แล้วก้มลงหยิบเสื้อชั้นในที่หล่นอยู่บนพื้นห้องขึ้น แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องของชีคหนุ่มทันที ชีีคหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งเหยียดยิ้มออกมา เขากำลังจะได้ลิ้มรสเหยื่อสาวเนื้อหวานจนน่าลิ้มลองอยู่แล้วเชียว แต่ไม่เป็นไร วันนี้เขาหมดอารมณ์แล้ว ไว้คราวหลังค่อยจัดการนางก็ยังไม่สาย
ชีคหนุ่มจึงลุกขึ้นไปผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้ว จึงได้ก้าวเดินออกไปจากห้องนอนของเขา แล้วเดินลงไปที่ห้องทำงานด้านล่างแทน เมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนพบอาหมัด องครักษ์ของเขานั่งรออยู่และบอกมีเอกสารด่่วนที่ต้องการให้เขาพิจารณาในวันนี้หลายฉบับ ชีคหนุ่มจึงนั่งลงบนโต๊ะทำงานและลงมืออ่านเอกสารตรงหน้าทันที
ฝ่ายนีสรินวิ่งลนลานออกมาจากห้องนอนของชีคหนุ่ม นางออกไปยืนตัวสั่นที่หน้าห้องของชีคหนุ่มเพื่อตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็รีบเดินอย่างเร่งรีบกลับห้องพักของนางเพื่อตั้งสติก่อน นางตกใจกับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นเร็วมาก และตกใจกับปฏิกิริยาของตนเองด้วยที่ยินยอมชีคหนุ่มอย่างง่ายดาย นางเหมือนเคลิบเคลิ้มหลงลืมไปสิ้นว่านางมาที่นี่เพราะอะไร และเขาคือใคร นางกำมือเย็นชืดของตนเองแน่น เร่งรีบเดินกลับห้องพักให้เร็วที่สุด
เมื่อเปิดประตูห้องพักน้อยนั้นเข้าไปแล้ว นางก็ทรุดนั่งลงบนเตียงนั้น เมื่อนั่งลงตั้งสติได้ นางก็รีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายนั้นออกแล้วสวมชุดคลุมเพื่อไปอาบน้ำชำระกลิ่นของชายผู้นั้น ที่มันเหมือนติดจมูกของนางอยู่ กลิ่นอายของเขามันเหมือนติดอยู่ตามร่่างกาย บริเวณหน้าอกอวบใหญ่ของนางยังรู้สึึกถึงสัมผัสของเขาอยู่เลย
นีสรินรีบอาบน้ำแล้วลงมือขัดถูบริเวณที่ชีคหนุ่มสัมผัสมัน ใช้สบู่ฟอกมันหลายๆครั้งจนรู้สึกดีขึ้น จึงได้รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว สวมเสื้อคลุมแล้วเดินกลับเข้าห้องพักไป นีสรินเหลือบมองไปบนโต๊ะเล็กปลายเตียง ลียาคงนำเอานาฬิกาปลุกเรือนเล็กๆมาวางไว้ให้ เวลาตอนนี้มันเพิ่งจะบ่ายสามโมงกว่าๆ นางเปลี่ยนเครืื่องแต่งกายแล้ว จึงล้มตัวลงนอนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ผล็อยหลับไปเพราะวันนี้ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาก
เมื่อตื่นขึ้นมารีบหันไปมองนาฬิกา มันใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว นางรีบลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันอีกครั้งในอ่างล้างมือเล็ก ๆ ในห้อง แล้วก็ลงมือหวีผมให้เรียบร้อยแล้้วก็ผัดแป้งที่หน้านิดหน่อยให้พอสดชื่น จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วนางก็เดินออกจากห้องไปเพื่อกินอาหารที่ห้องอาหารของสาวใช้
เมื่อเดินเข้าไปถึงมองไปยังถาดอาหารที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะยาว นางเดินเข้าไปหยิบมันมาวันนี้มีแกงเนื้อ มีแป้งพิต้้าและข้าวสวยร้อนๆ ของหวานถ้วยเล็กๆ และผลไม้ให้เลือกหยิบใส่ถาดด้วยตนเอง นีสรินหยิบแป้งพิต้้าและตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่ลงในถาดหลุมที่มีแกงเนื้ออยู่แล้ว หยิบของหวานและผลไม้เพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วก็เดินไปหาที่นั่งลงเพื่อกินอาหาร ขณะที่นีสรินลงมือกินอาหารอยู่นั้น ลียาก็เดินมาทรุดนั่งลงตรงข้ามนีสริน
