บทที่ 87“ถามแต่พี่ แล้วเราล่ะเมื่อไหร่จะมีข่าวดี” ศาสตราย้อนถามบ้าง และยังไม่ทันที่ปรัชญ์จะตอบ ธรินดาซึ่งออกมาจากครัวเพื่อไหว้แม่เลี้ยงแสงหล้ากับศาสตราก็เดินมาสมทบพอดี ทำให้เข้าทางปรัชญ์โดยที่หญิงสาวเองยังไม่ทันได้ตั้งตัว“ก็กำลังจะบอกนี่ละครับ” ปรัชญ์เอ่ยก่อนจะขยับไปยืนข้างๆ ธรินดาแล้วยกมือขึ้นโอบเอวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ “นี่ไงครับเจ้าสาวของผม ผมขอเล็กแต่งงานแล้ว ผมถือโอกาสเชิญแม่เลี้ยงกับพี่กริชล่วงหน้าเลยนะครับ”ธรินดาหน้าแดงซ่านที่จู่ๆ ปรัชญ์ก็ประกาศออกมาต่อหน้าทุกคนเช่นนั้น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาที่ยังไม่รู้ว่าทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้วก็หันขวับไปทางลูกชายของตนทันที “ไปขอน้องตอนไหน ทำไมแม่ไม่รู้” คนเป็นแม่ถามเสียงเขียวด้วยความแปลกใจและดีใจ แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ไม่ให้ลูกชายได้รู้ “ก็ตั้งแต่กลับมาถึงนั่นละครับ” “แล้วไม่คิดจะถามฉันเหรอ ว่าฉันจะยกลูกสาวให้หรือเปล่า” แม่เลี้ยงลักษิกาแกล้งทำหวงลูกสาวใส่อีก “ถ้าไม่ยกให้ผมก็พาหนี ท้องแล้วค่อยพาหลานกลับมาให้ย่าเลี้ยง” “ฟังเอาเถอะค่ะแม่เลี้ยง ต่อปากต่อคำเก่ง
บทที่ 88“เล็ก...”เสียงนั้น สัมผัสนั้น ความอบอุ่นนั้นทำให้ธรินดาสะดุ้งตื่น แม้จะมีความตกใจเล็กๆ แฝงอยู่แต่ความเขินอายและแปลกใจมีมากกว่า “คุณปรัชญ์...เข้ามาได้ไงคะ” เสียงหวานถามอย่างปราศจากงัวเงีย “เปิดประตูเข้ามาสิ ฉันมีกุญแจห้องเธออยู่ตั้งหลายดอก พกไว้ตลอดเวลานั่นแหละ” “ไหนสัญญาแล้วว่าจะรอหลังแต่งงาน” เธออยากจะเอี้ยวตัวหันหน้าไปทางเขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้เธอถูกปรัชญ์กอดจากด้านหลังแน่นเหลือเกิน เธอรู้สึกถึงร่างกายใหญ่โตและสัดส่วนที่อัดแน่นไปด้วยความเป็นชายแนบขนาบกับร่างกายตัวเองจนเธอกับเขาแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันหากว่าไม่มีเสื้อผ้าขวางกั้น “ใครสัญญา จำได้แน่ๆ ว่าฉันไม่ได้สัญญา”“ก็เมื่อตอนกลางวันคุณปรัชญ์รับปากแล้ว” ธรินดากึ่งประท้วงกึ่งตัดพ้อคนไม่รักษาคำพูด ทั้งที่ตอนนี้ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองดีใจหรือหวาดหวั่นที่เขาเข้ามาหา พานคิดไปถึงวันที่เขาพานัสรินมาที่บ้านในกรุงเทพฯ ตอนจะไปส่งนัสรินเขาบอกว่าจะมาหา ทำให้เธอเดือดเนื้อร้อนใจจนต้องไปพึ่งแม่ใหญ่และนอนเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไหร่เขาจะมา แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นเขาก็ไม่มา พ
บทที่ 89ฤกษ์งานแต่งงานระหว่างปรัชญ์กับธรินดาจะมีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ช่วงนี้บรรยากาศของคุ้มลักษิกาจึงสวยสะพรั่งไปด้วยความรักที่กำลังเบ่งบานของสองหนุ่มสาว ซึ่งคนที่มีความสุขมากกว่าใครคือแม่เลี้ยงลักษิกานั่นเอง แม้อะไรๆ จะไม่เป็นไปอย่างที่ตนตั้งความหวังไว้ในตอนแรกก็ตาม แต่ตอนนี้แม่เลี้ยงได้เรียนรู้แล้วว่าการปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ควรตามใจผู้นอน ส่วนว่าที่เจ้าสาวอย่างธรินดาซึ่งเพิ่งจะเริ่มเข้าไปช่วยบริหารงานในโรงแรมได้ไม่ถึงเดือนนั้น ก็ได้รับคำสั่งจากว่าที่สามีให้หยุดงานก่อนเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอย่างเดียว ซึ่งแม่เลี้ยงลักษิกาเองก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ เพราะอยากให้ลูกสาวสวยและพร้อมที่สุดในวันแต่งงาน ธรินดาจึงต้องอยู่บ้านตามคำสั่งของปรัชญ์ และแต่ละวันก็ต้องวุ่นวายกับช่างเสื้อ ช่างแต่งหน้าทำผม และเลือกของชำร่วยที่จะมาใช้ในงานแต่งงาน โดยปรัชญ์ยังคงออกไปทำงานตามปกติช่วงเย็นวันนี้เขาไม่ได้ตรงกลับบ้านเหมือนเคย แต่ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของรังสิมันต์ และเจ้าของบ้านก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าปรัชญ์ไม่ได้มาหาเขา แต่กำลังแยกตัวไปคุยอยู่กับจันทริกาตามลำพังคล้ายกับมีลับลมคมในบางอ
