นาย มองนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วถอนหายใจออกมา กว่าสองชั่วโมงที่เค้านั่งรอเธอ ป่านนี้งานคงเริ่มไปแล้วกว่าจะไปถึง แขกสำคัญคงกลับหมด เค้าถอนหายใจและก้มหน้าลงกับมือถืออีกครั้ง
น้องหญิงยังแต่งตัวไม่เสร็จ เค้าไม่เคยรู้เลยว่า ผู้หญิงต้องอาบน้ำแต่งตัวนานขนาดนี้ คุณแม่เค้าใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียวก็เสร็จเรียบร้อย แม้จะออกงานที่หรูหราขนาดใหญ่ ช่างหน้าช่างผมจะต้องถูกนัดมาก่อนล่วงหน้า และ ไม่เคยมีผิดพลาด หรือแม้แต่นิตา ก็ไม่เคยทำให้เค้ารอนาน
นิตา เธอใช้เวลา แต่งหน้าทำผมไม่ถึงครึ่งชั้วโมงก็เสร็จเรียบร้อย หน้าใสผิวขาวละเอียด แต่งหน้าน้อยกว่าน้อย นิตามักจะบ่นเสมอว่า เธอไม่ค่อยชอบแต่งหน้า อาจเป็นเพราะผิวบางแพ้ง่าย และไม่ค่อยชอบแต่งหน้ามากๆ นิตาจึงทาเพียงครีมกันแดด แป้งฝุ่น เขียนคิ้ว ปัดแก้ม และ ทาปากด้วยลิปกรอสเท่านั้น แต่ก็ดูน่ารักน่ามองไม่ใช่น้อย
เสียงหวานทักทายก่อนจะลงมา
"พี่นาย หญิงขอโทษที่ให้รอนานนะคะ งานใหญ่แบบนี้ ต้องแต่งเต็มที่ค่ะ"
เสียงหวานบอกแล้วยิ้มน้อยๆออกมา น้องหญิงแต่งหน้าเต็มมาก ขาตายาวเป็นแพกระพือเหมือนกันสาด นายอดคิดตามที่นิตาพูดไม่ได้
"นิตาไม่ชอบติดขนตาค่ะ มีแค่ไหนใช้แค่นั้น ดัดนิดๆปัดหน่อยๆพอแล้ว"
เธอเคยบอกเค้าแบบนี้ ร่างบอบบางในชุดราตรีแบรนด์หรูสีดำสนิท เครื่องประดับวิบวับแพรวพราวทั้งตัวดูสวยและแพงมาก นายแอบถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนให้น้องหญิงเกาะแขน
"ไปกันเลยนะครับ" เค้าบอกออกมาแล้วเดินออกจากบ้านหรูอย่างรำคาญใจ
กว่าสามชั่วโมงกว่าที่เค้านั่งรอเธอ นายเพิ่งรู้ว่าการรอคอยใครสักคนมันเหนื่อยขนาดไหน แม้จะมีโทรศัพท์ให้เล่นฆ่าเวลาแต่มันน่าเบื่อมากที่ต้องรอ นิตาคงเบื่อมากใช่ไหมที่ต้องรอพี่นายมาตลอด คงเบื่อที่เค้าไม่มีเวลาให้ เธอถึงได้ทิ้งเค้าไป
เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในงานวันนี้ งานเปิดตัวคอนโดริมทะเลแห่งใหม่มูลค่าหลักพันล้าน ทำให้เค้าต้องมาร่วมงาน นักข่าวสังคมขอถ่ายรูปเค้าคู่กับน้องหญิงหลายรูป หลายสำนัก เสียงชื่นชมในความเหมาะสมดังเข้าหู มีเสียงถามไถ่ถึงข่าวดีเป็นระยะ เค้ากับน้องหญิงรู้จักกันมาเกือบสองปีแล้ว บางทีอาจจะถึงเวลาที่เค้าจะต้องตัดสินใจจริงๆสักที ข่าวดีคงเกิดขึ้นไม่นานนี้ คือคำตอบของเค้าที่บอกออกไป คนข้างที่เกาะแขนยิ้มอายทันทีที่ได้ฟังคำตอบ เสียงฮือฮาดังออกมาเป็นระยะ
'นักธุรกิจหนุ่มไฮโซรวยจริง กับ ทายาทไฮโซตระกูลดัง ประกาศข่าวดี เร็วๆนี้' พรุ่งนี้คงจะมีหัวข้อข่าวในวงสังคมแบบนี้แน่ๆ นายคิดในใจ
