“หนูขอลงไปซื้อของหน่อยได้ไหมคะ” พอดีทางผ่านมีร้านขายยาเล็ก ๆ เปิดอยู่
“......” คุณเขาเงียบแต่พยักหน้าเบา ๆ แล้วเอนหลังพิงเบาะคุณเขาดูเครียด ๆ
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ แนนนี่ลงไปซื้อของแป๊บเดียว” ฉันบอกพี่เทเลอร์เพราะแถวนี้มันหาที่จอดรถยากเดินไปไม่ไกลก็ถึงร้านขายยาแล้ว
“......แกไปซื้อ” เป็นคุณเขาที่พูดกับพี่เทเลอร์
“ครับนาย!”
“ตะ...แต่...”
ฉันไม่ทันจะได้พูดอะไรคุณเขาก็ลืมตาพร้อมทำหน้าดุ ๆ แล้วพี่เทเลอร์รู้เหรอว่าฉันจะซื้อยาอะไร เฮ้อ ฉันก็ได้แต่นั่งก้มหน้าบรรยากาศมันอึดอัดชะมัด
“พอดีลูกชายฉันไม่สบาย ไม่ยอมกินข้าวกินนม งอแงทั้งวันเธอมีน้องคงรู้นะต้องทำยังไง!” อยู่ ๆ คุณเขาก็พูดขึ้น
“รู้ค่ะ” ฉันตอบอย่างหนักแน่น
“ไม่ต้องยิ้มดีใจขนาดนั้น! ถ้าไม่เพราะครั้งที่แล้วเธอเอาเสื้อผ้าบ้า ๆ ไปให้ลูกฉันก็คงไม่เอาแต่ถามหาเธอแบบนี้หรอก!”
พูดดีได้ไม่ถึงสิบคำคุณเขาก็ทำหน้าดุใส่ฉันอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรดุได้ดุไปยังไงวันนี้ฉันก็จะได้เจอหน้าน้องพาร์ทแล้ว ดุแค่นี้ฉันสบายมาก! (◠‿◕)
“......” คุณเขาหันมาจ้องหน้าฉันแล้วถอนหายใจอย่างเอือมระอา
“ถามจริง เธอโกรธใครเป็นไหม?” คุณเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ
“เป็นสิคะ ใครจะโกรธไม่เป็น” ฉันก็ตอบตามความจริง ใคร ๆ เขาก็ต้องมีอารมณ์โกรธสิ ใครจะไปใจดีได้ตลอดเวลา
“แล้วเธอโกรธฉันไหมที่ฉันไม่ให้เธอไปหาลูกฉัน!” คุณเขาพูดเรียบ ๆ
“โกรธค่ะ! แต่หนูเข้าใจเพราะคุณรักน้องพาร์ทเลยไม่อยากให้คนอย่างหนูเข้าใกล้น้อง!”
ฉันหันไปยิ้มให้คุณเขา ถึงเขาจะใจร้ายกับฉันแต่เขาก็รักและห่วงน้องพาร์ทมาก แถมน้องพาร์ทยังอยู่อย่างสุขสบายแค่นี้ฉันก็ดีใจแล้ว
“ขอบคุณนะคะที่คุณรักน้องพาร์ท แค่คุณรักน้องพาร์ทหนูก็ดีใจแล้วค่ะ” ฉันยกมือไหว้เขา ฉันคิดแบบนั้นจริง ๆ ไม่ได้ประชดหรืออะไร
“ลูกฉันยังไงฉันก็ต้องรัก!”
“......” แล้วคุณเขาก็เอาแต่เงียบและจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น
“ค่ะ!” ฉันก็ได้แต่ยิ้มให้เขาไม่รู้สิแค่คิดว่าจะได้เจอหน้าน้องพาร์ท เรื่องอื่นมันก็ไม่สำคัญไม่อยากจะเก็บมาใส่ใจ…
“แล้วเธอจะเรียนต่อที่ไหน?” วันนี้คุณเขามาแปลก ปกติไม่เห็นสนใจเรื่องพวกนี้เลย
“ยังไม่รู้ค่ะ น่าจะเรียนเสาร์อาทิตย์” ฉันตอบไปอย่างไม่ได้คิดอะไรเพราะจันทร์ถึงศุกร์ฉันต้องไปทำงาน ความฝันที่จะเป็นนักการทูตนั้นมันอยู่ไกลเกินเอื้อมจริง ๆ
“เรียนเสาร์-อาทิตย์?” คุณเขาจ้องหน้าฉันตาเขม็ง
“ค่ะ! พอดีหนูเพิ่งได้งานขายของที่ห้าง” พอดีทางร้านเขาเพิ่งตอบกลับมาเมื่อคืนก่อนกว่าจะได้ทำงานอีกเดือนกว่า ๆ ตอนนั้นอายุก็ครบ 18 พอดี
“แล้วทำไมต้องทำงาน?” คุณเขาดึงตัวฉันเข้าไปใกล้ ๆ
“คือหนู...” จะบอกคุณเขายังไงดี ก็เงินที่คุณเขาให้ทุกเดือนพ่อกับแม่เอาไปใช้จนหมดแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อ แล้วมหาวิทยาลัยที่ฉันสอบติด ค่าเทอมก็แพงมากจะเอาปัญญาที่ไหนไปจ่าย
แนนนี่! เอ๊ย!!! ไม่น่าหลวมปากพูดออกไปเลย
“เงินที่ฉันให้ไปไหนหมด?” คุณเขาพูดอย่างหงุดหงิด
“......” ฉันได้แต่เงียบแล้วก้มหน้า
“เฮ้อ! ช่างเถอะเธอนี่มันซื่อบื้อจริง ๆ” คุณเขาถอนหายใจอย่างเอือมระอา แล้วปล่อยมือจากตัวฉัน
“ไม่ต้องไปทำงานมีหน้าที่เรียนกับนอนอ้าขาให้ฉันเอาก็พอ เรื่องเงินฉันจัดการเอง!”
