“คุณนาง!” เป็นภวินทร์ที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก โชคยังดีที่เขาอยู่ใกล้ ทำให้รับร่างของคนที่จู่ๆ ก็เป็นลมไปต่อหน้าต่อตาเอาไว้ได้ทัน “เกิดอะไรขึ้นตาภาม แม่ได้ยินเสียงร้อง ตายแล้ว! หนูนาง!” ชายหนุ่มกับมารดาตัดสินใจพาคนหมดสติมาส่งโรงพยาบาลก่อนจะพบกับภาพที่ทำให้เขาและแม่ต้องรู้สึกสงสารคนตัวเล็กที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติเพิ่มมากขึ้น ร่องรอยจากการถูกทำร้ายที่แอบเห็นจากภายนอกยังเทียบไม่ได้ กับบาดแผลภายในที่มีทั้งรอยใหม่และรอยเก่า “โชคดีนะคะที่ตอนล้มไม่กระทบกระเทือนถึงเด็กในท้อง” แต่ในนาทีถัดมา คำพูดของหมอก็ทำให้เขาต้องตกใจซ้ำเป็นรอบสองของวัน “ครับ! คุณหมอว่าอะไรนะครับ” “อ้าว นี่ญาติยังไม่ทราบหรอกเหรอคะ ว่าคนไข้กำลังตั้งครรภ์อยู่ อายุครรภ์สองสัปดาห์แล้วค่ะ” คำตอบนั้นชัดเจนจนเขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง สุดท้ายถึงได้ตัดสินใจโทรหาใครบางคนที่ควรต้องรู้เรื่องนี้ ส่วนมันจะตัดสินใจยังไง ก็คงสุดแล้วแต่ความเป็นคนของมัน! “ถ้าเรื่องที่มึงจะพูด ไม่สำคัญมากพอกูจะวาง…” “คุณนางท้อง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล สำคัญกับมึงมากพอไหม
สามวันแล้วที่คณานางค์ย้ายเข้ามาอยู่ที่ไร่ปลายจันทร์ แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่เธอกลับรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตรจากใครหลายๆ คน ถึงจะรู้หญิงสาวก็ยังคงวางตัวเฉย ด้วยไม่อยากมีเรื่อง “มาถึงแล้วก็นั่งเถอะหนู กำลังท้องกำลังไส้ยืนนานๆ มันไม่ดี” เป็นคุณเกษมที่เอ่ยขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้น้ำเสียงดุๆ ของตนเองทำให้แม่ของหลานตกใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ก็ยากเหลือเกิน ยอมรับว่าตอนที่ลูกเข้ามาบอกว่าจะพาผู้หญิงที่กำลังอุ้มท้องลูกของมันเข้ามาอยู่ด้วยเขาตกใจไม่น้อย ยิ่งพอรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ยิ่งตกใจ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความยินดี ที่จะได้หลานไว้สืบสกุล “เมื่อไหร่แกจะพาเมียไปฝากท้อง” คำว่า ‘เมีย’ จากปากพ่อทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เพราะหากจะให้พูดกันตามที่รู้สึกแล้วละก็ ผู้หญิงคนนี้เป็นได้มากสุดแค่คนที่เข้ามาเพื่อทำลายชีวิตดีๆ ของเขาเท่านั้น หล่อนไม่ใช่ ‘เมีย’ เพราะถ้าจะให้เขานับผู้หญิงที่นอนด้วยเป็นเมีย ป่านนี้เขาคงมีเมียเป็นร้อยไปแล้ว “ทำไมผมต้องพาไป คนในไร่ออกเยอะแยะก็ให้ใครสักคนพาไปสิครับ ผมไม่ได้มีเวลาว่
