เหตุการณ์ในครั้งทำให้คณานางค์ป่วยหนักอยู่หลายวัน แต่ละวันนั้นมีเพียงคนจากบ้านใหญ่เท่านั้นที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแล ขณะที่พ่อของลูกนั้นกลับหนีหาย เธอรู้แค่ว่าเขาจะแวะมายืนมองอยู่เงียบๆ ในช่วงที่เธอหลับอยู่เท่านั้น นั่นทำให้รู้ว่าเขาคงไม่อยากเจอหน้าในเวลาที่เธอมีสติ ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากเจอหน้าเขาเช่นกัน เพราะยังรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ที่จริงแล้วเขาควรปล่อยให้เธอตายไปเสีย มันจะได้สาแก่ใจเขา! “ผมได้ข่าวว่าคุณนางไม่สบายเลยแวะมาเยี่ยม แม่ฝากของโปรดของคุณมาให้ด้วยนะครับ” เป็นภวินทร์ที่แวะมาเยี่ยมและไม่ลืมนำของฝากจากมารดามาให้การมาของเขาทำให้คนป่วยยิ้มได้ในรอบหลายวัน “ขอบคุณมากนะคะคุณภาม คุณป้าสบายดีนะคะ” “ครับ ท่านบ่นคิดถึงคุณด้วยนะ ไว้ว่างๆ คุณนางแวะไปหาท่านบ้างสิครับ” ใช่จะมีเพียงมารดาเท่านั้นที่คิดถึง เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ยิ่งได้มาเห็นด้วยตาตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกสับสนว่าเขาคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่ปล่อยให้คณานางค์มาอยู่ที่นี่กับเพื่อนรัก เพราะไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็เห็นเพียงแต่ความเศร้าในแววตาคู่สวยของเธอเท่านั้
“ฮึก! ถึงนางจะเป็นแค่ลูกเมียน้อยที่พ่อไม่รัก แต่นางก็มีศักดิ์ศรีของนาง คุณจะไม่เห็นค่ามันก็ได้นะคะ แต่อย่า…อย่าพูดว่านางคิดอยากจะเทียบเท่าพี่ดวง เพราะว่านางไม่เคยแม้แต่จะคิด!“ เสียงสะอื้นไห้นั้นจะดังไปถึงเขาหรือไม่เธอไม่รู้แต่เพียงไม่นานต้นแขนที่ถูกบีบก็ค่อยๆ คลายตัว ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเดินจากกันไป โดยไม่พูดอะไรให้เธอต้องเจ็บช้ำหัวใจอีกเลย ดวงกมลยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะทำทุกทางให้น้องสาวต้องเจ็บเหมือนที่อีกฝ่ายทำให้เธอเจ็บ แต่เหมือนยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ยิ่งเปล่าประโยชน์ อาจคงเพราะนี่มันไม่ใช่เนื้อแท้ของเธอ อีกฝ่ายถึงได้ดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแบบนี้ “พี่อยากได้ลูกสาวนะ แต่ถ้าเป็นลูกชายแล้วดื้อเหมือนพ่อพี่คงเหนื่อยน่าดูเลยว่าไหม” คนถูกถามยิ้มรับก่อนจะตอบกลับผู้พี่ไปเบาๆ “แค่พี่ดวงไม่เกลียดแกนางก็ดีใจมากแล้วค่ะ” ว่าที่คุณแม่ตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ เธอชินแล้วกับคำพูดที่สร้างความปวดร้าวให้กันทุกครั้งของผู้เป็นพี่ แม้จะรู้สึก แต่ก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรอีกฝ่าย “พี่ไม่เกลียดเขาหรอก เพราะยังไงเขาก็เป็นลูกของคนที่พี่รัก นางไม่ต้องห่วงน
