บทที่ 83“ความจริงคุณปรัชญ์ไม่ต้องย้ายไปอยู่ที่โน่นก็ได้นะคะ คุณปรัชญ์ควรจะอยู่บ้าน ควรจะอยู่ดูแลแม่ใหญ่ เพราะที่นี่คือบ้านของคุณปรัชญ์ แม่ใหญ่คงเสียใจมากถ้ารู้ว่าคุณปรัชญ์จะทิ้งท่านไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนเล็กเป็นแค่เด็กที่แม่ใหญ่เก็บมาชุบเลี้ยง ยังไงแม่ใหญ่ก็ต้องการคุณปรัชญ์มากกว่าเล็ก เล็กจะเป็นคนไปเองค่ะ แต่ว่าเล็กอาจจะขออนุญาตกลับมาเยี่ยมแม่ใหญ่บ้าง คุณปรัชญ์คงไม่ว่าอะไรนะคะ” ธรินดาตัดสินใจพูดกับเขาไปตรงๆ กับสิ่งที่ค้างคาใจมาเป็นแรมเดือนแล้ว เธอจะได้รู้เสียทีว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป “ก็ไปสิ ไปเล้ย อยากไปก็ไป ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า ไม่ต้องกลับมาทำให้รัก ไม่ต้องกลับมาทำให้หลง ไม่ต้องกลับมาให้ดีใจเก้ออีก ถ้าไม่รักกันแล้วจริงๆ อยากไปไหนก็ไป” ปรัชญ์ตวาดเสียงดังจนธรินดาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้กับคำพูดของตน “คุณปรัชญ์!” “เธอรู้มั้ยว่าฉันไปอเมริกาทำไม คิดจะถามกันก่อนมั้ย หรือว่าคิดเองเออเอง” “พี่ตะวันบอกว่าคุณปรัชญ์ไปดูบริษัท และอาจจะย้ายไปอยู่ที่โน่นอย่างถาวรเลย” หญิงสาวได้แต่ตอ
บทที่ 84“แต่มันไม่แฟร์กับพี่ปราณต์เลยนะคะ อีกอย่างพี่นัสก็ไม่ได้ผิดอะไร ทำไมเธอจะต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องนี้ด้วย” “ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ บางครั้งมันก็ไม่มีอะไรแฟร์หรือไม่แฟร์กับใครเสมอไปหรอก อย่างที่บอกเธอ ฉันอยากให้พี่ปราณต์ได้รู้รสชาติของการถูกบังคับหรือมัดมือชกบ้าง เพราะตั้งแต่เด็กจนโตแม่คอยแต่จะบังคับและขีดเส้นให้ฉันเดิน ส่วนพี่ปราณต์ได้ทำอะไรตามใจตัวเองมาตลอด” “ทำไมคุณไม่คิดว่าแม่ใหญ่รักและคาดหวังในตัวคุณมากล่ะคะ ถึงได้วางแผนชีวิตเอาไว้ให้ทุกอย่าง” “เธอนี่เข้าใจแม่ฉันดีจริงๆ สมแล้วที่เป็นลูกรัก ไม่ใช่สิตอนนี้เป็นลูกสะใภ้แล้วต่างหาก และอีกไม่นานก็จะเป็นแม่ของหลาน” คำพูดเกี้ยวพาแบบเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันของเขาทำให้แก้มนวลที่แดงก่ำจากการร้องไห้แดงขึ้นอีกระลอก แต่คราวนี้ไม่ได้เกิดจากความเสียใจ แต่เป็นเพราะความเขินอายต่างหากด “อย่าเพิ่งนอกเรื่องสิคะ เคลียร์กันให้เข้าใจก่อน” แม้จะขวยเขินไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ธรินดาก็ยังไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องทั้งหมดไปง่ายๆ “เรื่องอะไรอีกหือ”
