“ม่านอยากเอากระดูกของแม่ไปลอยอังคารที่ทะเลค่ะ” สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้แม่ได้ก็คือส่งแม่ไปในที่ที่มีแต่ความสงบ น้ำตาของม่านมุกยังไม่เหือดแห้ง เธอร้องไห้ทุกวันหลังจากที่แม่เสีย
“เดี๋ยวอาจัดการให้”
“ขอบคุณอาธรรศมากนะคะที่ช่วยม่านทุกอย่าง”
ธรรศอยู่เคียงข้างเธอตลอดตั้งแต่ที่แม่เสีย ม่านมุกยอมรับว่าถ้าไม่มีเขา เธอก็คงเคว้ง คงไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ธรรศเป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เธอรู้จัก
ตั้งแต่เด็กจนโต ม่านมุกไม่เคยเห็นญาติพี่น้องของพ่อกับแม่ และยิ่งกว่านั้นท่านทั้งสองไม่เคยเอ่ยถึงด้วยซ้ำ จำความได้ว่าตอนเด็ก ๆเคยเอ่ยปากถามอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรตอบกลับมา
“อายินดีทำให้หนูม่านทุกอย่าง”
ชีวิตของม่านมุกเป็นของเขา เด็กสาวเหลือตัวคนเดียวและแน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยให้ไปไหนแน่ ไม่มีวันให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
“คืนนี้เราจะค้างที่นี่ พรุ่งนี้เย็นค่อยกลับไร่”
คิดเอาว่าถ้าให้ม่านมุกอยู่ในสถานที่เดิม ๆ ที่ที่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่ เด็กสาวอาจจะยิ่งทุกข์และคิดถึงแม่มากจนส่งผลกระทบร้ายแรงกับความรู้สึก
“อาธรรศค้างได้เหรอคะ”
ธรรศทิ้งไร่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอตั้งแต่วันที่แม่เสีย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ม่านมุกเองก็รู้สึกเกรงใจอาหนุ่ม เธอไม่ได้อยากให้เขาให้ความสำคัญอะไรมาก
เพราะอย่างที่รู้ ๆกัน
จุดประสงค์ที่ต้องมาเจอและใกล้ชิดกันเป็นเพราะเธอต้องการเงินมารักษาแม่
ตอนนี้ แม่ไม่อยู่แล้ว
แต่เงินที่ธรรศให้ ยังคงมีเหลืออยู่
“อาจะปล่อยให้หนูม่านอยู่คนเดียวได้ยังไง”
สิ่งพิเศษของเขาคือสามารถคาดเดาความคิดของคนอื่นได้ แม้เดาไม่ถูกทั้งหมด แต่ก็พอคาดเดาได้บางส่วนและตอนนี้ เขารู้ว่าม่านมุกกำลังคิดอยากจะให้เรื่องระหว่างเธอกับเขาสิ้นสุดลง
ไม่มีทาง
“ม่านมีเรื่องอยากคุยกับอาธรรศค่ะ”
“ว่ามาสิ”
ม่านมุกถอนหายใจคล้ายว่ากำลังลำบากใจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา แต่ถ้าไม่พูด เธอก็จะไม่ได้ไปจากธรรศ
“แม่ไม่อยู่แล้ว ม่านก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ม่านอยากคืนเงินที่เหลือให้อาธรรศส่วนที่ใช้ไป ม่านจะรีบหามาใช้คืนให้เร็วที่สุดค่ะ”
รู้ทั้งรู้ว่าหลังจากที่แม่เสีย ม่านมุกต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ยอมรับว่ารู้สึกกลัว รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวแต่ก็ยังคิดว่าธรรศเองก็ไม่ใช่ที่พึ่งที่เธอสมควรฝากชีวิตไว้
ต่อให้พ่อกับแม่จะบอกว่าเขาเป็นคนดี เป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจได้ แต่เธอก็อยากถอยห่างจากเขาและอยากใช้ชีวิตด้วยตัวเองมากกว่า
“อาไม่ได้อยากได้เงินคืน อาอยากได้หนูม่าน เราตกลงกันแล้ว ยังไงหนูม่านก็ต้องอยู่กับอา” จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยประกายตาแน่วแน่
มาซบอกเขาไม่กี่วัน นกน้อยก็อยากบินจากไปเสียแล้ว ยังไม่ทันได้เข้ามาอยู่ในกรงทอง นกน้อยตัวนี้ก็อยากกระพือปีกบินสู่โลกกว้างโดยลำพัง
มันไม่ง่ายขนาดนั้น
“ม่านต้องอยู่กับอาธรรศอีกนานแค่ไหนคะ”
ย้อนถามด้วยน้ำเสียงสั่น ธรรศไม่ปล่อยเธอ เขาคงยังพอใจและติดใจกับความสาวความสวยของเธออยู่
“ไม่รู้สิ ตอนนี้อารู้แค่ว่าอาต้องการหนูม่าน”
ยิ้มอย่างคนเอาแต่ใจ ม่านมุกเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง เด็กสาวรับข้อเสนอวาบหวามด้วยความเต็มใจ
แล้วจะมาขอยุติง่าย ๆแบบนี้ไม่ได้
เป็นของเขาก็ต้องเป็นไปตลอดชีวิต
“อาธรรศควรกำหนดเวลาชัดเจนให้ม่านนะคะ ม่านไม่อยากอยู่กับอาธรรศไปตลอดชีวิต” บอกด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างนิด ถ้าธรรศคิดจะเลี้ยงเธอไว้เป็นนางบำเรอของเขา ก็ควรต้องกำหนดระยะเวลาให้เธอบ้าง อย่างน้อยหลังจากนี้ จะได้วางแผนใช้ชีวิตหลังจากที่หลุดพ้นไปจากเขา
“เอาเป็นว่าถ้าอาอยากให้หนูม่านไปจากอา อาจะบอกหนูม่านเอง”
ไปจากเขาเหรอ ?
