“ฉันปวดไหล่”
“นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”
“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”
“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ
“แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน”
“ฝันไปเถอะ”
“ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง
วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…
“สบายหรือเปล่า”
“อือ”
“ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”
“ไม่”
“นี่ฉันจริงจังนะ”
“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม
“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”
“ทุกตรง”
“หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง
“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา
“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา
เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่านั้นแผ่นอกขาวเหมือนน้ำนมโดยเฉพาะสองจุดนั้นร่างกายส่วนล่างตื่นตัวไปหมดกำลังจะผละตัวออกแต่วินตรากลับใช้สองแขนคล้องที่คอของเดนีสอย่างหลวมๆ
“พูดอีกที”
“ประโยคไหนดีล่ะขอเป็นแฟนหรือรักนายสุดหัวใจ” วินตราเงยหน้ามาสบตาเป็นแววตาที่เดนีสไม่เคยเห็นมาก่อนมันทั้งสั่นระริกชุ่มฉ่ำน้ำมีความยินดีพร้อมใจอยู่ในนั้นไม่ก็…ยั่วยวนตาใส!
“ฉันรักนายรักสุดหัวใจเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้สัก—” ประโยคถูกกลืนลงไปในคอเมื่อถูกริมฝีปากบางทาบทับเป็นการจูบภายนอกริมฝีปากแนบริมฝีปากไม่มีล่วงล้ำไปมากกว่านั้นเดนีสแนบหน้าผากกับวินตราเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“นายแน่ใจเหรอวินตราว่าเป็นฉัน” เกิดความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างคนทั้งคู่แต่หน้าผากยังคงแนบกันอยู่อย่างนั้น
“อือ” เสียงขานรับในลำคอแผ่วเบาเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดีที่โยนเข้าสู่กองไฟลูกเล็กๆที่แทบจะมอดดับให้ลุกโชนขึ้นมาอย่างแรงกล้าอีกครั้ง
เดนีสหัวใจตรงอกซ้ายเต้นอย่างแรง เต้นแรงและเร็วจนกลัวว่ามันจะกระเด้งกระดอนออกมาข้างนอก
ริมฝีปากที่แลกเปลี่ยนลมหายใจของกันและกันร่างกายเปลือยเปล่าต่างก็เสียดสีแลกเปลี่ยนไออุ่นเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายที่เย็นเยียบให้ร้อนขึ้นแต่เดนีสก็ยังไม่กล้าไม่กล้าล่วงล้ำไปตรงนั้นจูบจนลิ้นชาปากชาก่อนจะนอนตะแคงโอบกอดวินตรามาไว้ในอ้อมแขนปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากอย่างเบามือ
“วินตราสำหรับฉันเรื่องเซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่กับนาย…” เดนีสพูดพลางเกลี่ยนิ้วโป้งที่แก้มใสนั้นอย่างเบามือวินตราของเขาเปราะบางและไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่แสดงออกให้เห็น
“อย่าเอาใจฉันด้วยวิธีนี้…ฉันรอได้” เดนีสพูดพร้อมกับจุมพิตที่หน้าผากนั้นด้วยความรักใคร่
“ฉันจะสี่สิบอยู่รอมร่อ” วินตราค่อนแคะ
“แล้ว”
“ฉันรู้ว่าเซ็กซ์คืออะไรแล้วไม่ได้อยากทำเพื่อเอาใจใคร” วินตรากอบกุมใบหน้าคมคร้ามนั้นที่จ้องมองเขาไม่วางตา