เพราะทนต่อฟังคำต่อว่าของพ่อไม่ไหว จิณจึงพาแม่ตัวดีนั่งรถออกมาฝากท้องที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งตามคำแนะนำของผู้เป็นพ่อ ที่ก็ไม่รู้ว่าแอบไปสืบเสาะหาข้อมูลมาจากที่ไหน ท่านให้เหตุผลแค่ว่าโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่ดีและเครื่องมือพร้อมที่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรออกจะเห็นด้วยเพราะความปลอดภัยของลูกคือสิ่งจำเป็น “คุณพ่อดูตรงนี้นะคะ เห็นหัวใจน้องไหมคะ เต้นแรงเชียวค่ะ” เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันจริงๆ ที่คณานางค์มีโอกาสได้เห็นคนข้างกายยิ้ม แต่ไม่นานก็หายไปเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าโดยบังเอิญ “ช่วงนี้คุณแม่อาจจะเหนื่อยง่ายหน่อยนะคะ เดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุง กับยาแก้แพ้ไปให้ ย่าแก้แพ้ให้ทานเฉพาะเกิดอาการแพ้ท้องเท่านั้นนะคะ” ทั้งสองกล่าวขอบคุณเพียงสั้นๆ ก่อนจะลากลับโดยระหว่างทางพ่อของลูก เลือกที่จะเลี้ยวเข้าไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง “พ่อสั่งให้ฉันพาเธอมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ นี่เงิน อยากได้อะไรก็ไปซื้อ อีกชั่วโมงมาเจอกันตรงนี้เข้าใจไหม!” เขาให้คำอธิบายเพียงสั้นๆ ก่อนจะส่งสายตาสั่งให้เธอลงไปจากรถโดยที่เขาไม่ได้คิดที่จะลงไปด้วยกัน “ค่ะ” “อย่าสายแม
“ครับ หนูนางกำลังตั้งท้อง ไหนๆ คุณนีก็อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่แล้ว เอาเป็นว่าผมจะขอพูดตรงๆ ก็แล้วกัน เงินสองล้านที่คุณนีหยิบยืมไปผมยกให้ ถือเสียว่ามันเป็นค่าสินสอดที่คุณกับสามีดูแลลูกสะใภ้ของผมมาตลอดก็แล้วกันนะครับ และในเมื่อตอนนี้หนูนางเป็นลูกสะใภ้ของผมแล้ว ผมไม่ต้องการให้อะไรหรือใครมาทำร้ายลูกสะใภ้ของผมอีก หวังว่าคุณนีคงเข้าใจนะครับ” เกษมย้ำชัดถึงสถานะของคณานางค์ให้อีกคนได้รู้ด้วยน้ำเสียงที่แม้จะไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายก็ฉลาดพอที่จะไม่โวยวายให้เสียเรื่อง อย่างน้อยก็ยังดีที่อีเด็กนั่นทำให้นางไม่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ สบโอกาสค่อยเอาคืนทีหลังยังไม่สาย “ค่ะ ยังไงนีก็ต้องขอขอบคุณคุณเกษมนะคะที่เมตตานีกับครอบครัว ถ้าอย่างนั้นนีขอตัวกลับเลยก็แล้วกันค่ะ” นางว่าก่อนจะพาตัวเองขึ้นรถแล้วออกคำสั่งให้คนขับรีบพากลับบ้าน ด้วยไม่อยากให้ใครหน้าไหนได้เห็นอารมณ์ที่กำลังเดือดจัดจนต้องรีบหาทางระบายโดยด่วน เสียงกรีดร้องของสินีทำให้คนทั้งบ้านรีบวิ่งออกมาดูก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังระบายอารมณ์ ด้วยการยกกระถางต้นไม้ที่ครั้งหนึ่งลูกเลี้ยงที่นางเกลียดแสนเกลียดเคย