ไปฝันเอาเถอะ
ไหนแม่เคยบอกว่าธรรศเป็นคนดี แบบนี้เหรอคนดีอย่างที่แม่พูดไว้ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่เลยสักนิด
ขนาดเธอเป็นลูกสาวเพื่อนของธรรศ เขาก็ยังเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง
คนดีในคราบนักบุญคงเหมาะกับฉายาของธรรศที่สุด
“อาธรรศตื่นนานแล้วเหรอคะ ?” หลังจากที่แนบชิดกัน ม่านมุกก็ผล็อยหลับอยู่บนโซฟา ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนแล้ว ธรรศอุ้มเธอมานอนบนเตียงทำเหมือนครั้งก่อนขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง ดึงผ้านวมขึ้นมาปิดตัว พลางมองไปยังธรรศที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดตาเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ“อาตื่นก่อนหนูม่านแป๊บเดียว”ธรรศเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า กายหนาดึงปมสายคาดเอวชุดคลุมอาบน้ำออกแล้วถอดมันออกไปกองที่พื้นเหมือนถูกมนต์สะกด ม่านมุกล็อกสายตาอยู่กับกายกำยำ เห็นแค่ส่วนด้านหลังทว่าใจกับกายกับรู้สึกหวิววาบพอธรรศหันมาทั้งตัว คนที่นั่งอยู่บนเตียงก็รีบก้มหน้างุด สองมือขยุ้มผ้านวมแน่นเห็นมาก็หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่หายตื่นเต้นสักที“อีกหน่อยก็ชิน” ธรรศพูดปนขำ เห็นพวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อของม่านมุกแล้วดึงดูดให้ย่างกายเข้าไปหากายหนาคลานเข่าขึ้นไปบนเตียงแล้วยืนด้วยหัวเข่าอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายจับปลายคางเล็กให้เงยขึ้น“ร่างกายของอาเป็นสิทธิ์ของหนูม่าน”รวมถึงหัวใจของเขาด้วยแต่ถึงบอกไป ม่านมุกก็คงไม่เชื่อ เด็กสาวคงคิดว่าเป็นแค่ลมปาก ไม่ได้มีความจริงจังใด ๆ“ร่างกายของหนูม่านก็เป็นสิทธิ์ของอา”ดึง
“อาขอโทษ”“อาธรรศไม่จำเป็นต้องขอโทษม่านหรอกนะคะ อาธรรศไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ม่านอยากให้อาธรรศมั่นใจว่าตอนที่ม่านอยู่กับอาธรรศ ม่านไม่มีวันทำผิดต่ออาธรรศค่ะ ม่านรู้หน้าที่ของตัวเองดี”ไม่รู้ว่าต้องอยู่รับใช้ธรรศในฐานะคนร่วมเตียงไปอีกนานแค่ไหน แต่ในระหว่างที่อยู่กับเขาเธอจะซื่อสัตย์ ไม่ทรยศหักหลังเขาแน่“ยังไงอาก็ต้องขอโทษหนูม่านอยู่ดี” เอื้อมมือมาจับที่ศีรษะของม่านมุก ลูบแผ่วเบา ถ้าอยากได้หัวใจของม่านมุก เขาคงต้องใจเย็นให้มากกว่านี้จะบุ่มบ่ามใจร้อน เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง…ไม่ได้มาถึงไร่องุ่น พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว ธรรศยกกระเป๋าของม่านมุกขึ้นไปเก็บบนบ้าน ครู่เดียวก็ลงมาพร้อมเอ่ยชวนคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างรถ“ไปเดินเที่ยวสักหน่อยไหม บรรยากาศกำลังดีเลย” ด้วยความที่ย่างเข้าฤดูหนาว ดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าเร็วกว่าทุกฤดู อากาศก็เริ่มเย็นสบายมากขึ้น สายลมอ่อน ๆที่พัดผ่านในยามเย็นยิ่งทำให้บรรยากาศภายในไร่สวยงามกว่าทุกฤดูแบมือขอมือจากอีกฝ่าย ก่อนที่ม่านมุกจะรู้หน้าที่ ยื่นมือให้ธรรศจับด้วยความเต็มใจก้าวต่อก้าว เดินเคียงคู่กันต่างคนต่างเงียบ แต่มือของธรรศยังกุมมือขาวเล็กไว้ด้วยความทะนุ
