“แกไม่ต้องกังวลหรอก ช่วงนี้พี่พิรัชย์งานยุ่งน่ะ กลับดึกทุกวันเลย”
“พี่ธีร์ก็กลับดึกเหมือนกันเหรอ” เธอถามพรีมด้วยความสงสัย ถ้าพิรัชย์กลับดึก แสดงว่าสามีของเพื่อนก็ต้องกลับดึกเหมือนกัน เพราะทำงานด้วยกัน
“อื้ม คงจะเป็นแบบนี้สักสองสามเดือน”
“ทำไมล่ะ”
“ก็พี่กิ่งแก้วที่เป็นผู้ช่วยเลขาลาคลอดน่ะ งานทั้งหมดพี่พิรัชย์เลยต้องรับผิดชอบแทนไปก่อน และพี่ธีร์เองก็รับงานในส่วนของพี่พิรัชย์มาทำเองบางส่วน”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คงจะเหนื่อยแย่เลยเนาะ”
แต่แล้วก็มีความคิดดี ๆ ผุดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“เออ แก” นิวเยียร์โพล่งขึ้นมาเสียงดังจนพรีมแทบจะสะดุ้ง
“อยู่ใกล้กันแค่นี้แกจะเสียงดังทำไม ฉันเกือบหัวใจวายตายแล้วเนี่ย” พรีมแกล้งเอ็ดเพื่อน
“แกช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”
“ช่วยอะไร” พรีมรู้สึกถึงความคาดหวังบางอย่างจากดวงตาของเพื่อนที่ฉายแววออกมา
“ช่วยพูดกับพี่ธีร์ให้ฉันเข้าไปเป็นผู้ช่วยของพี่พิรัชย์ที นะ นะ ยัยพรีม ช่วยฉันหน่อย แค่ให้ฉันได้ช่วยในระหว่างที่พี่กิ่งแก้วลาคลอดก็พอ” นิวเยียร์ทำหน้าอ้อน ยื่นมือไปจับมือของเพื่อนแล้วส่งสายตาอ้อนวอน
“...” พรีมนั่งนิ่งราวกับใช้ความคิด ขณะที่นั่งมองหน้าเพื่อนที่กำลังเขย่าแขนของเธอเบา ๆ
“นะ นะ ยัยพรีม ช่วยฉันที”
“แต่แกไม่ได้เรียนจบบริหารฯ มานะ แกจะทำได้เหรอ”
นิวเยียร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหา ‘คุณสมบัติของการเป็นผู้ช่วยเลขานุการ’ แล้วหันหน้าจอให้พรีมดู
แม้ว่าเธอกับพรีมจะเรียนจบคณะวารสารศาตร์และสื่อสารมวลชน แต่ปีแรกก็ผ่านการเรียนวิชาทั่วไปมาแล้ว และเธอก็มั่นใจว่าจะสามารถทำงานนั้นได้โดยไม่ทำให้ทั้งพิรัชย์และธีร์ สามีของเพื่อนเสียงานอย่างแน่นอน
“แกดูสิ คุณสมบัติฉันผ่านทุกข้อเลย” นิวเยียร์ส่งสายตาอ้อน กระพริบตาปริบ ๆ
“ก็ได้ ๆ แต่ฉันยังไม่รับปากนะ ขอถามพี่ธีร์ก่อน” พรีมตอบเพื่อน สงสัยคืนนี้คงต้องงัดลูกอ้อนมาคุยกับสามีแล้วล่ะ
“เย้ ให้มันได้อย่างนี้สิ เพื่อนรัก”
สองวันต่อมา
นับตั้งแต่วันที่เธองานยุ่งจนกระทั่งวันนี้ นิวเยียร์ยังไม่ได้เจอหน้าพิรัชย์เลยแม้แต่วินาทีเดียว ก็เลยจะเซอร์ไพรส์ให้เขาแปลกใจเหมือนอย่างตอนนี้ที่เธอเดินทางมาถึงที เอส กรุ๊ปพร้อมกับพรีม และนี่ก็เป็นบริษัทของธีร์ สามีของเพื่อนรักนั่นเอง
“พรีมพาผู้ช่วยเลขาคนใหม่มาแล้วค่ะ” พรีมเดินนำเข้าไปในห้องทำงานของสามี ตรงเข้าไปกอดแขนของธีร์อย่างออดอ้อน
“สวัสดีค่ะพี่ธีร์ พี่พิรัชย์” นิวเยียร์เอ่ยทักทายอย่างเป็นทางการ และดูเหมือนคนที่ทำหน้าประหลาดใจคงมีแค่เขาคนเดียว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะพี่พิรัชย์”
“ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ไม่รู้ว่าเผลอทำหน้าอย่างไรออกไป เขาก็แค่แปลกใจที่จู่ ๆ นิวเยียร์ก็มาทำงานในหน้าที่ของกิ่งแก้ว ผู้ช่วยของเขาที่ลาคลอดไปเมื่ออาทิตย์ก่อน
“พิรัชย์” ธีร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ใบหน้าดูไม่จริงจังสักเท่าไร
