ห้องทำงานท่านประธาน
ห้องทำงานขนาดใหญ่ด้านในถูกตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู บนโต๊ะทำงานที่มีกองเอกสารนับสิบรอคนเปิดขึ้นมาอ่าน นาธานท่านประธานหนุ่ม ของบริษัทเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตอนนี้กำลังนั่งทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
สองสามวันมานี้ ประธานหนุ่มแทบไม่มีกะจิตกะใจทำงานอะไรเลย หัวของเขาในตอนนี้มันมีแต่ภาพของหญิงสาว ที่ตัวเองเจอในค่ำคืนนั้นอยู่เต็มหัวไปหมด ชายหนุ่มพยายามที่จะลืมภาพของเธออยู่หลายครั้ง แต่ไม่นานภาพตอนที่เธอพูดเธอยิ้ม มันก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นาธานอยากรู้จริง ๆ ว่าสาวสวยคนนั้นเป็นใครมาจากไหน และเธอทำอะไรกับเขากันแน่ ถึงได้มีอิทธิพลกับเขาได้มากขนาดนี้ แถมยังกล้าปฏิเสธเขาอย่างไม่มีเยื่อใยแบบนั้นอีกด้วย ทั้งที่ผู้หญิงทุกคนต่างต้องการสิ่งนั้นกันแท้ ๆ แต่เธอกับไม่สนใจเลยสักนิด หรือว่าคืนนั้นเธอจะเมามากจนไม่มีสติเลยจำหน้าเขาไม่ได้กันนะ ประธานหนุ่มคิดเรื่องพวกนี้วกไปวนมาอย่างไม่เข้า
“นี่ใบสมัครเลขาคนใหม่ครับนาย”
เสียงของเลขาคนสนิทดังขึ้น ทำให้ประธานหนุ่มตื่นจากภวังค์ความคิด หันมามองสำรวจคนที่เดินเข้ามาอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ สายตาคู่คมมองจ้องกองเอกสารที่อยู่ในมือของเลขาหนุ่ม ที่เอามาให้ตัวเองดูและเลือกคนที่จะมาเป็นเลขาของตัวเองเพิ่มอีกคนหนึ่ง
“เรื่องแค่นี้นายก็จัดการเองเลยสิ ไม่เห็นต้องเอามาให้ฉันดูเลยนี่นา”
นาธานมองเอกสารกองใหญ่อย่างไม่ใส่ใจ บอกเลยว่าตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งดูเอกสารอะไรทั้งนั้น อีกอย่างเรื่องแค่นี้ไม่ต้องให้ถึงมือเขาก็ได้มั้ง แค่งานที่กองอยู่บนโต๊ะตอนนี้มันก็จะท่วมหัวเขาตายอยู่แล้วเนี่ยยย
“แต่คนคนนี้จะต้องมาทำงานกับเจ้านายนะครับ ผมว่าเจ้านายเป็นคนเลือกเองน่าจะดีกว่านะครับ”
เจมส์พูดขึ้น เพราะเลขาคนใหม่นี้ต้องมาทำงานแทนเขาตอนไปดูงานที่ต่างประเทศนี่นา ขืนเขาเป็นคนเลือกเอง แล้วเกิดเจ้านายไม่ชอบใจขึ้นมางานก็เข้าเขาพอดีนะสิ เพราะฉะนั้นเอามาให้เลือกเองดีที่สุด นาธานจะได้ไม่มาโวยวายใส่เขาทีหลัง
“เฮ้อ เอางั้นก็ได้”
นาธานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรำคาญ แล้วหยิบใบสมัครขึ้นมาเปิดดูอย่างเซ็ง ๆ บอกเลยว่าตอนแรกชายหนุ่มไม่เคยมีความคิด ที่จะรับสมัครเลขาคนใหม่บ้าบออะไรนี่เลย
แต่เพราะสาขาที่ต่างประเทศดันเกิดปัญหา คนที่เขาส่งให้ไปดูแลที่นั่น ดันคิดการใหญ่ยักยอกเงินในบริษัทไปใช่ส่วนตัว นาธานจับได้เลยจัดการคิดบัญชีไปแล้ว แต่มันก็ยังมีปัญหาที่พวกนั้นก่อไว้ ให้เขาต้องแก้ตามหลังอีกนับไม่ถ้วน นาธานเลยต้องส่งเจมส์ลูกน้องที่ตัวเองไว้วางใจที่สุด ไปคอยดูแลประสานงานกับทางนั้นแทน เลขาเจมส์ช่วงนี้ก็เลยต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างสองประเทศอยู่บ่อย ๆ จนไม่ค่อยมีเวลาทำงานทางนี้มากนัก นาธานเลยจำใจที่จะต้องรับสมัครหาเลขาเพิ่มอีกหนึ่งคน เพื่อมาคอยช่วยแบ่งเบางานของเจมส์ทางนี้ลงบ้าง
“เออ แล้วก็เมื่อครู่คุณหญิงโทรมาหาผม บอกว่าถ้าเย็นนี้เจ้านายว่าง ขอให้เข้าไปหาท่านที่บ้านใหญ่หน่อยน่ะครับ”
เจมส์พูดออกไปอย่างเกรง ๆ สายตาก็พยายามมองสังเกตท่าทีสีหน้าของนาธานไปด้วย เพราะเขารู้ดีว่าเจ้านายของตัวเองกับคนที่บ้าน ความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกันสักเท่าไหร่ ถึงพวกเขาจะไม่ได้ทะเลาะอะไรกันอย่างเปิดเผย แต่คนใกล้ชิดต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ ไม่ได้ดีเหมือนเในอดีตมาหลายปีแล้ว
“คุณแม่น่ะเหรอ”
นาธานเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร มองหน้าเลขาตัวเองอย่างสงสัย มือหนาเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาดู ก็เห็นหนึ่งสายไม่ได้รับจากคุณแม่ของตัวเอง คิ้วหนาขมวดปมเข้าหากันทันที มีเรื่องสำคัญอะไรกันนะถึงได้โทรหาเขาแบบนี้ แถมยังโทรไปหาเจมส์ให้มาบอกเขาอีกด้วย นาธานยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ เพราะปกติคุณแม่ของเขาจะไม่ค่อยโทรหาในเวลานี่นา หรือถ้าต้องการจะคุยกับเขาจริง ๆ ก็จะให้คุณพ่อเป็นคนโทรหาเขาแทนซะมากกว่า แต่ว่าวันท่านกัโทรมาหาเขาเองเลย หรือว่าที่บ้านจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ
“ครับ” เจมส์พยักตอบสั้น ๆ ในใจของชายหนุ่มก็รู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องนี้มากเหมือนกัน
“อืม เข้าใจแล้ว” เสียงทุ้มของนาธานตอบกลับไปสั้น ๆ อย่างขอไปที ช่างเถอะเดี๋ยวเย็นนี้กลับไปถึงบ้าน ก็รู้เองว่าคุณแม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเขา
นาธานเลิกสนใจเรื่องคุณแม่ตัวเอง แล้วหันมานั่งเปิดดูใบสมัครของพวกพนักงานต่อ เอกสารใบแล้วใบเล่าถูกเปิดผ่านไปอย่างไม่เยื่อดี สีหน้าเริ่มบึ้งบูดขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ของเจ้าตัวในตอนนี้ ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าบริษัทของเขามันไม่มีผู้ชายเลยหรือไงกัน ไม่ว่าเขาจะเปิดเอกสารไปกี่หน้าก็เจอแต่ใบสมัครของผู้หญิงทั้งนั้นเลย
นาธานคิดเอาไว้ในตอนแรก ว่าจะรับพนักงานที่เป็นผู้ชายมาเป็นเลขาเพิ่มอีกหนึ่งคน เวลาทำงานหรือประสานงานกับเขามันจะได้สะดวก ๆ เพราะบางครั้งมันก็จะต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่ด้วย แต่นี่อะไรเขาเปิดดูมาเกินครึ่งแล้ว ยังไม่เจอผู้ชายสักคนเลย นี่บริษัทของเขามันมีแต่พนักงานผู้หญิงหรือไงกัน
ในช่วงที่อารมณ์ของประธานหนุ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ ๆ มือหนาที่เปิดพลิกเอกสาร ก็ต้องหยุดชะงักอย่างอัตโนมัติ เมื่อสายตาของเขาไปสะดุดรูปพนักงานสาวคนหนึ่ง โดยที่ตัวเองแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นาธานนั่งคิดถึงภาพของเธอวกไปวนมาหลายวัน แต่ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวคนที่ตัวเองคิดถึงนั้น ที่แท้เธออยู่ใต้จมูกของเขานี่เอง ดูท่าสวรรค์ยังจะเข้าข้างเขาอยู่สิน่ะ ชื่อ ‘ม่านฟ้า’ อย่างงั้นเหรอ หึหึ คอยดูนะครั้งนี้เขาจะไม่ให้เธอหนีรอดไปไหนได้อีก…
บ้านใหญ่ของพ่อแม่นาธาน บรึ้นนน..!! เอี๊ยดดด..!! เสียงรถคันหรูขับมาจอดที่หน้าบ้านของตัวเอง ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ก้าวลงจากรถอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตามองจ้องเข้าไปในบ้านอย่างไม่ค่อยน่าไว้วางใจ นาธานพยายามคิดมาตลอดทาง ว่าคุณแม่ของเขามีเรื่องสำคัญอะไร ถึงได้อยากเจอเขามากขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นเรื่องพวกผู้หญิงที่เป็นลูก ๆ หลาน ๆ ของเพื่อนคุณแม่อีก แต่ถ้าเป็นเรื่องพวกนี้ ชายหนุ่มก็พูดไว้อย่างเด็ดขาดไปแล้วนี่นา ว่าจะหาคนรักและคนที่จะแต่งงานด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ท่านเข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องนี้ นาธานก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านได้ไม่กี่ก้าวคนรับใช้ก็วิ่งมาบอก ว่าคุณแม่ของชายหนุ่มนั้น ตอนนี้นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ให้เขาเข้าไปหาทันทีที่มาถึง นาธานที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น แต่เท้าทั้งสองก็ยังคงก้าวเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่ห้องรับแขกตามที่คนรับใช้บอก ร่างสูงเดินเข้าในห้องรับแขกได้ไม่กี่ก้าว เท้าหนาของเขาก็หยุดชะงัก เมื่อสายตาของเขา มองไปเห็นคนไม่คุ้นหน้าสอง คนกำลังนั่งพูดคุยกับคุณแม่ตัวเองอยู่ นาธานที่เห็นแบบนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าคำพูดของตัวเองที่พูด