มันเป็นเช้าที่เต็มไปด้วยความกดดันไม่น้อยสำหรับจิณเมื่อจู่ๆ คนรักที่ก่อนหน้านี้เคยลั่นวาจาไว้ว่าให้เขากับเธอห่างกันสักพักขับรถมาหาถึงไร่ แน่นอนว่าการมาของดวงกมลทำให้เขาวางตัวไม่ถูก ใช่ว่าจะไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน แต่พอถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงมันก็ยากเหลือเกิน ที่จะสั่งไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิดกับคนรักสาว “จิณมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกดวงใช่ไหมคะ” เป็นดวงกมลที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ สายตาที่หญิงสาวใช้จ้องมองไปยังคนรักนั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าวที่ยากจะปิดบัง “ดวงครับ คือว่าผม…” “พูดมาเถอะค่ะ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าให้ดวงต้องไปรู้จากคนอื่น” มันคงดีกว่านี้ถ้าเขาเลือกที่จะบอกเธอตรงๆ ไม่ใช่ปิดบังกันอย่างนี้เพราะเธอเองก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน และเธอรับไม่ได้ที่จะเป็นที่สองรองจากใคร “คณานางค์อยู่กับผมครับ เธอท้อง” มันไม่ง่ายเลยกับการที่ต้องสารภาพเรื่องนี้ให้คนรักได้รู้ เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดบังไม่ให้เธอได้รู้ มันคือความจริงที่เขาไม่อาจเลี่ยง และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะยอมรับมัน “เรื่องของเรา…จิณจะเอายังไงต่อคะ”
จิณไม่ได้เข้าไปตามแม่ตัวดีในห้องนอนของผู้เป็นพ่อ เขาเลือกที่จะกลับมารอหล่อนที่บ้าน และเฝ้ารออย่างใจเย็น คาดหวังว่าอีกคนจะรีบกลับมาหาทันทีที่ถึงเวลาเลิกงานแต่ก็เปล่าเลย กว่าหล่อนจะโผล่หัวกลับมาเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเย็น นั่นทำให้ความโกรธหนักมากขึ้น “ไปอ้อนอะไรพ่อฉันมาอีก!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านทำให้คณานางค์สะดุ้งอย่างตกใจ “นางเปล่านะคะ” “ผู้หญิงอย่างเธอมันหน้าซื่อใจสกปรก หรือกำลังคิดว่าถ้าพลาดจากฉันจะหันไปซบอกคนแก่ราวพ่อ” คำสบประหม่านั้นรุนแรงจนอีกคนเริ่มทนไม่ไหว เขาจะดูถูกเธออย่างไรเธอไม่ว่า แต่เขาไม่ควรดูถูกพ่อของตัวเองแบบนั้น ไม่ควรคิดหรือพูดไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังท่าน! “เงียบทำไม หรือกำลังคิดหาข้อแก้ตัว ไม่จำเป็นเพราะต่อให้เธอจะหาคำพูดสวยหรูแค่ไหนมาพูด ฉันก็ไม่มีวันเชื่อผู้หญิงอย่างเธอ!” “คุณจิณ!” “ทำไม! พูดความจริงแค่นี้ทำเป็นกระแดะรับไม่ได้! อย่าฝันไปเลย อย่างมากพ่อฉันก็แค่เอาเล่นๆ ผู้หญิงสกปรกอย่างเธอใครที่ไหนจะอยากได้ไปทำเมีย!” สิ้นคำใบหน้าคมคายก็สะบัดไปตามแรงตบ
ภาพของลูกชายที่เดินเข้ามาในบ้านลำพังในช่วงอาหารค่ำ โดยไร้เงาของลูกสะใภ้ทำให้คุณเกษมเอ่ยถามทันทีที่พบหน้า “หนูนางล่ะ” ยิ่งได้มาเห็นว่าพ่อของเขาออกอาการห่วงใยแม่ตัวดีมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังกลัวอาจเผลอเกิดขึ้นสักวัน ถึงจะมั่นใจว่าพ่อไม่ใช่คนที่จะทำอะไรอย่างนั้นก็เถอะ ผู้ชายสูงวัยที่เรี่ยวแรงยังเหลือพอๆ กับคนหนุ่ม กับผู้หญิงท้องอ่อนๆ ที่อวบอิ่มน่าขย้ำไปทั้งเนื้อทั้งตัว ลองได้อยู่ด้วยกันนานๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่มีใครรู้ แค่คิดภาพตามเขาก็โกรธจนแทบบ้าแล้ว! “ว่าไง เมียแกไปไหน ทำไมไม่ได้มาด้วยกัน!” “ไม่รู้สิครับ ผมไม่ใช่เงาเขา” เสียงเข้มตอบกลับแบบขอไปที แม้จะรู้ดีกว่าใครว่าคนที่พ่อเพิ่งถามป่านนี้คงนอนหมดแรงอยู่ที่พื้นในห้องรับแขกของบ้าน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมารายการให้ใครฟัง “ปากแกนี่นะ เมื่อไหร่จะเลิกมองเมียในแง่ร้ายสักที” หล่อนมีแง่ดีให้เขามองเห็นด้วยรึไง ปากดีก็ที่หนึ่ง จิณตอบรับคำถามนี้แต่เพียงแค่ภายในใจเท่านั้น “ไม่มีวันนั้นหรอกครับ พ่อยังไม่รู้จักผู
เหตุการณ์ในครั้งทำให้คณานางค์ป่วยหนักอยู่หลายวัน แต่ละวันนั้นมีเพียงคนจากบ้านใหญ่เท่านั้นที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแล ขณะที่พ่อของลูกนั้นกลับหนีหาย เธอรู้แค่ว่าเขาจะแวะมายืนมองอยู่เงียบๆ ในช่วงที่เธอหลับอยู่เท่านั้น นั่นทำให้รู้ว่าเขาคงไม่อยากเจอหน้าในเวลาที่เธอมีสติ ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากเจอหน้าเขาเช่นกัน เพราะยังรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ที่จริงแล้วเขาควรปล่อยให้เธอตายไปเสีย มันจะได้สาแก่ใจเขา! “ผมได้ข่าวว่าคุณนางไม่สบายเลยแวะมาเยี่ยม แม่ฝากของโปรดของคุณมาให้ด้วยนะครับ” เป็นภวินทร์ที่แวะมาเยี่ยมและไม่ลืมนำของฝากจากมารดามาให้การมาของเขาทำให้คนป่วยยิ้มได้ในรอบหลายวัน “ขอบคุณมากนะคะคุณภาม คุณป้าสบายดีนะคะ” “ครับ ท่านบ่นคิดถึงคุณด้วยนะ ไว้ว่างๆ คุณนางแวะไปหาท่านบ้างสิครับ” ใช่จะมีเพียงมารดาเท่านั้นที่คิดถึง เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ยิ่งได้มาเห็นด้วยตาตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกสับสนว่าเขาคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่ปล่อยให้คณานางค์มาอยู่ที่นี่กับเพื่อนรัก เพราะไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็เห็นเพียงแต่ความเศร้าในแววตาคู่สวยของเธอเท่านั้
เรื่องมันย้อนกลับไปเมื่อวันที่เขาได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเธอเป็นครั้งแรก เขายังจำได้ดีถึงภาพการปรากฏตัวของใครบางคนที่เรียกสายตาจากเขาได้ทุกครั้ง แต่ไม่ทันเห็นหน้าเธอก็เดินหนีไปก่อน “นั่นใครครับดวง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิณมีโอกาสได้เห็นแผ่นหลังไวๆ ของใครบางคนในบ้านของคนรัก แต่ก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่ร่างบอบบางนั้นจะหายลับสายตาไป “สงสัยจะเป็นยัยนางค่ะ นวลจ๊ะ ไปตามคุณนางมาให้ฉันหน่อยสิ” ดวงกมลให้คำตอบก่อนจะหันไปเรียกคนใช้ในบ้านให้ไปตามคนที่เธออยากแนะนำให้รู้จักกับคนรักมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่โอกาสก็ไม่เอื้ออำนวยเสียที โชคดีที่วันนี้อีกฝ่ายเข้างานช้าเลยได้จังหวะพอดี “นางจ๊ะ มานี่สิ พี่จะแนะนำให้รู้จักแฟนพี่ นี่คณานางค์ค่ะจิณ น้องสาวของดวงเอง ส่วนนี่จิณ คนรักที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง” เฝ้ารอไม่นานร่างของน้องสาวต่างมารดาที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก็เดินเข้ามาหา เธอจึงไม่รอช้ารีบแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน “สะ..