บทที่ 43ความสนใจของธรินดาถูกหันเหจากต้นไม้ใบหญ้าไปครู่หนึ่งพร้อมกับที่คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากัน เมื่อมีแท็กซี่สีเขียวเหลืองกำลังแล่นตรงเข้ามาจอดที่ลานใต้มุขหน้าบ้าน ทันทีที่เห็นว่าคนที่ก้าวลงมาจากรถคันนั้นเป็นใคร ธรินดาก็รีบก้าวยาวๆ เพื่อหนีหน้า แต่เพียงแค่สองก้าวก็ต้องหยุดอีกครั้งเพราะถูกมือใหญ่รั้งต้นแขนเอาไว้“เดี๋ยวสิธรินดา เธอจะรีบไปไหน”“ปล่อยเล็กค่ะคุณปรัชญ์ เล็กจะเข้าบ้าน”“อะไรกันเห็นหน้าผัวก็จะรีบหนีหน้าเลยเหรอ”ถ้อยคำที่พร่างพรูออกมาแบบโต้งๆ เถื่อนๆ อย่างไม่กลัวใครจะได้ยินทำเอาธรินดาหน้าร้อนเห่อไปหมด ได้แต่มองซ้ายมองขวาเพราะเกรงว่าคำพูดเหล่านั้นจะถึงหูคนอื่น“อย่าหาเรื่องเล็กได้ไหมคะ เล็กขอร้อง”“งั้นก็อยู่คุยกับฉันก่อนสิ ถ้าเธอไม่หนี ฉันก็จะไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่”“ก็ได้ค่ะ คุณปรัชญ์มีอะไรจะพูดกับเล็กก็พูดมาสิคะ”เธอตอบตกลงด้วยดี พลางแอบมองผู้ชายตรงหน้าอย่างสำรวจหลังจากที่เขายอมปล่อยต้นแขนของเธอ ตอนนี้ปรัชญ์อยู่ในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีน้ำเงิน ช่วงบนสวมทับด้วยเสื้อหนังสีดำ ผมที่ยาวเลยบ่านั้นถูกรวบไว้ด้านหลัง หนวดเครายังคงรกรุงรังแบบผู้ชายเซอร์ๆ ดังเดิม แต่ก็เต็ม
บทที่ 44เวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดสารนิพนธ์ของธรินดาและชนิศาก็เสร็จสมบูรณ์ วันนี้ธรินดาตื่นเช้าเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นวันสำคัญสองอย่างนั่นคือ วันนี้จะเป็นวันที่เธอกับชนิศาต้องพรีเซ็นต์สารนิพนธ์ต่อหน้ากรรมการสอบซึ่งเป็นอาจารย์ของภาควิชาจำนวนสามท่าน และยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอเอง หญิงสาวออกไปรอใส่บาตรพระที่บิณฑบาตผ่านหน้าหอพักในทุกๆ เช้า เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและเผื่อแผ่บุญกุศลให้แก่เทวดาประจำตัวพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด พลโทปภพผู้ล่วงลับ เทวดาประจำตัวแม่ใหญ่ เทวดาประจำตัวปราณต์ และเทวดาประจำตัวปรัชญ์ เพราะทุกๆ คนคือคนที่เธอเคารพรัก แม้ว่าคนหลังเธอไม่ควรจะรักและไม่มีสิทธิ์รักก็ตามหลังจากใส่บาตรเสร็จ ธรินดาจึงกลับเข้าหอพัก เห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ และมีคนกำลังช่วยกันขนของขึ้นรถคันนั้น เห็นแบบนั้นก็พอทราบว่าคงมีใครสักคนย้ายหอพัก“ไปใส่บาตรมาเหรอน้องเล็ก” วิชญานีซึ่งเป็นผู้ดูแลหอพักทักทายหญิงสาวที่มักจะออกไปใส่บาตรตอนเช้าอยู่เป็นประจำ“ค่ะพี่นี”“น้องเล็กนี่ทั้งสวยทั้งใจบุญเนอะ ถึงว่าสิมีหนุ่มๆ มาคอยป้วนเปี้ยนแถวหอบ่อยๆ”“มีที่ไหนกันคะพี่นี”“อ้าว...ก็หนุ่มหล่อวิศว
