บทที่ 4 ~ เมียบำเรอ
แอร์ในรถเย็นฉ่ำขณะที่วิ่งออกนอกตัวอำเภอขึ้นบนเขาเพื่อกลับไปยังไร่
“นี่ไม่คิดจะพูดอะไรสักคำหรือไง”
ศศินาเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินน้ำเสียงหยอกเย้าของคนด้านข้าง
“พ่อเลี้ยงบอกว่ามีเรื่องต้องคุย”
เธอพลันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศในรถที่เปลี่ยนไป มีเสียงลมหายใจกระชั้นขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงต่ำ
“เดือนรู้หรือเปล่าว่าไร่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว”
“ได้ยังไง?”
มีแววตระหนกในน้ำเสียงของศศินา ใบหน้าหวานจ้องเขารอคอยคำตอบ
“ไร่ของเดือนแทบไม่ได้ทำกำไรในช่วงปีหลัง ๆ แล้วผู้จัดการไร่ก็ยักยอกหอบเงินหนี จนป่านนี้ยังตามจับตัวไม่ได้”
ศศินาไม่ได้ทำหน้าประหลาด เรื่องพวกนี้เธอพอทราบอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างไร
“พ่อเลี้ยงตาสอบตกสองสมัย แต่ยังใช้เงินมือเติบเหมือนเมื่อก่อน”
ศศินาผินหน้ากลับไปมองทางที่มืดสนิทนาน ๆ ทีจึงจะมีรถแล่นสวนผ่านสักคัน
“นั่นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ฉันพอทราบแล้วว่าพ่อขัดสนเรื่องเงินทองบ้าง แต่มันไม่น่าจะทำให้ถึงขนาดต้องขายไร่”
พันแสงเหลือบมองสาวน้อยที่นั่งด้านข้างรถ ใบหน้าหวานมีแววกังวลใจ เขารู้ว่าไร่เดือนฉายสำคัญต่อเธอมากเพราะเป็นไร่ของแม่เธอ ไร่ที่ตกทอดมาจากฝั่งตระกูลจิตกูร แต่แม่ของเธอเลือกคู่ชีวิตผิด พ่อเลี้ยงตาหลังจากที่ได้ไร่สมใจก็ไม่เหลียวแลแม่และลูกสาวอีกเลย โดยเฉพาะศศินาที่ถูกทิ้งขวางมาโดยตลอด
“เมื่อเลือกตั้งปีที่แล้ว พ่อเลี้ยงตาต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อเสียง จึงเอาไร่มาจำนำไว้กับฉัน”
นี่สินะสิ่งที่เขากำลังจะบอก
คงไม่มีเรื่องประหลาดใจใดในชีวิตอีกแล้ว ศศินานิ่งคิด ตลอดหลายปีแม้ว่าเธอไม่ได้กลับมาที่ไร่แห่งนี้ แต่เธอรู้ว่าเขาได้จัดการฟื้นตัวเองขึ้นจากการเกือบล้มละลายเมื่อหกปีก่อนได้อย่างสง่างาม การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทำให้พ่อของเธอไม่พอใจมาก
อารมณ์ขุ่นเคืองจากการรุกคืบของไร่ข้างเคียงทำให้เขาโทรศัพท์มาระบายความโกรธกับเธอหลายครั้ง และตลอดเวลาเอาแต่ด่าทอเจ้าของไร่ข้างเคียง ที่ตอนนี้กลายเป็นพ่อเลี้ยงพันแสงแล้ว
“ก่อนที่พ่อเลี้ยงตาจะเกิดอุบัติเหตุได้นำสร้อยเก่าแก่มาจำนำไว้อีกหนึ่งเส้น”
ประโยคนี้เรียกความสนใจของศศินาได้อย่างรุนแรง เธอจำได้ว่าสร้อยทับทิมสยามเก่าแก่ที่ตกทอดมาตั้งแต่ครั้งต้นตระกูลครั้งยังเป็นเจ้าเมือง เก็บไว้ที่เซฟของธนาคารเป็นอย่างดีและต้องเป็นเธอเท่านั้นถึงจะเปิดนำออกมาได้
ดวงตากลมโตดั่งกวางตื่นตระหนกจ้องมองนายพรานที่กำลังล่า มือแกร่งบังคับพวกมาลัยเลี้ยวเข้าทางลงเนินเพื่อเข้าสู่พื้นป่าและกำลังจะผ่านเนินเขาไร่ชาเขียวที่เธอเห็นเมื่อเช้า
เขาตลบรถลงจอดริมถนนลูกรังเพื่อจ้องตอบ แววตาเย็นชาดำมืดสนิทใต้ปีกของคิ้วเรียวอย่างชายแท้ จมูกโด่งโค้งงุ้มสวยรับไปกับริมฝีปากหนากว้าง แนวเคราครึ้มเป็นรอยตลอดกรามแกร่งจรดปรายคางและหนวดบาง ๆ ด้านบนริมฝีปาก
“นั่นมันสร้อยของแม่ฉัน” เสียงเล็กดั่งเสียงกระซิบค่อยเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงบางอย่าง
พันแสงใส่เบรกมือเพื่อจะหันความสนใจมาที่สาวร่างเล็กด้านข้างทั้งหมด ใบหน้างามแดงก่ำโกรธกรุ่นแม้ดวงตาจะมีแววหวาดระแวงและตื่นตระหนก
“ใช่ ตอนนี้สร้อยเส้นนั้นและไร่ทั้งหมดอยู่ในมือของฉัน ศศินา”
