“ถ้าผมพูดความจริงคุณจะเชื่อไหมล่ะ”
“ถ้ามันคือความจริงจะต้องกังวลทำไมว่าฉันจะไม่เชื่อล่ะคะ”
“ผมเป็นเพื่อนของลูกชายเตียง 18 คุณก็น่าจะรู้ว่าลูกชายของคุณลุงไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง”
“ค่ะเขาส่งตัวแทนมาถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทนาย มันเกี่ยวกับเรื่องที่คุณรู้จักฉันตรงไหนคะ”
“เขาส่งรูปให้ผมดู ในรูปถ่ายมีคุณอยู่ในนั้นด้วย”
“พอคุณเจอที่ผับคุณก็เลยจำได้เหรอคะ ฉันว่าคุณไม่น่าจะจำได้นะเพราะวันนั้นฉันแต่งหน้าเข้มมาก”
“เวลาที่เรารู้สึกชอบใครสักคนไม่ว่าเขาจะแต่งตัวหรือแต่งหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมากแค่ไหนแต่เราก็จะจำเขาได้”
“คุณคงไม่ชอบฉันตั้งแต่เห็นในรูปหรอกนะคะ”
“เห็นไหมล่ะ พอผมบอกความจริงไปคุณก็ไม่เชื่อ”
“ใครจะเชื่อกันล่ะคะ ไปหลอกเด็กเถอะค่ะ”
“ผมพูดจริงนะ ถึงคืนนั้นผมจะไม่เจอคุณที่ผับผมก็ตั้งใจแล้วว่าจะมาหาคุณที่โรงพยาบาล แต่โชคดีที่เราเจอกันก่อน”
“คุณจะมาหาทำไมคะ”
“ก็ผมบอกไปแล้วไงว่าชอบคุณ” เขาบอกเธอเป็นครั้งที่สองซึ่งคนฟังไม่ได้เขินอายอย่างที่คิดแต่กลับมองเขาด้วยสีหน้าที่อ่านยากจนพีรกันต์กลัวว่าหญิงสาวจะโกรธ
“ฉันเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าคุณเป็นคนพูดตรงหรือเป็นคนเจ้าชู้กันแน่”
“ถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนพูดตรงคุณก็คงไม่เชื่อง่ายๆ ใช่ไหมครับเนย”
“ค่ะ”
“แต่ผมมีทางพิสูจน์เรื่องนี้ได้นะ” พีรกันต์คิดว่าผู้หญิงคนนี้นอกจากหน้าตาจะสวยถูกใจแล้วยังฉลาดทันคน
“ยังไงคะ”
“เราลองคบกันไหมล่ะ คุณจะได้รู้ว่าผมพูดจริงหรือพูดเล่น”
รัญรวีเงียบเพราะไม่คิดมาก่อนว่าผู้ชายที่ตนเองเจอสามครั้งในสองวันจะพูดกับตนแบบนี้ แล้วสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังมากจนเธอไม่กล้าถามว่าเขาล้อเล่นหรือเปล่า
“หมายถึงคบกับเป็นเพื่อนใช่ไหมคะ”
“ผมว่าคุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร แต่ผมก็ไม่อยากจะเร่งรัดจนคุณรู้สึกอึดอัด”
“หรือคุณไม่อยากจะเป็นเพื่อนฉันล่ะคะคุณกันต์” รัญรวีก็อยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะมีลูกเล่นอะไรอีกไหม
“อยากสิ อย่างน้อยระหว่างผมกับคุณก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกันอีกแล้ว เราก็คงได้เจอกันบ่อยขึ้น”
“บ่อยขึ้นเหรอคะ”
“ใช่สิเพื่อนกันก็ต้องเจอกันบ่อยๆ”
“คุณกันต์คงหมายถึงเวลาที่มาเยี่ยมคุณลุงเตียง 18 ใช่ไหมคะ”
“นั่นก็ใช่ แต่นอกเวลางานผมก็อยากเจอคุณบ้าง อย่างเช่นวันหยุดเสาร์อาทิตย์”
“พยาบาลไม่ได้หยุดทุกเสาร์อาทิตย์หรอกนะคะ เราจะเปลี่ยนกันหยุด”
พีรกันต์พยักหน้าเข้าใจเพราะเขาคลุกคลีอยู่ในโรงพยาบาลมานาน
“แล้วเนยหยุดวันไหนบ้าง บางทีถ้าเราหยุดตรงกันจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน”
“ดูเหมือนคุณจะว่างานนะคะ ฉันถามได้ไหมว่าทำงานอะไร”
“ลองเดาสิครับ”
“ฉันเดาไม่ออกหรอกค่ะ อาชีพบนโลกนี้มีเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าจะให้เดาจริงๆ ก็คงจะเป็นงานที่เป็นเจ้านายตัวเอง ทำกิจการของที่บ้าน ฟรีแลนซ์หรือไม่ก็กำลังตกงาน”
“คุณเก่งนะเดาถูกด้วย”
“ถูกข้อไหนล่ะคะฉันเดาไปตั้งหลายข้อ”
“ผมทำกิจการของที่บ้านครับ”
“ค่ะ” เธอไม่ถามต่อเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
“คุณเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากบอกว่าหยุดอีกทีวันไหนใช่ไหมล่ะ”
“ฉันหยุดพรุ่งนี้กับมะรืนค่ะ” เพราะเขารู้ทันหญิงสาวจึงบอกไปตามความจริง
“อยากไปเที่ยวไหนไหมครับ”
“ไม่ค่ะ”
“ไม่กล้าไปไหนมาไหนกับผมสองคนเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แค่หลายวันมานี้ฉันขึ้นเวรติดๆ กันหลายวันพอมีวันหยุดก็อยากจะนอนให้เต็มที่” รัญรวีปฏิเสธเพราะกลัวว่าถ้าได้เจอกันบ่อยๆ ตนเองจะแพ้ลูกตื๊อของเขา
“แต่คนเราก็ต้องกินข้าว ถ้าไม่อยากไปไหนไกลเรามากินข้าวร้านนี้ด้วยกันอีกก็ได้นะ พรุ่งนี้ผมเลี้ยงเอง”
