“ผมกำลังจีบอยู่” พีรกันต์ตอบพี่ชายเมื่อเขาถามถึงเรื่องแฟน
“อย่างนายต้องจีบด้วยเหรอ พี่เห็นแต่สาวๆ เข้ามาจีบ”
“คนนี้ผมจีบเขาก่อน นี่ก็สองเดือนแล้วยังไม่ยอมใจอ่อน” เวลาสองเดือนสำหรับพีรกันต์ซีอีโอหนุ่มนั้นถือว่านานมากเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยจีบใครนานขนาดนี้มาก่อน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาเจอก็มักจะเป็นฝ่ายเข้าหาเสียมากกว่า
“ดูนายจริงจังมากนะ”
“คนนี้ผมจริงจังมาก แม่ของลูกเลยล่ะพี่กานต์” เขารู้สึกกับรัญรวีแบบนี้จริงและเรื่องนี้ก็บอกหญิงสาวทุกครั้งที่มีโอกาส
“พี่ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ เธอคงสวยมากสินะถึงทำให้นายรอได้นานขนาดนี้” ธีรกานต์อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้น้องชายคิดอยากจะหยุดความเจ้าชู้
“สวยสิ สวยมากด้วย” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้พี่ชายดู
“สวยมากจริงๆ ด้วยเธอทำงานที่โรงพยาบาลของเราเหรอ” ธีรกานต์ถามเพราะเห็นว่าหญิงสาวนั้นสวมชุดพยาบาล
“เปล่าเธอทำที่โรงพยาบาลรัฐ”
“ทำไมไม่ชวนเธอมาทำงานที่โรงพยาบาลของเราล่ะ”
“พี่คิดว่าผมไม่ชวนเหรอ ผมพยายามชวนแล้วแต่เธอก็ปฏิเสธ”
“ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดีนะกล้าปฏิเสธนาย”
“ขนาดพี่ยังไม่เคยเจอพี่ยังบอกว่าเธอน่าสนใจถ้าพี่ได้เจอพี่ได้คุยรับรองเลยว่าพี่จะต้องรู้สึกดีกับเธอ”
“ถ้างั้นก็พาเธอมาเจอพี่สิ”
“ผมกำลังหาโอกาสอยู่ ว่าแต่พี่เถอะเมื่อไหร่จะหาแฟนสักทีล่ะ ผมอยากจะอุ้มหลานแย่แล้ว”
“ไม่ต้องมารออุ้มลูกฉันนายได้นั่นแหละรีบจีบเธอให้ติด”
“ผมก็พยายามอยู่”
“ถ้านายแต่งงานไปสักคนแม่ก็คงได้อุ้มหลานสมใจ”
“พี่อายุมากกว่าผมนะ เมื่อไหร่จะมีแฟนสักทีล่ะหรือว่าพี่รอใครหรือรออะไรอยู่ทำไมถึงไม่มองใครเลย” คำถามของน้องชายทำให้ธีรกานต์ฉุกคิดว่าเพราะอะไรตัวเองถึงยังไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนหรือคบผู้หญิงคนไหนได้นานเลยสักครั้งแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเหตุผลนั้นมันคืออะไร
“เนื้อคู่ของฉันอาจจะยังไม่เกิดมั้ง”
“บางทีเธออาจจะเกิดแล้วนะแต่ยังไม่เจอก็ได้หรือบางทีอาจจะเจอแล้วแต่ไม่รู้ตัว”
“ช่างมันเถอะพี่ว่าเป็นโสดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
“แต่ก่อนผมก็ชอบนะได้ควงสาวไปเรื่อยๆ แต่พอผมเจอกับเนยความคิดผมก็เปลี่ยนไป ผมอยากสร้างครอบครัวกับเธออยากตื่นมาเจอเธอทุกวัน” เมื่อพูดถึงหญิงสาวที่ตนเองชอบเขาก็ยิ้มกว้าง
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของน้องชายธีรกานต์ก็รู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย แต่สำหรับตนเองนั้นยังไม่เคยมีใครที่ทำให้ตนเองยิ้มกว้างแบบนั้นมาก่อนนอกจากเอวาริณเด็กสาวข้างบ้าน
“ตกลงพี่จะลองตามหมอปิญชาน์กับหมอไอรดาดูก่อนนะ”
“ครับพี่”
“เรื่องหมอพี่ว่าเราค่อยๆ ปรับไป แต่เรื่องพยาบาลพี่ว่าควรจะรับเพิ่มอีกสักหน่อย คนไข้เราเยอะขึ้นเรื่อยๆ”
“ผมแล้วแต่พี่เลยครับ”
“อย่าลืมถามคนของนายนะว่าอยากมาทำงานกับเราไหมถ้าไม่อยากลาออกจากโรงพยาบาลรัฐบาลจะมาแค่พาร์ทไทม์ก็ได้นะ”
“ผมจะลองถามดูครับ พี่กินข้าวหรือยังลงไปหาอะไรกินด้วยกันไหม” เขาดีใจที่วันนี้จะมีเรื่องไปคุยกับรัญรวีเพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานหญิงสาวจะคุยกับเขาได้นานกว่าเรื่องอื่น
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวพี่สั่งมากินในห้องเอง”
“งั้นผมไปก่อนนะ เย็นนี้คงไม่กลับกินข้าวที่บ้านฝากพี่บอกแม่ให้ด้วยนะ”
พีรกันต์คุยกับพี่ชายเสร็จแล้วก็เดินลงมาทานอาหารร้านข้างโรงพยาบาลซึ่งเป็นร้านประจำ เขาสั่งเนื้อผัดน้ำมันหอยกับไข่ดาวซึ่งเป็นอาหารจานโปรดมาทานระหว่างรอก็คิดคำพูดที่จะคุยกับรัญรวีเย็นนี้
ชายหนุ่มไม่เคยบอกเธอว่าตนเองเป็นผู้บริการโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ไม่ใช่เพราะอยากปิดบังแต่เพราะหญิงสาวไม่เคยถามว่าธุรกิจของครอบครัวที่เขาบอกคืออะไร รัญวรวีเป็นผู้หญิงที่เรียบง่ายคุยด้วยแล้วมีแต่ความสบายใจ ตลอดเวลาสองเดือนที่ได้เจอกันเขากับเธอคุยกันเหมือนเพื่อนที่คบกันมานาน