สวัสดีค่ะ” คณานางค์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่เธอรู้ว่าเขาเป็นคนรักของพี่สาวผ่านจากคำบอกเล่าของใครหลายๆ คนในบ้
เรื่องมันย้อนกลับไปเมื่อวันที่เขาได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเธอเป็นครั้งแรก เขายังจำได้ดีถึงภาพการปรากฏตัวของใครบางคนที่เรียกสายตาจากเขาได้ทุกครั้ง แต่ไม่ทันเห็นหน้าเธอก็เดินหนีไปก่อน “นั่นใครครับดวง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิณมีโอกาสได้เห็นแผ่นหลังไวๆ ของใครบางคนในบ้านของคนรัก แต่ก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่ร่างบอบบางนั้นจะหายลับสายตาไป “สงสัยจะเป็นยัยนางค่ะ นวลจ๊ะ ไปตามคุณนางมาให้ฉันหน่อยสิ” ดวงกมลให้คำตอบก่อนจะหันไปเรียกคนใช้ในบ้านให้ไปตามคนที่เธออยากแนะนำให้รู้จักกับคนรักมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่โอกาสก็ไม่เอื้ออำนวยเสียที โชคดีที่วันนี้อีกฝ่ายเข้างานช้าเลยได้จังหวะพอดี “นางจ๊ะ มานี่สิ พี่จะแนะนำให้รู้จักแฟนพี่ นี่คณานางค์ค่ะจิณ น้องสาวของดวงเอง ส่วนนี่จิณ คนรักที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง” เฝ้ารอไม่นานร่างของน้องสาวต่างมารดาที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก็เดินเข้ามาหา เธอจึงไม่รอช้ารีบแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน “สะ..สวัสดีค่ะ” คณานางค์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่เธอรู้ว่าเขาเป็นคนรักของพี่สาวผ่านจากคำบอกเล่าของใครหลายๆ คนในบ้
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นทำให้ทุกความคิดหยุดชะงัก ก่อนที่ภาพของลูกชายจะปรากฏตัวลงตรงหน้าในนาทีต่อมา… “มะ…แม่แค่แวะมาเล่นกับหลาน นี่ก็ว่าจะกลับแล้ว” ท่าทีของมารดาทำให้คนที่แอบอู้งานกลับบ้านก่อนเวลาเริ่มรู้สึกผิด อันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้ขับไล่ไส่ส่งท่านมาตั้งแต่วันที่เขาได้รับปากคณานางค์นั่นแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง อีกฝ่ายจะเลิกมีท่าทีหวาดกลัวกันอย่างที่ทำอยู่เสียที “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไร” เขาตอบก่อนจะก้มลงไปฟัดแรงๆ ที่แก้มหอมกรุ่นของลูกสาวสุดที่รักเพื่อแก้ความรู้สึกอึดอัดที่มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับมารดา เขายังไม่ชินที่ต้องอยู่กับท่านลำพัง คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย “กลับมาแล้วเหรอคะ นางทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้วค่ะ คุณจิณหิวไหม” ความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นทำให้คนที่ได้แต่แอบมองดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ เลือกที่จะแสดงตัว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสามีที่กำลังมองมาอย่างคนจับผิด ซึ่งเธอรู้ว่าเขาน่าจะดูออกว่าเธอตั้งใจทำทั้งหมดนี้ แต่ทั้งหมดที่เธอทำ เธอไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดเลยนอกจากอยากให้เขากับมารดาได้ปรับความเข้าใจกัน เรื่
“อะไรคะ” “เธอกับลูกต้องอยู่กับฉันตลอดไป” สิ้นคำนั้นบรรยากาศภายในห้องก็พลันเงียบสนิทลง จะมีก็แต่เพียงเสียงหัวใจของคนทั้งคู่เท่านั้นที่ยังคงเต้นอยู่ “ว่าไงนาง เธอจะอยู่กับผู้ชายเลวๆ อย่างฉันไหม อยู่ด้วยกันตลอดไป” คำว่า ‘ตลอดไป’ ของเขานั้นไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะยาวนานแค่ไหน แต่คณานางค์กลับรู้สึกอยากอยู่กับเขา แม้จะแค่วันเดียวก็ตาม “แล้วคุณจิณจะให้นางอยู่ในฐานะอะไรคะ” แต่ก่อนที่เธอจะให้คำตอบ เธอก็อยากได้ความแน่ใจว่าเขาจะไม่กลับคำทีหลังหากรู้สึกเบื่อที่จะมีเธออยู่ข้างๆ ตลอดไป “แม่ของลูก เมียฉัน แล้วแต่เธอเลย” จิณยอมเทหมดหน้าตักขอแค่คนตรงหน้ายอมอยู่ด้วยกันตลอดไป ต่อให้เธอไม่อยากอยู่ เขาก็ไม่คิดปล่อยเธอไปไหนอยู่แล้ว แค่ว่าจะใช้วิธีแบบไหนรั้งเธอไว้เท่านั้นเอง “ละ…แล้วคุณจิณ รักนางไหมคะ” “คือฉัน…” เกิดความเงียบขึ้นหลังสิ้นคำถามนั้น ซึ่งคณานางค์ก็เตรียมใจมาก่อนแล้วว่า เธออาจจะไม่ได้คำตอบอะไรจากเขาในวันนี้ “นางจะอยู่ตราบเท่าที่คุณจิณอนุญาตให้อยู่ค่ะ คุณจิณไม่ต้องรักนางก็ได้ แค่ให้นางได้อยู่กับคุณจิณ อยู่กับลูกก็
“แต่ถ้าฉันไม่อนุญาตให้อยู่ เธอก็ไม่มีสิทธิ์อยู่!” เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนตรงหน้าเข้าใจว่าเธอไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์เลือกในเรื่องนี้ คณานางค์จึงตัดสินใจหมุนตัวเดินหนีเพื่อตัดปัญหา โดยไม่คิดเลยว่ายิ่งทำอย่างนี้มันจะยิ่งทำให้อีกคนยิ่งโกรธ “อย่ามาเดินหนีฉันแบบนี้นะนังเด็กเหลือขอ!” แรงกระชากที่รุนแรงทำให้ภาวินีเกิดการเสียหลักขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่คณานางค์หันมาเห็นเข้าพอดีเธอถึงได้ดึงอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะเป็นฝ่ายกลิ้งตกบันไดท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ที่ดังเรียกคนทั้งบ้านให้ต้องวิ่งออกมาดู “นาง!” ภาพของคณานางค์ที่นอนทรุดอยู่เบื้องล่างทำให้จิณแทบเสียสติ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรเสียงของผู้เป็นแม่ที่เพิ่งจะวิ่งตามลงมาก็ดังขึ้นขัดซะก่อน… “มะ…แม่ไม่ได้ทำนะจิณ! แม่ไม่ได้ทำ!” คุณภาวินีบอกลูกชายเสียงสั่น ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าเมียของลูกจะกล้าเสี่ยงชีวิตช่วยกันทั้งๆ ที่ในท้องก็ยังมีอีกคนที่ต้องดูแล แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเลือกที่จะช่วยนางแทนที่จะรักษาชีวิตตัวเองกับลูกให้ปลอดภัย ทำไม “อย่าเอามือสกปรกของคุณมาแตะผม! ถ้าเมียกับลูกผมเป็นอะ
