บทที่ 85เธอจูบตอบเขาอย่างไม่มีการบ่ายเบี่ยงใดๆ สองมือเล็กละจากทุกอย่างแล้วเคลื่อนขึ้นไปวางบนไหล่หนาของเขา ตาสองข้างหลับพริ้ม วงหน้าแหงนเงย ปากเผยอรับการประทับจูบจากชายหนุ่มนิ่งนาน ถ้าจะมีสักแวบหนึ่งที่เธอไม่แน่ใจว่า เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้เป็นความจริงหรือความฝัน ปรัชญ์ก็ตอกย้ำด้วยสัมผัสอันแสนอบอุ่นวาบหวามของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วว่าเธอไม่ได้กำลังฝันไป เขาอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ บอกรักเธอจริงๆ และกำลังจูบเธออยู่จริงๆ“เธอเป็นเมียฉันนะธรินดา เมียที่ฉันได้ครอบครองในคืนแรม แต่เธอไม่เคยมืดดับในหัวใจฉันเลย รู้หรือเปล่าว่ามีแสงสว่างดวงเล็กๆ ที่ชื่อ ‘เล็ก’ ส่องสว่างอยู่ในหัวใจของฉันนานมากแล้ว เธอจะเป็นแสงสว่างในหัวใจของฉันตลอดไปได้ไหมธรินดา” เสียงกระซิบที่แม้แผ่วเบาแต่กลับเจือไปด้วยความหนักแน่นและแสนหวานดังกึกก้องเข้ามาในโสตประสาทรับรู้ของธรินดาหลังจากที่ปรัชญ์ถอนปากจากการจูบ น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลไปได้ไม่นานเอ่อคลอขึ้นมารอบดวงตาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความเสียใจหรือตกใจแล้ว มันเกิดจากความเต็มตื้นและสุขล้นในหัวใจเมื่อได้ยินถ้อยคำอันสุดแสนจะไพเราะและมีความหมายต่อเธอมากที่สุดในช
บทที่ 86ธรินดาหน้าแดงแล้วแดงอีกกับคำพูดของเขา เขาเรียกเธอว่าเมียอย่างคล่องปากมาหลายครั้งหลายครา เธอเป็นเมียทางพฤตินัยของเขามานานแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนที่เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นของเขาอย่างแท้จริงและไม่มีอะไรมาขวางกั้นเหมือนกับครั้งนี้ คงเป็นเพราะตอนนี้เธอมีสิทธิ์รักเขาได้อย่างเต็มหัวใจแล้ว “ปล่อยเล็กเถอะค่ะ เล็กต้องกลับแล้วจริงๆ” คราวนี้เจ้าของเสียงหวานพูดด้วยดีๆ วาจาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนละมุนหูในแบบที่คนฟังเองก็อยากฟังมานานแล้วเหมือนกัน “ปล่อยก็ได้ แต่ขออะไรอย่างหนึ่งก่อนสิ” ปากบอกว่าจะปล่อยแต่กลับมีเงื่อนไขตามมาอีก“ขออะไรคะ”“คืนนี้ฉันนอนด้วยนะ” “ไม่ได้ค่ะ” ธรินดาปฏิเสธอย่างเอียงอาย “ใจร้ายน่ะเล็ก ฉันไม่ได้กอดเธอนานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้หรือไงว่าฉันทรมานจนจะคลั่งอยู่แล้ว” ปรัชญ์ตัดพ้อและทำท่าเหมือนเด็กงอแงที่ไม่ได้ดั่งใจ ทำให้ธรินดากลั้นยิ้มไม่อยู่ “แล้วนี่ไม่ได้กำลังกอดเล็กอยู่เหรอคะ” “แค่นี้มันจะไปพออะไร เธอก็รู้ว่าฉันอยากกอดเธอแบบไหน” “ไม่เอาค่ะ” “จะเอา”
บทที่ 87“ถามแต่พี่ แล้วเราล่ะเมื่อไหร่จะมีข่าวดี” ศาสตราย้อนถามบ้าง และยังไม่ทันที่ปรัชญ์จะตอบ ธรินดาซึ่งออกมาจากครัวเพื่อไหว้แม่เลี้ยงแสงหล้ากับศาสตราก็เดินมาสมทบพอดี ทำให้เข้าทางปรัชญ์โดยที่หญิงสาวเองยังไม่ทันได้ตั้งตัว“ก็กำลังจะบอกนี่ละครับ” ปรัชญ์เอ่ยก่อนจะขยับไปยืนข้างๆ ธรินดาแล้วยกมือขึ้นโอบเอวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ “นี่ไงครับเจ้าสาวของผม ผมขอเล็กแต่งงานแล้ว ผมถือโอกาสเชิญแม่เลี้ยงกับพี่กริชล่วงหน้าเลยนะครับ”ธรินดาหน้าแดงซ่านที่จู่ๆ ปรัชญ์ก็ประกาศออกมาต่อหน้าทุกคนเช่นนั้น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาที่ยังไม่รู้ว่าทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้วก็หันขวับไปทางลูกชายของตนทันที “ไปขอน้องตอนไหน ทำไมแม่ไม่รู้” คนเป็นแม่ถามเสียงเขียวด้วยความแปลกใจและดีใจ แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ไม่ให้ลูกชายได้รู้ “ก็ตั้งแต่กลับมาถึงนั่นละครับ” “แล้วไม่คิดจะถามฉันเหรอ ว่าฉันจะยกลูกสาวให้หรือเปล่า” แม่เลี้ยงลักษิกาแกล้งทำหวงลูกสาวใส่อีก “ถ้าไม่ยกให้ผมก็พาหนี ท้องแล้วค่อยพาหลานกลับมาให้ย่าเลี้ยง” “ฟังเอาเถอะค่ะแม่เลี้ยง ต่อปากต่อคำเก่ง
