บทที่ 37ปราณต์กับธรินดาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้านานเกือบสองชั่วโมงก็กลับมาพร้อมกับวัตถุดิบในการประกอบอาหาร และเครื่องดื่มหลายอย่าง“เล็กขอเวลาสักหนึ่งชั่วโมงนะคะ เดี๋ยวจะจัดการหุงข้าวและทำกับข้าวให้แม่ใหญ่กับทุกๆ คนทานค่ะ” ธรินดาเอ่ยกับแม่เลี้ยงลักษิกาหลังจากขนของเข้าไปในครัวเรียบร้อยแล้ว“พี่ไปช่วยนะน้องเล็ก” นัสรินเอ่ยอาสาแม้จะไม่ค่อยเก่งเรื่องการบ้านการเรือนนัก แต่ก็ไม่อยากนั่งรอกินเฉยๆ อีกทั้งอยากคุยกับธรินดาตามประสาผู้หญิงและอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น เพราะวันนั้นได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค“ค่ะพี่นัส”หญิงสาววัยไล่เลี่ยสองคนเดินตามกันเข้าไปในครัว ธรินดาจัดการหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวขนาดสำหรับครอบครัวใหญ่ จากนั้นก็จัดการแกะผักและเนื้อออกจากถุง“เล็กจะให้พี่ช่วยอะไร”“พี่นัสหั่นหอมใหญ่กับมะเขือเทศให้เล็กก็แล้วกันนะคะ เล็กว่าจะทำสลัดด้วย เดี๋ยวเล็กล้างให้ก่อนเลย”ธรินดาจัดการปอกหอมใหญ่ นำไปล้างพร้อมกับมะเขือเทศสีแดงลูกโต จากนั้นจึงส่งให้กับหญิงสาวรุ่นพี่ นัสรินรับมาและหยิบมีดกับเขียงไปวางที่โต๊ะหินอ่อน จากนั้นก็เริ่มหั่นพร้อมกับชวนคุย“น้องเล็กดูคล่องจัง คงเข้าครัวบ่อยเลยใช่มั้ย”“ค่ะ
บทที่ 38ร่างบางทรุดตัวนั่งลงแทนตำแหน่งเดิมที่นัสรินนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ แล้วจัดการลงมือหั่นหอมใหญ่และมะเขือเทศส่วนที่เหลือต่อ เสียงกระทบระหว่างมีดกับเขียงตามจังหวะการลงแรงของมือเล็กถูกแทรกด้วยเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง ธรินดาที่ก้มหน้าหั่นผักอยู่คิดว่าเป็นนัสรินเพราะเมื่อครู่นี้นัสรินทำท่าเหมือนยังไม่อยากออกไปจากห้องครัว เสียงหวานจึงพูดกับอีกฝ่ายโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง“เล็กบอกแล้วไงคะว่า...” พูดยังไม่ทันจบประโยคมือเล็กก็ชะงักงัน เมื่อจมูกรับรู้ถึงกลิ่นเฉพาะตัวพร้อมกับไออุ่นของคนที่มายืนขนาบอยู่ทางด้านหลังในตอนนี้“บอกว่าไงล่ะ”คนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเอ่ยถามเมื่อเธอพูดไม่จบประโยคเช่นนั้น แต่เขาไม่ทำแค่ถามเปล่าๆ หากยังโน้มตัวลงมาวางมือซ้ายขวาคร่อมร่างบางกักขังเอาไว้ ส่วนใบหน้าของเขาตอนนี้อยู่ห่างจากซีกแก้มด้านขวาของธรินดาแค่ไม่กี่เซนติเมตร“คุณปรัชญ์เข้ามาทำอะไรคะ” ธรินดาตัวเกร็งขึ้นเมื่อถูกปรัชญ์ประชิดตัวแบบนั้น“มาทำหน้าที่แทนคู่หมั้นฉันไง”“เล็กบอกแล้วไงคะว่าเล็กทำคนเดียวได้”“บางอย่างทำคนเดียวไม่สนุกหรอก ต้องมีคนช่วย...” เขากระซิบด้วยถ้อยคำที่ชวนให้คิดลึ
