คนที่กลับมาถึงคอนโดฯ ก่อน เริ่มนั่งไม่ติดที่ จะเดินไปมุมไหนของห้องก็ดูเหมือนว่าอยู่ไม่เป็นสุข
เกือบ 3 ชั่วโมงได้แล้วที่เขามาถึง จนป่านนี้นันนลินทร์ยังไม่ยอมกลับ โทรหา หรือส่งข้อความไป ก็ยังไม่มีการตอบใดๆ กลับมา ธุระที่ออกไปทำมันนานมากขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร ถึงได้ไม่ยอมกลับมา ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ก็ปาไปแล้วเที่ยงวัน
“จะไปไหนก็ไม่บอก”
คนรอก็ได้แต่ชักสีหน้าหงุดหงิดไปคนเดียวอยู่แบบนั้น เขากลับมาจากเขาใหญ่จนถึงตอนนี้ ข้าวเม็ดเดียวยังไม่ตกถึงท้อง วันนี้เป็นหยุดแท้ๆ นันนลินทร์ควรจะรอเขาอยู่ที่นี่ ไม่ควรออกไปไหน หรือถ้าจะไปจริงๆ ก็ควรบอกให้เคลียร์และขออนุญาตก่อน ไม่ใช่ส่งข้อความมาสั้นๆ และหายจากการติดต่อไปเลยครึ่งวัน
‘หนิงขอออกไปทำธุระข้างนอกครึ่งวันนะคะ’
ครึ่งวันหมายถึงจะกลับมาตอนเที่ยงใช่หรือไม่ นี่เขาก้มมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเองเป็นรอบที่ 3 แล้ว ตั้งแต่มาถึง เหลืออีกแค่สิบนาทีก็จะบ่ายโมงอยู่รอมร่อ เขาควรจะจัดการเช่นไรกับคนดื้อรั้นทำตามอำเภอใจตัวเองดี
แล้วที่ผ่านมาตลอดเวลาที่เขามักกลับไปพักผ่อนที่บ้านคุณย่าที่เขาใหญ่บ่อยครั้ง หล่อนมักแอบทำเช่นนี้อย่างนั้นหรือไม่
“หรือฉันตามใจเธอเกินไปแล้ว” ชะโงกหน้าขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกาอีกรอบก็ยังเหมือนเดิม ก่อนที่จะตัดสินใจเดินหายเข้าไปในครัว แล้วกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิมพร้อมกับ Whiskey ราคาแพงที่ช่วงหลังๆ มานี้เขาไม่ได้แตะมันเลย
30 นาที ต่อมา
เสียงสัญญาณประตูห้องถูกใช้คีย์การ์ดปลดล็อคจากด้านนอก แม้จะไม่ดังมากนัก ทว่าก็ยังสามารถทำให้คนที่อยู่ด้านในรับรู้ได้
ร่างอรชรเดินย่างกรายเข้าเดินมากับถุงกระดาษเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่ใส่ของบางอย่างอยู่ในนั้น เป็นเหตุให้คนที่นั่งรอคอยสะดุดสายตากับถุงใบใหญ่จนต้องดีดตัวออกจากพนักพิงของโซฟา
ธาฎาวางแก้ววิสกี้ราคาแพงเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนท่านั่งของตัวเองวางมาดใส่คนมาใหม่
“คุณทิม มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” คนมาใหม่เพิ่งมองเห็นเจ้าของห้อง เขาโผล่มาที่นี่ได้อย่างก็ในเมื่อเขากลับต่างจังหวัดไปเมื่อวันก่อน
กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งทั่วห้องจนต้องกวาดสายตามองไปที่แก้วกับขวดวิสกี้ราคาแพงตรงหน้าเขา นันนลินทร์ไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวต้องคิดอะไรอยู่ ถึงได้กลับมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาดื่มเหล้ากลางวันแสกๆ
“ฉันจะกลับตอนไหน มันก็เรื่องของฉัน เธอล่ะหายไปไหนมา?”
ใบหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์ของน้ำใสๆ ในแก้วร็อคใบนั้นเอ่ยวาจาออกมาด้วยความหงุดหงิด จนคนฟังเริ่มขมวดคิ้วตาม
“หนิงไลน์บอกคุณแล้วว่าจะออกไปธุระข้างนอก”
“แล้วเธอบอกว่ายังไงต่อ?”