“ครับคุณธีร์”
“ช่วงที่คุณกิ่งแก้วลาคลอด ผมจะให้นิวเยียร์คอยช่วยงานคุณไปก่อนนะ ฝากสอนงานเธอด้วย”
ธีร์ถูกภรรยาคนสวยอ้อนบนเตียงจนยอมใจอ่อน แม้ว่านิวเยียร์จะไม่ได้เรียนสายตรงมาก็จริง แต่ก็ให้ทำงานเอกสารง่าย ๆ ก็คงจะพอทำได้ และช่วงเวลามันก็ไม่ได้นานอะไร ประมาณสองเดือนกว่า เขาก็ไม่อยากจะขัดใจภรรยา ตอบตกลงให้เพื่อนของเธอมาเริ่มงานได้ในวันนี้
“ครับ”
ได้ยินหนุ่มเลขาตอบรับ ใบหน้าของนิวเยียร์ก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ไม่เสียแรงที่ขอให้เพื่อนช่วย
“พรีมฝากนิวเยียร์ด้วยนะคะพี่พิรัชย์” พรีมฝากฝังอีกคน
“ได้ครับ เชิญทางนี้ครับคุณนิวเยียร์”
เพิร์ธตอบรับภรรยาของเจ้านายเสร็จก็หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยเลขาคนใหม่ แล้วเดินนำเธอออกไป พาไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่หน้าห้อง
“เซอร์ไพรส์ไหมคะพี่พิรัชย์” หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเอง ก่อนจะประสานมือเอาเท้าคางบนโต๊ะทำงาน เอียงใบหน้าหวานส่งยิ้มไปทางเขา
“เซอร์ไพรส์อะไรครับ”
“ก็ที่หนูมาเป็นผู้ช่วยพี่ไงคะ”
“เอ่อ… ครับ” เพิร์ธเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แต่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
นิวเยียร์ขยับเก้าอี้ล้อเลื่อนเข้าไปหาหนุ่มเลขาที่นั่งประจำที่ของเขา ยื่นมือทั้งสองข้างขนาบข้างลำตัวของเพิร์ธแล้ววางมือตรงที่พักแขน ยื่นใบหน้าหวานเข้าไปใกล้ จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คมที่เบิกตากว้างราวกับคนตกใจ
“ช่วยสอนหนูด้วยนะคะ จะให้ทำอะไรก็บอกได้เลย หนูเต็มใจช่วยพี่ทุกอย่างเลยค่ะ”
หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ เอียงคอไปทางซ้ายและขวาสลับกันไปมา ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะขาดใจตายแล้วหรือยัง เพราะเขาได้แต่เอนหลังแนบชิดกับเก้าอี้ และดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังกลั้นหายใจอยู่
“ไม่กลัวขาดออกซิเจนเหรอคะ หรือว่าอยากให้หนูผายปอด”
พอได้ยินคำว่าผายปอดเพิร์ธก็เรียกสติกลับมาได้ เขาเริ่มกระพริบตาแล้วค่อย ๆ คลายลมหายใจออกมา แต่ก็ยังทำเป็นนิ่งเพื่อเก็บอาการ
“น้องนิวเยียร์ขยับออกไปหน่อยดีไหมครับ เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี”
“ไม่เรียกคุณแล้วเหรอคะ เมื่อกี้พี่ผิดสัญญา เผลอเรียกหนูว่าคุณอีกแล้ว” นิวเยียร์ยู่ปากเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อยราวกับคนน้อยใจ
“ขอโทษครับ พี่ชินกับการเรียกคนที่ทำงานว่าคุณ” ปกติเขาก็เรียกแบบนี้กับทุกคน ไม่ใช่แค่เธอ
“น่ารักจัง”
ชายหนุ่มตรงหน้าช่างเป็นคนสุภาพ แต่ก็น่าค้นหา เขายอมเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าไม่ให้คิดว่าเขาน่ารัก แล้วจะให้คิดว่าอย่างไร
และเสียงแผ่วเบาที่ดังออกมาจากปากของหญิงสาว ก็ทำให้เพิร์ธมีลมหายใจติดขัด เริ่มร้อนใบหน้าลามไปถึงใบหู