บทที่ 39“ตกลง...ฉันจะถือว่านี่คือคำสัญญาของเธอ และถ้าเธอคิดจะฆ่าผัวหรือทำร้ายผัวตัวเองอีกเมื่อไหร่ ฉันลงโทษเธอหนักแน่” เขาคาดโทษทั้งปากทั้งตา มือที่ยังวางประกบอยู่บนสองเต้าทรวงอวบอิ่มแกล้งฟอนเฟ้นเบาๆ แต่ก็ทำเอาใบหน้าสวยซึ้งแดงซ่านมากกว่าเดิม เรียวปากอิ่มรีบเม้มเข้าหากันแน่น เพราะกลัวตัวเองจะหลุดเสียงครางรับสัมผัสของเขา มือเล็กทั้งสองยกขึ้นผลักเขาออกห่าง ทว่าร่างสูงก็ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน จนธรินดาต้องเอ่ยปากขอร้องอีกครา“ไหนว่าจะมาช่วยเล็กทำอาหารไงคะ ปล่อยเล็กสิ เล็กจะได้ไปทำอาหารต่อให้เสร็จ”“ก็ได้ แต่ตอนนี้เธอต้องให้ฉันช่วยอย่างอื่นก่อน”“ช่วยอะไรคะ”“ก็ช่วยทำนี่ให้เธอไง”พูดเสร็จมืออีกข้างที่ประคองท้ายทอยอยู่ก่อนหน้านี้ก็สอดลอดเข้าใต้ชายเสื้อยืดที่เธอสวมอยู่ กลายเป็นว่าตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาอยู่ใต้เสื้อของเธอ และพร้อมใจกันอ้อมไปด้านหลัง จับขอบบราเซียร์ที่ดีดเด้งออกจากกันก่อนหน้านี้เข้ามาแนบประกบแล้วจัดการทำให้ตะขอสองข้างเกาะเกี่ยวกันดังเดิมแต่เป็นไปด้วยความเชื่องช้า“อาจจะช้าหน่อยนะ เพราะฉันถนัดแต่ถอด ไม่เคยใส่ให้ใครมาก่อน” เสียงทุ้มดังขึ้นเหมือนกับอารมณ์ดีนักหนา ราวกับเมื่
บทที่ 40“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าชาตินี้แม่จะมีวาสนาได้กินอาหารฝีมือลูกชายคนเล็กของตัวเอง ไม่รู้ว่าต้องทำบุญอีกเท่าไหร่ถึงจะได้มีโอกาสกินอีก”แม่เลี้ยงลักษิกาเปรยขึ้นเหมือนกับค่อนแขวะลูกชายหลังจากอาหารมื้อนั้นผ่านไปด้วยความอิ่มเอมใจ แม้ปากจะพูดเช่นนั้นแต่ข้างในกลับสุขทั้งกายและใจซึ่งเกิดจากรสชาติของอาหารและความสุขจากการถูกรายล้อมด้วยบรรดาลูกๆ กับว่าที่ลูกสะใภ้ของบ้าน“แม่เลี้ยงก็รีบแบ่งสมบัติให้ผมสิ ผมอาจจะเลี้ยงฉลองด้วยการทำอาหารให้แม่เลี้ยงกินอีกสักมื้อก็ได้” ปรัชญ์พูดกวนยวนยั่วอารมณ์คนเป็นแม่อีกเช่นเคย“ไม่มีทางเสียหรอกย่ะ สมบัติส่วนที่เป็นของแกฉันจะเก็บไว้ให้ลูกสะใภ้ฉัน ถ้าแกอยากได้แกก็ต้องรีบแต่งงานแล้วจดทะเบียนสมรสซะให้เรียบร้อย เพราะสมบัติเมียก็เหมือนสมบัติผัว” แม่เลี้ยงลักษิกายื่นข้อเสนอแบบกึ่งเล่นกึ่งจริงจัง“ผมน่ะอยากแต่งอยู่แล้ว รอแค่ให้ลูกสาวของแม่เลี้ยงเรียนจบเท่านั้น”คำพูดนั้นทำให้คนเป็นแม่แปร่งหูชอบกล ส่วนคนที่ถูกพาดพิงเต็มๆ อย่างธรินดาถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อคล้ายโดนสาปให้กลายเป็นหินไปชั่วขณะ กลัวใจปรัชญ์เหลือเกินว่าเขาจะพูดอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ตามมา“แกจะแต่งงานแล้วมันเ
บทที่ 41กว่าห้านาทีธรินดาจึงค่อยกลับเข้าไปหาผู้เป็นแม่ซึ่งตอนนี้ไปนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ในนั้นไม่มีปราณต์อยู่ด้วย“พี่ปราณต์ไปไหนคะแม่ใหญ่”“ขอขึ้นไปงีบที่ห้องน่ะ แล้วเล็กล่ะทำไมไปนานจังลูก แม่ได้ยินเสียงรถของตาปรัชญ์แล่นออกไปสักพักใหญ่แล้วไม่ใช่เหรอ”“เล็กยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่หน้าบ้านน่ะค่ะแม่ใหญ่ ก็เลยยังไม่ได้กลับเข้ามา”ความจริงไม่ได้คิดเรื่อยเปื่อย เธอมัวแต่ขบคิดว่าจะหาทางเอาตัวรอดต่างหากจึงเข้าบ้านช้า แม้ที่ผ่านมาเธอมักจะปรึกษาแม่ใหญ่ยามเจอกับปัญหาที่คิดไม่ตก ทว่าเรื่องนี้เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะปริปากบอกแม่ใหญ่“คิดอะไรหือลูก