ดวงหน้าหวานเรียวเล็กอวบอิ่มมีน้ำมีนวลดั่งสตรี งามเปล่งปลั่งส่องประกายท่ามกลางความมือในรถที่มีเพียงแสงจากแผงควบคุมรถ ริมฝีปากแดงระเรื่อธรรมชาติเผยอค้าง ศศินากำลังค้นหาเสียงของตัวเองเพื่อเอ่ยคำถามที่แม้แต่ตัวเองก็กลัวคำตอบ
“คุณต้องการอะไร พ่อเลี้ยงพันแสง”
“ฉันต้องการเธอ ศศินา ฉันต้องการให้เธอมาเป็นเมียของฉัน”
ร่างเล็กผงะออกเบา ๆ เล็กน้อยก่อนจะตั้งสติได้ จ้องมองเขาไม่หลบสายตาพร้อมส่ายหน้า
“มันเป็นไปไม่ได้พ่อเลี้ยง เราไม่เหมาะสมกัน ถ้าจะให้ฉันแต่งงานแล้วต้องอยู่กับคุณไปตลอด..นั่น ”
เธอเห็นมุมปากของพ่อเลี้ยงพันแสงยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหุบลง ดวงตาคมกริบหลุบลงกวาดไปทั่วร่างบอบบางของเธอแล้วตวัดขึ้นสบสายตากลมโต
“มันไม่ใช่การแต่งงานศศินา ฉันต้องการเธอบนเตียงนอนของฉัน ต้องการมาโดยตลอด และเธอต้องทำทุกอย่างให้ฉันมีความสุข เธอจะต้องมอบร่างกายที่สวยงามนี้ให้ฉันโดยไม่เกี่ยงงอนไม่ว่าเวลาไหน”
“พะ พ่อเลี้ยงหมายความว่า พ่อเลี้ยงต้องการให้ฉันไปเป็นเมียเก็บ เป็นเมียที่คอยทำหน้าที่บำเรอคุณอย่างเดียว?”
น้ำเสียงตระหนกตกใจพร้อมกายสาวที่แข็งตึงดั่งคันธนู ร่างเล็กตึงเครียดราวกับสัตว์ตัวน้อยที่ถูกนายพรานป่าเถื่อนออกล่า คอยระแวงระวังหาทางหนี
ศศินามองมือใหญ่อันหยาบกร้านจากการทำงานหนักยื่นออกมา เขาปัดปอยผมสีน้ำตาลคาราเมลออกจากปลายคางแล้วทาบมือไปตามลำคอโค้งมน รวบต้นคอเธอไว้แล้วใช้นิ้วโป้งดันปลายคางเธอขึ้นให้จ้องเขาตอบ พันแสงโน้มใบหน้าแกร่งลงมาหาเธอใกล้จนเธอได้กลิ่นลมหายใจ กลิ่นกายชายผสมโคโลญจน์ กลิ่นบุหรี่
จมูกโด่งคมสันของพ่อเลี้ยงบานออก สูดดมกลิ่นกายสาวตรงหน้าดั่งพ่อม้าเจอคู่ กายแกร่งขยับไหวใต้เข็มขัดตั้งแต่เขาเห็นเธอบนศาลา ดวงตากลมโตคู่นี้ตามหลอกหลอนเขามาตลอดหกปี ช่างเป็นเวลาที่ยาวนาน และตอนนี้หมดเวลาสำหรับเธอแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เธอหนีหายไปไหนอีก
ความต้องการครอบครองเป็นเจ้าของทำให้เขาต้องสูดลมหายใจสะกดกลั้นอาการกระโจนเข้าใส่ร่างเธอไว้ เขาจะทำให้เธอยอมจำนนทุกอย่าง ทุกวิถีทาง และเตียงนอนคือภาพที่เขาวาดไว้ในใจกับเธอ
“ใช่ ศศินา ฉันต้องการให้เธอมาเป็นเมียบำเรอของฉัน”
บทที่ 5 ~ ทดลองสินค้า“พ่อเลี้ยงพันแสงหมายความว่ายังไง”นัยน์ตาสีดำกรอกไหวกวาดไปทั่วใบหน้าแกร่งยามพันแสงถอยตัวออกกลับไปหลังพวงมาลัยเพื่อบังคับรถออกจากข้างทาง“หมายความตามนั้นทุกคำศศินา”หลังจากที่หายตกตะลึงศศินาพลันได้สติคืนกลับมา ใบหน้าแดงก่ำกรุ่นโกรธ เธอโดนหยามเหยียดศักดิ์ศรี เขาเพียงต้องการแก้แค้นพ่อของเธอ พูดออกไปน้ำเสียงกดต่ำ“ฉันขอปฏิเสธข้อเสนอของพ่อเลี้ยง”เธอได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยในลำคอแกร่ง สังเกตเห็นมือที่กุมหลังพวงมาลัยผ่อนคลายเหมือนว่ากำลังพูดเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ข้างทาง ผิดไปจากร่างเล็กของเธอที่แผ่นหลังเหยียดตึงทุกวินาที“มันไม่ใช่ข้อเสนอศศินา ถ้าปฏิเสธก็เตรียมตัวย้ายออกไปจากบ้านหลังนั้นได้เลย อีกอย่าง”ศศินาหันมองพ่อเลี้ยงเต็มตา เสียงทุ้มเว้นจังหวะห่างทำให้เธอต้องการรู้“สร้อยทับทิมมันค่อนข้างเฉย ฉันก็เลยว่าจะรื้อมันเสียหน่อย ตั้งใจว่าจะเอาไปทำแหวนหมั้นให้ว่าที่แม่เลี้ยงของไร่ชัยสงคราม”“คุณทำอย่างนั้นไม่ได้! มันเป็นสร้อยของแม่ฉัน”ศศินาเปล่งเสียงตะวาดหักห้ามอารมณ์ไม่อยู่ ลมหายใจกระชั้นขึ้นและมือเริ่มชื้นเหงื่อ ท่ามกลางความมืดในรถทำให้เธอไม่เห็นรอยยิ้มมุมปากอย่
