‘ไหน ๆ ก็โดนจับได้แล้ว ทำไมเมื่อกี้ไม่ขอเข้าไปนั่งเล่นที่ห้องของเขานะ’
พอคิดได้ดังนั้นนิวเยียร์ก็เดินไปที่หน้ากระจก สำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ก๊อก ก๊อก
คนในห้องที่กำลังต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติจัดจ้าน เอาไว้กินคู่กับไข่ตุ๋นที่ได้มาเมื่อครู่ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็เดินออกจากห้องครัวเพื่อไปดูว่าใครมา
“น้องนิวเยียร์”
“ขอเข้าไปได้ไหมคะ” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างพยักเพยิดใบหน้าสวยและมองเข้าไปในห้องที่เคยมานอนค้างแล้วครั้งหนึ่ง
“ครับ” จะปฏิเสธก็กระไรอยู่ เลยอนุญาตให้เธอเข้ามา
นิวเยียร์เดินตามเขาเข้าไปในห้องขนาดกว้าง แต่ข้าวของเครื่องใช้กลับถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บ่งบอกถึงผู้อยู่อาศัยที่รักความสะอาดและความเรียบร้อย แต่แล้วจมูกของเธอได้รับกลิ่นที่โชยออกมาจากห้องครัว
“ต้มบะหมี่เหรอคะ กลิ่นหอมจัง”
“ครับ”
“ขอกินด้วยได้ไหมคะ”
ใจกล้าหน้าด้านแล้วทำกระเพาะว่างเข้าไว้ แม้จะกินไข่ตุ๋นไปแล้วหลายถ้วย แต่ก็ต้องเอ่ยออกไปเหมือนยังไม่ได้กินอะไร เขาจะได้ทำให้กิน และทั้งสองก็จะได้นั่งกินมื้อค่ำด้วยกัน
“เอ่อ… ครับ นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ ว่าแต่ชอบกินเผ็ดไหม” เขาผายมือไปตรงโซฟาเพื่อให้หญิงสาวนั่งรอไปพลาง ๆ
“จัดมาเลยค่ะ จะเผ็ด จะแซ่บแค่ไหน หนูก็กินได้ทั้งนั้น” เธอคลี่ยิ้มกว้าง เน้นย้ำที่คำว่าเผ็ดและแซ่บขณะที่ช้อนสายตาที่เปล่งประกายมองใบหน้าหล่อของเจ้าของห้อง
หลังจากต้มบะหมี่ให้เธออีกชาม เขาก็ยกออกมาวางบนโต๊ะอาหารและนั่งกินด้วยกัน
“ไข่ตุ๋นเป็นยังไงบ้างคะ หนูลองทำครั้งแรกและให้พี่ชิมเป็นคนแรกเลยนะคะ” หญิงสาวประสานมือแล้วเอาเท้าคาง จ้องมองคนตรงหน้าเพื่อลุ้นว่าเขาจะตอบกลับมาอย่างไร
“อร่อยดีครับ”
“จริงเหรอคะ ไม่ใช่เพราะหนูมาคาดคั้นพี่ใช่ไหม”
“จริงครับ” เขาไม่ได้ตอบเพื่อเอาใจหรือกลัวว่าเธอจะเสียความมั่นใจ แต่รสชาติมันอร่อยเหมือนที่ว่าจริง ๆ
“ดีใจจังที่พี่ชอบ ไว้หนูจะฝึกทำเมนูใหม่ ๆ มาให้ลองชิมอีกนะคะ หวังว่าจะไม่ปฏิเสธ” ถือว่ายัดเยียดเลยก็ว่าได้ จากนี้จะได้มีข้ออ้างมาเจอกันบ่อย ๆ
เขาไม่ได้ตอบกลับคำถามก่อนหน้า แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“คิดยังไงถึงย้ายคอนโดเหรอครับ”
เมื่อหลายวันก่อนยังขับรถไปส่งเธอที่คอนโดเดิมอยู่เลย แต่ทำไมถึงได้ย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกันได้
“คิดถึงคนแถวนี้มั้งคะ เลยตามมาอยู่ใกล้ ๆ”
แค่ก แค่ก
โดนหยอดไปหนึ่งประโยค เพิร์ธถึงกับสำลักน้ำบะหมี่รสเผ็ดจนใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาซึมที่ดวงตาคู่คม
“น้ำค่ะ” นิวเยียร์รีบยื่นน้ำให้เขาดื่ม หยอดนิดหยอดหน่อยทำเป็นเสียอาการ ‘คนอะไรน่ารักจัง’
“เขินอะไรขนาดนั้นคะ ล้อเล่นแค่นิดเดียวเอง คิกคิก” เธอเอ่ยพลางหลุดหัวเราะชอบใจ