“แล้วนี่คุณแม่โทรเรียกผมมา มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” นาธานไม่สนใจสีหน้าของคุณแม่ตัวเอง แล้วพูดเอ่ยถามเรื่องที่ท่านโทรให้มาหาต่อทันที“เออจริงสิ แม่เกือบลืมไปเลย ได้ข่าวว่าตอนนี้ลูกกำลังรับสมัครเลขาคนใหม่ใช่ไหม” โสมนภาเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ ว่าตัวเองโทรเรียกลูกชายมาวันนี้เพราะเรื่องอะไร“ใช่ครับ คุณแม่ถามทำไมเหรอครับ” นาธานพยักหน้า แล้วถามคุณแม่ตัวเองกลับด้วยความสงสัย ท่านจะอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไมกันนะถึงเรื่องที่ชายหนุ่มเปิดรับสมัครเลขาคนใหม่มันจะไม่ได้เป็นความลับอะไร เรื่องนี้คุณแม่ของเขาจะรู้เรื่องมันก็ไม่แปลกอะไร แต่ปกติท่านจะไม่ค่อยสนใจหรือยุ่งวุ่นวายเรื่องงานของเขานี่นา แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้โทรตามเขามาเพราะเรื่องนี้ได้นะ“พอดีเลยหนูโรสพึ่งเรียนจบโทมาจากอังกฤษ แม่ว่า…”พอโสมนภายิ้มกว้างออกมา แล้วรีบพูดแนะนำลูกสาวเพื่อนให้ลูกชายตัวเองทันที แต่เธอยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงของนาธานก็พูดขึ้นตัดบทเธอซะก่อน“ผมได้เลขาคนใหม่แล้วครับ”นาธานไม่รอให้คุณแม่ของตัวเองได้พูดจบ รีบเอ่ยขึ้นแทรกท่านทันที คิดว่าเขาไม่รู้หรือไงว่าท่านกำลังคิดจะทำอะไร บอกเลยว่างานนี้ไม่มีทางสมหวังอย่างแน่นอนไม่ว่าผู้ห
ในที่สุดวันที่ม่านฟ้ารอคอยก็มาถึง นั่นก็คือวันที่เธอจะได้เริ่มงานใหม่ในตำแหน่งเลขาท่านประธานนั้นเอง บอกเลยว่าตอนที่เธอรู้เรื่องว่าตัวเองถูกเลือกนั้น เธอดีใจจนแทบจะเป็นลมเลยทีเดียว เพราะม่านฟ้าไม่คิดจริง ๆ ว่าพนักงานตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะได้รับเลือกแบบนี้ถึงตอนนี้หญิงสาวจะมายืนรอพบท่านประธานอยู่หน้าแล้วก็ตาม ม่านฟ้าก็ยังแทบไม่อยากเชื่อตัวเองอยู่ดี ไม่คิดเลยว่าการที่ตัดสินใจลองยื่นใบสมัครในวันนั้น จะทำให้เธอได้เลื่อนขั้นเป็นเลขาคนใหม่ของท่านประธานจริง ๆ แถมเงินเดือนที่จะได้รับก็เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเลยด้วยม่านฟ้ายืนอยู่หน้าห้องของประธานบริษัทด้วยความตื่นเต้น มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบไปหมด เพราะใจหนึ่งหญิงสาวก็รู้สึกดีใจมากที่ได้มาเป็นเลขาคนใหม่ของท่านประธานแบบนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกกลัวมากด้วยเหมือนกันเพราะเท่าที่ม่านฟ้าได้ยินมาท่านประธานคนนี้เป็นคนเย็นชาเจ้าระเบียบและเข้มงวดมาก เห็นว่าทำงานผิดพลาดแค่นิดหน่อยก็จะถูกเรียกตัวมาตำหนิทันที และอีกเรื่องที่พวกเพื่อน ๆ ในแผนกชอบพูดถึงกัน นั้นก็คือหน้าตาของท่านที่ว่าหล่อมากจนติดท็อปอันดับหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว แต่ม่านฟ้าก็ยังไม่เคยเห็นหน้าขอ
“เออ ชื่อ ชื่อม่านฟ้าค่ะ”ม่านฟ้าเอ่ยชื่อขึ้นอย่างไม่เต็มเสียง อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ โอ๊ยถึงจะพยายามคิดว่าท่านอาจจะจำตัวเองไม่ได้ แต่ใจของเธอมันไม่ยอมหายตื่นเต้นลงเลยสักนิด ตาย! ตาย! ตาย!!“พูดให้มันเต็ม ๆ เสียงหน่อยกลัวอะไร”นาธานพูดตะคอกออกมาเสียงดังแสดงให้หญิงสาวได้รู้ว่าตัวเองกำลังไม่พอ สายตาก็แอบจ้องมองคนที่กำลังยืนตัวสั่นอย่างสนุก ทีอย่างนี้ทำมาเป็นกลัวตอนด่าเขาตบหน้าเขาวันนั้นไม่เห็นทำท่าทางแบบนี้เลย คอยดูนะเขาจะแกล้งเล่นซะให้เข็ด“ชื่อม่านฟ้าค่ะ”ม่านฟ้ากลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่แล้วเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้งอย่างเต็มเสียง การทำงานตำแหน่งใหม่วันแรกของเธอ มันคงจะไม่ได้เป็นการทำงานวันสุดท้ายของเธอด้วยใช่ไหม โอ๊ย สติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเนี่ยยย“เลขาเจมส์พูดอธิบายเรื่องการฝึกงานให้คุณทั้งสองคนฟังกันแล้วใช่ไหม” เมื่อนาธานได้คำตอบที่น่าพอใจแล้วก็เอ่ยพูดเรื่องงานขึ้นอย่างไม่สนใจม่านฟ้าอีก“ค่ะ” เลขาสาวทั้งสองพยักหน้าตอบกลับพร้อม ๆ กันเพราะก่อนหน้านี้เลขาเจมส์ได้เรียกม่านฟ้ามาคุยเรื่องการฝึกงานทั้งหมดแล้ว ตอนนั่นหญิงสาวก็รู้สึกแปลกใจนิด ๆ เหมือนกัน ว่าทำไมจะต้องทำแบบนั้นด้วย แต่พอได้เห