“ฉันไม่รับปากนะคะ ถ้าคุณมาเยี่ยมคุณลุงเตียง 18 เสร็จก็ลองโทรถามดูนะคะถ้าตอนนั้นฉันยังไม่กินข้าวเราก็อาจได้เจอกันค่ะ แต่วันนี้ขอตัวก่อนนะคะ”
“คุณพักที่ไหน ใช่หอพักในโรงพยาบาลหรือเปล่า”
“ค่ะ”
“ผมเดินไปส่งนะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แถวนี้ฉันเดินมาหลายปีแล้ว”
“แต่ผมต้องกลับไปเอารถโรงพยาบาลอยู่แล้วนะ”
พีรกันต์เดินคู่มากับรัญรวีจนมาถึงลานจอดรถซึ่งตอนนี้เหลือรถเพียงไม่กี่คันเท่านั้น
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะครับเนย”
“เปลี่ยนใจเรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องคบกันกับเรื่องไปเที่ยวพรุ่งนี้”
“ไม่ค่ะ เราเพิ่งรู้จักกันและเพิ่งเป็นเพื่อนกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเองนะคุณกันต์”
“ผมก็ว่านานพอสมควรแล้วนะ”
“ค่ะนานมากเลยค่ะ ขอตัวนะคะ”
“เปลี่ยนใจก็โทรหาผมได้ตลอดนะ ผมแอดไลน์จากเบอร์โทรไปแล้วอย่าลืมรับแอดผมด้วยล่ะเนย”
รัญรวีหันมายิ้มก่อนจะเดินไปยังหอพักซึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงพยาบาล
หญิงสาวเดินเข้าออกบริเวณนี้มาสี่ปีกว่าแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไปอาจเป็นเพราะวันนี้มีคนเดินคุยด้วยตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลจนมาถึงลานจอดรถ ซึ่งเดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึงหอพัก
เธออยากเล่าเรื่องที่ได้เจอกับพีรกันต์และไปทานข้าวด้วยกันให้กับเพื่อนสนิทอย่างจริญญาฟังแต่ดูนาฬิกาแล้วก็เปลี่ยนใจเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่บนวอร์ดน่าจะกำลังยุ่งกันอยู่ จึงได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงกว้าง
ความรู้สึกที่มีให้กับชายแปลกหน้าซึ่งบังเอิญเจอในผับมันเป็นอะไรที่อธิบายยาก การเจอกันในสถานที่อโครจรยามค่ำคืนแบบนั้นทำให้รัญรวีมอบสถานะให้เขาได้แค่เพื่อนถึงแม้ชายหนุ่มจะมีหน้าตาและรูปร่างตรงสเปกมากแค่ไหนก็ตาม
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้หญิงสาวออกจากภวังค์ความคิด
“ไม่ยุ่งเหรอจ๊ะถึงมีเวลาโทรหาเพื่อน”
“ยุ่งสิเนย แต่จุ๋มเคลียร์งานหมดแล้ว”
“มีเรื่องอะไรจะเม้าท์ใช่ไหมล่ะถึงโทรมาหาในเวลางานแบบนี้”
“แน่นอนสิเรื่องสำคัญด้วยนะ”
“ชักอยากจะรู้แล้วว่าเรื่องอะไรรับเล่ามาเลย”
“คนที่เล่าคือเนยไม่ใช่จุ๋ม”
“เนยเหรอ”
“บอกมาเลยว่าเย็นนี้กินข้าวร้านป้าแอ๋วกับใคร”
“จุ๋มรู้ได้ยังไง”
“น้องผู้ช่วยที่วอร์ดเห็นน่ะ ใช่คนที่มาหาตอนกลางวันใช่ไหม”
“ก็เขานั่นแหละ เขาได้เบอร์โทรศัพท์มาจากยุก็เลยโทรมาทวงเรื่องที่เนยต้องเลี้ยงข้าว”
“เลี้ยงข้าวร้านป้าแอ๋วเนี่ยนะเขาไม่บนแย่เหรอ”
“ก็มันใกล้และสะดวกดีไง เขาจะแอบบ่นทีหลังหรือเปล่าเนยก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะบ่นยังไงเนยก็ไม่ได้ยิน”
“กินข้าวแล้วคุยอะไรกันบ้าง บอกหน่อยสิจุ๋มอยากรู้”
“ก็คุยหลายเรื่องถ้าอยากรู้พรุ่งนี้ลงเวรแล้วแวะมาที่ห้องสิ”
“ต้องรอถึงพรุ่งนี้เลยเหรอแล้วคืนนี้จุ๋มจะนอนหลับไหม”
“เรื่องมันยาวถ้าเล่าตอนนี้ก็เล่าได้นิดเดียวแต่ถ้ามาหาที่ห้องจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยตกลงไหม”
“เนยก็รู้ว่าจุ๋มอยากรู้แต่ยังแกล้ง”
“แกล้งที่ไหนล่ะ เรื่องมันยาวจริงๆ”
“เนยจ๋าอย่าใจร้าย ตอนนี้ต่อมเผือกของจู๋มกำลังหลังสารอยากรู้ออกมาเยอะเลยนะ”
“ถ้าจุ๋มลงเวรบ่ายมาแล้วไฟห้องเนยยังไม่ปิดจุ๋มก็เคาะเรียกได้เลยแล้วเนยจะเล่าให้ฟัง”
“แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย แต่อย่าปิดไฟหนีกันไปเสียล่ะ”