“ยังไงต่อ?” นันนลินทร์ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายถาม หล่อนทำอะไรผิด จะออกไปไหนมาไหนก็แจ้งเขาแล้วนี่
“เธอบอกว่าไปทำธุระแค่ครึ่งวัน ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว? และนั่นอะไร... เอาเงินจากไหนไปซื้อของแพงๆ แบบนั้น” ร่างสูงเพยิดหน้าไปทางถุงกระดาษใบใหญ่ ที่มันยังถูกวางไว้ตรงไอร์แลนด์ครัวเย็นไม่ไกลนักในส่วนของห้อง
นันนลินทร์เริ่มเข้าใจในคำถามของคนเมาบ้างแล้ว ที่แท้เพราะว่าหล่อนกลับไม่ตรงต่อเวลานี่เองถึงได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปมใส่
“วันนี้วันอาทิตย์ พอดีว่ารถข้างนอกมันติดมาก หนิงขอโทษที่กลับช้า” หล่อนกลับมาถึงเกือบบ่ายสองโมง โอเค... หล่อนยอมก้มหน้ารับผิด
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มวันจะยังไม่จบลงง่ายๆ เมื่อคนเมาลุคขึ้นยืน แล้วเดินตรงเข้าหาจับไหล่บางทั้งสองข้างให้ประจันหน้าเข้าหาตัวเอง พลางซุกใบหน้าเข้าหาซอกคอขาว จนลามไปถุงเสื้อผ้าของหล่อน
“ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชาย”
“หนิงไปห้างฯ มาค่ะ”
“กลับใคร?” เขากดน้ำเสียงลงต่ำ ทั้งยังทำสีหน้าเคร่งใส่
“….” คราวนี้นันนลินทร์ต้องชะงักค้างกลางอากาศ เห็นเขาเป็นเช่นนี้แล้ว หล่อนเองก็นึกไม่ออกว่าจะไปต่ออย่างไร
“หนิงแวะไปร้านเครื่องสำอางด้วย”
“จะบอกว่าเธอแวะไปซื้อน้ำหอมผู้ชายด้วย แล้วก็ลองฉีดเทสกลิ่นดู แบบนี้เหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ” ใบหน้าสวยก้มต่ำมองพื้น
“ตอบได้แค่นี้?”
“...” จะแก้ตัวยังไงก็ผิด ถ้าเขาจะให้หล่อนผิด
“ว่าไง? เธอไปกับใครถึงได้ปล่อยให้ฉันนั่งรอจนหิวข้าวแสบท้องไปหมดแล้วแบบนี้”
ที่แสบท้อง ก็เพราะเอาเหล้าลงท้องก่อนได้กินข้าวนะสิ หล่อนได้แต่แย้งในใจ
“ไปกับลูกค้าค่ะ เขาเป็นแขกวีไอพีที่โรงแรม” หล่อนเรียนไปตามตรง เพราะคิดได้ว่าคงไม่มีอะไรเสียหายแล้ว
ก็ในเมื่อนนทวัฒน์เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อหล่อน แถมยังเป็นลูกค้ากระเป๋าหนักของโรงแรม ธาฎาควรดีใจที่นนทวัฒน์ใช้บริการห้องอาหารปราริณในโรงแรมของเขา หนำซ้ำยังเป็นกันเองกับพนักงานของเขาอีก
“ใคร? ไอ้เจ้าของเต็นท์รถกระจอกๆ นั่นรึเปล่า?”