บทที่ 6 ~ ลูกบ่าวอก“โยมมาเถอะ”ศศินาเดินตามหลวงพ่อไปยังเมรุเผาศพ มองสัปปะเหรอกำลังลากแผ่นสังกะสีออกมาจากใต้ถุนเมรุยามเช้ามืดของภาคเหนืออากาศเย็นจัดจนเธอต้องสวมเสื้อกันหนาวทับอีกตัว เธอมองกองขี้เถ้าของคนร่างสูงใหญ่อย่างพ่อเลี้ยงตาที่เหลือไว้เพียงก้อนกระดูกไม่กี่ชิ้น“โยมเลือกเลย เอาที่เป็นก้อนใหญ่สักหน่อยนะ แล้วนี่จะลอยอังคารหรือเก็บไว้ล่ะ”“ลอยอังคารค่ะหลวงพ่อ”ศศินานั่งยอง ๆ ลงข้างสังกะสีที่เย็นตัวลงแล้ว เธอใช้ไม้เขี่ย ๆ เลือกหยิบชิ้นกระดูกของพ่อเลี้ยงตาวางไว้บนผ้าขาวบางที่หลวงพ่อช่วยปูไว้ให้“เท่านี้พอแล้วค่ะหลวงพ่อ”“เอาล่ะ งั้นก็ห่อแล้วสวดสักหน่อยนะโยม”ศศินามองมือเหี่ยวย่นของหลวงพ่อโรยกลีบดอกดาวเรืองบนเถ้ากระดูกพรมน้ำมนต์แล้วผูกผ้าขาวบางห่อเถ้ากระดูกไว้ข้างใน เธอพนมมือขึ้นเมื่อหลวงพ่อเริ่มสวดแผ่เมตตา“เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว คุณก็นำท่านไปทำบุญเช้าเสียก่อนแล้วค่อยจัดการต่อ”ศศินากราบบนพื้นสามครั้งรอจนกระทั่งหลวงพ่อเดินห่างไปจึงลุกขึ้นยืนพร้อมห่อผ้าในมือในศาลาวันนี้มีคนมาถวายมื้อเช้ากันแล้ว เธอเดินขึ้นไปบนศาลาเห็นคณะที่มาทำบุญจำนวนสามสี่คนกำลังเรียงจานอาหารเป็นวง ๆ คนทั้งหมดหันมองเธ
บทที่ 7 ~ พี่แสงมือบางยังถือผ้าห่อกระดูก นิ้วลูบไปตามเนื้อผ้าดิบสีขาวเนียนเรียบใช้ความคิดเร็ว ๆ นี้เขาจะมาขอคำตอบว่าเธอจะทำตามข้อตกลงเพื่อเป็นเมียเก็บของเขาหรือเปล่า แลกกับสร้อยทับทิมและไร่เดือนฉายถ้าพ่อเลี้ยงพันแสงมีคนที่หมายปองให้ขึ้นเป็นแม่เลี้ยงอยู่แล้ว นั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีก็เป็นได้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนจะยังเก็บเมียบำเรอไว้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองใกล้จะแต่งงานระหว่างทางกลับไร่เธอมองไปยังหุบเขาของไร่ชัยสงคราม ยังจดจำวันเฉลิมฉลองที่เขาจบดุษฎีบัณฑิตเกษตรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคเหนือ มีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเกลื่อนไปทั้งใบหน้าคมเข้ม วันที่เธอโดนเฆี่ยนจากพ่อเลี้ยงตา“พ่ออุ๊ยคำคะ รบกวนจอดตรงห้วยบะต่อม[1]ให้เดือนหน่อยนะคะ”พ่ออุ๊ยคำใคร่ประหลาดใจ ห้วยบะต่อมเป็นห้วยเล็ก ๆ ผ่านทางเข้าไร่ ที่ต้นทางไหลมาจากไร่ชัยสงคราม เขาจอดรถลงเข้าข้างทางให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาช่วยคุณหนูเปิดประตูรถกระบะคันเก่าศศินาประคองห่อผ้าเถ้ากระดูกในมือเดินไปยังลำห้วยข้างหน้า ลำห้วยยามหน้าหนาวมีน้ำน้อยและใสจนเห็นก้อนหินกรวดใหญ่เล็กก้นห้วย เธอถอดรองส้นเตี้ยสีดำข้างลำห้วยก่อนจะย่ำลงไปในลำน้ำเย็นเยียบ“คุณหนู!”เสียง
บทที่ 8 ~ พ่อเลี้ยงเธอฝันไป!ร่างเล็กบอบบางโผเผลุกจากเตียงเพื่อไปดื่มน้ำยังโต๊ะเล็ก ก่อนจะเดินไปยังหน้าต่างข้างเตียง ความมืดมิดยามราตรีในไร่ของภาคเหนือแสนมืดสนิทจนมองเห็นดาวพร่างพรายบนท้องฟ้าผิดไปจากเมืองกรุงที่เธอจากมาคงเพราะการกลับมาบ้านทำให้เธอฝันถึงอดีตที่เธออยากจะลืม เพราะสุดท้ายแม่ของเธอก็ได้จากไปหลังจากนั้นไม่กี่วันที่โรงพยาบาล มะเร็งลำไส้คร่าชีวิตของแม่เธอไป แม่ไม่เจ็บปวดอีกแล้วและเมื่อเธอโตขึ้น เธอจึงรู้ว่าถ้าพ่อของเธอพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลดีทันสมัย แม่ของเธออาจจะมีชีวิตรอดพี่แสง อ้ายแสง หรือพ่อเลี้ยงพันแสง ในเมื่อเขาต้องการให้เธอเป็นเมียบำเรอของเขา เธอก็จะยอมทำตาม แม้ว่าไม่มีข้ออ้างเรื่องสร้อยทับทิมหรือไร่ที่พ่อได้จำนำไว้ แต่เพื่อเขา ขอเพียงเขาเอ่ยออกมาเธอก็ยอมทำให้ทั้งสิ้นอากาศยามค่ำของภาคเหนือในหุบเขาไร่ชัยสงคราม เย็นเยียบและเงียบสงัด มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไร สัตว์ที่ออกหากินยามค่ำคืนพันแสงยังคงนั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านเรือนไม้หลังใหญ่ชั้นสองที่เขาสร้างใหม่ทดแทนหลังเดิมเมื่อสองปีก่อน เขาทอดสายตาไปไกลมองไร่ชาเขียวที่เขาสร้างขึ้นใหม่กับมือ เขาลงแรงไปไม่น้อยในช่วงสองปีนี