หลังจากจริญญาวางสายไปแล้วรัญรวีก็นอนไม่หลับเธอจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเพราะทุกครั้งที่อ่านหนังสือก็จะทำให้รู้สึกง่วงแต่คืนนี้มันแปลกไปจากเดิมแม้จะอ่านไปหลายหน้าอาการง่วงก็ยังไม่มีสักนิดเธอคิดว่าอาจเป็นเพราะกาแฟเมื่อตอนบ่ายเลยทำให้นอนไม่หลับแต่พอคิดดูอีกทีมันก็ไม่น่าจะเพราะกาแฟเนื่องจากที่ผ่านมาไม่ว่าดื่มกาแฟไปมากแค่ไหนแต่พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายทุกครั้งขณะกำลังคิดหาสาเหตุเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่คนที่โทรมาไม่ใช่จริญญาอย่างที่คิด“สวัสดีค่ะ”“ผมเองนะ”“ค่ะ โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ”“คนเป็นเพื่อนกันก็ต้องโทรหากันเป็นปกติ”“แต่เราเพิ่งจะเจอกันไม่นานคงไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันหรอกใช่ไหมคะ”“ผมว่าคุณคิดผิดแล้วล่ะเนย ยิ่งเพิ่งเจอกันเพิ่งได้รู้จักกันก็ต้องคุยกันให้มาก จะได้ทำความรู้จักกันได้ดีขึ้นสถานะเพื่อนจะได้เปลี่ยนเป็นแฟนเร็วๆ”“ฉันไม่เคยเจอใครเหมือนคุณเลยนะคุณกันต์ เจอกันไม่กี่ครั้งก็ขอเป็นแฟน พอฉันปฏิเสธแทนที่คุณจะโกรธหรือถอยแต่คุณกลับทำตรงกันข้าม”“เพราะไม่ได้คิดจะจีบคุณเล่นๆ นี่ครับ”“ถ้าเกิดผ่านไปเป็นปีๆ ฉันก็ยังไม่ยอมใจอ่อนคุณจะไม่เสียเวลาแย่เหรอคะ”“ถ้ามันนานขนาดนั
“ผมกำลังจีบอยู่” พีรกันต์ตอบพี่ชายเมื่อเขาถามถึงเรื่องแฟน“อย่างนายต้องจีบด้วยเหรอ พี่เห็นแต่สาวๆ เข้ามาจีบ”“คนนี้ผมจีบเขาก่อน นี่ก็สองเดือนแล้วยังไม่ยอมใจอ่อน” เวลาสองเดือนสำหรับพีรกันต์ซีอีโอหนุ่มนั้นถือว่านานมากเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยจีบใครนานขนาดนี้มาก่อน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาเจอก็มักจะเป็นฝ่ายเข้าหาเสียมากกว่า“ดูนายจริงจังมากนะ”“คนนี้ผมจริงจังมาก แม่ของลูกเลยล่ะพี่กานต์” เขารู้สึกกับรัญรวีแบบนี้จริงและเรื่องนี้ก็บอกหญิงสาวทุกครั้งที่มีโอกาส“พี่ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ เธอคงสวยมากสินะถึงทำให้นายรอได้นานขนาดนี้” ธีรกานต์อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้น้องชายคิดอยากจะหยุดความเจ้าชู้“สวยสิ สวยมากด้วย” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้พี่ชายดู“สวยมากจริงๆ ด้วยเธอทำงานที่โรงพยาบาลของเราเหรอ” ธีรกานต์ถามเพราะเห็นว่าหญิงสาวนั้นสวมชุดพยาบาล“เปล่าเธอทำที่โรงพยาบาลรัฐ”“ทำไมไม่ชวนเธอมาทำงานที่โรงพยาบาลของเราล่ะ”“พี่คิดว่าผมไม่ชวนเหรอ ผมพยายามชวนแล้วแต่เธอก็ปฏิเสธ”“ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดีนะกล้าปฏิเสธนาย”“ขนาดพี่ยังไม่เคยเจอพี่ยังบอกว่าเธอน่าสนใจถ้าพี่ได้เจอพี่ได้คุยรับรองเลยว่าพี่จะต
พีรกันต์ขับรถไปรับรัญรวีที่หน้าหอพักในเวลาบ่ายสองโมงตรงจากนั้นก็ขับรถมาตามทางถนนพระราม 2 เพื่อมุ่งสู่ชายหาดชะอำ ระหว่างทางทั้งสองก็พูดคุยกันไปเรื่อยแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่พูดเรื่องสำคัญสักทีหญิงสาวเลยอดไม่ได้ที่จะถาม“คุณกันต์บอกจะคุยเรื่องสำคัญกับเนย”“ใช่ครับ แต่ไม่ใช่เรื่องด่วนเราไปถึงแล้วหาอะไรกินแล้วค่อยคุยก็ได้”“ใบ้ได้ไหมว่าเกี่ยวกับอะไร นะคะคุณกันต์”เสียงอ้อนหวานจนคนฟังใจอ่อนยวบเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เขาก็ต้องใจแข็ง“เกี่ยวกับงานของผมครับ”“งานของคุณเหรอคะ”“ครับ” เขาตอบสั้นๆ สีหน้าเครียดจนเธอสังเกตเห็น“คุณเคยบอกว่าทำธุรกิจกับที่บ้าน หรือกิจการมีปัญหาคะ เนยพอจะช่วยอะไรได้ไหม” หญิงสาวไม่เคยเห็นเขาทำหน้าเครียดแบบนี้มาก่อน เธอถามออกไปด้วยความห่วงใย“ผมดีใจนะที่คุณอยากจะช่วย ผมว่าคุณช่วยผมได้แน่ๆ”“บอกมาสิคะว่าจะให้ช่วยอะไร”“คุณกำลังหลอกให้ผมพูด”“เปล่านะคะก็แค่อยากรู้ว่าจะช่วยได้ยังไงบ้าง” รัญรวียิ้มเมื่อเขารู้ทัน“สัญญาได้ไหมว่าจะช่วยผมถ้ามันไม่กระทบกับงานหลักของคุณ”“ค่ะ เนยยินดีช่วย”“ขอบคุณครับเนย คุณเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ”“คุณก็เป็นเพื่อนที่ดีของเนยค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างจริง