“พรุ่งนี้อาจะพาหนูม่านไปทำงานด้วย”อาบน้ำเสร็จ ธรรศก็เดินมายืนอยู่ด้านหน้าของ ม่านมุกในขณะที่เด็กสาวกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่ปลายเตียง ดวงตาคมกริบจับไปยังดวงตากลมโตที่ยังคงปรากฏความเศร้าสะท้อนออกมาให้เห็นปลายนิ้วสากเชยคางมนให้เงยขึ้น ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน ผ่านความวาบหวามมาก็หลายครั้งเขาเองก็ดูออกว่าเด็กดีของเขาพยายามที่จะเป็นคนเข้มแข็งทั้งที่ใจกำลังเปราะบาง“อยากร้องไห้ไหม หนูม่านร้องออกมาได้เลยนะ ร้องออกมาดัง ๆ”มือขาวเล็กที่จับหวี กำแน่นเข้าจนสั่น ริมฝีปากเล็กบางขยับนิด ต่อจากนั้นเสียงสะอื้นแผ่วเบาถูกปล่อยออกมาพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่ค่อยเอ่อล้นอยู่ที่เบ้าตาก่อนที่จะกลิ้งผ่านขนตาไหลลงมาตามแก้มขาวนวล กายเล็กค่อย ๆไหวเอน หยดน้ำตาไหลรินหยดแล้วหยดเล่า เธอคิดถึงแม่“ม่านคิดถึงแม่”ธรรศทิ้งตัวนั่งชิดกับเด็กสาว สวมกอดแล้วโน้มใบหน้าจูบที่ขมับของอีกฝ่าย ฟังเสียงร่ำไห้จากคนที่พยายามฝืนเป็นคนแข็งแกร่งมาได้ตั้งหลายวัน“แต่งงานกับอานะ อาจะดูแลหนูม่านเอง”“แต่ม่านไม่ได้รักอาธรรศ” รอจนตัวเองสงบแล้ว ม่านมุกก็บอกธรรศไปตรง ๆ บอกธรรศไปแล้วและก็ยินดีจะย้ำให้เขาฟังอีกครั้งโดยที่ไม่มีความลังเลเธอไม
หลังจากที่สั่งการลูกน้อง ธรรศก็ยืนนิ่งมองบ้านพักคนงานที่ถูกไฟไหม้ไปหลายหลัง โชคดีที่คนงานช่วยกันดับไฟทันและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ“ไอ้หมึกมันติดยากับนาย”ยาเสพติดอีกแล้วสินะเขาเคยสั่งนักสั่งหนา สั่งห้ามลูกน้องยุ่งเกี่ยวกับมัน ถ้าใครฝืนคำสั่งแอบเล่นยา ถ้าเขารู้ เขาไม่ปล่อยให้อยู่ที่ไร่เพื่อจะกลายเป็นปัญหาสำหรับคนอื่น“มันคงตั้งใจเผาห้องพักมันแล้วอาศัยจังหวะที่คนงานออกมาช่วยกันดับไฟเข้าไปขโมยเงิน”“ใครที่โดนขโมยเงินให้ไปแจ้งกับคุณแว๋ว เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง” สร้างเรื่องได้ถูกจังหวะ คนงานเพิ่งได้รับเงินเดือนจากฝ่ายบัญชีเมื่อสองวันก่อนคงมีบางคนที่ยังไม่ทันได้เอาเงินไปฝากธนาคารไอ้สารเลวมันเลยได้โอกาสขโมย“ครับนาย”“เด็กคนนั้น ลูกสาวพี่เปี่ยม...อยู่ที่นี่”“นายไปรับมาแล้วเหรอครับ” ชายชราเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยสีหน้าและแววตานอบน้อมธรรศพยักหน้า สองตายังจับอยู่ที่กลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านที่ไฟมอดแล้วสิบกว่าปี ที่รู้จักกับเปี่ยมตอนนั้น เขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบต้น ๆ รู้จักกับอีกฝ่ายด้วยเหตุบังเอิญล้วน ๆ“ช่วงนี้หลานสาวของลุงปิดเทอมใช่ไหม”“ครับ นายจะใช้อะไรมันรึเปล่าครับ”“ให้มาอยู่เป็
“หนูม่านทำอะไร”ม่านมุกที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพับเสื้อผ้าของธรรศเก็บเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสะดุ้งนิดเมื่อได้ยินเสียงของธรรศพูดขึ้น“ม่านเก็บเสื้อผ้าให้อาธรรศค่ะ”ด้วยความที่ถูกแม่สอนตั้งแต่เด็กว่าให้จัดเก็บเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แยกเสื้อกับกางเกงไว้คนละส่วน เวลาที่จะหยิบออกมาใส่จะได้ง่ายและสะดวก“เละเทะมากใช่ไหม”ธรรศถามยิ้ม ๆ เขาเป็นผู้ชาย เสื้อผ้าตัวไหนอยู่ใกล้มือก็หยิบมาใส่ไว้ก่อน ไม่ได้เลือกมาก เน้นที่เร็วและง่ายที่สุดเป็นหลักเด็กดีของเขาเห็นแล้วคงขัดใจหรือไม่ก็รำคาญตากับความไม่เป็นระเบียบ ถึงได้เก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ แยกสี แยกกางเกงกับเสื้ออย่างเรียบร้อยแบบนี้“ผู้ชายก็แบบนี้แหละค่ะ” ดันประตูตู้เสื้อผ้าปิดก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ธรรศเดินเข้ามาใกล้ “ธุระของอาธรรศเสร็จแล้วเหรอคะ”“เสร็จแล้ว หนูม่านหิวรึยัง”“ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยค่ะ” หลังจากที่ธรรศออกไปจากบ้าน ม่านมุกก็นอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่แป๊บหนึ่ง ตั้งใจว่าจะลุกมาทำข้าวเช้าไว้รอเขา แม้ธรรศจะบอกว่าอาจจะกลับมาสาย แต่พอไปเปิดตู้เย็นดู ไม่มีอะไรนอกจากน้ำเปล่ากับเบียร์“อาทำกับข้าวไม่เป็น อยากมีคนทำใ