บทที่ 9 ~ ข่าวลือ“แม่อุ๊คะ รบกวนให้พ่ออุ๊ยคำพาเดือนเข้าตัวอำเภอหน่อยค่ะ”แม่อุ๊ละมือจากงานบ้านที่กำลังทำอยู่ เหลียวหลังกลับไปมองเห็นคุณหนูกำลังเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน“ได้ค่ะ เดี๋ยวแม่อุ๊ไปเรียกให้ จะไปไหนหรือคะคุณหนู”ศศินาเดินมานั่งตรงแปลญวนใต้ถุนบ้านที่ตอนนี้พื้นดินได้เทปูนทับไปหมดแล้ว“ค่ะ ไปธุระนิดหน่อยค่ะ อ้อเดือนอยากจะถามแม่อุ๊ค่ะ พ่อได้ให้เงินเดือนแม่อุ๊บ้างไหมคะ”ร่างอวบท้วมนั่งตรงเก้าอี้ไม้ไม่ห่างจากแปลญวนมากนัก รอยยิ้มแห้งปรากฎบนใบหน้าหญิงสูงวัย“ยังให้บ้างค่ะคุณหนูไม่มากเท่าไร แต่คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงแม่อุ๊หรอกค่ะ แม่อุ๊อยู่บ้านมีลูกหลานดูแล ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง”“ไม่ได้หรอกค่ะแม่อุ๊ แม่อุ๊กับพ่ออุ๊ยคำทำงานให้เดือน เดือนต้องจ่ายค่าตอบแทน เดี๋ยวยังไงเดือนจะจ่ายทุกต้นเดือนนะคะ”“คุณหนู อันที่จริงงานที่บ้านไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่ปัดกวาด ซักผ้า ทำกับข้าวก็เท่านั้น ส่วนงานในไร่ก็ไม่มีแล้ว”“เอาตามที่เดือนบอกนั่นละค่ะ เดือนถึงจะสบายใจ รบกวนแม่อุ๊ไปตามพ่ออุ๊ยคำให้เดือนหน่อยนะคะ เดือนจะต้องไปแล้วประเดี๋ยวจะกลับมืดสะเปล่า ๆ”“ค่ะคุณหนู”ศศินามองแม่อุ๊หญิงสูงวัยอวบท้วมเดินลั
บทที่ 10 ~ คงใกล้ถึงเวลาพันแสงเดินหงุดหงิดอยู่ใต้ถุนบ้านในไร่เดือนฉายมาสักพักแล้ว กว่าเขาจะเสร็จงานในไร่และแวะเข้าบ้านเพื่อทานข้าวเย็นกับแม่ก็ปาไปเกือบทุ่มแต่นี่อะไร พอเขามาถึงที่ไร่เดือยฉายกลับเจอบ้านว่างเปล่า มีเพียงแสงไฟที่เปิดทิ้งไว้ โรงจอดรถว่างเปล่าทำให้เขารู้ว่าเดี๋ยวเธอคงจะกลับมาเขาควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ ยืนพิงเสากลมใต้ถุนบ้านทอดมองไปยังทางเข้าไร่โดยหวังว่าจะมีแสงไฟจากรถให้เห็น แต่ไม่เลยพันแสงคีบบุหรี่ในมือพ่นควันออก เขาแทบไม่เคยมาที่บ้านหลังนี้ ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกเขาไม่เคยมาบ้านหลังนี้เลยต่างหากยกเว้นมาส่งศศินาเมื่อหลายวันก่อนเขาสูดควันเข้าเต็มปอดแล้วปล่อยออกช้า ๆ ให้ควันลอยจางหายไปในอากาศ ที่จริงเขาเคยเลิกมันได้เมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่พอเกิดเรื่องไฟไหม้ไร่ยาสูบ เขาจึงได้กลับมาติดมันอีกครั้ง และมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาผ่อนคลายจากการทำงานหนักเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงพันแสงดีดบุหรี่ทิ้งเมื่อเห็นแสงไฟจากรถยนต์วิ่งแล่นมาตามทางแต่ไกล เขาจ้องมองและรอคอยจนกระทั่งรถกระบะหยุดลงที่ลานหน้าบ้านก่อนที่หญิงสาวร่างเล็กจะลงมาจากรถ ศศินาก้มคุยบางอย่างกับคนขับแล้วกระบะคันนั้นก็ขับออก