คณานางค์หันไปมองภวินทร์อีกครั้งเหมือนอยากจะกล่าวขอโทษ ซึ่งเขาก็พยักหน้าเหมือนจะรู้ใจ เธอจึงเดินออกมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน เฝ้ารออยู่ครู่คนใจร้ายก็ตามมาสมทบก่อนที่เขาจะขับมันออกไปด้วยความเร็ว ราวกับจะลืมไปว่าในท้องของเธอมีลูกเขาอยู่ จนเมื่อถึงที่หมายเธอก็ไม่รีรอที่จะรีบพาตัวเองเดินลงจากรถ หวังจะพาตัวเองกลับเข้าไปในห้องให้เร็วที่สุดแต่ทุกสิ่งก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้นเพราะทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องรับแขกคนใจร้ายที่เดินตามกันเข้ามาติดๆ ก็กระชากต้นแขนของเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะบีบมันแน่น ราวกับจะบอกให้ได้รู้ว่าเขากำลังโกรธมากแค่ไหนก็ไม่ผิด “ปล่อยนาง นางเจ็บ!” เธอร้องบอกพยายามบิดต้นแขนให้หลุดพ้นแต่เหมือนยิ่งพยายามก็ยิ่งสุญเปล่าเพราะนอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยแล้วนั้น แรงบีบที่ต้นแขนกลับยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ “ไปนอนกับมันมาแล้วใช่ไหม!” “คุณจิณ!” “ถามก็ตอบสิ!” คำถามที่ต้องการคำตอบทำให้จิณยิ่งหงุดหงิดเมื่ออีกคนเอาแต่เงียบทั้งๆ ที่คำถามของเขามันไม่ใช่คำถามที่ยากอะไร “ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าเด็ก
คณานางค์หลับไปนานก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้น สิ่งแรกที่หญิงสาวถามถึงเมื่อลืมตา ทำให้คนที่นั่งเฝ้าไม่ยอมจากไปไหนรู้สึกละลายใจ “ลูกละคะ ลูกของนางเขาปลอดภัยดีใช่ไหม!” เธอถามทั้งน้ำตา ภาวนาต่อทุกสิ่งขอให้ลูกปลอดภัย แต่เพราะคนข้างกายเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบอะไรสักคำเธอก็ยิ่งสะอื้นหนักขึ้น เดือดร้อนเขาที่ต้องเป็นฝ่ายรั้งเข้าไปกอดปลอบก่อนจะรีบให้คำตอบ “ลูกยังอยู่ เขาไม่เป็นอะไร ขอบคุณพระเจ้าที่เธอกับลูกยังอยู่ขอบคุณ…”เสียงแผ่วๆ ที่ฟังดูคล้ายคนอดหลับอดนอนมาแรมคืนทำให้เธอเบาใจที่ได้ยิน แค่ได้รู้ว่าลูกยังอยู่ ก็พอแล้วสำหรับเธอตอนนี้ เพราะร่างกายที่บอบช้ำหนักทำให้คณานางค์ต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลนานเกือบสามวัน มันเป็นสามวันที่พ่อของลูกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเยี่ยมหญิงสาว จิณทำได้แค่เพียงชะเง้อมองเข้ามาจากหน้าต่างบานเล็กหน้าห้องเท่านั้น จนกระทั่งถึงวันที่หญิงสาวได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล คุณเกษมก็ยังไม่คิดวางใจต่อการกระทำของลูกชายตน “สอง! เดี๋ยวขึ้นไปเก็บข้าวของคุณนางไปไว้ที่บ้านใหญ่! ต่อจากนี้หนูนางจะย้ายไปอยู่ที่นั่น!” ท่านออกคำสั่ง
