โรงพยาบาลศูนย์กลาง ห้องไอซียู"ติ๊ดติ๊ดดดดด"เสียงเครื่องมือส่งสัญญาณเตือนถี่ๆ"แย่แล้ว ข้อมูลตัวเลขแต่ละรายการของผู้ป่วยเกิดความผิดปกติ สัญญาณชีพจรอ่อนลงอย่างรวดเร็ว ทำการช่วยชีวิตเดี๋ยวนี้""ฉีดฮอร์โมนอะดรีนาลีนเข้าไป เพิ่มปริมาณ!""อัตราการเต้นหัวใจของผู้ป่วยผิดปกติ เครื่องกระตุ้นหัวใจเตรียมพร้อม เร็วเข้า!"……ไม่กี่นาทีต่อมา คลื่นไฟฟ้าหัวใจบนจอภาพกลายเป็นเส้นตรง หมอทุกคนต่างหยุดการช่วยชีวิต“ผู้อาวุโสมู่ สัญญาณชีพของผู้ป่วยหายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ประกาศการเสียชีวิต!” หมอหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อย“เฮ้อ ถ้าหากทำการผ่าตัดเร็วหน่อย ก็ไม่มีทางเป็นผลลัพธ์แบบนี้ พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว ไปแจ้งญาติเถอะ!”หมออาวุโสที่ชื่อมู่เจิ้งเสียนท่านนั้นถอนหายใจอย่างจนใจเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจสูงสุดในการรักษาโรคหัวใจ ถ้าหากทำการผ่าตัดเร็วกว่านี้หนึ่งวัน เขามีความมั่นใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะช่วยผู้ป่วยกลับมาได้น่าเสียดายที่ทุกอย่างสายไปแล้วนอกประตู ผู้หญิงท่านหนึ่งตามมาด้วยความรีบร้อน“คุณหมอ เงินฉันนำมาเรียบร้อยแล้ว รีบทำการผ่าตัดให้เสี่ยวอวี่ของฉันเถอะค่ะ ขอร้องพวกค
มู่เจิ้งเสียนอ้าปาก พูดไม่ออกอยู่นานติ่งเทียนซิวราชาเข็ม เป็นถึงบุคคลที่มีความน่าเลื่อมใส มีบทบาทหน้าที่สำคัญในของวงการการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญของวงการแพทย์จำนวนนับไม่ถ้วนไปเยือนถึงที่บ้านเขา เป้าหมายก็เพื่อลงทะเบียนเป็นลูกศิษย์ของเขาแต่หนุ่มวัยรุ่นที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักที่อยู่ตรงหน้านี้ กล้าพูดสามหาวว่าติ่งเทียนซิวเคยจะไหว้เขาเป็นครู สุดท้ายถูกเขาปฏิเสธ?ถ้าหากถูกแพร่งพรายออกไป ฉินเทียนมิ่งจะต้องถูกคนที่เลื่อมใสติ่งเทียนซิวเหล่านั้นกระทืบจนตายทั้งเป็น“เอาล่ะ ตอนนี้น้องสาวของผมต้องการพักผ่อนอย่างสงบ รบกวนจัดแจงห้องที่เงียบสงบให้เธอหนึ่งห้อง ขอบคุณครับ”ฉินเทียนมิ่งไม่สนสีหน้าตกตะลึงของทุกคน โบกมือพูดขึ้นอาการป่วยของฉินเวยอวี่สามารถควบคุมเอาไว้ได้แล้ว ต่อไปถ้าฟื้นขึ้นมาก็สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไปแล้ว“ได้ ผมจะให้คนจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”มู่เจิ้งเสียนตั้งสติกลับมาได้ มองไปทางฉินเทียนมิ่งอย่างลึกซึ้ง จากนั้นให้คนย้ายฉินเวยอวี่ไปที่ห้องพักผู้ป่วยทั่วไปทันทีตอนบ่าย ฉินเวยอวี่ก็ฟื้นขึ้นมาในตอนที่ได้รับรู้ว่าฉินเทียนมิ่งพี่ชายของเธอช่วยเธอกลับมาจากความตาย ฉินเวยอวี่ตื่นเต้นจนกร