ส่วนคนถูกแซวได้แต่กระดกน้ำเย็นลงคอไปหลายอึกเพื่อแก้อาการสำลัก และความร้อนบนใบหน้าที่จู่ ๆ ก็เหมือนอุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอคะ”
“ก็นิดหน่อยครับ แต่ชินแล้ว”
เขาชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว อยู่ห้องคนเดียว นอกจากเรื่องงานก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
“แต่ถ้ามีคนมาอยู่ด้วยมันคงจะดีมากเลยนะคะ มีคนชวนคุย ชวนกินข้าว หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวคลายเครียดด้วยกันสองต่อสอง พี่ไม่อยากมีแฟนบ้างเหรอคะ”
“เอ่อ… พี่ยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น แล้วน้องนิวเยียร์ล่ะครับไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ” เพิร์ธไม่รู้จะตอบเธอว่าอย่างไร เลยเปลี่ยนไปถามหญิงสาวแทน
“คิดค่ะ กำลังจีบอยู่ รีบ ๆ เปิดใจรับหนูเป็นแฟนไว ๆ นะคะ” นิวเยียร์ส่งยิ้มหวาน จ้องคนตรงหน้าด้วยดวงตาหวานหยาดเยิ้ม
“เอ่อ... น้องนิวเยียร์หมายถึง...” ทำไมประโยคบอกเล่าของเธอมันถึงได้ทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วนแบบแปลก ๆ
“ก็หมายถึงคนที่หนูจะจีบไงคะ”
เพิร์ธระบายยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อกี้เผลอนึกว่าเธอหมายถึงตัวเองเสียอีก
“ขอบคุณสำหรับบะหมี่นะคะ และขอโทษที่มารบกวนเวลาพักผ่อน”
“ไม่เป็นไรครับ” เธอให้ไข่ตุ๋นเขามาเหมือนกัน ถือว่าเจ๊ากันไป แล้วเธอก็ไม่ได้รบกวนเวลาอะไรมาก
“ไม่เป็นไร แสดงว่าหนูมาที่นี่บ่อย ๆ ได้ใช่ไหมคะ ดีเลย อยู่ห้องคนเดียวเง้าเหงา ขอบคุณนะคะ”
ได้ทีนิวเยียร์ก็รีบเอ่ยออกไปพร้อมกับยกยิ้มหวาน ขอบคุณเลขาหนุ่มสุดหล่อใจดีที่ไม่ทันมารยาหญิงของเธอ และพอพูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้องของเขาเพื่อกลับเข้าห้องของตัวเองทันที ปล่อยให้เพิร์ธมองตามหลังด้วยความอึ้ง
สรุปก็เหมือนเขาได้อนุญาตเธอไปแล้ว แม้จะไม่ได้เอ่ยออกปาก
หลายวันต่อมา
เห็นว่านิวเยียร์ทำตัวเหมือนว่าง แต่ที่จริงเธอก็ทำงานเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้ขอเงินที่บ้านใช้ไปวัน ๆ
เธอเปิดเว็บไซต์รับออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด แต่ถ้าลูกค้าอยากตีพิมพ์ก็จะดีลโรงพิมพ์ของเพื่อนรักอย่างพรีมเอาไว้ให้ เรียกได้ว่าน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
เธอเป็นคนรักอิสระและไม่ชอบอยู่ในกรอบ จึงไม่เหมาะกับการนั่งทำงานประจำในออฟฟิศ เธอจึงเลือกที่จะเปิดเว็บไซต์รับงานเอง แต่ถ้าลูกค้าจ้างงานเยอะ ทำเองไม่ไหว ก็จะส่งให้พนักงานของโรงพิมพ์เพื่อนรักเป็นคนรับช่วงต่อ จึงทำให้เธอมีเวลาตามจีบหนุ่มหล่อห้องตรงข้าม
“เฮ้อ เสร็จสักที” นิวเยียร์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ล้อเลื่อน แล้วยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ วันนี้ทั้งวันนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาสิบชั่วโมงเต็ม ๆ กว่างานจะเสร็จ