เย็นนี้จิณไม่ได้ไปกินข้าวเย็นที่บ้านใหญ่เพราะมีบางเรื่องต้องจัดการ บางเรื่องที่จะทำได้ก็ต่อเมื่อทุกคนในบ้านเข้านอนแล้วเท่านั้น “จับดีๆ สิวะ!” เสียงเข้มหันกลับไปตวาดลูกน้องคนสนิทเพียงหนึ่งเดียวที่เขาไว้ใจให้ทำเรื่องบัดซบที่กำลังเดินหน้าอยู่อย่างเอาเรื่องเมื่อบันไดลิงที่กำลังใช้ปีนขึ้นไปยังหน้าต่างห้องนอนของใครบางคนนั้นสั่นไหวอย่างน่ากลัว “นี่ก็ดีสุดแล้วนะนาย” คนถูกสั่งตอบรับและไม่ลืมหันไปดูต้นทางให้ผู้เป็นนาย ด้วยกลัวว่าถ้ามีใครมาเห็นตัวเองจะเดือดร้อนไปด้วย จนเมื่อส่งผู้เป็นนายถึงจุดหมายถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกส่วนที่เหลือก็แค่รอให้คนในห้องลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างให้เท่านั้น “คุณจิณ! ไม่ได้นะคะเดี๋ยวคุณท่านรู้!” คณานางค์เอ่ยขึ้นอย่างตกใจเมื่อพบเข้ากับร่างคุ้นตาของใครบางคนเข้าที่หน้าต่างห้องนอน เพราะกลัวว่าเขาจะตกลงไปได้รับบาดเจ็บเธอถึงได้รีบปรี่เดินเข้าไปปลดล็อค และนั่นทำให้เขาสามารถกระโดดเข้ามาในห้องนอนของเธอทันทีที่สบโอกาส “อย่าเข้าใจผิดคิดว่าฉันพิศวาส ฉันแค่อยากนอนกับลูกก็เท่านั้น” คนปากหนักเอ่ยสวนกลับไปทั
“ถ้าคุณรักดวงจริงก็ทำเพื่อดวงสิคะ นะคะจิณ แค่จดทะเบียนสมรสก็ได้ค่ะ ดวงขอแค่นี้ คุณทำให้ดวงได้ไหมคะ” คำขอของคนรักสร้างความลำบากใจแค่จิณไม่น้อย เพราะพ่อของเขาคงไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ และอีกอย่างเขาเองก็ยังไม่พร้อม บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม! “ฉันไม่เห็นด้วย!”มันเป็นไปอย่างที่คิดไว้เมื่อผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ซึ่งตัวของเขาเองก็ลำบากใจไม่น้อยที่ต้องแบกหน้ามาพูดเรื่องนี้กับท่านต่อหน้าอีกคนที่ยังคงวางตัวด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอาการโศกเศร้าเสียใจออกมาให้ได้เห็นอย่างที่เขานึกกลัวไว้ในตอนแรกสักนิด “หนูนางละลูก คิดว่ายังไง” “นางยังไงก็ได้ค่ะ” คำตอบนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ท่านคิดไว้เลยสักนิด ยิ่งทำให้รู้สึกสงสารอีกฝ่ายมากขึ้นแต่จะให้ออกตัวแรงท่านก็ทำไม่ได้ เพราะคนรักของลูกชายมีสิทธิ์เรียกร้อง ตราบใดที่ลูกชายของเขายังคงมั่นใจว่าคนที่มันรักคืออีกฝ่าย จะสงสารก็แต่แม่ของหลานเท่านั้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่พูด แต่ท่านก็รู้ว่าคงปวดใจไม่น้อยกับเรื่องที่ต้องเผชิญ นับจากวันนั้นคณานางค์ก็พยายามตีตัวออกห่างพ่อของลูกมากขึ้น เพราะไ
คืนนั้นที่ต้องปล่อยลูกสาวคนเล็กออกจากบ้านไปมันเป็นคืนที่เขานอนไม่หลับ ภาพคณานางค์ที่ค่อยๆ หายลับสายตาไปนั้นยังคงฝังแน่นอยู่ในหัว ในขณะที่พ่ออย่างเขาทำได้แค่มองดูผ่านหน้าต่างห้องนอนเท่านั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เขาได้แต่เพียงขอโทษภรรยาผู้จากไป ผู้หญิงคนเดียวที่เขารัก ถึงวันนี้ก็ยังรักอยู่ ต่างจากภรรยาหลวงที่ต้องจำใจแต่งงานด้วยเพราะถูกทางบ้านบังคับ เขาไม่รู้หรอกว่าคำขอโทษจะส่งไปถึงคนไกลคนนั้นไหม แต่เขาอยากให้เธอรู้ว่าเขาเสียใจที่ไม่อาจดูแล