“อะไรนะ? กะ…แกรับงานอย่างว่าเหรอยูริ!” แวนด้า เพื่อนสนิทยูริตะโกนดังลั่นของคอนโดตัวเองทันทีที่ยูริบอกว่ารับงานอย่างว่ากับลี่จินไปแล้ว ทั้งตกใจและช็อคในเวลาเดียวกัน ยูริเคยบอกว่าไม่ชอบงานแบบนี้ และจะไม่มีวันรับงานที่เอาร่างกายเข้าแลกเงินอย่างเด็ดขาด หากแต่วันนี้ กลับกลายกลืนน้ำลายตัวเองเสียอย่างนั้น
“ใช่” “…เหตุผล?” แวนด้าตั้งสติ ก่อนจะเริ่มถามยูริถึงเหตุผลที่รับงานแบบนี้ “ฉันต้องการใช้เงินด่วน” “แค่นั้น?” เธอไม่กล้ามองหน้าแวนด้า แม้เป็นเพื่อนสนิทกัน หากแต่แวนด้าไม่เคยรู้ว่าบ้านเธอ ‘เป็นหนี้’ เพราะเธอไม่เคยเล่าให้ฟัง แวนด้ารู้แค่ฐานะทางบ้านเธอไม่ได้ดีอะไร ทำงานตั้งแต่อายุสิบหก ส่งน้องชายเรียนหนังสือ และเป็นเสาหลักของบ้าน ครอบครัวเธอ(เคย)มีกันสี่คน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงสามคนเท่านั้น อีกทั้งแวนด้ายังเคยเตือนเธอหลายครั้งเรื่องของงาน ‘ปรนเปรอผู้ชายบนเตียง’ และยังห้ามไม่ให้เธอทำ ซึ่งเธอก็เชื่อฟังแวนด้าเสมอมา แต่ตอนนี้…เธอคงต้องเลือกปกป้องคนในครอบครัวของเธอก่อน “พูดมาให้หมดยูริ” น้ำเสียงแวนด้าเริ่มนิ่ง แววตาจ้องเพื่อนสนิทเพื่อรอคำตอบ “ฉัน…” “เหตุผลที่ทำให้แกต้องใช้เงินด่วน พูด!” “ก็ได้ ฉันพูดก็ได้” เมื่อเห็นว่าแวนด้าเริ่มดุ จึงตัดสินใจเล่าให้ฟัง “พ่อฉันเป็นหนี้นอกระบบสองล้านเก้า อาทิตย์ก่อนพวกนั้นบุกมาบ้านและทำร้ายพ่อ ฉันเลยขอเวลาพวกเขาสามอาทิตย์ในการหาเงินมาคืน” “เงินตั้งสองล้านเก้า แกจะหาจากไหนทันภายในสามอาทิตย์?” “ฉันถึงต้องทำงานนี้ไง” “แต่มันก็ไม่ได้ทำให้แกได้เงินสองล้านเก้าไปปลดหนี้ให้พ่อหมดนะ” “ฉันรู้ แต่อย่างน้อยจ่ายไปก้อนนึงก่อน แล้วค่อยไปต่อรองกับพวกเขาอีกครั้ง น่าจะได้อยู่หรอกมั้ง” “ยืมฉันไหม ฉันโอนให้แกตอนนี้เลย แกจะได้ไม่ต้องไปทำงานแบบนั้น” เธอมองหน้าเพื่อนสนิท ฐานะทางบ้านของแวนด้าดีมาก แต่แวนด้าก็ไม่เคยอวดรวยหรือใช้ชีวิตหรูหราอะไรเลย แวนด้าสามารถเลือกเป็นเพื่อนกับคนที่มีฐานะเท่ากันได้ ทว่ากลับเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับเธอ และเพียงคนเดียวด้วย มีคนมากมายพยายามเข้าหาและขอเป็นเพื่อนกับแวนด้าเพราะเป็นลูกสาวนักธุรกิจหมื่นล้าน แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ แวนด้าเคยบอกว่าดูออกว่าคนเหล่านั้นเข้าหาตนเพราะอะไร ทว่าสำหรับเธอ…เธอไม่เคยมองว่าแวนด้าเป็นลูกสาวนักธุรกิจหมื่นล้าน แวนด้าสำหรับเธอคือ…คนธรรมดาทั่วไป “ไม่เอาอะ เก็บเงินของแกไว้เถอะ” “ฉันให้ยืมจริงๆ นะ ให้แกเฉยๆ ยังได้เลย” “ฟังนะแวนด้า ฉันรู้ว่าเงินแค่นั้นมันน้อยนิดสำหรับแก แต่สำหรับฉันมันเยอะมาก เก็บเงินของแกไว้เถอะนะ” “ก็ฉันไม่อยากให้แกทำงานแบบนั้นอะ” “แค่ครั้งเดียว และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก” “รู้ไหมว่าแกอะ โคตรดื้อเลย” แวนด้าพูดเมื่อรู้ว่าตนไม่สามารถห้ามเพื่อนสนิททำงานแบบนั้นได้ “แล้วจะไปงานแบบนั้น แกมีประสบการณ์เหรอ?” “ไม่มี…” เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียงมาก่อน ไม่รู้ด้วยว่าต้องทำยังไง และเริ่มอะไรก่อน แอบไปดูหนังผู้ใหญ่และศึกษามาแล้ว มันค่อนข้างยากสำหรับเธอเพราะไม่เคยผ่านเรื่องราวแบบนั้นมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่ามันจะรู้สึกดีแบบดาราหนังผู้ใหญ่เขาแสดงออกมาหรือเปล่า “แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองทำได้” “ความมั่นใจแกนี่…เต็มร้อยมากนะ” “ให้กำลังใจฉันหน่อยสิ งานแรกเลยนะ” “อือ สู้ๆ แล้วกัน ขอให้เจอลูกค้าที่ใจดี และอ่อนโยนกับตรงนั้นของแก” เธอยิ้ม ก่อนจะดึงแวนด้ามากอด ในคำพูดอวยพรรับรู้ได้ทันทีว่ามีความห่วงใยจากเพื่อนสนิทซ่อนอยู่ *** “ซื้อชาเย็นมาฝากค่ะ” เธอยื่นแก้วชาเย็นของโปรดพี่ลี่จินให้ โดยอีกฝ่ายกำลังนั่งจิบแอลกอฮอล์อยู่ภายในห้องพักส่วนตัว พี่ลี่จินมีเชื้อสายจีน จึงทำให้ใบหน้าออกไปทางจีนจ๋ามากกว่าไทย “เลี้ยงพี่ด้วยชาเย็นทุกวันแบบนี้ ไม่กลัวน้ำตาลในเลือดพี่ขึ้นหน่อยเหรอหืม?” “แหะๆ ก็เห็นชอบ เลยซื้อมาฝาก” ลี่จินส่ายหน้าไปมา รับชาเย็นมาวางไว้บนโต๊ะ สายตาโฉบเฉี่ยวจ้องมองยูริ ภายใต้รอยยิ้มสดใสที่แสดงออกมา กำลังซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ “เป็นอะไร?” “คะ?” “นั่งลง แล้วตอบคำถามมา” ยูรินั่งลงอย่างว่าง่าย “หนูไม่ได้เป็นอะไร” “ยูริ” ลี่จินเรียกชื่อยูริเสียงเข้ม “ก็แค่เครียดนิดหน่อย หนูกลัวว่าจะทำให้ลูกค้าของพี่ลี่จินไม่พอใจเพราะว่าหนู…ไม่เคยมาก่อน” “ถึงบอกให้คิดดีๆ ไง” หากยูริจะกลับลำตอนนี้คงสายไปแล้ว เพราะเธอตอบรับลูกค้าคนนั้นไปแล้วเรียบร้อย ถึงบอกให้ยูริคิดดีๆ ในตอนแรก “แต่ถึงยังไงหนูก็จะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด มาถึงขนาดนี้แล้ว…” พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่เธอจะต้อง…ทำงานนี้อย่างเต็มรูปแบบ “พี่ลี่จินคะ” “หืม?” “ลูกค้าคนนั้นที่ติดต่อมาหาพี่ลี่จิน เขาไม่ได้บอกเหรอคะว่าดีลหนูไปให้ใคร?” “เมื่อวานตอนพี่โทรไปยืนยันว่าจะส่งยูริให้ พี่ถามลูกค้าว่าจะส่งต่อยูริให้ใคร เขาไม่ได้บอกหมด บอกแค่ว่าคนๆ นั้นยังหนุ่มอยู่ แล้วอีกอย่าง…มีอิทธิพลมากด้วย” “เป็นคนมีอิทธพลเหรอคะ?” “ใช่ ลืมเลย ลูกค้ายังบอกอีกด้วยว่า คนที่เขาจะส่งต่อให้ สเปกผู้หญิงที่คนนั้นชอบตรงกับยูริ นั่นแหละคือเหตุผลที่ลูกค้าพี่เลือก และจะต้องเป็นยูริเท่านั้น” ขนาดฟังพี่ลี่จินเล่าให้ฟัง เธอยังตื่นเต้นขนาดนี้ ถ้าหากไปอยู่ในสถานการณ์จริงในวันพรุ่งนี้…จะตื่นเต้นขนาดไหนกันนะ เพราะลูกค้าคนนั้นของพี่ลี่จินไม่ได้เปิดเผยว่าคนที่จะส่งเธอต่อไปให้คือใคร รู้เพียงว่ายังหนุ่ม และเป็นคนทรงอิทธิพลมากเท่านั้น@Mar.L Clubก๊อก ก๊อก“เข้ามา”แอดดยูริเปิดประตูห้องพักส่วนตัวของมาร์ลิกซ์เข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเข้ามาในสถานที่ส่วนตัวของเจ้านายหนุ่ม ตั้งแต่รู้ว่าเขาคือเจ้าหนี้ของพ่อ มันก็ทำให้เธอไม่กล้าสู้หน้าเขาอีกเลย มาร์ลิกซ์ไม่ได้เข้ามาที่นี่หลายวัน นี่เป็นสัปดาห์แรกที่เขาเข้ามาตรวจงาน และเธอรับหน้าที่เป็นคนนำเครื่องดื่มมาให้ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ ตึกตัก ตึกตัก เสียงเต้นของหัวใจดังสะท้านภายในอกซ้ายจนแทบจะหลุดออกมา เธอก้มหน้าเดินตรงไปยังจุดที่มาร์ลิกซ์นั่ง ซึ่งเขากำลังสูบบุหรี่อยู่ด้วย “เครื่องดื่มค่ะคุณมาร์ลิกซ์” “…” ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้านายหนุ่ม มือเล็กหยิบขวดแอลกอฮอล์วางลงโต๊ะกระจกลายหินอ่อนสีดำตามด้วยแก้วเปล่า ระหว่างกำลังปฏิบัติหน้าที่ ก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองมาร์ลิกซ์ และความเงียบของเขาพลอยทำให้เธอรู้สึก…อึดอัด “ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม เรียกยูริได้ตลอดเลยนะคะ” “เทเหล้าให้ฉัน” “ได้ค่ะ” เธอกลับมานั่งคุกเข่าลงพื้นอีกครั้ง หยิบน้ำแข็งก้อนที่เป็นวงกลมใส่แก้วหนึ่งก้อน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำสีเหลืองอำพันมาเปิดแล้วเทลงแก้วอย่างระมัดระวัง เพราะเหล้าขวดนี้…ราคาหล