“กี่โมงแล้วเนี่ย” พอเหลือบมองนาฬิกาที่อยู่ตรงหน้าจอก็พบว่าเกือบจะสามทุ่มแล้ว
“พี่พิรัชย์”
พอนึกถึงหนุ่มหล่อก็ทำให้เธอต่อว่าตัวเองในใจ เพราะรู้สึกเสียดายที่เผลอทำงานจนลืมดูเวลา ป่านนี้เขาคงจะกินข้าวไปแล้ว แต่เธอนี่สิ แม้แต่ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ตกถึงท้อง
และวันนี้ก็ไม่ใช่วันแรกที่เธอลืมไปหาพิรัชย์ที่ห้องเพื่อนั่งกินข้าว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะลืมหน้าเธอไปแล้วหรือยัง แต่จะให้ไปเคาะห้องเขาตอนนี้มันจะดูจงใจอยากเข้าหามากเกินไปหรือเปล่า
และเธอก็ไม่ได้ไปรบกวนเขา
ช่วงสายของอีกวัน นิวเยียร์ที่วันนี้มีเวลาว่าง เพราะเคลียร์งานเสร็จแล้วเมื่อคืน ก็เดินทางไปหาเพื่อนรักที่โรงพิมพ์ ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันก็รู้สึกคิดถึง
“ลมอะไรหอบแกมาถึงที่นี่” พรีมที่เพิ่งจะเห็นหน้าเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเกือบสองสัปดาห์ก็ทักขึ้นทันที
ปกติพวกเธอไม่ค่อยได้นัดเจอกันที่โรงพิมพ์หรอก ส่วนมากจะนัดกันที่ร้านอาหาร ไม่ก็ร้านเบเกอรีในช่วงพักเที่ยงเสียส่วนใหญ่
“วันนี้ฉันว่างน่ะ เลยแวะมาเมาท์กับแก”
นิวเยียร์เอ่ยพลางขยับเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะลูกสาวเจ้าของโรงพิมพ์แล้วหย่อนก้นลงนั่ง แล้วเริ่มคุยกับพรีมที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
“ฉันไม่ได้เจอพี่พิรัชย์มาหลายวันแล้วอะ คิดถึงจัง”
“ทำไมล่ะ” พรีมก็งงว่าย้ายไปอยู่ใกล้กันขนาดนั้น ยังมาบ่นว่าไม่ได้เจอหน้ากันอีก
“ก็มีลูกค้าทักมาของานด่วนน่ะสิ จะส่งให้คนของแกทำก็คงส่งงานไม่ทัน ฉันเลยต้องลงมือทำเอง อีกอย่างแต่ละวันกว่างานจะเสร็จก็ดึก จะไปหาเขาตอนดึก ๆ ก็ยังไงอยู่”
“เอาน่า เว้นระยะบ้างก็ได้” พรีมเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ เอ่ยกับเพื่อน
“ได้ไงล่ะแก ตอนนี้ฉันยิ่งต้องทำคะแนน หายไปนาน ๆ เขาก็คิดว่าฉันไม่จริงจังน่ะสิ” นิวเยียร์พูดพลางทำหน้าเศร้า ถอนลมหายใจออกมา
“แกไม่ต้องกังวลหรอก ช่วงนี้พี่พิรัชย์งานยุ่งน่ะ กลับดึกทุกวันเลย”“พี่ธีร์ก็กลับดึกเหมือนกันเหรอ” เธอถามพรีมด้วยความสงสัย ถ้าพิรัชย์กลับดึก แสดงว่าสามีของเพื่อนก็ต้องกลับดึกเหมือนกัน เพราะทำงานด้วยกัน“อื้ม คงจะเป็นแบบนี้สักสองสามเดือน”“ทำไมล่ะ”“ก็พี่กิ่งแก้วที่เป็นผู้ช่วยเลขาลาคลอดน่ะ งานทั้งหมดพี่พิรัชย์เลยต้องรับผิดชอบแทนไปก่อน และพี่ธีร์เองก็รับงานในส่วนของพี่พิรัชย์มาทำเองบางส่วน”“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คงจะเหนื่อยแย่เลยเนาะ”แต่แล้วก็มีความคิดดี ๆ ผุดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม“เออ แก” นิวเยียร์โพล่งขึ้นมาเสียงดังจนพรีมแทบจะสะดุ้ง“อยู่ใกล้กันแค่นี้แกจะเสียงดังทำไม ฉันเกือบหัวใจวายตายแล้วเนี่ย” พรีมแกล้งเอ็ดเพื่อน“แกช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”“ช่วยอะไร” พรีมรู้สึกถึงความคาดหวังบางอย่างจากดวงตาของเพื่อนที่ฉายแววออกมา“ช่วยพูดกับพี่ธีร์ให้ฉันเข้าไปเป็นผู้ช่วยของพี่พิรัชย์ที นะ นะ ยัยพรีม ช่วยฉันหน่อย แค่ให้ฉันได้ช่วยในระหว่างที่พี่กิ่งแก้วลาคลอดก็พอ” นิวเยียร์ทำหน้าอ้อน ยื่นมือไปจับมือของเพื่อนแล้วส่งสายตาอ้อนวอน“...” พรีมนั่งนิ่งราวกับใช้ความคิด ขณะที่นั่งมองหน้าเพื่อนที่กำลังเขย่าแขนของเธอเ