บทที่ 85เธอจูบตอบเขาอย่างไม่มีการบ่ายเบี่ยงใดๆ สองมือเล็กละจากทุกอย่างแล้วเคลื่อนขึ้นไปวางบนไหล่หนาของเขา ตาสองข้างหลับพริ้ม วงหน้าแหงนเงย ปากเผยอรับการประทับจูบจากชายหนุ่มนิ่งนาน ถ้าจะมีสักแวบหนึ่งที่เธอไม่แน่ใจว่า เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้เป็นความจริงหรือความฝัน ปรัชญ์ก็ตอกย้ำด้วยสัมผัสอันแสนอบอุ่นวาบหวามของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วว่าเธอไม่ได้กำลังฝันไป เขาอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ บอกรักเธอจริงๆ และกำลังจูบเธออยู่จริงๆ“เธอเป็นเมียฉันนะธรินดา เมียที่ฉันได้ครอบครองในคืนแรม แต่เธอไม่เคยมืดดับในหัวใจฉันเลย รู้หรือเปล่าว่ามีแสงสว่างดวงเล็กๆ ที่ชื่อ ‘เล็ก’ ส่องสว่างอยู่ในหัวใจของฉันนานมากแล้ว เธอจะเป็นแสงสว่างในหัวใจของฉันตลอดไปได้ไหมธรินดา” เสียงกระซิบที่แม้แผ่วเบาแต่กลับเจือไปด้วยความหนักแน่นและแสนหวานดังกึกก้องเข้ามาในโสตประสาทรับรู้ของธรินดาหลังจากที่ปรัชญ์ถอนปากจากการจูบ น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลไปได้ไม่นานเอ่อคลอขึ้นมารอบดวงตาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความเสียใจหรือตกใจแล้ว มันเกิดจากความเต็มตื้นและสุขล้นในหัวใจเมื่อได้ยินถ้อยคำอันสุดแสนจะไพเราะและมีความหมายต่อเธอมากที่สุดในช
บทที่ 86ธรินดาหน้าแดงแล้วแดงอีกกับคำพูดของเขา เขาเรียกเธอว่าเมียอย่างคล่องปากมาหลายครั้งหลายครา เธอเป็นเมียทางพฤตินัยของเขามานานแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนที่เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นของเขาอย่างแท้จริงและไม่มีอะไรมาขวางกั้นเหมือนกับครั้งนี้ คงเป็นเพราะตอนนี้เธอมีสิทธิ์รักเขาได้อย่างเต็มหัวใจแล้ว “ปล่อยเล็กเถอะค่ะ เล็กต้องกลับแล้วจริงๆ” คราวนี้เจ้าของเสียงหวานพูดด้วยดีๆ วาจาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนละมุนหูในแบบที่คนฟังเองก็อยากฟังมานานแล้วเหมือนกัน “ปล่อยก็ได้ แต่ขออะไรอย่างหนึ่งก่อนสิ” ปากบอกว่าจะปล่อยแต่กลับมีเงื่อนไขตามมาอีก“ขออะไรคะ”“คืนนี้ฉันนอนด้วยนะ” “ไม่ได้ค่ะ” ธรินดาปฏิเสธอย่างเอียงอาย “ใจร้ายน่ะเล็ก ฉันไม่ได้กอดเธอนานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้หรือไงว่าฉันทรมานจนจะคลั่งอยู่แล้ว” ปรัชญ์ตัดพ้อและทำท่าเหมือนเด็กงอแงที่ไม่ได้ดั่งใจ ทำให้ธรินดากลั้นยิ้มไม่อยู่ “แล้วนี่ไม่ได้กำลังกอดเล็กอยู่เหรอคะ” “แค่นี้มันจะไปพออะไร เธอก็รู้ว่าฉันอยากกอดเธอแบบไหน” “ไม่เอาค่ะ” “จะเอา”