“ม่านไม่เหงาหรอกค่ะ”“อารู้ว่าหนูม่านเก่ง เก่งมาก ๆด้วย” ยกมือลูบศีรษะของม่านมุก ต้องเหงาอยู่แล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ ม่านมุกแค่พูดเพื่อให้เขาสบายใจจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลม่านมุกยิ้มอ่อน รู้สึกสบายใจทุกครั้งเวลาที่ธรรศลูบศีรษะ เขาดูอ่อนโยน แววตามีแต่ความอบอุ่นถ้าไม่ติดว่าเขายื่นข้อเสนอให้เธอเอาตัวเข้าแลกกับเงิน ไม่แน่ เธออาจจะลองเปิดใจให้ธรรศก็ได้เลือกเดินซื้อของที่จะเอาไปทำกินมื้อกลางวันกับมื้อเย็นได้จนครบ ธรรศเป็นฝ่ายหิ้วของเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง โดยที่ม่านมุกเสนอตัวจะช่วยหิ้ว เขาก็ไม่ยอม“อาธรรศแบ่งให้ม่านหิ้วบ้างสิคะ มืออาธรรศแดงหมดแล้ว” เห็นนิ้วมือทั้งสิบนิ้วของธรรศที่ถูกหูหิ้วรัดแน่นจนเนื้อเปลี่ยนเป็นสีแดง ม่านมุกก็เป็นห่วง เอ่ยขอจะช่วยหิ้วของตั้งหลายที อีกฝ่ายก็ตีมึน ทำไม่สนใจ หิ้วของเดินหนีอยู่นั่นแหละ“จะถึงรถแล้ว หนูม่านช่วยล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงให้อาหน่อยสิ”“ได้ค่ะ”“ล้วงดี ๆนะ เดี๋ยวจับโดนอย่างอื่น”กำลังจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของธรรศ ทว่าสิ่งที่เขาพูดตามมาเล่นเอาม่านมุกชะงักพร้อมช้อนตาขึ้นสบด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยม่านมุกระบายลมหายใจเนิบช้า ค่อย ๆล้วงมือเข้
“ห้องทำงานอา”แม้แต่ห้องทำงานก็ยังเงียบง่าย มีโต๊ะทำงาน มีชั้นวางเอกสาร เรียบง่ายเหมือนห้องนอนที่บ้านม่านมุกกวาดตามองสำรวจ สะดุดตาเข้ากับบานประตูบานใหญ่ที่อยู่ติดผนังด้านหลังโต๊ะทำงานของธรรศ คงเป็นห้องน้ำละมั้ง“ห้องนอน อาทำไว้เผื่ออยากนอนพัก เข้าไปดูกันไหม อาให้คนมาทำความสะอาดแล้ว” เพราะเห็นว่าเด็กดีมองไปยังห้องนอนห้องเล็กที่ทำไว้เผื่อขี้เกียจกลับไปนอนที่บ้าน เขาก็จะนอนที่ห้องนี้แทน แต่ก็นาน ๆทีถึงจะนอนจูงมือม่านมุกเดินไปหลังโต๊ะทำงาน เปิดประตูแล้วให้เด็กสาวเดินเข้าไปก่อน ธรรศเปิดไฟจนสว่างทั่วห้อง เป็นห้องที่ไม่กว้างมาก มีเตียงขนาดสามฟุตและมีห้องน้ำเล็ก ๆอยู่ข้างในด้วยเล็กแต่ก็ไม่ได้ชวนให้อึดอัด“ให้หนูม่านมานอนรอตอนอาทำงาน”“ม่านอยากช่วยงานอาธรรศค่ะ” คิดไว้แล้วว่าจะของานธรรศทำ งานอะไรก็ได้ ขอแค่ได้แบ่งเบาภาระของอีกฝ่ายบ้างก็ยังดี “ม่านไม่เอาเงินเดือนค่ะ ม่านแค่อยากช่วยงานอาธรรศบ้าง”“เป็นเมียเจ้าของไร่ ใครให้ทำงานกันเล่า”“อาธรรศ ม่านจริงจังนะคะ”พอเห็นธรรศยิ้มเหมือนไม่จริงจังกับสิ่งที่เธอบอก ม่านมุกก็ทำหน้าตึงมองเขาแบบเคือง ๆ“อาก็จริงจังกับหนูม่าน จริงจังมาก ๆด้วย”“อาธรรศ” น้ำ