ตั้งแต่ได้ไปทำงานด้วยกันนิวเยียร์ก็นอนดึกกว่าเดิม เพราะงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่รับทำยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็ทำเองแค่งานที่ใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมง ถ้าเป็นงานยากช่วงนี้คงต้องส่งให้กับโรงพิมพ์ของพรีมเป็นคนทำไปก่อนทุกเช้าเธอจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ตีห้าครึ่งเพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัว และแต่งหน้าสวย ๆ เตรียมไปกินข้าวกับใครบางคนก๊อก ก๊อกทันทีที่ประตูเปิดออก นิวเยียร์ก็เกิดอาการร้อนที่ใบหน้า หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกตักราวกับกำลังตื่นเต้น เมื่อเจ้าของห้องสุดหล่อที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะได้กลิ่นหอมของสบู่อ่อน ๆ โชยเข้าจมูก แถมเขายังสวมใส่แค่กางเกงวอร์มสีดำ เผยช่วงบนให้ได้เห็นหน้าอกขาว ๆ หน้าท้องมีซิกซ์แพ็กเป็นลอนงาม คล้ายกับในความฝันของเธอไม่มีผิดนิวเยียร์ยืนนิ่งจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ ลอบกลืนน้ำลายลงคอราวกับเห็นของกินแสนอร่อยวางอยู่ตรงหน้า“หัวนมชมพู” เธอเผลอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ยกยิ้มที่ริมฝีปากมาอย่างลืมตัว“น้องนิวเยียร์ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อเพื่อเรียกสติเธอเอาแต่ยืนจ้องตุ่มไตสองเม็ดที่หน้าอก ดวงตาหวานเยิ้ม ทำเอาคนถูกมองเริ่มจะทำตัวไม่ถูกจนต้องเอาผ้าที่เช็ดผมมาบังแผงอกแท
เพิร์ธระบายยิ้มมุมปาก จ้องใบหน้าหวานที่รอฟังคำตอบเพียงแค่ชั่วครู่ จากนั้นก็หันไปขับรถต่อโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป“ว่ายังไงคะ ถ้าหนูขอพี่จะให้ไหม” นิวเยียร์เอ่ยออกไปอีกครั้ง และรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อเธอบอกใบ้ไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าคนที่กำลังจีบคือเขา แต่ทำไมถึงได้ซึนและความรู้สึกช้าขนาดนี้‘นี่เขาแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแล้วแต่ไม่สนใจเธอกันแน่’แต่แล้วความเงียบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้เธอถอนหายใจ เบือนหน้ามองวิวข้างทางแทน และข้าวมื้อเที่ยงก็กินได้แค่ไม่กี่คำ จากตอนแรกที่คิดว่าโมโหจนหิวข้าวมาก อยากจะกินให้หายหงุดหงิด แต่พอเขาเงียบ เธอก็หมดอารมณ์กินข้าวไปโดยปริยายระหว่างทำงานในช่วงบ่าย นิวเยียร์ก็นั่งทำหน้าบึ้งตึงและไม่คุยเล่นกับเขาเหมือนเช่นเคย นอกจากจะถามเรื่องงาน และหลังจากทำงานเสร็จก็ถึงเวลากลับเสียทีขณะที่ต่างฝ่ายกำลังจะแยกย้ายเข้าห้องตัวเอง แต่แล้วชายหนุ่มก็ขานชื่อเธอขึ้น“น้องนิวเยียร์ครับ”“คะ” เธอหันกลับไปมองด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าราวกับคนหมดแรง แค่เขาไม่ให้เบอร์ เธอก็เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากและซึมเป็นส้วม“พี่ขอโทรศัพท์หน่อยสิครับ”“เอาไปทำไมคะ” เธอไม่ทันได้คิดก็รีบตอบกลับไป “หรือว
