บทที่ 31“คนเจ้าเล่ห์ ปล่อยเล็กนะ”เสียงหวานห้วนจนเกือบจะเป็นตวาด มือก็ยังทุบตีเขาไปด้วยเพราะถูกความโมโหครอบงำ ปรัชญ์ไม่ได้รู้สึกเจ็บจากแรงมือเล็กๆ นั้นสักนิด เพียงแค่รำคาญ บวกกับอยากรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มอันยวนใจและอยากให้เธอรู้สึกถึงเขามากกว่าเดิม จึงตวัดกอดเอวกิ่วคอดแน่นยิ่งขึ้น ก่อนจะพลิกให้ร่างเล็กลงไปนอนหงาย ส่วนเขาเป็นฝ่ายขึ้นมานอนคร่อมทับอยู่ด้านบนแทน ธรินดาจะตอบโต้เขาด้วยการทุบอีก แต่คราวนี้ปรัชญ์ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เพราะเขารวบมือเล็กทั้งสองของเธอตรึงไว้เหนือศีรษะ และตรึงร่างกายส่วนอื่นๆ ของเธอด้วยสัดส่วนอันแข็งแกร่งของเขาปรัชญ์มองลงมา ส่วนธรินดาก็มองตอบ ทำให้ตาสองคู่สบประสานกันอีกครั้ง ปรัชญ์เป็นฝ่ายยิ้มยั่วอย่างผู้ชนะ ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าลงไปจนใกล้กับเรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ“อย่าค่ะ...” ธรินดาเอ่ยห้ามพร้อมกับเบือนหน้าหนี“อย่าอะไรหืม...”“อย่ารังแกเล็ก”“ฉันรังแกเธอตอนไหน เมื่อกี้มีแต่เธอไม่ใช่เหรอที่เป็นฝ่ายรังแกฉัน ทุบเอาๆ เหมือนกับฉันเป็นกระท้อนที่ต้องทุบให้ได้ที่ก่อนจะกิน”“ก็คุณปรัชญ์แกล้งเล็กก่อนนี่คะ”“เธอก็รู้ว่าฉันไม่เคยยอมเสียเปรียบใคร เมื่อถูกทำร้ายฉันก็ต้องเ
บทที่ 32ชีวิตการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเข้าสู่ภาวะปกติในยามเช้าของวันรุ่งขึ้น ธรินดาตื่นมาและแต่งตัวออกไปเรียน โดยพยายามจะลืมไปว่าเมื่อวานเคยมีใครมาที่ห้องและเขาก็โกรธเธอก่อนจะกลับไป เมื่อถึงห้องเลกเชอร์ ธรินดาเลือกที่นั่งด้านหน้าเช่นเคย หลังจากนั้นอีกสิบนาทีชนิศาซึ่งมาสายกว่าทุกวันก็กระหืดกระหอบมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆวันนี้ทั้งคู่ต่างมีเรียนแค่วิชานี้วิชาเดียว เช่นเดียวกับนักศึกษาปีสุดท้ายหลายๆ คนที่วิชาเรียนจะเหลือน้อยลง เพราะต้องเอาเวลาไปทุ่มให้กับการทำสารนิพนธ์ซึ่งจะต้องออกมาเป็นรูปเล่มก่อนจบ“โหย...โชคดีเป็นบ้าเลยเล็กที่อาจารย์ยังไม่มา ไม่งั้นเราคงเข้าห้องเลตกว่าอาจารย์แน่ๆ” ชนิศาหันไปคุยกับธรินดาพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก“เห็นพี่เจ้าหน้าที่เข้ามาบอกว่าอาจารย์จะมาช้าหน่อยเพราะติดธุระ ว่าแต่ศาทำไมวันนี้มาสาย”“พอดีเมื่อคืนเราคุยกับพี่ปรัชญ์เพลินไปหน่อย”“คุณปรัชญ์?” ธรินดาค่อนข้างแปลกใจที่ได้ยินเช่นนั้น เมื่อคืนเขาบอกว่าจะไปหาคนที่เต็มใจ…คนคนนั้นก็คือชนิศาหรอกหรือ เธอแทบไม่กล้าคิดต่อว่าปรัชญ์ทำอะไรกับชนิศาบ้าง ทำเหมือนที่ทำกับเธอหรือจะแค่โปรยเสน่ห์ใส่ตามประสาผู้ชายเจ้าชู