“ผมเตรียมโต๊ะให้แล้วครับนาย” ลุงสุขเดินเข้ามาหาธรรศ ดวงตาฝ้าฟางของชายสูงวัยเลื่อนมองไปยังหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยสะอาดสะอ้านโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว สวยเสียด้วย“ขอบคุณครับลุง”ม่านมุกยิ้มน้อย ๆให้ชายชราผู้ซึ่งที่กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เหมือนจะเคยเจอ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะเพิ่งเคยมาไร่องุ่นของธรรศ ไม่น่าจะเคยเห็นหรือเคยรู้จักคุณลุงคนนี้“ไปตักข้าวกัน” ธรรศแตะที่หลังศอกของม่านมุก บอกให้อีกฝ่ายเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่มีถาดอาหารวางเรียงรายอยู่หลายถาด“นายรับอะไรดีคะ”“หนูม่านเลือกก่อนเลย” เหลียวหน้าบอกคนที่ยืนอยู่ข้างกาย ม่านมุกมองถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วจึงบอกแม่ครัวที่รอตักอาหารให้อยู่“เอาผัดผักคะน้ากับไข่เจียวค่ะ เอาข้าวนิดเดียวนะคะ” ไม่ได้รู้สึกหิวมาก แต่กินเพราะเกรงใจธรรศ“เอาแบบนี้อีกจาน แต่เอาข้าวเยอะกว่านี้”ธรรศสั่งเหมือนม่านมุก ยืนรอแค่เดี๋ยวเดียวก็ถือจานข้าวกลับมาที่โต๊ะที่ลุงสุขเตรียมทไว้ให้ ยังไม่ทันได้ลุกไปเอาน้ำดื่ม วิมาลาก็เดินเอาแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้แล้ว“แว๋วไม่รู้ว่าคุณธรรศจะมากินข้าวกลางวันด้วย ไม่งั้นก็คงให้แม่ครัวเตรียมอาหารดี ๆให้แล้วค่ะ”วางแก้วน้ำดื่มลงบนโต๊ะให
“ผมเตรียมโต๊ะให้แล้วครับนาย” ลุงสุขเดินเข้ามาหาธรรศ ดวงตาฝ้าฟางของชายสูงวัยเลื่อนมองไปยังหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยสะอาดสะอ้านโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว สวยเสียด้วย“ขอบคุณครับลุง”ม่านมุกยิ้มน้อย ๆให้ชายชราผู้ซึ่งที่กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เหมือนจะเคยเจอ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะเพิ่งเคยมาไร่องุ่นของธรรศ ไม่น่าจะเคยเห็นหรือเคยรู้จักคุณลุงคนนี้“ไปตักข้าวกัน” ธรรศแตะที่หลังศอกของม่านมุก บอกให้อีกฝ่ายเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่มีถาดอาหารวางเรียงรายอยู่หลายถาด“นายรับอะไรดีคะ”“หนูม่านเลือกก่อนเลย” เหลียวหน้าบอกคนที่ยืนอยู่ข้างกาย ม่านมุกมองถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วจึงบอกแม่ครัวที่รอตักอาหารให้อยู่“เอาผัดผักคะน้ากับไข่เจียวค่ะ เอาข้าวนิดเดียวนะคะ” ไม่ได้รู้สึกหิวมาก แต่กินเพราะเกรงใจธรรศ“เอาแบบนี้อีกจาน แต่เอาข้าวเยอะกว่านี้”ธรรศสั่งเหมือนม่านมุก ยืนรอแค่เดี๋ยวเดียวก็ถือจานข้าวกลับมาที่โต๊ะที่ลุงสุขเตรียมทไว้ให้ ยังไม่ทันได้ลุกไปเอาน้ำดื่ม วิมาลาก็เดินเอาแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้แล้ว“แว๋วไม่รู้ว่าคุณธรรศจะมากินข้าวกลางวันด้วย ไม่งั้นก็คงให้แม่ครัวเตรียมอาหารดี ๆให้แล้วค่ะ”วางแก้วน้ำดื่มลงบนโต๊ะให
“ห้องทำงานอา”แม้แต่ห้องทำงานก็ยังเงียบง่าย มีโต๊ะทำงาน มีชั้นวางเอกสาร เรียบง่ายเหมือนห้องนอนที่บ้านม่านมุกกวาดตามองสำรวจ สะดุดตาเข้ากับบานประตูบานใหญ่ที่อยู่ติดผนังด้านหลังโต๊ะทำงานของธรรศ คงเป็นห้องน้ำละมั้ง“ห้องนอน อาทำไว้เผื่ออยากนอนพัก เข้าไปดูกันไหม อาให้คนมาทำความสะอาดแล้ว” เพราะเห็นว่าเด็กดีมองไปยังห้องนอนห้องเล็กที่ทำไว้เผื่อขี้เกียจกลับไปนอนที่บ้าน เขาก็จะนอนที่ห้องนี้แทน แต่ก็นาน ๆทีถึงจะนอนจูงมือม่านมุกเดินไปหลังโต๊ะทำงาน เปิดประตูแล้วให้เด็กสาวเดินเข้าไปก่อน ธรรศเปิดไฟจนสว่างทั่วห้อง เป็นห้องที่ไม่กว้างมาก มีเตียงขนาดสามฟุตและมีห้องน้ำเล็ก ๆอยู่ข้างในด้วยเล็กแต่ก็ไม่ได้ชวนให้อึดอัด“ให้หนูม่านมานอนรอตอนอาทำงาน”“ม่านอยากช่วยงานอาธรรศค่ะ” คิดไว้แล้วว่าจะของานธรรศทำ งานอะไรก็ได้ ขอแค่ได้แบ่งเบาภาระของอีกฝ่ายบ้างก็ยังดี “ม่านไม่เอาเงินเดือนค่ะ ม่านแค่อยากช่วยงานอาธรรศบ้าง”“เป็นเมียเจ้าของไร่ ใครให้ทำงานกันเล่า”“อาธรรศ ม่านจริงจังนะคะ”พอเห็นธรรศยิ้มเหมือนไม่จริงจังกับสิ่งที่เธอบอก ม่านมุกก็ทำหน้าตึงมองเขาแบบเคือง ๆ“อาก็จริงจังกับหนูม่าน จริงจังมาก ๆด้วย”“อาธรรศ” น้ำ