ใครบอก... คุณนนทวัฒน์เป็นถึงเจ้าของบริษัทยานยนต์ชื่อดังต่างหากล่ะ กระจอกตรงไหน เขาก็มีดีพอจะสู้รักสุขเกษมได้เหมือนกัน นันนลินทร์แย้งในใจ สายตามองจ้องคนเมาที่ยังนั่งขู่ฟ่ออยู่ตรงหน้า คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะกลัวหรือไง
“ค่ะ คุณนนทวัฒน์ เขาขอให้หนิงไปช่วยเลือกของขวัญในน้องสาวของเขา”
“แล้วถุงเครื่องสำอางนั่นล่ะ เธอจะบอกว่ามันก็ซื้อให้เธอ เพราะขอบคุณที่เธอพามันไปงั้นเหรอ?” ขนาดกับเขายังไม่เคยพาหล่อนไปเดินเลือกซื้อของใช้ผู้หญิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ธาฎาเริ่มใช้น้ำเสียงดุดันขึ้นเมื่อได้รับรู้เรื่องราวจากนันนลินทร์ หายไปเกินครึ่งวันกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ พอกลับมาถึงห้องผัว ก็หอบข้าวของแพงๆ จากผู้ชายอื่นกลับมาด้วย แบบนี้เขาจะเรียกว่าอะไรดี
“คุณเมาแล้ว หนิงว่าคุณควรไปพักผ่อน ขับรถมาเหนื่อยด้วย” หล่อนไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาในตอนนี้ไร้สติ
ธาฎาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องรับมืออย่าง หรือว่าที่ผ่านมาหล่อนอยู่ในโอวาทของเขาเกินไป จนพอวันหนึ่งไม่ได้ดั่งใจก็เลยโวยวายแบบนี้
“ได้มาซะขนาดนี้ฉันว่าคงไม่ใช้แค่ไปช่วยเลือกของขวัญหรอกมั้ง”
“คุณทิม!!” นันนลินทร์เริ่มไม่พอใจกับสิ่งที่เขากำลังปรักปรำหล่อนอยู่ กะจะไล่ต้อนหล่อนให้เป็นผู้หญิงอย่างว่าให้ได้เลยหรือ
ใช่อยู่ที่ตอนนี้หล่อนเองก็เป็นแบบนั้นจริงๆ หล่อนเป็นนางบำเรอของเขาอยู่ ซึ่งมันก็แลกกับค่าตอบแทนที่เอาตัวเองถวายพานใส่ให้เขา แล้วอย่างไรต่อ... ผู้หญิงอย่างหล่อนต้องไปนอนกับผู้ชายทุกคนเพื่อแลกกับเงินหรือข้าวของแพงๆ แบบนี้หมดเลยงั้นเหรอ
“เธอกำลังทำให้ฉันโมโหอยู่นะหนิง อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน”
โอเค... จะไม่พูดกันตอนนี้เลยก็ได้ ดีเหมือนกัน กลับมาเหนื่อยๆ แทนที่จะได้พักผ่อนกัน
“...”
“จะไปไหน ฉันยังพูดไม่จบ”
มือหนารีบคว้าแขนเรียวไว้ก่อน ขณะที่หล่อนก็กำลังจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน
ทว่าก็ต้องเซถลากลับเพราะแรงฉุดจากทางด้านหลัง
“บอกฉันมาตามตรงว่าเธอหายไปไหนมา”
กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายยังติดทั่วตัวนันนลินทร์อยู่ไม่เลือนราง ปลายจมูกคมของเขาก็คลอเคลียอยู่กับซอกคอขาวสืบดมกลิ่นเพื่อหาที่มา
หลักฐานมันชัดเจนจนไม่สามารถปล่อยไปง่ายๆ เขาเคยบอกหล่อนแล้วว่าไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ในระหว่างที่ยังอยู่ในสัญญาบนเตียงต่อกันอยู่
เขายังจ่ายให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเข้าบัญชีทุกเดือน ข้าวของแพงๆ ในห้องนี้อีก กระเป๋าแบรนด์เนมที่ซื้อให้แต่หล่อนไม่เคยใช้ นาฬิกายี่ห้อแพงๆ เขาหมดไปกับหล่อนตั้งเท่าไหร่แล้ว จะมาทรยศกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ มันหยามกันเกินไป