“ติ๊ดติ๊ด”ในตอนนี้ โทรศัพท์ของฉินเทียนมิ่งมีเสียงข้อความดังขึ้น"หมอเทวดาฉิน ผมคือเฉินเย่นของตระกูลเฉินเมืองหลิ่งหนาน คุณพ่อให้ผมมาที่เมืองเจียงหลิงล่วงหน้า เจรจาเรื่องสำคัญบางอย่างกับคุณ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณพอมีเวลาว่างเจอกับผมไหมครับ?"ตระกูลเฉินเป็นฝ่ายติดต่อฉินเทียนมิ่ง แสดงว่าพวกเขาทำการเลือกเรียบร้อยแล้วพอดีกับที่ตอนนี้ฉินเทียนมิ่งก็ต้องการอำนาจของตระกูลเฉิน ดังนั้นทั้งสองคนจึงนัดแนะเวลาและสถานที่กันอย่างรวดเร็วจากนั้น ฉินเทียนมิ่งบอกกับพวกหลิ่วฮุ่ยซินว่ามีธุระจะออกไปข้างนอกหน่อย ให้พวกเธอกลับบ้านกันเอาเองก่อน และรับปากย้ำๆ ว่าจะกลับก่อนเที่ยงแน่นอน หลิ่วฮุ่ยซินถึงได้ยอมให้เขาออกไปหลังออกจากโรงพยาบาล ฉินเทียนมิ่งแทรกตัวเข้าไปในรถแท็กซี่ทันทีอาคารจักรพรรดิ ตั้งอยู่บนศูนย์ใจกลางเมืองที่เจริญรุ่งเรือง เป็นตึกก่อสร้างสัญลักษณ์ของทั้งเมืองเจียงหลิงจุดนัดพบที่เฉินเย่นนัดฉินเทียนมิ่ง ก็อยู่ข้างในอาคารจักรพรรดิเมื่อลงจากรถแท็กซี่ ฉินเทียนมิ่งเตรียมจะเดินเข้าอาคารจักรพรรดิ จู่ๆ รถบีเอ็มสีฟ้าคันหนึ่งจอดกะทันหันอยู่ตรงหน้าเขาจากนั้น ในรถก็มีชายหญิงวัยรุ่นคู่หนึ่งเดินลงมาผ
เย่ไห่กับแฟนของเขามองหน้ากัน ทั้งคู่เห็นความเหลือเชื่อในสายตาของอีกฝ่ายประโยคนี้ที่เซี่ยชิงจู๋พูด พวกเขาไม่แปลกใจเลย เพราะพวกเขาเพิ่งได้ยินจากปากของฉินเทียนมิ่งไม่นานนี้คุณฉิน?หรือว่าคุณฉินที่เซี่ยชิงจู๋พูดถึงนั้นก็คือฉินเทียนมิ่ง?จะเป็นไปได้ยังไง?"ประธานเซี่ย ในนี้ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน อาคารจักรพรรดิแห่งนี้เป็นของตระกูลของคุณชายเฉินเย่น ผมกับคุณชายเฉินเย่นเป็นเพื่อนกัน คุณฉินที่คุณพูดถึงนั้นมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราออกไป?"เย่ไห่ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม"คุณฉินตอนนี้คือประธานผู้บริหารของอิมพีเรียลกรุ๊ป คำสั่งของเขาก็คือสั่งของตระกูลเฉิน" เซี่ยชิงจู๋พูดอย่างเย็นชา"อะไรนะ?"เย่ไห่ถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกตะลึงที่แท้ข่าวลือก็คือเรื่องจริง ตระกูลเฉินก่อตั้งอิมพีเรียลกรุ๊ปที่มีมูลค่าสองพันห้าร้อยล้านบาท ก็เพื่อที่จะมอบให้บุคคลใหญ่โตลึกลับคนหนึ่ง?และบุคคลใหญ่โตคนนี้ น่าจะเป็นคุณฉินที่เซี่ยชิงจู๋พูดถึง"ใครก็ได้ ไล่พวกเขาออกไปซะ"เซี่ยชิงจู๋โบกมือ บอดี้การ์ดที่ดูมีกำลังสองสามคนเข้ามาหามพวกเย่ไห่ทันที"รีบปล่อยผมนะ ผมคือคุณชายของตระกูลเย่ ผู้สืบทอดตระกูลเย่ในอนาคต พว
"เพียะ!"เสียงตบหน้าดังสนั่น!เย่ไห่ถูกฝ่ามือนี้ตบจนล้มลงบนพื้น เขางุนงงไปหมด บนใบหน้ามีรอยนิ้วมือห้านิ้วประทับไว้อย่างชัดเจนฟันหลายซี่ถูกคายออกมาผสมกับเลือด เห็นได้ว่าแรงกำลังของฝ่ามือนั้นมีมากแค่ไหน"ฉินเทียนมิ่ง?"เย่ชิงหลวนตกตะลึงทันที พบว่าเงาที่รูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ก็คือฉินเทียนมิ่ง"ฉินเทียนมิ่ง แกกล้าตบฉันเหรอ? ฉันเอาแกตายแน่"เย่ไห่ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟตั้งตัวกลับมาได้ ก็พุ่งมาทางฉินเทียนมิ่งเหมือนคุ้มคลั่ง"ปึง!"