บทที่ 11* ~ ทั้งคืนร่างเล็กบางเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เห็นพ่อเลี้ยงยืนสูบบุหรี่ตรงหน้าต่างห้อง เขาดีดบุหรี่ทิ้งทันทีเมื่อเธอเข้ามา“เธอมีผ้าเช็ดตัวอีกผืนไหมศศินา ฉันอยากจะอาบน้ำเหมือนกัน”ศศินากลับไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวสำรองออกมาส่งให้เขา พ่อเลี้ยงพันแสงรับไปและเดินออกไปจากห้องนอนเธอนั่งลงที่โต๊ะกระจกหวีผมสีน้ำตาลทำสียาวเลยบ่าไปเล็กน้อย ร่างบางสั่นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอกำลังจะทำศศินานึกไปถึงวันนั้น วันที่เขาได้รับดุษฎีบัณฑิต งานเลี้ยงฉลองเลยเถิดจนดึกเกินไปพันแสงขับรถเพื่อพาเธอไปส่งที่ไร่ ชายหนุ่มมีอาการเมาเล็กน้อยจากการดื่มฉลอง เธอได้กลิ่นและรับรู้รสชาติแอลกอฮอล์จากริมฝีปากหนาที่บดลงมาอย่างกระหายไม่ปิดบังเขาจอดรถตรงที่ริมห้วยระหว่างกลางของสองไร่ และเริ่มดึงเธอเข้าไปใกล้ สาวน้อยที่มีใจให้เขาพลันชุ่มชื้นตอบสนองอย่างสาวแรกรัก เธอปล่อยให้เขารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวด้านล่างด้วยมือไม่มีใครต้านทานแรงพิศวาสที่มีให้กันได้ รถกระบะคันเก่าเล็กแต่ยังพอมีพื้นที่ให้สองร่างกอดก่าย เขาวางร่างบางของเธอไว้บนเบาะ ชะโงกร่างสูงเกร็งข้างบนเธอสาวแรกรุ่นยังไม่ทันได้
บทที่ 12 ~ NC**ศศินาพลันตกตะลึงเมื่อพันแสงทำสิ่งที่พูดไว้ทันที ร่างใหญ่โน้มลงกลางหว่างขาที่เธอพยายามถอยหนี ดวงตาเบิกกว้างใช้มือดันศีรษะเขา“อย่านะ ไม่ได้ มัน พ่อเลี้ยง!”พันแสงเหลือบมองเธอผ่านเนินเนื้อที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาคมกริบหรี่ปรือลงและหิวกระหาย เขาจดจ้องมองเธอ แลบลิ้นใหญ่ยาวออกมาตวัดลากจากล่างขึ้นบนกายสาวพลันร่างสะท้าน ลิ้นสากยังลากขึ้นตวัดเอาน้ำปากทางติดลิ้นสากขึ้นมา เธอเห็นสายตาแห่งชัยชนะของเขาที่จดจ้องเธอขณะโลมลิ้นตวัดร่องงามมือใหญ่เลื่อนมาจับต้นขาเรียวเล็กดันขึ้นให้พับไปด้านหน้าจนชนอกอิ่ม ลิ้นสากตวัดเลียน้ำหวานเอ่อล้นไหลออก กลีบบางสีสดสวยยังปิดมิดจนเขาต้องออกแรงลิ้นแทรกเข้าแหวกออกแล้วตวัด น้ำฉ่ำรสชาติของสาวใต้ร่างหวานล้ำเคลือบลิ้นยามเขาลากขึ้นร่างน้อยสะท้านเฮือก เขาใช้นิ้วหยาบหนาแหวกกลีบออกแล้วสอดนิ้วเข้าไป“อ่า พ่อเลี้ยง อา”ร่างใหญ่โตแทรกตัวกลางหว่างขาเรียวขาวเนียนลออ นิ้วใหญ่เปิดสอดใส่เข้าร่องรักฉ่ำน้ำ หงายมือขึ้นให้ปลายนิ้วสัมผัสปุ่มกระสันข้างในแล้วเริ่มชักถี่ศศินาพยายามดิ้นหนีความปวดร้าวที่กำลังตีขึ้น ร่องรักเธอหน่วงรวดร้าวบางอย่างและเมื่อเขาลงลิ้นบนเม็ดเล็ก ๆ ตรงก
บทพิเศษ 2ใจดวงเล็กทั้งตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้นปะปนคละเคล้ากันไป กายสาวสั่นระริกไปทั่วร่าง สัมผัสแปลกใหม่ทำสาวแรกรุ่นใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งอยากรู้อยากลอง ต้องการเป็นของเขาทั้งตัวทั้งใจ ยินยอมขยับต้นขาเปิดออกให้ปลายนิ้วแทรกลงกลางไรขนอ่อนนุ่มราวผ้าไหม“เดือน อ่า นุ่มมือมาก”หน้าเข้มขยับเลื่อนขึ้นซอกคอสูดกลิ่นกายสาวดูดขบเม้มเนื้ออ่อนใกล้จุดชีพจรแสนอ่อนไหวตรงฐานลำคอนิ้วสัมผัสกายสาวฉ่ำชื้นแทรกลงตรงกลางกลีบแหวกออก ส่งนิ้วชี้ลูบไล้จนกระทั่งพบเม็ดเล็กกลางร่องงาม ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นยามเขากดลงแรงคลึงเม็ด“เดือนจ๋า คนดี พี่ขอได้ไหม”สาวน้อยไร้ประสบการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่พันแสงถาม เธอเอียงหน้าไปอีกทางยามเขาซุกไซ้ลำคอ มือแกร่งด้านล่างยังล้วงลึก อีกมือกอบกุมทรวงงามบีบเคล้นลงแรงเต็มมือ ร่างเล็กนอนระทวยทำได้เพียงแอ่นร่างรับไฟพิศวาสส่งเสียงครางในลำคอ กระทั่งนิ้วของคนด้านบนเริ่มสอดใส่เข้าไปทางร่องรักจึงได้รู้สึกตัว“พี่แสง อ่า ไม่ได้นะ อื้อ อ่า อย่า อย่าสอดนิ้วเข้าไป”เสียงห้ามปรามแผ่วเบาปนกระเส่า น้ำหวานเอ่อล้นสวนทางกลับเสียงร้องทักท้วง นิ้วยาวเรียวส่งเข้าทาง แม้ว่าไม่ถนัดถนี่นักแต่ยังพอเข้าไปได้“โอ้! เด