คุณเขาพูดดุ ๆ แต่คำพูดเขามันยิ่งทำให้ฉันถึงกับพูดไม่ออก มันเหมือนเขาจะใจดีกับฉันนะแต่ไอ้คำว่า นอนอ้าขาให้เขาเอา มันรู้สึกจุกแน่นที่หน้าอกยังไงก็ไม่รู้ นี่ฉันจะไม่มีวันหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้เลยหรือไง
“......” แล้วฉันก็ได้แต่เงียบ ฉันก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีความฝันอยากจะเจอกับเจ้าชายรูปงามที่เขารักและพร้อมจะดูแลถนอม กอดปลอบเวลาฉันเสียใจ ให้กำลังใจเมื่อฉันร้องไห้
แต่นั่นก็แค่ฝันเพราะชีวิตจริง เจ้าชายแสนดีแบบนั้นมันไม่มีอยู่หรอก จะมีก็แต่เทพบุตรในคราบปีศาจแบบคุณเขานี่ละมั้ง?
ไม่นานพี่เทเลอร์ก็เดินกลับมาพร้อมยื่นแผงยากับน้ำให้ฉัน ฉันรีบกินยาทันทีกลัวจะลืม
แล้วรถก็วิ่งออกไป แต่ทางที่จะไปมันกลับไม่ใช่ทางไปบ้านคุณเขา
ฉันหันไปมองคุณเขาที่ตอนนี้กำลังนั่งจ้องโทรศัพท์ ท่าทางเขาดูเครียด ๆ สงสัยคงจะมีปัญหาเรื่องงาน
เลยได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่กล้าพูดหรือถามอะไรเพราะคุณเขาไม่ชอบให้ยุ่งเรื่องส่วนตัวไม่ชอบคนพูดมาก
คอนโดหรู…
ทันทีที่รถจอดฉันก็รีบก้าวขาสั้น ๆ เดินตามหลังคุณเขาไปทันที ส่วนพี่เทเลอร์ขับรถออกไปไหนไม่รู้
“อะ โอ๊ย!” ฉันมัวก้มหน้าก้มตาเดินไม่ทันได้มองเลยไม่รู้ว่าคุณเขาหยุดเลยชนแผงอกคุณเขาเข้าให้จัง
“......” คุณเขาเงียบไม่พูดอะไร แต่สายตาเขามันฟ้องว่าเขากำลังหงุดหงิด
“ขอโทษค่ะ” ฉันได้แต่ก้มหน้ารับผิด แล้วเดินตามคุณเขาไปจนถึงห้อง
ตื้ด ตื้ด
แกรก!
“ลูกกูล่ะ!” พอเปิดประตูเข้าไปคุณเขาก็ถามพี่ไทเกอร์ทันที
“อยู่กับพยาบาลครับนาย” พี่ไทเกอร์พูดแล้วหันมายิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มตอบตามมารยาท
“ไปบอกพยาบาลให้กลับไปก่อน” คุณเขาพูดเรียบ ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง“ครับนาย!”“มาได้ไงเราอะ” พี่ไทเกอร์พูดกับคุณเขาแล้วหันมาถามฉัน“คุณเขาให้มาหาน้องพาร์ทได้ค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง“งั้นพี่พาไปหานายน้อย ดีเหมือนกันพี่กับพยาบาลกำลังจะตายแล้ว นายน้อยร้องไห้งอแงทั้งวัน”พี่ไทเกอร์พูดอย่างหนักใจ แล้วพาฉันเดินเข้าไปหาน้องพาร์ทที่กำลังอาละวาดร้องไห้อยู่กับพยาบาล“น้องพาร์ทครับ!” ฉันส่งเสียงเรียกน้องพาร์ทเบา ๆ“อึก ฮือ! อึก อึก” เสียงสะอื้นเล็ก ๆ ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตา มันทำให้หัวใจฉันแทบสลาย“เป็นอะไรครับทำไมร้องไห้งอแงแบบนี้”คุณเขาที่พูดพร้อมอุ้มน้องพาร์ทเดินมาหาฉัน สีหน้าแววตาคุณเขามันอ่อนโยนมากเวลาเขาอยู่กับลูก“หม่ำ ๆ หม่ำ ๆ” พอน้องพาร์ทเห็นฉันก็ยิ้มดีใจใหญ่“นะ...หนูขออุ้มน้องได้ไหม!” ฉันเดินเข้าไปจับมือเล็ก ๆ“......” คุณเขาไม่พูดอะไรและส่งน้องพาร์ทให้ฉัน“คนเก่งของพี่แนนตัวร้อนเหรอครับ!”“ไหนพี่แนนดูหน่อยสิ” ฉันเอามือแตะที่หน้าผากเล็ก ๆ ดีที่ไข้ไม่สูงเท่าไร“น้องไม่ยอมทานข้าวเลยค่ะ” เป็นคุณพยาบาลที่พูดขึ้น ส่วนตัวเล็กตอนนี้เงียบนิ่งเอาหน้าแนบอกแต่ยังคงมีเสียงสะอื้นเป็นพัก ๆ“ไม่เป็นไรค่ะแน
“... คะ กลับบ้านมันดึกแล้ว” ฉันเดินเข้าไปหาคุณเขาอย่างว่าง่าย เพราะถ้าฉันไม่เชื่อฟังเขามันคงไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าไร“แล้วฉันบอกว่าให้เธอกลับ?” เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมริมฝีปากร้อนขบที่ใบหูเบา ๆ ทำเอาไรขนฉันลุกซู่ ไปทั้งตัวจนต้องหดคอหนี“ไม่ให้กลับแล้วหนูจะนอนไหน?” อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันค้างที่นี่! "แล้วไม่อยากนอนกับ..." คุณเขามองไปที่น้องพาร์ท“อยากค่ะ!” ฉันฉีกยิ้มกว้าง“อยากนอนกับฉัน!” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงยกค้างไว้แต่ต้องหุบยิ้มแล้วกลืนน้ำลายลงคอเมื่อประโยคต่อมาน้ำเสียงคุณเขามันสั่นกระเส่าชวนขนลุก“......” ฉันเลือกที่จะเงียบ นี่ฉันต้องรองรับอารมณ์คุณเขาไปถึงเมื่อไหร่“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” คุณเขาพูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปทันที“แปลกคน บทจะใจดีก็ใจดี บทจะดุก็ดุจนน่ากลัว”“แต่ช่างเถอะคืนนี้ฉันจะได้นอนกอดน้องพาร์ทให้หายคิดถึง!” "คืนนี้พี่แนนขอนอนกอดนะครับ!" ฉันหันกลับไปพูดกับเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียง ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อจากพิษไข้ พร้อมหอมแก้มเบา ๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวากลัวคุณเขามาเห็นแล้วจะดุฉันอีก“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”“แล้วเสื้อผ้าจะเอาที่ไหนมาเปลี่ยน!” เมื่อนึกถึง
1 ชั่วโมงผ่านไป“ตื่นแล้วเหรอครับ!” ระหว่างที่ฉันกำลังดูของในกระเป๋าที่ไม่รู้ว่าคุณเขาไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วยังเอาเสื้อผ้าของใช้ฉันมาตั้งหลายชุด น้องพาร์ทก็งัวเงียตื่นขึ้นมาพอดี“อารมณ์ดีแบบนี้หายแล้วใช่ไหมเอ่ย” เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนหน้าหล่อ ๆ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถ้างอแงเอาแต่ร้องไห้เหมือนตอนแรกที่ฉันมามีหวังฉันได้ร้องไห้ตามแน่“......” น้องพาร์ทไม่พูดเอาแต่มองหน้าแล้วส่งยิ้มหวานให้“ตัวไม่ร้อนแล้วนิ” ฉันเอาตัวน้องพาร์ทมานั่งตัก ตอนนี้ตัวก็ไม่ร้อนมากแค่รุม ๆ แถมยังอารมณ์ดีแบบนี้คงจะดีขึ้นมากแล้วฉันก็นั่งคุยเล่นกับน้องพาร์ท อยู่นาน จะดีแค่ไหนนะถ้าฉันได้มีโอกาสได้อยู่กับน้องแบบนี้ทุกวัน“หิวไหมครับ!” ฉันก้มหน้าลงหอมแก้มน้อย ๆ ให้เต็มปอด พยายามเก็บเกี่ยวความสุขไว้ให้มากที่สุด เพราะฉันรู้ดีว่าเวลาของฉันมันมีไม่มากส่วนคุณเขาตอนนี้น่าจะอยู่ห้องทำงานละมั้งเห็นแต่งตัวเสร็จก็เดินคุยโทรศัพท์ออกไป ฉันเองก็ไม่ได้สนใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรของฉัน“งั้นพี่แนนนี่ว่าเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่า” นี่ก็เกือบ ๆ จะสามทุ่มแล้วฉันเองก็เริ่มจะหิว ๆ แล้วเหมือนกันพูดจบฉันก็อุ้มน้องพาร์ท ออกไปข้างนอกเพ
“หึ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เป็นแม่ของลูกฉันจำใส่หัวเธอไว้!”“ค่ะ หนูรู้ตัวดีว่าตัวเองก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่คุณใช้เงินซื้อมา”“รู้ตัวก็ดี จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ!” น้ำเสียงราบเรียบท่าทีนิ่งเฉยสายตาเย็นชาของ ปรเมศวร์ จ้องหน้า พิชญา เด็กสาวด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจเพราะไม่มีทางเลือกเธอต้องยอมเป็นของเล่นให้เขาจนกว่าเขาจะเบื่อเพื่อแลกกับความสุขสบายของครอบครัว ‘เธอต้องอดทนนะแนนนี่’ นี่คือสิ่งเดียวที่เธอบอกกับตัวเองได้ “หนูเจ็บ!” เด็กสาวในชุดนักเรียน มองหน้าชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว เมื่อเธอขัดขืนไม่ยอมทำตามคำสั่ง“อย่ามาลีลา” เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ อย่างหงุดหงิด ยิ่งดวงตากลมโตคู่นั้นสั่นระริกมันยิ่งสร้างความรำคาญใจให้แก่เขา“ไม่ทำได้ไหม” เด็กสาวมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งขาไขว่ห้างหลังพิงโซฟาจ้องหน้าเธออย่างเบื่อหน่าย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคำขอของเธอไม่เป็นผลแต่เธอก็อยากจะลองดูอีกสักครั้งพรึบ!“ฮึ...ไม่อยากให้พ่อแม่และน้อง ๆ เธอสบายหรือไง!”ใบหน้าหล่อคมคายที่นิ่งเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์ยากจะคาดเดา เดินตรงเข้าไปประชิดตัวสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า สายตาเกรี้ยวกราดเลือดเย็นมองเธออย่างดูถูกเหยียดหยาม“แค่ก ๆ ๆ” เด็กสาว
“นายไม่อยู่ครับ” เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อเห็นสาวน้อยในชุดนักเรียน ยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าประตูบ้านเลยเดินออกไปดู“สวัสดีค่ะพี่เทเลอร์” แนนนี่ยกมือไหว้เทเลอร์ลูกน้องคนสนิทของปรเมศวร์อย่างนอบน้อม“แนนรู้ค่ะว่าคุณเขาไม่อยู่ แต่แนน...” สาวน้อยชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้านแล้วต้องฉีกยิ้มกว้างเมื่อเจอกับสิ่งที่เธอต้องการ“ขอแนนเข้าไปเล่นกับน้องพาร์ทได้ไหม ขอแค่ 5 นาทีแล้วแนน จะกลับ”เด็กสาวทำหน้าอ้อนวอนขอความเห็นใจ เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่อยู่บ้านเธอจึงปฏิเสธที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนเพื่อจะมาหาเด็กชายตัวน้อย“อย่าทำให้ผมต้องลำบากใจเลยครับ ถ้านายรู้คุณจะโดนดุเอา”เทเลอร์ถึงจะเห็นใจแนนนี่อยู่ไม่น้อย แต่ถ้าเขาปล่อยเธอเข้าไปคนที่จะเจ็บตัวคือตัวเธอเอง“......” แนนนี่ได้แต่ทำหน้าเศร้ามองเด็กน้อยวัยขวบเศษที่กำลังหัดเดินอยู่กับพี่เลี้ยงหนุ่มอีกคน“งั้นหนูฝากเอานี่ให้น้องได้ไหม” มือเรียวยื่นถุงหิ้วแบรนด์ดังให้พี่เลี้ยงหนุ่ม“ครับเดี๋ยวผมเอาให้นายน้อยคุณรีบกลับไปก่อน ถ้านายมาเห็นเข้าจะไม่พอใจเอา” เทเลอร์รับถุงแล้วเดินเข้าบ้าน“ก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอ” แนนนี่ยิ้มให้เด็กชายก่อนจะเดินออกจากบ้านด้วยความผิดหวัง“แนน!”“เดี
เพราะคิดเพียงแค่ว่าตัวเองรอดครอบครัวก็จะกลับมาเหมือนเดิม แต่กลับไม่คิดถึงจิตใจเด็กสาวที่อายุเพียงแค่ 15-16 ยังเรียนไม่จบ ม. ต้นด้วยซ้ำแต่ในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เพียงแค่เธอได้ตกเป็นผู้หญิงของเขาไม่ต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือเจ้าหนี้พนันพวกนั้น“3 ปีแล้วสินะ” แนนนี่เดินเหม่อนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาสาวน้อยแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันสดใส พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก เมื่อนึกถึงรอยยิ้มเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของเด็กชายตัวน้อยที่เธอเพิ่งได้เจอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า“เธอต้องอดทน! แนนนี่! ขอแค่เธอเรียนจบทุกอย่างต้องดีขึ้น!”ด้วยพลังด้านบวกในตัว ไม่ว่าจะโดนกระทำให้เจ็บช้ำแค่ไหนเด็กสาวก็ยังคงยิ้มสู้กับมัน “คนอื่นที่ลำบากกว่าเธอเขายังทนได้แค่นี้เองสู้ ๆ” เด็กสาวพูดให้กำลังใจตัวเองแล้วเดินไปรอรถเมล์เพื่อกลับบ้านบ้านเบญจวัฒนานันท์“แนตตี้นนท์พี่กลับมาแล้ว!”เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อเท้าแตะลงบนพื้นบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำไม่ว่าจะไปไหนเมื่อกลับมาบ้านคือเรียกหาน้องสาวและน้องชาย“ไปไหนกันหมดทำไมบ้านเงียบจัง” แนนนี่เดินหาน้อง ๆ ทั่วทั้งบ้านแต่ไม่เจอใคร“หรือจะไปกับแม่” ว่าแล้วมือเรียวก
“......” แนนนี่รู้สึกตัวงัวเงียตื่นขึ้นหลังจากที่เจอบทลงโทษจากคนใจร้ายส่วนคนก่อเหตุยังคงนอนหลับแถมยังกอดร่างบางไว้แน่น“จะไปไหน!” เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อร่างบางค่อย ๆ ยกท่อนแขนแกร่งออกจากตัว“นะ...หนูจะไปอาบน้ำ” เด็กสาวตอบตะกุกตะกักอย่างเลิ่กลั่ก“ฉันบอกเหรอ ว่าให้เธอไป!” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นจ้องหน้าเด็กสาวอย่างไม่สบอารมณ์“ตะ...แต่คุณทำไปหลายรอบแล้วนะคะ ตอนนี้มันก็จะมืดแล้วด้วย”เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดจ้องหน้าและพูดความในใจออกไป“อีกอย่างคุณไม่กลับไปหาน้องพาร์ทเหรอ ปล่อยให้เด็กอยู่บ้านคนเดียวมัน...”