แม้ความสัมพันธ์จะเป็นแค่เพื่อนแต่หญิงสาวก็เปิดใจกับเขามากขึ้น เขารู้ว่ารัญรวีอยู่คนเดียวและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนนั่นเลยทำให้พีรกันต์อยากจะดูแลเธอ
แต่พีรกันต์ก็มีเรื่องหนักใจเมื่อพี่ชายบอกให้ลองชวนรัญรวีมาทำงานเพราะตลอดสองเดือนเขายังไม่เคยบอกเธอว่าตนเองเป็นผู้บริหารของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้เลย แต่เย็นนี้เขาคิดจะบอกเธอเพราะอยากชวนหญิงสาวมาทำงานใกล้ๆ
‘เย็นนี้ว่างไหมผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย’ เขาส่งข้อความทิ้งไว้อย่างเคย พีรกันต์เริ่มจะชินแล้วที่หญิงสาวจะไม่อ่านหรือตอบไลน์เขาทันที แต่เธอก็บอกเขาว่าถ้ามีเรื่องด่วนจริงๆ ก็โทรศัพท์ไปที่วอร์ดได้เพราะถ้าเป็นโทรศัพท์ของวอร์ดจะมีคนรับสายตลอดแต่เขารู้ว่าทุกสายที่ติดต่อกับวอร์ดนั้นเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับชีวิตผู้ป่วย พีรกันต์จึงไม่เคยโทรไปด้วยเรื่องส่วนตัว
ชายหนุ่มนั่งทานข้าวและติดตามข่าวสารในแวดวงธุรกิจไปด้วยแต่ทานยังไม่ถึงครึ่งก็มีข้อความของรัญรวีเด้งมา
‘เรื่องสำคัญมากไหมคะวันนี้เนยขึ้นเวรต่อให้เพื่อนถึงเที่ยงคืนเลยค่ะ’
‘สำคัญครับแต่ผมรอได้ แล้วพรุ่งนี้เนยเลิกงานกี่โมง’
‘พรุ่งนี้หยุดค่ะ’
‘ไปหาอาหารทะเลกินไหม’
‘ที่ไหนคะ’
‘ชะอำดีไหมใกล้หน่อยขับรถแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เราไปบ่ายๆ ก็ได้นะ ตอนเช้าเนยจะได้พัก’
‘ไม่ค้างใช่ไหมคะ’ หญิงสาวถามเพราะยังไม่กล้าไปนอนค้างที่อื่นกับเขาสองคน
‘ผมอยากค้างนะ แต่คิดว่าเอาไว้วันหลังดีกว่า’
‘ตกลงค่ะ’
‘ผมไปรับสักบ่ายสองนะเนยสะดวกไหม’
‘ได้ค่ะ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะพรุ่งนี้เจอกันค่ะ’
พีรกันต์โล่งใจเพราะเขายังมีเวลาคิดคำพูดคืนนี้อีกหนึ่งคืนเขาหวังว่าบรรยากาศริมทะเลจะช่วยให้รัญรวีไม่โกรธถ้ารู้ว่าเขาทำงานอะไร
“กันต์” เสียงผู้หญิงที่เรียกทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง
“เมย์ มากินข้าวเหรอ”
“อือ กันต์รีบไปไหนหรือเปล่านั่งกินเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม” เพราะเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ก่อนทานอิ่มแล้วเลยถามด้วยความเกรงใจ
“ไม่รีบ เดี๋ยวผมสั่งขนมมากินเป็นเพื่อนก็ได้” เขาหันไปสั่งเค้กส้มกับพนักงานมานั่งทานระหว่างที่จิดาภาหรือหมอเมย์กำละรออาหาร
“เมย์มีเรื่องจะปรึกษากันต์พอดีเลย ว่าจะขึ้นไปหาบนห้องก็ไม่ค่อยว่าง”
“เรื่องอะไร เรื่องงานใช่ไหม”
“ถ้าเรื่องงานเราก็คงปรึกษาพี่กานต์แต่นี่เรื่องส่วนตัว” หญิงสาวและพีรกันต์เป็นเพื่อนสมัยเรียนแพทย์ พอเรียนแพทย์จบแยกย้ายกันไปตามทาง และกลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อจิดาภาเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านชะลอวัย
“จะปรึกษาอะไรว่ามาถ้าเดาไม่ผิดเรื่องหัวใจใช่ไหม”
“เดาเก่งนะ”
“เกิดอะไรขึ้นทะเลาะกันหรือเปล่า”
“เปล่า แต่เขาขอเมย์แต่งงานแล้ว” คุณหมอสาวชูมือซ้ายที่มีแหวนเพชรเม็ดโตประดับอยู่บนนิ้วนาง
“ดีใจด้วยนะ นี่คงไม่ใช่เรื่องที่จะปรึกษาใช่ไหม”
“ก็เรื่องแหวนนี่แหละที่อยากถามกันต์”
“ทำไม มันเล็กไปเหรอ”
“เปล่าแต่เราจะถามกันต์ว่ากันต์มีแฟนและขอแต่งงานแล้วแต่แฟนของกันต์ไม่สวมแหวนกันต์จะโกรธไหม”
“เหตุผลคืออะไรล่ะ”
“มันไม่ถนัดเวลาทำงาน”
“ก็บอกเขาไปสิ เขาน่าจะเข้าใจนะ เพราะเหตุผลมันก็เข้าใจได้ไม่ยาก”
“ค่อยโล่งใจหน่อย”
“เรื่องแค่นี้ทำไมถึงทำให้คนเก่งอย่าหมอเมย์เครียดได้ล่ะ”
“ถ้ามันเป็นเรื่องของคนที่เรารักไม่ว่าเรื่องใหญ่มันก็เครียดทั้งนั้นแหละ กันต์ยังไม่เคยรักใครจะไปรู้อะไรล่ะ”
“ใครบอกว่าเราไม่เคยรักใคร”
“อะไรนะ กันต์มีความรักเหรอ”
“คิดว่ารักนะ”
“เล่ามาเลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไรละทำงานที่ไหนที่สำคัญสวยมากไหม”
“ถามเยอะจัง”
“แล้วจะตอบไหม”
“อยากรู้จริงเหรอ”
“อยากรู้สิ”