ฉินเทียนมิ่งเพียงแค่ยกเท้าถีบเบาๆ ก็ทำให้เย่ไห่กระเด็นออกไปอีกครั้ง"อ่อก..."น้ำกระเพาะพุ่งออกจากลำคอ เย่ไห่เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาฉินเทียนมิ่งไม่สนใจเย่ไห่อีกต่อไป เขาหันหลังกลับมามองเย่ชิงหลวน"เธอไม่เป็นไรนะ?"ฉินเทียนมิ่งถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดเย่ชิงหลวนส่ายหน้าด้วยความงุนงงจู่ๆ เธอพบว่า ฉินเทียนมิ่งที่อยู่ตรงหน้า เหมือนจะแตกต่างไปจากห้าปีที่แล้ว"เธอจะเข้าอาคารจักรพรรดิเหรอ?"ฉินเทียนมิ่งเดินออกมาจากประตูใหญ่มา ก็ได้ยินบทสนาของทั้งคู่"อืม แต่พวกเขาเหมือนว่าจะไม่อนุญาตให้คนของตระกูลเย่เข้าไป" เย่ชิงหลวนพูดด้วยน้ำเสียง
เย่ชิงหลวนมาถึงโรงพยาบาลศูนย์กลางด้วยความรวดเร็วที่สุด"หมอคะ ลูกสาวของฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?"เย่ชิงหลวนถามด้วยสีหน้าร้อนรนสองสามวันนี้ ลูกสาวของเธอเป็นเพราะร่างกายรู้สึกไม่สบาย จึงพักอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์กลางมาโดยตลอดวันนี้เช้าลูกสาวของเธอไข้สูงกะทันหัน ถึงขั้นที่อุณหภูมิสูงจนเป็นลมหลังการรักษาของหมอ อาการถือว่าคงที่แล้วแต่คิดไม่ถึงเมื่อครู่โรงพยาบาลโทรหาเธอ บอกว่าอาการป่วยของลูกสาวของเธออาการหนักยิ่งกว่าเดิม ทำให้เย่ชิงหลวนตกใจจนขวัญเสียคนที่ให้บริการเย่ชิงหลวนคือหมอวัยกลางคนท่านหนึ่ง เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม: "คุณเย่ ทางที่ดีคุณเตรียมใจเอาไว้ อาการป่วยของลูกสาวของคุณในตอนนี้ไม่ดีนัก แต่คุณวางใจได้ หมอที่ฝีมือดีที่สุดในโรงพยาบาลของผม ได้เรียกประชุมผู้เชี่ยวชาญแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็สามารถให้แผนการการรักษาออกมาได้"เย่ชิงหลวนได้ยิน คนทั้งคนก็ทรุดนั่งลงบนพื้น น้ำตาไหลออกมาโดยที่กลั้นไม่หยุดลูกสาวของเธอเป็นโรคขี้เซาที่รุนแรงมากตั้งแต่เด็ก แต่ละวันจะต้องนอนสิบกว่าชั่วโมงขึ้นไป มีบางครั้งถึงขั้นที่นอนหนึ่งวันเต็มๆหลายปีมานี้เธอพาลูกสาวไปรักษาจนทั่ว แต่ยังไม่สามารถหาต้
เย่ชิงหลวนไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกมาจากห้องทำงานได้อย่างไร คนทั้งคนเหมือนกับสูญเสียวิญญาณไปมู่เจิ้งเสียนบอกเธอ เธอต้องทำการตัดสินใจภายในวันพรุ่งนี้ ไม่อย่างนั้นแม้แต่ความเป็นไปได้สามส่วนก็จะต้องสูญเสียไปเธอไปห้องน้ำใช้น้ำเย็นล้างหน้า เย่ชิงหลวนบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง จากนั้นถึงได้กลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยตอนนี้เย่เสี่ยวซีลูกสาวของเธอนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบสงบ เหมือนกับทูตสวรรค์ตัวน้อยที่นอนหลับอยู่เย่ชิงหลวนนั่งลงตรงหน้าเตียง ยื่นมือไปลูบใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดเซียวของเย่เสี่ยวซี ดวงตาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจกับความไร้ที่พึ่ง"แม่ แม่ร้องไห้ทำไมคะ?"