บทที่ 90“ก็แล้วทำไมคุณปรัชญ์จะต้องล้อเล็กด้วยล่ะคะว่าเสียงครางเล็กเป็นยังไง” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าเขาทั้งที่แก้มนวลแดงก่ำ แต่ก็แปลกใจตัวเองที่กล้าตอบโต้เขาแบบนั้น หรือว่าเธอจะซึมซับความเป็นเขาจนเคยชินเข้าแล้วจริงๆ“ล้อที่ไหน ฉันพูดความจริงต่างหาก นะเล็กจ๋านะ ฉันอยากได้ยินเสียงแบบนั้นอีก นี่กี่วันแล้วที่ฉันไม่ได้ยิน จะลงแดงตายอยู่แล้วนะที่รัก” ปรัชญ์ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขี้อ้อนที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธรินดาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน จึงได้แต่ตอบเขาไปด้วยกลอนของวรรณคดีในเรื่องขุนช้างขุนแผน“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”“ฉันขอเถียงว่าไม่จริง”“อย่ามัวแต่เถียงกับเล็กอยู่เลยค่ะ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยตัดบท เพราะยิ่งคุยกันนานก็ยิ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานลูกล่อลูกชนของเขาไม่ไหว“นี่ฉันกำลังถูกเมียสั่งอยู่ใช่มั้ย” ปรัชญ์เอ่ยสัพยอกอีกพลางลอบถอนหายใจเบาๆ“ไม่ได้สั่งค่ะ แค่เป็นห่วงอยากให้สบายตัว”“จริงเหรอ”“ค่ะ”“ถ้าอยากให้ฉันสบายตัวจริงๆ เธอก็ต้องไปด้วยกัน”ว่าแล้วปรัชญ์ก็ย่อตัวลงช้อนเอาร่างเล็กขึ้นอุ้มทันที“ปล่อยเล็กลงนะคะคุณปรัชญ์...ทำไมจ้องจะเอาเปรี
บทที่ 91ปรัชญ์พาธรินดาลงมาจากเวที หญิงสาวขอตัวกับเจ้าบ่าวเมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยรุ่นน้องผู้ทำหน้าที่เล่นเปียโนให้ปรัชญ์ร้องเพลงเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เธอเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นจันทริกายืนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่คนเดียวที่มุมห้องคล้ายกับว่ากำลังรอใคร ธรินดาจึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันที“จันทร์...”“พี่เล็ก...”“ทำไมมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ”“จันทร์ไม่รู้จะคุยกับใครน่ะค่ะ จันทร์ไม่รู้จักใครเลย” สาวรุ่นน้องยิ้มแหยๆ แววตาดูอ้างว้างและตื่นๆ จนคนมองนึกสงสาร“อยากกลับบ้านเหรอ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปส่งมั้ย” ธรินดาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดีแต่ก็ได้รับการปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณตะวันสั่งไว้ว่าให้จันทร์รอ”“อ๋อ...จะกลับพร้อมพี่ตะวันใช่มั้ย”“ค่ะพี่เล็ก พี่เล็กไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จันทร์อยู่ได้ค่ะ”“งั้นพี่ค่อยสบายใจหน่อย พี่ขอบใจจันทร์มากนะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้”“จันทร์ยินดีค่ะ เสียดายนะคะพี่ขิมมาไม่ได้ ไม่งั้นจันทร์จะบอกให้พี่ขิมสีไวโอลินให้ด้วย เพลงของคุณปรัชญ์คงเพราะกว่านี้” จันทริกาเอ่ยถึงภัคธีมารุ่นพี่ที่เคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันซึ่งเป็นคนที่มีทักษะทางด้
บทที่ 92แม่เลี้ยงลักษิกายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับธรินดาหญิงสาวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักเหมือนลูก ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตนอย่างที่หวังไว้จริงๆ แล้ว แม้จะไม่ใช่กับลูกชายคนที่ตัวเองตั้งใจจะให้คู่ด้วยแต่แรกก็ตามที แต่ธรินดาก็ได้แต่งงานกับคนที่เธอรักซึ่งก็เป็นลูกชายของตนเหมือนกัน“แม่ให้เป็นของขวัญแต่งงานนะหนูเล็ก” ธรินดายกมือขึ้นไหว้และรับมาโดยที่ไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นคืออะไร“แล้วของผมล่ะครับ” ปรัชญ์ทวงอย่างไม่จริงจัง เขาไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว เพราะเขาได้ของขวัญที่ดีและมีค่ามากที่สุดในชีวิตซึ่งก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้นั่นเอง เขาจึงไม่ต้องการอะไรอีก อีกทั้งนับจากนี้ของสิ่งใดที่เป็นของเขาก็จะเป็นของธรินดาด้วยอยู่แล้ว “ไม่มีย่ะ ฉันยกให้ลูกสะใภ้ฉันหมดแล้ว”“เอ...ชักอยากรู้แล้วสิว่าแม่ยกอะไรให้เมียผม”“ก็มรดกทุกอย่างที่เป็นส่วนของแกน่ะสิ”“โหแม่...นี่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายตัวเองอีกนะ” ปรัชญ์แกล้งโวยวายเล่นพอเป็นสีสัน“ย่ะ ฉันรักมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”“แล้วอย่างนี้ผมจะมีสมบัติอะไรเหลือไว้ให้เมียน้อยบ้างล่ะ” ปรัชญ์ยังมิวายกวนประสาทคนเป็นแม่แม้แต่ในช่วง
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