บทที่ 87“ถามแต่พี่ แล้วเราล่ะเมื่อไหร่จะมีข่าวดี” ศาสตราย้อนถามบ้าง และยังไม่ทันที่ปรัชญ์จะตอบ ธรินดาซึ่งออกมาจากครัวเพื่อไหว้แม่เลี้ยงแสงหล้ากับศาสตราก็เดินมาสมทบพอดี ทำให้เข้าทางปรัชญ์โดยที่หญิงสาวเองยังไม่ทันได้ตั้งตัว“ก็กำลังจะบอกนี่ละครับ” ปรัชญ์เอ่ยก่อนจะขยับไปยืนข้างๆ ธรินดาแล้วยกมือขึ้นโอบเอวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ “นี่ไงครับเจ้าสาวของผม ผมขอเล็กแต่งงานแล้ว ผมถือโอกาสเชิญแม่เลี้ยงกับพี่กริชล่วงหน้าเลยนะครับ”ธรินดาหน้าแดงซ่านที่จู่ๆ ปรัชญ์ก็ประกาศออกมาต่อหน้าทุกคนเช่นนั้น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาที่ยังไม่รู้ว่าทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้วก็หันขวับไปทางลูกชายของตนทันที “ไปขอน้องตอนไหน ทำไมแม่ไม่รู้” คนเป็นแม่ถามเสียงเขียวด้วยความแปลกใจและดีใจ แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ไม่ให้ลูกชายได้รู้ “ก็ตั้งแต่กลับมาถึงนั่นละครับ” “แล้วไม่คิดจะถามฉันเหรอ ว่าฉันจะยกลูกสาวให้หรือเปล่า” แม่เลี้ยงลักษิกาแกล้งทำหวงลูกสาวใส่อีก “ถ้าไม่ยกให้ผมก็พาหนี ท้องแล้วค่อยพาหลานกลับมาให้ย่าเลี้ยง” “ฟังเอาเถอะค่ะแม่เลี้ยง ต่อปากต่อคำเก่ง
บทที่ 88“เล็ก...”เสียงนั้น สัมผัสนั้น ความอบอุ่นนั้นทำให้ธรินดาสะดุ้งตื่น แม้จะมีความตกใจเล็กๆ แฝงอยู่แต่ความเขินอายและแปลกใจมีมากกว่า “คุณปรัชญ์...เข้ามาได้ไงคะ” เสียงหวานถามอย่างปราศจากงัวเงีย “เปิดประตูเข้ามาสิ ฉันมีกุญแจห้องเธออยู่ตั้งหลายดอก พกไว้ตลอดเวลานั่นแหละ” “ไหนสัญญาแล้วว่าจะรอหลังแต่งงาน” เธออยากจะเอี้ยวตัวหันหน้าไปทางเขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้เธอถูกปรัชญ์กอดจากด้านหลังแน่นเหลือเกิน เธอรู้สึกถึงร่างกายใหญ่โตและสัดส่วนที่อัดแน่นไปด้วยความเป็นชายแนบขนาบกับร่างกายตัวเองจนเธอกับเขาแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันหากว่าไม่มีเสื้อผ้าขวางกั้น “ใครสัญญา จำได้แน่ๆ ว่าฉันไม่ได้สัญญา”“ก็เมื่อตอนกลางวันคุณปรัชญ์รับปากแล้ว” ธรินดากึ่งประท้วงกึ่งตัดพ้อคนไม่รักษาคำพูด ทั้งที่ตอนนี้ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองดีใจหรือหวาดหวั่นที่เขาเข้ามาหา พานคิดไปถึงวันที่เขาพานัสรินมาที่บ้านในกรุงเทพฯ ตอนจะไปส่งนัสรินเขาบอกว่าจะมาหา ทำให้เธอเดือดเนื้อร้อนใจจนต้องไปพึ่งแม่ใหญ่และนอนเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไหร่เขาจะมา แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นเขาก็ไม่มา พ