“ม่านไม่เหงาหรอกค่ะ”“อารู้ว่าหนูม่านเก่ง เก่งมาก ๆด้วย” ยกมือลูบศีรษะของม่านมุก ต้องเหงาอยู่แล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ ม่านมุกแค่พูดเพื่อให้เขาสบายใจจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลม่านมุกยิ้มอ่อน รู้สึกสบายใจทุกครั้งเวลาที่ธรรศลูบศีรษะ เขาดูอ่อนโยน แววตามีแต่ความอบอุ่นถ้าไม่ติดว่าเขายื่นข้อเสนอให้เธอเอาตัวเข้าแลกกับเงิน ไม่แน่ เธออาจจะลองเปิดใจให้ธรรศก็ได้เลือกเดินซื้อของที่จะเอาไปทำกินมื้อกลางวันกับมื้อเย็นได้จนครบ ธรรศเป็นฝ่ายหิ้วของเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง โดยที่ม่านมุกเสนอตัวจะช่วยหิ้ว เขาก็ไม่ยอม“อาธรรศแบ่งให้ม่านหิ้วบ้างสิคะ มืออาธรรศแดงหมดแล้ว” เห็นนิ้วมือทั้งสิบนิ้วของธรรศที่ถูกหูหิ้วรัดแน่นจนเนื้อเปลี่ยนเป็นสีแดง ม่านมุกก็เป็นห่วง เอ่ยขอจะช่วยหิ้วของตั้งหลายที อีกฝ่ายก็ตีมึน ทำไม่สนใจ หิ้วของเดินหนีอยู่นั่นแหละ“จะถึงรถแล้ว หนูม่านช่วยล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงให้อาหน่อยสิ”“ได้ค่ะ”“ล้วงดี ๆนะ เดี๋ยวจับโดนอย่างอื่น”กำลังจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของธรรศ ทว่าสิ่งที่เขาพูดตามมาเล่นเอาม่านมุกชะงักพร้อมช้อนตาขึ้นสบด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยม่านมุกระบายลมหายใจเนิบช้า ค่อย ๆล้วงมือเข้
“หนูม่านทำอะไร”ม่านมุกที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพับเสื้อผ้าของธรรศเก็บเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสะดุ้งนิดเมื่อได้ยินเสียงของธรรศพูดขึ้น“ม่านเก็บเสื้อผ้าให้อาธรรศค่ะ”ด้วยความที่ถูกแม่สอนตั้งแต่เด็กว่าให้จัดเก็บเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แยกเสื้อกับกางเกงไว้คนละส่วน เวลาที่จะหยิบออกมาใส่จะได้ง่ายและสะดวก“เละเทะมากใช่ไหม”ธรรศถามยิ้ม ๆ เขาเป็นผู้ชาย เสื้อผ้าตัวไหนอยู่ใกล้มือก็หยิบมาใส่ไว้ก่อน ไม่ได้เลือกมาก เน้นที่เร็วและง่ายที่สุดเป็นหลักเด็กดีของเขาเห็นแล้วคงขัดใจหรือไม่ก็รำคาญตากับความไม่เป็นระเบียบ ถึงได้เก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ แยกสี แยกกางเกงกับเสื้ออย่างเรียบร้อยแบบนี้“ผู้ชายก็แบบนี้แหละค่ะ” ดันประตูตู้เสื้อผ้าปิดก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ธรรศเดินเข้ามาใกล้ “ธุระของอาธรรศเสร็จแล้วเหรอคะ”“เสร็จแล้ว หนูม่านหิวรึยัง”“ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยค่ะ” หลังจากที่ธรรศออกไปจากบ้าน ม่านมุกก็นอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่แป๊บหนึ่ง ตั้งใจว่าจะลุกมาทำข้าวเช้าไว้รอเขา แม้ธรรศจะบอกว่าอาจจะกลับมาสาย แต่พอไปเปิดตู้เย็นดู ไม่มีอะไรนอกจากน้ำเปล่ากับเบียร์“อาทำกับข้าวไม่เป็น อยากมีคนทำใ
