บทที่ 75เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น แม่เลี้ยงลักษิกากับธรินดาต่างต้องตื่นแต่เช้าเพื่อให้ช่างแต่งหน้าทำผม ขณะที่ปราณต์ไม่ค่อยอะไรมากเพราะเป็นผู้ชายบวกกับเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดีอยู่แล้ว จึงแค่แต่งตัวด้วยชุดสูทสุภาพและเซตผมแค่นิดๆ หน่อยๆ เขาก็หล่อเหลาพอจะทำหน้าที่เป็นพี่ชายเจ้าบ่าวในวันสำคัญเช่นนี้ได้แล้ว เมื่อทั้งสามลงมายังชั้นล่าง ปรัชญ์ก็ทำให้ทุกคนแปลกใจไม่น้อย เพราะร่างสูงยืนรออยู่หน้าบันไดอยู่ก่อนแล้ว ทว่ากลับยังไม่ได้สวมชุดเจ้าบ่าวแต่อย่างใด สีหน้าและแววตาของเขาเคร่งขรึมเช่นเดียวกับเย็นเมื่อวาน แต่ดูเหมือนจะมากกว่าด้วยซ้ำในสายตาคนมอง“ทำไมถึงยังไม่แต่งตัวล่ะตาปรัชญ์ ถึงจะเช้าอยู่ก็เถอะ แต่เราก็ต้องเผื่อเวลารถติดด้วยสิลูก” คนเป็นแม่ถามและเร่งอยู่ในที“ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับแม่” ปรัชญ์ตอบกลับมาด้วยเสียงเรียบๆ ทว่าฟังดูเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก จนแม่เลี้ยงลักษิกาเริ่มมีลางสังหรณ์แปลกๆ เมื่อทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของลูกชายคนเล็กชวนให้หายใจไม่ทั่วท้อง นางรู้ดีว่ายามใดที่ปรัชญ์เป็นแบบนี้ นั่นหมายความว่าเขาจริงจังมาก“เรื่องอะไร สำคัญมากไหม ถ้าไม่สำคัญ เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม”“เป็นเรื่
บทที่ 76พิธีแห่ขันหมากเริ่มขึ้นตามกำหนดเดิม งานแต่งงานยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีปัญหาอะไร คนที่มาร่วมงานวันนี้ต่างมีสีหน้าชื่นมื่น เพื่อนของอดีตเจ้าบ่าวและเจ้าบ่าวคนปัจจุบันต่างมากันครบ ทั้งรังสิมันต์ กวินภพ และศาสตราซึ่งเป็นลูกชายของแม่เลี้ยงแสงหล้าและเป็นเพื่อนสนิทของปราณต์ด้วย รังสิมันต์และกวินภพไม่แปลกใจนักเมื่อรู้ว่าปราณต์จะแต่งงานแทนปรัชญ์ เพราะก่อนหน้านี้เห็นกับตาและได้ยินกับหูมาแล้ว ปรัชญ์ประกาศชัดว่าธรินดาคือเมียของเขา และปรัชญ์ก็ออกอาการหึงหวงธรินดาอย่างรุนแรงตอนที่มีผู้ชายอื่นมาตอแย ทว่าแขกที่มาร่วมงานอย่างคับคั่งทั้งญาติฝ่ายเจ้าบ่าวกลับติดใจไม่น้อย เพราะชื่อในการ์ดเป็นอีกคน แต่ตอนนี้รูปที่หน้างานกลับเป็นรูปคู่ของปราณต์กับนัสรินที่ถูกเปลี่ยนในเวลาอันรวดเร็ว เช่นเดียวกับป้ายชื่อของเจ้าสาวเจ้าบ่าวก็ติดไว้อย่างถูกต้องราวกับมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยที่คนเป็นเจ้าบ่าวไม่รู้เรื่องใดๆ มาก่อนธรินดาร่วมขบวนแห่ขันหมากตามปกติ เมื่อคืนเธอทำใจอย่างยากเย็นที่จะมาร่วมพิธีแต่งงานของปรัชญ์ในเช้านี้ ทว่าจู่ๆ เจ้าบ่าวกลับไม่ใช่เขาแต่เปลี่ยนเป็นปราณต์แทน เธอแทบจะอธิบายความรู้สึกของตัวเอง
