปลก ๆ ของเมียรักเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจ“ดีใจมากไหมคะ” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มบางเมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าสามี หลังจากที่พยายามจะมีลูกอีกคนมาหลายเดือนและในวันนี้ก็สิ้นสุดการรอคอยแต่จะเป็นลูกสาวอย่างที่เขาหวังไหม อันนี้คงต้องว่ากันอีกที“ที่สุดครับ!”“หนูน่ารักที่สุดเลยรู้ไหม!”พรึบ!ร่างบางถูกช้อนอุ้มเดินตรงไปยังเตียงนอน“คงได้เวลาป๋าต้องทำงานให้น้อยลงเพื่อจะได้ดูแลหนูกับลูกให้มากขึ้นแล้วสินะ!” เขาพูด
“ไทเกอร์!!”“ไอ้ไทเกอร์!!!”ปรเมศวร์ส่งเสียงเรียกลูกน้องหนุ่มที่ซึ่งกำลังหัวหมุนกับเจ้าสองแสบลูกชายเจ้านายเสียงแข็ง“ครับนาย” ชายหนุ่มวิ่งหอบตรงเข้าหาผู้เป็นนาย“ดูฟองเบียร์ด้วยกูมีธุระ!”“แล้วดูลูก ๆ กูดี ๆ ล่ะ อย่าให้ไปวิ่งเล่นแถวสระน้ำ!”“ถ้าลูกกูเป็นอะไรไปมึงตาย!”สิ้นประโยคเด็กน้อยแก้มใสวัยห้าเดือนเศษก็ถูกยัดใส่มือลูกน้องหนุ่มที่ทำหน้ามึนงง“นาย!” แต่ยังไม่ทันที่เจ้านายหนุ่มจะได้เดินไปไหนเขาก็อุ้มเด็กน้อยไปขวางหน้าไว้เสียก่อน“อะไรของมึงอีก?” เจ้านายหนุ่มมองหน้าลูกน้องอย่างไม่สบอารมณ์เพราะจิตใจมันลอยล่องไปอยู่ที่สระน้ำ“แล้ว...” ลูกน้องหนุ่มมองไปที่สองพี่น้องที่กำลังเล่นต่อสู้กันอยู่“มันเป็นหน้าที่มึง! ไว้กูขึ้นเงินเดือนให้!”เขาพูดแค่นั้นก็จะรีบสาวเท้ายาว ๆ ไปหาภรรยาสาวที่กำลังเล่นน้ำอย่างสบายใจ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าภัยร้ายกำลังจะถึงตัวเพราะชุดบิคีนีตัวจิ๋วที่เธอสวมใส่……“ไม่ตายวันนี้จะตายวันไหน! ไอ้ไทเกอร์!” ไทเกอร์ได้แต่บ่นตามหลังเจ้านาย ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ“อ้อแอ้ อ้อแอ้” แต่ต้องสีหน้าเปลี่ยนเมื่อเสียงหวานเล็กดังอ้อแอ้ มือเล็กนุ่มนิ่มลูบจับที่หน้าเขาอย่างอ่อนโยน“เห็นแบบ
“กรี๊ด อุแว้!!”“พอร์ช! ลูกอีกแล้วนะแกล้งน้องทำไม!”เฮ้อ! ฉันละเหนื่อยใจกับลูกชายคนนี้ ตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 3 เดือนกว่า ๆ ทุกอย่างเงียบกริบทางตำรวจพยายามสืบหาที่มาของเด็กแต่ไร้ซึ่งวี่แวว ฉันกับคุณป๋าเลยรับเลี้ยงสาวน้อยและรับเป็นลูกบุญธรรมน้องฟองเบียร์ เด็กหญิง พิชามญชุ์ โชติฐิติเมธานนท์พิชามญชุ์ ผู้งดงามด้วยความรู้ ชื่อนี้หลวงตาเป็นคนตั้งให้ และต้องขอบคุณป๊ะป๋าที่ตามใจฉันให้ลูกใช้นามสกุลเดียวกันกับเราได้เพราะไม่รู้วันเกิดเด็กที่แน่ชัดเราเลยเอาวันที่เจอน้องเป็นวันเกิด และดีที่คุณป๋าเขามีเส้นสายจัดการเรื่องเอกสารให้ลูกได้มีสิทธิ์ทุกอย่างเหมือนคนอื่น ๆแต่ต้องปวดหัววันละแปดรอบกับไอ้ตัวแสบลูกชายคนเล็ก เผลอเป็นไม่ได้แอบหยิกแก้มน้องทุกทีอย่างวันนี้ก็เหมือนกันน้องนั่งเล่นหัวเราะ อยู่ ๆ คนพี่วิ่งมาจากไหนไม่รู้หยิกแก้มน้องจนเป็นรอย จนน้องร้องกรี๊ด“แบร่!!!” แล้วยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันมาแลบลิ้นใส่แล้ววิ่งไปหาพี่ชายทันที ให้มันได้แบบนี้สิ! ลูกคนนี้นิ“นี่ก็อีกคนเขาแกล้งขนาดนี้ยังมองตามตาละห้อย แล้วอะไรคือยิ้มหวานคะ? หนูไม่เจ็บเหรอลูก”ฉันทายาใส่แก้มขาวใสที่เป็นรอยแดงอย่า