นิตาทอดปลา กับ ผัดผัก เป็นอาหารมื้อเย็นวันนี้เสียงทีวีดังแว่วๆเป็นระยะ เธอรีบเร่งทำอาหารอย่างรวดเร็ว งานวันนี้เยอะมากเธอเหนื่อยเหลือเกิน กินข้าว อาบน้ำ และพาลูกเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นมาอบขนม และไปซื้อของมาเพิ่มอีก นิตาคิดในใจ มือบางตักกับข้าวขึ้นจากกะทะแล้วเรียกลูกสาวให้เดินมาทานข้าวในครัว เธอจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว น้ำหนึ่งก็ยังไม่เดินมา นิตาเดินมาออกมาดู แล้วก็เห็นลูกสาวกำลังระบายสีอย่างเพลิดเพลิน
"น้ำหนึ่งทานข้าวค่ะ"
นิตาส่งเสียงดุออกไป ลูกสาวเงยหน้ามามองแล้วลุกขึ้น
"เก็บของค่ะ แล้วไปล้างมือ"
เธอย้ำกับลูกสาวแล้ว ปิดประตูบ้านให้สนิท และเดินไปปิดทีวี สองแม่ลูกล้างมือเตรียมตัวทานอาหารเย็นอย่างง่ายๆ เสียงพูดคุยกัน
"แม่จ๋าทำไมแม่จ๋าอบขนม" ลูกสาวถามแม่
"แม่จ๋าอบขนมขายจะได้มีเงินไงคะ"
เธอตอบออกไป "แล้วทำไมแม่จ๋าชอบอบ"
นิตาอยากจะตอบลูกสาวเหลือเกินว่า แม่ไม่ได้ชอบอบขนมสักนิด อบขนมทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ตีแป้งจนกล้ามแขนขึ้น ปวดมือไปหมด นิตามองดูมือตัวเองที่เคยเรียวยาว ขาวใส ไม่มีรอยแผลสักนิด บัดนี้มีรอยมีดบาดเพราะปอกเปลือกกล้วย รอยถาดขนมที่ร้อนๆโดนมือ หลายแผล มือคนทำงานจะไปเนียนไปนุ่มไปสวยได้อย่างไร นิตาแกะปลาใส่จานให้ลูกสาว แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
เสียงน้ำหนึ่งอาเจียนออกมาเป็นระยะ ทำให้คนเป็นแม่ใจคอไม่ดี นาฬิกาข้างฝาบอกเวลาสี่ทุ่ม มือบางกดโทรศัพท์หาคุณหมอทันที เสียงหวานเอ่ยอย่างตระหนกออกไป คนรับรับคำเพียงคำเดียวแล้วรีบแต่งตัวออกมาทันที รถเอสยูวีจอดที่หน้าบ้านหลังจากที่โทรออกไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นิตาเปลี่ยนเสื้อผ้ารอแล้ว เธอเตรียมพร้อมจะไปโรงพยาบาล เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาเธอรีบเปิดประตูบ้านอย่างรวดเร็ว หมอคินสวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ดูเหมือนวัยรุ่น เดินตรงเข้ามาในบ้านอุ้มน้ำหนึ่งแนบกับอก แล้วรีบเดินออกไป เค้าสั่งให้เธอนั่งเบาะหลังกับลูกเผื่อจะให้น้ำหนึ่งนอนไปเลย นิตาเกรงใจมากแต่รับคำ หมอยิ้มออกมา"ไม่ต้องห่วงนะครับไปฉีดยาเข็มเดียวก็หายแล้ว"ฉีดยาหรอ หน้าตาคนฟังซีดไปอีก เธอก็กลัวเข็มเป็นที่สุด หมอคินมองหน้าลูกหน้าแม่แล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ น้ำหนึ่งคงกำลังเพลียคล้ายจะหลับ เค้าจึงพูดออกมา"นิตาก็กลัวเข็มหรอครับ" เธอก้มหน้าลงเหมือนเด็กน้อย พยักหัวแทนคำตอบ หมอคินยิ้มออกมา"เจ็บนิดเดียวดท่านั้นครับ" หมอหนุ่มปลอบใจรถมาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง พนักงานเปลรออยู่เมื่อรถจอด ประตูด้านหลังเปิดออกทันที พร้อมกับคนขับลงมา เสียงทักทายหมอคินดังออกมา น