ตอนที่ 4/1“ไม่รีบอาบน้ำเหรอคะ?”เป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ ได้แล้ว เจ้าของห้องยังคงนั่งกระดกวิสกี้ขวดเดิมไม่ยอมหยุด ไม่รู้ว่าไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน ตั้งแต่บ่ายยันค่ำจนหล่อนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเตรียมเข้านอนเขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเข้าห้องพักผ่อนเลยด้วยซ้ำ ลำบากต้องออกมาตามให้มีปากเสียงกันอีกรอบ“คุณทิม”“….” คนถูกเรียกเอาแต่เหม่อมองผนังห้อง ราวกับคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจคนที่เป็นห่วงเสียด้วยซ้ำเอาเถอะ ถ้าหากพรุ่งนี้เขาตื่นไปทำงานไหว ไม่คงไม่ต้องห่วงแล้ว“งั้นหนิงเข้านอนก่อนละกัน”ทว่าพอกำลังจะเดินกลับเข้าไปยังห้องนอนเช่นเดิม คนที่นั่งกระดกเหล้าอยู่ถึงกับวางแก้วใส่เสียงดัง จนหล่อนสะดุ้งตัวนิ่งชั่วขณะเขาเป็นอะไรของเขากัน ถึงได้ทำตัวงอแงราวกับเด็ก“ฉันยังไม่ง่วง เธอจะเข้านอนก่อนได้เหรอ?”นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม ทว่ามันคือคำบัญชาการจากเขา จากที่ตั้งใจว่าจะได้นอนแต่หัวค่ำ คงต้องผลัดไปก่อน เพราะคนเอาแต่ใจแถวนี้คงไม่ยอมแล้วเรียวขายาวเดินจำใจเดินหันกลับไปหาคนเอาแต่ใจที่นั่งรอที่โซฟาตัวใหญ่ หล่อนจะทำอะไรได้นอกจากตามใจเขาไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากัน คิดจะต่อต้านธาฎาอย่างไรเสียหล่อนก็ไม่ชนะ“
ตอนที่ 4/2“อื้ออ เบาหน่อยค่ะ” สองร่างยังคงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงคิงไซส์ ตั้งแต่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นจนมาถึงตรงนี้ก็ปาไปยกที่ 3 แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ฉูบฉีดเลือดในกายของเขาหรืออย่างไร ถึงได้แรงดีไม่มีตกเช่นนี้ ตึกๆๆ เสียงหัวเตียงกระทบกับผนังห้องนอน จนมือบางต้องยกเกาะเตียงด้วยแรงอิดโรย ขณะที่สะโพกสอบยังคงถาโถมความแรงเข้าใส่ไม่ยั้ง “ฉันว่าจะซื้อเตียงใหม่” เขาพูดจริง เพราะตั้งแต่มีนันนลินทร์เข้ามาในชีวิต มาอยู่ด้วยกันที่เพนท์เฮ้าส์หลังนี้ เตียงคิงไซส์แบบมาตรฐานโรงแรมของเขาก็ยังเอาไม่อยู่ สงสัยคงต้องหาซื้อเจ้าอื่นบ้างแล้ว “อ๊ะ! อ๊าาาส์” ตับๆๆๆ ~ เสียงเนื้อกระทบเนื้อแทบไม่เป็นจังหวะ เมื่อเขารู้ว่าอีกฝ่ายใกล้ถึงจุดสุดยอดจนร่องเนื้อของหล่อนบีบรัดลำกายแกร่งของเขาอย่างหนัก ยิ่งบีบเร้ากระชากความเสียวจากตัวเขาได้ดี จนต้องเร่งจังหวะให้ได้ถึงจุดหมายพร้อมกัน นันนลินทร์แอ่นก้นรับลำกายแท่งใหญ่อย่างเอาใจ สองมือจับขอบเตียงใช้เป็นที่ค้ำยันประคองท่า หัวเข่าหล่อนแทบช้ำทั้งสองข้าง เมื่อยังอยู่ในท่วงท่าเดิมให้เขาตอกเสาเข็มแทงใหญ่เข้าใส่ ธาฎามักจะไม่ปราณีเรื่องเซ็กส์ เขาเสพเรือนร