ประเทศจีน...“แนน!!”“จะทะเลาะกับป๋าให้ได้ใช่ไหม!”“ได้!”“งั้นขึ้นห้อง ถอดเสื้อผ้าเรามีเรื่องต้องคุยกัน!”สิ้นคำพูดร่างฉันก็ถูกกระชากขึ้นไปบนห้อง และจากนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!คนบ้าอะไรจะถอดเสื้อผ้าคุยกัน เขาหาเรื่องรังแกฉันมากกว่า!“ทีนี้หายโมโหยัง” ก็แบบนี้ทุกทีพอได้แล้วก็มาอ้อน ทีตอนลากขึ้นเตียงเกรี้ยวกราดที่สุด“......” ฉันเงียบ! ดีนะที่วันนี้พี่ไทเกอร์พาสองหนุ่มไปเที่ยว ฉันเลยแวะไปหาคุณป๋าที่บริษัท แต่ต้องไปเห็นอะไรที่มันทำให้อารมณ์เสียเพราะแบบนี้ฉันถึงไม่อยากกลับมาที่นี่ ที่บ้านหลังนี้ เพราะมันมีอะไรหลายอย่างที่มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บ“ป๋าไม่ได้อะไรกับผู้หญิงพวกนั้นแล้วนะ เราก็อยู่ด้วยกันตลอด แค่เอาหนูคนเดียวป๋าก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว”ฉันเข้าใจเพราะเรื่องมันก็นานแล้วแต่มันก็หงุดหงิดใจอยู่ดี ที่เห็นผู้หญิงที่เขาเคยควง!“ป๋าเป็นเด็กดีแล้วนะครับ” ลมหายใจอุ่น ๆ พ่นรดที่ต้นคออย่างแผ่วเบา“หนูเข้าใจแต่หนูไม่ชอบ ไม่ชอบที่พวกเธอมองป๊ะป๋าด้วยสายตาท่าทางอ่อยแบบนั้น หนูหวง!”ฉันพลิกตัวมุดหน้าซุกแผงอกแกร่ง เพิ่งจะกลับมาอยู่จีนได้ไม่ถึงอาทิตย์กลับต้องมาทะเลาะกันเสียแล้วแ
หลายเดือนผ่านไป...งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ทั้ง ๆ ที่ฉันขอแค่งานเล็ก ๆ แต่ป๊ะป๋าบอกมันไม่ได้เพราะด้วยฐานะฉันตอนนี้ที่เป็นถึงน้องสาวเจ้าของบริษัทส่งออกใหญ่โตของประเทศและคุณเขาที่เป็นถึงประธานบริษัทค้าเพชรอันดับต้น ๆ จะให้จัดงานเล็ก ๆ มันเป็นไปไม่ได้“แม่สวยจังครับ!” น้องพาร์ทที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีขาวพูดมองแม่แล้วเอาแต่นั่งยิ้มกริ่ม ส่วนน้องพอร์ชตอนนี้กำลังซน ก็ช่วงวัยของเขาแหละกำลังหัดเดินไม่เคยจะอยู่นิ่งดีที่ได้พี่ไทเกอร์คอยดูแลวิ่งตามตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ พี่ไทเกอร์ยังไม่ได้พักเลยแต่ความซนยังไม่เท่าน้องญี่ปุ่นลูกสาวคนสวยของเบบี๋ รายนั้นบอกเลยทั้งซนทั้งแสบส่วนคนที่สบายหน่อยคือพี่พิมพ์ เพราะน้องมาเฟียคือนิ่งสุขุมถอดแบบพี่เทเลอร์มาทุกอย่าง! ฉันละปลื้มใจแทนพี่สาวเพราะไม่ต้องมานั่งปวดหัววิ่งไล่จับลูกเหมือนฉันส่วนคุณเจ้าบ่าวป๊ะป๋าคนหล่อ ก็ดีใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เข้าใจว่าตื่นเต้นแต่ฉันเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ยังไม่ตื่นเต้นจนออกหน้าออกตาเท่าเขาเลยไม่ใช่ไม่ดีใจที่ได้แต่งานมันก็ดีใจแต่ป๊ะป๋าเขาดีใจเกินไป อยู่ด้วยกันมากี่ปี ลูกสองคนก็โตจนวิ่งไล่เตะก้นพ่อได้แล้ว ทุกวันนี้ฉันเหมือนมีลูกชายส