บทพิเศษ 1หกปีที่แล้ว“มา ๆ หนูเดือน มากินกัน”ศศินารีบวิ่งนำพันแสงมาจากทางเนินเขาหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงคุณน้าระพีร้องเรียกแต่ไกล“พี่แสง เร็ว ๆ สิ เดือนหิวแล้วนะ”เสียงหัวเราะหวานใสบนใบหน้าของเด็กสาววัยสิบเจ็ด พวงแก้มยุ้ยออกเล็กน้อยด้วยโฮร์โมนวัยรุ่น ผมเลยติ่งหูแต่ไม่ประบ่าพันแสงมองตามร่างเล็กในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งลายสก็อตสีแดงตัวเก่งที่ศศินาชอบสวม เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนเสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินหยอกล้อไปกับเสียงหวานใสผสมผสานเสียงของลมหนาวที่กำลังพัดผ่าน นำกลิ่นใบยาสูบที่บ่มอยู่ในโรงบ่มกำจายโดยรอบบ้านไม้สองชั้นกลางไร่ยาสูบชัยสงคราม“ค่อยเดินสิ ประเดี๋ยวก็ล้ม”“ไม่หรอกค่ะ ฮ่า ฮ่า เร็วสิ พี่แสงเดินอย่างกับคนแก่”“พี่ไม่ใช่คนแก่สักหน่อย”ศศินาหยุดแล้วหันหลังกลับมายืนเท้าสะเอวมองตรงไปทางร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มผิดไปจากคนเหนือทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มใส่ในกางเกงยีนส์คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลธรรมดา สวมรองเท้าบูธสำหรับใส่ในไร่สีดำ ผมยุ่งเหยิงจากแรงลมที่พัดไปมารอบตัว ดวงตาสีนิลจ้องตอบเธอเปล่งประกายเจิดจ้ามีความสุขวันนี้พันแสงเรียนจบปริญญาโทดั่งที่ตั้งใจไว้ เขากลับมาอยู่บ้านเพื่
บทที่ 30 ~ จบบริบูรณ์พันแสงหยุดรถกลางทางมองศศินาที่หันจ้องหน้าเขาแววตาสงสัย หน้าคมเข้มยิ้มกว้างยกมือเล็กขึ้นจูบ“วันนี้คนที่บ้านเยอะหน่อยนะ”“อะไรนะคะ คนอะไรกันคะ คนงาน?”พันแสงหัวเราะเบา ๆ ชะโงกหน้าจูบปากหวานจิ้มลิ้มแล้วถอยห่างออกมา“เราจะไปไร่ชัยสงครามกัน”“อ้าว ทำไมคะ เดือนจะกลับบ้านนะ”พ่อเลี้ยงปล่อยมือสาวร่างเล็ก หันไปขับรถต่อแต่เลี้ยวเข้าทางไร่ชัยสงครามปล่อยให้ศศินามึนงงสงสัย กระทั่งเข้ามาถึงปากทางเข้าบ้านจึงเห็นลานบ้านมีแต่โต๊ะงานเลี้ยงและเวทีเล็ก ๆ กลางลาน“มีงานเหรอคะ งานอะไรกัน”ศศินาชะเง้อมองคนงานที่กำลังทำอาหารกันวุ่นวาย มีแขกมาบ้างแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ“งานแต่งงาน”“หื้อ งานแต่งงานใครคะ”ศศินาเอี้ยวใบหน้าหวานคมกลับมาที่พันแสง เห็นสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มไม่พูดอะไรแล้วลงจากรถไปเธอรอให้เขาอุ้มร่างเล็กลงรถแล้วประคองเธอเดินตัดผ่านลานบ้านไปยังตีนบันไดขึ้นบ้าน“มากันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาว”ศศินาทวนคำในใจ เจ้าบ่าวเจ้าสาว เธอมองบนบ้านห้อยทั้งสายสิญจน์และดอกไม้ประดับประดาเต็มเรือน“ไปห้องพี่ก่อน”ศศินาถูกจูงมือแม้เธอจะยังเหลียวหลังมองข้าวของบนเรือน ทั้งบายศรี และยังพานพุ่มดอกไม้เธอก้า
บทที่ 29 ~ ได้โปรดพันแสงขับรถด้วยความเร็วลงเนินเขา ใจเต้นโครมครามเมื่อนึกถึงใบหน้างาม เขามีเรื่องจะบอกเธอ คำพูดที่เขาติดค้างเธอไว้เมื่อหกปีก่อนชายหนุ่มลดความลงเร็วเมื่อถึงโค้งหักศอกใกล้ตีนเขา สังเกตเห็นรถมูลนิธิข้างทางและรถของฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อีกฝั่งเป็นรถหกล้อบรรทุกรวงข้าวคงกำลังเร่งเพื่อไปให้ทันโรงสีปิดจนเกิดเหตุเขาชะลอรถเพื่อดูรถของผู้เสียหาย แสงอาทิตย์ยามเย็นพาดผ่านเหลี่ยมเขาแมกไม้เป็นเงาทอดยาวสีทองส่องไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่“ไม่ ไม่ ไม่!!”“เอี๊ยด!!”เขาตบพวงมาลัยเข้าข้างทางกะทันหัน ลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังรถเกิดเหตุอย่า! ขอเถอะ! อย่าเป็นอย่างที่เขาคิด อย่า! ได้โปรด!ช่วงเวลาช่างยาวนานในระหว่างที่เขากระโดดก้าวข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม หัวใจเต้นถี่รัวและบีบรัดแน่น ช่องท้องมวนขึ้นตีจนจุกถึงลิ้นปี่“ป้อเลี้ยง! มาทำอะไรครับ เดี๋ยวครับ”พันแสงไม่ฟังเสียงห้าม เขาแหวกคนมูลนิธิเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เห็นร่างเล็กในรถ“เธออยู่นี่ครับ”พันแสงมองหน้าคนมูลนิธิ สติยังไม่กลับคืนมา เขามึนจนแยกไม่ออกว่าเสียงที่พูดหมายถึงอะไร“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง รู้จักคนในรถเหรอครับ”หน้าคม