บทที่ 33สายตาของสองสาวต่างหันไปยังลานจอดรถที่ตอนนี้เฟอร์รารี่สีแดงกำลังแล่นเข้ามาจอด ซึ่งธรินดาจำได้แม่นทีเดียวว่ารถคันนั้นคือรถของใคร“คุณปรัชญ์...” เสียงหวานหลุดชื่อนั้นออกมาเบาๆ“ใช่...พอดีพี่ปรัชญ์โทร.มาชวนไปทานข้าว ตอนแรกนึกว่าชวนเล็กด้วยซะอีก”“เปล่า...ไม่ได้ชวน เขาคงอยากไปกับศาสองคนมากกว่าน่ะ” ธรินดาฉีกยิ้มให้เพื่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าตอนนี้ภายในของเธอกำลังถูกกวนให้ปั่นป่วนด้วยเรื่องที่คาดไม่ถึง“งั้นเราขอตัวก่อนนะ ว่าแต่เล็กจะไม่ไปทักทายพี่ชายหน่อยเหรอ”“ไม่ละ ศาไปเถอะ...เราเองก็จะขึ้นห้องแล้วพอดีพิมพ์งานค้างไว้” ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะออกไปซื้อข้าวและก่อนหน้านี้หิวจนกระเพาะประท้วง แต่ตอนนี้กลับอิ่มตื้อไปหมดจนไม่นึกอยากจะกินอะไรชนิศาลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงไปยังรถสีแดงสะดุดตาที่ตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครเพราะความสวยและราคาอันแพงลิบลิ่วที่มีอยู่ไม่กี่คันในประเทศ โดยคนข้างในตอนนี้เปิดประตูลงมายืนข้างๆ รถพร้อมกับมองผ่านเข้าไปยังกระจกใสเมื่อคนที่ตัวเองนัดก้าวตรงออกมา ส่วนอีกคนรีบหลบฉากไปยืนที่บันไดข้างลิฟต์ร่างบางแอบมองอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งเห็นว่าเขาเปิดประตูให้ชนิศา ก่อน
บทที่ 34“คุณปรัชญ์ไม่ควรจะยุ่งกับศา” คนถูกยั่วให้โกรธบอกเสียงขุ่นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่“ทำไมล่ะ”“ก็เพราะคุณปรัชญ์มีคู่หมั้นอยู่แล้วน่ะสิคะ จะมายุ่งกับเพื่อนเล็กพร่ำเพรื่อทำไม”“สบายใจได้น่า ฉันไม่ได้ยุ่งกับเพื่อนเธอเหมือนกับที่ ‘ยุ่ง’ กับเธอหรอก อีกอย่างฉันก็แค่หมั้น ยังไม่ได้แต่งเสียหน่อย ยังมีสิทธิ์เลือกไม่ใช่เหรอ”“แล้วคุณไม่ห่วงความรู้สึกของพี่นัสบ้างเหรอคะ ไหนจะศาอีก ศาจะเสียใจแค่ไหนถ้ารู้ว่าคุณปรัชญ์มีคู่หมั้นแล้ว ศาเป็นเพื่อนเล็กนะคะ ไม่ใช่ของเล่นที่คุณปรัชญ์นึกอยากจะเล่นสนุกๆ ด้วย พอเบื่อก็เขี่ยทิ้งได้”“เหตุผลที่เธอพูดกับฉันแบบนี้นี่เพราะอะไร” เขาเอียงคอมอง มีประกายขำๆ ปรากฏอยู่ในดวงตา“ก็เพราะเล็กเป็นห่วงความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกันน่ะสิคะ”“ฉันนึกว่าเธอพูดในฐานะเมียที่กำลังหึงผัวซะอีก”“เล็กไม่ใช่เมียคุณปรัชญ์” เธอรีบโต้ทันควัน พร้อมๆ กับใบหน้าที่ร้อนวูบวาบเมื่อถูกเอ่ยถึงสถานะเช่นนั้น“ถ้าไม่ใช่ แล้วเป็นอะไร”“นางบำเรอ ที่ระบายอารมณ์ชั่วคราว หรืออะไรก็ได้ สุดแล้วแต่คุณปรัชญ์อยากจะเรียก”“ฉันอยากเรียกเมีย มีอะไรมั้ย ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นเดือน เธอไม่คิดถึงฉันบ้างหรือไง ถึง
บทที่ 35“แม่ใหญ่...”“มาแล้วเหรอหนูเล็ก” “คิดถึงแม่ใหญ่จังค่ะ”“แม่ก็คิดถึงหนูเล็ก ไม่งั้นคงไม่ให้พี่ปราณต์พามาหาหนูเล็กหรอก”“คิดถึงลูกสาวหรืออยากมีเพื่อนไปวัดครับแม่” ปราณต์เอ่ยสัพยอกมารดาที่ตอนนี้ทั้งกอดทั้งหอมลูกสาวบุญธรรมด้วยความคิดถึง“พี่ปราณต์...สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้“ไงเรา ทำไมตอนแรกหน้าบึ้งมาเชียว”“เปล่าค่ะ เพียงแต่เล็กนึกว่าคนที่มาหาเล็กจะเป็น...” ธรินดาเกือบจะหลุดชื่อนั้นออกไปแต่ยั้งเอาไว้ได้ทัน“เป็นใครเหรอ?” ปราณต์เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ที่จู่ๆ น้องสาวบุญธรรมก็หยุดชะงักทั้งที่ประโยคดังกล่าวยังไม่ทันจะพูดจบ“พวกชอบป่วนน่ะค่ะพี่ปราณต์”“พวกชอบป่วนที่ว่านี่เป็นหนุ่มๆ ใช่มั้ย”“พวกนิสัยไม่ดีต่างหากค่ะ ว่าแต่พี่ปราณต์กับแม่ใหญ่มาได้ไงคะ” หญิงสาวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพราะไม่อยากเอ่ยถึงปรัชญ์และไม่อยากให้ปราณต์และแม่เลี้ยงลักษิการู้ว่าเขามาที่นี่“พี่มาประชุมที่กรุงเทพฯ แล้วก็เลยชวนแม่ใหญ่ของหนูเล็กมาด้วย เห็นแม่ใหญ่ของหนูเล็กบ่นว่าคิดถึงลูกสาวมาก เล็กไม่กลับบ้านมาเกือบสองเดือนแล้วนี่”“ค่ะ...ช่วงนี้เล็กติดทำวิจัยน่ะค่ะ ก็เลยไม่มีโอกาสได้กลับเลย”“งั
บทที่ 36หลังจากที่สำอางกับลุงเล็กไปแล้ว แม่เลี้ยงลักษิกาก็เดินนำลูกๆ เข้าบ้าน ภายในบ้านยังคงสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเดิม นำมาซึ่งความพอใจแก่ผู้เป็นเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก เพราะสำอางกับลูกสาวคอยดูแลทำความสะอาดอยู่ไม่เคยขาดตกบกพร่องนั่นเอง ธรินดาเดินเลยไปในครัว เปิดตู้เย็นหยิบเอาขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วเปล่าสองใบ แล้วจัดใส่ถาดเดินออกมาเสิร์ฟให้กับแม่เลี้ยงลักษิกาและปราณต์คนละแก้ว“แล้วหนูเล็กจะทำอะไรกินลูก แม่คิดว่าสำอางคงไม่ได้ซื้อของเตรียมเอาไว้หรอก เพราะแม่ไม่ได้บอกก่อนว่าจะมา”“เมื่อกี้เล็กดูในตู้เย็นแล้ว ไม่มีของสดอะไรเลยค่ะ นอกจากน้ำเปล่า”“เอางี้มั้ยเดี๋ยวแม่โทร.สั่งอาหารที่โรงแรมมา หนูเล็กจะได้ไม่เหนื่อย”“โธ่...แม่ใหญ่ขา เล็กไม่เหนื่อยหรอกค่ะ เดี๋ยวสักพักเล็กว่าจะออกไปซื้อของ”“งั้นก็ให้พี่ปราณต์พาไป หนูเล็กจะได้มีเพื่อนและมีคนช่วยถือของ ความจริงวันหยุดยาวๆ แบบนี้ครอบครัวเราน่าจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันนะ แต่พ่อตัวดีนี่สิไม่รู้หายหัวไปไหน ไม่งั้นจะชวนมาหาหนูเล็กด้วยกันเสียหน่อย” แม่เลี้ยงลักษิกาบ่นถึงลูกชายคนเล็กหลังจากนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น โดย
บทที่ 37ปราณต์กับธรินดาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้านานเกือบสองชั่วโมงก็กลับมาพร้อมกับวัตถุดิบในการประกอบอาหาร และเครื่องดื่มหลายอย่าง“เล็กขอเวลาสักหนึ่งชั่วโมงนะคะ เดี๋ยวจะจัดการหุงข้าวและทำกับข้าวให้แม่ใหญ่กับทุกๆ คนทานค่ะ” ธรินดาเอ่ยกับแม่เลี้ยงลักษิกาหลังจากขนของเข้าไปในครัวเรียบร้อยแล้ว“พี่ไปช่วยนะน้องเล็ก” นัสรินเอ่ยอาสาแม้จะไม่ค่อยเก่งเรื่องการบ้านการเรือนนัก แต่ก็ไม่อยากนั่งรอกินเฉยๆ อีกทั้งอยากคุยกับธรินดาตามประสาผู้หญิงและอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น เพราะวันนั้นได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค“ค่ะพี่นัส”หญิงสาววัยไล่เลี่ยสองคนเดินตามกันเข้าไปในครัว ธรินดาจัดการหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวขนาดสำหรับครอบครัวใหญ่ จากนั้นก็จัดการแกะผักและเนื้อออกจากถุง“เล็กจะให้พี่ช่วยอะไร”“พี่นัสหั่นหอมใหญ่กับมะเขือเทศให้เล็กก็แล้วกันนะคะ เล็กว่าจะทำสลัดด้วย เดี๋ยวเล็กล้างให้ก่อนเลย”ธรินดาจัดการปอกหอมใหญ่ นำไปล้างพร้อมกับมะเขือเทศสีแดงลูกโต จากนั้นจึงส่งให้กับหญิงสาวรุ่นพี่ นัสรินรับมาและหยิบมีดกับเขียงไปวางที่โต๊ะหินอ่อน จากนั้นก็เริ่มหั่นพร้อมกับชวนคุย“น้องเล็กดูคล่องจัง คงเข้าครัวบ่อยเลยใช่มั้ย”“ค่ะ