“ลูกไม่ยอมดูดขวด!” คุณป๋าเขามองฉันอย่างคาดโทษและส่งลูกให้ฉัน“หนูขอโทษ!” ฉันได้แต่ทำหน้าสำนึกผิด เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ใส่ลูกก็จะกินนม“แอ้!!”“รู้แล้วครับไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนเลย ก็อ้อนแบบนี้แม่ถึงใจอ่อนให้หนูกินจากเต้าจนป๊ะป๋าดุ” ฉันเอาลูกนอนลงที่ตักทันทีที่เห็นเต้าตามเคยตัวเล็กดีใจจนตัวสั่นจ๊วบ!!ด๊วบ!!“เบา...ไอ้เสือ นมแม่ช้ำหมดแล้วลูก!” คุณป๋าเขาคลานเข่าขึ้นมาบนเตียงจูบที่เท้าเล็ก“ทำอะไรไม่เอามันจั๊กจี้!” ฉันเอามือดันตัวเขาที่เอาหัวหนุนตักแล้วอ้าปากงับเต้าอีกข้าง“ทีลูกดูดไม่เห็นเป็นอะไรป๋าก็หิวเหมือนกันกินหน่อยนะ!” เขามันบ้า! ดูดดึงหน้าอกแล้วดูดแรงด้วยแรงพอจนน้ำนมมันทะลักออกมานั่นแหละ“ป๊ะป๋า! ไม่เอาพอแล้วลูกกินนมอยู่นะ!” ฉันพูดดุ ๆ“หึ...ป๋าแค่ล้อเล่นเอง”“แล้วพาร์ท ล่ะคะ” ทำไมฉันถึงรู้สึกผิดต่อลูกอยู่ตลอดนะ“มีอะไรหรือเปล่า”คุณเขานั่งช้อนด้านหลังเอาคางเกยไหล่ มือสากเอื้อมมาหยอกล้อเล่นกับตัวเล็กที่พอนมเข้าปากก็เงียบไปเลย“ป๊ะป๋า!” ฉันเอียงคอหันไปจ้องหน้าเขา“ฮือ ว่าไงครับเป็นอะไรทำไมทำหน้าเศร้า ๆ” คุณเขาจุ๊บที่ปากฉันเบา ๆ“ป๊ะป๋ารักน้องพาร์ทไหม” ฉันพูดเสียงสั่น ไม่รู้ฉันคิดอะไรทำ
ลิ้นสากเปียกลื่นลากเลียยาวตั้งแต่เนินลงไปถึงสะดือสองมือสากลูบไล้ตามเรียวขาและจับมันอ้ากว้างออก“อ๊ะ” ฉันร้องครางในลำคอเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นร้อนแตะตรงส่วนนั้นผ่านแพนตี้ผ้าลูกไม้ตัวบางที่ฉันใส่จ๊วบ!!ด๊วบ!!เขาจูบดูดมันอย่างเอร็ดอร่อย จนมันเปียกแฉะสองมือจิกกำผ้าปูที่นอนแอ่นอกบิดตัวเมื่อถูกปลายลิ้นร้ายเขาทารุณ“ฮื่อ! ป๊ะป๋า มะ...มันเสียวนะคะ!” ฉันกลั้นใจพูดเพราะตอนนี้มันเสียวจนแทบจะพูดไม่เป็นภาษาอยู่แล้ว!พรึบ!ฟิ้ว ~~~คุณป๋าเขาไม่สนใจฟังถอดเสื้อพร้อมแพนตี้ตัวน้อยออกจากตัวขว้างทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี“อืม”แผล็บ!!แจ๊ะ! แจ๊ะ!ปลายลิ้นสากลื่นยังคงทำการทารุณกรรมน้องหนูฉันต่อ และฉันต้องดิ้นพล่านเมื่อเขาสอดดุนลิ้นร้ายผลุบเข้าออกร่องสวาท ทั้งดูดทั้งเลียทำเอาฉันแทบดิ้นตายด้วยความเสียว แต่ต้องเก็บกดเสียงห้ามตัวเองไม่ให้ส่งเสียงครางออกมากลัวลูกจะตื่น“ฮื่อ! ป๊ะป๋า นะ...หนูไม่ไหวแล้วนะ! กรี๊ดดดด” สองมือกำหมัดแน่นส่งเสียงกรีดร้องในลำคอ เมื่อปลายลิ้นร้อนไม่ปรานีร่องแคบฉันเลยเขาตวัดลิ้นละเลงติ่งเกสรสลับกับดูดแรง ๆ และสอดดันดุนลิ้นผลุบเข้าออกถี่รัว เพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อมาร่างฉันมันสั่นกระสับกระส่ายก