ตอนที่ 4/3 เช้าวันจันทร์เริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ใหม่ นันนลินทร์ยังคงต้องใช้รถประจำทางเพื่อมายังสถานที่ทำงานเช่นเคย ส่วนธาฎาผู้ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมนั้นเจ้าตัวมีรถประจำตำแหน่งพร้อมทั้งคนขับส่วนตัวให้อยู่แล้ว สาเหตุที่ต้องแยกกันมาคนละทาง คงไม่ต้องสืบว่าเพราะเหตุใด แน่นอนว่านันนลินทร์ผู้ที่อยู่ในฐานะนางบำเรอแลกเศษเงินจากเขาย่อมรู้ดี คนมีพันธะผูกพันอย่าธาฎาคงไม่ลดตัวต่ำมาคว้าเอาหล่อนจริงจังให้ชีวิตวุ่น“พี่หนิงงงง” เสียงดังก้องกังวานมาแต่ไกล เสียงอันเป็นเอกลักษณ์นี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากปานชีวา นันนลินทร์รีบเดินเข้าไปหาสาวรุ่นน้อง ทั้งคู่กำลังเดินเข้าไปทางชั้น B หรือชั้นลานจอดรถใต้ตึก เพื่อที่จะไปยังห้องของสตาฟฟ์หรือห้องของพนักงาน โรงแรมทุกที่จะมีนโยบายจัดสรรยูนิฟอร์มหรือเครื่องของพนักงานทุกแผนกเอาไว้ให้อยู่แล้ว ทุกคนมีหน้าที่เข้างานมาเลือกชุดของตัวเองแล้วใส่พร้อมทำงานได้เลย ส่วนตอนกลับก็แค่มาถอดชุดออกแล้วทิ้งลงตะกร้า จะมีบริษัทรับซักรีดมาดำเนินการต่อจากนี้เอง วันรุ่งเช้าทุกคนจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีชุดใส่ ความสะดวกสบายเหล่านี้จะทำให้พนักงานมำงานได้ง่ายขึ้นระหว่างที่สองสาวกำลังเปลี่ยนเส
ตอนที่ 5/1เที่ยงวัน...“นี่... เลิกเดินวนไปมาได้แล้วปลา พี่เวียนหัว” ตั้วแต่ขึ้นมาที่ห้องอาหารปราริณ สาวนักศึกษาฝึกงานคนนี้ก็เอาแต่เดินไปมา อยู่ตรงหน้าล็อบบี้ทั้งที่ยังไม่มีแขกโผล่มาเลยสักคน นันนลินทร์พอเดาได้ไม่ยากถึงสาเหตุบางอย่างที่ทำให้ปานชีวาเป็นปลาดิ้นใส่แหอยู่เช่นนี้ “พี่หนิงก็... จะไม่ให้ปลาหงุดหงิดได้ไงล่ะคะ ก็รู้อยู่ว่าวันนี้มีแขกคน 'สำคัญ' ของคุณทิมมาทานข้าวมื้อเที่ยง” “แล้วยังไงล่ะ พี่ก็พาเธอเตรียมทุกอย่างไว้รอคุณเขาหมดแล้ว จะเป็นกังวลอะไรอีก?”“ก็ปลาไม่ชอบเขานี่”'เขา' ที่ปานชีวาหมายถึงนั่นคือคุณศจี วจีสินธุ์ ลูกสาวคนเดียวของท่านทูต แถมยังพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของเจ้าของโรงแรมแห่งนี้อีกด้วยก็ไม่แปลกหากปานชีวาหรือพนักงานคนอื่นๆในโรงแรมจะไม่ชอบหน้าศจี หล่อนเป็นคนรวยคนดังย่อมมีความเรื่องมากเป็นธรรมดา ทว่านันนลินทร์กลับเข้าใจดีว่าหล่อนเติบโตมาด้วยความรักและความเอาใจใส่ตามแบบฉบับของคนมีอันจะกิน ย่อมรายล้อมด้วยคนรับใช้ จึงไม่แปลกที่หล่อนจะเอานิสัยจากที่บ้านของหล่อนมาใช้ข้างนอก “ไม่ชอบแล้วยังไง? เรามีหน้าที่ต้องดูแลแขกให้ดีที่สุดนะ ท่องไว้” สองสาวยืนพูดคุยกันอยู่สักพัก ธี
ตอนที่ 5/2“ขออนุญาตรินน้ำค่ะ” สาวเสิร์ฟคนเดิมอย่างนันลินทร์ทำหน้าที่ดูแลแขก ร่างอรชรเบียดแทรกขึ้นที่ว่างเพื่อรินน้ำได้ถนัด เทอรินน้ำให้ศจีก่อน ก่อนจะตามด้วยธาฎา บทสรุปสุดท้ายแล้วจะดีก็ต้องยอมถอย โดยที่ธาฎาเลือกโต๊ะที่ว่างเอาไว้ เขาไม่อยากทำให้แขกมีปัญหา หากแขกที่จองโต๊ะมาแล้วไม่ได้อย่างที่ต้องการอาจเกิดความเสียหายมาถึงเขา ซึ่งเรื่องเพียงแค่นี้เขาไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ศจีเองก็กระไร ควรจะยอมหลับหูหลับตาบ้างกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาคร้านจะสืบหาความจริงให้เสียเวลา