บทที่ 38ร่างบางทรุดตัวนั่งลงแทนตำแหน่งเดิมที่นัสรินนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ แล้วจัดการลงมือหั่นหอมใหญ่และมะเขือเทศส่วนที่เหลือต่อ เสียงกระทบระหว่างมีดกับเขียงตามจังหวะการลงแรงของมือเล็กถูกแทรกด้วยเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง ธรินดาที่ก้มหน้าหั่นผักอยู่คิดว่าเป็นนัสรินเพราะเมื่อครู่นี้นัสรินทำท่าเหมือนยังไม่อยากออกไปจากห้องครัว เสียงหวานจึงพูดกับอีกฝ่ายโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง“เล็กบอกแล้วไงคะว่า...” พูดยังไม่ทันจบประโยคมือเล็กก็ชะงักงัน เมื่อจมูกรับรู้ถึงกลิ่นเฉพาะตัวพร้อมกับไออุ่นของคนที่มายืนขนาบอยู่ทางด้านหลังในตอนนี้“บอกว่าไงล่ะ”คนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเอ่ยถามเมื่อเธอพูดไม่จบประโยคเช่นนั้น แต่เขาไม่ทำแค่ถามเปล่าๆ หากยังโน้มตัวลงมาวางมือซ้ายขวาคร่อมร่างบางกักขังเอาไว้ ส่วนใบหน้าของเขาตอนนี้อยู่ห่างจากซีกแก้มด้านขวาของธรินดาแค่ไม่กี่เซนติเมตร“คุณปรัชญ์เข้ามาทำอะไรคะ” ธรินดาตัวเกร็งขึ้นเมื่อถูกปรัชญ์ประชิดตัวแบบนั้น“มาทำหน้าที่แทนคู่หมั้นฉันไง”“เล็กบอกแล้วไงคะว่าเล็กทำคนเดียวได้”“บางอย่างทำคนเดียวไม่สนุกหรอก ต้องมีคนช่วย...” เขากระซิบด้วยถ้อยคำที่ชวนให้คิดลึ
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก
บทที่ 92แม่เลี้ยงลักษิกายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับธรินดาหญิงสาวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักเหมือนลูก ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตนอย่างที่หวังไว้จริงๆ แล้ว แม้จะไม่ใช่กับลูกชายคนที่ตัวเองตั้งใจจะให้คู่ด้วยแต่แรกก็ตามที แต่ธรินดาก็ได้แต่งงานกับคนที่เธอรักซึ่งก็เป็นลูกชายของตนเหมือนกัน“แม่ให้เป็นของขวัญแต่งงานนะหนูเล็ก” ธรินดายกมือขึ้นไหว้และรับมาโดยที่ไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นคืออะไร“แล้วของผมล่ะครับ” ปรัชญ์ทวงอย่างไม่จริงจัง เขาไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว เพราะเขาได้ของขวัญที่ดีและมีค่ามากที่สุดในชีวิตซึ่งก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้นั่นเอง เขาจึงไม่ต้องการอะไรอีก อีกทั้งนับจากนี้ของสิ่งใดที่เป็นของเขาก็จะเป็นของธรินดาด้วยอยู่แล้ว “ไม่มีย่ะ ฉันยกให้ลูกสะใภ้ฉันหมดแล้ว”“เอ...ชักอยากรู้แล้วสิว่าแม่ยกอะไรให้เมียผม”“ก็มรดกทุกอย่างที่เป็นส่วนของแกน่ะสิ”“โหแม่...นี่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายตัวเองอีกนะ” ปรัชญ์แกล้งโวยวายเล่นพอเป็นสีสัน“ย่ะ ฉันรักมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”“แล้วอย่างนี้ผมจะมีสมบัติอะไรเหลือไว้ให้เมียน้อยบ้างล่ะ” ปรัชญ์ยังมิวายกวนประสาทคนเป็นแม่แม้แต่ในช่วง