“ไม่ต้องมาสอน!” ไม่ทันที่แนนนี่จะได้พูดจบชายหนุ่มก็พูดสวนขึ้นก่อน“หนูไม่ได้สอนหนูแค่อธิบายให้ฟัง!”“หึ...ปากเก่งนะเดี๋ยวนี้กล้าเถียง!” ชายหนุ่มกดเสียงทุ้มต่ำกระตุกยิ้มอย่างขบขัน“หนูไม่ได้เถียง! ก็บอกอยู่ว่าหนูแค่อธิบาย!” ร่างบางพูดหนักแน่นพร้อมดันตัวออกจากอ้อมแขนท่อนใหญ่หมับ!“อยากลองดีว่างั้น?!” แต่ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นก็ถูกเจ้าของท่อนแขนรั้งให้นอนลงที่เดิม“ไม่ค่ะ!” เมื่อเห็นแววตาเยือกเย็น ไร้ซึ่งอารมณ์คู่นั้นทำให้เด็กสาวได้แต่นอนนิ่ง เพราะถ้าขืนยังพูดต่อปากต่อคำคงได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่แค่น
มีความสำคัญทั้งต่อภาครัฐบาลและภาคเอกชน เพราะแต่ละประเทศไม่ได้อยู่กันอย่างโดดเดี่ยว ความกินดีอยู่ดีของประชาชนในแต่ละประเทศ ความสำเร็จในธุรกิจการค้าอาศัยความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างประเทศเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นโยบายต่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศการค้าระหว่างประเทศ ฉันอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและชีวิตของทุกคนให้กินดีอยู่ดี ถ้าฉันทำได้น้อง ๆ ก็จะไม่ต้องลำบากแต่จะประกอบอาชีพอะไรยังไม่ได้คิดเลย อาชีพที่คนจบรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ทำกัน ก็พวก ปลัดอำเภอ, นายอำเภอ, ผู้ว่าราชการจังหวัด, ปลัดกระทรวง, เจ้าหน้าที่ด้านการปกครองอื่น ๆ , ข้าราชการในกระทรวงต่าง ๆ , ข้าราชการในองค์กรอิสระต่าง ๆ นักการเมืองระดับประเทศ, นักการเมืองระดับท้องถิ่น, นักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักการทูตในระดับต่าง ๆ , พนักงานในองค์กรระหว่างประเทศ, เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป, เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน, เจ้าหน้าที่ประสานงาน, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, นักวิเคราะห์โครงการ, นักวิเคราะห์การลงทุน, นักวิเคราะห์ระบบงาน, นักบริหารองค์การระดับสูง, พนักงานธนาคาร, นักเขียน, นักหนั
1 ชั่วโมงผ่านไป“ตื่นแล้วเหรอครับ!” ระหว่างที่ฉันกำลังดูของในกระเป๋าที่ไม่รู้ว่าคุณเขาไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วยังเอาเสื้อผ้าของใช้ฉันมาตั้งหลายชุด น้องพาร์ทก็งัวเงียตื่นขึ้นมาพอดี“อารมณ์ดีแบบนี้หายแล้วใช่ไหมเอ่ย” เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนหน้าหล่อ ๆ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถ้างอแงเอาแต่ร้องไห้เหมือนตอนแรกที่ฉันมามีหวังฉันได้ร้องไห้ตามแน่“......” น้องพาร์ทไม่พูดเอาแต่มองหน้าแล้วส่งยิ้มหวานให้“ตัวไม่ร้อนแล้วนิ” ฉันเอาตัวน้องพาร์ทมานั่งตัก ตอนนี้ตัวก็ไม่ร้อนมากแค่รุม ๆ แถมยังอารมณ์ดีแบบนี้คงจะดีขึ้นมากแล้วฉันก็นั่งคุยเล่นกับน้องพาร์ท อยู่นาน จะดีแค่ไหนนะถ้าฉันได้มีโอกาสได้อยู่กับน้องแบบนี้ทุกวัน“หิวไหมครับ!” ฉันก้มหน้าลงหอมแก้มน้อย ๆ ให้เต็มปอด พยายามเก็บเกี่ยวความสุขไว้ให้มากที่สุด เพราะฉันรู้ดีว่าเวลาของฉันมันมีไม่มากส่วนคุณเขาตอนนี้น่าจะอยู่ห้องทำงานละมั้งเห็นแต่งตัวเสร็จก็เดินคุยโทรศัพท์ออกไป ฉันเองก็ไม่ได้สนใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรของฉัน“งั้นพี่แนนนี่ว่าเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่า” นี่ก็เกือบ ๆ จะสามทุ่มแล้วฉันเองก็เริ่มจะหิว ๆ แล้วเหมือนกันพูดจบฉันก็อุ้มน้องพาร์ท ออกไปข้างนอกเพ