“เขินเหรอคะ ทำไมหน้าแดง”
“ปะ เปล่าครับ”
เพิร์ธหายใจเข้าออกถี่กระชั้น เบี่ยงสายตามองไปทางอื่น เพราะตอนนี้เขากำลังจะเก็บอาการไม่อยู่ ไม่คิดว่าเธอจะกล้าเต๊าะเขาในที่แบบนี้ แม้ว่าชั้นบนสุดจะไม่ค่อยมีใครผ่านเข้ามา เพราะเป็นพื้นที่ของซีอีโอหนุ่มอย่างธีร์ แต่ก็ยังถือว่าเป็นสถานที่ทำงาน ไม่มีคนเห็น ก็ยังมีกล้องวงจรปิดที่ยังจับภาพอยู่
นิวเยียร์เห็นว่าคนตรงหน้าเสียอาการ ก็ยิ่งคิดว่าเขามันน่าแกล้ง เห็นหน้าทีไรแล้วหมั่นเขี้ยว ถ้าเป็นเสือคงจะเห็นว่าเขาเป็นเหยื่อที่รอแม่เสือสาวพราวเสน่ห์แต่เวอร์จินอย่างเธอตะครุบ แต่ติดที่เธอก็ไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น
‘แต่ถ้าเขาสมยอมก็ไม่แน่นะ เธออาจจะยอมใจง่ายให้ผู้ชายคนนี้คนเดียวก็ได้’
พอนิวเยียร์แกล้งแหย่เขาจนพึงพอใจแล้ว ก็ขยับมือออกจากเก้าอี้ของหนุ่มเลขาสุดหล่อ แล้วเลื่อนเก้าอี้ของเธอขยับถอยออกมาอีกนิดเพื่อเว้นระยะห่าง
เขามันขี้อาย แถมยังซึนมาก ๆ ไว้รอสบโอกาสได้อยู่กันสองต่อสอง หรือสถานที่อื่นที่ไม่มีคนจับตามองก็ค่อยแกล้งเขาใหม่
การทำงานวันแรกถือว่าผ่านไปด้วยดี เพิร์ธช่วยสอนงานเธออย่างใจเย็นด้วยน้ำเสียงสุภาพ และเธอก็เป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็ว ถึงได้กล้ายืนยันกับพรีมด้วยความมั่นใจว่าจะไม่ทำให้เสียงานอย่างแน่นอน
เธอแยกแยะได้ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว แต่เวลางานก็ขออ่อยเขาสักเล็กน้อยให้พอชุ่มชื่นหัวใจ
“พรุ่งนี้เราไปทำงานด้วยกันดีไหมคะ”
ทั้งสองคนเลิกงานพร้อมกัน และขับรถตามกันเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคอนโด และก่อนที่จะแยกกันเข้าห้องนิวเยียร์ก็รีบถามออกไป
“ไปทางเดียวกันประหยัดน้ำมันดีออก จะสลับรถกันคนละวันก็ได้นะคะ”
หญิงสาวเอ่ยออกไปพร้อมกับจ้องใบหน้าหล่อที่ทำหน้านิ่งราวกับใช้ความคิด เธอกลัวว่าเขาจะปฏิเสธเลยเสนอความเห็นให้ผลัดเปลี่ยนกันใช้รถของเธอและเขาสลับกันเดินทางไปทำงาน
“ก็ได้ครับ”
‘เข้าทางเลย’ นิวเยียร์ยกยิ้มกริ่มให้กับความคิดตัวเอง เวลาสองเดือนต่อจากนี้เธอจะต้องจีบเขาให้ติด
ตั้งแต่ได้ไปทำงานด้วยกันนิวเยียร์ก็นอนดึกกว่าเดิม เพราะงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่รับทำยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็ทำเองแค่งานที่ใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมง ถ้าเป็นงานยากช่วงนี้คงต้องส่งให้กับโรงพิมพ์ของพรีมเป็นคนทำไปก่อนทุกเช้าเธอจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ตีห้าครึ่งเพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัว และแต่งหน้าสวย ๆ เตรียมไปกินข้าวกับใครบางคนก๊อก ก๊อกทันทีที่ประตูเปิดออก นิวเยียร์ก็เกิดอาการร้อนที่ใบหน้า หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกตักราวกับกำลังตื่นเต้น เมื่อเจ้าของห้องสุดหล่อที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะได้กลิ่นหอมของสบู่อ่อน ๆ โชยเข้าจมูก แถมเขายังสวมใส่แค่กางเกงวอร์มสีดำ เผยช่วงบนให้ได้เห็นหน้าอกขาว ๆ หน้าท้องมีซิกซ์แพ็กเป็นลอนงาม คล้ายกับในความฝันของเธอไม่มีผิดนิวเยียร์ยืนนิ่งจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ ลอบกลืนน้ำลายลงคอราวกับเห็นของกินแสนอร่อยวางอยู่ตรงหน้า“หัวนมชมพู” เธอเผลอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ยกยิ้มที่ริมฝีปากมาอย่างลืมตัว“น้องนิวเยียร์ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อเพื่อเรียกสติเธอเอาแต่ยืนจ้องตุ่มไตสองเม็ดที่หน้าอก ดวงตาหวานเยิ้ม ทำเอาคนถูกมองเริ่มจะทำตัวไม่ถูกจนต้องเอาผ้าที่เช็ดผมมาบังแผงอกแท
เพิร์ธระบายยิ้มมุมปาก จ้องใบหน้าหวานที่รอฟังคำตอบเพียงแค่ชั่วครู่ จากนั้นก็หันไปขับรถต่อโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป“ว่ายังไงคะ ถ้าหนูขอพี่จะให้ไหม” นิวเยียร์เอ่ยออกไปอีกครั้ง และรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อเธอบอกใบ้ไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าคนที่กำลังจีบคือเขา แต่ทำไมถึงได้ซึนและความรู้สึกช้าขนาดนี้‘นี่เขาแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแล้วแต่ไม่สนใจเธอกันแน่’แต่แล้วความเงียบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้เธอถอนหายใจ เบือนหน้ามองวิวข้างทางแทน และข้าวมื้อเที่ยงก็กินได้แค่ไม่กี่คำ จากตอนแรกที่คิดว่าโมโหจนหิวข้าวมาก อยากจะกินให้หายหงุดหงิด แต่พอเขาเงียบ เธอก็หมดอารมณ์กินข้าวไปโดยปริยายระหว่างทำงานในช่วงบ่าย นิวเยียร์ก็นั่งทำหน้าบึ้งตึงและไม่คุยเล่นกับเขาเหมือนเช่นเคย นอกจากจะถามเรื่องงาน และหลังจากทำงานเสร็จก็ถึงเวลากลับเสียทีขณะที่ต่างฝ่ายกำลังจะแยกย้ายเข้าห้องตัวเอง แต่แล้วชายหนุ่มก็ขานชื่อเธอขึ้น“น้องนิวเยียร์ครับ”“คะ” เธอหันกลับไปมองด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าราวกับคนหมดแรง แค่เขาไม่ให้เบอร์ เธอก็เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากและซึมเป็นส้วม“พี่ขอโทรศัพท์หน่อยสิครับ”“เอาไปทำไมคะ” เธอไม่ทันได้คิดก็รีบตอบกลับไป “หรือว
เวลาผ่านไปนับเดือนกับการทำงานเป็นผู้ช่วยเลขา นิวเยียร์มีความสุขกับงานชั่วคราวนี้มาก เพราะมันทำให้เธอได้อยู่ใกล้กับคนที่เธอชอบ แม้ว่าบางวันเขาจะไม่ได้ทำงานประจำอยู่ที่โต๊ะ เพราะต้องนัดเจอกับลูกค้าบ้าง หรือเข้าประชุมเป็นเวลาหลายชั่วโมงบ้าง แต่มันก็ยังดีกว่าการไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดทั้งวันตั้งแต่มีโอกาสได้คุยแชทกันทุกคืน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็นับว่าดีขึ้นกว่าการเป็นแค่คนที่อยู่คอนโดเดียวกัน ดีกว่าการเป็นเพื่อนนั่งกินข้าว ทั้งคู่มีการพูดคุยและสนิทสนมกันมากขึ้น มากพอที่จะไว้ใจกันและกัน และเธอก็สามารถมานั่งเล่นในห้องของเขาเป็นเวลานานได้ แม้จะนาน ๆ ครั้งก็ตาม เนื่องจากยังมีงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยังต้องทำหลังเลิกงานแทบทุกคืนอยู่และคืนนี้กว่าเธอจะได้อาบน้ำนอนก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเพิ่งจะทำงานออกแบบเสร็จ แต่แล้วนิวเยียร์ก็ต้องสะดุ้งตื่นทั้งที่ยังหลับไปได้ไม่นาน แล้วนอนงอตัวด้วยอาการปวดที่ท้องด้วยความที่อาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ไหว ทำให้เธอต้องลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง มือข้างหนึ่งก็กดตรงท้องช่วงบนแต่ก็ไม่อาจคลายความเจ็บปวดลงได้ พอลุกไปเปิดดูกล่องยาที่อยู่ตรงลิ้นชักที่โต๊ะ
‘หนูชอบพี่นะ’ดูเหมือนว่าคำนี้จะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามาก มันทำให้หัวใจดวงโตเต้นกระหน่ำจากที่ไม่เคยเต้นแรงกับใครแบบนี้มานานหลายปี และยามที่กลิ่นหอมของคนตัวเล็กลอยเข้าจมูก ก็ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง คล้ายกับว่ากำลังจะไม่สบาย มันร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างอย่างบอกไม่ถูกนี่เธอกำลังเล่นอะไรอยู่ ที่พูดมามันก็แค่ละเมอ หรือตั้งใจจะบอกกับเขาแบบนั้นจริง ๆในขณะที่เพิร์ธกำลังจัดการกับความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้น หญิงสาวก็กระชับเรียวแขน ขยับตัวเข้ามาแนบชิดกับตัวของเขา แล้วกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นเพิร์ธสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อข่มเสียงเต้นของหัวใจ และข่มตัวตนความเป็นชายที่กำลังถูกปลุก เขาก็เป็นผู้ชายที่มีอารมณ์นั้นอยู่ แต่ก็พยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้ เพราะไม่อยากเล่นกับความรู้สึกของใคร ถ้าไม่พร้อมเขาก็จะไม่ทำ เขาไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชอบฉวยโอกาสเพิร์ธพยายามจะข่มตาหลับแต่ก็ไม่เป็นผล ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำอย่างไรดีเวลาผ่านไปหลายนาที นิวเยียร์ก็ยังคงนอนนิ่งกอดเขาอยู่อย่างนั้น จนเพิร์ธเริ่มรู้สึกชาแขนข้างที่ถูกนอนหนุน จึงตัดสินใจพลิกตัวตะแคงข้าง ใช้มืออีกข้างสอดเข้าไปใต้ศีรษะของคนตัวเล็
“ทำอะไรมาเหรอคะ”นิวเยียร์เปิดประตูออกไป ก็เห็นว่าเขานั่งดูแท็บเล็ตคู่ใจ ทั้งยังมีชามสองใบวางอยู่บนโต๊ะอาหาร“พี่ทำข้าวต้มมาให้ครับ น้องนิวเยียร์ปวดท้อง ช่วงนี้กินอาหารอ่อนไปก่อนนะ” เขาละสายตาจากหน้าจอ เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่เดินมานั่งตรงข้ามกัน“ขอบคุณนะคะ”เขาเป็นคนที่ใส่ใจและอบอุ่นมาก คิดไม่ผิดที่เลือกจีบผู้ชายคนนี้หลังจากกินข้าวเสร็จ เพิร์ธก็เดินไปหยิบยามาให้เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องลุกเดินบ่อย จากนั้นเขาก็เก็บชามไปล้างทำความสะอาด และมานั่งที่โซฟาโดยที่มีนิวเยียร์นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ด้วย“ถ้าอยากนอนพักก็บอกพี่นะครับ เดี๋ยวพี่พาเข้าไป”“ค่ะ แต่หนูอยากอยู่ตรงนี้มากกว่า”เธอจะปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพังได้อย่างไร เขาอุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อน