“ถ้าผมเล่าให้เมย์ฟังเมย์ต้องช่วยผมด้วยนะ”
“ได้เลยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“งั้นก็ตกลง” พีรกันต์ยิ้มเขากำลังอยากได้ความคิดเห็นจากผู้หญิงเรื่องที่เขาจะบอกรัญรวีเรื่องงานของเขา
พีรกันต์ขับรถไปรับรัญรวีที่หน้าหอพักในเวลาบ่ายสองโมงตรงจากนั้นก็ขับรถมาตามทางถนนพระราม 2 เพื่อมุ่งสู่ชายหาดชะอำ ระหว่างทางทั้งสองก็พูดคุยกันไปเรื่อยแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่พูดเรื่องสำคัญสักทีหญิงสาวเลยอดไม่ได้ที่จะถาม“คุณกันต์บอกจะคุยเรื่องสำคัญกับเนย”“ใช่ครับ แต่ไม่ใช่เรื่องด่วนเราไปถึงแล้วหาอะไรกินแล้วค่อยคุยก็ได้”“ใบ้ได้ไหมว่าเกี่ยวกับอะไร นะคะคุณกันต์”เสียงอ้อนหวานจนคนฟังใจอ่อนยวบเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เขาก็ต้องใจแข็ง“เกี่ยวกับงานของผมครับ”“งานของคุณเหรอคะ”“ครับ” เขาตอบสั้นๆ สีหน้าเครียดจนเธอสังเกตเห็น“คุณเคยบอกว่าทำธุรกิจกับที่บ้าน หรือกิจการมีปัญหาคะ เนยพอจะช่วยอะไรได้ไหม” หญิงสาวไม่เคยเห็นเขาทำหน้าเครียดแบบนี้มาก่อน เธอถามออกไปด้วยความห่วงใย“ผมดีใจนะที่คุณอยากจะช่วย ผมว่าคุณช่วยผมได้แน่ๆ”“บอกมาสิคะว่าจะให้ช่วยอะไร”“คุณกำลังหลอกให้ผมพูด”“เปล่านะคะก็แค่อยากรู้ว่าจะช่วยได้ยังไงบ้าง” รัญรวียิ้มเมื่อเขารู้ทัน“สัญญาได้ไหมว่าจะช่วยผมถ้ามันไม่กระทบกับงานหลักของคุณ”“ค่ะ เนยยินดีช่วย”“ขอบคุณครับเนย คุณเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ”“คุณก็เป็นเพื่อนที่ดีของเนยค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างจริง
“คุณกันต์จะให้เนยช่วยยังไงคะ”“ผมอยากให้คุณไปทำงานที่โรงพยาบาลของผม”“ทำงานที่โรงพยาบาลของคุณ”“ใช่ครับ โรงพยาบาล XX คือกิจการของครอบครัวที่ผมดูแลอยู่”“คุณต้องล้อเนยเล่นแน่ๆ ใช่ไหมคะ”“เปล่านะผมพูดจริงนะเนย ผมขอโทษที่ไม่บอกตั้งแต่แรกว่าครอบครัวของผมทำธุรกิจอะไร”“เพราะกลัวว่าเนยจะหวังผลประโยชน์จากคุณใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างผิดหวัง“เปล่าเลยนะ ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกล่ะคะ”“ผมกลัวว่าพอคุณรู้แล้วคุณจะไม่คุยกับผมเหมือนเดิม”“ทำไมต้องไม่คุยด้วยล่ะคะ”“บางคนมองว่าผมต่างจากเขา”“ต่างยังคะ”“ก็เรื่องฐานะและสังคม ถ้าคุณรู้คุณจะยอมรับผมเป็นแฟนไหมล่ะครับ บางที่คุณอาจไม่ให้ผมเป็นเพื่อนเลย”“คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ”“ไม่หรอกครับ”“ตอนผมเรียนหมอพอเพื่อนรู้ว่าผมเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลพวกเขาก็เปลี่ยนไป พวกเขาเกรงใจผมมากขึ้น ความสนิทก็หายไป”“อะไรนะคะ คุณเรียนหมอ เนยไม่รู้ว่าจะตกใจเรื่องไหนก่อนดีระหว่างครอบครัวคุณเป็นเจ้าของโรงพยาบาลกับเรื่องที่คุณเรียนหมอ”“ผมรู้ว่าเรื่องที่บอกมันน่าตกใจแต่เนยจะไม่โกรธใช่ไหม”“มันก็น่าโกรธนะคะ คุณหลอกให้เนยหลงกลยอม
รัญรวีลงจากรถแล้วก็รีบเดินเข้าหอพักในเวลาเกือบจะสี่ทุ่มหญิงสาวอาบน้ำสระผมและเก็บชุดทำงานที่ร้านซักรีดเอามาแขวนไว้หน้าห้องใส่ตู้จากนั้นก็ตรวจดูว่ามีของใช้อะไรที่จะต้องซื้อไหมเพราะคิดว่าพรุ่งนี้สายๆ จะไปหาซื้อให้ครบก่อนจะทำงานยาวอีกหลายวันแต่ยังตรวจไม่ครบพีรกันต์ก็โทรศัพท์มาบอกว่าเขาถึงบ้านแล้ว เธอคุยกับเขาอีกไม่นานเพราะอยากให้เขาได้พักผ่อนเนื่องจากขับรถไปกลับวันนี้รวมแล้วก็หลายชั่วโมงหญิงสาวก็อยากจะช่วยเขาขับอยู่หรอกแต่มันติดตรงที่เธอนั้นขับรถไม่เป็น เธอเคยคิดที่จะซื้อรถมือสองมาใช้แต่เพราะหออยู่ในโรงพยาบาลก็เลยไม่คิดจะซื้อ รัญรวีจึงเปลี่ยนใจมาเก็บเงินเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมห้องเล็กๆ แทนเพราะถ้าจะออกไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลเอกชนก็รู้สึกว่าตนเองจะเอาเปรียบโรงพยาบาลมากเกินไปเมื่อวางสายแล้วก็เปิดตู้เย็นดูว่ามีอาหารกึ่งสำเร็จรูปอะไรที่ต้องซื้อมาเพิ่มไหมเพราะที่หอไม่อนุญาตให้ทำอาหาร ในห้องของเธอจึงมีแค่ไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อนและหม้อชาบูใบเล็กที่เอาไว้ทำกินเองคนเดียวเสียงเคาะประตูทำให้เธอรีบปิดตู้เย็นแล้วเดินไปเปิดเพราะดึกแบบนี้คนที่มาเคาะน่าจะมีเรื่องด่วน“อ้าว จุ๋มวันนี้ไม่ขึ้นเวรบ่ายเ