จังหวะที่กำลังรินน้ำใส่แก้วให้ชายหนุ่มเจ้าของโรงแรมนั้น ส่วนท่อนบนของหล่อนก็ดันไปเสียดสีกับปลายจมูกคมเล็กน้อย อันที่จริงหล่อนไม่ได้โน้มตัวเข้าหาเขาเพื่อใกล้ชิดขนาดนั้น เพียงแต่จังหวะที่ศจีหันหน้าออกไปทางกระจกเพื่อคุยโทรศัพท์กับเลขาฯ ส่วนตัวนั้น ธาฎาแอบเอียงหน้าใกล้ชิดสาวเสิร์ฟแทน“มือสั่นๆ นะ” เขาแอบกระซิบแซวเสียงเบา ให้เพียงนันนลินทร์ได้ยิน ทว่าคนฟังกลับมีท่าทีไม่สนใจ ก่อนที่จะก้าวถอยหลังออกมาหล่อนค่อนข้างไม่ชอบที่เขามาแอบทำตัวแบบนี้ใส่“เดี๋ยวอีกสักพักอาหารจะเสร็จแล้วนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”ว่าจบแล้วก็รีบสะบัดหลังหน
ตอนที่ 5/3ตกบ่ายมาเจ้าของโรงแรมออกไปจากห้องอาหารปราริณพร้อมกับคนที่มีสถานะเพื่อนสนิทชื่อศจี พนักงานบริการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเมื่อเจ้านายกลับไปแล้ว ความอึดอัดของแต่ละคนจึงเริ่มหายไป ยกเว้รก็แต่ใครบางคนที่ยังทำงานอย่างเหม่อลอยอยู่ “หนิง พี่เรียกตั้งนานแล้วนะ เป็นอะไรรึเปล่า” ธีรยุทธเอามือแตะไหล่ลูกน้องเป็นเชิงสะกิด เขาเรียกนันนลินทร์อยู่สองสามครั้ง หล่อนยังเอาแต่ยืนเหม่ออยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ กว่าจะรู้สึกตัวได้ก็ตอนที่ธีรยุทธเรียกอีกครั้ง “หนิง”“คะ? คะพี่ยุทธ!?”“เป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายเหรอ?” “ปะ เปล่าค่ะ คือหนิงแค่คิดอะไรไปเรื่อยน่ะค่ะ” ธีรยุทธส่าย แต่เขาก็ไม่ได้ตำหนิ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องชวนคุย เขาพอเดาได้ว่าที่นันนลินทร์เป็นแบบนี้เพราะใคร “เอาเถอะๆ พี่แค่จะมาสั่งงานเราหน่อย เพราะพรุ่งนี้พี่จะไม่อยู่ ติดประชุมที่ตึก 'ธนไทยเกษม' น่ะ” “อ่อค่ะ ประชุมที่ตึกนู่นเลยเหรอคะ?”นันนลินทร์เพยิดหน้าทะลุกระจกใสออกไปจากด้านนอกตึกของโรงแรม หากมองจากตรงนี้ออกไปก็จะสามารถเห็นตึกไทยเกษมได้ไม่ไกลนัก หรือหากขับรถไปจากโรงแรมก็อยู่ห่างกันแค่ 2-3 ซอย “ใช่แล้ว ประชุ
ตอนที่ 6/1ธาฎาไม่ได้ลืมเรื่องที่สัญญาเอาไว้กับนันนลินทร์ วันนี้ก็เป็นวันอังคาร ซึ่งเขาก็กำลังรักษาคำพูดด้วยการจองโต๊ะดินเนอร์ที่อาหารของเพื่อนสนิทเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าคนที่เขาจะพาไปกลับมีท่าทีมึนใส่ ราวกับลืมเรื่องที่เขาเคยพูดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง แบบนี้เขาควรจะงอนดีไหม แต่ทำไมได้ไง เพราะคนอย่างธาฎาต้องไม่มีเรื่องค้างคาใจให้ข้ามวันข้ามคืนเป็นแน่ เขาจะต้องเคลียร์กับนันนรินทร์ให้รู้เรื่อง “นี่! เดินหนีเข้าห้องมาแบบนี้หมายความว่าไง” ร่างสูงยืนเท้าเอวอยู่หน้าประตู ส่วนคนที่กำลังทำให้เขาเดือดขึ้นได้กลับนอนเขี่ยโทรศัพท์เล่นสบายใจเฉย “นันนลินทร์ เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ! “ ธาฎาขยับตัวก้าวไปข้างหน้าเกือบจะถึงตัวคนที่นอนอยู่บนเตียงสุดท้ายแล้วเขาก็คาดคั้นให้หล่อนตอบจนได้ “หนิงแค่เหนื่อย แค่อยากเข้ามาพัก คุณทิมมีอะไรเหรอคะ?” “มีอะไรงั้นเหรอ นี่เธอไม่รู้เลยหรือไงกัน?” เขายิ่งหัวเสียกับท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหล่อน “ค่ะ หนิงไม่รู้ ไม่รู้ว่าที่คุณทิมมายืนทำหน้าฟึดฟัดใส่หนิงตอนนี้ คือหนิงทำอะไรผิด?” ร่างอรชรค่อยๆ ขยับตัวลุก พยุงตัวนั่งเอาศีรษะพิงกับขอบเตียง “วันก่อนฉันบอกเธอว่ายังไง แ