“คุณกันต์จะให้เนยช่วยยังไงคะ”“ผมอยากให้คุณไปทำงานที่โรงพยาบาลของผม”“ทำงานที่โรงพยาบาลของคุณ”“ใช่ครับ โรงพยาบาล XX คือกิจการของครอบครัวที่ผมดูแลอยู่”“คุณต้องล้อเนยเล่นแน่ๆ ใช่ไหมคะ”“เปล่านะผมพูดจริงนะเนย ผมขอโทษที่ไม่บอกตั้งแต่แรกว่าครอบครัวของผมทำธุรกิจอะไร”“เพราะกลัวว่าเนยจะหวังผลประโยชน์จากคุณใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างผิดหวัง“เปล่าเลยนะ ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกล่ะคะ”“ผมกลัวว่าพอคุณรู้แล้วคุณจะไม่คุยกับผมเหมือนเดิม”“ทำไมต้องไม่คุยด้วยล่ะคะ”“บางคนมองว่าผมต่างจากเขา”“ต่างยังคะ”“ก็เรื่องฐานะและสังคม ถ้าคุณรู้คุณจะยอมรับผมเป็นแฟนไหมล่ะครับ บางที่คุณอาจไม่ให้ผมเป็นเพื่อนเลย”“คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ”“ไม่หรอกครับ”“ตอนผมเรียนหมอพอเพื่อนรู้ว่าผมเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลพวกเขาก็เปลี่ยนไป พวกเขาเกรงใจผมมากขึ้น ความสนิทก็หายไป”“อะไรนะคะ คุณเรียนหมอ เนยไม่รู้ว่าจะตกใจเรื่องไหนก่อนดีระหว่างครอบครัวคุณเป็นเจ้าของโรงพยาบาลกับเรื่องที่คุณเรียนหมอ”“ผมรู้ว่าเรื่องที่บอกมันน่าตกใจแต่เนยจะไม่โกรธใช่ไหม”“มันก็น่าโกรธนะคะ คุณหลอกให้เนยหลงกลยอม
รัญรวีลงจากรถแล้วก็รีบเดินเข้าหอพักในเวลาเกือบจะสี่ทุ่มหญิงสาวอาบน้ำสระผมและเก็บชุดทำงานที่ร้านซักรีดเอามาแขวนไว้หน้าห้องใส่ตู้จากนั้นก็ตรวจดูว่ามีของใช้อะไรที่จะต้องซื้อไหมเพราะคิดว่าพรุ่งนี้สายๆ จะไปหาซื้อให้ครบก่อนจะทำงานยาวอีกหลายวันแต่ยังตรวจไม่ครบพีรกันต์ก็โทรศัพท์มาบอกว่าเขาถึงบ้านแล้ว เธอคุยกับเขาอีกไม่นานเพราะอยากให้เขาได้พักผ่อนเนื่องจากขับรถไปกลับวันนี้รวมแล้วก็หลายชั่วโมงหญิงสาวก็อยากจะช่วยเขาขับอยู่หรอกแต่มันติดตรงที่เธอนั้นขับรถไม่เป็น เธอเคยคิดที่จะซื้อรถมือสองมาใช้แต่เพราะหออยู่ในโรงพยาบาลก็เลยไม่คิดจะซื้อ รัญรวีจึงเปลี่ยนใจมาเก็บเงินเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมห้องเล็กๆ แทนเพราะถ้าจะออกไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลเอกชนก็รู้สึกว่าตนเองจะเอาเปรียบโรงพยาบาลมากเกินไปเมื่อวางสายแล้วก็เปิดตู้เย็นดูว่ามีอาหารกึ่งสำเร็จรูปอะไรที่ต้องซื้อมาเพิ่มไหมเพราะที่หอไม่อนุญาตให้ทำอาหาร ในห้องของเธอจึงมีแค่ไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อนและหม้อชาบูใบเล็กที่เอาไว้ทำกินเองคนเดียวเสียงเคาะประตูทำให้เธอรีบปิดตู้เย็นแล้วเดินไปเปิดเพราะดึกแบบนี้คนที่มาเคาะน่าจะมีเรื่องด่วน“อ้าว จุ๋มวันนี้ไม่ขึ้นเวรบ่ายเ
โครงการคอนโดมิเนียมที่รัญรวีและจริญญามาดูนั้นเป็นโครงการขนาดกลาง มีซึ่งมีอยู่หลายตึกแต่ละตึกก็มีลักษณะห้องที่แตกต่างกันไปเมื่อหญิงสาวบอกว่าอยากจะดูห้องขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากเพราะอยู่คนเดียวพนักงานขายจึงพาเธอมาดูห้องตัวอย่าง“เชิญตามสบายนะคะ ถ้าสงสัยตรงไหนสอบถามได้ตลอด ฉันจะรออยู่นอกห้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”“ห้องน่าอยู่ดีนะเนยขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง”“เนยก็ชอบนะ ราคาก็พอรับได้”“แต่ถ้าซื้อที่นี่เวลาไปทำงานก็คงต้องนั่งรถเมล์ไป ถ้าเวรเช้าก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าเวรบ่ายกับดึกล่ะ”“เราก็กำลังคิดเรื่องนี้ แต่ถ้าให้ซื้อคอนโดด้วยซื้อรถด้วยก็คงผ่อนไม่ไหวหรอก”“หรือเราจะอยู่ที่เดิมไปก่อนละเนยคนอื่นเขาก็ทำงานพาร์ทไทม์กันนะไม่เห็นมีใครจะย้ายออก”“ที่เนยอยากย้ายออกไม่ใช่เพราะเรื่องทำงานพาร์ทไทม์อย่างเดียวหรอกนะจุ๋ม”“แล้วเพราะอะไร” จริญญาไม่เคยรู้เหตุผลของเพื่อนมาก่อนว่าทำไมถึงอยากจะย้ายออก“เนยไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่ที่ไหนเลย เนยก็อยากมีพื้นที่ที่เป็นของเนยจริงๆ บ้าง อย่างจุ๋มยังมีบ้านให้กลับแต่เนยมีแค่หอพัก”“เนยอึดอัดเหรอที่อยู่หอ”“มันก็ไม่ถึงกับอึดอัดหรอกนะ แต่มันเล็กแล
เมื่อมาถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่กำลังก่อสร้างพวกเขาทั้งสามก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ขนาดห้องที่นี่ไม่ได้กว้างเท่าแห่งแรกที่ไปดูและราคาต่ำสุดก็ห้องละ 2.9 ล้านบาทซึ่งแพงมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนของรัญรวี“อีกนานไหมคะกว่าคอนโดจะสร้างเสร็จ” จริญญาเป็นคนเริ่มต้นถาม“ถ้าเสร็จพร้อมเข้าอยู่ก็คงอีก 2 เดือนค่ะ ตอนนี้ห้องเหลือให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ทางเรามีส่วนลดให้ 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับคนที่มาจองทีหลังเพราะถือว่าไม่ได้สิทธิ์เลือก และมีส่วนลดของคุณกันต์อีก 25 เปอร์เซ็นต์รวมเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ”“เหลือเท่าไหร่คะ”“เหลือสองล้านเก้าหมื่นสามพันค่ะ แต่ถ้าจองภายใน 7 วันที่มาดูเราลดให้เหลือสองล้านค่ะ” พนักงานบอกตามที่เจ้านายโทรศัพท์มาสั่ง“น่าสนใจดีนะเนย”“เราลดให้ทั้งสองห้องเลยนะคะ สนใจจองเลยไหม”“ถ้าห้องเดียวลดไหมคะ”“ลดค่ะ จะกี่ห้องก็ลดตามนี้เลยค่ะ”“ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ” แม้จะถูกใจกับราคาและห้องมากแต่รัญรวีก็อยากขอเวลาคิดดูก่อน“ทำไมล่ะเนย ผมว่าราคานี่โอเคเลยนะ มันถูกมาก”“ค่ะ มันถูกมากแค่เนยก็อยากขอเวลาคิดอีกนิดค่ะ”“ฉันขอเบอร์โทรศัพท์คุณไว้หน่อยไหมคะ เผื่อมีโปรโมชันอะไรเพิ่มเติมจะได้โทรไปแจ้ง
ผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้วที่รัญรวีกับพีรกันต์รู้จักกัน หญิงสาวอุ่นใจขึ้นมากเพราะมันเกินสามเดือนอย่างที่เคยได้ยินมาตอนนี้รัญรวีไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลของเขาค่อนข้างบ่อยเพราะได้เงินดีกว่ารับขึ้นเวรที่โรงพยาบาลเดิม เวลาที่ได้เจอกับพีรกันต์ก็ลดน้อยลงไปบ้างแต่เขาก็เข้าใจเธอดีแม้ว่าจะได้ทำงานที่เดียวกันแต่เธอและเขาก็ไม่เคยเจอกันที่โรงพยาบาลเลยและที่นั่นก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอกับพีรกันต์กำลังคบหากันอยู่นอกจากจริญญาแต่เธอก็ไม่เคยบอกคนอื่น“ต่ายมาทำงานที่นี่นานหรือยัง” รัญรวีถามเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันหลังจากทั้งสองทำงานในส่วนที่รับผิดชอบเสร็จในเวลาสามทุ่มพรชนกหรือต่ายเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนก็ทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับรัญรวีแต่คนละแผนก แต่ตนเองนั้นลาออกจากโรงพยาบาลของรัฐบาลเพื่อไปดูแลมารดาที่ป่วยพอมารดาเสียชีวิตก็เลยกลับมาทำงานที่กรุงเทพอีกครั้ง“เข้าปีที่สองแล้วล่ะ”“มันดีไหม ถ้าเทียบกับที่เดิม”“ในมุมมองของเรา เราก็ว่าดีนะ ถึงแม้ไม่ใช่ข้าราชการแต่ก็มีกองทุนประกันสังคมให้ ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรีเพียงแต่พ่อแม่เบิกไม่ได้แต่เราไม่เดือดร้อนเพราะไม่มีพ่อแม่แล้ว สิ้นปีก็มีโบนัส วันหยุดวันลาพักร้อนก็มีเ
พีรกันต์ช่วยพยุงสะโพกกลมให้ขยับหมุนวนและขึ้นลงเป็นจังหวะ จากช้ากลายเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจับจังหวะได้แล้วมือร้อนก็ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวขาวเนียน ปากกดจูบที่ยอดอกสวยก่อนจะดูดดึงจนแก้มตอบ“อื้อ...”“เนยจ๋า ดีอะไรอย่างนี้เก่งมาก เนยของผมเก่งที่สุด อ้า...ตอดดีมาก”เสียงเขาครางกระท่อนกระแท่นเมื่อผนังอ่อนนุ่มด้านในตอดรัดท่อนเอ็นร้อนแรงขึ้น ปลายหยักของท่อนเอ็นร้อนครูดไปตามผนังอ่อนนุ่มยิ่งกระตุ้นให้ช่องทางรักบีบรัดแรงขึ้นจนเขาครางอย่างพอใจ รัญรวีเงยหน้าขึ้นพยายามกลั้นเสียงครางเสียวซ่านเอาไว้ด้วยการกัดริมฝีปากตนเองแน่น แต่สะโพกกลับขยับอยู่ตลอดเพื่อรับเอ็นร้อนเข้าไปในตัวเองได้อย่างลึกที่สุด“แบบนี้คุณกันต์ชอบไหม ชอบให้เนยทำแบบนี้ไหม”เธอถามแล้วกดสะโพกหมุนวนอย่างยั่วยวน ชายหนุ่มก็สวนสะโพกเข้าอย่างหนักหน่วง“ชอบที่สุดเมียเก่งมาก”หญิงสาวชอบที่สุดเวลาเขาเรียกเธอว่าเมีย มันทำให้รู้สึกว่าความแต่งต่างระหว่างเธอกับเขาถูกหลอมละลาย เขาไม่ใช่เจ้าของโรงพยาบาลแต่เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังร่วมรักกับเธออย่างมีความสุข“อื้อ คุณกันต์ขา....”“แรงอีกนิดเนย กระแทกลงมาแรงๆ แบบนั้นเก่