โครงการคอนโดมิเนียมที่รัญรวีและจริญญามาดูนั้นเป็นโครงการขนาดกลาง มีซึ่งมีอยู่หลายตึกแต่ละตึกก็มีลักษณะห้องที่แตกต่างกันไปเมื่อหญิงสาวบอกว่าอยากจะดูห้องขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากเพราะอยู่คนเดียวพนักงานขายจึงพาเธอมาดูห้องตัวอย่าง“เชิญตามสบายนะคะ ถ้าสงสัยตรงไหนสอบถามได้ตลอด ฉันจะรออยู่นอกห้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”“ห้องน่าอยู่ดีนะเนยขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง”“เนยก็ชอบนะ ราคาก็พอรับได้”“แต่ถ้าซื้อที่นี่เวลาไปทำงานก็คงต้องนั่งรถเมล์ไป ถ้าเวรเช้าก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าเวรบ่ายกับดึกล่ะ”“เราก็กำลังคิดเรื่องนี้ แต่ถ้าให้ซื้อคอนโดด้วยซื้อรถด้วยก็คงผ่อนไม่ไหวหรอก”“หรือเราจะอยู่ที่เดิมไปก่อนละเนยคนอื่นเขาก็ทำงานพาร์ทไทม์กันนะไม่เห็นมีใครจะย้ายออก”“ที่เนยอยากย้ายออกไม่ใช่เพราะเรื่องทำงานพาร์ทไทม์อย่างเดียวหรอกนะจุ๋ม”“แล้วเพราะอะไร” จริญญาไม่เคยรู้เหตุผลของเพื่อนมาก่อนว่าทำไมถึงอยากจะย้ายออก“เนยไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่ที่ไหนเลย เนยก็อยากมีพื้นที่ที่เป็นของเนยจริงๆ บ้าง อย่างจุ๋มยังมีบ้านให้กลับแต่เนยมีแค่หอพัก”“เนยอึดอัดเหรอที่อยู่หอ”“มันก็ไม่ถึงกับอึดอัดหรอกนะ แต่มันเล็กแล
เมื่อมาถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่กำลังก่อสร้างพวกเขาทั้งสามก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ขนาดห้องที่นี่ไม่ได้กว้างเท่าแห่งแรกที่ไปดูและราคาต่ำสุดก็ห้องละ 2.9 ล้านบาทซึ่งแพงมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนของรัญรวี“อีกนานไหมคะกว่าคอนโดจะสร้างเสร็จ” จริญญาเป็นคนเริ่มต้นถาม“ถ้าเสร็จพร้อมเข้าอยู่ก็คงอีก 2 เดือนค่ะ ตอนนี้ห้องเหลือให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ทางเรามีส่วนลดให้ 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับคนที่มาจองทีหลังเพราะถือว่าไม่ได้สิทธิ์เลือก และมีส่วนลดของคุณกันต์อีก 25 เปอร์เซ็นต์รวมเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ”“เหลือเท่าไหร่คะ”“เหลือสองล้านเก้าหมื่นสามพันค่ะ แต่ถ้าจองภายใน 7 วันที่มาดูเราลดให้เหลือสองล้านค่ะ” พนักงานบอกตามที่เจ้านายโทรศัพท์มาสั่ง“น่าสนใจดีนะเนย”“เราลดให้ทั้งสองห้องเลยนะคะ สนใจจองเลยไหม”“ถ้าห้องเดียวลดไหมคะ”“ลดค่ะ จะกี่ห้องก็ลดตามนี้เลยค่ะ”“ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ” แม้จะถูกใจกับราคาและห้องมากแต่รัญรวีก็อยากขอเวลาคิดดูก่อน“ทำไมล่ะเนย ผมว่าราคานี่โอเคเลยนะ มันถูกมาก”“ค่ะ มันถูกมากแค่เนยก็อยากขอเวลาคิดอีกนิดค่ะ”“ฉันขอเบอร์โทรศัพท์คุณไว้หน่อยไหมคะ เผื่อมีโปรโมชันอะไรเพิ่มเติมจะได้โทรไปแจ้ง
ผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้วที่รัญรวีกับพีรกันต์รู้จักกัน หญิงสาวอุ่นใจขึ้นมากเพราะมันเกินสามเดือนอย่างที่เคยได้ยินมาตอนนี้รัญรวีไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลของเขาค่อนข้างบ่อยเพราะได้เงินดีกว่ารับขึ้นเวรที่โรงพยาบาลเดิม เวลาที่ได้เจอกับพีรกันต์ก็ลดน้อยลงไปบ้างแต่เขาก็เข้าใจเธอดีแม้ว่าจะได้ทำงานที่เดียวกันแต่เธอและเขาก็ไม่เคยเจอกันที่โรงพยาบาลเลยและที่นั่นก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอกับพีรกันต์กำลังคบหากันอยู่นอกจากจริญญาแต่เธอก็ไม่เคยบอกคนอื่น“ต่ายมาทำงานที่นี่นานหรือยัง” รัญรวีถามเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันหลังจากทั้งสองทำงานในส่วนที่รับผิดชอบเสร็จในเวลาสามทุ่มพรชนกหรือต่ายเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนก็ทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับรัญรวีแต่คนละแผนก แต่ตนเองนั้นลาออกจากโรงพยาบาลของรัฐบาลเพื่อไปดูแลมารดาที่ป่วยพอมารดาเสียชีวิตก็เลยกลับมาทำงานที่กรุงเทพอีกครั้ง“เข้าปีที่สองแล้วล่ะ”“มันดีไหม ถ้าเทียบกับที่เดิม”“ในมุมมองของเรา เราก็ว่าดีนะ ถึงแม้ไม่ใช่ข้าราชการแต่ก็มีกองทุนประกันสังคมให้ ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรีเพียงแต่พ่อแม่เบิกไม่ได้แต่เราไม่เดือดร้อนเพราะไม่มีพ่อแม่แล้ว สิ้นปีก็มีโบนัส วันหยุดวันลาพักร้อนก็มีเ
