“ฉันถามว่าเธอมาทำบ้าอะไรในห้องนี้คณานางค์!” เสียงตวาดนั้นทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะเสียขวัญสะอื้นไห้ คณานางค์ได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึงได้มาอยู่ในห้องนี้ได้
“ออกไป!”
เมื่อถามแล้วไม่ได้รับคำตอบก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในห้องนี้ต่อ เพราะหากมีใครบังเอิญมาเห็นหล่อนเข้าคงไม่ดีแน่
“ฮึก”
“ฉันบอกให้ออกไป!” หนนี้ไม่รอให้เขาออกปากไล่กันอีกรอบ คณานางค์ค่อยๆ ฝืนความเจ็บลุกขึ้น ก่อนจะก้มลงไปหยิบเศษเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นมาสวมใส่อย่างรีบเร่ง เธอไม่รู้ว่า ‘เขา’ จะยังมองกันอยู่ไหม นาทีนี้สิ่งเดียวที่ต้องทำคือพาตัวเองออกไปจากที่นี่ ก่อนที่เรื่องมันจะแดงขึ้นมา เธอจะถือเสียว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
ทว่าเมื่อประตูห้องเปิดออก เธอกลับพบว่ามีใครหลายคนยืนอยู่
และหนึ่งในนั้นคือพี่สาวของเธอ!
ดวงกมลบอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกอะไรมากกว่ากันระหว่าง ตกใจ กับ เสียใจ ที่จู่ๆ ก็ได้มาเห็นน้องสาวอยู่ในห้องนอนของคนรักในสภาพที่ต่อให้เธอไม่มีประสบการณ์ในด้านนั้น ก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อคืนทั้งคืนคนทั้งคู่คงไม่ใช่แค่นอนกอดกัน สภาพน้องยิ่งเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
“พะ…พี่ดวง” คณานางค์ครางเรียกผู้เป็นพี่เสียงแผ่ว เรี่ยวแรงที่ก่อนหน้ายังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดบัดนี้ได้หมดสิ้นไปแล้วนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังปนเสียใจของพี่ มันทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้าไปหา หวังเพียงจะอธิบายแต่กลับต้องชะงัก เมื่ออีกฝ่ายก้าวถอยหนี ราวกับไม่ต้องการให้เธอเข้าใกล้
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! มีใครอยากอธิบายอะไรไหม!”
“ดวง! ผมอธิบายได้ มันเป็นอุบัติเหตุ เมื่อคืนผมเมามาก ผมคิดว่าเป็นคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะดวง” จิณเป็นคนแรกที่เปิดปากพูด ไม่สนเลยสักนิดว่าคำบอกเล่าของเขานั้นมันจะทำให้ใครอีกคนดูไม่ดีแค่ไหน ในเมื่อเขาพูดความจริง เหตุใดจึงต้องสน! หล่อนต่างหากที่ต้องตอบคำถามทุกคน ว่าเข้ามาทำบ้าอะไรในห้องนอนของเขา!
“แกละนาง! ทำไมถึงมาอยู่ในห้องของแฟนพี่!” ดวงกมลเลือกที่จะให้โอกาสคนทั้งคู่อธิบาย และคนที่เธออยากได้ยินคำตอบมากที่สุดก็คือน้องสาวของตัวเอง คนสุดท้ายในชีวิตที่เธอคิดว่าจะกล้าหักหลัง!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
“นางไม่รู้ นาง...” แต่แล้วคำตอบที่ได้กลับยิ่งทำให้รู้สึกผิดหวังจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เดือดร้อนนลินเพื่อนสนิทที่ต้องออกหน้าแทน
“ไม่รู้อะไร! เห็นๆ อยู่ว่าหล่อนมานอนให้ท่าแฟนของพี่สาวตัวเองถึงห้อง ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนฉันทำดีกับเธอมาตลอด คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะกล้าทำ!” คนถูกกล่าวหาได้แต่เพียงส่ายหน้าทั้งน้ำตา เธอไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้ได้
“คุณพูดเกินไปรึเปล่าเปรม อย่างน้อยก็น่าจะให้โอกาสคุณนางได้อธิบายบ้าง” เป็นภวินทร์ หนึ่งในเพื่อนสนิทของจิณที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง
นั่นเพราะเขาไม่เชื่อ ว่าคนที่มีนิสัยเก็บตัวอย่างคณานางค์จะกล้าทำเรื่องแบบนี้ ให้ตายก็ทำใจให้เชื่อไม่ลง
เขาได้มีโอกาสได้รู้จักหญิงสาวในช่วงระยะเวลาสั้นๆ จึงทำให้รู้ว่านอกจากนิสัยเรียบร้อย พูดน้อยของอีกฝ่ายแล้วนั้น เธอยังรักพี่สาวของตัวเองมาก คนที่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ทุกคนในครอบครัวกดขี่ข่มเหงมาตลอดตั้งแต่จำความได้ ไม่น่าจะใช่คนใจร้ายขนาดนั้น หรือถ้าเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาเองก็คงรู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่พลาดมองคนผิดไป
“งั้นก็อธิบายมาสิ! ว่าทำไมแกถึงเข้ามาอยู่ในห้องนี้ ทำไมนาง!”