บทที่ 91ปรัชญ์พาธรินดาลงมาจากเวที หญิงสาวขอตัวกับเจ้าบ่าวเมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยรุ่นน้องผู้ทำหน้าที่เล่นเปียโนให้ปรัชญ์ร้องเพลงเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เธอเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นจันทริกายืนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่คนเดียวที่มุมห้องคล้ายกับว่ากำลังรอใคร ธรินดาจึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันที“จันทร์...”“พี่เล็ก...”“ทำไมมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ”“จันทร์ไม่รู้จะคุยกับใครน่ะค่ะ จันทร์ไม่รู้จักใครเลย” สาวรุ่นน้องยิ้มแหยๆ แววตาดูอ้างว้างและตื่นๆ จนคนมองนึกสงสาร“อยากกลับบ้านเหรอ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปส่งมั้ย” ธรินดาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดีแต่ก็ได้รับการปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณตะวันสั่งไว้ว่าให้จันทร์รอ”“อ๋อ...จะกลับพร้อมพี่ตะวันใช่มั้ย”“ค่ะพี่เล็ก พี่เล็กไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จันทร์อยู่ได้ค่ะ”“งั้นพี่ค่อยสบายใจหน่อย พี่ขอบใจจันทร์มากนะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้”“จันทร์ยินดีค่ะ เสียดายนะคะพี่ขิมมาไม่ได้ ไม่งั้นจันทร์จะบอกให้พี่ขิมสีไวโอลินให้ด้วย เพลงของคุณปรัชญ์คงเพราะกว่านี้” จันทริกาเอ่ยถึงภัคธีมารุ่นพี่ที่เคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันซึ่งเป็นคนที่มีทักษะทางด้
บทที่ 90“ก็แล้วทำไมคุณปรัชญ์จะต้องล้อเล็กด้วยล่ะคะว่าเสียงครางเล็กเป็นยังไง” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าเขาทั้งที่แก้มนวลแดงก่ำ แต่ก็แปลกใจตัวเองที่กล้าตอบโต้เขาแบบนั้น หรือว่าเธอจะซึมซับความเป็นเขาจนเคยชินเข้าแล้วจริงๆ“ล้อที่ไหน ฉันพูดความจริงต่างหาก นะเล็กจ๋านะ ฉันอยากได้ยินเสียงแบบนั้นอีก นี่กี่วันแล้วที่ฉันไม่ได้ยิน จะลงแดงตายอยู่แล้วนะที่รัก” ปรัชญ์ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขี้อ้อนที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธรินดาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน จึงได้แต่ตอบเขาไปด้วยกลอนของวรรณคดีในเรื่องขุนช้างขุนแผน“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”“ฉันขอเถียงว่าไม่จริง”“อย่ามัวแต่เถียงกับเล็กอยู่เลยค่ะ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยตัดบท เพราะยิ่งคุยกันนานก็ยิ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานลูกล่อลูกชนของเขาไม่ไหว“นี่ฉันกำลังถูกเมียสั่งอยู่ใช่มั้ย” ปรัชญ์เอ่ยสัพยอกอีกพลางลอบถอนหายใจเบาๆ“ไม่ได้สั่งค่ะ แค่เป็นห่วงอยากให้สบายตัว”“จริงเหรอ”“ค่ะ”“ถ้าอยากให้ฉันสบายตัวจริงๆ เธอก็ต้องไปด้วยกัน”ว่าแล้วปรัชญ์ก็ย่อตัวลงช้อนเอาร่างเล็กขึ้นอุ้มทันที“ปล่อยเล็กลงนะคะคุณปรัชญ์...ทำไมจ้องจะเอาเปรี