พีรกันต์มองหน้าคนรักที่อยู่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นผสมไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ“ตอนนี้เราเป็นอะไรกันคะ”“เป็นแฟน”“แล้วผู้หญิงที่คุณพาไปโรงพยาบาลล่ะคะ”“ก็บอกแล้วว่าเป็นน้องสาวข้างบ้าน”“แต่เนยไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเธอเลย”“เอวาเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ”“แน่เหรอ ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม”“ผมจะหลอกคนที่ผมรักทำไม”“คุณกันต์ น่ารัก ปากหวาน”“เคยชิมเหรอถึงได้รู้ว่าหวาน”“ถ้าอย่างนั้นขอชิมได้ไหม”หญิงสาวไม่รอให้เขาตอบเธอโน้มใบหน้าลงมาใกล้แล้วแตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของชายหนุ่มเบาๆ แต่คนที่รอจังหวะอยู่ก่อนแล้วก็ไม่ปล่อยเธอทำเพียงแค่นั้นเขาใช้มือดันท้ายทอยของเธอไว้แล้วจูบแผ่วเบาไปบนเรียวสีสวย ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอรับเขาเมื่อถูกเขาปลุกเร้า ด้วยความชำนาญ ฝ่ามือหนาเคลื่อนไปตามผิวเนียนนุ่ม“อื้อ...”เธอครางประท้วงเมื่อรู้สึกจูบของเขามันมากกว่าที่ตนเองคิดไว้“หวานไหม” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู จมูกโด่งคลอเคลียอยู่อยู่ที่ซอกคอระหง“พอได้”“แค่พอได้เองเหรอ”“แล้วจะให้ตอบยังไง”“ก็ตอบว่าชอบอยากให้จูบอีก”“ถ้าตอบแบบนั้นเนยจะได้อะไร”“อยากได้อะไรล่ะ”“อยากให้คุณกันต์มองแค่เนยคนเดียว ห้ามมีคนอื่น”“
คำพูดที่ได้ยินทำให้รัญรวีรู้ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นเธอ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็ยากที่จะปฏิเสธ เขาทำให้เธอได้พบกับความสุขแบบนี้ไม่เคยได้รับแต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบเพียงแค่นี้เธอครางสะท้านและสั่นไปทั้งตัวอีกครั้งเมื่อนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปยังกลางกายทีละนิด มันคับแน่นจนพีรกันต์แปลกใจอยู่ไม่น้อยเธอบอกเขาว่าไม่ใช่ผู้ชายคนแรกแต่ช่องทางรักยังคับแน่น“อ๊ะ! เนยเจ็บ”“ไหนว่าผมไม่ใช่ผู้ชายคนแรก”ชายหนุ่มคิดว่าครั้งสุดท้ายที่รัญรวีนอนกับผู้ชายน่าจะนานมาแล้ว เขาไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะรับเรื่องนี้ไม่ได้ พีรกันต์ไม่สนใจอดีตเขาขอแค่ระหว่างที่คบกับเธอมีเขาเพียงคนเดียวก็พอแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเมื่อนิ้วยาวของเขาเข้ามาจนลึก เธอรู้สึกเจ็บแต่พอเขาขยับความเจ็บก็เปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านได้อย่างประหลาดและมันมากกว่าเมื่อครู่อยู่มากพีรกันต์รู้ขนาดของตัวเองดีเขาเลยต้องเตรียมความพร้อมกับเธอให้มากขึ้นอีกนิด ปากร้อนก้มไปสัมผัสกลีบทิวลิปสีสวยอีกครั้ง พร้อมขยับนิ้วเข้าออกปลายลิ้นตวัดเลียจุดกระสันจนร่างที่อยู่บนที่นอนดิ้นพล่านเนื้อตัวแดงระเรื่อผิวกายร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟที่แผดเผา“อื้อ....คุณกันต์”เสียงหวานครางอีกครั
พีรกันต์ช่วยพยุงสะโพกกลมให้ขยับหมุนวนและขึ้นลงเป็นจังหวะ จากช้ากลายเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจับจังหวะได้แล้วมือร้อนก็ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวขาวเนียน ปากกดจูบที่ยอดอกสวยก่อนจะดูดดึงจนแก้มตอบ“อื้อ...”“เนยจ๋า ดีอะไรอย่างนี้เก่งมาก เนยของผมเก่งที่สุด อ้า...