“... คะ กลับบ้านมันดึกแล้ว” ฉันเดินเข้าไปหาคุณเขาอย่างว่าง่าย เพราะถ้าฉันไม่เชื่อฟังเขามันคงไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าไร“แล้วฉันบอกว่าให้เธอกลับ?” เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมริมฝีปากร้อนขบที่ใบหูเบา ๆ ทำเอาไรขนฉันลุกซู่ ไปทั้งตัวจนต้องหดคอหนี“ไม่ให้กลับแล้วหนูจะนอนไหน?” อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันค้างที่นี่! "แล้วไม่อยากนอนกับ..." คุณเขามองไปที่น้องพาร์ท“อยากค่ะ!” ฉันฉีกยิ้มกว้าง“อยากนอนกับฉัน!” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงยกค้างไว้แต่ต้องหุบยิ้มแล้วกลืนน้ำลายลงคอเมื่อประโยคต่อมาน้ำเสียงคุณเขามันสั่นกระเส่าชวนขนลุก“......” ฉันเลือกที่จะเงียบ นี่ฉันต้องรองรับอารมณ์คุณเขาไปถึงเมื่อไหร่“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” คุณเขาพูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปทันที“แปลกคน บทจะใจดีก็ใจดี บทจะดุก็ดุจนน่ากลัว”“แต่ช่างเถอะคืนนี้ฉันจะได้นอนกอดน้องพาร์ทให้หายคิดถึง!” "คืนนี้พี่แนนขอนอนกอดนะครับ!" ฉันหันกลับไปพูดกับเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียง ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อจากพิษไข้ พร้อมหอมแก้มเบา ๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวากลัวคุณเขามาเห็นแล้วจะดุฉันอีก“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”“แล้วเสื้อผ้าจะเอาที่ไหนมาเปลี่ยน!” เมื่อนึกถึง
“ไปบอกพยาบาลให้กลับไปก่อน” คุณเขาพูดเรียบ ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง“ครับนาย!”“มาได้ไงเราอะ” พี่ไทเกอร์พูดกับคุณเขาแล้วหันมาถามฉัน“คุณเขาให้มาหาน้องพาร์ทได้ค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง“งั้นพี่พาไปหานายน้อย ดีเหมือนกันพี่กับพยาบาลกำลังจะตายแล้ว นายน้อยร้องไห้งอแงทั้งวัน”พี่ไทเกอร์พูดอย่างหนักใจ แล้วพาฉันเดินเข้าไปหาน้องพาร์ทที่กำลังอาละวาดร้องไห้อยู่กับพยาบาล“น้องพาร์ทครับ!” ฉันส่งเสียงเรียกน้องพาร์ทเบา ๆ“อึก ฮือ! อึก อึก” เสียงสะอื้นเล็ก ๆ ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตา มันทำให้หัวใจฉันแทบสลาย“เป็นอะไรครับทำไมร้องไห้งอแงแบบนี้”คุณเขาที่พูดพร้อมอุ้มน้องพาร์ทเดินมาหาฉัน สีหน้าแววตาคุณเขามันอ่อนโยนมากเวลาเขาอยู่กับลูก“หม่ำ ๆ หม่ำ ๆ” พอน้องพาร์ทเห็นฉันก็ยิ้มดีใจใหญ่“นะ...หนูขออุ้มน้องได้ไหม!” ฉันเดินเข้าไปจับมือเล็ก ๆ“......” คุณเขาไม่พูดอะไรและส่งน้องพาร์ทให้ฉัน“คนเก่งของพี่แนนตัวร้อนเหรอครับ!”“ไหนพี่แนนดูหน่อยสิ” ฉันเอามือแตะที่หน้าผากเล็ก ๆ ดีที่ไข้ไม่สูงเท่าไร“น้องไม่ยอมทานข้าวเลยค่ะ” เป็นคุณพยาบาลที่พูดขึ้น ส่วนตัวเล็กตอนนี้เงียบนิ่งเอาหน้าแนบอกแต่ยังคงมีเสียงสะอื้นเป็นพัก ๆ“ไม่เป็นไรค่ะแน
“หนูขอลงไปซื้อของหน่อยได้ไหมคะ” พอดีทางผ่านมีร้านขายยาเล็ก ๆ เปิดอยู่“......” คุณเขาเงียบแต่พยักหน้าเบา ๆ แล้วเอนหลังพิงเบาะคุณเขาดูเครียด ๆ“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ แนนนี่ลงไปซื้อของแป๊บเดียว” ฉันบอกพี่เทเลอร์เพราะแถวนี้มันหาที่จอดรถยากเดินไปไม่ไกลก็ถึงร้านขายยาแล้ว“......แกไปซื้อ” เป็นคุณเขาที่พูดกับพี่เทเลอร์“ครับนาย!”“ตะ...แต่...”ฉันไม่ทันจะได้พูดอะไรคุณเขาก็ลืมตาพร้อมทำหน้าดุ ๆ แล้วพี่เทเลอร์รู้เหรอว่าฉันจะซื้อยาอะไร เฮ้อ ฉันก็ได้แต่นั่งก้มหน้าบรรยากาศมันอึดอัดชะมัด“พอดีลูกชายฉันไม่สบาย ไม่ยอมกินข้าวกินนม งอแงทั้งวันเธอมีน้องคงรู้นะต้องทำยังไง!” อยู่ ๆ คุณเขาก็พูดขึ้น“รู้ค่ะ” ฉันตอบอย่างหนักแน่น“ไม่ต้องยิ้มดีใจขนาดนั้น! ถ้าไม่เพราะครั้งที่แล้วเธอเอาเสื้อผ้าบ้า ๆ ไปให้ลูกฉันก็คงไม่เอาแต่ถามหาเธอแบบนี้หรอก!”พูดดีได้ไม่ถึงสิบคำคุณเขาก็ทำหน้าดุใส่ฉันอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรดุได้ดุไปยังไงวันนี้ฉันก็จะได้เจอหน้าน้องพาร์ทแล้ว ดุแค่นี้ฉันสบายมาก! (◠‿◕)“......” คุณเขาหันมาจ้องหน้าฉันแล้วถอนหายใจอย่างเอือมระอา“ถามจริง เธอโกรธใครเป็นไหม?” คุณเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ“เป็นสิคะ ใครจะโกรธไม่เ