ตอนที่ 6/2ทุ่มกว่าแล้ว ที่ธาฎาพานันนลินทร์เดินทางมาจนถึงร้านอาหารสไตล์ fine dining อย่างที่เขาบอกไปว่าร้านนี้เป็นของเพื่อนเขา ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขามั่นใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวมากแล้ว ถึงได้พาหล่อนมาถึงที่นี่ ร่างอรชรสวมชุดเดรสสีขาวดูสะอาดตา เครื่องประดับสีเงินถูกหยิบยกมาแขวนคอระหงเพื่อเพิ่มความลงตัวให้เหมาะสมกับชุดที่ใส่ มือบางยกขึ้นมาจัดระเบียบชุดเล็กน้อยหลังจากที่กำลังจะหย่อนสะโพกมนลงนั่งเก้าอี้ ขณะที่มีบริกรชายเป็นคนขยับเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ ส่วนชายหนุ่มสุภาพบุรุษอีกคนที่พามาก็ได้ที่นั่งอย่างสบายใจก่อนเสียแล้ว “ขอบคุณมากค่ะ” นันนลินทร์หันไปยิ้มขอบคุณบริกรชายหลังจากที่เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนเสร็จ ใครจะนึกว่าวันๆ หนึ่งที่หล่อนเองก็เป็นบริกรในห้องอาหารเช่นกัน ทว่ามาวันนี้กลับกลายเป็นแขกและมีคนดูแลเฉกเช่นเดียวกับที่หล่อนเคยทำ “จะกินอะไรสั่งเลยนะ” พอหันกลับมาจากการโปรยรอยยิ้มให้บริกรหนุ่ม จากที่กำลังเข้าสู่บรรยากาศดีๆ กลับต้องมาสะดุดเพราะสายตาของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ร้อยวันพันอารมณ์ สำหรับธาฎาไม่มีคำว่าเกินจริง“คุณทิมอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ เดี๋ยวหนิงสั่งให้”“แล้วแต่เธอเลย อ
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท
ตอนที่ 31/1เมื่อเครื่องบินลงจอดถึงปลายทาง ธาฎาก็รีบออกจากสนามบินพร้อมกับลูกน้อยและผู้ติดตาม เขาเอื้อมมือไปรับเจ้าตัวน้อยมาจากอ้อมกอดของพี่เลี้ยง ก่อนจะพากันเดินเข้ายังตัวสนามบินหลังจากที่มาถึงโรงพยาบาล ธาฎาก้าวออกจากรถด้วยท่าทางที่สงบ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขามองไปที่ตัวอาคารที่คุ้นเคย ซึ่งยังคงดูสงบเงียบเหมือนครั้งก่อนที่เขาเคยมาเยือน ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ซับซ้อน และเขาต้องการความเข้าใจจากนันนลินทร์มากมี่สุดสุชาฎาหันมามองเขาก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเบา “ว่านตื่นเต้นจังเลยค่ะ เราจะได้เจอคุณหนิงแล้ว” เมื่อเข้าไปถึงแผนกกายภาพบำบัด ธาฎาก็พบนันนลินทร์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วิลแชร์ ขณะที่ข้างกายยังมีนักกายภาพบำบัดคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างใบหน้าของเธอยังดูซีดเซียวและอ่อนล้า แต่ ที่เขากำลังอุ้มลูกเดินเข้าไปใกล้ เหมือนหล่อนจะรู้ตัว ก่อนจะชะเง้อชายตามาหาเขานันนลินทร์เงยหน้าขึ้นมองธาฎา ดวงตาของหล่อน ดูเปล่งประกายขึ้นมา เมื่อมองเห็นเจ้าตัวน้อย ที่ธาดากำลังอุ้มอยู่“คุณหนิง//คุณหนิง...” เสียงของสุชาดาและคุณเยาว์เอ่ยขึ้นพร้อมกันขณะที่เดินมาตามหลังธาฎา พวกเธอมองเห็นนันนลินทร