บทที่ 45เย็นนั้นธรินดาแต่งตัวออกไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ ตามที่ได้ตกลงกัน โดยเธอนั่งรถแท็กซี่ไปกับชนิศา เมื่อไปถึงก็เห็นว่าเพื่อนๆ จองโต๊ะและสั่งเครื่องดื่มไว้รอแล้ว ซึ่งเครื่องดื่มส่วนใหญ่ล้วนแต่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แทบทั้งสิ้น“เจ้าของงานวันเกิดมาถึงแล้ว พวกเราเอาเค้กมาให้เล็กเป่าเลยดีกว่า” คนพูดคือศิระศักดิ์ซึ่งเป็นคนจัดเตรียมเค้กมาไว้ให้ธรินดาด้วยตัวเองเค้กสีขาวเขียนว่าสุขสันต์วันเกิด มีเทียนปักอยู่รอบๆ สว่างขึ้นจากแสงเทียนท่ามกลางความมืดสลัวของผับหรูแห่งนั้น ทุกคนต่างพร้อมใจกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้แก่ธรินดา ทำให้ธรินดาตื้นตันเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าเพื่อนๆ จะใส่ใจเธอขนาดนี้“สุขสันต์วันเกิดนะเล็ก” ศิระศักดิ์เป็นตัวแทนกล่าวอวยพรแทนเพื่อน“ขอบใจศักดิ์และเพื่อนๆ ทุกคนมากเลยนะ ขอบใจจริงๆ” ธรินดาหันไปมองหน้าและยิ้มให้กับเพื่อนๆ ทุกคนจนครบและทุกคนก็ยิ้มตอบเธอ เป็นรอยยิ้มที่เพื่อนมีไว้ให้เพื่อน แม้บางคนจะไม่ค่อยสนิทสนมเท่าใดนัก แต่ธรินดาก็เห็นแววตาที่เป็นมิตรอย่างแท้จริง“อย่าเพิ่งดราม่านะเล็ก ยังไงก็ตัดเค้กให้พวกเรากินก่อน หิวจะแย่แล้ว” ชนิศาเอ่ยสัพยอกเมื่อเห็นท่าทีสุดซาบซึ้งของธริ
บทที่ 46คนที่เมาไม่ได้สติไม่รู้ตัวสักนิดว่าตอนนี้ตัวเองถูกอุ้มมายังรถที่จอดอยู่ด้านหน้าของผับเรียบร้อยแล้ว อากาศจากเครื่องปรับอากาศในรถบวกกับเสียงที่เงียบเชียบไม่อึกทึกเหมือนตอนอยู่ข้างในผับ ทำให้ธรินดารู้สึกสบายตัวมากขึ้นกว่าเดิม เธอจึงหลับสนิทไปในทันทีที่อยู่ในสภาพอากาศเช่นนั้น จึงไม่มีโอกาสได้ทักท้วงใดๆ เมื่อปรัชญ์ขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังคอนโดฯ ของเขา ร่างบางถูกวางลงบนเตียงกว้าง จากนั้นคนพามาก็ลงมือจัดการกับเสื้อผ้าของเธอจนเกลี้ยง แล้วไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของตัวเองมาใส่ให้ เพราะกลัวว่าเธอจะนอนไม่สบาย ขณะที่กำลังจะติดกระดุม มือใหญ่ก็ชะงัก ความโมโหที่ยังกรุ่นๆ อยู่จากตอนที่เห็นเธอเมามายไม่ได้สติครั้งแรก บวกกับความงดงามเย้ายวนของร่างบางที่หลับอยู่บนเตียงกว้างนั้นดึงดูดสายตาและปลุกเร้าอารมณ์บางอย่างจนทำให้ปรัชญ์เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน“ธรินดา ธรินดา” มือใหญ่เอื้อมไปเขย่าแขนของคนเมาพร้อมกับก้มลงส่งเสียงเรียกธรินดารู้สึกคุ้นเสียงนั้นเป็นอย่างมาก พยายามจะลืมตาขึ้นมามองแต่ก็ลืมไม่ขึ้น จึงได้แต่ขานอืออาอยู่ในลำคอ“คะ...ใครเหรอคะ” คนเมาถามเสียงยานคาง ตายังคงหลับพริ้ม
บทที่ 47ปรัชญ์เลื่อนตัวต่ำลงมา ใช้ลิ้นอุ่นชื้นตวัดโลมเลียเม็ดบัวสีชมพู ซ้ายสลับขวาวนไปมา ก่อนจะครอบปากดูดดึงเข้าไปเต็มแรง ทำให้หญิงสาวต้องแอ่นกายเริดขึ้นอย่างสุดเสียวซ่าน ธรินดารู้สึกว่าตัวเองถูกความวาบหวิวเล่นงานอย่างหนัก จนร่างเล็กสั่นระริกบิดไหวอยู่ท่ามกลางการโลมเลียอย่างดุดันนั้นเผลอร้องครางออกมาเหมือนคนจับไข้ “อือ...คุณปรัชญ์ขา...อย่าค่ะ…เล็กใจจะขาดอยู่แล้ว”สิ้นเสียงสองมือเรียวเล็กที่เคยลูบไล้บนกล้ามเนื้อแข็งแรงของเขาก็ร่วงผล็อยลงข้างตัว แต่ไม่ใช่เพราะขาดใจเหมือนอย่างที่ปากพร่ำบอก เสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอนั้นบ่งบอกว่าเธอเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วทั้งๆ ที่ยังถูกเขาจูบอย่างร้อนแรงอยู่ปรัชญ์เงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าหวานใสนั้นแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ เธอหลับแต่ ‘เขา’ นี่สิยังตื่นเต็มตัว และถ้าให้หยุดตอนนี้เขานี่แหละจะขาดใจตายก่อนเธอ“หลับซะแล้วยัยเด็กดีแตกของฉัน”ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกมาแรงๆ นึกถึงความรู้สึกแรกตอนที่เห็นเธอเมาแทบจะพับหลับบนโต๊ะในผับแห่งนั้น ก่อนจะกวาดมองไปทั่วร่างงดงามบอบบางอีกครั้ง ไม่อยากคิดเลยว่าหากเขาไม่ไปเห็น ใครจะเป็นคนพาเธอกลับ และเมื่อกลับแล้วคนคนนั้นจะทำกั
บทที่ 48ธรินดากระสับกระส่ายไปหมดกับสิ่งที่แทรกลึกอยู่ในเธอและกระชากความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเธอออกมา หญิงสาวพยายามจะต่อต้านด้วยการรัดรึงเพื่อขับไล่ให้มันถอยร่น แต่สิ่งนั้นกลับยิ่งเสียดพุ่งปักลึกและส่ายสะบัดรูดไล้กับความอ่อนนุ่มที่ทำหน้าที่ปกป้องตัวเองอย่างหนักหน่วงรุนแรงและไร้ความปรานีมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ร่างกายของเธอจึงถูกรุมเร้าด้วยความวาบหวามอันแสนร้อนซ่าน ไม่ต่างอะไรกับเปลวไฟที่กำลังจะหลอมละลายให้เธอกลายเป็นเนยเหลวไปทุกที แม้จะมีความชุ่มชื้นหลั่งชโลมแต่ความเร่าร้อนนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะมอดดับแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับยิ่งกระพือโหมความร้อนแรงและดุดันมากขึ้นไปเรื่อยๆแต่นั่นก็ยังไม่สมความตั้งใจของคนที่กำลังฉวยโอกาสรุกรานสักนิด เขาบุกทลายรังน้ำผึ้งรวงจนความหวานซ่านเอ่อล้นแล้วล้นอีก จึงละปากออกมาแล้วจูบไซ้ยอดเกสรสาวซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล เหมือนจะจูบแค่แผ่วเบาในคราแรก ทว่านั่นเป็นเพียงแค่การหลอกล่อให้ร่างกายของคนเมาตายใจ ก่อนที่ความหนักหน่วงในระดับที่เธอคาดไม่ถึงจะบังเกิดขึ้น“อื้อ…อื้อ...”เสียงหวานหวีดร้องเสียงหลง เมื่อคนมากประสบการณ์ดูดดุนเอาความลื่นละมุนนั้นเ