ถ้าให้นั่งที่โซฟาคนเดียวคงจะเหงาแย่เพิร์ธก้มหน้ามองแท็บเล็ตแล้วพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปอยู่นานสองนาน โดยที่ทั้งสองคนไม่ค่อยได้พูดคุยกัน หญิงสาวได้ชะเง้อมองไปทางเขาเป็นระยะ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงนั่งจ้องแต่หน้าจอ“ทำงานเหรอคะ”“ครับ”“ขยันจังเลยนะคะ ขนาดวันหยุดก็ยังทำงาน”เพิร์ธกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าทำงานของเขาต่อ ส่วนงานออกแบบของเธอ ตอนนี้
นิวเยียร์ที่เดินตามหลังเข้ามาในห้องก็ใช้มือผลักประตูให้ปิดลง แล้วเดินหน้าเข้าหาชายหนุ่ม ส่งมือเล็กทั้งสองข้างจับที่เสื้อสูตบริเวณแผงอก แล้วดันคนตัวสูงจนแผ่นหลังแนบชิดติดกับผนัง“เมาเหรอครับ พี่ไปส่งกลับห้องนะ”“ไม่เมาค่ะ” นิวเยียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงยานเล็กน้อย ดวงตาคู่หวานช้อนสายตาขึ้นมองคนตัวสูงด้วยสีหน้าจริงจัง“น้องนิวเยียร์มีอะไรรึเปล่าครับ พี่ว่าเราไปนั่งคุยกันที่โซฟาดีไหม”“ไม่ค่ะ พี่ต้องตอบมาก่อน ที่บอกว่าหนูเป็นผู้หญิงของพี่หมายความว่าไง” เธอจำคำนั้นได้ดี คำที่เขาบอกกับผู้ชายตัณหากลับคนนั้น“เอ่อ ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่มีอะไรครับ พี่เห็นเราถูกบังคับให้ดื่มเหล้าเลยพูดไปแบบนั้น ถ้าน้องนิวเยียร์ไม่ชอบ พี่ขอโทษนะ”เขาอาจจะคิดน้อยไปที่เอ่ยออกไปแบบนั้น เขาก็แค่อยากปกป้องเธอ ถ้าไม่บอกว่านิวเยียร์เป็นอะไรกับเขา ชายคู่ค้าคนนั้นไม่ยอมปล่อยมือจากเธอแน่“ไม่ค่ะ ไม่ต้องขอโทษ แต่พี่ต้องรับผิดชอบกับคำพูดของพี่” เอ่ยจบนิวเยียร์ก็ออกแรงดึงเสื้อสูตของเขา แล้วเขย่งปลายเท้าส่งริมฝีปากอวบอิ่มขึ้นไปจูบกับคนตัวสูงเพิร์ธเบิกตาโพลงด้วยเสียอาการ หายใจเข้าออกถี่กระชั้น หัวใจของเขากระตุกเต้นเสียงดัง และไม่รู
เพิร์ธจับขาของหญิงสาวที่เผลอหนีบเข้าหากันแยกออก เผยให้เห็นดอกไม้งามไร้สิ่งปกคลุม ผิวของเธอเนียนละเอียดจนเขาอดใจไม่ได้ที่จะก้มหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ แล้วส่งปลายลิ้นแลบเลียตรงกลางร่อง“อ๊ะ”นิวเยียร์สะดุ้งเล็กน้อยกับสัมผัสแปลกใหม่ เมื่อลิ้นร้ายลากผ่านก็ให้ความรู้สึกเย็นวาบจากน้ำลายที่กระทบกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกร้อนวูบวาบจากอารมณ์สวาทลดน้อยลงแม้แต่น้อย“อืม…” เขารัวลิ้นแลบเลีย เปล่งเสียงครางในลำคอ แล้วเน้นย้ำตรงจุดกระสัน“อ๊ะ อื้อ… พะ พี่เพิร์ธ อา…” หญิงสาวดิ้นพล่าน ส่งเสียงครางกระเส่า ไม่นานนักก็รู้สึกเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมาเพิร์ธตวัดปลายลิ้นกวาดเอาน้ำหวานที่ไหลออกมาปริมาณมากเข้าปาก ส่วนหญิงสาวนอนหอบหายใจหลังจากสติได้ล่องลอยจากความสุขสมที่ได้รับเพิร์ธไม่รอช้าจับลำท่อนถูไถกับกลีบอวบอูมขึ้นลงสองสามครั้ง แวะสะกิดจุดคริสตัลทำให้นิวเยียร์เชิดหน้าหลุดปากครางเสียงแผ่ว จากนั้นก็จ่อท่อนเอ็นขนาดใหญ่ตรงปากรู กดเอวสอบเพื่อส่งตัวตนเข้าไปในโพลงอ่อนนุ่ม“อื้อ…” หญิงสาวหลับตาปี๋ มือเล็กกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเธอรับรู้ได้ถึงของแข็งขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวเข้าไป
หญิงสาวตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ คนที่ควรจะรับผิดชอบคือเขาต่างหาก เมื่อคืนทั้งสองคนก็ดื่มมาด้วยกันทั้งคู่ และสิ่งที่ทำลงไปเขาก็มีสติและไตร่ตรองมาดีทุกอย่าง“น้องนิวเยียร์ไม่ต้องรับผิดชอบพี่หรอกครับ”“หมะ หมายความว่ายังไงคะ”ไม่ต้องรับผิดชอบคืออะไร เขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับเธออีกอย่างนั้นหรือ นิวเยียร์หน้าถอดสีเล็กน้อย แต่ก็แสร้งยิ้มราวกับว่าไม่ได้คิดอะไร“เรื่องเมื่อคืนพี่ตั้งใจ”เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมา พลันทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นกระหน่ำเสียงดัง ความร้อนเห่อขึ้นบนใบหน้า“ตั้งใจเหรอคะ หมายความว่า…”“พี่มีสติดีครับ พี่ไม่ได้เมา”“แต่หนูผิดที่เข้าหาพี่ก่อน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่หนูก็ยัง…” เธอเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักถ้อยคำหลังจากนั้นที่ว่า ‘ตั้งใจจะอ่อยเขา’เธออ่อยเขามาโดยตลอด และเรื่องเมื่อคืนมันก็ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ แต่มันเกิดจากความตั้งใจ“งั้นเราลองมาเป็นอะไรกันดีไหมครับ”ประโยคของเขาทำให้หัวใจของนิวเยียร์เต้นแรงหนักกว่าเดิม ไม่ต่างจากคนพูดที่หน้าอกข้างซ้ายกระตุกเสียงดังตึกตัก ลุ้นว่าจะได้รับคำตอบเช่นไรกลับมา“เป็นอะไรที่ว่าคืออะไรเหรอคะ” แม้ว่าจะดีใจมาก แต่ก็ต้องคุมเชิงแสร้งถามเขาก
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค
หลายอาทิตย์ผ่านไปวันนี้เพิร์ธและนิวเยียร์มีนัดกันไปดูภาพยนตร์ที่เพิ่งจะเข้าฉาย และก่อนที่หนังจะเริ่มนิวเยียร์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปของเขาและเธอ เพื่อโพสต์ลงเฟซบุ๊กพร้อมทั้งเช็กอินสถานที่“แฟนใครเนี่ยหล่อขึ้นกล้องทุกรูปเลย” นิวเยียร์เอ่ยชม พลางหันหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู พร้อมกับส่งยิ้มหวาน“แฟนพี่ก็สวยขึ้นกล้องเหมือนกันครับ” เพิร์ธส่งมือมาจับศีรษะของคนตัวเล็กโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดูเขามักจะได้รับคำชมจากเธอเป็นประจำ จนตอนนี้เขาเองก็กลายเป็นคนชอบอวยแฟนไปโดยปริยาย“หนังจะมาแล้วค่ะ”นิวเยียร์ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ เธอลองดูตัวอย่างแล้วมันเขินจนตัวบิด เหมาะกับการเป็นภาพยนตร์สำหรับคู่รัก ซึ่งเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี แล้วพอมาดูจริงมีแฟนหนุ่มสุดหล่อมาเป็นเพื่อน คงจะฟินกว่าเดิมมากแน่ ๆตลอดสองชั่วโมงสิบห้านาทีที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ บอกได้เลยว่าเรื่องนี้มีแต่คำว่าสนุก คลั่งรัก เบาสมอง และฟินมาก บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวังที่ชวนกันมาดูพอออกมาจากโรงภาพยนตร์ทั้งสองก็ไปกินข้าวกันต่อที่ร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้า ตอนที่กำลังจะสั่งอาหารนิวเยียร์ก็ได้รับข้อความจากใครคนหนึ่ง“มีอะไรรึเปล่าครับ” เพิร์ธเห็