“มีเรื่องอะไร?” เขาเอ่ยถามควินต์ คนสนิทที่เข้ามาขัดจังหวะด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก “คุณเซบที่เคยดีลธุรกิจกับนาย ตอนนี้ได้ขอยุติการดีลธุรกิจทั้งหมดไปแล้วครับ”“งั้นเหรอ?” เขาไม่ได้ตกใจที่เซบขอยกเลิกการทำธุรกิจร่วมกัน เพราะไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ใครจะอยู่หรือไปก็ช่างหัวมัน เขาไม่เคยอ้อนวอนขอให้ใครอยู่ ถ้าให้เดา เซบ คงถูก เจย์สัน ดึงตัวไปอย่างแน่นอน อะไรที่เป็นของเขา…เจย์สันมันชอบแย่ง ไม่ต่างจากหมาจรจัดหิวโซที่ชอบแย่งข้าวคนอื่นกินเจย์สัน คือศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขา มันเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากจิ้งจอก เรื่องแสดงละครสวมหน้ากากเป็นคนดีและโยนบทตัวร้ายให้เขา นั่นแหละคือสิ่งที่มันถนัด “ดูเหมือนคุณเซบ ก็น่าจะถูกเจย์สันดึงตัวไปอีกเหมือนคนอื่นๆ”“ถ้ามันอยากได้ก็ให้มันไป” เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะเสียดายอะไรแบบนี้ เจย์สันมันทำแบบนั้นเพราะอยากเอาชนะเขา “นิสัยชอบแย่งของคนอื่นแบบมัน ก็ได้แค่แย่งเท่านั้นแหละ” พูดจบ เขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมาดื่ม หวังให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ช่วยขจัดอารมณ์หงุดหงิดที่คนสนิททำเสียไปก่อนหน้านี้ให้ลดน้อยลง จมูกยังคงจดจำกลิ่นหอมหวานของยูริ แม้เธอจะไม่ได้
“นั่งสิ…นั่งลงข้างๆ ฉัน” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยกับหญิงสาว ในขณะที่สายตาจ้องมองปานจะกลืนกิน ยูริยิ้ม และหย่อนตัวนั่งลงข้างกายมาร์ลิกซ์โดยเว้นระยะห่างเอาไว้เล็กน้อย มือเล็กวางไว้บนหน้าตักตัวเอง ด้วยความที่กระโปรงสั้นอยู่แล้ว เวลานั่งชายกระโปรงจึงเลิกขึ้นจนเกือบมองเห็นชั้นในที่สวมใส่ โชคดีที่ใส่ถุงน่องสีดำทับเอาไว้จึงยากที่จะมองเห็น และอีกทั้งห้องนี้ก็ไม่ได้สว่างมากด้วยพรึ่บ“???” เธอทำหน้างง เมื่อมาร์ลิกซ์นำสูทสีดำของเขาที่พาดอยู่ข้างหลังมาวางบนตักเธอ พอเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาก็ไม่พูดอะไร หันไปพูดคุยกับผู้ชายที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันต่อ ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เพราะภาษาที่ใช้เป็นภาษาอังกฤษผสมกับจีน พอเข้าใจภาษาอังกฤษอยู่บ้างแต่ไม่ทั้งหมด“ไม่ดื่มเหรอ?” เสียงเข้มเอ่ยถามข้างใบหู ยูริที่นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวก็สะดุ้งโหยงและหันไปมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่ ใบหน้าอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนสามารถมองเห็นกันและกันผ่านนัยน์ตาของอีกฝั่ง “ดื่มสิ” มาร์ลิกซ์ยื่นแก้วเครื่องดื่มให้หญิงสาว เธอรับมาและยิ้มขอบคุณ ไม่กล้าพูดออกเสียงเพราะกลัวมาร์ลิกซ์จำเธอได้ แววตาที่เขามองเธอไม่ต่างอะไรจากสัตว์ป่าดุร้า
“ที่นี่บ้านคุณเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามมาร์ลิกซ์ที่เดินนำอยู่ข้างหน้า สายตาพลางกวาดมองไปรอบๆ สถานที่แปลกใหม่สวยงามดูหรูหรา แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายของความมีอำนาจแฝงอยู่ เดาว่าคงเป็นบ้านเขาแหละ เพราะมีรูปเขาและครอบครัวติดบนผนัง “ใช่” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในลิฟต์ที่ใช้ขึ้นไปข้างบนชั้นสาม ซึ่งเป็นโซนส่วนตัวของเขาโดยเฉพาะ บอกตามตรงว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวยูริ ปั่นป่วนอารมณ์ปรารถนาของเขาได้ดีไม่น้อย แถมชุดที่เธอสวมใส่ยังมีส่วนทำให้อารมณ์ความต้องการในกายเขาเพิ่มขึ้นอีกด้วย คืนนี้เธอไม่โชคดีเหมือนคืนนั้นแน่!“บ้านคุณมาร์ลิกซ์สวยจังเลยนะคะ” บ้านเขาสวยจนเธออดชมออกมาตรงๆ ไม่ได้ “ไปหยิบเหล้าที่อยู่ตรงนั้นมาให้ฉัน” “ดะ…ได้ค่ะ” เธอเดินไปหยิบเครื่องดื่มตามที่เขาบอกมา โดยมีหลายยี่ห้อมาก ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งนั้น เขาไม่ได้บอกว่าต้องการแบบไหน เธอจึงหยิบยี่ห้อที่เขาชอบดื่มเป็นประจำมา และเดินกลับไปหาเขาซึ่งนั่งรออยู่ตรงโซฟา เบื้องหน้าเขาคือประตูเชื่อมออกไปยังสระว่ายน้ำ “ให้ยูริรินให้เลยไหมคะ?”“นั่นมันหน้าที่ ที่เธอต้องทำอยู่แล้ว” ยูริไม่พูดอะไร เริ่มเทแอลกอฮอล์ลงแก้วให้มาร์ลิกซ์หล