“ฉันกลัว…” กลับกลายเป็นเดนีสเสียเองที่หวาดกลัว
“กลัวอะไร”
“กลัวว่าเผลอแตะต้องนายไปแล้วนายจะหนีหายไป” วินตรามุมปากกระตุกพยายามรั้งมุมปากไม่ให้โค้งขึ้นมา
“อ่านนิยายรักเกินไปแล้ว”
“บางครั้งนายก็เข้มแข็งเกินที่ฉันจินตนาการเอาไว้มากบอกตรงๆฉันกลัวความเด็ดขาดของนายนายอาจตัดขาดจากฉันเพียงไม่กี่นาทีแต่สำหรับฉันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่นายคิด”
“กำลังอ้อนวอนขอความรักจากฉันอยู่เหรอ…ท่านประธาน”
“ถ้าใช่ล่ะคุณเลขาคนเก่ง…ให้กันได้หรือเปล่า” สองมือสอดประสานกันที่ข้างศีรษะของวินตราเดนีสกลับมาขึ้นคร่อมเขาอีกครั้งพร้อมกับจุมพิตที่มุมปากอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนเดนีสผละไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาดึงแหวนออกมาสองวงวงหนึ่งสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของวินตราโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวอีกวงหนึ่งก็ยัดเยียดให้วินตราสวมให้ตัวเองอย่างเอาแต่ใจและก็ไม่รู้ว่าไปสรรหาซื้อมาตอนไหนแถมยังพอดีกับนิ้วนางของเขาอีกต่างหาก
วินตราก็สวมกลับไปที่นิ้วนางของอีกฝ่ายอย่างงงๆพร้อมกับใบหน้ายิ้มแป้นของคุณชายใหญ่ผู้เอาแต่ใจแสงไฟส่องสว่างวูบวาบกับเพชรเม็ดใหญ่บนนิ้วนางข้างซ้ายของคุณเลขาใครเขาซื้อแหวนแบบนี้ให้กันใส่ติดตัวไปทำงานทุกวันก็ไม่ได้โดนล้อตายเลย
“สัญญามาก่อนว่าจะไม่ไปไหน”
“อือ”
“อือได้ไงไหนพูดสิ…สัญญา” วินตราเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราบเรียบก่อนจะพยักหน้าเบาๆให้กับตัวเองเอ่ยถ้อยคำสัญญาเบาหวิวออกมา
“สัญญา”
“สัญญาว่าจะไม่ทิ้งฉันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” วินตราจ้องมองลึกไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ทอดมองมาที่เขาด้วยสายตาอ่อนโยนเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าสายตาที่กำลังจ้องมองอยู่ตอนนี้ทำเอาวินตราที่แสร้งปั้นหน้านิ่งกำลังอ่อนระทวยเหมือนขี้ผึ้งที่ถูกไฟความอบอุ่นแผดเผาอย่างช้าๆเดนีสศศิภักดีที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถทำตัวเกกมะเหรกไม่ชอบก้มหัวให้ใครตอนนี้กำลังอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายอย่างเขาผู้ชายที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีดีอะไรให้คุณชายผู้สูงศักดิ์โน้มตัวลงมาหาระหว่างเขากับเดนีสเกิดมาในครอบครัวที่ต่างชนชั้นหากไม่มีเรื่องราวก่อนหน้าชาตินี้พวกเขาสองคนอาจเป็นเพียงคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“เพียงวูบเดียวที่เดนีสตัดสินใจยกเลิกสัญญาคู่ค้ากะทันหันเพราะอีกฝ่ายพูดถึงน้องชายสุดที่รักในทางเสียหาย กลับทำให้บริษัทเกิดวิกฤติขนาดใหญ่ตามมา นอกจากคุณเลขาคนเก่งจะมาช่วยกอบกู้บริษัทแล้ว ยังมาช่วยแก้ปัญหาวิกฤติทางใจของเขาอีกด้วย”คำเตือน-Black mail มีการข่มขู่ให้ทำตาม-Child abuse ทารุณกรรมเด็กโดยการทำร้าย ทอดทิ้ง หรือการค้ามนุษย์-Pedophilia การใคร่เด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปี จัดเป็นอาการทางจิตประเภทหนึ่ง-Suicidal thought มีความคิดจะฆ่าตัวตาย-Sexism