“ฮึก นางไม่รู้จริงๆ ค่ะพี่ดวง เมื่อคืนนางรับน้ำส้มมาจากผู้ชายคนหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกแปลกๆ นางเลยกลับห้อง แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ในห้องของคุณจิณได้ พี่ดวงเชื่อนางนะคะ” คณานางค์อธิบาย แม้จะรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย บางทีผู้ชายคนนั้นอาจตอบได้ว่าเขาใส่อะไรลงไปในน้ำส้มแก้วนั้น ถึงทำให้เธอไม่มีสติ
“ผู้ชายที่ว่าคนไหน! อยู่ในกลุ่มนี้รึเปล่า” คำถามของนลินส่งผลให้ดวงตาคู่โศกตัดสินใจมองไปรอบๆ ก่อนที่จะไปหยุดลงที่ใครคนหนึ่ง
“คนนั้นค่ะ” เธอจำเขาได้ เพราะบ่อยครั้งที่ได้เห็นเขาส่งยิ้มให้
“เฮ้ย! จำผิดคนรึเปล่าครับน้อง พี่เนี่ยนะจะทำอะไรแบบนั้น แฟนพี่ก็มี พี่จะทำแบบนั้นไปทำไม!” โกวิทย์ปฏิเสธขึ้นทันทีพร้อมทั้งขยับเข้าหาแฟนสาวราวกับจะหาที่พึ่ง ยอมรับว่าเมื่อคืนเขาแอบใส่ยานอนหลับผสมกับยาปลุกเซ็กส์อ่อนๆ ลงไปในน้ำส้มแก้วนั้นจริง แต่คาดสายตาครู่เดียวหล่อนก็หายไปแล้ว ครั้นจะออกตามหาก็ปลีกตัวจากแฟนสาวไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายตามติดกันแจราวกับรู้แผนร้ายในหัว
“ใช่! แกอย่ามาใส่ร้ายแฟนฉันแบบนี้นะ เมื่อคืนฉันยืนยันได้ว่าเต้อยู่กับฉันตลอด!เขาไม่มีทางทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้น” เปรมสุดาเลือกที่จะเข้าข้างคนรักแต่ก็ไม่วายตวัดตาไปมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง จบเรื่องตรงนี้เมื่อไหร่...เธอกับเขามีเรื่องต้องคุยกันยาว! “นางไม่ได้โกหกจริงๆ นะคะ” “โกหก!” “พอได้แล้วทั้งคู่ หยุดพูดสักที!” เป็นดวงกมลที่ตวาดขึ้นก่อนจะหันไปมองคนรักด้วยสายตาผิดหวังจับใจ ผิดหวังกับเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้น ”คุณจะเอายังไงต่อคะจิณ” เธอเลือกที่จะถามคนรัก เพราะอยากจะรู้ว่าเขาจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง “ดวง…ผมไม่ได้ตั้งใจ จะให้ผมไปสาบานที่ไหนก็ได้ ผมรักแค่คุณจริงๆ” เขาจะไปมีอะไรกับใครเธอไม่ว่าเลย แต่นี่คือน้องสาวของเธอ แม้จะคนละแม่ แต่เธอรับเรื่องบ้าๆ นี้ไม่ได้จริงๆ มันเกินใจจะทน “ดวงไม่อยากเชื่ออะไรอีกแล้วตอนนี้ เอาเป็นว่าจนกว่าคุณจะคิดได้ว่าควรทำยังไงกับเรื่องนี้ ดวงว่าเราห่างกันสักพักเถอะค่ะจิณ” เมื่อตัดสินใจดีแล้วดวงกมลถึงเอ่ยขึ้นก่อนจะพาตัวเองเดินหนีออกไป ทิ้งไว้แต่เสียงร้องจากคนรักที่ดังขึ้นตามหลัง แต่
แม้จะเจ็บแค่ไหนคณานางค์ก็ไม่ปัดป้อง ด้วยสำนึกเสมอว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ต่างอะไรจากแม่แท้ๆ ของตัวเอง แม้ว่าท่านจะไม่ได้รักเอ็นดูเธอเท่าพี่ แต่ก็เมตตาส่งเสียให้เรียนจนจบ สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกสะอึกในใจ เห็นจะเป็นพี่สาวที่ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาห้ามเหมือนทุกครั้ง แต่กลับเลือกที่จะยืนดูอยู่เฉยๆ ด้วยสายตาเย็นชาที่เธอไม่เคยได้เห็นมาก่อน “พอแล้วคุณ! เดี๋ยวมันได้ตายกันพอดี!” เป็นบวรที่ทนดูภาพตรงหน้าต่อไปไม่ไหวตัดสินใจร้องห้ามพร้อมพาตัวเองเข้ามาแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่ ใช่ว่าจะไม่รู้สึก แต่สิ่งที่ภรรยาทำอยู่มันเกินไป “ให้มันตายไปเลย กาฝากอย่างมันแค่ต้องใช้อากาศร่วมด้วยฉันก็ขยะแขยงเต็มทน วันนี้คุณต้องจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด! เพราะฉันกับลูกจะไม่ทนอีกแล้ว!” สิ้นคำขาดนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นตามมา “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง” “คุณต้องไล่มันออกไปจากบ้านหลังนี้ เดี๋ยวนี้!” “คุณนี / คุณแม่!” สองพ่อลูกต่างตกใจไม่น้อยกับคำขาดที่ดังขึ้น แม้แต่คณานางค์ยังตกใจ แต่เธอจะพูดอะไรได้ในเมื่อเวลานี้ทุกคนต่างลงความเห็นว่าเธอผิด ถึงพูดอะไรไปตอนนี้ก็คงกลา