ในตอนนี้ เย่เสี่ยวซีตื่นขึ้นมากะทันหันเธอเห็นคราบน้ำตาบนแก้มของเย่ชิงหลวน อยากยื่นมือออกไปเช็ดให้สะอาด กลับพบว่ามือถูกเข็มเสียบเต็มไปหมด ไม่มีแรงแม้แต่น้อย"ซีซีตื่นแล้วเหรอ ลูกหิวไหม อยากกินอะไรไหม?"เย่ชิงหลวนพยายามฉีกยิ้มถามออกมา เธอจะเผยความอ่อนแอออกมาต่อหน้าลูกสาวไม่ได้"แม่ ซีซีไม่หิวค่ะ แต่ซีซีเจ็บมาก พวกเราจะได้กลับบ้านตอนไหน ที่นี่น่ากลัวมากเลย""รักษาหายแล้ว แม่จะพาลูกกลับบ้านนะคะ" เย่ชิงหลวนพูดปลอบ"แม่หลอกหนู ก่อนหน้านี้หน
"ส่วบ!"หยางเป่ยซานแวบตัวเข้าไปทันที ประคองหวังจงที่ล้มลงขึ้นมา จากนั้นฝืนใช้กำลังภายในเค้นเข็มเงินสองเล่มนั้นออกมาหวังจงที่ขาทั้งสองข้างฟื้นฟูความรู้สึกก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ"คนชั้นต่ำน่ารังเกียจ ใช้อาวุธลับลอบโจมตี?"หวังจงสีหน้าดุดัน ตวาดใส่ฉินเทียนมิ่งแต่ว่ากลับถูกหยางเป่ยซานห้ามปรามเอาไว้"หวังจง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่างเขาไม่ได้คิดร้ายกับคุณ ไม่อย่างนั้นเข็มเงินเมื่อครู่นี้เพียงพอที่พรากชีวิตของคุณได้"หยางเป่ยซานพูดเสียงเคร่งขรึมเข็มเงินที่ฉินเทียนมิ่งปล่อยออกมา ความเร็วนั้นว่องไว แม้แต่หยางเป่ยซานที่เป็นยอดฝีมือพลังผันแปรขั้นท้ายก็ยังตอบสนองไม่ทันถ้าหากโจมตีจุดสำคัญของหวังจง จะต้องตายทันทีแน่นอนเมื่อหันมองไปทางฉินเทียนมิ่งอีกครั้ง สายตาของหยางเป่ยซานมีความเคร่งขรึมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย"ที่แท้สหายน้อยก็เป็นยอดฝีมืออาวุธลับ ไม่ทราบว่าคุณเรียนวิชาความรู้มาจากที่ไหน?"หยางเป่ยซานสองมือกำปั้นถามขึ้นยอดฝีมืออาวุธลับที่อายุน้อยขนาดนี้ พบเจอได้ยากจริงๆ!"ไม่มีสำนักไม่มีพวกพ้อง!"ฉินเทียนมิ่งตอบกลับอย่างนิ่งเฉยถามเขาเป็นยอดฝีมืออาวุธลับที่ไหนกัน นั่นก็แค่เทคนิ
"นายท่าน ไม่ได้เด็ดขาดนะครับ""คุณปู่ ผมไม่ยอม!"ห้องรับแขกมีเสียงต่อต้านดังขึ้น มีเพียงเย่เต๋อซานที่ไม่พูดจา"หุบปาก พวกไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่ว่าในตอนปกติพวกแกไม่พยายามพัฒนาตัวเอง เอาแต่เที่ยวเล่น เย่ซื่อกรุ๊ปจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้เหรอ?" เย่จี้หมิงตะโกนด้วยความโมโหทั่วห้องรับแขกเงียบเป็นเป่าสากตั้งแต่ที่เย่จี้หมิงสละตำแหน่ง เย่ซื่อกรุ๊ปที่มีเย่เต๋อซานเป็นผู้ควบคุมก็เริ่มเสื่อมถอยโดยเฉพาะเมื่อถึงคนหนุ่มสาวตระกูลเย่ในรุ่นของเย่ไห่ แต่ละคนเอาแต่เสพสุข ใช้จ่ายไม่บันยะบันยัง ไม่มีความตั้งใจจะบริหารเรื่องของบริษัทด้วยซ้ำนี่ต่างหากเป็นเหตุผลที่เย่ซื่อกรุ๊ปตกต่ำอย่างแท้จริง"นายท่านเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ"ใบหน้าของโจวหงเซี๋ยเผยรอยยิ้มออกมา"แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่งเย่จี้หมิงพูดต่อ"นายท่านพูดมาเถอะค่ะ""หัวหน้าประธานของเย่ซื่อกรุ๊ป