เวลาผ่านไปนับเดือนกับการทำงานเป็นผู้ช่วยเลขา นิวเยียร์มีความสุขกับงานชั่วคราวนี้มาก เพราะมันทำให้เธอได้อยู่ใกล้กับคนที่เธอชอบ แม้ว่าบางวันเขาจะไม่ได้ทำงานประจำอยู่ที่โต๊ะ เพราะต้องนัดเจอกับลูกค้าบ้าง หรือเข้าประชุมเป็นเวลาหลายชั่วโมงบ้าง แต่มันก็ยังดีกว่าการไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดทั้งวันตั้งแต่มีโอกาสได้คุยแชทกันทุกคืน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็นับว่าดีขึ้นกว่าการเป็นแค่คนที่อยู่คอนโดเดียวกัน ดีกว่าการเป็นเพื่อนนั่งกินข้าว ทั้งคู่มีการพูดคุยและสนิทสนมกันมากขึ้น มากพอที่จะไว้ใจกันและกัน และเธอก็สามารถมานั่งเล่นในห้องของเขาเป็นเวลานานได้ แม้จะนาน ๆ ครั้งก็ตาม เนื่องจากยังมีงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยังต้องทำหลังเลิกงานแทบทุกคืนอยู่และคืนนี้กว่าเธอจะได้อาบน้ำนอนก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเพิ่งจะทำงานออกแบบเสร็จ แต่แล้วนิวเยียร์ก็ต้องสะดุ้งตื่นทั้งที่ยังหลับไปได้ไม่นาน แล้วนอนงอตัวด้วยอาการปวดที่ท้องด้วยความที่อาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ไหว ทำให้เธอต้องลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง มือข้างหนึ่งก็กดตรงท้องช่วงบนแต่ก็ไม่อาจคลายความเจ็บปวดลงได้ พอลุกไปเปิดดูกล่องยาที่อยู่ตรงลิ้นชักที่โต๊ะ
‘หนูชอบพี่นะ’ดูเหมือนว่าคำนี้จะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามาก มันทำให้หัวใจดวงโตเต้นกระหน่ำจากที่ไม่เคยเต้นแรงกับใครแบบนี้มานานหลายปี และยามที่กลิ่นหอมของคนตัวเล็กลอยเข้าจมูก ก็ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง คล้ายกับว่ากำลังจะไม่สบาย มันร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างอย่างบอกไม่ถูกนี่เธอกำลังเล่นอะไรอยู่ ที่พูดมามันก็แค่ละเมอ หรือตั้งใจจะบอกกับเขาแบบนั้นจริง ๆในขณะที่เพิร์ธกำลังจัดการกับความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้น หญิงสาวก็กระชับเรียวแขน ขยับตัวเข้ามาแนบชิดกับตัวของเขา แล้วกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นเพิร์ธสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อข่มเสียงเต้นของหัวใจ และข่มตัวตนความเป็นชายที่กำลังถูกปลุก เขาก็เป็นผู้ชายที่มีอารมณ์นั้นอยู่ แต่ก็พยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้ เพราะไม่อยากเล่นกับความรู้สึกของใคร ถ้าไม่พร้อมเขาก็จะไม่ทำ เขาไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชอบฉวยโอกาสเพิร์ธพยายามจะข่มตาหลับแต่ก็ไม่เป็นผล ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำอย่างไรดีเวลาผ่านไปหลายนาที นิวเยียร์ก็ยังคงนอนนิ่งกอดเขาอยู่อย่างนั้น จนเพิร์ธเริ่มรู้สึกชาแขนข้างที่ถูกนอนหนุน จึงตัดสินใจพลิกตัวตะแคงข้าง ใช้มืออีกข้างสอดเข้าไปใต้ศีรษะของคนตัวเล็