“นาง..ไม่รู้ค่ะ” คำตอบนั้นสั้นเกินกว่าจะเข้าใจอะไรได้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ เพราะคิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่หัวหินแน่ แต่ไม่คิดว่าผลจากเรื่องในวันนั้น จะส่งผลร้ายได้มากขนาดนี้ “ถ้าคุณนางยังไม่รู้จะไปไหน ไปอยู่บ้านผมก่อนไหมครับ” คำชวนนั้นสร้างความตกใจแก่คนไร้ที่พึ่งไม่น้อย มันทำให้เธอแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ความโดดเดี่ยวที่กำลังเผชิญทำให้รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งกายและใจ แต่เป็นเขาที่ยื่นมือเข้าช่วย ทั้งที่เธอกับเขาคุยกันแทบจะนับคำได้ ความช่วยเหลือที่ไม่คาดคิดนี้ของเขาทำให้เธอซาบซึ้งอย่างถึงที่สุด แล้วมันจะผิดมากไหมถ้าเธอจะขอรับความช่วยเหลือนี้เอาไว้ “คิดเสียว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ นะครับ” เธอไม่เคยมีเพื่อน ถึงต่อให้มี ทุกคนก็คบหาเพียงเพราะอยากได้ผลประโยชน์ เมื่อถึงคราวหมดประโยชน์คนเหล่านั้นก็ค่อยๆ ตีตัวออกห่างไปทีละคน ภวินทร์พาคนที่ตลอดทางเอาแต่นั่งเงียบขับรถมาถึงบ้านสวนของผู้เป็นแม่แทนที่จะกลับไปคอนโดของตัวเองเพราะไม่อยากให้หญิงสาวเสียหายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งแม่ของเขาก็ยินดีที่จะเปิดบ้านต้อนรับโดยไม่ถามอะไรเห
“แต่ผม…” “นะคะจิณ กลับไปก่อน ถือว่าดวงขอ” จิณชั่งใจอยู่นานทีเดียวถึงจะยอมปล่อยมือคนรัก ก่อนจะหันไปถามคนใช้ที่บังเอิญเดินผ่านมา “คณานางค์อยู่ไหน” อย่างไรก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เพราะเขาไม่เชื่อ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเรื่องบังเอิญ “คุณนางเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ” คำตอบที่ได้ทำให้เขาเบาใจที่เธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก่อนที่มันจะปวดหนึบเมื่อได้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่หัวหินส่งผลรุนแรงกว่าที่คิด แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าสนใจ แต่ใจเจ้ากรรมกลับรู้สึกผิดอย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมเขาจะต้องรู้สึกผิดกับผู้หญิงคนนั้น! ผู้หญิงร้ายกาจที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องวุ่นวาย! เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่คณานางค์มาอาศัยอยู่กับภวินทร์และมารดาของเขา หลายครั้งที่เธอพยายามจะย้ายออกเพราะรู้สึกเกรงใจแต่ก็เป็นทุกครั้งที่ทั้งคู่เอ่ยปากห้ามไว้ โดยเฉพาะคุณป้าจินดาที่ไม่เพียงแต่อนุญาตให้เธอมาอาศัยอยู่ด้วยเท่านั้น ท่านยังแบ่งงานร้อยมาลัยที่รับทำอยู่มาให้ ทำให้เธอเริ่มกลับมามีรายได้เป็นของตัวเองอีกครั้ง แม้จะไ