ชั้นบนสุดของบริษัทเครื่องประดับยักษ์ใหญ่ หน้าห้องของท่านประธานหนุ่มมีโต๊ะทำงานเพิ่มขึ้นมาอีกสองตัว เพื่อให้เลขาสาวทั้งสองคนได้นั่งทำงานกัน โดยมีเลขาเจมส์เป็นคนคอยสอนงานทั้งหมดให้ ม่านฟ้าเคยอยู่แผนกบัญชีของบริษัทนี้มาก่อน รวมทั้งที่หญิงสาวเป็นคนหัวไว เลขาเจมส์สอนแค่นิด ๆ หน่อย ๆ หญิงสาวก็เข้าใจและสามารถทำตามได้แล้วส่วนโรสที่บอกว่าตัวเองเรียนจบโทมาจากอังกฤษนั้น เล่นซะเลขาหนุ่มอย่างเจมส์ต้องปวดหัวแทบทุกวัน เพราะหญิงสาวไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานจริงมาก่อน แถมพอชายหนุ่มสอนหรือพูดบอกอะไรไป หญิงสาวก็ไม่เคยสนใจที่จะฟัง สั่งให้ทำงานอะไรไป ก็ทำออกมาแบบลวก ๆ ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิด พอเลขาเจมส์บอกให้เอาไปทำใหม่ เธอก็จะโวยวายแล้วเอาเรื่องที่ตัวเองรู้จักกับนาธาน และคุณแม่ของนาธานขึ้นมาขู่เจมส์แทบทุกครั้ง“นี่ม่านฟ้า ชงกาแฟให้ฉันหน่อยสิ”“คะ”“ฉันบอกว่าไปชงกาแฟให้ฉันหน่อยยังไงล่ะ”“อ๋อ สักครู่นะคะ ขอฟ้าทำ…”“ฉันต้องการตอนนี้ได้ยินไหม งานเดี๋ยวค่อยกลับมาทำก็ได้ไหม”“ค่ะ”เสียงของเลขาสาวพูดสั่งเพื่อนร่วมงานอีกคนดังขึ้นอย่างเอาแต่ใจ ม่านฟ้าที่เป็นแค่พนักงานตัวเล็ก ๆ ก็ได้แต่จำใจทำตามที่โรสลูกสาว
ห้างหรูใจกลางเมือง - ร้านอาหารไทยร้านอาหารไทยที่มีรสชาติอร่อยถูกปากทุกเพศทุกวัย มีเมนูให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลายสไตล์ ทั้งอาหารคาวหวาน ร่างสูงโปร่งเดินนำเลขาสาวของตัวเองเข้ามานั่งในร้าน โดยมีสายตาของผู้คนในร้าน หลายคู่มองจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สำหรับนาธานแล้วชายหนุ่มคุ้นชิน กับการตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นอยู่แล้ว เขาเลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่สำหรับม่านฟ้าที่ถูกลากมาด้วยนั้น พอต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ หญิงสาวก็ทำตัวแทบไม่ถูก และความรู้สึกประหม่าที่มีอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ร่างบางเดินก้มหน้าตามหลังคนตัวโตไปติด ๆ ม่านฟ้าไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนแบบนี้เลยจริง ๆ“เอ้านี้…กินเยอะ ๆ ถ้าคุณอยากกินอะไรก็สั่งเพิ่มได้เลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมตักอาหารใส่จานให้หญิงสาว ที่นั่งเกร็งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาใจ บอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของเขาเลย ที่มานั่งตักอาหารให้คนอื่นกินแบบนี้นาธานรู้ดีว่าม่านฟ้าคงจะประหม่ามากแน่ ๆ ที่ต้องมานั่งกินอาหารสองคนกับตัวเองแบบนี้ แต่ชายหนุ่มอยากลองออกมากินอาหารกับเธอสักครั้งหนึ่งนี่นา สายตาจ้องมองดูคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าอย่างนึกตลก นี่เขามันน่ากลัวขนาดนั้น