การดูถูกเหยียดหยามหรือมีอคติทางเพศ การเหยียดเพศ-Sexual harassment การล่วงละเมิดทางเพศ-Trafficking การค้ามนุษย์-Violence การใช้ความรุนแรง-Underage sex มีความสัมพันธ์กับคนที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ -เหมาะสำหรับอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป “ไอ้นีส…แกไปทำอีท่าไหนหุ้นบริษัทถึงร่วงขนาดนี้”“ไอ้นีส…แกพูดอย่างนั้นได้ยังไงการทำการค้าการสวมหัวโขนนั้นสำคัญแกแกอยากจะเห็นฉันอกแตกตายใช่ไหม”ท่านเจ้าสัวก่นด่าลูกชายแทบจะทุกวี่ทุกวันก็ไอ้ลูกชายคนโตตัวดีตั้งแต่เรียนจบโทมานอกจากจะทำล่องลอยไปวันๆแล้วพอนั่งเก้าอี้บริหารไม่ทันไรก็สร้างเรื่องสร้างราวให้ปวดหัวและตามเช็
เดนีส ศศิภักดีลูกชายคนโตของท่านเจ้าสัวเดรโก ศศิภักดีเข้ารับตำแหน่งท่านประธานที่ดูแลธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ เป็นพลาสติกและแปรรูปแบบครบวงจรไม่ว่าจะเป็นกระสอบพลาสติก บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม พลาสติกแข็งและเคลือบ ท่อพีวีซีและข้อต่อ แกนกระดาษ ผ้าใยสังเคราะห์ ความจริงเขาไม่อยากทำบริษัทพวกนี้ ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจในเครือของครอบครัวมีทั้งหมด 8 สายธุรกิจหลัก ครอบคลุม 14 กลุ่มธุรกิจ แต่ไหงเขาถึงได้มาทำพวกบรรจุภัณฑ์ ไอ้พัดเพื่อนที่เติบโตแทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันตอนนี้เป็นทั้งน้องเขยตกกระไดพลอยโจนที่สำคัญยังได้นั่งเก้าอี้บริหารธุรกิจสำคัญอย่างธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ ไอ้น้องชายฝาแฝดอย่างเดนีนก็รับตำแหน่งดูแลธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม ส่วนลูกชายคนโตอย่างเขาได้รับหน้าที่มาขายพวกกล่องพลาสติกพวกนี้เนี่ยนะ! แม้จะเคยประท้วงไปหลายรอบแต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจจากผู้เป็นพ่อได้! งั้นเขาก็จะบริหารในแบบฉบับของคนรุ่นใหม่บริหารในแบบฉบับของเดนีสศศิภักดีงั้นก็เปลี่ยนเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ในห้องทำงานส่วนตัวเขาก่อนก็แล้วกัน…เดนีสนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทได้เพียงสามเดือนบอร์ดบริหารก็ลุกเป็นไฟเ
ทางด้านวินตราเช้านี้ตาขวากระตุกแปลก ๆ ไหนจะจามติดกันถึงสองครั้ง เขาเลยแก้เคล็ดด้วยการเดินถอยหลังออกจากประตูห้องคอนโดยื่นเท้าขวาไปทางข้างหลังก่อนจะตามด้วยเท้าซ้าย อีกอย่างประวัติ รายละเอียดส่วนตัวของเจ้านายคนใหม่ของเขาก็ตั้งแง่ติดลบตั้งแต่ได้อ่านประโยคแรกจนถึงประโยคสุดท้าย และตั้งธงแดงในใจเอาไว้แล้ว จัดการกับคนไม่ได้ง่ายเหมือนจัดการเหมือนหมาแมว วินตราไม่ชอบการจัดการกับคนมากที่สุด รับมือได้ยาก อีกอย่างจิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง ขนาดเจ้านายคนเก่าที่ว่าดี สื่อยกย่องว่าเป็นพ่อตัวอย่างแต่พออยู่หลังกล้องเท่านั้นแหละ…สันดานที่แท้จริงโผล่มาให้เห็น ทั้ง ๆ ที่มีลูกสาวแท้ ๆ เฮ้อ!แค่คิดว่าแต่ละวันต้องคอยรับมือกับพวกคนประเภทนี้ก็เหนื่อยแย่ละพักใจไม่ทันหายต้องตื่นมาสู้กับรบปรบมือกับความอยู่รอดปากท้องต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัวเขาจัดการกับความคิดของตัวเองก่อนจะเตรียมตัวออกไปทำงานด้วยสภาพหัวใจที่ห่อเหี่ยวเมื่อวินตรามาถึงบริษัทก็เข้ามารายงานตัวแผนกประชาสัมพันธ์ก่อนจะเดินไปรายงานตัวกับแผนกบุคคลและเดินหายเข้าไปในห้องประธานบริษัทเป็นลำดับสุดท้ายไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรทั้งนั้นมาถึงทำบัตรเริ่มงานได้เลยเรียกได้ว่าอ