“คุณนาง!” เป็นภวินทร์ที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก โชคยังดีที่เขาอยู่ใกล้ ทำให้รับร่างของคนที่จู่ๆ ก็เป็นลมไปต่อหน้าต่อตาเอาไว้ได้ทัน “เกิดอะไรขึ้นตาภาม แม่ได้ยินเสียงร้อง ตายแล้ว! หนูนาง!” ชายหนุ่มกับมารดาตัดสินใจพาคนหมดสติมาส่งโรงพยาบาลก่อนจะพบกับภาพที่ทำให้เขาและแม่ต้องรู้สึกสงสารคนตัวเล็กที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติเพิ่มมากขึ้น ร่องรอยจากการถูกทำร้ายที่แอบเห็นจากภายนอกยังเทียบไม่ได้ กับบาดแผลภายในที่มีทั้งรอยใหม่และรอยเก่า “โชคดีนะคะที่ตอนล้มไม่กระทบกระเทือนถึงเด็กในท้อง” แต่ในนาทีถัดมา คำพูดของหมอก็ทำให้เขาต้องตกใจซ้ำเป็นรอบสองของวัน “ครับ! คุณหมอว่าอะไรนะครับ” “อ้าว นี่ญาติยังไม่ทราบหรอกเหรอคะ ว่าคนไข้กำลังตั้งครรภ์อยู่ อายุครรภ์สองสัปดาห์แล้วค่ะ” คำตอบนั้นชัดเจนจนเขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง สุดท้ายถึงได้ตัดสินใจโทรหาใครบางคนที่ควรต้องรู้เรื่องนี้ ส่วนมันจะตัดสินใจยังไง ก็คงสุดแล้วแต่ความเป็นคนของมัน! “ถ้าเรื่องที่มึงจะพูด ไม่สำคัญมากพอกูจะวาง…” “คุณนางท้อง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล สำคัญกับมึงมากพอไหม
สามวันแล้วที่คณานางค์ย้ายเข้ามาอยู่ที่ไร่ปลายจันทร์ แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่เธอกลับรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตรจากใครหลายๆ คน ถึงจะรู้หญิงสาวก็ยังคงวางตัวเฉย ด้วยไม่อยากมีเรื่อง “มาถึงแล้วก็นั่งเถอะหนู กำลังท้องกำลังไส้ยืนนานๆ มันไม่ดี” เป็นคุณเกษมที่เอ่ยขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้น้ำเสียงดุๆ ของตนเองทำให้แม่ของหลานตกใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ก็ยากเหลือเกิน ยอมรับว่าตอนที่ลูกเข้ามาบอกว่าจะพาผู้หญิงที่กำลังอุ้มท้องลูกของมันเข้ามาอยู่ด้วยเขาตกใจไม่น้อย ยิ่งพอรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ยิ่งตกใจ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความยินดี ที่จะได้หลานไว้สืบสกุล “เมื่อไหร่แกจะพาเมียไปฝากท้อง” คำว่า ‘เมีย’ จากปากพ่อทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เพราะหากจะให้พูดกันตามที่รู้สึกแล้วละก็ ผู้หญิงคนนี้เป็นได้มากสุดแค่คนที่เข้ามาเพื่อทำลายชีวิตดีๆ ของเขาเท่านั้น หล่อนไม่ใช่ ‘เมีย’ เพราะถ้าจะให้เขานับผู้หญิงที่นอนด้วยเป็นเมีย ป่านนี้เขาคงมีเมียเป็นร้อยไปแล้ว “ทำไมผมต้องพาไป คนในไร่ออกเยอะแยะก็ให้ใครสักคนพาไปสิครับ ผมไม่ได้มีเวลาว่
เพราะทนต่อฟังคำต่อว่าของพ่อไม่ไหว จิณจึงพาแม่ตัวดีนั่งรถออกมาฝากท้องที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งตามคำแนะนำของผู้เป็นพ่อ ที่ก็ไม่รู้ว่าแอบไปสืบเสาะหาข้อมูลมาจากที่ไหน ท่านให้เหตุผลแค่ว่าโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่ดีและเครื่องมือพร้อมที่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรออกจะเห็นด้วยเพราะความปลอดภัยของลูกคือสิ่งจำเป็น “คุณพ่อดูตรงนี้นะคะ เห็นหัวใจน้องไหมคะ เต้นแรงเชียวค่ะ” เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันจริงๆ ที่คณานางค์มีโอกาสได้เห็นคนข้างกายยิ้ม แต่ไม่นานก็หายไปเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าโดยบังเอิญ “ช่วงนี้คุณแม่อาจจะเหนื่อยง่ายหน่อยนะคะ เดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุง กับยาแก้แพ้ไปให้ ย่าแก้แพ้ให้ทานเฉพาะเกิดอาการแพ้ท้องเท่านั้นนะคะ” ทั้งสองกล่าวขอบคุณเพียงสั้นๆ ก่อนจะลากลับโดยระหว่างทางพ่อของลูก เลือกที่จะเลี้ยวเข้าไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง “พ่อสั่งให้ฉันพาเธอมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ นี่เงิน อยากได้อะไรก็ไปซื้อ อีกชั่วโมงมาเจอกันตรงนี้เข้าใจไหม!” เขาให้คำอธิบายเพียงสั้นๆ ก่อนจะส่งสายตาสั่งให้เธอลงไปจากรถโดยที่เขาไม่ได้คิดที่จะลงไปด้วยกัน “ค่ะ” “อย่าสายแม