“อยากจุกหรืออยากเสียว ~~”“......” ฉันได้แต่ยืนนิ่งเมื่อปลายลิ้นสากเลียตามซอกหูซอกคอ ทำเอาไรขนอ่อนฉันลุกไปทั้งตัวท้องไส้มันปั่นป่วน มันเสียววูบวาบตรงท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก“อ๊ะ!!” ฉันรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันทีเมื่อเขาดันแก่นกายขนาดใหญ่และแข็งเข้ามาในตัวฉันทีเดียวจนมิดลำ มันทั้งจุกท้องน้อยเอามาก ๆ“หึ...จุก!” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างพอใจเอวหนาเริ่มขยับเป็นจังหวะเนิบนาบ ฉันได้แต่ปิดปากเงียบ อีกมือค้ำกันผนังห้องไว้“อ่า ~~” มือสากสองข้างล้วงเข้ามาใต้เสื้อนักเรียนบีบเคล้นสองเต้าผ่านบราเซียร์ที่ฉันใส่อยู่อย่างเมามันพร้อมกับเอวหนาที่เริ่มขยับถี่รัวขึ้นเรื่อย ๆ“ฮื่อ! อ๊ะ” ฉันเผลอครางอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วโป้งเลื่อนลงมาเขี่ยขยี้ติ่งเกสรพร้อมกับสับเอวสอบถาโถมเข้าใส่ร่องแคบอย่างไม่ถนอมจะบอกว่าเจ็บก็ไม่ใช่มันจุกท้องน้อยมากกว่า ทุกครั้งที่เขากระแทกแก่นกายแรง ๆ เน้น ๆ มันเข้าลึกมากมากจนมันจุก ไหนจะปลายนิ้วร้ายที่ยังคงเขี่ยขยี้ไม่ลดละมันเสียวตรงนั้นมันอึดอัดเหมือนตัวจะระเบิด แล้วยิ่งทรมานเป็นเท่าตัวเมื่อต้องห้ามตัวเองไม่ให้ครางเสียงน่าเกลียดออกไป“อ่า ~~”“ซี้ด ~~”พั่บ ปัก ปักยิ่งเขาออ
“งั้นแนนขอตัวกลับก่อนนะ” ตอนนี้ฉันกับเบบี๋อยู่บ้านของเบบี๋ ดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ด้วย ฉันก็ไม่ได้อยากกลับตอนนี้หรอกแต่มันรู้สึก แปลก ๆ ตั้งแต่อยู่ที่ห้างแล้วมันเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา ฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองด้วย“แนนนี่!” เบบี๋พูดและทำหน้าอ้อนพร้อมจับมือฉันไว้“อยู่เป็นเพื่อนเบบี๋ได้ไหม เบบี๋ไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว” เบบี๋พูดเสียงสั่น“...เฮ้อ!” ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มให้เด็กหญิงเบบี๋ สาวน้อยขี้อ้อน“ก็ได้ แนน อยู่เป็นเพื่อนเบบี๋ก็ได้ ไว้แดดดี้กลับมาแนนค่อยกลับแล้วกัน!” ฉันหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ เบบี๋ตามเดิม“แล้วเราจะทำอะไรดี” เบบี๋พูดขึ้น“เล่นเกมไหม” ฉันเป็นคนเสนอ“เล่นเกม?” เบบี๋พูดและทำหน้าครุ่นคิด“......เล่น ๆ” ก่อนจะตอบยิ้ม ๆ พยักหน้าหงึก ๆ“เกมนี้แนนนี่เล่นประจำ!” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดเกม Candy Crush Saga“เกมนี้เบบี๋ชอบ เรามาเล่นแข่งกันใครได้แต้มสูงกว่าคนนั้นชนะ!” เบบี๋พูดและยิ้มดูเธอจะมีความสุขมาก“Ok!” ฉันไหวไหล่เบา ๆ“ถ้าแพ้อย่าว่าแนนนี่ใจร้ายแล้วกัน!” พูดจบฉันกับเบบี๋ก็ต่างคนต่างใจจดใจจ่อกับหน้าจอ30 นาทีผ่านไป“เฮ้ย!!” ฉันอุทานเสียงดัง“คิก คิก” เป็นเสียง
มีความสำคัญทั้งต่อภาครัฐบาลและภาคเอกชน เพราะแต่ละประเทศไม่ได้อยู่กันอย่างโดดเดี่ยว ความกินดีอยู่ดีของประชาชนในแต่ละประเทศ ความสำเร็จในธุรกิจการค้าอาศัยความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างประเทศเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นโยบายต่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศการค้าระหว่างประเทศ ฉันอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและชีวิตของทุกคนให้กินดีอยู่ดี ถ้าฉันทำได้น้อง ๆ ก็จะไม่ต้องลำบากแต่จะประกอบอาชีพอะไรยังไม่ได้คิดเลย