ปกป้องหรือแม้แต่แสดงความรักต่อลูกอย่างที่เคยได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ ทั้งๆ ที่มันเป็นคำขอสุดท้ายของเธอ แต่เขาก็ทำให้ไม่ได้ “ดวงโกรธน้องไหมลูก เรื่องจิณ” “โกรธค่ะ แต่ดวงโกรธตัวเองมากกว่าที่ทำร้ายน้องทั้งๆ ที่เคยสัญญาไว้ว่าเป็นคนจะปกป้อง ดูแล พ่อว่านางจะให้อภัยเราสองคนไหมคะ” เธอถามก่อนจะคิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีเลยสักครั้งที่คณานางค์จะทำให้เธอต้องเสียใจ เด็กคนนี้มีแต่ความรักความเทิดทูนให้เธอในฐานะพี่สาวมาโดยตลอด แล้วมันเกิดอะไรขึ้น อะไรทำให้เธอพาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ทำร้ายน้
“เอากับเขาสิ ร้องไห้ทำไมกัน พี่ไม่ได้ไปแล้วไปลับสักหน่อย จะเป็นแม่คนอยู่แล้วนะเรา นางต้องเข้มแข็งให้มากๆ นะรู้ไหม เลิกโทษตัวเองได้แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น และพี่อยากขอโทษ…ขอโทษที่พี่ทำร้ายนางด้วยการกระทำ ด้วยคำพูดบ้าๆ ของพี่ นางจะพอยกโทษให้พี่สาวที่ไม่ได้เรื่องคนนี้สักครั้งได้ไหม”คนถูกขอโทษได้แต่ส่ายหน้ารับ ไม่มีเลยสักครั้งที่เธอจะรู้สึกโกรธพี่สาวคนนี้ คนที่คอยดูแล ปกป้องเธอจากอันตราย คนที่มอบสิ่งดีๆ ให้ในทุกๆ ช่วงโอกาสของชีวิต “นางไม่เคยโกรธพี่ดวง พี่ดวงคือพี่สาวที่ดีที่สุดของนางนะคะ” ดวงกมลยิ้มรับต่อคำกล่าวนั้นก่อนจะรั้งน้องสาวเข้ามากอดปลอบเพื่อให้หยุดร้องไห้ แต่คณานางค์ก็คือคณานางค์ คนที่ได้ร้องแล้วก็ยากที่จะหยุดง่ายๆ ถึงตอนนี้เธอไม่มีอะไรติดค้างกับน้องอีกแล้ว ไม่ว่าเรื่องระหว่างคณานางค์กับอดีตคนรักของเธอมันจะเกิดขึ้นจากอะไรก็ช่างเธอจะถือเสียว่าทั้งหมดนี้มันคือโชคชะตาที่ทุกคนต้องเจอ “ร้องไห้ทำไม ใครทำ!” เป็นพ่อของลูกที่ร้องโวยวายขึ้นก่อนจะปรายตามองไปยังสาวใช้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยหาเรื่องแกล้งเธอบ่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปโดนใครบังคับมา
เรื่องมันย้อนกลับไปเมื่อวันที่เขาได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเธอเป็นครั้งแรก เขายังจำได้ดีถึงภาพการปรากฏตัวของใครบางคนที่เรียกสายตาจากเขาได้ทุกครั้ง แต่ไม่ทันเห็นหน้าเธอก็เดินหนีไปก่อน “นั่นใครครับดวง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิณมีโอกาสได้เห็นแผ่นหลังไวๆ ของใครบางคนในบ้านของคนรัก แต่ก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่ร่างบอบบางนั้นจะหายลับสายตาไป “สงสัยจะเป็นยัยนางค่ะ นวลจ๊ะ ไปตามคุณนางมาให้ฉันหน่อยสิ” ดวงกมลให้คำตอบก่อนจะหันไปเรียกคนใช้ในบ้านให้ไปตามคนที่เธออยากแนะนำให้รู้จักกับคนรักมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่โอกาสก็ไม่เอื้ออำนวยเสียที โชคดีที่วันนี้อีกฝ่ายเข้างานช้าเลยได้จังหวะพอดี “นางจ๊ะ มานี่สิ พี่จะแนะนำให้รู้จักแฟนพี่ นี่คณานางค์ค่ะจิณ น้องสาวของดวงเอง ส่วนนี่จิณ คนรักที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง” เฝ้ารอไม่นานร่างของน้องสาวต่างมารดาที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก็เดินเข้ามาหา เธอจึงไม่รอช้ารีบแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน “สะ..