ยังคงเป็นเต๋อซาน เธอเป็นเพียงแค่รองประธาน ภายในบริษัทอำนาจการตัดสินสุดท้าย ยังคงอยู่ในมือของเต๋อซาน นี่คือเส้นตายของฉัน และก็เป็นเส้นตายของตระกูลเย่" เย่จี้หมิงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเย่ซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทที่เย่จี้หมิงสร้างขึ้นมาเองกับมือ เขาไม่มีท
โจวหงเซี๋ยถลึงตาใส่เย่เหอซานด้วยความโมโหและพูดว่า: "เย่เหอซาน คุณหุบปากเลยนะ ฉันแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์อย่างคุณยี่สิบกว่าปีแล้ว ทนกับความขี้ขลาดแบบนี้มานานแล้ว วันนี้ถ้าหากฉันเอาหุ้นห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ของเย่ซื่อกรุ๊ปมาไม่ได้ งั้นเงินก้อนนี้พวกคุณก็ไม่ได้กลับมาแม้แต่บาทเดียว"ในฐานะที่เป็นลูกชายของเย่จี้หมิงเช่นเดียวกัน เย่เต๋อซานเป็นหัวหน้าประธานของเย่ซื่อกรุ๊ป มีหุ้นของบริษัทห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์แต่เย่เหอซานกลับมีเพียงแค่ชื่อเสียงจอมปลอมอยู่ในเย่ซื่อกรุ๊ป อย่าว่าแต่หุ้น แม้แต่อำนาจที่ตระกูลเย่ก็ไม่มีเลยสักนิด โจวหงเซี๋ยทนรับการดูถูกมายี่สิบกว่าปีแล้วครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงเธอก็จะเอาของที่เป็นของพวกเขากลับมา"เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทก็อยากจะเป็นหัวหน้าประธานของเย่ซื่อกรุ๊ป เธอคิดเพ้อเจ้อแล้ว"ในตอนนี้ เย่ไห่ยืนออกมาเขาในฐานะหลานชายคนโตของเย่จี้หมิง ลูกชายคนโตของเย่เต๋อซาน ผู้สืบทอดเย่ซื่อกรุ๊ปในอนาคตถ้าหากตอนนี้ถูกโจวหงเซี๋ยแย่งไป งั้นชีวิตนี้เขาทำได้แค่พึ่งพาอาศัยคนอื่น จึงไม่มีทางยอมอยู่แล้ว"งั้นพวกคุณไม่ยืมก็ได้ ไม่มีใครบังคับพวกคุณ"โจวหงเซี๋ยพูดเหมือนไม่มีอะไรจะต้อง
"น่าจะเป็นไปไม่ได้ นอกจากเธอเซี่ยชิงจู๋ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเจียงหลิงอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นจะกล้าปล่อยให้แมงดาคนหนึ่งเป็นศัตรูกับตระกูลหวังได้ยังไง?"เย่เต๋อซานส่ายหน้าแต่ในใจของเขากลับมีความสงสัยเป็นอย่างมากจริงๆฉินเทียนมิ่งที่หายตัวไปห้าปี กลับมาที่เมืองเจียงหลิงโดยไม่มีสัญญาณก็กลายไปเป็นหัวหน้าประธานของบริษัทระดับเหนือชั้นฟังดูแล้วลี้ลับซับซ้อนจนเกินไป"ผมไม่สนหรอกว่าเขาจะมีสถานะอะไร ผมสนใจแค่ว่าเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทของผมจะมาถึงเมื่อไหร่""จำไว้ พวกคุณมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น" สวี่ซิงฮุยพูดเสียงเย็นชาภายใต้ความกระวนกระวายของคนตระกูลเย่ ในที่สุดเย่ชิงหลวนกับฉินเทียนมิ่งก็กลับมาแล้วทั้งสองเดินเข้าประตูตระกูลเย่ตามกันมา"ชิงหลวนกลับมาแล้ว"ในตอนนี้ ในใจของคนตระกูลเย่ก็ถือว่าโล่งอกแล้วสายตาที่แต่ละคนมองเย่ชิงหลวน เหมือนกับมองพระโพธิสัตว์ที่มาช่วยชีวิตโจวหงเซี๋ยเดินเข้าไปต้อนรับในทันที และจับมือของเย่ชิงหลวนด้วยความรักใคร่ เหมือนกับพวกเขาสองแม่ลูกกลับมาคืนดีกันแล้ว"ชิงหลวน เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทเอามาแล้วยัง? รีบเอาออกมาคืนท่านสาม" เย่เต๋อซานพูดเร่ง