“ครางชื่อฉันแบบนี้ สงสัยอยากโดนฉันเอาแรงๆ”ปึก! ปึก! ปึก!!“อ๊ะๆๆๆ ระ…แรงเกินไปรึเปล่าคะ อึก! อื๊อๆ!” แรงกระแทกจากมาร์ลิกซ์ทำให้ประโยคที่ยูริพูดออกมาดังอย่างกระท่อนกระแท่น เสียงเนื้อกระทบกันดังระงมไปทั่วห้องนอนประสานเสียงครางทั้งสองคน “ซี๊ดดด เสียวฉิบ”เพี๊ยะ!“อ๊ะ!!” เธอสะดุ้งและร้องเสียงหลงทันทีที่ฝ่ามือหนาของเขาปะทะลงแก้มก้นจนรู้สึกแสบคัน เธอกำหมอนใบใหญ่แน่นเพื่อระบายความรู้สึกทรมาน ความเสียวซ่านแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย นี่เป็นครั้งแรกที่มีเซ็กซ์กับผู้ชาย แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็น…เจ้านายเธออีกด้วย แก่นกายขนาดใหญ่ครูดเสียดไปมากับร่องรักคับแคบจนหญิงสาวรู้สึกแสบคัน จุก และเสียวซ่านในเวลาเดียวกัน แม้พยายามบอกเขาเบาลงกว่านี้ แต่เหมือนยิ่งบอก เขาก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปึก! ปึก! ปึก!“อ๊ะ อ๊า~” “ครางออกมาซี๊ดดด อย่างนั้นแหละ ฉันชอบเสียงครางหวานๆ ของเธอยูริ” เสียงกระเส่าดังคลอเคลียร์ข้างใบหูยูริ ริมฝีปากหยักได้รูปขบเม้มตามต้นคอจนเป็นรอยรักสีช้ำ ปกติเขาไม่เคยฝากรอยพวกนี้ไว้บนร่างกายผู้หญิง แต่สำหรับยูริ เขาไม่อาจห้ามใจให้ทำไว้ไม่ได้จริงๆ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขา…แทบเป็นบ้า
เธอเดินกะเผลกออกมาจากห้องน้ำในเสื้อคลุมสีดำตัวเดิมหลังจากอาบน้ำเสร็จ ส่วนมาร์ลิกซ์ไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอถือโอกาสที่เขาไม่อยู่เดินสำรวจห้องนอน โดยมีผ้าม่านสีดำบดบังแสงแดดจากข้างนอกเพื่อไม่ให้ส่องเข้ามาภายในได้ และมันอดทำให้เธอนึกถึงแวมไพร์ไม่ได้ เพราะว่าแวมไพร์กลัวแสงแดด“คุณมาร์ลิกซ์ตอนเด็กเหรอเนี่ย…” ปากเล็กพึมพำคนเดียว หลังจากหยิบกรอบรูปที่วางอยู่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปเด็กผู้ชายในชุดโรงเรียนนานาชาติยืนทำท่าเก๊กหล่ออยู่ขึ้นมาดู เขามีรังสีความอันตรายฉายออกมาตั้งเด็กเลยเหรอเนี่ย เพราะขนาดเธอดูรูปเขาตอนเด็กๆ ยังรู้สึกเลยว่าเขาดูน่ากลัวไม่ต่างจากปัจจุบัน “แต่ว่าตอนเด็กดูเป็นคนดีมากกว่าตอนนี้เยอะ “กำลังนินทาฉันอยู่เหรอ” เฮือก! เธอสะดุ้งเฮือก เมื่อเสียงเข้มของมาร์ลิกซ์ดังขึ้นมาจากข้างหลัง รีบวางกรอบรูปเขาตอนเด็กลงที่เดิมและหมุนตัวกลับไปหาเขาพร้อมยิ้มแห้งให้ “มาเงียบๆ ไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะคะ” ดีนะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเขาออกไปเยอะ “มะ…มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงปิดประตูเลย” เขาเดินผ่านประตูเข้ามาเหรอ? หรือหายตัวเข้ามา? เพราะเธอไม่ได้ยินเสียงเปิดหรือปิดประตูจริงๆ หรือมั
เธอนั่งถอนหายใจออกมาเบาๆ บนรถหรูราคาแพงหลายล้านของมาร์ลิกซ์ ซึ่งเขาให้คนขับรถของเขามาส่งเธอที่บ้าน ระหว่างทางกลับก็พลางนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปด้วย เธอก้มมองเช็คเงินสดในมือที่มาร์ลิกซ์เขียนให้จำนวนหนึ่งล้านบาท เงินจำนวนนี้ถือว่าเยอะมากสำหรับเธอ หากแต่มันกลับน้อยนิดสำหรับเขา ‘เธอต้องย้ายมาอยู่กับฉันที่นี่ เป็นเวลา3เดือน’เรื่องนี้เธอคิดหนักมากว่าจะเอายังไงดี เพราะมาร์ลิกซ์ต้องการให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยในระหว่างทำหน้าที่ ‘ผู้หญิงบนเตียง’ ให้เขาเป็นเวลาสามเดือน เธอจะบอกครอบครัวยังไง เขาไม่ยอมให้เธอคิดและตัดสินใจเอง เพราะเขาพูดและตัดสินใจแทนเธอเองหมดทุกอย่างแล้ว“จอดหน้าปากซอยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเดินเข้าไปเอง” เธอบอกคนขับรถของมาร์ลิกซ์ ขืนให้ขับไปส่งถึงหน้าบ้าน มีหวังพ่อกับน้องแตกตื่นแน่ “นายให้ส่งถึงบ้าน”“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากทุกคนที่บ้านสงสัย” เธอบอกเหตุผลเขา สุดท้ายคนขับรถของมาร์ลิกซ์ก็ยอมจอดให้ แต่ขับเข้ามาแล้วเกือบถึงหน้าบ้านเธอ เธอกล่าวขอบคุณก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมา ทว่าตอนนั้นกลับเป็นจังหวะที่โรมันเดินเอาขยะออกมาทิ้งหน้าบ้านและเห็นเธอเข้าพอดี แบบนี้เธอจะอธิบายกับน้องชายยังไง “นั่
“กลับบ้านดีๆ นะยูริ” “พี่โอปอลล์เหมือนกันนะคะ” เธอบอกโอปอล์เพื่อนร่วมงานกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตั้งท่าเตรียมเดินออกจากไนต์คลับ ทว่าสองเท้ากลับหยุดชะงักลงเมื่อมีความรู้สึกว่า เหมือนเธอลืมอะไรบางอย่าง “รู้สึกเหมือนลืมอะไรสักอย่าง…” ปากเล็กพึมพำเบาๆ พยายามนึกแต่นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเธอลืมอะไร เธอเลิกคิดแล้วเดินออกจากไนต์คลับเพื่อกลับบ้าน ตอนนี้ดึกแล้ว และเธอก็เหนื่อยมากด้วย กึกก!ทันทีที่เดินออกมาข้างนอกไนต์คลับ เธอก็หยุดชะงักลงอีกครั้งเมื่อสายตาปะทะเข้ากับมาร์ลิกซ์ที่กำลังยืนกอดอกพิงรถหรูสีดำอยู่เบื้องหน้า แค่เห็นเขาเท่านั้นแหละ ก็เริ่มนึกออกว่าไอ้ความรู้สึกที่เหมือนลืมอะไรสักอย่างคืออะไรมาหาฉันที่ห้องทำงาน ตอนนี้ ใช่! ก่อนหน้านี้มาร์ลิกซ์บอกให้เธอไปหาเขาอยู่ห้องทำงาน แต่เธอไม่ได้ไปเพราะโดนเพื่อนร่วมงานลากตัวไปช่วยงานทางอื่นก่อน ตอนนี้เขายืนมองเธอด้วยแววตาไร้อารมณ์และยากคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมเขาดูน่ากลัวจัง เธอพูดคนเดียวในใจ เขาคงไม่พอใจเรื่องที่เธอไม่ได้ไปหา เธอแกล้งทำเมินเฉยใส่เขา เดินเลี่ยงออกไปทางอื่น อีกอย่างไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองด้วยว่าเขามาดักรอเธอ เดินไปได้เพียงไม่กี่
@Mar.L Club“เห็นคุณมาร์ลิกซ์ไหม?” ยูริเดินเข้าไปถามควินต์ที่เพิ่งคุยกับพนักงานในคาสิโนเสร็จ“นายอยู่กับคุณเซบาสเตียนที่ห้องVIPครับ”“ใครคือคุณเซบาสเตียนเหรอคะ?” “นักธุรกิจจากฮ่องกงครับ และเป็นลูกค้ารายใหญ่ของนาย วันนี้คุณเซบาสเตียนมาหานายที่คาสิโน นายเลยต้องไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนเขาน่ะครับ”“อ๋อ ขอบคุณนะคะ”“ครับ นายฝากให้ผมดูแลคุณยูริ ถ้าต้องการอะไรเรียกหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”“ค่ะ” เธอตอบควินต์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปสูดอากาศอยู่มุมหนึ่งของคาสิโนซึ่งเป็นจุดชมวิว สายลมที่พัดผ่านทำให้เธอรู้สึกเย็นสบายมากไม่น้อย ทว่าการมาของใครบางคนมันทำให้บรรยากาศดีๆ ตอนนี้เสียไปอย่างดื้อๆ“มุมนี้ก็เป็นมุมโปรดของฉันเหมือนกัน”“…” เธอไม่ได้พูดอะไรกับอีกฝ่าย แอบลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เมลดามาทำอะไรที่คาสิโนมาร์ลิกซ์อีกหมู่นี้เมลดามาหาแฟนของเธอบ่อยๆ โดยอ้างเสมอว่ามาคุยเรื่องธุรกิจ มาร์ลิกซ์ปฏิเสธไปหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ จะให้เขาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับครอบครัวตัวเองให้ได้ หากเธอเป็นเมลดาคงไม่กล้ามาอีก เพราะโดนปฏิเสธครั้งเดียวมันก็ทำให้อายจนไม่กล้าสู้หน้าอีกแล้ว“ฉันมาหามาร์ทน่ะ แต่เขาดันติดแขกคนสำคั