“คุณไม่เชื่อใจผมเลยเหรอ”“เคยเชื่อค่ะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”“ผมสาบานเลยว่าไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน”“แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วนี่คะ”“ถึงผมจะรู้แต่ความรู้สึกของผมก็ยังเหมือนเดิมนะ ผมกับเนยจะแต่งงานกัน”“แล้วน้องข้าวหอมล่ะคะ นั่นลูกคุณนะคะ”“ข้าวหอมก็ยังเป็นลูกของผมอย่างเดิม ผมยินดีรับผิดชอบเรื่องลูกทุกอย่างแต่ไม่ได้หมายความว่าผมกับแม่ของแกจะกลับไปคืนดีกัน”“คุณพูดง่ายนะคะ แต่เนยว่ามันทำยากค่ะ”“มันทำยากแต่ผมก็คิดว่าผมทำได้นะ” เขายืนยันเสียงแข็ง“เนยไม่รู้ว่าคุณสองคนเลิกกันเพราะอะไร และโอกาสจะกลับมาคืนดียังมีอยู่ไหม แต่ถ้าคุณต้องทำเพื่อลูกเพื่อครอบครัวเนยยินดีถอยออกมาค่ะ”“ไม่นะเนย ผมไม่ยอมเสียคุณไปเด็ดขาด”“คุณจะเลือกอยู่กับเนยแล้วลูกคุณล่ะคะ”“ผมว่าไม่จำเป็นต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง ผมรักคุณและจะแต่งงานกับคุณในขณะที่ยังทำหน้าที่พ่อ ผมเชื่อว่าลูกของผมจะเข้าใจ”“น้องข้าวหอมแค่สี่ขวบเองนะคะ เนยว่ายากมากที่เด็กวัยนี้จะเข้าใจ”“ผมจะค่อยๆ บอกเธอเอง”“บอกตามตรงนะคะตอนนี้เนยสับสนไปหมดแล้วค่ะ ไม่รู้จะเอายังไงต่อ เนยรักคุณนะคะแต่ก็ไม่อยากให้ความรักของเนยทำลายครอบครัวของใคร”“ครอบครัวของผมมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้วนะ
พีรกันต์พาลินรดาออกมานอกสำนักงานให้ไกลพอที่คนด้านในจะไม่ได้ยินบทสนทนาของตนเอง“หลินบอกผมมาว่าทำไมลูกของหลินถึงเรียกผมว่าพ่อ”“ก็น้องข้าวหอมเป็นลูกของกันต์จริงๆ นี่”“อย่ามาพูดเรื่องเหลวไหลนะหลินเราเลิกกันไปนานแล้ว ก่อนเลิกหลินก็ยังไม่ท้อง”“ก็ใช่น่ะสิเราเลิกกันไปนานแล้วหลินย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นถึงได้รู้ว่าท้องลูกของกันต์”“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้เพราะอะไรกัน""เพราะหลินคิดว่าหลินดูแลลูกได้ไม่จำเป็นต้องมีพ่อ”“แต่คุณก็พาลูกมาเจอผม”“หลินไม่ได้ตั้งใจจะให้ข้าวหอมมาเจอกันต์หรอกนะ”“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ”“หลินก็แค่มาดูบ้านแต่บังเอิญเจอก็เท่านั้นเอง”“แล้วคิดจะบอกเรื่องนี้กับผมตอนไหน”“ไม่เลยหลินไม่เคยคิดจะบอก”“คุณใจร้ายมากนะถ้าข้าวหอมเป็นลูกของผมจริงๆ ผมก็ต้องมีสิทธิ์ในตัวเธอ”“คุณจะเอาสิทธิ์อะไรมาอ้างในเมื่อตอนนี้คุณก็มีผู้หญิงคนอื่นแล้ว”“สิทธิ์ของความเป็นพ่อไง”“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”“ก็หมายความว่าผมจะเป็นพ่อของข้าวหอม”“หมายถึงแล้วจะกลับมาคบกันเหรอคะ”“ผมก็พูดชัดเจนอยู่นะหลินว่าผมจะเป็นพ่อของข้าวหอมแต่เรื่องระหว่างผมกับคุณมันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว” เขาไม่คิดจะกลับไปคืนดีกับลินรดาเพรา
รัญรวีนอนเล่นมือถือและเผลอหลับอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็ตอนที่โซฟามีคนมานั่ง“คุณกันต์”“ผมเองหิวไหม ผมซื้อข้าวมาให้นะ”“ยังไม่หิวค่ะ คุณเอากระเป๋ามาทำไมคะ”“ผมจะย้ายมาอยู่ที่นี่ไง”“ใครชวนกัน หรือเมื่อคืนตอนเมาเนยชวน”“ก็ใช่น่ะสิ” เขาเอาเรื่องเมามาอ้างทั้งที่ตัวเองเป็นคนอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะรู้ว่าถ้าชวนเธอไปอยู่ด้วยหญิงสาวคงไม่ยอมแน่ๆ“อย่าจริงจังกับคำพูดของคนเมาเลยนะคะ”“รังเกียจผมเหรอ” เขาถามพลางทำหน้าเศร้า“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เนยแค่กลัวคนอื่นจะรู้”“กลัวทำไม หรือคุณไม่คิดจะบอกคนอื่นว่าเราเป็นอะไรกัน"“มันเร็วไปหรือเปล่าคะ”“ไม่นะเนย เราสองคนไม่ใช่เด็กแล้วนะ”“แต่คุณกับเนยต่างกันมากนะคะ คุณเป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลแต่เนยเป็นแค่พยาบาลในโรงพยาบาลของคุณเท่านั้นนะคะ เขาคงมองว่าที่เนยคบกับคุณก็เพื่อเงิน” รัญรวีไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยแต่เธอเริ่มกังวลเมื่อความสัมพันธ์มันเกินกว่าแค่แฟนธรรมดา“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยเรารักกันด้วยใจ คุณเป็นแฟนผมก่อนที่จะรู้ว่าผมคือใคร”“คนอื่นคงไม่คิดแบบนั้นหรอกค่ะ”“ผมไม่สนใจคนอื่น ครอบครัวผมก็คงคิดแบบเดียวกัน ถ้าคุณพร้อมเมื่อไห