ตอดดีมาก”เสียงเขาครางกระท่อนกระแท่นเมื่อผนังอ่อนนุ่มด้านในตอดรัดท่อนเอ็นร้อนแรงขึ้น ปลายหยักของท่อนเอ็นร้อนครูดไปตามผนังอ่อนนุ่มยิ่งกระตุ้นให้ช่องทางรักบีบรัดแรงขึ้นจนเขาครางอย่างพอใจ รัญรวีเงยหน้าขึ้นพยายามกลั้นเสียงครางเสียวซ่านเอาไว้ด้วยการกัดริมฝีปากตนเองแน่น แต่สะโพกกลับขยับอยู่ตลอดเพื่อรับเอ็นร้อนเข้าไปในตัวเองได้อย่างลึกที่สุด“แบบนี้คุณกันต์ชอบไหม ชอบให้เนยทำแบบนี้ไหม”เธอถามแล้วกดสะโพกหมุนวนอย่างยั่วยวน ชายหนุ่มก็สวนสะโพกเข้าอย่างหนักหน่วง“ชอบที่สุดเมียเก่งมาก”หญิงสาวชอบที่สุดเวลาเขาเรียกเธอว่าเมีย มันทำให้รู้สึกว่าความแต่งต่างระหว่างเธอกับเขาถูกหลอมละลาย เขาไม่ใช่เจ้าของโรงพยาบาลแต่เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังร่วมรักกับเธออย่างมีความสุข“อื้อ คุณกันต์ขา....”“แรงอีกนิดเนย กระแทกลงมาแรงๆ แบบนั้นเก่
“คุณไม่เชื่อใจผมเลยเหรอ”“เคยเชื่อค่ะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”“ผมสาบานเลยว่าไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน”“แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วนี่คะ”“ถึงผมจะรู้แต่ความรู้สึกของผมก็ยังเหมือนเดิมนะ ผมกับเนยจะแต่งงานกัน”“แล้วน้องข้าวหอมล่ะคะ นั่นลูกคุณนะคะ”“ข้าวหอมก็ยังเป็นลูกของผมอย่างเดิม ผมยินดีรับผิดชอบเรื่องลูกทุกอย่างแต่ไม่ได้หมายความว่าผมกับแม่ของแกจะกลับไปคืนดีกัน”“คุณพูดง่ายนะคะ แต่เนยว่ามันทำยากค่ะ”“มันทำยากแต่ผมก็คิดว่าผมทำได้นะ” เขายืนยันเสียงแข็ง“เนยไม่รู้ว่าคุณสองคนเลิกกันเพราะอะไร และโอกาสจะกลับมาคืนดียังมีอยู่ไหม แต่ถ้าคุณต้องทำเพื่อลูกเพื่อครอบครัวเนยยินดีถอยออกมาค่ะ”“ไม่นะเนย ผมไม่ยอมเสียคุณไปเด็ดขาด”“คุณจะเลือกอยู่กับเนยแล้วลูกคุณล่ะคะ”“ผมว่าไม่จำเป็นต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง ผมรักคุณและจะแต่งงานกับคุณในขณะที่ยังทำหน้าที่พ่อ ผมเชื่อว่าลูกของผมจะเข้าใจ”“น้องข้าวหอมแค่สี่ขวบเองนะคะ เนยว่ายากมากที่เด็กวัยนี้จะเข้าใจ”“ผมจะค่อยๆ บอกเธอเอง”“บอกตามตรงนะคะตอนนี้เนยสับสนไปหมดแล้วค่ะ ไม่รู้จะเอายังไงต่อ เนยรักคุณนะคะแต่ก็ไม่อยากให้ความรักของเนยทำลายครอบครัวของใคร”“ครอบครัวของผมมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้วนะ
พีรกันต์พาลินรดาออกมานอกสำนักงานให้ไกลพอที่คนด้านในจะไม่ได้ยินบทสนทนาของตนเอง“หลินบอกผมมาว่าทำไมลูกของหลินถึงเรียกผมว่าพ่อ”“ก็น้องข้าวหอมเป็นลูกของกันต์จริงๆ นี่”“อย่ามาพูดเรื่องเหลวไหลนะหลินเราเลิกกันไปนานแล้ว ก่อนเลิกหลินก็ยังไม่ท้อง”“ก็ใช่น่ะสิเราเลิกกันไปนานแล้วหลินย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นถึงได้รู้ว่าท้องลูกของกันต์”“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้เพราะอะไรกัน""เพราะหลินคิดว่าหลินดูแลลูกได้ไม่จำเป็นต้องมีพ่อ”“แต่คุณก็พาลูกมาเจอผม”“หลินไม่ได้ตั้งใจจะให้ข้าวหอมมาเจอกันต์หรอกนะ”“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ”“หลินก็แค่มาดูบ้านแต่บังเอิญเจอก็เท่านั้นเอง”“แล้วคิดจะบอกเรื่องนี้กับผมตอนไหน”“ไม่เลยหลินไม่เคยคิดจะบอก”“คุณใจร้ายมากนะถ้าข้าวหอมเป็นลูกของผมจริงๆ ผมก็ต้องมีสิทธิ์ในตัวเธอ”“คุณจะเอาสิทธิ์อะไรมาอ้างในเมื่อตอนนี้คุณก็มีผู้หญิงคนอื่นแล้ว”“สิทธิ์ของความเป็นพ่อไง”“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”“ก็หมายความว่าผมจะเป็นพ่อของข้าวหอม”“หมายถึงแล้วจะกลับมาคบกันเหรอคะ”“ผมก็พูดชัดเจนอยู่นะหลินว่าผมจะเป็นพ่อของข้าวหอมแต่เรื่องระหว่างผมกับคุณมันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว” เขาไม่คิดจะกลับไปคืนดีกับลินรดาเพรา