“ทำข้าวต้มมาให้ค่ะ” เจย์สันนั่งพิงหัวเตียงมองแวนด้าที่ยกข้าวต้มมาให้ ตอนนี้กลับมารักษาตัวอยู่บ้านโดยมีแวนด้าตามมาดูแล ตอนแรกเธอไม่ยอมมา แต่เจย์สันขอยูริให้ช่วยพูดจนสุดท้ายแวนด้าก็ยอมมาดูแล หญิงสาวเดินไปเปิดผ้าม่านสีดำออกจนแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอน “ทำไมไม่กินล่ะคะ” เธอหันไปถามเจย์สันหลังจากเปิดผ้าม่านออกเสร็จแล้ว “ข้าวต้มนั่นแวนด้าทำเองนะคะ ไม่ได้บอกแม่ครัวทำ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะอร่อยถูกปากพี่ไหม”“พี่ยังไม่ค่อยหิว”“แต่พี่ต้องกินยานะคะ”“ไม่เป็นไร กินยาเลยก็ได้” เธอมองเขาอย่างรูัทัน เจย์สันมักใช้แผนการนี้เพื่อให้เธอป้อนข้าว อ้างทุกวันว่าไม่ค่อยหิว แต่พอเธอป้อนก็กินจนหมดเกลี้ยง วันนี้ก็คงอยากให้เธอป้อนข้าวอีกเช่นเคย“ถ้าแวนด้าป้อนพี่จะกินไหม?”“กิน” เขาตอบอย่างไม่ลังเล แวนด้าเดินมานั่งลงข้างๆ หยิบถาดที่มีถ้วยข้าวต้มมาวางไว้บนตักตัวเอง เจย์สันลอบยิ้มอย่างพอใจ เพราะอยากให้แวนด้าป้อนข้าวทุกวันจึงต้องใช้แผนการแบบนี้กับเธอ “พี่ชอบข้าวต้มฝีมือเรา ทำให้กินแบบนี้ทุกวันเลยได้ไหม”“ถ้าไม่อร่อยก็พูดมาตรงๆ เถอะค่ะ ไม่ต้องทำเหมือนอร่อย”“อร่อยจริงๆ อร่อยจนพี่…ติดใจ” หัวใจดวงน้อย
“นายเรียกหาผม มีธุระอะไรเหรอครับ” ควินต์เดินเข้ามาหาเจ้านายที่นั่งไขว้ห้างดูงานบนไอแพดอยู่โซฟาในห้องนั่งเล่น มาร์ลิกซ์ขยับริมฝีปากพูดโดยสายตายังคงมองงานตรงหน้า“เลื่อนประชุมของบ่ายวันนี้ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด”“ทำไมเหรอครับ?” ควินต์เลิกคิ้วขึ้นสูงและเอ่ยถาม ประชุมบ่ายนี้สำคัญมากแต่เจ้านายกลับเลื่อนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด“เมียกูไม่สบาย กูไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียว” เขาเงยหน้าตอบควินต์ เมื่อคืนยูริคลื่นไส้อาเจียนเกือบทั้งคืนจนไม่ได้นอน แถมเมื่อเช้ายังเป็นอีกตั้งหลายรอบ มิหนำซ้ำเมื่อเช้ายังกินอะไรไม่ได้ บอกว่าจะพาไปหาหมอก็ดื้อไม่ยอมไป พอโดนบังคับกลับงอนใส่จนป่านนี้ยังไม่คุยกับเขาเลย เป็นห่วงก็เป็นห่วง แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเธอไม่ยอม และเขาก็ไม่อยากบังคับเธอมากด้วย “ให้ผมเรียกหมอมาดูอาการไหมครับ?”“เมื่อเช้ากูบอกว่าจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมไป ตอนนี้งอนกูหนักมากจนไม่ยอมคุยกับกู” รอบนี้งอนเขาหนักมาก เอาของกินไปง้อก็ไม่สำเร็จ พยายามง้อทุกวิถีทาง ขอโทษก็แล้ว แต่เธอไม่ยอมหายงอนง่ายๆ ตอนนี้เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ“มึงเคยมีแฟนมาก่อน เวลาแฟนมึงงอนหนักๆ มึงง้อยังไง?”“ผมก็ไม่รู้ว่าวิธีของผมจะทำให้นายง้อค
วันต่อมา“อื้อ…” เจย์สันเริ่มส่งเสียงดังในลำคอออกมาเบาๆ หลังจากนอนไม่ได้สติมาหลายอาทิตย์ แวนด้าที่ฟุบหลับอยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงครางในลำคอ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้น “พี่เจย์สัน…” เธอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมทั้งยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดเขาก็ฟื้นสักที เจย์สันนอนมองแวนด้านิ่งๆ เพราะเธอคือคนแรกที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วเจอ ความรู้สึกแรกที่วิ่งปราดเข้ามาเล่นงานหลังจากฟื้นก็คือ ความปวดร้าวตามร่างกายและบาดแผลบริเวณที่ถูกยิง “แวนด้าจะไปบอกคุณมาร์ลิกซ์ตามหมอมาดูอาการพี่เจย์สันนะคะ”หมับ!เจย์สันคว้าแขนแวนด้าไว้ ทำให้หญิงสาวชะงักและหันกลับไปมองเจ้าของการกระทำดังกล่าว“คะ?”“เราอยู่เฝ้าพี่เหรอ” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ใช่ค่ะ เดี๋ยวมานะคะ ขอไปบอกคุณมาร์ลิกซ์ก่อนว่าพี่เจย์สันฟื้นแล้ว” เธอดึงมือเขาออกและเดินออกไปจากห้องพักฟื้นของเจย์สัน เพื่อบอกมาร์ลิกซ์เรียกหมอมาดูอาการของเขา บอกตามตรงว่าเธอตื่นเต้นและดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ผ่านไปไม่นานหมอก็มาดูอาการเจย์สันโดยมีแวนด้า มาร์ลิกซ์ และยูริยืนดูอยู่ห่างๆ เมื่อหมอรายงานทุกอย่าง