ถ้าหากเย่ชิงหลวนต้องการจริงๆ อย่าว่าแต่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท ต่อให้เป็นหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท เขาก็จะหาวิธีเอาเงินมาให้ได้แต่ถ้าหากให้โจวหงเซี๋ยยืม ฉินเทียนมิ่งไม่อยากจะให้ยืมสักบาทเย่ชิงหลวนพยักหน้า จากนั้นเล่าที่มาของเรื่องให้ฉินเทียนมิ่งรับรู้ทั้งหมด"ชิงหลวน ตระกูลเย่ไล่เธอออกจากตระกูลแล้ว ทำไมเธอยังจะต้องช่วยพวกเขา?"ฉินเทียนมิ่งถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเย่ชิงหลวนก้มหน้า ไม่กล้ามองตาฉินเทียนมิ่ง"ฉันสามารถไม่สนใจคนอื่นในตระกูลเย่ได้ แต่ฉันไม่สนใจพวกพ่อแม่ของฉันไม่ได้""ถ้าหากเย่ซื่อกรุ๊ปล้มละลาย พวกเขาก็จะหมดสิ้นทุกอย่าง""ดังนั้นเทียนมิ่ง คุณช่วยพวกเขาสักครั้งได้ไหม ฉันรับรองว่าจะไม่มีครั้งต่อไป"พูดจบ เย่ชิงหลวนก็เงยหน้ามองไปทางฉินเทียนมิ่ง สายตาแฝงไปด้วยความขอร้องที่ต่ำต้อยเห็นท่าทางน่าสงสารของเย่ชิงหลวน ในใจของฉินเทียนมิ่งก็อดใจไม่ได้ต่อให้เขาเกลียดตระกูลเย่แค่ไหน แต่ในเมื่อเย่ชิงหลวนเอ่ยปากแล้ว เขาก็ปฏิเสธไม่ได้จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาเซี่ยชิงจู๋"เตรียมเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทให้ผมโดยเร็วที่สุด จากนั้นส่งไปที่ตระกูลเย่" ฉินเทียนมิ่งพูดเซี่ยชิงจ
ทุกคนหันหน้ากลับไปมอง พบว่าคนที่พูดก็คือเย่ชิงห้าวน้องชายของเย่ชิงหลวนเย่ชิงห้าวเหมือนกับฉินเทียนมิ่งในตอนนั้น เป็นคุณชายที่ใช้ชีวิตเล่นสนุกไปวันๆ ตอนนี้ยังใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัย"ขอโทษด้วย ผมก็แค่พูดไปแบบนั้น"เห็นทุกคนต่างมองมาที่ตัวเอง เย่ชิงห้าวขี้ขลาดขึ้นมาทันที และหลบไปด้านหลังของโจวหงเซี๋ย"ฉันคิดว่าคำแนะนำของชิงห้าวใช้การได้ ในเมื่อตอนนี้ฉินเทียนมิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดกีกับอิมพีเรียลกรุ๊ป เพียงแค่ชิงหลวนเอ่ยปาก เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทสำหรับพวกเขาไม่ใช่ปัญหาด้วยซ้ำ""แต่เมื่อคืนพวกเราเพิ่งจะไล่ชิงหลวนออกจากตระกูลเย่ คุณคิดว่าเขาจะให้พวกเรายืมเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านเหรอ?""ในเมื่อชิงหลวนเป็นคนที่พวกเราดูเธอเติบโตมา เธอไม่มีทางมองดูตระกูลเย่บ้านแตกสาแหรกขาดหรอก"ทุกคนพากันเงียบขรึมเมื่อคืนเพิ่งจะไล่เย่ชิงหลวนออกจากตระกูลเย่ ตอนนี้กลับต้องไปขอยืมเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทจากเธอเพื่อช่วยเหลือตระกูลเย่นี่มีการดูถูกอยู่เล็กน้อย!"เหอซาน ชิงหลวนเป็นลูกสาวของพวกนาย โทรศัพท์สายนี้พวกนายเป็นคนโทร ต้องยืมเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทมาให้ได้" เย่เต๋อซานพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั
คนตระกูลเย่เหมือนกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน ร้อนใจจนอยู่นิ่งไม่ได้"ท่านสาม ขอร้องคุณให้เวลาพวกเราสักนิดเพื่อไปอธิบายกับตระกูลหวัง ไม่อย่างนั้นพวกเราตระกูลเย่จะต้องจบเห่แล้วจริงๆ" เย่เต๋อซานรีบพูดออกมาเย่ซื่อกรุ๊ปเดิมทีก็อยู่ในช่วงวิกฤติ ตอนนี้ตระกูลหวังจะแบนพวกเขาทุกทาง ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้มีชีวิตรอดด้วยซ้ำ"หึ ตอนนี้มาเสียดายทีหลังก็สายไปแล้ว วันนี้ถ้าพวกคุณไม่เอาเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทออกมา ใครก็อย่าได้ออกจากประตูบานนี้ไป!"สวี่ซิงฮุยสายตาเย็นชา พูดข่มขู่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเขายืนเรียงแถว ท่าทางโหดเหี้ยมแบบนั้น ทำให้คนตระกูลเย่ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าวคนเหล่านี้เป็นนักมวยที่สวี่ซิงฮุยทุ่มเงินจำนวนมากฝึกฝนออกมา หนึ่งคนสู้ศัตรูสิบคนนั้นไม่ใช่เรื่องยากด้วยซ้ำ"โทษเย่ชิงหลวนเลย ไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราตระกูลเย่ก็ไม่ถึงขั้นต้องตกต่ำแบบนี้""ยังมีฉินเทียนมิ่งคนนั้นอีก เป็นตัวซวยจริงๆ กลับมาตอนไหนไม่กลับ ดันเลือกกลับมาตอนนี้""พวกเขาเป็นคนบาปของตระกูลเย่ตลอดไป!"คนของตระกูลเย่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แทบอยากจะหั่นศพของฉินเทียนมิ่งเป็นหมื่นท่อนเย่เหอซานกับโจวหงเซี๋ยสองสามีภรรยายืนอยู่ท่
เช้าวันต่อมา คนของตระกูลเย่รวมตัวกันที่ห้องรับแขก เจรจากันว่าจะไปขอโทษตระกูลหวังอย่างไรในตอนที่พวกเขาเตรียมจะออกเดินทาง มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน"ผู้นำตระกูล แย่แล้ว ท่านสามสวี่พาคนมาถึงที่แล้ว"เมื่อได้ยินชื่อ "ท่านสามสวี่" คนตระกูลเย่ที่อยู่ตรงนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเห็นได้ชัดพวกเขาต่างรู้เหตุผลที่ท่านสามสวี่คนนี้มาที่นี่กะทันหัน"อุ๊ย อยู่กันครบเลยนะ!"ในตอนนี้เอง เสียงหยอกล้อดังขึ้นมาจากจุดที่ไกลออกไปทุกคนมองตามเสียงไป นั่นก็คือท่านสามสวี่คนนั้นนอกจากเขาแล้ว ด้านหลังยังมีผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางดุดันสองสามคนตามเข้ามาด้วย แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไรคนของตระกูลเย่ไม่กล้าลังเลใจ รีบออกไปต้อนรับ เหมือนกับแขกคนสำคัญมาเยือน"ท่านสาม ไม่เจอกันนานเลยนะครับ"เย่เต๋อซานรีบเข้าไป พูดด้วยท่าทางเกรงใจท่านสามสวี่เหลือบมองเย่เต๋อซาน ใบหน้ายิ้มเยาะถามว่า: "เย่เต๋อซาน ผมก็ไม่พูดไร้สาระกับคุณแล้ว วันนี้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วยัง?"เย่เต๋อซานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมา: "ท่านสาม พวกเราคุยกันแล้วว่าเดือนหน้าไม่ใช่เหรอครับ? คุณวางใจ