แน่นอนฉันจูบตอบสองแขนยกขึ้นคล้องคอเอียงหน้า หาองศาที่เหมาะสม มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาจับล็อกท้ายทอยแน่นเราจูบกันอย่างดูดดื่มจนลืมไปว่าตอนนี้เราอยู่ในลิฟต์!“อุ๊ย!!!”ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดพนักงานที่ยืนอยู่ข้างนอกต่างตกใจที่เห็นเราสองคนจูบกันฉันพยายามดันตัวคุณเขาออกแต่ทว่าเขากลับยิ่งกดจูบหนัก ๆ อีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยริมฝีปากที่บวมเป่งอย่างอ้อยอิ่ง“ป๋ารักหนูนะ”คำพูดหวานหูและสายตาหวานเยิ้มที่เขามองมาที่ฉันมันยิ่งทำให้ฉันเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกคุณเขาไม่สนใจพนักงานที่ยืนดูหอมแก้มมือโอบไหล่เดินไปที่โรงจอดรถพอมาถึงโรงรถเขาก็จูบฉันอีกครั้งและจูบอยู่อย่างนั้นนานหลายนาทีฉันเห็นท่าไม่ค่อยดีเลยรีบผลักตัวเขาออกแล้วรีบขึ้นรถก่อนทุกอย่างมันจะเลยเถิดระหว่างที่ขับรถไปรับลูกที่โรงเรียนคุณเขาก็กุมมือเดี๋ยวจูบเดี๋ยวหอมยิ้มไม่หุบฉันก็ได้แต่นั่งยิ้มส่ายหัวอะไรจะเป็นหนักถึงขนาดนี้ก็แค่บอกรักเอง แต่จะว่าไปฉันเองก็มีความสุขไม่ต่างอะไรจากเขาที่ได้บอกความรู้สึกออกไปสำหรับฉันคุณเขาคงเป็นรักแรกและรักสุดท้ายและฉันก็อยากเป็นคนสุดท้ายของเขาเหมือนกัน“รักนะคะป๊ะป๋า!”ฉันยิ้มให้เขาและพูดในใจ เรามองหน้าสบตากันโด
46 ป๊ะป๋าของหนูหมับ!!“นะ...หนูพูดว่าอะไรนะ!”แต่ไม่ทันจะได้เดินออกไปไหนสองมือใหญ่ก็คว้าตัวสวมกอดจากด้านหลัง เสียงเข้มสั่นเครือกอดเอวแน่น“ปล่อยค่ะ! ไหนว่าจะทำงาน”ฉันพลิกตัวหันไปมองหน้าสบตาคนแก่ขี้งอน“...มะ...ไม่ทำแล้ว” คุณเขาดูไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลยดูตื่นตกใจมึนงงยังไม่หาย“ป๋าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” คุณเขาสวมกอดฉันแน่น มันแน่นจนแทบหายใจไม่ออกงับ!!!“หนู! กัดป๋าทำไม!” ฉันอ้าปากงับหัวไหล่เขาอย่างแรง“ถ้าเจ็บก็แสดงว่าไม่ได้ฝันค่ะ” ฉันยกสองแขนขึ้นคล้องคอเขา และแน่นอนสองมือใหญ่กอดรัดดึงตัวฉันแนบชิดติดอกแกร่ง“หนูรักป๊ะป๋า รักมานานแล้ว ได้ยินชัดไหมคะ!”ฉันพูดและยิ้มให้พ่อของลูกที่อยู่ ๆ ก็ร้องไห้น้ำตาอาบสองแก้ม ฉันถึงกับงงเขาร้องไห้ทำไม?“ป๊ะป๋า!!” ฉันถึงกับต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมแล้วส่ายหัว กลั้นขำแทบไม่ไหว“ร้องไห้ทำไม!”“ไม่ร้องสิคะ หนูแค่บอกรักเอง” ฉันดึงเขาเข้ามากอดปลอบ“ก็ป๋าดีใจ หนูรู้ไหมป๋ารอฟังคำว่ารักจากหนูมานานแค่ไหน!” เขาพูดเสียงสะอื้นสองแขนกอดฉันแน่น“หยุดร้องได้แล้วค่ะเดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า มันจะไม่ดีเท่าไรนะ”“แล้วอีกอย่าง” ฉันดันตัวมองหน้าสบตาพ่อของลูกที่ยังคงสะอื้นไ