“ครับ หนูนางกำลังตั้งท้อง ไหนๆ คุณนีก็อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่แล้ว เอาเป็นว่าผมจะขอพูดตรงๆ ก็แล้วกัน เงินสองล้านที่คุณนีหยิบยืมไปผมยกให้ ถือเสียว่ามันเป็นค่าสินสอดที่คุณกับสามีดูแลลูกสะใภ้ของผมมาตลอดก็แล้วกันนะครับ และในเมื่อตอนนี้หนูนางเป็นลูกสะใภ้ของผมแล้ว ผมไม่ต้องการให้อะไรหรือใครมาทำร้ายลูกสะใภ้ของผมอีก หวังว่าคุณนีคงเข้าใจนะครับ” เกษมย้ำชัดถึงสถานะของคณานางค์ให้อีกคนได้รู้ด้วยน้ำเสียงที่แม้จะไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายก็ฉลาดพอที่จะไม่โวยวายให้เสียเรื่อง อย่างน้อยก็ยังดีที่อีเด็กนั่นทำให้นางไม่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ สบโอกาสค่อยเอาคืนทีหลังยังไม่สาย “ค่ะ ยังไงนีก็ต้องขอขอบคุณคุณเกษมนะคะที่เมตตานีกับครอบครัว ถ้าอย่างนั้นนีขอตัวกลับเลยก็แล้วกันค่ะ” นางว่าก่อนจะพาตัวเองขึ้นรถแล้วออกคำสั่งให้คนขับรีบพากลับบ้าน ด้วยไม่อยากให้ใครหน้าไหนได้เห็นอารมณ์ที่กำลังเดือดจัดจนต้องรีบหาทางระบายโดยด่วน เสียงกรีดร้องของสินีทำให้คนทั้งบ้านรีบวิ่งออกมาดูก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังระบายอารมณ์ ด้วยการยกกระถางต้นไม้ที่ครั้งหนึ่งลูกเลี้ยงที่นางเกลียดแสนเกลียดเคย
เรื่องมันย้อนกลับไปเมื่อวันที่เขาได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเธอเป็นครั้งแรก เขายังจำได้ดีถึงภาพการปรากฏตัวของใครบางคนที่เรียกสายตาจากเขาได้ทุกครั้ง แต่ไม่ทันเห็นหน้าเธอก็เดินหนีไปก่อน “นั่นใครครับดวง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิณมีโอกาสได้เห็นแผ่นหลังไวๆ ของใครบางคนในบ้านของคนรัก แต่ก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่ร่างบอบบางนั้นจะหายลับสายตาไป “สงสัยจะเป็นยัยนางค่ะ นวลจ๊ะ ไปตามคุณนางมาให้ฉันหน่อยสิ” ดวงกมลให้คำตอบก่อนจะหันไปเรียกคนใช้ในบ้านให้ไปตามคนที่เธออยากแนะนำให้รู้จักกับคนรักมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่โอกาสก็ไม่เอื้ออำนวยเสียที โชคดีที่วันนี้อีกฝ่ายเข้างานช้าเลยได้จังหวะพอดี “นางจ๊ะ มานี่สิ พี่จะแนะนำให้รู้จักแฟนพี่ นี่คณานางค์ค่ะจิณ น้องสาวของดวงเอง ส่วนนี่จิณ คนรักที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง” เฝ้ารอไม่นานร่างของน้องสาวต่างมารดาที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก็เดินเข้ามาหา เธอจึงไม่รอช้ารีบแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน “สะ..สวัสดีค่ะ” คณานางค์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่เธอรู้ว่าเขาเป็นคนรักของพี่สาวผ่านจากคำบอกเล่าของใครหลายๆ คนในบ้
เรื่องมันย้อนกลับไปเมื่อวันที่เขาได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเธอเป็นครั้งแรก เขายังจำได้ดีถึงภาพการปรากฏตัวของใครบางคนที่เรียกสายตาจากเขาได้ทุกครั้ง แต่ไม่ทันเห็นหน้าเธอก็เดินหนีไปก่อน “นั่นใครครับดวง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิณมีโอกาสได้เห็นแผ่นหลังไวๆ ของใครบางคนในบ้านของคนรัก แต่ก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่ร่างบอบบางนั้นจะหายลับสายตาไป “สงสัยจะเป็นยัยนางค่ะ นวลจ๊ะ ไปตามคุณนางมาให้ฉันหน่อยสิ” ดวงกมลให้คำตอบก่อนจะหันไปเรียกคนใช้ในบ้านให้ไปตามคนที่เธออยากแนะนำให้รู้จักกับคนรักมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่โอกาสก็ไม่เอื้ออำนวยเสียที โชคดีที่วันนี้อีกฝ่ายเข้างานช้าเลยได้จังหวะพอดี “นางจ๊ะ มานี่สิ พี่จะแนะนำให้รู้จักแฟนพี่ นี่คณานางค์ค่ะจิณ น้องสาวของดวงเอง ส่วนนี่จิณ คนรักที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง” เฝ้ารอไม่นานร่างของน้องสาวต่างมารดาที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก็เดินเข้ามาหา เธอจึงไม่รอช้ารีบแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน “สะ..สวัสดีค่ะ” คณานางค์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่เธอรู้ว่าเขาเป็นคนรักของพี่สาวผ่านจากคำบอกเล่าของใครหลายๆ คนในบ้
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นทำให้ทุกความคิดหยุดชะงัก ก่อนที่ภาพของลูกชายจะปรากฏตัวลงตรงหน้าในนาทีต่อมา… “มะ…แม่แค่แวะมาเล่นกับหลาน นี่ก็ว่าจะกลับแล้ว” ท่าทีของมารดาทำให้คนที่แอบอู้งานกลับบ้านก่อนเวลาเริ่มรู้สึกผิด อันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้ขับไล่ไส่ส่งท่านมาตั้งแต่วันที่เขาได้รับปากคณานางค์นั่นแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง อีกฝ่ายจะเลิกมีท่าทีหวาดกลัวกันอย่างที่ทำอยู่เสียที “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไร” เขาตอบก่อนจะก้มลงไปฟัดแรงๆ ที่แก้มหอมกรุ่นของลูกสาวสุดที่รักเพื่อแก้ความรู้สึกอึดอัดที่มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับมารดา เขายังไม่ชินที่ต้องอยู่กับท่านลำพัง คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย “กลับมาแล้วเหรอคะ นางทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้วค่ะ คุณจิณหิวไหม” ความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นทำให้คนที่ได้แต่แอบมองดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ เลือกที่จะแสดงตัว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสามีที่กำลังมองมาอย่างคนจับผิด ซึ่งเธอรู้ว่าเขาน่าจะดูออกว่าเธอตั้งใจทำทั้งหมดนี้ แต่ทั้งหมดที่เธอทำ เธอไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดเลยนอกจากอยากให้เขากับมารดาได้ปรับความเข้าใจกัน เรื่
“อะไรคะ” “เธอกับลูกต้องอยู่กับฉันตลอดไป” สิ้นคำนั้นบรรยากาศภายในห้องก็พลันเงียบสนิทลง จะมีก็แต่เพียงเสียงหัวใจของคนทั้งคู่เท่านั้นที่ยังคงเต้นอยู่ “ว่าไงนาง เธอจะอยู่กับผู้ชายเลวๆ อย่างฉันไหม อยู่ด้วยกันตลอดไป” คำว่า ‘ตลอดไป’ ของเขานั้นไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะยาวนานแค่ไหน แต่คณานางค์กลับรู้สึกอยากอยู่กับเขา แม้จะแค่วันเดียวก็ตาม “แล้วคุณจิณจะให้นางอยู่ในฐานะอะไรคะ” แต่ก่อนที่เธอจะให้คำตอบ เธอก็อยากได้ความแน่ใจว่าเขาจะไม่กลับคำทีหลังหากรู้สึกเบื่อที่จะมีเธออยู่ข้างๆ ตลอดไป “แม่ของลูก เมียฉัน แล้วแต่เธอเลย” จิณยอมเทหมดหน้าตักขอแค่คนตรงหน้ายอมอยู่ด้วยกันตลอดไป ต่อให้เธอไม่อยากอยู่ เขาก็ไม่คิดปล่อยเธอไปไหนอยู่แล้ว แค่ว่าจะใช้วิธีแบบไหนรั้งเธอไว้เท่านั้นเอง “ละ…แล้วคุณจิณ รักนางไหมคะ” “คือฉัน…” เกิดความเงียบขึ้นหลังสิ้นคำถามนั้น ซึ่งคณานางค์ก็เตรียมใจมาก่อนแล้วว่า เธออาจจะไม่ได้คำตอบอะไรจากเขาในวันนี้ “นางจะอยู่ตราบเท่าที่คุณจิณอนุญาตให้อยู่ค่ะ คุณจิณไม่ต้องรักนางก็ได้ แค่ให้นางได้อยู่กับคุณจิณ อยู่กับลูกก็