บทที่ 28 ~ พราวพิลาสมือใหญ่ยังตัดขนมสาคูไส้หมูออกเป็นสองชิ้นก่อนจะใช้ส้อมเล็กจิ้มเข้าปากตามด้วยพริกเม็ดใหญ่และผักสด มองหน้าแม่รอคำถามต่อไป“เรื่องหนูเดือน”“ครับหนูเดือน”“เขาลือว่าเห็นลูกจูบกันกับหนูเดือนที่หน้าร้านเบเกอรี่ที่หนูเดือนเป็นเจ้าของ จริงหรือเปล่า”“ครับ จริง”เขาจิ้มสาคูชิ้นที่เหลือเข้าปากตามด้วยพริกสดและผัก“ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเคย แล้วยังไงครับ”“กะ ก็ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมแม่ไม่รู้”เขาวางส้อมลงแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะวางแก้วน้ำลง“ก็ประมาณสามเดือนครับแม่ ตั้งแต่เดือนกลับมางานศพพ่อเลี้ยงตา”ระพีสะดุ้งตกใจ สามเดือนนั้นมันถือว่านานพอสมควร แล้วลูกชายของเธอก็ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด“ตอนนี้ผมกับเดือน เรา เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันแล้วครับแม่”“ได้ยังไง ก็ ก็ลูกอยู่บ้านตลอด”“ผมจะไปเฉพาะช่วงกลางคืนแล้วค่อยกลับมานอนบ้านครับ”“แสง!!”ระพีร้องอุทาน เธอนึกถึงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดร่างเล็กที่เธอเห็นครั้งสุดท้ายในวันเพลิงไหม้ มือเล็กของศศินาประคองร่างเธอไว้ไม่ให้ล้มโดยที่พันแสงยืนชี้หน้าเด็กสาวคนนั้น“แสง แสงบอกแม่สิว่า แสงไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากจะแก้แค้น”พันแ
บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ“แม่อุ๊”แม่อุ๊ร่างท้วมวางไม้กวาดทางมะพร้าวพิงไว้กับเสาบ้าน เดินไปหาพ่อเลี้ยงพันแสงที่ยืนเสียงอยู่ตรงตีนบันได“เจ้า ป้อเลี้ยง”“ฉันมีเรื่องจะถาม”พันแสงเดินลงมุดเข้าใต้ถุนบ้านที่เตี้ยเกินไปสำหรับเขานั่งลงบนแคร่ไม้ข้างใต้บทที่“ป้อเลี้ยงจะถามหยั่งข้าเจ้า”“เรื่องรอยบนหลังของเดือน”แม่อุ๊สะดุ้งจ้องหน้าเข้มดุเอาเรื่อง นึกสงสัยพ่อเลี้ยงเห็นรอยแผลของคุณหนูได้ยังไง“คุณหนูบ่หื้อผู้ใด๋อู้”“แต่แม่อุ๊ต้องพูด”ร่างท้วมเหลียวมองไปบนบ้านยังได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำแล้วจึงหันกลับมาหาพ่อเลี้ยง“ก็เมื่อปี๋นั้นคืนที่ฉลองงานรับปริญญา ป้อเลี้ยงจำได้ก๋า”พันแสงพยักหน้า เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเขาพาสาวน้อยแวะเข้าข้างทางแล้วทำให้เธอต้องเสียสาวเป็นครั้งแรก“ป้อเลี้ยงมาส่งเปิ้นสะค่อนดึ๋ก ป้อเลี้ยงตาเกี้ยดนั่ก[1] เจ๊า[2]มาหื้อคนงานมัดคุณหนูกับเสาพู้น”พันแสงมองตามมือแม่อุ๊ไปที่เสากลมหน้าสุดของใต้ถุนบ้าน หน้าคมเข้มเริ่มเปลี่ยนสี“มัด?”“เจ้า เปิ้นสั่งคนงานมาหันเปิ้นลงแส้ แฮงนั่ก ตะโกนลั่น หื้อจำไว้บ่าต้องแอ่วบ้านป้อเลี้ยงอีก ไม่งั้นเปิ้นจะเผาไฟไร่ชัยสงคราม โอ้ย!ป้อเลี้ย