เมื่อนั่งลงก็ถามขึ้น “ ทำงานวันแรกเป็นอย่างไรบ้าง พอจะทำได้ไหม ” นีสรินอึ้งงันไปเมื่ิิอคิดถึงเหตุการณ์ช่วงบ่ายวันนี้ แต่งก็จำใจยิ้มน้อยๆให้ลียา “ ทำได้ ฉันทำได้ยังไม่มีปัญหาอะไรมาก ” นีสรินคิดจะให้ลียาช่วยเหลืออยู่เหมือนกัน แต่เมื่อคิดใคร่ครวญดีแล้วก็ยังไม่กล้าเพราะหากนางหนีไปได้จริงคนที่เดือดร้อนอาจจะเป็นตัวของลียาเอง เพราะคนที่สนิทสนมกับนีสรินย่อมมีอยู่ไม่กี่คนในนี้ นีสรินจึงได้เปลี่ยนเป็นถามลีย่า “ ลีย่าเจ้าทำงานเป็นสาวใช้ที่นี่มานานหรือยัง แล้วงานเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่ ”
ลียาเงยหน้าจากถาดอาหารตรงหน้าแล้วตอบว่า “ ข้าทำงานที่นี่มาสามปีแล้ว เงินเดือนที่ได้ถือว่าดีมาก เพราะบ้านของข้ายากจน บิดามารดาของข้าใช้ชีิวิตอยู่ในทะเลทราย เป็นเบดูอินเร่ร่อนท่องไปในทะเลทราย ใช้ชีวิตแร้นแค้นและยากไร้ แต่พวกเขาชินชากับชีวิตเช่นนั้นแล้ว เพราะมันอิสระดี
แม้อาหารบริบูรณ์บ้าง ขาดแคลนบ้างแต่พวกเขาก็อยู่กันได้ และข้ายังมีน้องชายอีกสองคน ยังเด็กอยู่ แต่เมื่อข้าได้งานทำที่นี่แล้ว ก็แบ่งเงินเดือนเก็บไว้บ้างเผื่ออนาคตจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นและหาทุนรอนไว้ค้าขาย และแบ่งเก็บไว้ให้พ่อข้าเวลาเขามารับเอาเงินไปเพื่อซื้อของกินของใช้จำเป็นที่ตลาดในเมือง แล้วเอากลับไปเลี้ยงดูกัน ตั้งแต่ข้ามาทำงานที่นี่ ชีวิตของครอบครัวก็ดีขึ้นมาก มีเงินซื้อของกินของใช้ดีๆ และยาที่ต้องซื้อหาเก็บเอาไว้ เพราะใช้ชีิวิตในทะเลทรายมันไม่แน่นอน แต่ชีวิตทั้งตัวข้าและครอบครัวก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ”
เมื่อนีสรินได้ยินดังนั้น นางยิ่งขอความช่วยเหลือจากลียาไม่ลงเป็นอันขาด เพราะเหมือนซ้ำเติมชีวิตครอบครัวของนางด้วย ดีแล้วที่ตอนแรกนีสรินไม่ออกปากขอความช่วยเหลือจากลียา จากนั้นก็ชวนกันคุยเรื่องอื่นๆ และต่างลงมือกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นีสรินกับลียายกถาดอาหารของตนเดินเอาไปล้างที่อ่างล้างจากขนาดใหญ่และคว่ำมันไว้เช่นเดิม แล้วก็พากันเดินไปหยิบน้ำมาขวดมาคนละสองขวดแล้วนำกลับไปที่ห้องพักของแต่ละคน เมื่อถึงทางแยกระหว่างห้องพักก็แยกย้ายกันไปคนละทาง นีสรินเดินไปเรื่อยๆ จนถึงห้องพักของตนเอง แล้วก็เปิดประตูเข้าไป
นำขวดน้ำที่ถือมาด้วยวางลงบนโต๊ะเล็กในห้องนั้น เผื่อตอนกลางคืนนางอยากจะกินน้ำ จะได้ไม่ต้องออกไปหยิบมาอีก นีสรินนั่งลงบนเตียงเล็กของตน นางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย แล้วคิดว่าชีวิตของนางคงไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก นางจะรอดพ้นเงื้อมือของชีคหนุ่มไปได้อีกกี่วันกัน เพราะเขาดูแล้วเชี่ยวชาญเรื่องสตรีมาก รู้จุดอ่อนของสตรี