โชคร้ายที่วันนี้พ่อของเขาไม่อยู่ จึงไม่มีใครจัดการเรื่องยุ่งยากนี้ให้ สุดท้ายจึงตัดสินใจได้ว่าคืนนี้เขากับแม่ของลูกคงต้องค้างที่นี่สักคืน คณานางค์ไม่มีปัญหาเลยสักนิดเมื่อจิณกลับเข้ามาบอกว่าคืนนี้เธอกับเขาคงต้องค้างที่นี่เพราะแม่ของเขาไม่ยอมกลับไป ออกจะดีด้วยซ้ำที่คืนนี้จะได้นอนในบ้านหลังเล็กหลังนี้ ที่ดูแล้วมันคงมีความสำคัญกับเขาไม่น้อย ดูได้จากรูปถ่ายในทุกช่วงวัยที่เขาวางไว้ทั่วบ้าน โดยเฉพาะรูปถ่ายครอบครัว ที่ดูเหมือนว่าเขาจะรักภาพนี้มากเป็นพิเศษ เพราะมันใหญ่กว่ารูปอื่นๆ เธอรู้ว่าลึกๆ ในใจแล้วเขาคงยังรักแม่ของเขาอยู่ เพราะคงไม่มีใครเก็บภาพนี้เอาไว้หากหัวใจเต็มไปด้วยความเกลียด ยิ่งได้รู้จักเธอก็ยิ่งค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขา ผู้ชายแข็งกระด้างที่ภายนอกอาจดูเย็นชา ใจร้าย แต่ทว่าหากได้ลองมารู้จักเขาในอีกมุมหนึ่ง จะได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายอบอุ่นและน่ารักมากขนาดไหน คงมีแค่เวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาทุกสิ่งให้ดีขึ้น เธอเชื่อแบบนั้น ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนานตลอดวันก่อนที่พ่อของลูกจะพาเธอเดินชมรอบๆ บ้านในช่วงเย็นทำให้รู้ว่านอกจา
คณานางค์ทิ้งตัวนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ยอมไปไหน เธอรอกระทั่งคนที่นอนซมเพราะพิษมาทั้งวันตื่น ถึงลงไปหาข้าวหาปลาให้เขาได้ทาน“เดี๋ยวก็พลอยติดไข้ไปอีกคน” เดือดร้อนคนป่วยที่ต้องเอ่ยขึ้น จะว่าห่วงแต่ลูกก็ว่าไม่ได้เต็มปากเพราะตอนนี้เวลานี้แม่ของลูกก็สำคัญน้อยหน้าเมื่อไหร่กัน และเขาไม่อยากทำให้หล่อนต้องพลอยติดไข้ไปด้วย “นางกับลูกเราสองคนแข็งแรงดีค่ะ” “ดื้อทั้งแม่ทั้งลูก” แม้จะดุแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากไล่กันไปไหน น่าแปลก ที่การมีเธออยู่ใกล้ๆ มันกลับทำให้รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็น ไม่นานคนที่อาสามาดูแลเขาก็นั่งหลับไป ภาพนั้นทำให้จิณได้แต่ยิ้มขำก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าต้นเหตุที่ทำให้หล่อนนอนน้อยก็เป็นเพราะความเอาแต่ใจของเขาเองถึงได้ลุกขึ้นไปอุ้มคนขี้เซามานอนด้วยกันบนเตียง ก่อนฤทธิ์ของยาแก้ไข้ที่ถูกอีกฝ่ายบังคับให้กินเข้าไปจะเล่นงานทำให้เขาผล็อยหลับไปทั้งๆ ที่ยังมีร่างอวบอิ่มนอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอด ซึ่งภาพนั้น ทำให้คนที่หวังจะแวะเข้ามาดูคนทั้งคู่ถึงกลับลอบยิ้มเมื่อได้เห็น “จะให้เยาว์ปลุกไหมคะ…” “ปล่อยให้พวกเขาหลับต่ออีกหน่อยเถอะ คงจะเพล