บทที่ 77หลังจากวันนั้นธรินดาก็เริ่มส่งอีเมลสมัครงานและรอว่าเมื่อไหร่จะมีบริษัทเรียกเธอไปสัมภาษณ์ ทว่าดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกำหนดให้เธอหนีตัวเองและคนรอบข้างได้ไม่นานนัก เพราะในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาชนิศาก็มีข่าวมาบอกเธอด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะตื่นตกใจ“มีอะไรหรือเปล่าศา ทำไมวันนี้ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย หรือว่าทะเลาะอะไรกับจิระหรือเปล่า” ธรินดาถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าชนิศามีสีหน้าที่ค่อนข้างเครียดตั้งแต่ลงจากรถของจิระมา“เปล่าหรอกเล็ก คือเรามีเรื่องที่ไม่ค่อยดีนักเกี่ยวกับแม่ใหญ่ของเล็กจะมาบอก”“เรื่องเกี่ยวกับแม่ใหญ่? เรื่องอะไรเหรอศา”“ช่วงบ่ายวันนี้...คนที่มาหาเราวันนั้นเขามาหาเราอีก มาพร้อมกับเอกสารในนี้ แล้วก็บอกว่าถ้าเราเจอเล็กให้บอกด้วยว่าตอนนี้แม่ใหญ่ของเล็กไม่สบายมาก นอนโรงพยาบาลมาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว แม่ใหญ่คิดถึงและอยากพบเล็กมาก อยากให้เล็กกลับไปหา” ชนิศาบอกพร้อมกับส่งซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถืออยู่ในมือให้ธรินดายื่นมือไปรับมาเปิดด้วยอาการหัวใจวูบโหวง เอกสารซองนั้นถูกเปิดออกอย่างลนลานจากมือเล็กที่สั่นระริก หลังจากได้รับฟังข่าวร้ายจากชนิศา และภาพถ่ายถูกดึงออกมาจากซองเอกสารนั้นก็เ
บทที่ 78“แล้วหนูเล็กดูไม่ออกเลยเหรอว่าพี่เขารัก” “เล็กไม่กล้าคิดหรอกค่ะแม่ใหญ่” “แล้วหนูเล็กล่ะ รักตาปรัชญ์หรือเปล่า” “เล็ก...” เป็นอีกครั้งที่ธรินดาพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าซ่อนแววตาของตัวเอง “แม่นี่ถามอะไรโง่ๆ นะ ถ้าเล็กไม่รักตาปรัชญ์คงไม่ยอมให้ตาปรัชญ์เอาเปรียบหรอกจริงมั้ย หรือว่าตาปรัชญ์ขืนใจหนูเล็ก มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน เล่าให้แม่ฟังหน่อยได้ไหมลูก” “ก็ไม่เชิงว่าเล็กโดนขืนใจค่ะแม่ใหญ่ มันเกิดขึ้นตั้งแต่คืนที่แม่ใหญ่ไปปฏิบัติธรรมและพี่ปราณต์ก็เข้าเวร คุณปรัชญ์เมามา แล้วมาทวงคำสาบานกับเล็ก” ธรินดายอมเปิดปากเล่าเป็นครั้งแรก ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังแม่ใหญ่อีกต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากจะเอ่ยถึงอีกต่อไปก็ตาม “สาบานอะไรกัน” “คืนแรกที่เล็กกลับมาบ้านตอนช่วงปิดเทอม เล็กนอนไม่หลับก็เลยลงไปเดินเล่นที่สวนค่ะ คุณปรัชญ์กลับมาพอดี เล็กจะหลบก็หลบไม่ทัน คุณปรัชญ์เลยหาว่าเล็กมาดักรอคุณปรัชญ์เพราะเล็กคิดถึงและอยากเห็นหน้าคุณปรัชญ์ เล็กปฏิเส