เมื่อจู่โจมนางตอนบ่ายนั้น นางแทบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ต้องทำใจเพราะนางมิมีทางเลือกใดเลย แม้นางอยากจะหนีไปก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะหนี จะขอความช่วยเหลือก็ทนที่จะเห็นแก่ตัวมิได้ หากมีผู้ยอมช่วยเหลือนาง แต่พวกเขาอาจจะเดือนร้อนในภายหลัง หากนางหนีไปได้รอดพ้น แต่นางคงอดคิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังที่ช่วยเหลือนางให้หนีไปไม่ได้ เพราะพวกเขาคงจะเดือดร้อนมาก เพราะชีคหนุ่มคงมีวิธีที่จะหาว่าผู้ใดให้ความช่วยเหลือนาง
เขาถึงได้ปล่อยให้นางใช้ชีวิตกับสาวใช้เหล่านี้อย่างอิสระ เพราะมั่นใจว่านางไม่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้ นางสำรวจดูคร่าวๆ แล้ว เมื่อตอนทำความสะอาดบนห้องชุดของชีคหนุ่ม นางแอบมองที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ลงไปด้านล่างเห็นมีทหารยืนยามอยู่มากมาย และกำแพงของตำหนักของชีคหนุ่มนี้ก็สูงตะหง่าน รอบตึกหลังใหญ่ เป็นบริเวณของสนามหญ้าที่กว้างใหญ่มาก มองออกไปด้านนอกกำแพงไม่เห็นอะไรเลย
นางมองสนามหญ้าเขียวขจีมองดูสบายตาก็จริง แต่มันมันโล่งมาก มีต้นไม้ตั้งอยู่ห่างๆกัน หากจะคิดวิ่งหนีออกไปก็คงจะยากยิ่ง เพราะต้องมีคนเห็นอย่างแน่นอน เพราะมันไม่มีที่หลบเลย กว่าจะวิ่งไปถึงกำแพงสูงนั่น ก็คงถูกจับได้เสียก่อน แล้วกำแพงมันก็สูงท่วมหัวบุรุษที่สูงใหญ่กว่านางด้วยซ้ำไป จะมีหนทางใดหนีออกไปได้ ที่ประตูใหญ่ก็มีทหารถือปืน ยืนยามอยู่มองจากหน้าต่างบนห้องนั้นก็เห็นได้ชัดเจน นางนึกหนทางหนีไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะทำเช่นไรได้ นีสรินครุ่นคิด
วันต่อมา ขณะที่นีสรินกำลังจะเดินขึ้นบันไดโค้งเพื่อไปทำความสะอาดห้องของชีคหนุ่ม แม้นางไม่ได้อยากจะไปเลยก็ตามเพราะนางเกรงว่านางจะไม่รอดเงื้อมมือของเขา แต่ก็ไม่สามารถจะทำอย่างไรได้ ก็คงจะต้องแล้วแต่โชคชะตาและวันนั้นเขาอาจจะแค่แกล้งนางเล่นก็เป็นได้ ขณะที่กำลังจะก้าวเดินขึ้นบันไดไป ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกดังขึ้นทางด้านหลัง “ นี่เจ้า ท่านชีคลงมาจากข้างบนแล้วหรือไม่ ” นีสรินจึงได้หันไปตามเสียงนั้น แต่นางก็ไม่แน่ใจว่าเสียงทุ้มนั่นเขาพูดกับนางหรือไม่ แต่เมื่อหันไปสบตากับชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมเค้ม ดวงตาของเขามีแววขี้เล่นอยู่ในนั้น และคนผู้นี้ก็ดูท่าทางดีการแต่งกายหรูหราคงไม่ใช่คนรับใช้ในตำหนักนี้อย่างแน่นอน “ ท่านถามข้าใช่หรือไม่ ” นางถามเขาให้แน่ใจ “ ใช่สิ ในห้องนี้ไม่มีคนอื่นนอกจากเจ้า ข้าก็ต้องถามเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว ” นีสรินอึ้งงันไป นางมองไปรอบๆ มันก็จริงอย่างที่เขาว่า “ ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าท่านชีคลงมาจากด้านบนแล้วหรือยังเจ้าคะ เพราะข้าเพิ่งเดินมาจากทางด้านหลังกำลังจะขึ้นไปทำความสะอาดห้องพักด้านบน ” สีหน้าแปลกใจฉายชัดบนใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างเห็นได้ชัด “ เจ้าคือสาวใช้ของตำหนักน
นีสรินลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องแห่งหนึ่ง ข้อมือทั้งสองถูกมัดไขว้ไว้ด้านหลัง นางนอนอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ ปากของนางตอนนี้เป็นอิสระพอที่จะหายใจได้สะดวกแล้ว เรานางจำได้ว่าตอนที่ถูกจับตัวมาโดยที่นางถูกมือปริศนาเอาผ้าที่มีกลิ่นแปลก ๆ มาปิดปากนางจากทางด้านหลัง ขณะที่นางกำลังเดินชมข้าวของที่ตลาดกลางเมืองที่คึกคักไปด้วยผู้คน แต่เมื่อนางกำลังมองหาร้านชาดีๆเพื่อจะดื่มชาเย็นๆขณะที่อากาศกำลังร้อนเปรี้ยงนั้น นางมองเห็นไกลๆว่ามีร้านชาขึ้นชื่อที่ดูแล้วน่าจะอร่อย นางจึงพยายามเดินแทรกผู้คนที่คับคั่งนั้นผ่านไปจนใกล้จะถึงร้านชาแห่งนั้น แต่เมื่อก้าวเดินผ่านมุมตึกที่กำลังจะถึงร้านชาอีกไม่ไกลนั้น ก็มีมือหนาๆ เอื้อมมาปิดปากของนางทันทีจากทางด้านหลัง มือนั้นมีผ้าผืนเล็กๆอยู่ในมือ นางได้กลิ่นแปลกๆ จากผ้าผืนนั้นแล้วโลกก็มืดมนลงไปทันทีรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่นอนอยู่ด้านหลังรถคันหนึ่ง และนางนอนอยู่บนพื้นเหล็กแข็งๆ มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ที่ด้านหลัง ปากก็ถูกผ้าปิดเอาไว้ นางได้แต่ร้องอึกอักอยู่ในลำคอ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ารถกำลังวิ่งด้วยความเร็วพอสมควร และทางที่รถผ่านนั้นมันก็น่าจะขรุขระอยู่พอสมควรเพราะรถวิ่งกระเด้งกระ
บทที่ 2นีสรินอึ้งงันไปกับวาจาของชีคหนุ่มแต่นางก็มิสามารถเอ่ยคัดค้านอะไรได้ นางก็รู้คำสั่งของชีคคือที่สุดแล้วมิอาจมีผู้ใดคัดค้านได้ นางจึงหุบปากที่กำลังจะเผยอขึ้นต่อรองนั้น อัลมาหันมามองนีสรีนแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ เอาละเจ้าคงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ข้าเข้าใจเจ้าที่มิได้เป็นผู้กระทำผิด แต่เมื่อท่านชีคตัดสินใจแล้วเจ้าคงต้องทำตามอย่างมิมีข้อต่อรองใดๆทั้งสิ้น ลุกขึ้นแล้วเดินตามข้าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของนางทาส พรุ่งนี้ก็เริ่มมาทำงานตามหน้าที่ของเจ้า ในตำหนักแห่งนี้ม่ีวงจรปิดแทบทุกจุด เจ้าคงจะหลบหนีออกไปมิได้ง่ายๆหรอก เพราะฉะนั้นยอมทำตามคำสั่งเสียจะดีกว่า หากเจ้าว่านอนสอนง่ายไม่ทำเรื่องวุ่นวาย ก็ไม่แน่นะ อีกไม่นานถ้าท่านชีคใจอ่อนอาจจะยอมปล่อยตัวของเจ้ากลับไปดีๆก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นจงทำตัวดีๆ และทำตามคำสั่งท่านชีค อย่าให้บกพร่องก็แล้วกัน ” จากนั้นอัลมาก็เดินออกไปจากห้องโถงใหญ่นั้น นีสรินตอนนี้ยังมึนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งได้รับรู้มาใหม่ ๆ นางจึงได้แต่เดินตามอัลมาไปโดยมีสาวใช้ร่างใหญ่สองนางนั้นเดินตามหลังมาติดๆ เมื่อทั้งสองเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวผ่านห้องหับหลายๆห้องและทางแยกไปยังห้องที
เมื่อนีสรินได้ยินดังนั้นนางก็กลับหลังหันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าใบเล็กนั้น เมื่อเปิดออกดูพบเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวแขวนไว้หนึ่งตัวในนั้น และมีอีกตัวอยู่ในถุงที่วางด้านล่างของตู้ นางจึงเดินกลับที่หน้าห้องแล้วเอ่ยว่า " ขอบใจเจ้ามากนะ ข้าหามันพบแล้ว “ นีสรินยื่นมือไปรับถาดอาหารนั้นมาวางบนโต๊ะปลายเตียง ลียาเห็นคนตรงหน้าวางถาดลงบนโต๊ะแล้ว จึงได้บอกต่อไปว่า ” หากเจ้ากินอาหารเสร็จแล้ว ก็เดินเอาถาดไปไว้ที่โรงครัวที่อยู่ติดกับห้องอาหาร เดินกลับไปตามทางที่เจ้าเดินเข้ามา แล้วเลี้ยวไปทางซ้ายมือก็พบแล้ว จะได้สำรวจมันเอาไว้ พรุ่งนี้เจ้าต้องออกไปกินอาหารที่นั่น