สวัสดีค่ะ” คณานางค์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่เธอรู้ว่าเขาเป็นคนรักของพี่สาวผ่านจากคำบอกเล่าของใครหลายๆ คนในบ้
เรื่องมันย้อนกลับไปเมื่อวันที่เขาได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเธอเป็นครั้งแรก เขายังจำได้ดีถึงภาพการปรากฏตัวของใครบางคนที่เรียกสายตาจากเขาได้ทุกครั้ง แต่ไม่ทันเห็นหน้าเธอก็เดินหนีไปก่อน “นั่นใครครับดวง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิณมีโอกาสได้เห็นแผ่นหลังไวๆ ของใครบางคนในบ้านของคนรัก แต่ก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่ร่างบอบบางนั้นจะหายลับสายตาไป “สงสัยจะเป็นยัยนางค่ะ นวลจ๊ะ ไปตามคุณนางมาให้ฉันหน่อยสิ” ดวงกมลให้คำตอบก่อนจะหันไปเรียกคนใช้ในบ้านให้ไปตามคนที่เธออยากแนะนำให้รู้จักกับคนรักมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่โอกาสก็ไม่เอื้ออำนวยเสียที โชคดีที่วันนี้อีกฝ่ายเข้างานช้าเลยได้จังหวะพอดี “นางจ๊ะ มานี่สิ พี่จะแนะนำให้รู้จักแฟนพี่ นี่คณานางค์ค่ะจิณ น้องสาวของดวงเอง ส่วนนี่จิณ คนรักที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง” เฝ้ารอไม่นานร่างของน้องสาวต่างมารดาที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก็เดินเข้ามาหา เธอจึงไม่รอช้ารีบแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกัน “สะ..สวัสดีค่ะ” คณานางค์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่เธอรู้ว่าเขาเป็นคนรักของพี่สาวผ่านจากคำบอกเล่าของใครหลายๆ คนในบ้
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นทำให้ทุกความคิดหยุดชะงัก ก่อนที่ภาพของลูกชายจะปรากฏตัวลงตรงหน้าในนาทีต่อมา… “มะ…แม่แค่แวะมาเล่นกับหลาน นี่ก็ว่าจะกลับแล้ว” ท่าทีของมารดาทำให้คนที่แอบอู้งานกลับบ้านก่อนเวลาเริ่มรู้สึกผิด อันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้ขับไล่ไส่ส่งท่านมาตั้งแต่วันที่เขาได้รับปากคณานางค์นั่นแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง อีกฝ่ายจะเลิกมีท่าทีหวาดกลัวกันอย่างที่ทำอยู่เสียที “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไร” เขาตอบก่อนจะก้มลงไปฟัดแรงๆ ที่แก้มหอมกรุ่นของลูกสาวสุดที่รักเพื่อแก้ความรู้สึกอึดอัดที่มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับมารดา เขายังไม่ชินที่ต้องอยู่กับท่านลำพัง คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย “กลับมาแล้วเหรอคะ นางทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้วค่ะ คุณจิณหิวไหม” ความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นทำให้คนที่ได้แต่แอบมองดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ เลือกที่จะแสดงตัว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสามีที่กำลังมองมาอย่างคนจับผิด ซึ่งเธอรู้ว่าเขาน่าจะดูออกว่าเธอตั้งใจทำทั้งหมดนี้ แต่ทั้งหมดที่เธอทำ เธอไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดเลยนอกจากอยากให้เขากับมารดาได้ปรับความเข้าใจกัน เรื่
“อะไรคะ” “เธอกับลูกต้องอยู่กับฉันตลอดไป” สิ้นคำนั้นบรรยากาศภายในห้องก็พลันเงียบสนิทลง จะมีก็แต่เพียงเสียงหัวใจของคนทั้งคู่เท่านั้นที่ยังคงเต้นอยู่ “ว่าไงนาง เธอจะอยู่กับผู้ชายเลวๆ อย่างฉันไหม อยู่ด้วยกันตลอดไป” คำว่า ‘ตลอดไป’ ของเขานั้นไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะยาวนานแค่ไหน แต่คณานางค์กลับรู้สึกอยากอยู่กับเขา แม้จะแค่วันเดียวก็ตาม “แล้วคุณจิณจะให้นางอยู่ในฐานะอะไรคะ” แต่ก่อนที่เธอจะให้คำตอบ เธอก็อยากได้ความแน่ใจว่าเขาจะไม่กลับคำทีหลังหากรู้สึกเบื่อที่จะมีเธออยู่ข้างๆ ตลอดไป “แม่ของลูก เมียฉัน แล้วแต่เธอเลย” จิณยอมเทหมดหน้าตักขอแค่คนตรงหน้ายอมอยู่ด้วยกันตลอดไป ต่อให้เธอไม่อยากอยู่ เขาก็ไม่คิดปล่อยเธอไปไหนอยู่แล้ว แค่ว่าจะใช้วิธีแบบไหนรั้งเธอไว้เท่านั้นเอง “ละ…แล้วคุณจิณ รักนางไหมคะ” “คือฉัน…” เกิดความเงียบขึ้นหลังสิ้นคำถามนั้น ซึ่งคณานางค์ก็เตรียมใจมาก่อนแล้วว่า เธออาจจะไม่ได้คำตอบอะไรจากเขาในวันนี้ “นางจะอยู่ตราบเท่าที่คุณจิณอนุญาตให้อยู่ค่ะ คุณจิณไม่ต้องรักนางก็ได้ แค่ให้นางได้อยู่กับคุณจิณ อยู่กับลูกก็
“แต่ถ้าฉันไม่อนุญาตให้อยู่ เธอก็ไม่มีสิทธิ์อยู่!” เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนตรงหน้าเข้าใจว่าเธอไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์เลือกในเรื่องนี้ คณานางค์จึงตัดสินใจหมุนตัวเดินหนีเพื่อตัดปัญหา โดยไม่คิดเลยว่ายิ่งทำอย่างนี้มันจะยิ่งทำให้อีกคนยิ่งโกรธ “อย่ามาเดินหนีฉันแบบนี้นะนังเด็กเหลือขอ!” แรงกระชากที่รุนแรงทำให้ภาวินีเกิดการเสียหลักขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่คณานางค์หันมาเห็นเข้าพอดีเธอถึงได้ดึงอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะเป็นฝ่ายกลิ้งตกบันไดท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ที่ดังเรียกคนทั้งบ้านให้ต้องวิ่งออกมาดู “นาง!” ภาพของคณานางค์ที่นอนทรุดอยู่เบื้องล่างทำให้จิณแทบเสียสติ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรเสียงของผู้เป็นแม่ที่เพิ่งจะวิ่งตามลงมาก็ดังขึ้นขัดซะก่อน… “มะ…แม่ไม่ได้ทำนะจิณ! แม่ไม่ได้ทำ!” คุณภาวินีบอกลูกชายเสียงสั่น ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าเมียของลูกจะกล้าเสี่ยงชีวิตช่วยกันทั้งๆ ที่ในท้องก็ยังมีอีกคนที่ต้องดูแล แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเลือกที่จะช่วยนางแทนที่จะรักษาชีวิตตัวเองกับลูกให้ปลอดภัย ทำไม “อย่าเอามือสกปรกของคุณมาแตะผม! ถ้าเมียกับลูกผมเป็นอะ