“อดีตรักแรกตามมาถึงที่ขนาดนี้ น่าจะอยู่คุยต่ออีกสักหน่อยนะคะ” คำพูดและน้ำเสียงเชิงประชดประชันทำให้มาร์ลิกซ์ที่กำลังยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มชะงักและหันไปมองแฟนสาวซึ่งยืนกอดอกมองมายังตัวเองด้วยสายตาไม่พอใจ “เมลดามาคุยเรื่องธุรกิจ ฉันไม่ชอบ ฉันก็ปฏิเสธไปตรงๆ จะนั่งคุยกันยืดเยื้อให้เสียเวลาทำไม”“แต่ดูเหมือนคุณเมลดาเขาอยากคุยกับคุณมาร์ลิกซ์ต่อนะคะ”“หึงเหรอ?”“ลองมาเป็นหนูดูไหม ใครบ้างจะไม่หึง”มาร์ลิกซ์อมยิ้ม ก่อนจะวางแก้วเหล้าลงเคาน์เตอร์บาร์และเดินเข้าไปกอดแฟนสาวที่กำลังยืนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ “เมลดาคืออดีตที่ผ่านมาแล้ว ส่วนคนนี้…คือปัจจุบัน และอนาคต” ฟอดด“อื๊อ!! มาหอมแก้มหนูทำไม” เธอยกมือขึ้นมากุมแก้มข้างที่โดนเขาหอมไปเมื่อกี้“เดี๋ยวนี้หวงตัวเหรอหืม หอมนิดหอมหน่อยไม่ได้?” “หนูไม่ได้หวงตัวสักหน่อย” “แต่ว่ากำลังงอน?”“เปล่า…” “โกหกผัวตัวเองมากๆ ระวังจมูกยื่นยาวออกมาเหมือนพีน็อคคีโอนะ”“หนูก็แค่ไม่ชอบที่คุณเมลดามาหาแฟนของหนู ยังไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศยังมาหาถึงที่ขนาดนี้ ถ้าหนูไม่อยู่แล้วคงมาหาแฟนหนูทุกวัน!”“พบเด็กขึ้หึง1อัตรา”“ปล่อยหนูเลย ไม่อยากคุยกับคุณเล่า!” “อย่างอแงสิ ขอกอดหน่
“คุณมาร์ลิกซ์อยากมีลูกเหรอคะ?”“ใช่ ฉันอยากมีลูกกับเธอหรือเธอยังไม่พร้อมมีลูก?““หนูก็อยากมีค่ะ แต่ว่า…ยังไม่อยากมีตอนนี้”“ทำไม?” มาร์ลิกซ์ถามขึ้นหลังจากเงียบไปสองนาน “หนูเข้าใจคุณมาร์ลิกซ์นะคะ แต่ว่าหนูเองก็…อยากเรียนต่อเหมือนกัน” เธอเริ่มเปิดใจคุยกับเขาตรงๆ “แม่ของหนูถามว่า หนูอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศไหม และหนูยังไม่ได้ให้คำตอบแม่ แต่ลึกๆ แล้วหนูก็อยากเรียนต่อเหมือนกัน หนูอยากลองสัมผัสชีวิตในรั้วมหา’ลัยดูสักครั้ง” ที่ผ่านมาเธอไม่เคยสัมผัสชีวิตของการเป็นนักศึกษาเลย เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว เธอก็ไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป “คุณมาร์ลิกซ์…”“งั้นก็หมายความว่าเราต้องห่างกันน่ะสิ” “ห่างไม่นานเดี๋ยวก็เจอกันค่ะ”มาร์ลิกซ์ถอนหายใจออกมาและเบือนหน้ามองไปทางอื่น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้ยูริไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะมันทำให้ทั้งคู่ต้องห่างกัน“ฉันไม่อยากให้เธอไป เรียนที่ไทยก็ได้นิ”“หนูอยากลองไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่อื่นดูบ้าง ไม่กี่ปีเอง ถ้าปิดเทอมแล้วหนูก็บินกลับมาหาคุณมาร์ลิกซ์ที่ไทยเหมือนเดิมไงคะ หรือถ้าคิดถึงหนู คุณมาร์ลิกซ์บินไปหาหนูที่นั่นก็ได้”เขาสัมผัสได้ว่ายูริอยากไปเรียนต่