หลังจากที่สั่งการลูกน้อง ธรรศก็ยืนนิ่งมองบ้านพักคนงานที่ถูกไฟไหม้ไปหลายหลัง โชคดีที่คนงานช่วยกันดับไฟทันและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ“ไอ้หมึกมันติดยากับนาย”ยาเสพติดอีกแล้วสินะเขาเคยสั่งนักสั่งหนา สั่งห้ามลูกน้องยุ่งเกี่ยวกับมัน ถ้าใครฝืนคำสั่งแอบเล่นยา ถ้าเขารู้ เขาไม่ปล่อยให้อยู่ที่ไร่เพื่อจะกลายเป็นปัญหาสำหรับคนอื่น“มันคงตั้งใจเผาห้องพักมันแล้วอาศัยจังหวะที่คนงานออกมาช่วยกันดับไฟเข้าไปขโมยเงิน”“ใครที่โดนขโมยเงินให้ไปแจ้งกับคุณแว๋ว เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง” สร้างเรื่องได้ถูกจังหวะ คนงานเพิ่งได้รับเงินเดือนจากฝ่ายบัญชีเมื่อสองวันก่อนคงมีบางคนที่ยังไม่ทันได้เอาเงินไปฝากธนาคารไอ้สารเลวมันเลยได้โอกาสขโมย“ครับนาย”“เด็กคนนั้น ลูกสาวพี่เปี่ยม...อยู่ที่นี่”“นายไปรับมาแล้วเหรอครับ” ชายชราเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยสีหน้าและแววตานอบน้อมธรรศพยักหน้า สองตายังจับอยู่ที่กลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านที่ไฟมอดแล้วสิบกว่าปี ที่รู้จักกับเปี่ยมตอนนั้น เขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบต้น ๆ รู้จักกับอีกฝ่ายด้วยเหตุบังเอิญล้วน ๆ“ช่วงนี้หลานสาวของลุงปิดเทอมใช่ไหม”“ครับ นายจะใช้อะไรมันรึเปล่าครับ”“ให้มาอยู่เป็
“พรุ่งนี้อาจะพาหนูม่านไปทำงานด้วย”อาบน้ำเสร็จ ธรรศก็เดินมายืนอยู่ด้านหน้าของ ม่านมุกในขณะที่เด็กสาวกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่ปลายเตียง ดวงตาคมกริบจับไปยังดวงตากลมโตที่ยังคงปรากฏความเศร้าสะท้อนออกมาให้เห็นปลายนิ้วสากเชยคางมนให้เงยขึ้น ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน ผ่านความวาบหวามมาก็หลายครั้งเขาเองก็ดูออกว่าเด็กดีของเขาพยายามที่จะเป็นคนเข้มแข็งทั้งที่ใจกำลังเปราะบาง“อยากร้องไห้ไหม หนูม่านร้องออกมาได้เลยนะ ร้องออกมาดัง ๆ”มือขาวเล็กที่จับหวี กำแน่นเข้าจนสั่น ริมฝีปากเล็กบางขยับนิด ต่อจากนั้นเสียงสะอื้นแผ่วเบาถูกปล่อยออกมาพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่ค่อยเอ่อล้นอยู่ที่เบ้าตาก่อนที่จะกลิ้งผ่านขนตาไหลลงมาตามแก้มขาวนวล กายเล็กค่อย ๆไหวเอน หยดน้ำตาไหลรินหยดแล้วหยดเล่า เธอคิดถึงแม่“ม่านคิดถึงแม่”ธรรศทิ้งตัวนั่งชิดกับเด็กสาว สวมกอดแล้วโน้มใบหน้าจูบที่ขมับของอีกฝ่าย ฟังเสียงร่ำไห้จากคนที่พยายามฝืนเป็นคนแข็งแกร่งมาได้ตั้งหลายวัน“แต่งงานกับอานะ อาจะดูแลหนูม่านเอง”“แต่ม่านไม่ได้รักอาธรรศ” รอจนตัวเองสงบแล้ว ม่านมุกก็บอกธรรศไปตรง ๆ บอกธรรศไปแล้วและก็ยินดีจะย้ำให้เขาฟังอีกครั้งโดยที่ไม่มีความลังเลเธอไม
“อาขอโทษ”“อาธรรศไม่จำเป็นต้องขอโทษม่านหรอกนะคะ อาธรรศไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ม่านอยากให้อาธรรศมั่นใจว่าตอนที่ม่านอยู่กับอาธรรศ ม่านไม่มีวันทำผิดต่ออาธรรศค่ะ ม่านรู้หน้าที่ของตัวเองดี”ไม่รู้ว่าต้องอยู่รับใช้ธรรศในฐานะคนร่วมเตียงไปอีกนานแค่ไหน แต่ในระหว่างที่อยู่กับเขาเธอจะซื่อสัตย์ ไม่ทรยศหักหลังเขาแน่“ยังไงอาก็ต้องขอโทษหนูม่านอยู่ดี” เอื้อมมือมาจับที่ศีรษะของม่านมุก ลูบแผ่วเบา ถ้าอยากได้หัวใจของม่านมุก เขาคงต้องใจเย็นให้มากกว่านี้จะบุ่มบ่ามใจร้อน เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง…ไม่ได้มาถึงไร่องุ่น พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว ธรรศยกกระเป๋าของม่านมุกขึ้นไปเก็บบนบ้าน ครู่เดียวก็ลงมาพร้อมเอ่ยชวนคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างรถ“ไปเดินเที่ยวสักหน่อยไหม บรรยากาศกำลังดีเลย” ด้วยความที่ย่างเข้าฤดูหนาว ดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าเร็วกว่าทุกฤดู อากาศก็เริ่มเย็นสบายมากขึ้น สายลมอ่อน ๆที่พัดผ่านในยามเย็นยิ่งทำให้บรรยากาศภายในไร่สวยงามกว่าทุกฤดูแบมือขอมือจากอีกฝ่าย ก่อนที่ม่านมุกจะรู้หน้าที่ ยื่นมือให้ธรรศจับด้วยความเต็มใจก้าวต่อก้าว เดินเคียงคู่กันต่างคนต่างเงียบ แต่มือของธรรศยังกุมมือขาวเล็กไว้ด้วยความทะนุ