แล้วจะได้ไปทำงานตามหน้าที่ของแต่ละคนมื้อกลางวันก็มากินเช่นเดิม ส่วนมื้อเย็นก็เช่นกันให้มากินให้ตรงเวลาเพราะหากเลยเวลามากไป พวกเขาก็จะเก็บอาหารไป แล้วเราก็จะอดกินอาหารมื้อนั้นไปเลย ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนเผื่อเจ้าไม่รู้ ทำงานเลยเวลาอาหารก็จะอดกิน คนรับใช้อย่างเรา มันมีทางเลือกไม่มากนัก ทำอะไรเพื่อตนเองได้ก็ต้องทำ ไม่มีใครมาสนใจเราหรอกว่าเราจะได้กินอิ่มท้องหรือไม่ หรือทำงานเหนื่อยไปหรือไม่ เจ้าต้้องใช้ไหวพริบช่วยตนเอง เอาละข้าพูดมากไปเสียแล้ว ต้อ
รุ่งเช้าวันต่อไป นีสรินสะดุ้งตื่นขึ้นมา นางลืมไปว่าตนเองไม่มีนาฬิกาไว้ดูเวลาจึงคิดว่าวันนี้จะไปหามาสักเรือนหนึ่งเพราะตอนเช้าตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าเวลากี่โมงแล้ว นางรีบหยิบของใช้ส่วนตัวและสวมเสื้อคลุมแล้วรีบไปอาบน้ำทันที เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับมาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดใหม่ที่เป็นเครื่องแบบของคนรับใช้ที่ตำหนักนี้ ที่ใส่คล้ายๆกันทุกคน เมื่อแต่งกายเรียบร้อย นีสรินก็รีบออกไปจากห้องนี้แล้วปิดประตูไว้ นางไม่มีกุญแจจะล็อคห้องและก็ไม่มีของมีค่าในห้องนอนน้อยนี้ จึงคิดว่าคงมิเป็นไร จากนั้นนางก็เดินตรงไปตามทางที่ตรงไปห้องอาหารก่อนเพื่อรีบกินอาหารเช้าก่อน แล้วค่อยไปทำงานที่ได้รับคำสั่งมา นีสรินเดินเข้ามาในห้องอาหารนางเห็นถาดใส่อาหารที่เป็นถาดหลุมวางเรียงรายบนโต๊ะใหญ่นั้น นีสรินเห็นคนอื่นๆเริ่มทะยอยมากินอาหารกันบ้างแล้วนางจึงหยิบถาดอาหารตรงหน้า แล้วหยิบแซนวิซที่วางเรียงไว้ใส่ไปในถาดอีกหนึ่งชิ้น แล้วเดินไปรินกาแฟใส่ถ้วย แล้วนำไปนั่งกินที่มุมหนึ่ง นางค่อยๆกินอาหารตรงหน้าที่เป็นแป้งพิต้ากับซุปถั่วลูกไก่ และแซนวิสแฮมชีสที่นางหยิบมาเพิ่ม แล้วยกกาแฟขึ้นจิบช้าๆ เมื่อท้องอิ่มอารมณ์ก็ดีขึ้
จากนั้นร่างล่ำสันที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ ไปทั้งร่างก็ลุกขึ้นแล้วก้าวลงจากเตียงนอนใหญ่นั้น เขาเดินกายเปลือยเปล่ามิได้อนาทรร้อนใจที่นีสรินจ้องมาอย่างตะลึงงันอยู่ตรงหน้า ดวงตาของนางโตจนแทบจะถลนออกมา โอ้ว !! แม่เจ้า นางคิดว่าพระเอกหนังเอวีน่าจะต้องอายเจ้าหมอนี่ นิสรินครุ่นคิด นางมีมารดาที่เป็นชาวไทยและได้รับการเลี้ยงดูจากมารดามาหลายปีก่อนที่มารดาจะย้ายกลับไปอยู่เมืองไทย หลังจากท่านชีคบิดาของนางและท่านพี่อมานเสียชีวิตลงไป นางจึงมีหลายอย่างทั้งภาษาพูดและนิสัยใจคอดังเช่นมารดาของนาง “ เอาละ ลงมือทำความสะอาดห้องนี้ให้เรียบร้อย ข้าจะไปอาบน้ำ ” จากนั้นเขาก็ก้าวออกจากห้องนี้ไป นีสรินเบะปากมองบนเล็กน้อย ฮึ !! ชีวิตท่านหญิงอย่างฉันต้องมาทำงานเป็นแม่บ้านโรงแรมเช่นนั้นหรือ แล้วนางก็เท้าสะเอว ถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างระบายความหงุดหงิดนั้น แล้วลงมือเก็บเตียงของเจ้าชีคหนุ่มนั่นกับแม่นางบำเรอร่างอวบอัดที่ทำไว้เสียยุ่งเหยิงเละเทะไม่น้อย นางเดินออกไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดและถุงมือขึ้นมาสวมแล้วลงมือเก็บผ้าปูเตียงและปลอกหมอนใบใหญ่นั้นโยนใส่ตระกร้าผ้าเพื่อจะนำไปส่งซักอีกที แล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าใ
วันต่อมา ขณะที่นีสรินกำลังจะเดินขึ้นบันไดโค้งเพื่อไปทำความสะอาดห้องของชีคหนุ่ม แม้นางไม่ได้อยากจะไปเลยก็ตามเพราะนางเกรงว่านางจะไม่รอดเงื้อมมือของเขา แต่ก็ไม่สามารถจะทำอย่างไรได้ ก็คงจะต้องแล้วแต่โชคชะตาและวันนั้นเขาอาจจะแค่แกล้งนางเล่นก็เป็นได้ ขณะที่กำลังจะก้าวเดินขึ้นบันไดไป ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกดังขึ้นทางด้านหลัง “ นี่เจ้า ท่านชีคลงมาจากข้างบนแล้วหรือไม่ ” นีสรินจึงได้หันไปตามเสียงนั้น แต่นางก็ไม่แน่ใจว่าเสียงทุ้มนั่นเขาพูดกับนางหรือไม่ แต่เมื่อหันไปสบตากับชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมเค้ม ดวงตาของเขามีแววขี้เล่นอยู่ในนั้น และคนผู้นี้ก็ดูท่าทางดีการแต่งกายหรูหราคงไม่ใช่คนรับใช้ในตำหนักนี้อย่างแน่นอน “ ท่านถามข้าใช่หรือไม่ ” นางถามเขาให้แน่ใจ “ ใช่สิ ในห้องนี้ไม่มีคนอื่นนอกจากเจ้า ข้าก็ต้องถามเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว ” นีสรินอึ้งงันไป นางมองไปรอบๆ มันก็จริงอย่างที่เขาว่า “ ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าท่านชีคลงมาจากด้านบนแล้วหรือยังเจ้าคะ เพราะข้าเพิ่งเดินมาจากทางด้านหลังกำลังจะขึ้นไปทำความสะอาดห้องพักด้านบน ” สีหน้าแปลกใจฉายชัดบนใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างเห็นได้ชัด “ เจ้าคือสาวใช้ของตำหนักน
แล้วก้มลงหยิบเสื้อชั้นในที่หล่นอยู่บนพื้นห้องขึ้น แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องของชีคหนุ่มทันที ชีีคหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งเหยียดยิ้มออกมา เขากำลังจะได้ลิ้มรสเหยื่อสาวเนื้อหวานจนน่าลิ้มลองอยู่แล้วเชียว แต่ไม่เป็นไร วันนี้เขาหมดอารมณ์แล้ว ไว้คราวหลังค่อยจัดการนางก็ยังไม่สายชีคหนุ่มจึงลุกขึ้นไปผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้ว จึงได้ก้าวเดินออกไปจากห้องนอนของเขา แล้วเดินลงไปที่ห้องทำงานด้านล่างแทน เมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนพบอาหมัด องครักษ์ของเขานั่งรออยู่และบอกมีเอกสารด่่วนที่ต้องการให้เขาพิจารณาในวันนี้หลายฉบับ ชีคหนุ่มจึงนั่งลงบนโต๊ะทำงานและลงมืออ่านเอกสารตรงหน้าทันที ฝ่ายนีสรินวิ่งลนลานออกมาจากห้องนอนของชีคหนุ่ม นางออกไปยืนตัวสั่นที่หน้าห้องของชีคหนุ่มเพื่อตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็รีบเดินอย่างเร่งรีบกลับห้องพักของนางเพื่อตั้งสติก่อน นางตกใจกับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นเร็วมาก และตกใจกับปฏิกิริยาของตนเองด้วยที่ยินยอมชีคหนุ่มอย่างง่ายดาย นางเหมือนเคลิบเคลิ้มหลงลืมไปสิ้นว่านางมาที่นี่เพราะอะไร และเขาคือใคร นางกำมือเย็นชืดของตนเองแน่น เร่งรีบเดินกลับห้องพักให้เร็วที่สุด เมื่อเปิดประตูห้องพักน้อยนั้
จากนั้นร่างล่ำสันที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ ไปทั้งร่างก็ลุกขึ้นแล้วก้าวลงจากเตียงนอนใหญ่นั้น เขาเดินกายเปลือยเปล่ามิได้อนาทรร้อนใจที่นีสรินจ้องมาอย่างตะลึงงันอยู่ตรงหน้า ดวงตาของนางโตจนแทบจะถลนออกมา โอ้ว !! แม่เจ้า นางคิดว่าพระเอกหนังเอวีน่าจะต้องอายเจ้าหมอนี่ นิสรินครุ่นคิด นางมีมารดาที่เป็นชาวไทยและได้รับการเลี้ยงดูจากมารดามาหลายปีก่อนที่มารดาจะย้ายกลับไปอยู่เมืองไทย หลังจากท่านชีคบิดาของนางและท่านพี่อมานเสียชีวิตลงไป นางจึงมีหลายอย่างทั้งภาษาพูดและนิสัยใจคอดังเช่นมารดาของนาง “ เอาละ ลงมือทำความสะอาดห้องนี้ให้เรียบร้อย ข้าจะไปอาบน้ำ ” จากนั้นเขาก็ก้าวออกจากห้องนี้ไป นีสรินเบะปากมองบนเล็กน้อย ฮึ !! ชีวิตท่านหญิงอย่างฉันต้องมาทำงานเป็นแม่บ้านโรงแรมเช่นนั้นหรือ แล้วนางก็เท้าสะเอว ถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างระบายความหงุดหงิดนั้น แล้วลงมือเก็บเตียงของเจ้าชีคหนุ่มนั่นกับแม่นางบำเรอร่างอวบอัดที่ทำไว้เสียยุ่งเหยิงเละเทะไม่น้อย นางเดินออกไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดและถุงมือขึ้นมาสวมแล้วลงมือเก็บผ้าปูเตียงและปลอกหมอนใบใหญ่นั้นโยนใส่ตระกร้าผ้าเพื่อจะนำไปส่งซักอีกที แล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าใ
รุ่งเช้าวันต่อไป นีสรินสะดุ้งตื่นขึ้นมา นางลืมไปว่าตนเองไม่มีนาฬิกาไว้ดูเวลาจึงคิดว่าวันนี้จะไปหามาสักเรือนหนึ่งเพราะตอนเช้าตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าเวลากี่โมงแล้ว นางรีบหยิบของใช้ส่วนตัวและสวมเสื้อคลุมแล้วรีบไปอาบน้ำทันที เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับมาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดใหม่ที่เป็นเครื่องแบบของคนรับใช้ที่ตำหนักนี้ ที่ใส่คล้ายๆกันทุกคน เมื่อแต่งกายเรียบร้อย นีสรินก็รีบออกไปจากห้องนี้แล้วปิดประตูไว้ นางไม่มีกุญแจจะล็อคห้องและก็ไม่มีของมีค่าในห้องนอนน้อยนี้ จึงคิดว่าคงมิเป็นไร จากนั้นนางก็เดินตรงไปตามทางที่ตรงไปห้องอาหารก่อนเพื่อรีบกินอาหารเช้าก่อน แล้วค่อยไปทำงานที่ได้รับคำสั่งมา นีสรินเดินเข้ามาในห้องอาหารนางเห็นถาดใส่อาหารที่เป็นถาดหลุมวางเรียงรายบนโต๊ะใหญ่นั้น นีสรินเห็นคนอื่นๆเริ่มทะยอยมากินอาหารกันบ้างแล้วนางจึงหยิบถาดอาหารตรงหน้า แล้วหยิบแซนวิซที่วางเรียงไว้ใส่ไปในถาดอีกหนึ่งชิ้น แล้วเดินไปรินกาแฟใส่ถ้วย แล้วนำไปนั่งกินที่มุมหนึ่ง นางค่อยๆกินอาหารตรงหน้าที่เป็นแป้งพิต้ากับซุปถั่วลูกไก่ และแซนวิสแฮมชีสที่นางหยิบมาเพิ่ม แล้วยกกาแฟขึ้นจิบช้าๆ เมื่อท้องอิ่มอารมณ์ก็ดีขึ้
เมื่อนีสรินได้ยินดังนั้นนางก็กลับหลังหันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าใบเล็กนั้น เมื่อเปิดออกดูพบเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวแขวนไว้หนึ่งตัวในนั้น และมีอีกตัวอยู่ในถุงที่วางด้านล่างของตู้ นางจึงเดินกลับที่หน้าห้องแล้วเอ่ยว่า " ขอบใจเจ้ามากนะ ข้าหามันพบแล้ว “ นีสรินยื่นมือไปรับถาดอาหารนั้นมาวางบนโต๊ะปลายเตียง ลียาเห็นคนตรงหน้าวางถาดลงบนโต๊ะแล้ว จึงได้บอกต่อไปว่า ” หากเจ้ากินอาหารเสร็จแล้ว ก็เดินเอาถาดไปไว้ที่โรงครัวที่อยู่ติดกับห้องอาหาร เดินกลับไปตามทางที่เจ้าเดินเข้ามา แล้วเลี้ยวไปทางซ้ายมือก็พบแล้ว จะได้สำรวจมันเอาไว้ พรุ่งนี้เจ้าต้องออกไปกินอาหารที่นั่น แล้วจะได้ไปทำงานตามหน้าที่ของแต่ละคนมื้อกลางวันก็มากินเช่นเดิม ส่วนมื้อเย็นก็เช่นกันให้มากินให้ตรงเวลาเพราะหากเลยเวลามากไป พวกเขาก็จะเก็บอาหารไป แล้วเราก็จะอดกินอาหารมื้อนั้นไปเลย ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนเผื่อเจ้าไม่รู้ ทำงานเลยเวลาอาหารก็จะอดกิน คนรับใช้อย่างเรา มันมีทางเลือกไม่มากนัก ทำอะไรเพื่อตนเองได้ก็ต้องทำ ไม่มีใครมาสนใจเราหรอกว่าเราจะได้กินอิ่มท้องหรือไม่ หรือทำงานเหนื่อยไปหรือไม่ เจ้าต้้องใช้ไหวพริบช่วยตนเอง เอาละข้าพูดมากไปเสียแล้ว ต้อ
บทที่ 2นีสรินอึ้งงันไปกับวาจาของชีคหนุ่มแต่นางก็มิสามารถเอ่ยคัดค้านอะไรได้ นางก็รู้คำสั่งของชีคคือที่สุดแล้วมิอาจมีผู้ใดคัดค้านได้ นางจึงหุบปากที่กำลังจะเผยอขึ้นต่อรองนั้น อัลมาหันมามองนีสรีนแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ เอาละเจ้าคงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ข้าเข้าใจเจ้าที่มิได้เป็นผู้กระทำผิด แต่เมื่อท่านชีคตัดสินใจแล้วเจ้าคงต้องทำตามอย่างมิมีข้อต่อรองใดๆทั้งสิ้น ลุกขึ้นแล้วเดินตามข้าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของนางทาส พรุ่งนี้ก็เริ่มมาทำงานตามหน้าที่ของเจ้า ในตำหนักแห่งนี้ม่ีวงจรปิดแทบทุกจุด เจ้าคงจะหลบหนีออกไปมิได้ง่ายๆหรอก เพราะฉะนั้นยอมทำตามคำสั่งเสียจะดีกว่า หากเจ้าว่านอนสอนง่ายไม่ทำเรื่องวุ่นวาย ก็ไม่แน่นะ อีกไม่นานถ้าท่านชีคใจอ่อนอาจจะยอมปล่อยตัวของเจ้ากลับไปดีๆก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นจงทำตัวดีๆ และทำตามคำสั่งท่านชีค อย่าให้บกพร่องก็แล้วกัน ” จากนั้นอัลมาก็เดินออกไปจากห้องโถงใหญ่นั้น นีสรินตอนนี้ยังมึนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งได้รับรู้มาใหม่ ๆ นางจึงได้แต่เดินตามอัลมาไปโดยมีสาวใช้ร่างใหญ่สองนางนั้นเดินตามหลังมาติดๆ เมื่อทั้งสองเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวผ่านห้องหับหลายๆห้องและทางแยกไปยังห้องที
นีสรินลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องแห่งหนึ่ง ข้อมือทั้งสองถูกมัดไขว้ไว้ด้านหลัง นางนอนอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ ปากของนางตอนนี้เป็นอิสระพอที่จะหายใจได้สะดวกแล้ว เรานางจำได้ว่าตอนที่ถูกจับตัวมาโดยที่นางถูกมือปริศนาเอาผ้าที่มีกลิ่นแปลก ๆ มาปิดปากนางจากทางด้านหลัง ขณะที่นางกำลังเดินชมข้าวของที่ตลาดกลางเมืองที่คึกคักไปด้วยผู้คน แต่เมื่อนางกำลังมองหาร้านชาดีๆเพื่อจะดื่มชาเย็นๆขณะที่อากาศกำลังร้อนเปรี้ยงนั้น นางมองเห็นไกลๆว่ามีร้านชาขึ้นชื่อที่ดูแล้วน่าจะอร่อย นางจึงพยายามเดินแทรกผู้คนที่คับคั่งนั้นผ่านไปจนใกล้จะถึงร้านชาแห่งนั้น แต่เมื่อก้าวเดินผ่านมุมตึกที่กำลังจะถึงร้านชาอีกไม่ไกลนั้น ก็มีมือหนาๆ เอื้อมมาปิดปากของนางทันทีจากทางด้านหลัง มือนั้นมีผ้าผืนเล็กๆอยู่ในมือ นางได้กลิ่นแปลกๆ จากผ้าผืนนั้นแล้วโลกก็มืดมนลงไปทันทีรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่นอนอยู่ด้านหลังรถคันหนึ่ง และนางนอนอยู่บนพื้นเหล็กแข็งๆ มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ที่ด้านหลัง ปากก็ถูกผ้าปิดเอาไว้ นางได้แต่ร้องอึกอักอยู่ในลำคอ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ารถกำลังวิ่งด้วยความเร็วพอสมควร และทางที่รถผ่านนั้นมันก็น่าจะขรุขระอยู่พอสมควรเพราะรถวิ่งกระเด้งกระ