ในตอนนี้เย่เหอซานเอ่ยปากขึ้นมาเย่ชิงหลวนถูกไล่ออกจากตระกูลเย่ พวกเขาอยู่ที่ตระกูลเย่ก็ต่ำต้อยอยู่แล้ว ต่อไปโงหัวไม่ขึ้นยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอนเย่ชิงหลวนไม่พูดจา เพียงแค่มองไปทางพวกเขาด้วยความขมขื่นใจฉินเทียนมิ่งเห็นแบบนี้ จึงโอบกอดร่างกายบอบบางที่สั่นเทาของเย่ชิงหลวนเอาไว้แน่นจากนั้นมองไปทางคนของตระกูลเย่ทุกคน"ผมรับรองว่า ต่อไปพวกคุณจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้อย่างแน่นอน!"ฉินเทียนมิ่งพูดเสียงเย็นชาตระกูลเย่ที่อัปลักษณ์แบบนี้ ทำให้ฉินเทียนมิ่งได้เปิดโลกกว้างจริงๆ"คนที่เสียใจควรจะเป็นนาย!""ฉินเทียนมิ่ง รอวันที่หวังเจียงข่ายกลับมา ก็จะเป็นวันที่นายต้องตาย แต่นายวางใจได้ ถึงเวลาฉันจะให้คนไปเก็บศพของนาย จากนั้นโยนศพของนายลงแม่น้ำเจียงหลิงให้ปลากิน"เย่ไห่พูดแสยะยิ้มครั้งนี้ เขาถือว่าแตกหักกับฉินเทียนมิ่งโดยสิ้นเชิง เลือกยืนอยู่ข้างตระกูลหวัง"ไปเถอะ ไม่ต้องเสียเวลากับเขาอีกต่อไป ยังต้องคิดว่าพรุ่งนี้จะไปแสดงการขอโทษกับตระกูลหวังอย่างไร" เย่เต๋อซานส่ายหน้าพูด"รีบไปเถอะ ไม่อย่างนั้นตระกูลหวังยังคิดว่าตระกูลเย่ของเราเป็นพวกเดียวกับพวกเขา"ชั่วขณะ คนตระกูลเย่ก็พา
"ตอนนี้ พวกคุณไสหัวไปได้แล้ว!"ฉินเทียนมิ่งเหลือบมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชาคนของตระกูลหวังยังจะกล้าอยู่ต่อที่ไหนกัน พาหวังหงซานที่หมดสติกับศพของหวังเจียงเทาออกจากที่เกิดเหตุด้วยท่าทางน่าอนาถไม่นานนนัก แขกคนอื่นๆ ก็พากันแยกย้ายกลับ เหลือเพียงคนของตระกูลเย่ที่ยังอยู่ห้องโถงจัดเลี้ยง"เย่ชิงหลวน เธอหยุดหลงงมงายอีกต่อไปได้แล้ว ตอนนี้ไปขอร้องตระกูลหวังให้อภัยก็ยังทัน ไม่อย่างนั้นรอหวังเจียงข่ายกลับมา พวกเราตระกูลเย่ทุกคนก็จบสิ้นแล้ว"เย่เต๋อซานพูดด้วยสีหน้าไม่ดีเบื้องหลังฉินเทียนมิ่งต่อให้มีตระกูลเฉินตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองหลิ่งหนานหนุนหลัง แต่เขากลับบาดหมางกับกองทัพปราบปรามมังกรกองทัพอันดับหนึ่งของต้าเซี่ยนั่นเป็นการมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำให้โลกตกตะลึงได้ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว และเยือนดินแดนรกร้างได้ด้วยประโยคเดียวเขาเอาอะไรมาสู้กับตระกูลหวัง?เย่ชิงหลวนสายตาเย็นชาและเหลือบมองเย่เต๋อซาน พูดว่า: "ฉันไม่ไป ถ้าจะไปพวกคุณก็ไปขอร้องตระกูลหวังเอง""หุบปาก นี่เธออยากให้ตระกูลเย่ของเราถูกฆ่าทั้งครอบครัวงั้นเหรอ!"เย่เต๋อซานพูดด้วยน้ำเสียงโมโห"ถ้าหากพวกคุณไม่อยากเดือดร้อน