หรือว่าตาปรัชญ์ก่อกวนอะไรอีก” แม่เลี้ยงลักษิกาหันไปพิศมองหน้าลูกสาวอย่างสำรวจความผิดปกติ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะ“เปล่าหรอกค่ะ” ธรินดาจำต้องยิ้มออกมาเพื่อปกปิดความวุ่นวายใจของตัวเอง ก่อนจะขยับไปนั่งชิดแม่บุญธรรมมากกว่าเดิม สอดมือเข้ากอดเอวหนา แล้วเงยหน้าขึ้นพูดด้วยเสียงอ้อนๆ “แม่ใหญ่ขา คืนนี้เล็กขอนอนกับแม่ใหญ่นะคะ”“ทำไมล่ะลูก แม่นอนกรนเสียงดังจะตาย หนูเล็กจะหนวกหูเอาน่ะสิ”“ไม่หรอกค่ะ เล็กอยากนอนกับแม่ใหญ่ นานๆ เจอกันที จะได้กอดให้
บทที่ 42ธรินดาพาตัวเองขึ้นไปนอนข้างๆ ในจังหวะที่แม่เลี้ยงลักษิกานอนหันหลัง จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงเอวและค่อยๆ หลับไปในที่สุด“อุ๊ย!”เสียงหวานอุทานขึ้นกลางดึกพร้อมกับสะดุ้งตื่น เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆ สะบัดมาฟาดโดนที่ใบหน้าเข้าอย่างจัง ทำให้แม่เลี้ยงลักษิกาพลอยสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วย“หนูเล็กเป็นอะไรลูก” แม่บุญธรรมเอ่ยถามพร้อมกับวาดมือไปเปิดไฟหัวเตียง และก็ได้คำตอบว่าคนที่ทำให้ลูกสาวต้องร้องอุทานด้วยความเจ็บยามดึกก็คือตัวเองที่นอนดิ้นและฟาดแขนไปโดนหน้าธรินดาเข้า“เล็กไม่เป็นไรค่ะแม่ใหญ่”“เจ็บมากมั้ยลูก แม่ขอโทษนะ ไม่เอาละแม่นอนดิ้นและฟาดแขนฟาดขาไปเรื่อยแบบนี้ หนูเล็กจะเจ็บตัวเอาอีกเปล่าๆ แม่ว่าหนูเล็กกลับไปนอนที่ห้องหนูเถอะนะลูก แม่ไม่อยากให้เล็กเจ็บตัวเพราะแม่อีก”“โธ่...แม่ใหญ่ขา เล็กไม่เจ็บมากหรอกค่ะ”“ถึงไม่เจ็บมากก็เถอะลูก แต่แม่ก็ไม่สบายใจอยู่ดี นะลูกนะกลับไปนอนห้องหนู อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะสว่าง เดี๋ยวจะนอนไม่เต็มอิ่มเอา”ธรินดาครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ใจหนึ่งก็กลัวแม่จะนอนไม่สบาย อีกใจก็กลัวว่าปรัชญ์จะมาหาเหมือนที่เขาขู่เอาไว้ แต่น้ำหนักข้อแรกเหมือนจะเยอะกว่า จึงต้องกลับ
บทที่ 43ความสนใจของธรินดาถูกหันเหจากต้นไม้ใบหญ้าไปครู่หนึ่งพร้อมกับที่คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากัน เมื่อมีแท็กซี่สีเขียวเหลืองกำลังแล่นตรงเข้ามาจอดที่ลานใต้มุขหน้าบ้าน ทันทีที่เห็นว่าคนที่ก้าวลงมาจากรถคันนั้นเป็นใคร ธรินดาก็รีบก้าวยาวๆ เพื่อหนีหน้า แต่เพียงแค่สองก้าวก็ต้องหยุดอีกครั้งเพราะถูกมือใหญ่รั้งต้นแขนเอาไว้“เดี๋ยวสิธรินดา เธอจะรีบไปไหน”“ปล่อยเล็กค่ะคุณปรัชญ์ เล็กจะเข้าบ้าน”“อะไรกันเห็นหน้าผัวก็จะรีบหนีหน้าเลยเหรอ”ถ้อยคำที่พร่างพรูออกมาแบบโต้งๆ เถื่อนๆ อย่างไม่กลัวใครจะได้ยินทำเอาธรินดาหน้าร้อนเห่อไปหมด ได้แต่มองซ้ายมองขวาเพราะเกรงว่าคำพูดเหล่านั้นจะถึงหูคนอื่น“อย่าหาเรื่องเล็กได้ไหมคะ เล็กขอร้อง”“งั้นก็อยู่คุยกับฉันก่อนสิ ถ้าเธอไม่หนี ฉันก็จะไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่”“ก็ได้ค่ะ คุณปรัชญ์มีอะไรจะพูดกับเล็กก็พูดมาสิคะ”เธอตอบตกลงด้วยดี พลางแอบมองผู้ชายตรงหน้าอย่างสำรวจหลังจากที่เขายอมปล่อยต้นแขนของเธอ ตอนนี้ปรัชญ์อยู่ในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีน้ำเงิน ช่วงบนสวมทับด้วยเสื้อหนังสีดำ ผมที่ยาวเลยบ่านั้นถูกรวบไว้ด้านหลัง หนวดเครายังคงรกรุงรังแบบผู้ชายเซอร์ๆ ดังเดิม แต่ก็เต็ม