“ทำอะไรมาเหรอคะ”นิวเยียร์เปิดประตูออกไป ก็เห็นว่าเขานั่งดูแท็บเล็ตคู่ใจ ทั้งยังมีชามสองใบวางอยู่บนโต๊ะอาหาร“พี่ทำข้าวต้มมาให้ครับ น้องนิวเยียร์ปวดท้อง ช่วงนี้กินอาหารอ่อนไปก่อนนะ” เขาละสายตาจากหน้าจอ เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่เดินมานั่งตรงข้ามกัน“ขอบคุณนะคะ”เขาเป็นคนที่ใส่ใจและอบอุ่นมาก คิดไม่ผิดที่เลือกจีบผู้ชายคนนี้หลังจากกินข้าวเสร็จ เพิร์ธก็เดินไปหยิบยามาให้เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องลุกเดินบ่อย จากนั้นเขาก็เก็บชามไปล้างทำความสะอาด และมานั่งที่โซฟาโดยที่มีนิวเยียร์นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ด้วย“ถ้าอยากนอนพักก็บอกพี่นะครับ เดี๋ยวพี่พาเข้าไป”“ค่ะ แต่หนูอยากอยู่ตรงนี้มากกว่า”เธอจะปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพังได้อย่างไร เขาอุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อน ถ้าให้นั่งที่โซฟาคนเดียวคงจะเหงาแย่เพิร์ธก้มหน้ามองแท็บเล็ตแล้วพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปอยู่นานสองนาน โดยที่ทั้งสองคนไม่ค่อยได้พูดคุยกัน หญิงสาวได้ชะเง้อมองไปทางเขาเป็นระยะ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงนั่งจ้องแต่หน้าจอ“ทำงานเหรอคะ”“ครับ”“ขยันจังเลยนะคะ ขนาดวันหยุดก็ยังทำงาน”เพิร์ธกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าทำงานของเขาต่อ ส่วนงานออกแบบของเธอ ตอนนี้
นิวเยียร์ที่เดินตามหลังเข้ามาในห้องก็ใช้มือผลักประตูให้ปิดลง แล้วเดินหน้าเข้าหาชายหนุ่ม ส่งมือเล็กทั้งสองข้างจับที่เสื้อสูตบริเวณแผงอก แล้วดันคนตัวสูงจนแผ่นหลังแนบชิดติดกับผนัง“เมาเหรอครับ พี่ไปส่งกลับห้องนะ”“ไม่เมาค่ะ” นิวเยียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงยานเล็กน้อย ดวงตาคู่หวานช้อนสายตาขึ้นมองคนตัวสูงด้วยสีหน้าจริงจัง“น้องนิวเยียร์มีอะไรรึเปล่าครับ พี่ว่าเราไปนั่งคุยกันที่โซฟาดีไหม”“ไม่ค่ะ พี่ต้องตอบมาก่อน ที่บอกว่าหนูเป็นผู้หญิงของพี่หมายความว่าไง” เธอจำคำนั้นได้ดี คำที่เขาบอกกับผู้ชายตัณหากลับคนนั้น“เอ่อ ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่มีอะไรครับ พี่เห็นเราถูกบังคับให้ดื่มเหล้าเลยพูดไปแบบนั้น ถ้าน้องนิวเยียร์ไม่ชอบ พี่ขอโทษนะ”เขาอาจจะคิดน้อยไปที่เอ่ยออกไปแบบนั้น เขาก็แค่อยากปกป้องเธอ ถ้าไม่บอกว่านิวเยียร์เป็นอะไรกับเขา ชายคู่ค้าคนนั้นไม่ยอมปล่อยมือจากเธอแน่“ไม่ค่ะ ไม่ต้องขอโทษ แต่พี่ต้องรับผิดชอบกับคำพูดของพี่” เอ่ยจบนิวเยียร์ก็ออกแรงดึงเสื้อสูตของเขา แล้วเขย่งปลายเท้าส่งริมฝีปากอวบอิ่มขึ้นไปจูบกับคนตัวสูงเพิร์ธเบิกตาโพลงด้วยเสียอาการ หายใจเข้าออกถี่กระชั้น หัวใจของเขากระตุกเต้นเสียงดัง และไม่รู