“จิณเดี๋ยวก่อนลูก แม่…”“คุณไม่ใช่แม่ผม! ไม่เคยใช่!” นั่นคือเสียงที่ตวาดกลับมาก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะพาตัวเองเดินออกไปจากบ้านท่ามกลางความตกใจของใครหลายๆ คนที่พากันวิ่งออกมาดูเพราะคิดว่าเจ้านายเผลอตวาดคุณนางเข้า ทว่าทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจ ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ“คุณมาทำอะไรที่นี่!” เป็นคุณเกษมที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ทว่าสายตากลับไม่ได้หยุดอยู่ที่อดีตภรรยาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้คนเดียวที่ท่านกำลังรู้สึกเป็นห่วงจับจิต คือลูกชายที่เพิ่งจะเดินหนีไป“ทำไมฉันจะมาเหยียบที่นี่ไม่ได้ ในเมื่อลูกชายของฉันอยู่ที่นี่!” ชายชราได้แต่เค้นยิ้มอย่างรู้สึกสมเพชอีกฝ่ายที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อไว้มันจริงอยู่ที่ผู้หญิงคนนี้คือแม่แท้ๆ ผู้ให้กำเนิดของจิณ อดีตภรรยาที่เขาเคยรักยิ่งกว่าชีวิต แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าหล่อนจะกล้าทำเรื่องเลวทรามลับหลังกันด้วยการแอบคบชู้ เพราะถูกจับได้ก็เอาเรื่องลูกมาข่มขู่ให้เขายอมจ่ายเงินค่าหย่าให้ ซึ่งเขายอมจ่าย เพื่อแลกกับการที่ลูกได้อยู่กับเขาแทนที่จะเป็นแม่อย่างเธอ แม่ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะเขา ไม่เว้นแม้แต่การทุบตีลูกด้วยส
“บ้ารึไง! น้องสาวคุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก” เธอจะเชื่อดีไหมนะ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ เห็นแก่หูแดงๆ นั่น ที่ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอายเธอจะยอมเชื่อให้เขาตายใจไปก่อนก็แล้วกันหญิงสาวคิดก่อนจะลอบมองคนขี้อายตรงหน้าอย่างมีความสุข คณานางค์ไม่ได้คิดไปเองว่าหมู่นี้พ่อของลูกชอบมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่หาเรื่องทะเลาะ เขาก็ชอบแกล้งทำให้เธอใจสั่นเล่น มันอดทำให้เธอคิดถึงเขาในอดีตไม่ได้ ยอมรับว่าเธอชอบเขาแบบนี้มากกว่า “ยิ้มอะไร” คนเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวแทบจะหุบยิ้มลงในทันที ก่อนจะถามกลับด้วยสีหน้างอนๆ “แค่ยิ้มก็ผิดเหรอคะ” “แล้วแค่ถามทำไมต้องหน้างอ!” หนนี้เธอไม่ตอบ แต่เลือกที่จะเดินหนีเพราะเขาเริ่มหาเรื่องมาชวนทะเลาะ เธอไม่อยากทะเลาะด้วยเพราะแค่ต้องแบกท้องลูกของเขา เธอก็เหนื่อยจนไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว “นี่อย่ามาเดินหนีนะ!” แต่อีกคนกลับไม่ยอมให้เธอไปไหนง่ายๆเขาว่าพร้อมทั้งรั้งต้นแขนเธอเอาไว้หลวมๆ ไม่ได้กระชากเหมือนอย่างที่แล้วๆ มา แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกโมโหได้อยู่ดี“นางไม่ได้หนี” “ก็เห็นๆ อยู่ว่าหนี!”