คำพูดที่ได้ยินทำให้รัญรวีรู้ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นเธอ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็ยากที่จะปฏิเสธ เขาทำให้เธอได้พบกับความสุขแบบนี้ไม่เคยได้รับแต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบเพียงแค่นี้เธอครางสะท้านและสั่นไปทั้งตัวอีกครั้งเมื่อนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปยังกลางกายทีละนิด มันคับแน่นจนพีรกันต์แปลกใจอยู่ไม่น้อยเธอบอกเขาว่าไม่ใช่ผู้ชายคนแรกแต่ช่องทางรักยังคับแน่น“อ๊ะ! เนยเจ็บ”“ไหนว่าผมไม่ใช่ผู้ชายคนแรก”ชายหนุ่มคิดว่าครั้งสุดท้ายที่รัญรวีนอนกับผู้ชายน่าจะนานมาแล้ว เขาไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะรับเรื่องนี้ไม่ได้ พีรกันต์ไม่สนใจอดีตเขาขอแค่ระหว่างที่คบกับเธอมีเขาเพียงคนเดียวก็พอแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเมื่อนิ้วยาวของเขาเข้ามาจนลึก เธอรู้สึกเจ็บแต่พอเขาขยับความเจ็บก็เปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านได้อย่างประหลาดและมันมากกว่าเมื่อครู่อยู่มากพีรกันต์รู้ขนาดของตัวเองดีเขาเลยต้องเตรียมความพร้อมกับเธอให้มากขึ้นอีกนิด ปากร้อนก้มไปสัมผัสกลีบทิวลิปสีสวยอีกครั้ง พร้อมขยับนิ้วเข้าออกปลายลิ้นตวัดเลียจุดกระสันจนร่างที่อยู่บนที่นอนดิ้นพล่านเนื้อตัวแดงระเรื่อผิวกายร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟที่แผดเผา“อื้อ....คุณกันต์”เสียงหวานครางอีกครั
พีรกันต์มองหน้าคนรักที่อยู่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นผสมไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ“ตอนนี้เราเป็นอะไรกันคะ”“เป็นแฟน”“แล้วผู้หญิงที่คุณพาไปโรงพยาบาลล่ะคะ”“ก็บอกแล้วว่าเป็นน้องสาวข้างบ้าน”“แต่เนยไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเธอเลย”“เอวาเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ”“แน่เหรอ ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม”“ผมจะหลอกคนที่ผมรักทำไม”“คุณกันต์ น่ารัก ปากหวาน”“เคยชิมเหรอถึงได้รู้ว่าหวาน”“ถ้าอย่างนั้นขอชิมได้ไหม”หญิงสาวไม่รอให้เขาตอบเธอโน้มใบหน้าลงมาใกล้แล้วแตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของชายหนุ่มเบาๆ แต่คนที่รอจังหวะอยู่ก่อนแล้วก็ไม่ปล่อยเธอทำเพียงแค่นั้นเขาใช้มือดันท้ายทอยของเธอไว้แล้วจูบแผ่วเบาไปบนเรียวสีสวย ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอรับเขาเมื่อถูกเขาปลุกเร้า ด้วยความชำนาญ ฝ่ามือหนาเคลื่อนไปตามผิวเนียนนุ่ม“อื้อ...”เธอครางประท้วงเมื่อรู้สึกจูบของเขามันมากกว่าที่ตนเองคิดไว้“หวานไหม” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู จมูกโด่งคลอเคลียอยู่อยู่ที่ซอกคอระหง“พอได้”“แค่พอได้เองเหรอ”“แล้วจะให้ตอบยังไง”“ก็ตอบว่าชอบอยากให้จูบอีก”“ถ้าตอบแบบนั้นเนยจะได้อะไร”“อยากได้อะไรล่ะ”“อยากให้คุณกันต์มองแค่เนยคนเดียว ห้ามมีคนอื่น”“
ผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้วที่รัญรวีกับพีรกันต์รู้จักกัน หญิงสาวอุ่นใจขึ้นมากเพราะมันเกินสามเดือนอย่างที่เคยได้ยินมาตอนนี้รัญรวีไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลของเขาค่อนข้างบ่อยเพราะได้เงินดีกว่ารับขึ้นเวรที่โรงพยาบาลเดิม เวลาที่ได้เจอกับพีรกันต์ก็ลดน้อยลงไปบ้างแต่เขาก็เข้าใจเธอดีแม้ว่าจะได้ทำงานที่เดียวกันแต่เธอและเขาก็ไม่เคยเจอกันที่โรงพยาบาลเลยและที่นั่นก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอกับพีรกันต์กำลังคบหากันอยู่นอกจากจริญญาแต่เธอก็ไม่เคยบอกคนอื่น“ต่ายมาทำงานที่นี่นานหรือยัง” รัญรวีถามเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันหลังจากทั้งสองทำงานในส่วนที่รับผิดชอบเสร็จในเวลาสามทุ่มพรชนกหรือต่ายเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนก็ทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับรัญรวีแต่คนละแผนก แต่ตนเองนั้นลาออกจากโรงพยาบาลของรัฐบาลเพื่อไปดูแลมารดาที่ป่วยพอมารดาเสียชีวิตก็เลยกลับมาทำงานที่กรุงเทพอีกครั้ง“เข้าปีที่สองแล้วล่ะ”“มันดีไหม ถ้าเทียบกับที่เดิม”“ในมุมมองของเรา เราก็ว่าดีนะ ถึงแม้ไม่ใช่ข้าราชการแต่ก็มีกองทุนประกันสังคมให้ ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรีเพียงแต่พ่อแม่เบิกไม่ได้แต่เราไม่เดือดร้อนเพราะไม่มีพ่อแม่แล้ว สิ้นปีก็มีโบนัส วันหยุดวันลาพักร้อนก็มีเ
เมื่อมาถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่กำลังก่อสร้างพวกเขาทั้งสามก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ขนาดห้องที่นี่ไม่ได้กว้างเท่าแห่งแรกที่ไปดูและราคาต่ำสุดก็ห้องละ 2.9 ล้านบาทซึ่งแพงมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนของรัญรวี“อีกนานไหมคะกว่าคอนโดจะสร้างเสร็จ” จริญญาเป็นคนเริ่มต้นถาม“ถ้าเสร็จพร้อมเข้าอยู่ก็คงอีก 2 เดือนค่ะ ตอนนี้ห้องเหลือให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ทางเรามีส่วนลดให้ 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับคนที่มาจองทีหลังเพราะถือว่าไม่ได้สิทธิ์เลือก และมีส่วนลดของคุณกันต์อีก 25 เปอร์เซ็นต์รวมเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ”“เหลือเท่าไหร่คะ”“เหลือสองล้านเก้าหมื่นสามพันค่ะ แต่ถ้าจองภายใน 7 วันที่มาดูเราลดให้เหลือสองล้านค่ะ” พนักงานบอกตามที่เจ้านายโทรศัพท์มาสั่ง“น่าสนใจดีนะเนย”“เราลดให้ทั้งสองห้องเลยนะคะ สนใจจองเลยไหม”“ถ้าห้องเดียวลดไหมคะ”“ลดค่ะ จะกี่ห้องก็ลดตามนี้เลยค่ะ”“ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ” แม้จะถูกใจกับราคาและห้องมากแต่รัญรวีก็อยากขอเวลาคิดดูก่อน“ทำไมล่ะเนย ผมว่าราคานี่โอเคเลยนะ มันถูกมาก”“ค่ะ มันถูกมากแค่เนยก็อยากขอเวลาคิดอีกนิดค่ะ”“ฉันขอเบอร์โทรศัพท์คุณไว้หน่อยไหมคะ เผื่อมีโปรโมชันอะไรเพิ่มเติมจะได้โทรไปแจ้ง
โครงการคอนโดมิเนียมที่รัญรวีและจริญญามาดูนั้นเป็นโครงการขนาดกลาง มีซึ่งมีอยู่หลายตึกแต่ละตึกก็มีลักษณะห้องที่แตกต่างกันไปเมื่อหญิงสาวบอกว่าอยากจะดูห้องขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากเพราะอยู่คนเดียวพนักงานขายจึงพาเธอมาดูห้องตัวอย่าง“เชิญตามสบายนะคะ ถ้าสงสัยตรงไหนสอบถามได้ตลอด ฉันจะรออยู่นอกห้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”“ห้องน่าอยู่ดีนะเนยขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง”“เนยก็ชอบนะ ราคาก็พอรับได้”“แต่ถ้าซื้อที่นี่เวลาไปทำงานก็คงต้องนั่งรถเมล์ไป ถ้าเวรเช้าก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าเวรบ่ายกับดึกล่ะ”“เราก็กำลังคิดเรื่องนี้ แต่ถ้าให้ซื้อคอนโดด้วยซื้อรถด้วยก็คงผ่อนไม่ไหวหรอก”“หรือเราจะอยู่ที่เดิมไปก่อนละเนยคนอื่นเขาก็ทำงานพาร์ทไทม์กันนะไม่เห็นมีใครจะย้ายออก”“ที่เนยอยากย้ายออกไม่ใช่เพราะเรื่องทำงานพาร์ทไทม์อย่างเดียวหรอกนะจุ๋ม”“แล้วเพราะอะไร” จริญญาไม่เคยรู้เหตุผลของเพื่อนมาก่อนว่าทำไมถึงอยากจะย้ายออก“เนยไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่ที่ไหนเลย เนยก็อยากมีพื้นที่ที่เป็นของเนยจริงๆ บ้าง อย่างจุ๋มยังมีบ้านให้กลับแต่เนยมีแค่หอพัก”“เนยอึดอัดเหรอที่อยู่หอ”“มันก็ไม่ถึงกับอึดอัดหรอกนะ แต่มันเล็กแล