“ถ้ายังไม่เข็ดกับการท้าทาย เดี๋ยวคืนนี้จะทำให้จำไม่ลืม” น้ำเสียงเย็นเยียบที่เปล่งออกมาพลอยทำให้คนฟังรู้สึกขนลุกซู่ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนออกจากกกหูหญิงสาวมายังซอกคอระหง กลิ่นหอมหวานคุ้นเคยที่สูดดมเข้ามาเริ่มปลุกปั่นอารมณ์กำหนัด ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดลงต้นคอทำหัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นส่ำ “จะทำตอนนี้เลยเหรอคะ?”“ฉันไม่ไหวแล้ว…” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น ตรงกลางกายมันปวดหนึบจนรู้สึกทรมาน ทางเดียวที่จะช่วยทำให้ดีขึ้นก็คือต้องปลดปล่อยเท่านั้น“ไว้วันหลังได้ไหมคะ วันนี้คุณมาร์ลิกซ์เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว หนูอยากให้…” คำพูดของเธอกลืนหายไปกับรสจูบแสนร้อนแรง เขาไม่รอให้เธอพูดจบ บดคลึงจูบลงมาโดยไม่เว้นช่องว่างให้เธอได้หายใจหายคอกันเลย“ฉันไม่สน เพราะฉันจะเอาเธอวันนี้” เขาลากยูริเดินไปยังโซฟาสีดำ ก่อนจะผลักเธอลงแล้วทำการถอดกางเกงสีเข้มออก เหลือไว้เพียงเสื้อเชิ้ตสีดำตัวเดียว มือใหญ่เลื่อนลงไปชัดรูดแก่นกายขนาดใหญ่ผองขยายเต็มแน่นเตรียมพร้อมสำหรับการมีเซ็กซ์สองสามครั้ง จากนั้นโน้มตัวลงไปถอดกางเกงยูริออกจนส่วนล่างเปลือยเปล่า จากนั้นสอดใส่ความใหญ่โตเข้าไปอย่างรวดเร็ว สวบบบ “อื๊อ!!!” ความเสียวซ่านวิ่งปรา
“แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกความจริงอะไรให้ลูกฟังเลย แม่เองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ต้องปิดบังลูกกับโรมัน” สีหน้าเรญาแสดงอย่างเห็นได้ชัดว่ารู้สึกผิดที่ต้องปิดบังความจริงจากลูกสาวว่าตัวเองคือแม่แท้ๆ “แม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดบังหนูกับน้องคะ?” เธออยากรู้เหตุผลของแม่มาก ว่าปิดบังเรื่องใหญ่แบบนี้ไว้ทำไม“เพราะความปลอดภัยของลูกกับโรมันไง แม่ถึงเลือกทำแบบนี้ แม่ปิดบังตัวตนของพวกลูกให้พ้นจากนาธาร์ แม่อยากรอให้เรื่องทุกอย่างมันผ่านพ้นไปด้วยดีก่อน แล้วค่อยเข้ามาสารภาพความจริงกับลูกทีหลัง แต่ลูกดันรู้ความจริงซะก่อน”“…” ถ้าถามว่าโกรธแม่ไหม บอกตรงๆ ว่าไม่โกรธ ที่แม่ทำไปทั้งหมดเพราะมีเหตุผล และทำลงไปก็เพื่อความปลอดภัยของเธอกับโรมัน แม้หลายปีที่ผ่านมาถูกพ่อปลูกฝังมาโดยตลอดว่าแม่ตายแล้ว ทว่าตอนนี้เหมือนเธอได้เกิดใหม่มาเจอแม่อีกครั้ง ไม่โกรธที่แม่ทำแบบนี้ แต่ดีใจมากกว่าที่แม่กลับมา“โกรธแม่มากไหมยูริ” เรญาเลื่อนมือไปวางมือลูกสาวพร้อมเอ่ยถาม“ดีใจมากกว่าอีกที่ได้แม่คืนมา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มองคนเป็นแม่ผ่านม่านน้ำตาคลอ“หนูคิดถึงแม่มากเลยรู้ไหมคะ ฝันถึงแม่ทุกคืน คิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ของแม่ด้วยเหมือน
มาร์ลิกซ์จับมือพายูริวิ่งออกจากโกดังทะลุมาถึงท่าเรือโดยมีนาธาร์และลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งตามมาติดๆ ปัง!นาธาร์ยกปืนยิงสะกัดเพื่อไม่ให้มาร์ลิกซ์หนีไปได้ มาเฟียหนุ่มจับยูริไปไว้หลังตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้กระสุนปืนจะหมดแล้วแต่ใจยังสู้อยู่ สายตาคมเข้มมองนาธาร์ที่กำลังยกปืนเล็งมายังตัวเองพร้อมกับสาวเท้าเดินเข้ามาหาเรื่อยๆ“มึงคิดว่าจะหนีพ้นเหรอ” นาธาร์ยิ้มเหี้ยม ตอนนี้มาร์ลิกซ์กำลังจนมุมไม่มีทางหนีรวมถึงไม่มีอาวุธในมือด้วย นั่นจึงทำให้นาธาร์มองว่าตัวเองกำลังได้เปรียบอีกฝ่าย“ทางเดียวที่มึงกับคนรักจะหนีจากที่นี่ไปได้ ก็คือความตายเท่านั้น”ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นห่วงตัวเองเลยสักนิด เพราะคนที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดก็คือยูริ “ถ้าอยากฆ่ากูก็ปล่อยยูริไป และฆ่ากูแค่คนเดียวพอ”“หึ คงจะรักกันมากสินะ ถึงขนาดยอมตายแทนกันได้ ก็ดี จะได้ส่งไปลงนรกพร้อมกันทั้งมึง แฟนมึง แล้วก็…แม่ของแฟนมึง!”สิ้นคำพูดของนาธาร์ เจย์สันก็จับเรญาโยนลงพื้นอย่างไม่มีคำว่าอ่อนโยน ยูริเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปประคองคนเป็นแม่ด้วยความเป็นห่วง “แม่เจ็บตรงไหนไหม…” เพราะความเป็นห่วงแม่มาก จึงทำให้เธอเผลอหลุดปากเรียกเรญาว่า ‘แม่’ และดูเหมือนอีกฝ่