บทที่ 88“เล็ก...”เสียงนั้น สัมผัสนั้น ความอบอุ่นนั้นทำให้ธรินดาสะดุ้งตื่น แม้จะมีความตกใจเล็กๆ แฝงอยู่แต่ความเขินอายและแปลกใจมีมากกว่า “คุณปรัชญ์...เข้ามาได้ไงคะ” เสียงหวานถามอย่างปราศจากงัวเงีย “เปิดประตูเข้ามาสิ ฉันมีกุญแจห้องเธออยู่ตั้งหลายดอก พกไว้ตลอดเวลานั่นแหละ” “ไหนสัญญาแล้วว่าจะรอหลังแต่งงาน” เธออยากจะเอี้ยวตัวหันหน้าไปทางเขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้เธอถูกปรัชญ์กอดจากด้านหลังแน่นเหลือเกิน เธอรู้สึกถึงร่างกายใหญ่โตและสัดส่วนที่อัดแน่นไปด้วยความเป็นชายแนบขนาบกับร่างกายตัวเองจนเธอกับเขาแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันหากว่าไม่มีเสื้อผ้าขวางกั้น “ใครสัญญา จำได้แน่ๆ ว่าฉันไม่ได้สัญญา”“ก็เมื่อตอนกลางวันคุณปรัชญ์รับปากแล้ว” ธรินดากึ่งประท้วงกึ่งตัดพ้อคนไม่รักษาคำพูด ทั้งที่ตอนนี้ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองดีใจหรือหวาดหวั่นที่เขาเข้ามาหา พานคิดไปถึงวันที่เขาพานัสรินมาที่บ้านในกรุงเทพฯ ตอนจะไปส่งนัสรินเขาบอกว่าจะมาหา ทำให้เธอเดือดเนื้อร้อนใจจนต้องไปพึ่งแม่ใหญ่และนอนเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไหร่เขาจะมา แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นเขาก็ไม่มา พ
บทที่ 89ฤกษ์งานแต่งงานระหว่างปรัชญ์กับธรินดาจะมีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ช่วงนี้บรรยากาศของคุ้มลักษิกาจึงสวยสะพรั่งไปด้วยความรักที่กำลังเบ่งบานของสองหนุ่มสาว ซึ่งคนที่มีความสุขมากกว่าใครคือแม่เลี้ยงลักษิกานั่นเอง แม้อะไรๆ จะไม่เป็นไปอย่างที่ตนตั้งความหวังไว้ในตอนแรกก็ตาม แต่ตอนนี้แม่เลี้ยงได้เรียนรู้แล้วว่าการปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ควรตามใจผู้นอน ส่วนว่าที่เจ้าสาวอย่างธรินดาซึ่งเพิ่งจะเริ่มเข้าไปช่วยบริหารงานในโรงแรมได้ไม่ถึงเดือนนั้น ก็ได้รับคำสั่งจากว่าที่สามีให้หยุดงานก่อนเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอย่างเดียว ซึ่งแม่เลี้ยงลักษิกาเองก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ เพราะอยากให้ลูกสาวสวยและพร้อมที่สุดในวันแต่งงาน ธรินดาจึงต้องอยู่บ้านตามคำสั่งของปรัชญ์ และแต่ละวันก็ต้องวุ่นวายกับช่างเสื้อ ช่างแต่งหน้าทำผม และเลือกของชำร่วยที่จะมาใช้ในงานแต่งงาน โดยปรัชญ์ยังคงออกไปทำงานตามปกติช่วงเย็นวันนี้เขาไม่ได้ตรงกลับบ้านเหมือนเคย แต่ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของรังสิมันต์ และเจ้าของบ้านก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าปรัชญ์ไม่ได้มาหาเขา แต่กำลังแยกตัวไปคุยอยู่กับจันทริกาตามลำพังคล้ายกับมีลับลมคมในบางอ
บทที่ 90“ก็แล้วทำไมคุณปรัชญ์จะต้องล้อเล็กด้วยล่ะคะว่าเสียงครางเล็กเป็นยังไง” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าเขาทั้งที่แก้มนวลแดงก่ำ แต่ก็แปลกใจตัวเองที่กล้าตอบโต้เขาแบบนั้น หรือว่าเธอจะซึมซับความเป็นเขาจนเคยชินเข้าแล้วจริงๆ“ล้อที่ไหน ฉันพูดความจริงต่างหาก นะเล็กจ๋านะ ฉันอยากได้ยินเสียงแบบนั้นอีก นี่กี่วันแล้วที่ฉันไม่ได้ยิน จะลงแดงตายอยู่แล้วนะที่รัก” ปรัชญ์ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขี้อ้อนที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธรินดาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน จึงได้แต่ตอบเขาไปด้วยกลอนของวรรณคดีในเรื่องขุนช้างขุนแผน“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”“ฉันขอเถียงว่าไม่จริง”“อย่ามัวแต่เถียงกับเล็กอยู่เลยค่ะ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยตัดบท เพราะยิ่งคุยกันนานก็ยิ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานลูกล่อลูกชนของเขาไม่ไหว“นี่ฉันกำลังถูกเมียสั่งอยู่ใช่มั้ย” ปรัชญ์เอ่ยสัพยอกอีกพลางลอบถอนหายใจเบาๆ“ไม่ได้สั่งค่ะ แค่เป็นห่วงอยากให้สบายตัว”“จริงเหรอ”“ค่ะ”“ถ้าอยากให้ฉันสบายตัวจริงๆ เธอก็ต้องไปด้วยกัน”ว่าแล้วปรัชญ์ก็ย่อตัวลงช้อนเอาร่างเล็กขึ้นอุ้มทันที“ปล่อยเล็กลงนะคะคุณปรัชญ์...ทำไมจ้องจะเอาเปรี
บทที่ 91ปรัชญ์พาธรินดาลงมาจากเวที หญิงสาวขอตัวกับเจ้าบ่าวเมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยรุ่นน้องผู้ทำหน้าที่เล่นเปียโนให้ปรัชญ์ร้องเพลงเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เธอเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นจันทริกายืนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่คนเดียวที่มุมห้องคล้ายกับว่ากำลังรอใคร ธรินดาจึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันที“จันทร์...”“พี่เล็ก...”“ทำไมมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ”“จันทร์ไม่รู้จะคุยกับใครน่ะค่ะ จันทร์ไม่รู้จักใครเลย” สาวรุ่นน้องยิ้มแหยๆ แววตาดูอ้างว้างและตื่นๆ จนคนมองนึกสงสาร“อยากกลับบ้านเหรอ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปส่งมั้ย” ธรินดาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดีแต่ก็ได้รับการปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณตะวันสั่งไว้ว่าให้จันทร์รอ”“อ๋อ...จะกลับพร้อมพี่ตะวันใช่มั้ย”“ค่ะพี่เล็ก พี่เล็กไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จันทร์อยู่ได้ค่ะ”“งั้นพี่ค่อยสบายใจหน่อย พี่ขอบใจจันทร์มากนะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้”“จันทร์ยินดีค่ะ เสียดายนะคะพี่ขิมมาไม่ได้ ไม่งั้นจันทร์จะบอกให้พี่ขิมสีไวโอลินให้ด้วย เพลงของคุณปรัชญ์คงเพราะกว่านี้” จันทริกาเอ่ยถึงภัคธีมารุ่นพี่ที่เคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันซึ่งเป็นคนที่มีทักษะทางด้
บทที่ 92แม่เลี้ยงลักษิกายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับธรินดาหญิงสาวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักเหมือนลูก ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตนอย่างที่หวังไว้จริงๆ แล้ว แม้จะไม่ใช่กับลูกชายคนที่ตัวเองตั้งใจจะให้คู่ด้วยแต่แรกก็ตามที แต่ธรินดาก็ได้แต่งงานกับคนที่เธอรักซึ่งก็เป็นลูกชายของตนเหมือนกัน“แม่ให้เป็นของขวัญแต่งงานนะหนูเล็ก” ธรินดายกมือขึ้นไหว้และรับมาโดยที่ไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นคืออะไร“แล้วของผมล่ะครับ” ปรัชญ์ทวงอย่างไม่จริงจัง เขาไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว เพราะเขาได้ของขวัญที่ดีและมีค่ามากที่สุดในชีวิตซึ่งก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้นั่นเอง เขาจึงไม่ต้องการอะไรอีก อีกทั้งนับจากนี้ของสิ่งใดที่เป็นของเขาก็จะเป็นของธรินดาด้วยอยู่แล้ว “ไม่มีย่ะ ฉันยกให้ลูกสะใภ้ฉันหมดแล้ว”“เอ...ชักอยากรู้แล้วสิว่าแม่ยกอะไรให้เมียผม”“ก็มรดกทุกอย่างที่เป็นส่วนของแกน่ะสิ”“โหแม่...นี่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายตัวเองอีกนะ” ปรัชญ์แกล้งโวยวายเล่นพอเป็นสีสัน“ย่ะ ฉันรักมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”“แล้วอย่างนี้ผมจะมีสมบัติอะไรเหลือไว้ให้เมียน้อยบ้างล่ะ” ปรัชญ์ยังมิวายกวนประสาทคนเป็นแม่แม้แต่ในช่วง