เพิร์ธจับขาของหญิงสาวที่เผลอหนีบเข้าหากันแยกออก เผยให้เห็นดอกไม้งามไร้สิ่งปกคลุม ผิวของเธอเนียนละเอียดจนเขาอดใจไม่ได้ที่จะก้มหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ แล้วส่งปลายลิ้นแลบเลียตรงกลางร่อง“อ๊ะ”นิวเยียร์สะดุ้งเล็กน้อยกับสัมผัสแปลกใหม่ เมื่อลิ้นร้ายลากผ่านก็ให้ความรู้สึกเย็นวาบจากน้ำลายที่กระทบกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกร้อนวูบวาบจากอารมณ์สวาทลดน้อยลงแม้แต่น้อย“อืม…” เขารัวลิ้นแลบเลีย เปล่งเสียงครางในลำคอ แล้วเน้นย้ำตรงจุดกระสัน“อ๊ะ อื้อ… พะ พี่เพิร์ธ อา…” หญิงสาวดิ้นพล่าน ส่งเสียงครางกระเส่า ไม่นานนักก็รู้สึกเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมาเพิร์ธตวัดปลายลิ้นกวาดเอาน้ำหวานที่ไหลออกมาปริมาณมากเข้าปาก ส่วนหญิงสาวนอนหอบหายใจหลังจากสติได้ล่องลอยจากความสุขสมที่ได้รับเพิร์ธไม่รอช้าจับลำท่อนถูไถกับกลีบอวบอูมขึ้นลงสองสามครั้ง แวะสะกิดจุดคริสตัลทำให้นิวเยียร์เชิดหน้าหลุดปากครางเสียงแผ่ว จากนั้นก็จ่อท่อนเอ็นขนาดใหญ่ตรงปากรู กดเอวสอบเพื่อส่งตัวตนเข้าไปในโพลงอ่อนนุ่ม“อื้อ…” หญิงสาวหลับตาปี๋ มือเล็กกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเธอรับรู้ได้ถึงของแข็งขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวเข้าไป
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค
หลายอาทิตย์ผ่านไปวันนี้เพิร์ธและนิวเยียร์มีนัดกันไปดูภาพยนตร์ที่เพิ่งจะเข้าฉาย และก่อนที่หนังจะเริ่มนิวเยียร์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปของเขาและเธอ เพื่อโพสต์ลงเฟซบุ๊กพร้อมทั้งเช็กอินสถานที่“แฟนใครเนี่ยหล่อขึ้นกล้องทุกรูปเลย” นิวเยียร์เอ่ยชม พลางหันหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู พร้อมกับส่งยิ้มหวาน“แฟนพี่ก็สวยขึ้นกล้องเหมือนกันครับ” เพิร์ธส่งมือมาจับศีรษะของคนตัวเล็กโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดูเขามักจะได้รับคำชมจากเธอเป็นประจำ จนตอนนี้เขาเองก็กลายเป็นคนชอบอวยแฟนไปโดยปริยาย“หนังจะมาแล้วค่ะ”นิวเยียร์ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ เธอลองดูตัวอย่างแล้วมันเขินจนตัวบิด เหมาะกับการเป็นภาพยนตร์สำหรับคู่รัก ซึ่งเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี แล้วพอมาดูจริงมีแฟนหนุ่มสุดหล่อมาเป็นเพื่อน คงจะฟินกว่าเดิมมากแน่ ๆตลอดสองชั่วโมงสิบห้านาทีที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ บอกได้เลยว่าเรื่องนี้มีแต่คำว่าสนุก คลั่งรัก เบาสมอง และฟินมาก บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวังที่ชวนกันมาดูพอออกมาจากโรงภาพยนตร์ทั้งสองก็ไปกินข้าวกันต่อที่ร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้า ตอนที่กำลังจะสั่งอาหารนิวเยียร์ก็ได้รับข้อความจากใครคนหนึ่ง“มีอะไรรึเปล่าครับ” เพิร์ธเห็