“แต่ถ้าฉันไม่อนุญาตให้อยู่ เธอก็ไม่มีสิทธิ์อยู่!” เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนตรงหน้าเข้าใจว่าเธอไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์เลือกในเรื่องนี้ คณานางค์จึงตัดสินใจหมุนตัวเดินหนีเพื่อตัดปัญหา โดยไม่คิดเลยว่ายิ่งทำอย่างนี้มันจะยิ่งทำให้อีกคนยิ่งโกรธ “อย่ามาเดินหนีฉันแบบนี้นะนังเด็กเหลือขอ!” แรงกระชากที่รุนแรงทำให้ภาวินีเกิดการเสียหลักขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่คณานางค์หันมาเห็นเข้าพอดีเธอถึงได้ดึงอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะเป็นฝ่ายกลิ้งตกบันไดท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ที่ดังเรียกคนทั้งบ้านให้ต้องวิ่งออกมาดู “นาง!” ภาพของคณานางค์ที่นอนทรุดอยู่เบื้องล่างทำให้จิณแทบเสียสติ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรเสียงของผู้เป็นแม่ที่เพิ่งจะวิ่งตามลงมาก็ดังขึ้นขัดซะก่อน… “มะ…แม่ไม่ได้ทำนะจิณ! แม่ไม่ได้ทำ!” คุณภาวินีบอกลูกชายเสียงสั่น ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าเมียของลูกจะกล้าเสี่ยงชีวิตช่วยกันทั้งๆ ที่ในท้องก็ยังมีอีกคนที่ต้องดูแล แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเลือกที่จะช่วยนางแทนที่จะรักษาชีวิตตัวเองกับลูกให้ปลอดภัย ทำไม “อย่าเอามือสกปรกของคุณมาแตะผม! ถ้าเมียกับลูกผมเป็นอะ
โชคร้ายที่วันนี้พ่อของเขาไม่อยู่ จึงไม่มีใครจัดการเรื่องยุ่งยากนี้ให้ สุดท้ายจึงตัดสินใจได้ว่าคืนนี้เขากับแม่ของลูกคงต้องค้างที่นี่สักคืน คณานางค์ไม่มีปัญหาเลยสักนิดเมื่อจิณกลับเข้ามาบอกว่าคืนนี้เธอกับเขาคงต้องค้างที่นี่เพราะแม่ของเขาไม่ยอมกลับไป ออกจะดีด้วยซ้ำที่คืนนี้จะได้นอนในบ้านหลังเล็กหลังนี้ ที่ดูแล้วมันคงมีความสำคัญกับเขาไม่น้อย ดูได้จากรูปถ่ายในทุกช่วงวัยที่เขาวางไว้ทั่วบ้าน โดยเฉพาะรูปถ่ายครอบครัว ที่ดูเหมือนว่าเขาจะรักภาพนี้มากเป็นพิเศษ เพราะมันใหญ่กว่ารูปอื่นๆ เธอรู้ว่าลึกๆ ในใจแล้วเขาคงยังรักแม่ของเขาอยู่ เพราะคงไม่มีใครเก็บภาพนี้เอาไว้หากหัวใจเต็มไปด้วยความเกลียด ยิ่งได้รู้จักเธอก็ยิ่งค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขา ผู้ชายแข็งกระด้างที่ภายนอกอาจดูเย็นชา ใจร้าย แต่ทว่าหากได้ลองมารู้จักเขาในอีกมุมหนึ่ง จะได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายอบอุ่นและน่ารักมากขนาดไหน คงมีแค่เวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาทุกสิ่งให้ดีขึ้น เธอเชื่อแบบนั้น ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนานตลอดวันก่อนที่พ่อของลูกจะพาเธอเดินชมรอบๆ บ้านในช่วงเย็นทำให้รู้ว่านอกจา
คณานางค์ทิ้งตัวนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ยอมไปไหน เธอรอกระทั่งคนที่นอนซมเพราะพิษมาทั้งวันตื่น ถึงลงไปหาข้าวหาปลาให้เขาได้ทาน“เดี๋ยวก็พลอยติดไข้ไปอีกคน” เดือดร้อนคนป่วยที่ต้องเอ่ยขึ้น จะว่าห่วงแต่ลูกก็ว่าไม่ได้เต็มปากเพราะตอนนี้เวลานี้แม่ของลูกก็สำคัญน้อยหน้าเมื่อไหร่กัน และเขาไม่อยากทำให้หล่อนต้องพลอยติดไข้ไปด้วย “นางกับลูกเราสองคนแข็งแรงดีค่ะ” “ดื้อทั้งแม่ทั้งลูก” แม้จะดุแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากไล่กันไปไหน น่าแปลก ที่การมีเธออยู่ใกล้ๆ มันกลับทำให้รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็น