อาชีพที่คนจบรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ทำกัน ก็พวก ปลัดอำเภอ, นายอำเภอ, ผู้ว่าราชการจังหวัด, ปลัดกระทรวง, เจ้าหน้าที่ด้านการปกครองอื่น ๆ , ข้าราชการในกระทรวงต่าง ๆ , ข้าราชการในองค์กรอิสระต่าง ๆ นักการเมืองระดับประเทศ, นักการเมืองระดับท้องถิ่น, นักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักการทูตในระดับต่าง ๆ , พนักงานในองค์กรระหว่างประเทศ, เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป, เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน, เจ้าหน้าที่ประสานงาน, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, นักวิเคราะห์โครงการ, นักวิเคราะห์การลงทุน, นักวิเคราะห์ระบบงาน, นักบริหารองค์การระดับสูง, พนักงานธนาคาร, นักเขียน, นักหนั
“......” แนนนี่รู้สึกตัวงัวเงียตื่นขึ้นหลังจากที่เจอบทลงโทษจากคนใจร้ายส่วนคนก่อเหตุยังคงนอนหลับแถมยังกอดร่างบางไว้แน่น“จะไปไหน!” เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อร่างบางค่อย ๆ ยกท่อนแขนแกร่งออกจากตัว“นะ...หนูจะไปอาบน้ำ” เด็กสาวตอบตะกุกตะกักอย่างเลิ่กลั่ก“ฉันบอกเหรอ ว่าให้เธอไป!” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นจ้องหน้าเด็กสาวอย่างไม่สบอารมณ์“ตะ...แต่คุณทำไปหลายรอบแล้วนะคะ ตอนนี้มันก็จะมืดแล้วด้วย”เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดจ้องหน้าและพูดความในใจออกไป“อีกอย่างคุณไม่กลับไปหาน้องพาร์ทเหรอ ปล่อยให้เด็กอยู่บ้านคนเดียวมัน...”“ไม่ต้องมาสอน!” ไม่ทันที่แนนนี่จะได้พูดจบชายหนุ่มก็พูดสวนขึ้นก่อน“หนูไม่ได้สอนหนูแค่อธิบายให้ฟัง!”“หึ...ปากเก่งนะเดี๋ยวนี้กล้าเถียง!” ชายหนุ่มกดเสียงทุ้มต่ำกระตุกยิ้มอย่างขบขัน“หนูไม่ได้เถียง! ก็บอกอยู่ว่าหนูแค่อธิบาย!” ร่างบางพูดหนักแน่นพร้อมดันตัวออกจากอ้อมแขนท่อนใหญ่หมับ!“อยากลองดีว่างั้น?!” แต่ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นก็ถูกเจ้าของท่อนแขนรั้งให้นอนลงที่เดิม“ไม่ค่ะ!” เมื่อเห็นแววตาเยือกเย็น ไร้ซึ่งอารมณ์คู่นั้นทำให้เด็กสาวได้แต่นอนนิ่ง เพราะถ้าขืนยังพูดต่อปากต่อคำคงได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่แค่น
เพราะคิดเพียงแค่ว่าตัวเองรอดครอบครัวก็จะกลับมาเหมือนเดิม แต่กลับไม่คิดถึงจิตใจเด็กสาวที่อายุเพียงแค่ 15-16 ยังเรียนไม่จบ ม. ต้นด้วยซ้ำแต่ในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เพียงแค่เธอได้ตกเป็นผู้หญิงของเขาไม่ต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือเจ้าหนี้พนันพวกนั้น“3 ปีแล้วสินะ” แนนนี่เดินเหม่อนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาสาวน้อยแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันสดใส พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก เมื่อนึกถึงรอยยิ้มเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของเด็กชายตัวน้อยที่เธอเพิ่งได้เจอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า“เธอต้องอดทน! แนนนี่! ขอแค่เธอเรียนจบทุกอย่างต้องดีขึ้น!”ด้วยพลังด้านบวกในตัว ไม่ว่าจะโดนกระทำให้เจ็บช้ำแค่ไหนเด็กสาวก็ยังคงยิ้มสู้กับมัน “คนอื่นที่ลำบากกว่าเธอเขายังทนได้แค่นี้เองสู้ ๆ” เด็กสาวพูดให้กำลังใจตัวเองแล้วเดินไปรอรถเมล์เพื่อกลับบ้านบ้านเบญจวัฒนานันท์“แนตตี้นนท์พี่กลับมาแล้ว!”เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อเท้าแตะลงบนพื้นบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำไม่ว่าจะไปไหนเมื่อกลับมาบ้านคือเรียกหาน้องสาวและน้องชาย“ไปไหนกันหมดทำไมบ้านเงียบจัง” แนนนี่เดินหาน้อง ๆ ทั่วทั้งบ้านแต่ไม่เจอใคร“หรือจะไปกับแม่” ว่าแล้วมือเรียวก