ห้องทำงานท่านประธานในที่สุดการฝึกงานเป็นเลขาของทั้งสองคนก็จบลง วันนี้นาธานจะต้องเลือกเลขาไว้ช่วยงานตัวเองเพียงคนเดียว ม่านฟ้ากับโรสยืนรอฟังประธานหนุ่มพูดเลือกอยู่เงียบ ๆ โดยที่ทั้งสองแทบจะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยสักนิด เพราะพวกเธอรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะเลือกใครให้อยู่ต่อ“ในเมื่อมากันครบแล้ว งั้นผมขอประกาศเลยก็แล้วกัน ว่าใครจะได้ทำงานเป็นเลขาของผมต่อ” นาธานเห็นว่าทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ก็เตรียมตัวพูดบอก เรื่องที่ตัวเองตัดสินใจออกไป“…” ทุกคนยืนเงียบรอฟังสิ่งที่ประธานหนุ่มจะพูดอย่างใจจดใจจ่อม่านฟ้าเธออยากจะกลับไปทำงานที่แผนกเดิมใจจะขาดอยู่แล้ว เพราะหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ หญิงสาวต้องทำงานที่นี่ด้วยความระแวงอยู่ตลอดเวลา ถึงตอนนี้ชายหนุ่มเหมือนจะยังจำ เรื่องที่เธอเคยตบหน้าเขาที่ผับไม่ได้ แต่ใครจะรู้ว่าวันใดวันหนึ่งเขาเกิดจำเธอได้ขึ้นมาจะทำอย่างไง เพราะฉะนั้นกลับไปทำงานอยู่ที่แผนกเดิมดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยเธอกับเขาก็จะได้ไม่ต้องเจอหน้ากัน เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตก็จะได้ไม่ถูกเปิดเผยขึ้นมาอีกครั้ง“คุณม่านฟ้า ยินดีด้วยนะครับ”นาธานหันหน้าไปทางม่านฟ้าแล้วพูดขึ้น ต่อไปนี้เขาก็จะได้เธอมาเป็นเลข
บ้านใหญ่ของคุณพ่อคุณแม่นาธานสองหนุ่มนาธานกับเจมส์ก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้องรับแขก พอเข้ามาถึงก็เห็นโสมนภากำลังนั่งปลอบโรสที่เหมือนพึ่งหยุดร้องไห้อยู่ข้าง ๆ ตัวเอง ส่วนปิรดาก็นั่งปลอบลูกสาวตัวเองอยู่อีกข้างหนึ่ง พอทั้งสามเห็นสองหนุ่มเดินเข้ามาก็หันไปดูพร้อม ๆ กัน“พ่อธานอธิบายให้ป้าฟังหน่อยได้ไหม ว่าลูกสาวป้าทำไมถึงแพ้แม่พนักงานธรรมดา ๆ คนนั้นได้”ปิรดาที่รู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก ๆ เอ่ยพูดขึ้นทันทีที่เห็นนาธานเดินเข้ามา ปิรดาไม่เข้าจริง ๆ ว่าลูกสาวของเธอ ที่เรียนจบมาตั้งอังกฤษ แต่ทำไมกับสู้พนักงานธรรมดา ๆ ที่จบ ป.ตรี ธรรมดาไม่ได้“เจมส์ เอาให้คุณแม่กับคุณป้าดูสิ” นาธานหันหน้าไปสั่งเจมส์ที่ยืนอยู่ ให้เอาของในมือส่งให้โสมนภากับปิรดาดู“อันนี้คืออะไร อย่างงั้นเหรอ” โสมนภากับปิรดามองดูกระดาษที่เลขาเจมส์ส่งให้อย่างงง ๆในกระดาษพวกนั้นมีทั้งใบที่เป็นตัวเลขกับวันเวลาตลอดทั้งเดือนไว้ และยังมีรูปถ่ายของเลขาสาวทั้งสองตอนนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกสามสี่รูป แล้วของพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับการที่โรสไม่ถูกเลือกเป็นเลขาด้วยล่ะ โสมนภากับปิรดาหันมองหน้ากันอย่างงุนงง“ใบนี้เป็นเวลาเข้าทำงานกับเลิกงาน ของคุณโรสใ
หลังจากผ่านเรื่องราวแย่ ๆ มาได้ นาธานเห็นว่าร่างกายของม่านฟ้า กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว เขาก็จัดการประกาศสละโสด กับสื่อทุกที่ให้ได้รู้พร้อมกัน ทำให้ทุกคนโดยเฉพาะสาว ๆ ที่ทราบเรื่อง ต่างแตกตื่นและงุนงงกันไปหมด เพราะไม่คิดว่าหนุ่มฮอตอันดับหนึ่ง ที่ครองตัวเป็นโสดมาตลอด จะประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบแบบนี้…งานแต่งงานของนาธานกับม่านฟ้าถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ มีนักธุรกิจและคนดังมาร่วมกันมากมาย ทุกคนแต่เอ่ยปากพูดชมเป็นเสียงเดียวกัน ว่าคู่บ่าวสาวในค่ำคืนนี้ดูสวยหล่อ ราวกับว่าเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายที่ออกมาจาก โลกแห่งเทพนิยายกันก็ไม่ปาน ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกอิจฉาทั้งสองคนที่ได้ยืนเคียงคู่กัน…ส่วนโรสหลังจากเกิดเรื่องขึ้นที่โรงพยาบาลในวันนั้น นาธานกับม่านฟ้าก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรของเธออีกเลย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับครอบครัวของเขามาก บ้านใหญ่ของคุณพ่อคุณแม่นาธานนาธานที่พึ่งเลิกงานกลับมาก็เดินตรงเข้าไปห้องรับแขก ที่มีภรรยาแสนสวยของตัวเองนั่งรออยู่ทันที ตอนนี้นาธานได้ให้ม่านฟ้าออกจากงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเธอท้องโตขึ้นทุกวัน เขาไม่อยากให้เมียตัวเองต้องเหนื่อยไปมากกว่านี้ เลยให้เจมส์รับสมัครหาเล
“ม่านฟ้าอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวผมจะลงไปข้างล่างสักหน่อย”“เอาเป็นนมร้อนก็ได้ค่ะ”“โอเคครับ”เสียงทุ้มของนาธานเอ่ยถามเมียรักอย่างเอาใจ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ม่านฟ้าจะพักอยู่โรงพยาบาลแล้ว ตอนที่เธอได้ยินคุณหมอพูดบอก ม่านฟ้ารู้สึกดีใจมาก เพราะเธอเบื่อที่จะนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แบบนี้แล้ว ถึงวันหยุดเพื่อน ๆ ที่ทำงานจะวนเวียนมาเยี่ยมเยียนเธอบ้าง แต่ก็อยู่กันได้ไม่นาน เพราะทุกคนรู้สึกเกร็งและประหม่ามาก ที่ต้องมานั่งอยู่ในห้องเดียวกับนาธาน ที่เป็นเจ้านายของตัวเองนาธานลงลิฟต์มาชั้นหนึ่งที่มีคาเฟ่ขายเครื่องดื่ม แต่พอประตูลิฟต์เปิดออก เขาที่กำลังอารมณ์ดีอยู่นั้น ก็ต้องแปลงเปลี่ยนเป็นอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาทันที เมื่อได้เห็นผู้หญิงสองคนที่ กำลังยืนรอขึ้นลิฟต์อยู่ตรงหน้าตัวเอง“พี่นาธาน”“พ่อธาน”ปิรดากับโรสพึมพำชื่อของคนในลิฟต์ออกมาด้วยความตกใจ เพราะพวกเธอไม่คิดว่าจะได้เจอกันนาธานที่นี่แบบนี้“คุณป้า โรส”นาธานพูดชื่อของทั้งสองคนออกมาเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์อะไร สายตาเย็นยะเยือกมองจ้องไปทาง ที่โรสยืนอยู่อย่างอดไม่ได้ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น นาธาน ก็ไม่ได้เจอทั้งสองนี้อีกเลย ถึงเขาจะได
“ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่จริง!”“หนูโรสพอเถอะลูก”โสมนภาที่นั่งฟังโรสพูดอยู่นาน ก็เอ่ยขัดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่ายใจ เธอรู้ดีว่าโรสก็ชอบลูกชายตัวเองมากเหมือนกัน แต่เรื่องพวกนี้มันจะต้องสมยอมและชอบกันทั้งสองฝ่าย เรื่องทั้งหมดมันถึงจะไปต่อได้ โสมนภารู้ดีว่า อย่างไงเรื่องของโรสกับนาธานมันก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ เพราะลูกชายของเธอแสดงออกชัดเจน ว่าไม่สนใจหนูโรสตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว“คุณน้า นี่คุณน้ายอมให้ผู้หญิงจน ๆ คนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านอย่างงั้นเหรอคะ”โรสรีบหันหน้าไปพูดถามโสมนภา เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้มันมีอะไรดีนักหนา ถึงทำให้พี่นาธานและคนในบ้านรักได้มากขนาดนี้“หนูม่านฟ้าเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของบ้านนี้ แล้วทำไมถึงจะเข้ามาที่อยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้ล่ะ”โสมนภาพูดตอบโรสกลับตามที่ตัวเองคิด ไม่นานเดี๋ยวม่านฟ้าก็จะแต่งงานกับลูกชายของเธอแล้ว ถึงตอนนั้นก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นจะย้ายเข้ามาอยู่ ไวหน่อยมันจะเป็นไรไปโสมนภาเริ่มหมดความอดทนกับโรสขึ้นมาเรื่อย ๆ ตอนแรกเธอก็รู้สึกชอบและเอ็นดูอยู่ลูกสาวเพื่อนคนนี้มาก เลยได้พยายามคอยช่วยให้ได้เข้าหาลูกชายตัวเอ
“อุ๊ย! ทำอะไรกันอยู่จ๊ะเนี่ย”“คุณน้าโสม ทุกคน สวัสดีค่ะ”ทุกคนหันมองไปตามเสียงก็เห็นแขกไม่ได้รับเชิญสองคน กำลังปั้นหน้ายิ้มหวานเดินเข้ามา ม่านฟ้าแอบชำเลืองมองไปทางนาธานอยู่แวบหนึ่ง เพื่อดูปฏิกิริยาของเขาว่าเป็นอย่างไง เพราะหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น นาธานก็ดูจะไม่ชอบทั้งสองคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม เธอกลัวว่าเขาจะอดอาละวาดใส่ทั้งสองคน เพราะเรื่องในวันนั้นไม่ได้จริง ๆปิรดากับโรสเดินเข้ามาในห้องรับแขกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม วันนี้ทั้งสองตั้งใจว่าจะมาพูดคุย และถามเรื่องของนาธานกับโสมนภาสักหน่อย ว่าตอนนี้ไปถึงขั้นไหนกันแล้วบ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอนาธานกับม่านฟ้าอยู่ที่นี้ด้วย สองแม่ลูกฉีกยิ้มหวาน เดินเข้ามาหาทุกคนที่โซฟาเหมือนกับทุกครั้งปริดากับโรสที่ยังไม่รู้เรื่อง ที่ม่านฟ้าเคยหนีนาธานไปเพราะตัวเอง ทำให้ทั้งสองคนยังไม่รู้ถึงอารมณ์ขุ่นเคืองในตา ของนาธานที่นั่งจ้องมองอยู่ในตอนนี้ ทำเรื่องแบบนั้นเอาไว้ ยังกล้ามาบ้านของเขาอีกนะ“วันนี้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลยนะจ๊ะ” ปิรดาเอ่ยทักทายออกไปอย่างเป็นกันเอง โดยที่ไม่รู้ถึงความผิดปกติอะไร“คุณน้าคะ โรสซื้อขนมเจ้าประจำที่คุณน้าชอบมาฝากค่ะ” โรสวางถุงข