ไม่นานคนที่อาสามาดูแลเขาก็นั่งหลับไป ภาพนั้นทำให้จิณได้แต่ยิ้มขำก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าต้นเหตุที่ทำให้หล่อนนอนน้อยก็เป็นเพราะความเอาแต่ใจของเขาเองถึงได้ลุกขึ้นไปอุ้มคนขี้เซามานอนด้วยกันบนเตียง ก่อนฤทธิ์ของยาแก้ไข้ที่ถูกอีกฝ่ายบังคับให้กินเข้าไปจะเล่นงานทำให้เขาผล็อยหลับไปทั้งๆ ที่ยังมีร่างอวบอิ่มนอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอด ซึ่งภาพนั้น ทำให้คนที่หวังจะแวะเข้ามาดูคนทั้งคู่ถึงกลับลอบยิ้มเมื่อได้เห็น “จะให้เยาว์ปลุกไหมคะ…” “ปล่อยให้พวกเขาหลับต่ออีกหน่อยเถอะ คงจะเพล
“จิณเดี๋ยวก่อนลูก แม่…”“คุณไม่ใช่แม่ผม! ไม่เคยใช่!” นั่นคือเสียงที่ตวาดกลับมาก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะพาตัวเองเดินออกไปจากบ้านท่ามกลางความตกใจของใครหลายๆ คนที่พากันวิ่งออกมาดูเพราะคิดว่าเจ้านายเผลอตวาดคุณนางเข้า ทว่าทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจ ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ“คุณมาทำอะไรที่นี่!” เป็นคุณเกษมที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ทว่าสายตากลับไม่ได้หยุดอยู่ที่อดีตภรรยาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้คนเดียวที่ท่านกำลังรู้สึกเป็นห่วงจับจิต คือลูกชายที่เพิ่งจะเดินหนีไป“ทำไมฉันจะมาเหยียบที่นี่ไม่ได้ ในเมื่อลูกชายของฉันอยู่ที่นี่!” ชายชราได้แต่เค้นยิ้มอย่างรู้สึกสมเพชอีกฝ่ายที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อไว้มันจริงอยู่ที่ผู้หญิงคนนี้คือแม่แท้ๆ ผู้ให้กำเนิดของจิณ อดีตภรรยาที่เขาเคยรักยิ่งกว่าชีวิต แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าหล่อนจะกล้าทำเรื่องเลวทรามลับหลังกันด้วยการแอบคบชู้ เพราะถูกจับได้ก็เอาเรื่องลูกมาข่มขู่ให้เขายอมจ่ายเงินค่าหย่าให้ ซึ่งเขายอมจ่าย เพื่อแลกกับการที่ลูกได้อยู่กับเขาแทนที่จะเป็นแม่อย่างเธอ แม่ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะเขา ไม่เว้นแม้แต่การทุบตีลูกด้วยส
“บ้ารึไง! น้องสาวคุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก” เธอจะเชื่อดีไหมนะ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ เห็นแก่หูแดงๆ นั่น ที่ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอายเธอจะยอมเชื่อให้เขาตายใจไปก่อนก็แล้วกันหญิงสาวคิดก่อนจะลอบมองคนขี้อายตรงหน้าอย่างมีความสุข คณานางค์ไม่ได้คิดไปเองว่าหมู่นี้พ่อของลูกชอบมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่หาเรื่องทะเลาะ เขาก็ชอบแกล้งทำให้เธอใจสั่นเล่น มันอดทำให้เธอคิดถึงเขาในอดีตไม่ได้ ยอมรับว่าเธอชอบเขาแบบนี้มากกว่า “ยิ้มอะไร” คนเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวแทบจะหุบยิ้มลงในทันที ก่อนจะถามกลับด้วยสีหน้างอนๆ “แค่ยิ้มก็ผิดเหรอคะ” “แล้วแค่ถามทำไมต้องหน้างอ!” หนนี้เธอไม่ตอบ แต่เลือกที่จะเดินหนีเพราะเขาเริ่มหาเรื่องมาชวนทะเลาะ เธอไม่อยากทะเลาะด้วยเพราะแค่ต้องแบกท้องลูกของเขา เธอก็เหนื่อยจนไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว “นี่อย่ามาเดินหนีนะ!” แต่อีกคนกลับไม่ยอมให้เธอไปไหนง่ายๆเขาว่าพร้อมทั้งรั้งต้นแขนเธอเอาไว้หลวมๆ ไม่ได้กระชากเหมือนอย่างที่แล้วๆ มา แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกโมโหได้อยู่ดี“นางไม่ได้หนี” “ก็เห็นๆ อยู่ว่าหนี!”