รัญรวีนอนเล่นมือถือและเผลอหลับอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็ตอนที่โซฟามีคนมานั่ง“คุณกันต์”“ผมเองหิวไหม ผมซื้อข้าวมาให้นะ”“ยังไม่หิวค่ะ คุณเอากระเป๋ามาทำไมคะ”“ผมจะย้ายมาอยู่ที่นี่ไง”“ใครชวนกัน หรือเมื่อคืนตอนเมาเนยชวน”“ก็ใช่น่ะสิ” เขาเอาเรื่องเมามาอ้างทั้งที่ตัวเองเป็นคนอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะรู้ว่าถ้าชวนเธอไปอยู่ด้วยหญิงสาวคงไม่ยอมแน่ๆ“อย่าจริงจังกับคำพูดของคนเมาเลยนะคะ”“รังเกียจผมเหรอ” เขาถามพลางทำหน้าเศร้า“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เนยแค่กลัวคนอื่นจะรู้”“กลัวทำไม หรือคุณไม่คิดจะบอกคนอื่นว่าเราเป็นอะไรกัน"“มันเร็วไปหรือเปล่าคะ”“ไม่นะเนย เราสองคนไม่ใช่เด็กแล้วนะ”“แต่คุณกับเนยต่างกันมากนะคะ คุณเป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลแต่เนยเป็นแค่พยาบาลในโรงพยาบาลของคุณเท่านั้นนะคะ เขาคงมองว่าที่เนยคบกับคุณก็เพื่อเงิน” รัญรวีไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยแต่เธอเริ่มกังวลเมื่อความสัมพันธ์มันเกินกว่าแค่แฟนธรรมดา“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยเรารักกันด้วยใจ คุณเป็นแฟนผมก่อนที่จะรู้ว่าผมคือใคร”“คนอื่นคงไม่คิดแบบนั้นหรอกค่ะ”“ผมไม่สนใจคนอื่น ครอบครัวผมก็คงคิดแบบเดียวกัน ถ้าคุณพร้อมเมื่อไห
คำพูดที่ได้ยินทำให้รัญรวีรู้ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นเธอ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็ยากที่จะปฏิเสธ เขาทำให้เธอได้พบกับความสุขแบบนี้ไม่เคยได้รับแต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบเพียงแค่นี้เธอครางสะท้านและสั่นไปทั้งตัวอีกครั้งเมื่อนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปยังกลางกายทีละนิด มันคับแน่นจนพีรกันต์แปลกใจอยู่ไม่น้อยเธอบอกเขาว่าไม่ใช่ผู้ชายคนแรกแต่ช่องทางรักยังคับแน่น“อ๊ะ! เนยเจ็บ”“ไหนว่าผมไม่ใช่ผู้ชายคนแรก”ชายหนุ่มคิดว่าครั้งสุดท้ายที่รัญรวีนอนกับผู้ชายน่าจะนานมาแล้ว เขาไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะรับเรื่องนี้ไม่ได้ พีรกันต์ไม่สนใจอดีตเขาขอแค่ระหว่างที่คบกับเธอมีเขาเพียงคนเดียวก็พอแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเมื่อนิ้วยาวของเขาเข้ามาจนลึก เธอรู้สึกเจ็บแต่พอเขาขยับความเจ็บก็เปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านได้อย่างประหลาดและมันมากกว่าเมื่อครู่อยู่มากพีรกันต์รู้ขนาดของตัวเองดีเขาเลยต้องเตรียมความพร้อมกับเธอให้มากขึ้นอีกนิด ปากร้อนก้มไปสัมผัสกลีบทิวลิปสีสวยอีกครั้ง พร้อมขยับนิ้วเข้าออกปลายลิ้นตวัดเลียจุดกระสันจนร่างที่อยู่บนที่นอนดิ้นพล่านเนื้อตัวแดงระเรื่อผิวกายร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟที่แผดเผา“อื้อ....คุณกันต์”เสียงหวานครางอีกครั
พีรกันต์มองหน้าคนรักที่อยู่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นผสมไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ“ตอนนี้เราเป็นอะไรกันคะ”“เป็นแฟน”“แล้วผู้หญิงที่คุณพาไปโรงพยาบาลล่ะคะ”“ก็บอกแล้วว่าเป็นน้องสาวข้างบ้าน”“แต่เนยไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเธอเลย”“เอวาเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ”“แน่เหรอ ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม”“ผมจะหลอกคนที่ผมรักทำไม”“คุณกันต์ น่ารัก ปากหวาน”“เคยชิมเหรอถึงได้รู้ว่าหวาน”“ถ้าอย่างนั้นขอชิมได้ไหม”หญิงสาวไม่รอให้เขาตอบเธอโน้มใบหน้าลงมาใกล้แล้วแตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของชายหนุ่มเบาๆ แต่คนที่รอจังหวะอยู่ก่อนแล้วก็ไม่ปล่อยเธอทำเพียงแค่นั้นเขาใช้มือดันท้ายทอยของเธอไว้แล้วจูบแผ่วเบาไปบนเรียวสีสวย ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอรับเขาเมื่อถูกเขาปลุกเร้า ด้วยความชำนาญ ฝ่ามือหนาเคลื่อนไปตามผิวเนียนนุ่ม“อื้อ...”เธอครางประท้วงเมื่อรู้สึกจูบของเขามันมากกว่าที่ตนเองคิดไว้“หวานไหม” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู จมูกโด่งคลอเคลียอยู่อยู่ที่ซอกคอระหง“พอได้”“แค่พอได้เองเหรอ”“แล้วจะให้ตอบยังไง”“ก็ตอบว่าชอบอยากให้จูบอีก”“ถ้าตอบแบบนั้นเนยจะได้อะไร”“อยากได้อะไรล่ะ”“อยากให้คุณกันต์มองแค่เนยคนเดียว ห้ามมีคนอื่น”“
ผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้วที่รัญรวีกับพีรกันต์รู้จักกัน หญิงสาวอุ่นใจขึ้นมากเพราะมันเกินสามเดือนอย่างที่เคยได้ยินมาตอนนี้รัญรวีไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลของเขาค่อนข้างบ่อยเพราะได้เงินดีกว่ารับขึ้นเวรที่โรงพยาบาลเดิม เวลาที่ได้เจอกับพีรกันต์ก็ลดน้อยลงไปบ้างแต่เขาก็เข้าใจเธอดีแม้ว่าจะได้ทำงานที่เดียวกันแต่เธอและเขาก็ไม่เคยเจอกันที่โรงพยาบาลเลยและที่นั่นก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอกับพีรกันต์กำลังคบหากันอยู่นอกจากจริญญาแต่เธอก็ไม่เคยบอกคนอื่น“ต่ายมาทำงานที่นี่นานหรือยัง” รัญรวีถามเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันหลังจากทั้งสองทำงานในส่วนที่รับผิดชอบเสร็จในเวลาสามทุ่มพรชนกหรือต่ายเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนก็ทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับรัญรวีแต่คนละแผนก แต่ตนเองนั้นลาออกจากโรงพยาบาลของรัฐบาลเพื่อไปดูแลมารดาที่ป่วยพอมารดาเสียชีวิตก็เลยกลับมาทำงานที่กรุงเทพอีกครั้ง“เข้าปีที่สองแล้วล่ะ”“มันดีไหม ถ้าเทียบกับที่เดิม”“ในมุมมองของเรา เราก็ว่าดีนะ ถึงแม้ไม่ใช่ข้าราชการแต่ก็มีกองทุนประกันสังคมให้ ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรีเพียงแต่พ่อแม่เบิกไม่ได้แต่เราไม่เดือดร้อนเพราะไม่มีพ่อแม่แล้ว สิ้นปีก็มีโบนัส วันหยุดวันลาพักร้อนก็มีเ
เมื่อมาถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่กำลังก่อสร้างพวกเขาทั้งสามก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ขนาดห้องที่นี่ไม่ได้กว้างเท่าแห่งแรกที่ไปดูและราคาต่ำสุดก็ห้องละ 2.9 ล้านบาทซึ่งแพงมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนของรัญรวี“อีกนานไหมคะกว่าคอนโดจะสร้างเสร็จ” จริญญาเป็นคนเริ่มต้นถาม“ถ้าเสร็จพร้อมเข้าอยู่ก็คงอีก 2 เดือนค่ะ ตอนนี้ห้องเหลือให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ทางเรามีส่วนลดให้ 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับคนที่มาจองทีหลังเพราะถือว่าไม่ได้สิทธิ์เลือก และมีส่วนลดของคุณกันต์อีก 25 เปอร์เซ็นต์รวมเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ”“เหลือเท่าไหร่คะ”“เหลือสองล้านเก้าหมื่นสามพันค่ะ แต่ถ้าจองภายใน 7 วันที่มาดูเราลดให้เหลือสองล้านค่ะ” พนักงานบอกตามที่เจ้านายโทรศัพท์มาสั่ง“น่าสนใจดีนะเนย”“เราลดให้ทั้งสองห้องเลยนะคะ สนใจจองเลยไหม”“ถ้าห้องเดียวลดไหมคะ”“ลดค่ะ จะกี่ห้องก็ลดตามนี้เลยค่ะ”“ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ” แม้จะถูกใจกับราคาและห้องมากแต่รัญรวีก็อยากขอเวลาคิดดูก่อน“ทำไมล่ะเนย ผมว่าราคานี่โอเคเลยนะ มันถูกมาก”“ค่ะ มันถูกมากแค่เนยก็อยากขอเวลาคิดอีกนิดค่ะ”“ฉันขอเบอร์โทรศัพท์คุณไว้หน่อยไหมคะ เผื่อมีโปรโมชันอะไรเพิ่มเติมจะได้โทรไปแจ้ง
โครงการคอนโดมิเนียมที่รัญรวีและจริญญามาดูนั้นเป็นโครงการขนาดกลาง มีซึ่งมีอยู่หลายตึกแต่ละตึกก็มีลักษณะห้องที่แตกต่างกันไปเมื่อหญิงสาวบอกว่าอยากจะดูห้องขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากเพราะอยู่คนเดียวพนักงานขายจึงพาเธอมาดูห้องตัวอย่าง“เชิญตามสบายนะคะ ถ้าสงสัยตรงไหนสอบถามได้ตลอด ฉันจะรออยู่นอกห้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”“ห้องน่าอยู่ดีนะเนยขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง”“เนยก็ชอบนะ ราคาก็พอรับได้”“แต่ถ้าซื้อที่นี่เวลาไปทำงานก็คงต้องนั่งรถเมล์ไป ถ้าเวรเช้าก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าเวรบ่ายกับดึกล่ะ”“เราก็กำลังคิดเรื่องนี้ แต่ถ้าให้ซื้อคอนโดด้วยซื้อรถด้วยก็คงผ่อนไม่ไหวหรอก”“หรือเราจะอยู่ที่เดิมไปก่อนละเนยคนอื่นเขาก็ทำงานพาร์ทไทม์กันนะไม่เห็นมีใครจะย้ายออก”“ที่เนยอยากย้ายออกไม่ใช่เพราะเรื่องทำงานพาร์ทไทม์อย่างเดียวหรอกนะจุ๋ม”“แล้วเพราะอะไร” จริญญาไม่เคยรู้เหตุผลของเพื่อนมาก่อนว่าทำไมถึงอยากจะย้ายออก“เนยไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่ที่ไหนเลย เนยก็อยากมีพื้นที่ที่เป็นของเนยจริงๆ บ้าง อย่างจุ๋มยังมีบ้านให้กลับแต่เนยมีแค่หอพัก”“เนยอึดอัดเหรอที่อยู่หอ”“มันก็ไม่ถึงกับอึดอัดหรอกนะ แต่มันเล็กแล