บทที่ 79“ดูซะให้เต็มสองตา เห็นแล้วก็กลับไปซะสิ ไม่ต้องมาจุ้นจ้านอะไรทั้งนั้น” เขาพูดห้วนๆ แววตาและสีหน้าเปลี่ยนเป็นเฉยเมย ไม่แม้แต่จะถามว่าเธอไปอยู่ไหนมาและกลับมาเมื่อไหร่ ธรินดาแทบจะน้ำตาร่วงที่ถูกไล่กลับอย่างไม่รักษาน้ำใจเช่นนั้น ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่เธอคาดเดาปฏิกิริยาของปรัชญ์ไปต่างๆ นานา แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำท่าเหมือนโกรธเกลียดและไม่อยากเห็นหน้าเธอเช่นนี้ “ค่ะ งั้นเล็กกลับนะคะ ขอโทษที่มารบกวนค่ะ” ร่างบางลุกจากเตียง เดินเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ที่ราวตากผ้าเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า และออกจากห้องคอนเทนเนอร์ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันนั้นเงียบๆ เมื่อออกมายืนหน้าห้อง น้ำตาหยดใสๆ ก็ร่วงผล็อย เธอได้ยินเสียงสบถและเสียงดังโครมครามเหมือนกับคนกำลังระบายอารมณ์ดังตามหลังมาติดๆ“โธ่เว้ย!”เขาคงจะรำคาญเธอมาก การมาของเธอคงทำให้เขาหงุดหงิด แม่ใหญ่คงเข้าใจผิดกระมังว่าเขาอาการหนัก ที่จริงแล้วเขาก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ อินแปงซึ่งยังคงรออยู่พาธรินดากลับไปยังโรงพยาบาลอีกครั้ง แม่เลี้ยงลักษิกาที่กำลังจะหลับย่นคิ้วเข้าห
บทที่ 80เมื่อเจ้าของห้องตอบเช่นนั้น ธรินดาก็มองซ้ายมองขวา แล้วเดินไปหยิบเอาหมอนบนเตียงขนาดสามฟุตของเขามาใบหนึ่ง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนที่มุมห้องโดยหันหน้ามาทางที่เขานั่งอยู่ “อย่าดื่มมากนักนะคะ เล็กเป็นห่วง” บอกเสร็จธรินดาก็หลับตาลงเพื่อบดบังความหน้าไม่อายของตัวเองที่กล้าบอกว่าเป็นห่วงเขา และยังหน้าด้านมานอนในห้องเฝ้าเขา โดยที่ไม่รู้ว่าเขาเต็มใจจะให้นอนหรือเปล่า อาจจะด้วยความเหนื่อย ความเพลียจากการเดินทาง ความดีใจที่ได้กลับมาบ้าน และรอบตัวกรุ่นไปด้วยไออุ่นของคนที่ตัวเองทำใจหล่นหายไว้ที่เขา จึงทำให้ธรินดาหลับลงอย่างง่ายดาย ในขณะที่ปรัชญ์ได้แต่มองร่างเล็กนั้นอยู่เงียบๆ ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นไปปิดไฟ อากาศยามดึกเริ่มจะหนาว ร่างเล็กที่นอนอยู่มุมห้องขดตัวเข้าหากันอย่างเป็นอัตโนมัติเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทว่านั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อมวลอากาศอันแสนจะเหน็บหนาวที่โอบล้อมอยู่รอบกาย ธรินดารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ถูกปรัชญ์อุ้มจากพื้นไปนอนบนเตียงของเขา เธอไม่พูด ไม่ถาม ไม่ประท้วง ทำเหมือนยังหลับอยู่ ทว่าหัวใจเต้นแรงโลด คิดว่าเขาจะเอนตัวลงนอนแนบข้าง แต่ปรัชญ
บทที่ 81แม้จะโล่งใจที่แม่ใหญ่หายจากอาการป่วยและกลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้ว แต่ตอนนี้ภายในใจของธรินดากลับไม่ได้เป็นสุขเลยแม้แต่นิด วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่เธอกลับมาบ้าน ทว่าบรรยากาศที่เคยอบอุ่นกลับไร้ชีวิตชีวาอย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์ระหว่างปราณต์กับนัสรินเป็นไปอย่างมึนตึงอึมครึม แน่นอนเธอรู้ว่าทั้งปราณต์กับนัสรินต่างไม่มีใครมีความสุข เพราะทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก ทว่าเธอก็ทำได้เพียงมองดูอยู่เงียบๆ ไม่กล้าจะก้าวก่ายอะไรหรือเอ่ยถามเพราะเป็นเรื่องของคนสองคน อีกอย่างเรื่องระหว่างเธอกับปรัชญ์เองก็ยังคลุมเครือ เธอรอคอยเขาวันแล้ววันเล่า แต่ก็ไร้วี่แววว่าเขาจะกลับมาบ้าน และในที่สุดวันนี้หัวใจดวงน้อยก็ร้อนรนเกินกว่าจะรอคอยได้ ธรินดาจึงขออนุญาตแม่ใหญ่ไปหาปรัชญ์ที่ไซต์งานอีกครั้ง ซึ่งแม่ใหญ่ก็อนุญาตแต่โดยดีแถมยังให้อินแปงขับรถพาไปอีกต่างหากคำตอบที่ได้รับจากลูกน้องคนสนิทของปรัชญ์ทำให้ธรินดาค่อนข้างจะมืดมน คมสันบอกว่าปรัชญ์สั่งงานไว้ตั้งแต่วันที่ธรินดามาหา หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เข้ามาที่ไซต์งานอีกเลย“คุณคมสันพอจะทราบมั้ยคะว่าคุณปรัชญ์ไปไหน”“ไม่ทราบเลยครับคุณเล็ก ตอนนี้ผมเองก็ติดต่อนา
บทที่ 82วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างช้าๆ จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เริ่มกลายเป็นแรมเดือนที่ปรัชญ์ไปต่างประเทศโดยไม่ยอมบอกใคร ธรินดาเริ่มไปทำงานที่โรงแรมเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ใหญ่และเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านเพราะคิดถึงปรัชญ์ งานช่วยเธอได้มากแต่ยามว่างทีไรก็อดที่จะคิดถึงคนใจร้ายไม่ได้เหมือนเดิมวันนี้เป็นวันหยุด ธรินดาไม่ต้องไปทำงาน เธอจึงเข้าครัวทำอาหารให้แม่ใหญ่ ส่วนปราณต์และนัสรินตอนนี้ย้ายออกไปอยู่บ้านเช่าที่อยู่ใกล้กับคลินิกของปราณต์ โดยทั้งหมดเป็นความต้องการของปราณต์ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาต้องตรวจคนไข้ที่คลินิกดึก ไม่อยากขับรถกลับบ้านไกลๆ“หนูเล็กเดี๋ยวออกไปตัดกุหลาบมาจัดแจกันหน่อยนะลูก เย็นนี้แม่เลี้ยงแสงหล้ากับตากริชจะมาทานข้าวที่บ้านเรา หนูเล็กจำพี่กริชได้ไหมลูก” แม่เลี้ยงลักษิกาบอกกับลูกสาวในช่วงบ่ายๆ ขณะที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่น“จำได้ค่ะแม่ใหญ่ พี่กริชเพื่อนพี่ปราณต์ที่แต่ก่อนมาบ้านเราบ่อยๆ ใช่ไหมคะ” ธรินดารับคำแม้จะจำได้เลือนๆ เพราะไม่ได้เจอคนที่มารดาเอ่ยถึงนานมากแล้ว ศาสตราเป็นลูกชายของแม่เลี้ยงแสงหล้าและเป็นเพื่อนสนิทของปราณต์ ตอนที่ศาสตราเรียนมัธยมเขามาที่นี่ค่อนข้างบ