“ฮือออ…ฮือออ”เสียงร่ำไห้เสียใจของผู้เป็นแม่ ยังคงดังก้องออกมาไม่ขาดสาย ถึงจะได้คำพูดปลอบใจจากม่านฟ้ามา แต่โสมนภาก็ยังอดโทษตัวเองไม่ได้ ว่าการตายของทั้งสองคนตัวเองก็มีส่วนด้วยครึ่งหนึ่งอยู่ดีโสมนภานั่งทรุดอยู่กับพื้น ร้องไห้ออกมาอย่างหนักไม่สนใจใครอีก จนมีคนเดินเข้ามายืนข้าง ๆ เธอ แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง…“คุณหญิงร้องไห้ทำไมคะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”น้องพลอยที่เห็นโสมนภานั่งร้องไห้อยู่ ก็เดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง เด็กหญิงพูดถามออกไป พร้อมก้มมองสำรวจดูตัวของโสมนภาไปด้วย ว่ามีบาดแผลตรงไหนหรือเปล่า ดูท่าท่านจะต้องรู้สึกเจ็บมากแน่ ๆ ถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้“ไม่ร้องนะครับ…เดี๋ยวให้คุณอาธานพาไปหาคุณหมอกัน” น้องเพชรเดินเข้าไปยืนใกล้ ๆ อีกคน พร้อมกับเอ่ยพูดปลอบออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเด็กชายคิดว่าที่โสมนภาร้องไห้อยู่นั้น อาจจะเพราะรู้สึกไม่สบายมาก เหมือนตอนที่ตัวเองเคยเป็น พอคุณแม่พาไปหาคุณหมอเขาก็รู้สึกดีขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าโสมนภาได้ไปหาคุณหมอจะต้องดีขึ้นเหมือนกันแน่ ๆ“น้องเพชรน้องพลอย…!!”ม่านฟ้าที่เห็นเด็กทั้งสองยืนเข้าไปหาโสมนภาแบบนั้น ก็คิดจะเข้าไปพาตัวออกมา แต่ก็ถูกนา
ในยามเช้าเมื่อดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า แสงสีทองอร่ามก็สาดส่องไปทั่วบริเวณวัด ผู้คนชายหญิงคนแก่หนุ่มสาวต่างทยอยเข้ามาทำบุญที่วัด รวมถึงม่านฟ้าเด็ก ๆ นาธานและครอบครัวของเขา ต่างพากันเดินทางมาที่วัดกันตั้งแต่เช้าตรู่หลังจากที่ม่านฟ้าได้เอารูปถ่ายของพี่เขยตัวเอง ให้นาธานและทุกคนได้ดู สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปกันทันที ตอนนั้นม่านฟ้ายังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนได้ยินนาธานพึมพำเรียกชื่อของคนในรูปออกมา ‘พี่นาธิน’ เลยทำให้ม่านฟ้ารู้ว่าผู้ชายในรูปคือพี่ชายของนาธาน ที่ออกจากบ้านไปเมื่อหลายปีก่อนนั้นม่านฟ้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่า คนรักของพี่สาวเธอ ที่อยู่กินกันมาตั้งหลายปี จะเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของนาธาน เรื่องทุกอย่างมันดูบังเอิญมากจริง ๆม่านฟ้าพาทุกคนเดินลัดเลาะไปตามทาง จนมาถึงบริเวณหลังวัด ซึ่งเป็นสถานที่เก็บอัฐิของญาติที่เสียชีวิตของชาวบ้านแถวนี้ และรวมไปถึงเป็นที่เก็บอัฐิของพี่สาวพี่เขยของเธอด้วยสายลมอ่อน ๆ พัดเข้ามาปะทะใบหน้า ทำให้รู้สึกเย็นไปทั่วใบหน้า แต่ดวงตาคู่สวยมันกลับรู้สึกร้อนแสบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ จนเก็บกั้นน้ำตาเอาไว้แทบไม่อยู่ ม่านฟ้าพานาธานกับครอบครัวของเขา มาหยุดอยู่ที่เก็บ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าฝั่งเป็นจังหวะราวกับเสียงดนตรี ทำให้ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกสงบและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน โต๊ะอาหารริมทะเล ที่มีแสงแดดอ่อน ๆ ของยามเย็นสาดส่องลงมา ทำให้บรรยากาศของอาหารมื้อนี้ดูพิเศษมากขึ้น โสมนภารู้สึกผิดกับเรื่องที่ตัวเองทำลงไป เย็นวันนี้เธอเลยของจัดโต๊ะอาหารเลี้ยงม่านฟ้าหนึ่งมื้อ เพื่อเป็นการขอโทษที่เธอพูดไม่ดีออกไปในวันนั้นนาธานพาม่านฟ้ากับเด็ก ๆ มานั่งกินอาหารเย็นที่คุณแม่ตัวเอง ได้จัดเตรียม ตามที่ท่านขอเอาไว้ ถึงตอนนี้นาธานจะยังรู้สึกเคือง ๆ โสมนภาอยู่นิดหน่อยก็ตาม แต่ถึงยังไงท่านก็เป็นแม่ของตัวเอง และดูท่านจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดมากเหมือนกัน นาธานเลยขี้เกียจมีปัญหากับท่านอีก แล้วเขาก็อย่างให้ท่านกับม่านฟ้าได้พูดปรับความเข้าใจกันด้วย เพราะถึงเขาจะพูดบอกม่านฟ้าไปบ้างแล้ว แต่ด้วยนิสัยคิดมากของเธอ นาธานอยากให้ทั้งสองคุยกันเองมากกว่า“นี่จ้ะ ฉันต้องขอโทษหนูด้วยนะ ที่วันนั้นพูดแย่ ๆ ใส่หนูนะ ม่านฟ้า” โสมนภาตักอาหารใส่จานให้ม่านฟ้า แล้วพูดขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไปอีกครั้งโสมนภารู้สึกดีใจมากที่วันนี้นาธานหาตัวม่านฟ้าเจอ เพราะถ้าหาไม่เจอขึ้นมาจริง ๆ เธอคงจะรู้สึกผิดและโท
“แต่งงาน! นี่คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ ม่านฟ้า”นาธานที่นอนกอดม่านฟ้าอยู่ ก็ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ แล้วหันไปมองหน้าม่านฟ้าด้วยความไม่เข้าใจ แต่งงานบ้าบออะไร เขาไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย“ก็คุณโรสบอกฉันว่าครอบครัวของพวกคุณ คุยตกลงเรื่องแต่งงานกันแล้วนี่ค่ะ”ม่านฟ้าพูดขึ้นพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาติดร่างเปลือยของตัวเอง แล้วค่อย ๆ ขยับนั่งพิงที่หัวเตียง ก็คุณโรสพูดบอกเธอมาแบบนั้นจริง ๆ นี่นา “ไร้สาระ…ถามจริง ๆ นะม่านฟ้า นี่คุณเชื่อคำพูดที่ออกจากปากของผู้หญิงคนนั้นด้วยเหรอ”พอนาธานได้ยินชื่อของโรสออกจากปากของม่านฟ้า ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเมียของเขา จะต้องถูกผู้หญิงคนนั้น พูดเป่าหูมาอีกคนอย่างแน่นอน“อีกอย่างคุณพูดไว้เองไม่ใช่เหรอคะ ว่ากลับต่างประเทศมีเรื่องจะบอกฉันนะ แล้วมันไม่ใช่เรื่องนี้หรอกเหรอ”ม่านฟ้าเถียงกลับอย่างไม่ยอม ก็คืนนั้นเขาเป็นคนบอกเธอเอง ว่ากลับมาแล้วมีเรื่องจะพูดด้วย ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรไปได้อีกล่ะจริงไหม“บ้าไปแล้ว…นี่คุณเอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ยม่านฟ้า”นาธานอย่างจะบ้าตายกับความคิดของเมียตัวเอง นี่เธอเอาเรื่องที่คุณแม่กับโรสพูด มารวมกับเรื่องของเขาได้อย่างไ
ปัง!!เสียงประตูถูกปิดลงพร้อมกับความเงียบที่คืบคลานเข้ามา นาธานม่านฟ้ายืนนิ่งไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร ทั้งห้องเงียบสนิทจนแทบได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน นาธานหันหน้ามามองม่านฟ้าด้วยสายตาขุ่นเคือง“เงียบทำไม ตอนนี้ทำเป็นไม่กล้าสู้หน้า…แล้วตอนคิดหนีทำไมไม่คิด”นาธานยืนจ้องมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าตัวเอง เสียงทุ้มเอ่ยพูดว่าคนตรงหน้าออกไปอย่างเหลืออด ตอนที่คิดหนีเขาไม่เห็นกลัว ทีอย่างนี้ทำมาเป็นยืนตัวสั่นกลัวเขานะนาธานเห็นม่านฟ้าเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาตอบโต้ตัวเอง เลยกระชากมือข้างที่จับแขนหญิงสาวเข้าหาตัว จนเธอเซมาซบที่อกหนาของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ“คุณนาธาน…ฉันเจ็บนะคะ” ม่านฟ้าเงยหน้าพูดต่อว่าคนที่ดึงตัวเธอเข้ามากอดอย่างอดไม่ได้“ไม่ต้องมาทำเป็นบ่น…เจ็บแค่นี้มันเทียบอะไรไม่ได้ กับสิ่งที่คุณทำไว้กับผมเลยด้วยซ้ำ” นาธานพูดว่าคนที่ทำหน้าบูดบึ้งใส่ตัวเองกลับ ทำมาเป็นร้องโวยวายว่าเขา ทั้งที่เธอเป็นคนทำผิดก่อนแท้ ๆ“ว้ายยย!!…คุณนาธานนี่คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันลงนะ คุณนาธาน!”นาธานขี้เกียจต่อปากต่อคำกับม่านฟ้าอีก เขาเลยจัดการอุ้มเธอขึ้นแนบอก แล้วก้าวเดินไปที่เตียง โดยทำเป็นไม่ได้ยินเสี