ประโยคนี้เหมือนตบหน้าเขาอย่างจัง ละไอ้สรุปที่ว่า เดนีสเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ของตัวเองพร้อมกับใช้แฟ้มเขี่ยเปลือกถั่วลิสงอย่างลวก ๆ ก่อนจะเปิดอ่านด้วยความโมโหแต่ละเรื่องมีสรุปไว้ให้จริง ๆ เหมือนหลอกด่าว่าโง่ อ่านหนังสือไม่เกินปีละ 7 บรรทัด! เขาฮึดฮัดนั่งอ่านแต่ละเรื่องพลางส่งสายตาเชือดเฉือนไปยังคนตรงหน้าที่ยืนมองดูพลางกุมมือตรงเป้า กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรอีกฝ่ายก็เอ่ยเตือน“ใกล้จะถึงเวลานัดแล้วนะครับ” เดนีสปิดแฟ้มดังพรึ่บลุกเดินตัวปลิวออกไปวินตราถอนหายใจรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่ของวันก่อนจะเดินไปรวบแฟ้มข้อมูลยัดใส่ถุงผ้าที่เตรียมไว้เดินตามออกไปไอเทมที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือไอแพดคนขาดลาได้แต่ไอแพดเครื่องนี้เสมือนกุมความลับแผนงานของบริษัทวาระการประชุมต่างๆเอาไว้มากมายก่อนทำเรื่องลาออกคุณนิติพลเองก็จะต้องเซ็นสัญญา ‘หากความลับธุรกิจแพร่งพรายออกไปจะต้องชดใช้ค่าเสียหายคิดตามมูลค่าของบริษัท’ แล้วในตลาดหุ้นมูลค่าบริษัทเกือบหมื่นล้าน! แล้วใครจะกล้าอีกอย่างเหมือนทุบหม้อข้าวตัวเองในวงการทำงานมีวลีที่ว่า‘อย่าทุบสะพานที่เราคิดว่าไม่ได้ข้าม’โลกมันไม่ได้กว้างสักวันก็ต้องเหวี่ยงคนที่เราไม่ชอบขี้หน้
เมื่อไปถึงภัตตาคารโรงแรมที่จองไว้ มาดของอีกฝ่ายที่สวมเสื้อลายสก็อต สวมหมวกคาวบอย กางเกงยีน รองเท้าหนังมันปลาบทำให้เดนีสฉุกคิดถึงเรื่องก่อนหน้าที่วินตราเอ่ยเตือนเขาขึ้นมาได้หากเอารถสปอร์ตคู่ใจมาเหมือนเป็นการข่มอีกฝ่ายมากกว่าจะมาพูดคุยเจรจาเรื่องธุรกิจ ฝ่ายคู่ค้ากลับมานั่งรอก่อนถึง 30 นาทีด้วยซ้ำหากกรณีนี้ในความคิดของวินตราการมาถึงตรงเวลานัดเป็นเรื่องที่ดีแต่ควรจะเผื่อเหลือเผื่อขาดอย่างน้อย 15 นาทีจึงจะเป็นการดีทำธุระส่วนตัวอะไรให้เรียบร้อยจะได้นั่งเจรจาพูดคุยกันได้สะดวกคุณดนัยหรือพ่อเลี้ยงดนัยยืนขึ้นทันทีที่เห็น ‘เดนีสศศิภักดี’ ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทั้งๆที่ก่อนหน้าฝ่ายการตลาดจัดการมาตลอดพ่อเลี้ยงดนัยมีธุระที่กรุงเทพฯพอดีเลยถือโอกาสเข้ามาเจรจาล็อตต่อไปด้วยตัวเองโดยมีผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนนอบน้อมอยู่ด้านหลังน่าจะเป็นเลขาส่วนตัวเช่นกันทั้งสองพูดคุยกันอย่างหอมปากหอมคอ เมื่อบริกรนำน้ำเปล่ามาเสิร์ฟเดนีสเลยเกริ่น “สั่งอาหารก่อนดีไหมครับค่อยเจรจา” พ่อเลี้ยงดนัยมีสีหน้าลังเลเพราะคนตรงหน้าเป็นคนใหญ่คนโตลูกเจ้าสัวเวลาคงเป็นเงินเป็นทองในความคิดเขาการมาเจอครั้งนี้คงกินเวลาไม่มากแต่กลับผิดคาดตั้งแต
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง