บทที่ 49“คุณปรัชญ์กลับมาเมื่อไหร่คะ” คำพูดของเขาทำให้ต้องแก้เก้อด้วยการชวนคุยเรื่องอื่น“กลับมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่ยุ่งอยู่กับงานที่ไซต์ เพิ่งจะมีเวลาว่างเลยเข้ากรุงเทพฯ มาหาคู่หมั้นและมาหา ‘เมีย’ ด้วย แต่ไม่คิดว่าเธอจะไปโผล่ที่ผับนั่น นี่น่ะเหรอเด็กดีของแม่เลี้ยงลักษิกา นี่น่ะเหรอฉากหลังเด็กที่ชอบเข้าวัดถือศีล พอลับหลังผู้ใหญ่ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กใจแตกสักนิด แอบเที่ยวผับเที่ยวบาร์ กินเหล้าเมามาย เที่ยวบ่อยแค่ไหนล่ะถึงได้คอพับคออ่อนให้ใครหิ้วขึ้นเตียงง่ายๆ แบบนี้”ธรินดาโดนเล่นงานชุดใหญ่แบบตั้งหลักแทบไม่ทัน ไหนจะหัวใจวูบโหวงที่เขาบอกว่ามาหาคู่หมั้นและยังกล้าเรียกเธอว่า ‘เมีย’ แบบคล่องปาก ไม่ต่างอะไรกับขุนแผนแสนสะท้านที่เจ้าชู้หลายใจ ไหนจะที่เขากล่าวหาว่าเธอเป็นเด็กใจแตก ทำตัวไม่ดีลับหลังแม่ใหญ่ แล้วยังกลายเป็นผู้หญิงขี้เมาให้ใครต่อใครหิ้วมาขึ้นเตียงง่ายๆ อีก“คนที่เที่ยวผับเที่ยวบาร์ ไม่ใช่เด็กใจแตกทุกคนหรอกนะคะ เล็กกับเพื่อนๆ เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่แล้ว อายุบรรลุนิติภาวะและดูแลตัวเองได้แล้ว คุณปรัชญ์เองยังหนีเที่ยวกลางคืนตั้งแต่เรียนมัธยมเลย” ธรินดาย้อนอย่างอดไม่ได้ เขาทำให้เ
บทที่ 50ร่างบางตรงไปยังโซฟาที่เสื้อผ้าของตัวเองวางอยู่ กำลังจะก้มลงหยิบ แต่ก็ช้ากว่าร่างสูงที่เดินไปขวางเอาไว้ ทำให้ธรินดามุ่นคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจนัก“หลีกทางสิคะ ไหนบอกให้เล็กไปอาบน้ำ แล้วมาขวางไม่ให้เล็กหยิบเสื้อผ้าทำไม”“จะเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเหรอ”“ค่ะ”“ปกติทำแบบนี้เหรอ อาบน้ำเสร็จต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำเลยหรือไง”“เปล่าค่ะ...”“ก็แสดงว่านี่ไม่ปกติ”ปกติอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวในห้อง แต่นี่เขาอยู่ด้วยและไม่ใช่ห้องของตัวเอง เธอจะทำแบบนั้นได้ยังไง“ที่นี่ไม่ใช่ห้องส่วนตัวของเล็กนี่คะ”“เธอกับฉันมีอะไรที่ยังต้องเป็นส่วนตัวกันอีก มีอะไรจะต้องปิดบัง มีอะไรบนร่างกายของเธอที่ฉันยังไม่เห็น มีอะไรบนร่างกายของเธอที่ฉันไม่เคยสัมผัส มีอะไรบนร่างกายของเธอที่ฉันยังไม่เคยจูบ”“คุณปรัชญ์...” ดวงหน้าเนียนใสแดงก่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเขาย้ำแบบกระด้างๆ เถื่อนๆ ดิบๆ ในเรื่องที่ชวนให้เธออับอาย“ไปอาบน้ำซะ แล้วก็ออกมาแต่งตัวข้างนอก ทำตัวเหมือนที่เคยทำปกติ” ปรัชญ์ออกคำสั่งอีกรอบพร้อมกับขยับมาจูงมือเล็กตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบเอาผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนใหญ่ออกมาส่งให้เธอ แต่ธรินดาก็ยังม
บทที่ 51หลังจากหวีผมเสร็จ ธรินดาก็ไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมา เปิดเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อหาดูว่าร่องรอยที่ปรัชญ์ประทับไว้บนร่างกายของเธอจะมีวิธีไหนที่สามารถปกปิดหรือลบมันออกไปได้บ้าง ปรัชญ์นั่งมองเงียบๆ ปล่อยให้เธอจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์สักพัก ก็ลุกไปยืนซ้อนหลัง รวบเอวบางเข้ามากอด แล้วถามราวกับไม่รู้ว่าธรินดากำลังดูอะไรอยู่“เป็นอะไรไป ไม่คิดจะสนใจกันบ้างเหรอ หรือว่าฉันทำอะไรให้โกรธ”“เล็กมีสิทธิ์โกรธคุณปรัชญ์ด้วยเหรอคะ เล็กก็แค่เด็กในบ้าน คุณปรัชญ์อยากทำอะไรกับเล็กก็ทำได้ตามใจชอบอยู่แล้วนี่คะ” ตอบเรียบๆ แต่ความน้อยใจซ่อนอยู่ในน้ำเสียงอย่างปิดไม่มิด แม้พยายามจะเก็บเอาไว้แล้วก็ตาม“อืม...นั่นสินะ ฉันอยากจะทำอะไรเธอก็ทำได้ตามใจอยู่แล้ว งั้นก็ทำต่อเลยแล้วกัน”ว่าแล้วร่างสูงก็ละแขนออกจากการกอด ย่อตัวลง แล้วอุ้มเอาร่างเล็กพาไปยังเตียงนอนทันที คราวนี้ธรินดาไม่พูด ไม่โวยวาย แต่น้ำใสๆ กลับเอ่อคลอขึ้นมาเต็มดวงตาด้วยความน้อยใจที่มีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วปรัชญ์วางร่างเล็กลงบนเตียงนอนของเขา แต่ไม่ได้ผลักให้เธอล้มตัวลงนอนอย่างที่ธรินดาคิดไว้แต่อย่างใด เขาแค่วางเธอไว้ขอบเตียงในท
บทที่ 52“ช่างเถอะ! ที่ฉันบอกเธอก็แค่อยากได้ของขวัญวันเกิดจากเธอก็เท่านั้น”“เล็กไม่ทราบว่าวันนี้วันเกิดคุณปรัชญ์ ก็เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ แล้วคุณปรัชญ์อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ไว้เล็กจะไปหาดูให้” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจ เจือไว้ด้วยการงอนง้อและเป็นห่วงความรู้สึกของเขาอย่างไม่รู้ตัว ถึงเขาจะไม่ดีกับเธอเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยเขาก็คือคนในครอบครัว คือลูกชายของแม่ใหญ่ และคือคนที่เธอ...“ไม่ต้องไปดูให้เสียเวลาหรอก ฉันไม่ได้อยากได้อะไรอย่างอื่นจากเธอ ฉันก็แค่อยากได้ ‘เธอ’”ธรินดาหน้าร้อนซ่านเมื่อได้ยินคำขอที่ตรงไปตรงมาของเขา แต่ยังไม่ทันจะแย้งอะไร ปากหยักได้รูปนั้นก็ก้มลงมาประกบจูบบดขยี้ปากอิ่มอย่างดูดดื่ม พร้อมกับค่อยๆ ดันร่างเล็กลงไปนอนหงายกับที่นอน โดยมีร่างใหญ่ตามทาบทับลงมาติดๆหญิงสาวใจสั่นไปหมด รสสัมผัสอันแสนวาบหวิวที่เขาเป็นคนสอนให้รู้จัก บวกกับสัญชาตญาณทำให้เธอจูบตอบเขาเอง ทั้งๆ ที่ใจบอกให้ต่อต้าน แต่ฤทธิ์จุมพิตอันสุดเร่าร้อนนั้นทำให้กายสาวอ่อนระทวย ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ จะขัดขืน ลิ้นเล็กนุ่มตอบโต้เกาะเกี่ยวเป็นพัลวันกับลิ้นหนาที่รุกรานและรัวไล้เข้ามาอย่างว่องไวคล่องแคล่ว
บทที่ 53“เธออยากได้อะไรหรือเปล่า” ปรัชญ์ถามขึ้นเป็นประโยคแรก หลังจากปล่อยให้บรรยากาศในรถที่แล่นไปตามถนนซึ่งค่อนข้างจะโล่งเพราะเป็นเช้าวันเสาร์เงียบมานาน พลอยทำให้คนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ รู้สึกเกร็งและหายใจไม่ทั่วท้องมาตลอดทางธรินดาหันไปมองหน้าคนถามแวบหนึ่ง เห็นหน้าเขายังคงนิ่งเฉย บ่งบอกได้ชัดว่ายังโกรธเรื่องที่เธอไม่ยอมตามใจอยู่ จึงได้แต่ตอบคำถามด้วยเสียงเรียบๆ และระมัดระวังตัว “อยากได้รองพื้นค่ะ” “เธอแต่งหน้าด้วยเหรอ” คราวนี้เป็นปรัชญ์ที่หันมามองเสี้ยวหน้าหวานใสที่ไร้เครื่องสำอางนั้นบ้าง “เปล่าค่ะ” ตอบเบาๆ หากเป็นยามปกติเธอไม่เคยคิดจะใช้เครื่องสำอางพวกนี้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันจำเป็น เธอคงไม่กล้าเดินเข้าหอพักหรือไปเรียนในสภาพที่มีรอยคิสมาร์กเต็มคอไปหมดเช่นนี้แน่ๆ “แล้วจะเอาไปทำอะไร รองพื้นเขาเอาไว้ใช้ปกปิดริ้วรอยบนใบหน้านี่ อ้อ...ลืมไปว่าที่คอและที่เนินอกก็ปกปิดได้” พูดจบก็ตามมาด้วยรอยยิ้มที่คลี่แย้มบนเรียวปากหยักได้รูป เป็นยิ้มแรกที่ธรินดาเห็นตั้งแต่ที่เขาพากลับออกมาจากคอนโดฯ แต่มันกลับไม่ใช่รอยยิ้มที่ทำให้เธอสบายใจเล
บทที่ 54“เล็กไม่มีวันรู้สึกบ้าๆ แบบนั้นกับคุณปรัชญ์แน่ ปล่อยเล็กค่ะ” ธรินดาปฏิเสธพร้อมกับพยายามบิดแขนออก“ถ้าไม่หึงแล้วทำไมจะต้องรีบเดินหนี”“เล็กบอกแล้วไงว่าเล็กไม่ได้...”“ฉันหิว แล้วก็ขี้เกียจเถียงกับเด็กที่ปากกับใจไม่ตรงกัน” ปรัชญ์ตัดบทแล้วลากเธอเข้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณที่เขาและเธอเถียงกันเมื่อเข้าไปนั่งข้างในเขาก็จัดการสั่งอาหารสองชุด สำหรับตัวเองชุดหนึ่ง สำหรับธรินดาชุดหนึ่ง โดยไม่ยอมถามว่าเธอหิวหรือไม่ หลังจากที่พนักงานนำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟให้เขาก็บังคับให้เธอกิน“กินซะ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ นอกจากกาแฟ”“เล็กไม่นึกอยากกินอะไรเลยค่ะ เห็นอาหารก็นึกอยากอ้วก” ธรินดาบอกพลางเบือนหน้าหนีจากอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าพะอืดพะอม“เธอยังไม่ท้องหรอกน่า ครั้งแรกฉันก็ป้องกัน เมื่อคืนฉันก็ยังไม่ได้เธอ ส่วนเมื่อกี้เธอก็ไม่ยอมตามใจฉัน”“เล็กไม่ได้กลัวเรื่องนั้น เล็กก็แค่...”“เมาค้าง” ปรัชญ์ตัดบททั้งที่เธอพูดยังไม่จบอีกเช่นเคย “แล้วปกติเธอเมาค้างนานแค่ไหน”“บอกแล้วไงคะว่านี่เพิ่งครั้งแรกของเล็ก”ธรินดาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดหรือถูกใจเขานัก พอเธอพูดคำว่
บทที่ 55“มันเป็นอะไรคะ มีเจ้าของมั้ย ถ้าไม่มีหนูจะเอาไปรักษานะคะ” ธรินดาถามอย่างอ่อนโยนพลางทอดมองสุนัขตัวน้อยด้วยความสงสารและเวทนาไม่แพ้กัน“ไม่มีค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นหนูจะเอามันไปรักษานะคะ” เสียงหวานใสบอกกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อน แล้วขยับเข้าไปอุ้มลูกหมาตัวนั้นพร้อมกับกล่าวปลอบขวัญมันด้วยน้ำเสียงเอื้ออารีโดยไม่มีท่าทางรังเกียจแม้แต่น้อย “อย่าเป็นอะไรนะลูก เดี๋ยวแม่จะพาหนูไปหาหมอเอง”ว่าแล้วร่างบางก็อุ้มสุนัขตัวน้อยตรงไปยังรถสปอร์ตสีแดงราคาหลายสิบล้าน ท่ามกลางสายตาที่มองตามอย่างทึ่งๆ ของพนักงานสาวคนนั้น“เดี๋ยวค่ะๆ”“คะพี่?” ธรินดาหันกลับไปมองเมื่อพนักงานสาวคนนั้นเรียกเธอพร้อมกับหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้“พี่ช่วยค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับน้ำใจ ฝากเจ้าตัวเล็กด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูสัญญาว่าจะพาไปรักษาและมันจะต้องหาย ขอบคุณพี่เช่นกันสำหรับน้ำใจที่มีค่ะ” ธรินดาไม่ยอมรับเงิน แต่สัญญาอย่างหนักแน่นพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ก่อนจะขยับไปเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถโดยมีปรัชญ์ก้าวตามติดๆ“นี่เธอบ้าหรือเปล่า จู่ๆ ก็ปรี่เข้าไปอุ้มมันแบบไม่ระวังอย่างนั้น เกิดมันเป็นหมาบ้าขึ้นมาจะทำไง” “มันไ
บทที่ 56ปริ๊นนน...เสียงแตรรถคันหนึ่งดังขึ้นหลังจากที่ธรินดาเดินมาได้สักพักหนึ่ง เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นว่ารถคันนั้นคือรถสปอร์ตสีแดงราคาแพงของปรัชญ์ เขาหักพวงมาลัยเข้าข้างทางแล้วลดกระจกรถลง “คุณปรัชญ์...” “ขึ้นรถ!” เขาบอกห้วนๆ แต่ธรินดาก็ปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ เล็กไม่อยากรบกวนคุณ”“ฉันบอกให้ขึ้นรถไงธรินดา” ธรินดาไม่ฟังเสียง ซ้ำยังทำท่าว่าจะเดินต่อไป ปรัชญ์จึงเปิดประตูก้าวพรวดพราดลงจากรถ แล้วเดินดุ่มๆ ตรงไปยังร่างเล็ก และโดยที่หญิงสาวไม่คาดคิด เขาก็อุ้มทั้งคนทั้งหมายัดใส่หน้ารถตัวเองทันที“รัดเข็มขัดซะ” เขาสั่งอีกรอบ พอธรินดาชักช้าเขาก็จัดการโน้มตัวมาจัดการดึงเข็มขัดรัดให้เสียเอง ตาสองคู่สบประสานกันชั่วขณะ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารวยรดลงมาพร้อมกับละลายทิฐิในหัวใจของธรินดาลงไปกว่าครึ่ง “คุณปรัชญ์กลับมาทำไมคะ” “ฉันไม่อยากทิ้งเมียตัวเองไว้กับหมาขี้โรคและไม่อยากให้เธออุ้มหมาตะลอนไปหาผู้ชายอื่น”คำตอบของเขาไม่นุ่มหูเลยสักนิด ทำให้คนที่กำลังใจชื้นเริ่มโกรธอีกครั้ง “ห้ามเรียกมันว่าหมาขี้โร