บทที่ 44เวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดสารนิพนธ์ของธรินดาและชนิศาก็เสร็จสมบูรณ์ วันนี้ธรินดาตื่นเช้าเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นวันสำคัญสองอย่างนั่นคือ วันนี้จะเป็นวันที่เธอกับชนิศาต้องพรีเซ็นต์สารนิพนธ์ต่อหน้ากรรมการสอบซึ่งเป็นอาจารย์ของภาควิชาจำนวนสามท่าน และยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอเอง หญิงสาวออกไปรอใส่บาตรพระที่บิณฑบาตผ่านหน้าหอพักในทุกๆ เช้า เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและเผื่อแผ่บุญกุศลให้แก่เทวดาประจำตัวพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด พลโทปภพผู้ล่วงลับ เทวดาประจำตัวแม่ใหญ่ เทวดาประจำตัวปราณต์ และเทวดาประจำตัวปรัชญ์ เพราะทุกๆ คนคือคนที่เธอเคารพรัก แม้ว่าคนหลังเธอไม่ควรจะรักและไม่มีสิทธิ์รักก็ตามหลังจากใส่บาตรเสร็จ ธรินดาจึงกลับเข้าหอพัก เห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ และมีคนกำลังช่วยกันขนของขึ้นรถคันนั้น เห็นแบบนั้นก็พอทราบว่าคงมีใครสักคนย้ายหอพัก“ไปใส่บาตรมาเหรอน้องเล็ก” วิชญานีซึ่งเป็นผู้ดูแลหอพักทักทายหญิงสาวที่มักจะออกไปใส่บาตรตอนเช้าอยู่เป็นประจำ“ค่ะพี่นี”“น้องเล็กนี่ทั้งสวยทั้งใจบุญเนอะ ถึงว่าสิมีหนุ่มๆ มาคอยป้วนเปี้ยนแถวหอบ่อยๆ”“มีที่ไหนกันคะพี่นี”“อ้าว...ก็หนุ่มหล่อวิศว
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก
บทที่ 92แม่เลี้ยงลักษิกายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับธรินดาหญิงสาวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักเหมือนลูก ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตนอย่างที่หวังไว้จริงๆ แล้ว แม้จะไม่ใช่กับลูกชายคนที่ตัวเองตั้งใจจะให้คู่ด้วยแต่แรกก็ตามที แต่ธรินดาก็ได้แต่งงานกับคนที่เธอรักซึ่งก็เป็นลูกชายของตนเหมือนกัน“แม่ให้เป็นของขวัญแต่งงานนะหนูเล็ก” ธรินดายกมือขึ้นไหว้และรับมาโดยที่ไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นคืออะไร“แล้วของผมล่ะครับ” ปรัชญ์ทวงอย่างไม่จริงจัง เขาไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว เพราะเขาได้ของขวัญที่ดีและมีค่ามากที่สุดในชีวิตซึ่งก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้นั่นเอง เขาจึงไม่ต้องการอะไรอีก อีกทั้งนับจากนี้ของสิ่งใดที่เป็นของเขาก็จะเป็นของธรินดาด้วยอยู่แล้ว “ไม่มีย่ะ ฉันยกให้ลูกสะใภ้ฉันหมดแล้ว”“เอ...ชักอยากรู้แล้วสิว่าแม่ยกอะไรให้เมียผม”“ก็มรดกทุกอย่างที่เป็นส่วนของแกน่ะสิ”“โหแม่...นี่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายตัวเองอีกนะ” ปรัชญ์แกล้งโวยวายเล่นพอเป็นสีสัน“ย่ะ ฉันรักมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”“แล้วอย่างนี้ผมจะมีสมบัติอะไรเหลือไว้ให้เมียน้อยบ้างล่ะ” ปรัชญ์ยังมิวายกวนประสาทคนเป็นแม่แม้แต่ในช่วง
บทที่ 91ปรัชญ์พาธรินดาลงมาจากเวที หญิงสาวขอตัวกับเจ้าบ่าวเมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยรุ่นน้องผู้ทำหน้าที่เล่นเปียโนให้ปรัชญ์ร้องเพลงเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เธอเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นจันทริกายืนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่คนเดียวที่มุมห้องคล้ายกับว่ากำลังรอใคร ธรินดาจึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันที“จันทร์...”“พี่เล็ก...”“ทำไมมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ”“จันทร์ไม่รู้จะคุยกับใครน่ะค่ะ จันทร์ไม่รู้จักใครเลย” สาวรุ่นน้องยิ้มแหยๆ แววตาดูอ้างว้างและตื่นๆ จนคนมองนึกสงสาร“อยากกลับบ้านเหรอ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปส่งมั้ย” ธรินดาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดีแต่ก็ได้รับการปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณตะวันสั่งไว้ว่าให้จันทร์รอ”“อ๋อ...จะกลับพร้อมพี่ตะวันใช่มั้ย”“ค่ะพี่เล็ก พี่เล็กไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จันทร์อยู่ได้ค่ะ”“งั้นพี่ค่อยสบายใจหน่อย พี่ขอบใจจันทร์มากนะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้”“จันทร์ยินดีค่ะ เสียดายนะคะพี่ขิมมาไม่ได้ ไม่งั้นจันทร์จะบอกให้พี่ขิมสีไวโอลินให้ด้วย เพลงของคุณปรัชญ์คงเพราะกว่านี้” จันทริกาเอ่ยถึงภัคธีมารุ่นพี่ที่เคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันซึ่งเป็นคนที่มีทักษะทางด้
บทที่ 90“ก็แล้วทำไมคุณปรัชญ์จะต้องล้อเล็กด้วยล่ะคะว่าเสียงครางเล็กเป็นยังไง” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าเขาทั้งที่แก้มนวลแดงก่ำ แต่ก็แปลกใจตัวเองที่กล้าตอบโต้เขาแบบนั้น หรือว่าเธอจะซึมซับความเป็นเขาจนเคยชินเข้าแล้วจริงๆ“ล้อที่ไหน ฉันพูดความจริงต่างหาก นะเล็กจ๋านะ ฉันอยากได้ยินเสียงแบบนั้นอีก นี่กี่วันแล้วที่ฉันไม่ได้ยิน จะลงแดงตายอยู่แล้วนะที่รัก” ปรัชญ์ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขี้อ้อนที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธรินดาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน จึงได้แต่ตอบเขาไปด้วยกลอนของวรรณคดีในเรื่องขุนช้างขุนแผน“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”“ฉันขอเถียงว่าไม่จริง”“อย่ามัวแต่เถียงกับเล็กอยู่เลยค่ะ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยตัดบท เพราะยิ่งคุยกันนานก็ยิ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานลูกล่อลูกชนของเขาไม่ไหว“นี่ฉันกำลังถูกเมียสั่งอยู่ใช่มั้ย” ปรัชญ์เอ่ยสัพยอกอีกพลางลอบถอนหายใจเบาๆ“ไม่ได้สั่งค่ะ แค่เป็นห่วงอยากให้สบายตัว”“จริงเหรอ”“ค่ะ”“ถ้าอยากให้ฉันสบายตัวจริงๆ เธอก็ต้องไปด้วยกัน”ว่าแล้วปรัชญ์ก็ย่อตัวลงช้อนเอาร่างเล็กขึ้นอุ้มทันที“ปล่อยเล็กลงนะคะคุณปรัชญ์...ทำไมจ้องจะเอาเปรี