หลายวันต่อมาเนื่องจากวันนี้เธอว่าง เลยแวะไปเมาท์มอยกับพรีมที่โรงพิมพ์ และตั้งใจโทรหาแฟนหนุ่มเพื่อจะชวนออกมากินข้าวมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัทด้วยกัน“นานแล้วนะคะที่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วยกัน”นับตั้งแต่ผู้ช่วยเลขาที่ลาคลอดกลับมาทำงาน เธอก็ต้องกลับไปทำงานออกแบบที่คอนโด วันทำงานแบบนี้ทั้งคู่จึงไม่ได้กินข้าวด้วยกันอีก“ให้พี่แวะไปรับออกมากินข้าวด้วยกันแบบนี้ทุกวันดีไหมครับ”“เอาใจสุด ๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากพี่เปล่า ๆ แยกกันกิน แยกกันทำงานของตัวเองดีแล้วค่ะ ยังไงก็ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน”เธอไม่ใช่เด็กแล้วที่จะมางอแงให้เขาตามใจ เธอแยกแยะได้อันไหนเวลางาน เวลาส่วนตัว แม้ว่าเขาจะมีเวลาพักกลางวันแต่ก็ไม่ควรจะยึดเวลานั้นมาครอบครอง ปล่อยให้เขาได้มีเวลาว่างเป็นของตัวเองบ้าง จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดที่คบกัน“ขอบคุณนะครับ”ความคิดของเธอโตเป็นผู้ใหญ่มาก ทุกวันนี้เขาไม่เคยลำบากใจเลยที่ต้องออกบ้านมาทำงาน และดีที่ปัจจุบันเขาได้ทำงานในตำแหน่งเลขาของประธานกรรมการบริหารอย่างธีร์ ถึงได้มีเวลาให้แฟนสาวทุกวันหลังเลิกงานและวันหยุด อาจจะมีบ้างนาน ๆ ครั้งที่ต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้า ติดตามธีร์ไปงานเลี้ยงกลางคืน
นิวเยียร์ที่กำลังทำอาหารเย็นไว้รอแฟนหนุ่ม เธอได้รับข้อความจากเขาจึงได้รีบตอบกลับไป**********Newyear : รับทราบค่ะPirat : ถ้าหิวก็กินข้าวก่อนได้เลยนะครับ ไม่ต้องรอNewyear : ค่ะ แต่ว่าหนูรอกินพร้อมพี่ดีกว่า ไม่เห็นหน้าแล้วกินข้าวไม่อร่อยอะ คิดถึงPirat : คิดถึงเหมือนกันครับ ไว้พี่จะรีบกลับนะNewyear : ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ เป็นห่วง (อีโมจิหน้าส่งจูบ)Pirat : ครับ**********ระหว่างที่ตอบกลับข้อความแฟนสาว เพิร์ธก็เผลอยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี ทำเอาคนที่นอนให้น้ำเกลือรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา แต่ก็ต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วถามออกไป“คุยกับใครเหรอคะ อารมณ์ดีจัง”“คุยกับแฟน”“แฟนพี่นี่โชคดีจังเลยนะคะ ควีนคงจะโชคร้ายเอง”โชคร้ายที่ว่าคือเธอเผลอตัวเผลอใจให้กับเพื่อนสนิทของเขาที่เข้ามาดูแล พาไปกินข้าว พาไปเที่ยว ทำหน้าที่แทนอดีตแฟนที่เอาแต่ทำงาน จนเธอคิดว่านั่นคือการกระทำของคนรักกัน เพื่อนของเขาดูแลเธอดีมาก ทั้งคู่จึงเลือกที่จะสวมเขา แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในวันที่เขาไม่อยู่ สุดท้ายก็โดนจับได้ตอนนั้นเธอผิดเองที่เลือกเพื่อนสนิทของเพิร์ธ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีเวลาและให้ในสิ่งที่เธอต้องการได้อยู่แล้