ตอนที่ 30/3 เสียงเครื่องบินส่วนตัวที่แตะพื้นรันเวย์นำธาฎา ชายหนุ่มไฮโซนักธุรกิจหมื่นล้านกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขณะก้าวลงจากเครื่อง เรืองฤทธิ์ยืนรออยู่ด้านล่าง ขณะที่เขาก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือ“รถพร้อมแล้วครับ” เรืองฤทธิ์รายงานธาฎาเพียงพยักหน้า สายตาเหยียดตรงไปยังเป้าหมายในใจ ก่อนที่เขาจะถามน้ำเสียงเย็นเยียบ“ถ้าไม่ติดว่าคู่ค้าอยากจะเซ็นสัญฐาเลยนะ จ้างให้ฉันก็ไม่กลับมาง่ายๆ หรอก”“ใจเย็นๆ ก่อนครับนาย คุณนันนลินทน์เธอคงไม่หายไปไหนหรอกครับ กลับไทยมาก็ดีนะครับผมว่า ป่านนี้คุณหนูอัญญาคงเหงาแย่แล้ว” “จริงสินะ ลูกสาวของฉันคงจะคิดถึงฉันมากแน่เลย” หลังเสร็จสิ้นธุระสำคัญในบริษัท ธาฎากลับมาที่บ้านทันทีเพื่อพบลูกสาว เสียงเล็ก ๆ ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น อัญญากำลังคลานไปมาตามพรม เล่นของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่พี่เลี้ยงคอยดูแลร่างสูงเดินเข้าไปหาลูกสาว มือหนาเอื้อมช้อนร่างเล็กขึ้นมาเบา ๆ “อัญญา...”เด็กน้อยช้อนสายตามองพ่อ ก่อนจะยิ้มแฉ่งอย่างไร้เดียงสา พร้อมเอื้อมมือแตะใบหน้าของเขา“ป๊ะๆ...” อัญญาออกเสียงได้ไม่ชัด แต่เพียงคำเดียวก็ทำให้หัวใจของธาฎาพองโต“ป๊าคิดถึงลูกที่สุดเลยรู
ตอนที่ 30/2เรืองฤทธิ์นั่งมองหลักฐาน ที่หมอนพดลนำมาให้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและความสงสัยที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ“นี่คือหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าแพรไหมเคยติดต่อผมก่อนการผ่าตัดคุณนันนลินทร์”หมอนพดลพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่มั่นคง“เธอขอให้ผมทำสิ่งที่ขัดต่อจรรยาบรรณของแพทย์ โดยแลกกับเงินจำนวนมหาศาลและตำแหน่งที่สูงขึ้นในโรงพยาบาล ทั้งสองขู่เข็ญเรื่องจะปล่อยคลิปหลุดของลูกสาวผมด้วย”“แล้วทำไมคุณถึงไม่ทำ?” เรืองฤทธิ์ถาม น้ำเสียงแฝงความกังวล“เพราะผมยังมีจิตสำนึกอยู่ และโชคดีที่ผมมีหลานชายของคน ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าเขารู้จักกับคุณนันนลินทร์ แต่พอเขาโทรมาถาม เรื่องอาการ ป่วยต่างๆ ของคุณนันนลินทร์ ผมก็เลยตัดสินใจ ปรึกษาหลานชายของผม เพราะเห็นว่ายังไงเราสองคนก็ลงเรือเดียวกันแล้ว”หมอนพดลถอนหายใจยาวก่อนเล่าต่อ“นนทวัฒน์คือคนที่ช่วยผมวางแผนตลบหลังหมอแพร พวกเราจัดฉากว่าการผ่าตัดนั้นล้มเหลว และนันนลินทร์เสียชีวิตระหว่างการรักษา ทั้งที่จริง ๆ แล้วผมกับนนทวัฒน์ช่วยกันพาหล่อนออกจากโรงพยาบาลไปยังที่ปลอดภัย”เรืองฤทธิ์พยายามเก็บสีหน้าตัวเองเมื่อได้ยินความจริงอันน่าตกตะลึง ใจเขาเต็มไปด้วยคำถ