โชคร้ายที่วันนี้พ่อของเขาไม่อยู่ จึงไม่มีใครจัดการเรื่องยุ่งยากนี้ให้ สุดท้ายจึงตัดสินใจได้ว่าคืนนี้เขากับแม่ของลูกคงต้องค้างที่นี่สักคืน คณานางค์ไม่มีปัญหาเลยสักนิดเมื่อจิณกลับเข้ามาบอกว่าคืนนี้เธอกับเขาคงต้องค้างที่นี่เพราะแม่ของเขาไม่ยอมกลับไป ออกจะดีด้วยซ้ำที่คืนนี้จะได้นอนในบ้านหลังเล็กหลังนี้ ที่ดูแล้วมันคงมีความสำคัญกับเขาไม่น้อย ดูได้จากรูปถ่ายในทุกช่วงวัยที่เขาวางไว้ทั่วบ้าน โดยเฉพาะรูปถ่ายครอบครัว ที่ดูเหมือนว่าเขาจะรักภาพนี้มากเป็นพิเศษ เพราะมันใหญ่กว่ารูปอื่นๆ เธอรู้ว่าลึกๆ ในใจแล้วเขาคงยังรักแม่ของเขาอยู่ เพราะคงไม่มีใครเก็บภาพนี้เอาไว้หากหัวใจเต็มไปด้วยความเกลียด ยิ่งได้รู้จักเธอก็ยิ่งค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขา ผู้ชายแข็งกระด้างที่ภายนอกอาจดูเย็นชา ใจร้าย แต่ทว่าหากได้ลองมารู้จักเขาในอีกมุมหนึ่ง จะได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายอบอุ่นและน่ารักมากขนาดไหน คงมีแค่เวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาทุกสิ่งให้ดีขึ้น เธอเชื่อแบบนั้น ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนานตลอดวันก่อนที่พ่อของลูกจะพาเธอเดินชมรอบๆ บ้านในช่วงเย็นทำให้รู้ว่านอกจา
คณานางค์ทิ้งตัวนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ยอมไปไหน เธอรอกระทั่งคนที่นอนซมเพราะพิษมาทั้งวันตื่น ถึงลงไปหาข้าวหาปลาให้เขาได้ทาน“เดี๋ยวก็พลอยติดไข้ไปอีกคน” เดือดร้อนคนป่วยที่ต้องเอ่ยขึ้น จะว่าห่วงแต่ลูกก็ว่าไม่ได้เต็มปากเพราะตอนนี้เวลานี้แม่ของลูกก็สำคัญน้อยหน้าเมื่อไหร่กัน และเขาไม่อยากทำให้หล่อนต้องพลอยติดไข้ไปด้วย “นางกับลูกเราสองคนแข็งแรงดีค่ะ” “ดื้อทั้งแม่ทั้งลูก” แม้จะดุแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากไล่กันไปไหน น่าแปลก ที่การมีเธออยู่ใกล้ๆ มันกลับทำให้รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็น ไม่นานคนที่อาสามาดูแลเขาก็นั่งหลับไป ภาพนั้นทำให้จิณได้แต่ยิ้มขำก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าต้นเหตุที่ทำให้หล่อนนอนน้อยก็เป็นเพราะความเอาแต่ใจของเขาเองถึงได้ลุกขึ้นไปอุ้มคนขี้เซามานอนด้วยกันบนเตียง ก่อนฤทธิ์ของยาแก้ไข้ที่ถูกอีกฝ่ายบังคับให้กินเข้าไปจะเล่นงานทำให้เขาผล็อยหลับไปทั้งๆ ที่ยังมีร่างอวบอิ่มนอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอด ซึ่งภาพนั้น ทำให้คนที่หวังจะแวะเข้ามาดูคนทั้งคู่ถึงกลับลอบยิ้มเมื่อได้เห็น “จะให้เยาว์ปลุกไหมคะ…” “ปล่อยให้พวกเขาหลับต่ออีกหน่อยเถอะ คงจะเพล