ภาพชายหนุ่มเนื้อตัวกำยำกำลังขับเคลื่อนร่างกายลงบนร่างบางใต้ร่างของตัวเองอย่างเนิบนาบแต่แฝงไปด้วยความดุดัน สร้อยคอทองคำขาวเส้นบางที่ห้อยบนคอ ส่งเเสงประกายวิบวับสะท้อนแหวนเพชรเเบบเรียบหรูที่ประดับเพชรเม็ดเล็กไว้ด้านใน สั่นไหวยามเจ้าตัวขยับเอวโยกคนใต้ร่างอย่างหนักหน่วง เสียงหวานร้องครางดังออกมายิ่งทำเค้าเร่งความแรงและความเร็วของสะโพกใส่คนใต้ร่าง เสียงพูดที่พูดออกมาทั้งหยาบคายไม่เหมือนชายหนุ่มที่แสนสุภาพที่ใครๆได้เคยรู้จัก"ร่านนักใช่ไหม นิตา อยากโดนพี่เอามากใช่ไหม ถึงได้ยั่วพี่ขนาดนี้ ตัวแต่นี้อยากจะโดนเอา พี่จะสนองให้เอง"นิตาหลับตาลงกัดฟันกลั้นน้ำตากับคำพูดดูถูกเหยียดหยาม ของชายในฝันของเธอ กว่ายี่สิบปีที่เธอลืมตาดูโลกใบนี้ พี่นายคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ปลุกจากความฝันอันแสนหวานปนเศร้า กว่าสามปีที่เธอฝันถึงเค้า ผู้ชายคนที่เธอรักสุดหัวใจนิตาลุกขึ้นปิดนาฬิกาปลุก แล้วค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า ภาพความทรงจำที่เธอกับเค้าร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนแค่เพียงคืนนั้นคืนเดียว ถึงกับเปลี่ยนชีวิตของเธอมาถึงวันนี้ สาวน้อยวัยยี่สิบปี เรียนมหาวิทยาลัยปีสาม ดาวคณะที่สวย รว
เสียงพูดคุยเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เด็กหญิงวัยสามขวบเศษ นั่งลงเล่นตุ้กตาตัวน้อยในมืออย่างสนุกสนาน คุณภิภพ และคุณนัยนา ผู้เป็นผู้ปกครองของชายหนุ่มวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างนามว่า น้องนาย หรือตอนนี้ กลายเป็น พี่นาย ของสาวน้อยนิตาไปแล้ว นั่งมองสาวน้อยลูกสาวเพื่อนรักด้วยความเอ็นดูนิตา ลูกสาวคนเดียวของนายตรีชิต และแม่พิม สาวน้อยตัวเล็กที่เป็นที่รักของทุกคนในบ้าน กว่าแม่พิมจะให้กำเนิดนิตามาได้ก็อายุค่อนข้างมากแล้ว สาวน้อยจึงได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีที่สุด ตามใจที่สุด ตามที่นิตาอยากได้ และ ไม่มีอะไรที่นิตาอยากได้แล้วจะไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นตุ้กตาราคาแพง ของเล่น หรือ แม้แต่พี่นาย นิตารักพี่นายเหลือเกิน แม้ว่าบางทีพี่นายจะดุ จะบ่น แต่พี่นายก็ตามใจเสมอ และยอมเล่นกับนิตาเมื่อว่างเสมอด้วยวัยที่ห่างกันรอบนึง พี่นายกำลังเป็นวัยรุ่น สาวน้อยยังเรียนประถมอยู่นั้นทำให้มีช่องว่างมากขึ้น พี่นายมักจะมีเพื่อนๆมาติวหนังสือ เล่นเกมส์กล่องที่ยากๆแบบที่นิตาไม่เข้าใจ ช่วงหลังนิตาจึงเหงาอยู่คนเดียว วันนี้พี่นายชวนเพื่อนมาเล่นต่อคำภาษาอังกฤษสาวรุ่นมอปลายหลายคนต่างมองและชื่นชมในตัวนายอย่างเห็นได้ชัด หนุ่มฟันเหล็กหน
นิตา สาวน้อยมอปลาย สวมชุดเดรสสั้น พร้อมกระเป๋าแบรนด์ดังเดินเร็วๆขึ้นมาชั้นบนสุดของตึก เลขาสาวใหญ่ยิ้มทักอย่างคุ้นเคยนิตายกมือไห้วทำความเคารพแล้วถามถึง พี่นาย เลขาแจ้งว่าบอสประชุมอยู่ นิตาพยักหน้ารับรู้แล้วผลักประตูเข้าไปรอในห้อง เลขาส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจนิตานั่งรอสักพักก็อดเบื่อไม่ได้ มือบางส่งไลน์รัวๆไปกว่าร้อยข้อความ พี่นายก็ไม่อ่านสักนิด เธอมารอเค้ากว่าสองชั่วโมงแล้ว น้ำส้มหมดไปสองแก้ว จานขนมวางเต็มโต๊ะรับแขกแต่ไม่ได้รับการสนใจ นิตามองออกไปข้างนอกฟ้าเริ่มมืดแล้ว รอบหนังเลยไปกว่าชั่วโมงแล้วแต่พี่นายยังทำงานไม่เสร็จ สองทุ่มกว่าแล้ว นิตาลุกขึ้นยืน เเล้วเดินออกจากห้องไปโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ออกจากห้องประชุม เลขาสาวใหญ่ยิ้มหน้าเจื่อนกว่าห้าชั่วโมงที่เธอมารอเค้า นัดกันแล้วแท้ๆนายเดินออกมาจากห้องอย่างเหนื่อยอ่อน งานด่วนมีปัญหาการประชุมด่วนวันนี้กินเวลาไปกว่าเจ็ดชั่วโมง เค้ามองนาฬิกาข้อมือ สามทุ่มกว่าแล้ว นิตาคงรอแย่ เลขาแจ้งว่านิตามารอ เค้าไม่ได้เปิดไลน์อ่านเพราะอยากจะตั้งสมาธิทำแต่งาน ห้องทำงานว่างเปล่า นิตากลับไปแล้ว เกือบสองชั่วโมง น่าจะถึงบ้านแล้ว มือหนากดโทรหานิตา เป็นดังคาด เธอ
เสียงเพลงคลาสสิกเปิดคลอเบาๆในร้านขนมชื่อดังที่ตั้งอยู่กลางสวนสวยในโรงแรมหรู นานแค่ไหนแล้วที่เค้าไม่เคยมานั่งในสถานที่แบบนี้ ร้านขนม ร้านไอติม ห่างไกลกับชีวิตของเค้าเหลือเกิน เสียงหวานสุภาพ เอ่ยสั่งขนมนานาชนิด และ ชากลิ่นกุหลาบ เสริฟมาพร้อมกัน'น้องหญิง' สาวสวยวัยเพียงยี่สิบหกปี จบการศึกษาจากต่างประเทศ ลูกสาวคนเดียวของท่านทูตตระกูลดัง ร่ำรวยและสวยหรู กิริยามารยาทเรียบร้อย แถมยังเหมาะสมกับเค้าที่สุดในเวลานี้พนักงานนำขนมนานาชนิดมาเสริฟอย่างรวดเร็ว เค้าขยับตัวแล้วเตรียมบริการเธออย่างที่เคยทำ สายตาเหลือบไปเห็นบลูเบอรี่ชีสเค้ก ชิ้นเล็กในจานก็อดเคยตัว ตักใส่จานตัวเองไม่ได้ ในสมองมีแต่ความทรงจำเกี่ยวกับขนมชนิดนี้มือบางของสาวน้อยวัยสิบหกปี ประคองถือจานแก้วใบใหญ่ที่มีขนมหน้าตาไม่งามนักวางมาเต็มจาน เสียงหวานดังมาก่อนตัว"คุณลุง คุณป้า พี่นายขา นิตาทำขนมมาฝาก"ระหว่างมื้อเย็น นิตาถือจานขนมขนาดใหญ่มาวางบนโต๊ะ ท่าทางไม่ใช่มืออาชีพ ตัวฐานยังไม่แน่นถึงได้แตกน้อยๆ แถมยังโปะบลูเบอรรี่มาเต็มที่ หน้าที่ควรจะสวยจึงไหลออกมานอกถาด หน้าสวยยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ คุณนัยนาแม่ของเค้ายิ้มอย่างเอ็นดู หลังจากฟัง