บทที่ 89ฤกษ์งานแต่งงานระหว่างปรัชญ์กับธรินดาจะมีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ช่วงนี้บรรยากาศของคุ้มลักษิกาจึงสวยสะพรั่งไปด้วยความรักที่กำลังเบ่งบานของสองหนุ่มสาว ซึ่งคนที่มีความสุขมากกว่าใครคือแม่เลี้ยงลักษิกานั่นเอง แม้อะไรๆ จะไม่เป็นไปอย่างที่ตนตั้งความหวังไว้ในตอนแรกก็ตาม แต่ตอนนี้แม่เลี้ยงได้เรียนรู้แล้วว่าการปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ควรตามใจผู้นอน ส่วนว่าที่เจ้าสาวอย่างธรินดาซึ่งเพิ่งจะเริ่มเข้าไปช่วยบริหารงานในโรงแรมได้ไม่ถึงเดือนนั้น ก็ได้รับคำสั่งจากว่าที่สามีให้หยุดงานก่อนเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอย่างเดียว ซึ่งแม่เลี้ยงลักษิกาเองก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ เพราะอยากให้ลูกสาวสวยและพร้อมที่สุดในวันแต่งงาน ธรินดาจึงต้องอยู่บ้านตามคำสั่งของปรัชญ์ และแต่ละวันก็ต้องวุ่นวายกับช่างเสื้อ ช่างแต่งหน้าทำผม และเลือกของชำร่วยที่จะมาใช้ในงานแต่งงาน โดยปรัชญ์ยังคงออกไปทำงานตามปกติช่วงเย็นวันนี้เขาไม่ได้ตรงกลับบ้านเหมือนเคย แต่ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของรังสิมันต์ และเจ้าของบ้านก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าปรัชญ์ไม่ได้มาหาเขา แต่กำลังแยกตัวไปคุยอยู่กับจันทริกาตามลำพังคล้ายกับมีลับลมคมในบางอ
บทที่ 90“ก็แล้วทำไมคุณปรัชญ์จะต้องล้อเล็กด้วยล่ะคะว่าเสียงครางเล็กเป็นยังไง” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าเขาทั้งที่แก้มนวลแดงก่ำ แต่ก็แปลกใจตัวเองที่กล้าตอบโต้เขาแบบนั้น หรือว่าเธอจะซึมซับความเป็นเขาจนเคยชินเข้าแล้วจริงๆ“ล้อที่ไหน ฉันพูดความจริงต่างหาก นะเล็กจ๋านะ ฉันอยากได้ยินเสียงแบบนั้นอีก นี่กี่วันแล้วที่ฉันไม่ได้ยิน จะลงแดงตายอยู่แล้วนะที่รัก” ปรัชญ์ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขี้อ้อนที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธรินดาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน จึงได้แต่ตอบเขาไปด้วยกลอนของวรรณคดีในเรื่องขุนช้างขุนแผน“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”“ฉันขอเถียงว่าไม่จริง”“อย่ามัวแต่เถียงกับเล็กอยู่เลยค่ะ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยตัดบท เพราะยิ่งคุยกันนานก็ยิ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานลูกล่อลูกชนของเขาไม่ไหว“นี่ฉันกำลังถูกเมียสั่งอยู่ใช่มั้ย” ปรัชญ์เอ่ยสัพยอกอีกพลางลอบถอนหายใจเบาๆ“ไม่ได้สั่งค่ะ แค่เป็นห่วงอยากให้สบายตัว”“จริงเหรอ”“ค่ะ”“ถ้าอยากให้ฉันสบายตัวจริงๆ เธอก็ต้องไปด้วยกัน”ว่าแล้วปรัชญ์ก็ย่อตัวลงช้อนเอาร่างเล็กขึ้นอุ้มทันที“ปล่อยเล็กลงนะคะคุณปรัชญ์...ทำไมจ้องจะเอาเปรี