“จิณเดี๋ยวก่อนลูก แม่…”“คุณไม่ใช่แม่ผม! ไม่เคยใช่!” นั่นคือเสียงที่ตวาดกลับมาก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะพาตัวเองเดินออกไปจากบ้านท่ามกลางความตกใจของใครหลายๆ คนที่พากันวิ่งออกมาดูเพราะคิดว่าเจ้านายเผลอตวาดคุณนางเข้า ทว่าทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจ ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ“คุณมาทำอะไรที่นี่!” เป็นคุณเกษมที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ทว่าสายตากลับไม่ได้หยุดอยู่ที่อดีตภรรยาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้คนเดียวที่ท่านกำลังรู้สึกเป็นห่วงจับจิต คือลูกชายที่เพิ่งจะเดินหนีไป“ทำไมฉันจะมาเหยียบที่นี่ไม่ได้ ในเมื่อลูกชายของฉันอยู่ที่นี่!” ชายชราได้แต่เค้นยิ้มอย่างรู้สึกสมเพชอีกฝ่ายที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อไว้มันจริงอยู่ที่ผู้หญิงคนนี้คือแม่แท้ๆ ผู้ให้กำเนิดของจิณ อดีตภรรยาที่เขาเคยรักยิ่งกว่าชีวิต แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าหล่อนจะกล้าทำเรื่องเลวทรามลับหลังกันด้วยการแอบคบชู้ เพราะถูกจับได้ก็เอาเรื่องลูกมาข่มขู่ให้เขายอมจ่ายเงินค่าหย่าให้ ซึ่งเขายอมจ่าย เพื่อแลกกับการที่ลูกได้อยู่กับเขาแทนที่จะเป็นแม่อย่างเธอ แม่ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะเขา ไม่เว้นแม้แต่การทุบตีลูกด้วยส
“บ้ารึไง! น้องสาวคุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก” เธอจะเชื่อดีไหมนะ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ เห็นแก่หูแดงๆ นั่น ที่ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอายเธอจะยอมเชื่อให้เขาตายใจไปก่อนก็แล้วกันหญิงสาวคิดก่อนจะลอบมองคนขี้อายตรงหน้าอย่างมีความสุข คณานางค์ไม่ได้คิดไปเองว่าหมู่นี้พ่อของลูกชอบมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่หาเรื่องทะเลาะ เขาก็ชอบแกล้งทำให้เธอใจสั่นเล่น มันอดทำให้เธอคิดถึงเขาในอดีตไม่ได้ ยอมรับว่าเธอชอบเขาแบบนี้มากกว่า “ยิ้มอะไร” คนเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวแทบจะหุบยิ้มลงในทันที ก่อนจะถามกลับด้วยสีหน้างอนๆ “แค่ยิ้มก็ผิดเหรอคะ” “แล้วแค่ถามทำไมต้องหน้างอ!” หนนี้เธอไม่ตอบ แต่เลือกที่จะเดินหนีเพราะเขาเริ่มหาเรื่องมาชวนทะเลาะ เธอไม่อยากทะเลาะด้วยเพราะแค่ต้องแบกท้องลูกของเขา เธอก็เหนื่อยจนไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว “นี่อย่ามาเดินหนีนะ!” แต่อีกคนกลับไม่ยอมให้เธอไปไหนง่ายๆเขาว่าพร้อมทั้งรั้งต้นแขนเธอเอาไว้หลวมๆ ไม่ได้กระชากเหมือนอย่างที่แล้วๆ มา แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกโมโหได้อยู่ดี“นางไม่ได้หนี” “ก็เห็นๆ อยู่ว่าหนี!”