หลายวันต่อมาเนื่องจากวันนี้เธอว่าง เลยแวะไปเมาท์มอยกับพรีมที่โรงพิมพ์ และตั้งใจโทรหาแฟนหนุ่มเพื่อจะชวนออกมากินข้าวมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัทด้วยกัน“นานแล้วนะคะที่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วยกัน”นับตั้งแต่ผู้ช่วยเลขาที่ลาคลอดกลับมาทำงาน เธอก็ต้องกลับไปทำงานออกแบบที่คอนโด วันทำงานแบบนี้ทั้งคู่จึงไม่ได้กินข้าวด้วยกันอีก“ให้พี่แวะไปรับออกมากินข้าวด้วยกันแบบนี้ทุกวันดีไหมครับ”“เอาใจสุด ๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากพี่เปล่า ๆ แยกกันกิน แยกกันทำงานของตัวเองดีแล้วค่ะ ยังไงก็ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน”เธอไม่ใช่เด็กแล้วที่จะมางอแงให้เขาตามใจ เธอแยกแยะได้อันไหนเวลางาน เวลาส่วนตัว แม้ว่าเขาจะมีเวลาพักกลางวันแต่ก็ไม่ควรจะยึดเวลานั้นมาครอบครอง ปล่อยให้เขาได้มีเวลาว่างเป็นของตัวเองบ้าง จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดที่คบกัน“ขอบคุณนะครับ”ความคิดของเธอโตเป็นผู้ใหญ่มาก ทุกวันนี้เขาไม่เคยลำบากใจเลยที่ต้องออกบ้านมาทำงาน และดีที่ปัจจุบันเขาได้ทำงานในตำแหน่งเลขาของประธานกรรมการบริหารอย่างธีร์ ถึงได้มีเวลาให้แฟนสาวทุกวันหลังเลิกงานและวันหยุด อาจจะมีบ้างนาน ๆ ครั้งที่ต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้า ติดตามธีร์ไปงานเลี้ยงกลางคืน
นิวเยียร์ที่กำลังทำอาหารเย็นไว้รอแฟนหนุ่ม เธอได้รับข้อความจากเขาจึงได้รีบตอบกลับไป**********Newyear : รับทราบค่ะPirat : ถ้าหิวก็กินข้าวก่อนได้เลยนะครับ ไม่ต้องรอNewyear : ค่ะ แต่ว่าหนูรอกินพร้อมพี่ดีกว่า ไม่เห็นหน้าแล้วกินข้าวไม่อร่อยอะ คิดถึงPirat : คิดถึงเหมือนกันครับ ไว้พี่จะรีบกลับนะNewyear : ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ เป็นห่วง (อีโมจิหน้าส่งจูบ)Pirat : ครับ**********ระหว่างที่ตอบกลับข้อความแฟนสาว เพิร์ธก็เผลอยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี ทำเอาคนที่นอนให้น้ำเกลือรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา แต่ก็ต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วถามออกไป“คุยกับใครเหรอคะ อารมณ์ดีจัง”“คุยกับแฟน”“แฟนพี่นี่โชคดีจังเลยนะคะ ควีนคงจะโชคร้ายเอง”โชคร้ายที่ว่าคือเธอเผลอตัวเผลอใจให้กับเพื่อนสนิทของเขาที่เข้ามาดูแล พาไปกินข้าว พาไปเที่ยว ทำหน้าที่แทนอดีตแฟนที่เอาแต่ทำงาน จนเธอคิดว่านั่นคือการกระทำของคนรักกัน เพื่อนของเขาดูแลเธอดีมาก ทั้งคู่จึงเลือกที่จะสวมเขา แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในวันที่เขาไม่อยู่ สุดท้ายก็โดนจับได้ตอนนั้นเธอผิดเองที่เลือกเพื่อนสนิทของเพิร์ธ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีเวลาและให้ในสิ่งที่เธอต้องการได้อยู่แล้