บทที่ 26 ~ ร่องรอยพันแสงเดินผ่านร่างอวบท้วมสูงวัยตามศศินาขึ้นบนบ้านทิ้งให้คนแก่วิ่งตามขาขวิด“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง”ร่างสูงหยุดเมื่อถึงกลางโถงหันกลับมาส่งสายตาคมดุจนแม่อุ๊ชะงักร่างยืนนิ่ง“ไม่ต้องขึ้นมา รอข้างล่าง”เขาเดินตามศศินาเข้าไปห้องนอนเล็กห้องเดิมกระแทกประตูตามหลัง“พี่แสงตามเดือนเข้ามาทำไมคะ เราหมดเรื่องคุยกันแล้ว”พันแสงกระชากข้อศอกให้ศศินาหันกลับมาสู้หน้าเขา ดวงตากลมโตโกรธขึ้งปนหวาดระแวง“เดือนกลัวอะไร”“เปล่า เดือนไม่ได้กลัวอะไร ปล่อยสิค่ะ”ศศินาบิดข้อศอกออกเดินไปยังมุมห้องเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเตรียมตัวไปอาบน้ำ“เดือนจะไปอาบน้ำ พี่แสงถอยไป”พันแสงขยับร่างขวางหน้ากั้นระหว่างร่างบางและประตูไม้เมื่อศศินาทำท่าจะเดินออกนอกห้อง“ถอดชุดออกสิ”ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น เธอแหงนหน้าเกือบตั้งบ่าถลึงตาใส่พ่อเลี้ยงจอมบงการ“เดือนจะไปถอดในห้องน้ำ ถอยออกไปพี่แสง”อารมณ์สาวร่างเล็กกว่าเดือดขึ้นเช่นกัน ตะวาดเสียงหวานใส่หน้าพ่อเลี้ยงไม่กริ่งเกรง“จุ๊ ๆ ๆ ตั้งแต่เรียกพี่แสงเต็มปากก็ดุเป็นหมาขึ้นมาทันที”เท้าบางเริ่มซอยถอยหลังเมื่อร่างสูงย่ำเบา ๆ เดินหน้าจนแผ่นหลังบอบบางชิดขอบโต๊ะเล็ก เขาดึงผ้า
บทที่ 25 ~ คราวหน้าพันแสงนิ่งรอปล่อยให้น้ำกามสีขาวถูกรีดจนหมดจึงถอดกายออก ยึดตัวขึ้นมองหญิงสาวที่ยังนอนอ้าขาเพราะถูกมัด น้ำร่องงามและน้ำของเขาไหลปะปนลงสู่เบาะ พันแสงจึงเอื้อมมือไปหยิบกระดาษอเนกประสงค์สำเร็จรูปจากช่องเก็บของตรงกลาง“ปล่อยเดือนก่อนสิ”“อย่าเพิ่ง พี่จะเช็ดให้ก่อน”ศศินาแม้จะเคยรสรักแต่นี่มันกลางแจ้งทั้งขาก็เปิดอ้าออกกว้าง เธอรู้สึกใคร่สะเทิ้นอายเขาเช็ดตรงเนินสวาทที่น้ำไหลเปื้อน ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยร้องครางเบา ๆ“แค่นี้ก็เสียวแล้วคนสวย”ศศินาจ้องพันแสงเข่นเขี้ยว ส่วนชายหนุ่มกำลังก้มหน้าเช็คน้ำให้เธออย่างตั้งใจ“พี่แสงพูดว่าจะไม่ปล่อยเดือนหมายความว่ายังไง”“ฮื้อ ก็ตามนั้น เดือนเป็นเมียพี่ จะให้พี่ปล่อยเดือนไปได้ยังไง”“ก็แค่เมียบำเรอเท่านั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”มือแกร่งเริ่มหนักมือตามแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น เขาหยุดก่อนที่จะทำให้ความสาวของเธอช้ำ จ้องหน้าสาวน้อยที่นอนอ้าขาสู้ตาเขา“ไม่มีทาง เป็นเมียก็คือเมีย ไม่มีแบ่งหรอกว่าจะเป็นเมียบำเรอหรือเมียอะไร”“แล้วคุณพราวพิลาศ”“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”“แต่คนในอำเภอ..”“เดือนหึง?”“เปล๊า”ศศินาเงียบเสียงลงทันทีเมื่อเรื่องชักจะ
บทที่ 24 ~ NC ***มือแหวกกลีบออกดูเห็นน้ำเริ่มไหลออกมา กลิ่นอิสตรีโชยโรยริน เขาแหย่นิ้วเข้าหมุนวนช้า ๆ หงายมือสอดใส่“ก่อนที่พี่จะเอาแสงน้อยเสียบร่องของเดือน เราจะเล่นถามตอบกัน”“อือ อา พ่อเลี้ยง”“กฎคือเมื่อพี่ถามเดือนต้องตอบ ถ้าเดือนไม่ตอบจะโดนลงโทษ”พันแสงเพิ่มนิ้วไปสองนิ้วสอดข้างในเขี่ยปุ่มกระสันจนศศินาร้องลั่น“อือ อือ ตกลง พอ ๆ ก่อน”เสียงกระเส่าปนครางร้องลั่น เธอหุบขาลงไม่ได้เพราะพันแสงยังจับอีกข้างไว้ เขาหยุดนิ้วแล้วเคลื่อนไหวช้า ๆ แทน“เปิดร้านมากี่เดือนแล้ว”ดวงตาแข็งกร้าวไม่ผ่อนปรนจ้องตากลมโตดั่งกวาง ศศินาร้องบอกเสียงกระเส่า“สามเดือนค่ะ อือ พ่อเลี้ยง ไหนว่าไม่ทำโทษ”มุมปากยักขึ้นนิดหน่อยก่อนจะบึ้งตึงเหมือนเดิม นิ้วสอดเร็วเขี่ยข้างในที่อ่อนนุ่ม“ลืมบอกไป ถ้าเดือนตอบคำถามจะได้รางวัลเช่นกัน”เธอบิดขาพยายามจะให้พ้นแรงจับของมือแกร่ง เขายังกำแน่นไม่ปล่อย“คำถามต่อไป ทำไมไม่บอกพี่เรื่องเปิดร้าน”ศศินาเม้มปากนิ่งสะบัดหน้าหนีแต่นิ้วมือร้ายช่างช่ำชอง เขาดันอีกแล้วขยี้เม็ดร่อง“โอ๊ย พ่อเลี้ยง พอ ๆ อือ อือ”พันแสงไม่หยุด เขารอจนกว่าศศินาจะตอบ มองมือตรงเนินอูม นิ้วมือสีเข้มตัดกับผิวขา