“อาธรรศตื่นนานแล้วเหรอคะ ?” หลังจากที่แนบชิดกัน ม่านมุกก็ผล็อยหลับอยู่บนโซฟา ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนแล้ว ธรรศอุ้มเธอมานอนบนเตียงทำเหมือนครั้งก่อนขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง ดึงผ้านวมขึ้นมาปิดตัว พลางมองไปยังธรรศที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดตาเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ“อาตื่นก่อนหนูม่านแป๊บเดียว”ธรรศเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า กายหนาดึงปมสายคาดเอวชุดคลุมอาบน้ำออกแล้วถอดมันออกไปกองที่พื้นเหมือนถูกมนต์สะกด ม่านมุกล็อกสายตาอยู่กับกายกำยำ เห็นแค่ส่วนด้านหลังทว่าใจกับกายกับรู้สึกหวิววาบพอธรรศหันมาทั้งตัว คนที่นั่งอยู่บนเตียงก็รีบก้มหน้างุด สองมือขยุ้มผ้านวมแน่นเห็นมาก็หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่หายตื่นเต้นสักที“อีกหน่อยก็ชิน” ธรรศพูดปนขำ เห็นพวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อของม่านมุกแล้วดึงดูดให้ย่างกายเข้าไปหากายหนาคลานเข่าขึ้นไปบนเตียงแล้วยืนด้วยหัวเข่าอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายจับปลายคางเล็กให้เงยขึ้น“ร่างกายของอาเป็นสิทธิ์ของหนูม่าน”รวมถึงหัวใจของเขาด้วยแต่ถึงบอกไป ม่านมุกก็คงไม่เชื่อ เด็กสาวคงคิดว่าเป็นแค่ลมปาก ไม่ได้มีความจริงจังใด ๆ“ร่างกายของหนูม่านก็เป็นสิทธิ์ของอา”ดึง
“ม่านอยากเอากระดูกของแม่ไปลอยอังคารที่ทะเลค่ะ” สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้แม่ได้ก็คือส่งแม่ไปในที่ที่มีแต่ความสงบ น้ำตาของม่านมุกยังไม่เหือดแห้ง เธอร้องไห้ทุกวันหลังจากที่แม่เสีย“เดี๋ยวอาจัดการให้”“ขอบคุณอาธรรศมากนะคะที่ช่วยม่านทุกอย่าง”ธรรศอยู่เคียงข้างเธอตลอดตั้งแต่ที่แม่เสีย ม่านมุกยอมรับว่าถ้าไม่มีเขา เธอก็คงเคว้ง คงไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ธรรศเป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เธอรู้จักตั้งแต่เด็กจนโต ม่านมุกไม่เคยเห็นญาติพี่น้องของพ่อกับแม่ และยิ่งกว่านั้นท่านทั้งสองไม่เคยเอ่ยถึงด้วยซ้ำ จำความได้ว่าตอนเด็ก ๆเคยเอ่ยปากถามอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรตอบกลับมา“อายินดีทำให้หนูม่านทุกอย่าง”ชีวิตของม่านมุกเป็นของเขา เด็กสาวเหลือตัวคนเดียวและแน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยให้ไปไหนแน่ ไม่มีวันให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว“คืนนี้เราจะค้างที่นี่ พรุ่งนี้เย็นค่อยกลับไร่”คิดเอาว่าถ้าให้ม่านมุกอยู่ในสถานที่เดิม ๆ ที่ที่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่ เด็กสาวอาจจะยิ่งทุกข์และคิดถึงแม่มากจนส่งผลกระทบร้ายแรงกับความรู้สึก“อาธรรศค้างได้เหรอคะ”ธรรศทิ้งไร่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอตั้งแต่วันที่แม่เสีย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ม่านม