บทที่ 49“คุณปรัชญ์กลับมาเมื่อไหร่คะ” คำพูดของเขาทำให้ต้องแก้เก้อด้วยการชวนคุยเรื่องอื่น“กลับมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่ยุ่งอยู่กับงานที่ไซต์ เพิ่งจะมีเวลาว่างเลยเข้ากรุงเทพฯ มาหาคู่หมั้นและมาหา ‘เมีย’ ด้วย แต่ไม่คิดว่าเธอจะไปโผล่ที่ผับนั่น นี่น่ะเหรอเด็กดีของแม่เลี้ยงลักษิกา นี่น่ะเหรอฉากหลังเด็กที่ชอบเข้าวัดถือศีล พอลับหลังผู้ใหญ่ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กใจแตกสักนิด แอบเที่ยวผับเที่ยวบาร์ กินเหล้าเมามาย เที่ยวบ่อยแค่ไหนล่ะถึงได้คอพับคออ่อนให้ใครหิ้วขึ้นเตียงง่ายๆ แบบนี้”ธรินดาโดนเล่นงานชุดใหญ่แบบตั้งหลักแทบไม่ทัน ไหนจะหัวใจวูบโหวงที่เขาบอกว่ามาหาคู่หมั้นและยังกล้าเรียกเธอว่า ‘เมีย’ แบบคล่องปาก ไม่ต่างอะไรกับขุนแผนแสนสะท้านที่เจ้าชู้หลายใจ ไหนจะที่เขากล่าวหาว่าเธอเป็นเด็กใจแตก ทำตัวไม่ดีลับหลังแม่ใหญ่ แล้วยังกลายเป็นผู้หญิงขี้เมาให้ใครต่อใครหิ้วมาขึ้นเตียงง่ายๆ อีก“คนที่เที่ยวผับเที่ยวบาร์ ไม่ใช่เด็กใจแตกทุกคนหรอกนะคะ เล็กกับเพื่อนๆ เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่แล้ว อายุบรรลุนิติภาวะและดูแลตัวเองได้แล้ว คุณปรัชญ์เองยังหนีเที่ยวกลางคืนตั้งแต่เรียนมัธยมเลย” ธรินดาย้อนอย่างอดไม่ได้ เขาทำให้เ
บทที่ 50ร่างบางตรงไปยังโซฟาที่เสื้อผ้าของตัวเองวางอยู่ กำลังจะก้มลงหยิบ แต่ก็ช้ากว่าร่างสูงที่เดินไปขวางเอาไว้ ทำให้ธรินดามุ่นคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจนัก“หลีกทางสิคะ ไหนบอกให้เล็กไปอาบน้ำ แล้วมาขวางไม่ให้เล็กหยิบเสื้อผ้าทำไม”“จะเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเหรอ”“ค่ะ”“ปกติทำแบบนี้เหรอ อาบน้ำเสร็จต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำเลยหรือไง”“เปล่าค่ะ...”“ก็แสดงว่านี่ไม่ปกติ”ปกติอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวในห้อง แต่นี่เขาอยู่ด้วยและไม่ใช่ห้องของตัวเอง เธอจะทำแบบนั้นได้ยังไง“ที่นี่ไม่ใช่ห้องส่วนตัวของเล็กนี่คะ”“เธอกับฉันมีอะไรที่ยังต้องเป็นส่วนตัวกันอีก มีอะไรจะต้องปิดบัง มีอะไรบนร่างกายของเธอที่ฉันยังไม่เห็น มีอะไรบนร่างกายของเธอที่ฉันไม่เคยสัมผัส มีอะไรบนร่างกายของเธอที่ฉันยังไม่เคยจูบ”“คุณปรัชญ์...” ดวงหน้าเนียนใสแดงก่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเขาย้ำแบบกระด้างๆ เถื่อนๆ ดิบๆ ในเรื่องที่ชวนให้เธออับอาย“ไปอาบน้ำซะ แล้วก็ออกมาแต่งตัวข้างนอก ทำตัวเหมือนที่เคยทำปกติ” ปรัชญ์ออกคำสั่งอีกรอบพร้อมกับขยับมาจูงมือเล็กตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบเอาผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนใหญ่ออกมาส่งให้เธอ แต่ธรินดาก็ยังม