เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเป็นระยะสายนั้นโทรมาจากมาลิค จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังปล่อยให้มันดังอยู่แบบนั้นเพราะสนใจคนที่นั่งข้าง ๆ มากกว่า“กับคุณหนูลี่… เข้ากันได้ดีใช่ไหมคะ” ถามบ้าอะไรออกไปเนี่ย อยากจะตีปากตัวเองแรง ๆคาแลนหันมามองพร้อมพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับใช้สายตาคู่นั้นจ้องมองริมฝีปากของฉัน“ถ้ามิลาถามมากเกินไปขอโทษด้วยนะคะ”“ตอบได้”“…”“ลี่เป็นผู้หญิงที่น่ารัก”“อะ... อ๋อ มิลาว่าแล้วว่าเธอต้องน่ารักกับเฮียมาก ๆ”“อืม”เจ็บจริง ๆ ไม่น่าเปิดประเด็นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนเลย มันยิ่งชวนให้บรรยากาศอึมครึมน่าอึดอัดกว่าเดิม“เรื่องมิน… มิลาขอเวลาพิสูจน์”“ตามใจหนู เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเฮีย”อืมนั่นสิ ลืมตัวอีกแล้ว ตอนนี้เราสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยนี่นาสายเรียกเข้ามาในโทรศัพท์ของคาแลน เจ้าตัวมองดูหน้าจอครู่หนึ่งก้อนจะกดรับทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ข้างฉัน“ลี่ปลอดภัยใช่ไหม”ราวกับหัวใจมันจะหยุดเต้นให้ได้เลยเมื่อได้ยินชื่อนั้น พยายามข่มความรู้สึกหึงหวงเอาไว้เพราะคาแลนไม่ได้เป็นของฉัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันอีกแล้ว แต่ทำยังไงดีกำมือจนเปียกชุ่มเหงื่อก็ยังรู้สึกร้อนรุ่มใ
คิดมาตลอดว่ามินจะอยู่ข้าง ๆ ข้ามผ่านปัญหาด้วยกัน แต่หลาย ๆ อย่างทำให้เริ่มเชื่อในสิ่งที่คาแลนบอก“มิลาคิดดีแล้วค่ะ”เหมือนคนตัวโตกำลังกลั้นใจรอฟังคำตอบจากฉันเมื่อพูดออกไปแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“จะกลับไปหามันไหม?”“ต้องกลับไป มิลาทิ้งเจ้าความหวังเอาไว้ไม่ได้”“เลือกแล้วนะ ถ้าหนูทิ้งเฮียอีกครั้ง…”“ไม่ทิ้งแล้ว ครั้งนี้มิลาจะจับมือเฮียแน่น ๆ”ฉันซบลงบนแผงอกแกร่ง ความรู้สึกสบายใจแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งที่เลือกหันหลังให้น้องสาวแต่ตอนนี้รู้สึกโล่งใจมาก ๆ“รู้ไหมว่าเฮียดีใจมาก ๆ”“อื้อ”แขนแกร่งกำชับกอดแน่นพร้อมก้มลงมาจูบบนเส้นผมนุ่ม เราสองคนนั่งอยู่ในท่านี้นานเกือบยี่สิบนาทีโดยไม่มีใครพูดอะไร รู้แค่ว่าเวลานี้เราคือความสบายใจของกันและกัน… เลือกแล้วครั้งนี้จะไม่หันหลังให้คาแลนอีกเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำให้ฉันต้องผละใบหน้าออก หันมองที่จอมือถือพร้อมขมวดคิ้วงุนงงเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรมานั้นคือน้องสาวของตัวเอง“รับสาย อย่าทำตัวมีพิรุธ” คาแลนบอก เขาดันตัวฉันให้ลุกขึ้นจากตักแล้วเดินหายออกไปสูบบุหรี่ที่นอกระเบียง ปล่อยให้คุยโทรศัพท์ตามลำพัง‘ว่าไงมิน ทำไมเพิ่งโทรมาล่ะพี่โ
คำที่คนรักเอ่ยบอกทำให้หัวใจดวงน้อยของมิลาเต้นรัว เธอยกแขนขึ้นคล้องลำคอหนาดึงรั้งให้คนด้านบนลดใบหน้าลงมาเพื่อมอบจูบที่ดูดดื่มให้“อืม~” คาแลนดูดซับความหวานจากริมฝีปากบางกระจับจนพอใจก่อนจะเป็นฝ่ายผละออกสายตาอ้อยอิ่งภายใต้ใบหน้าสวยทำให้เขานึกอยากจะดูดดึงริมฝีปากของคนตัวเล็กด้านล่างแรง ๆ เพื่อสั่งสอนว่าไม่ให้ยั่วยวนทำคนอื่นคลั่งขนาดนี้“อยากให้เฮียกระแทกแรง ๆ หรือเปล่า”“อื้อ~ เฮียกระแทกมิลาแรง ๆ นะคะ”“ชิท!!” ได้ยินแบบนั้นคนฟังก็สบถคำหยาบออกมาทันที ด้านล่างขยายตัวแข็งทื่อขึ้นมาง่าย ๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ยุ่งกับมันแต่เป็นแบบนั้นเพียงเพราะคำพูดลามกของคนสวยใต้ร่างมือเล็กลูบไล้บนแผงอกที่เต็มไปด้วยลอนกล้าม ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปหยุดที่ผ้าขนหนูสีขาว มิลาดึงกระตุกเบา ๆ ทำให้ผ้าที่พันรอบเอวของคาแลนล่วงหล่นลง เผยให้เห็นร่างกายกำยังที่เปลือยเปล่า“เข้าฟิตเนสบ่อยเหรอคะ”“อืม ทุกครั้งที่ว่าง”“มิลาชอบจัง”“คนสวยของเฮีย” ริมฝีปากหนาพรมจูบลงมาบนพวงแก้มเนียนที่กำลังขึ้นสีผ่านไปครู่หนึ่งมิลาก็ถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่งก่อนที่เสื้อผ้าจะหลุดออกจากตัวทีละชิ้น ๆ โดยมีคนตัวโตช่วยถอดให้ สายตาคมคู่นั้นจ้องมองเรือนร่างขา
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมารบกวนเวลานอนหลับทำให้ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นควานมือหาต้นตอของเสียงนั้น โทรศัพท์เครื่องหรูของคาแลนปรากฏชื่อลี่เว่ยหลินตระหง่านบนหน้าจอฉันเม้มปากแน่นก่อนจะปิดเสียงเอาไว้แล้ววางโทรศัพท์ในมือลง ร่างหนาที่นอนข้าง ๆ ขยับตัวเล็กน้อยพร้อมกอดแน่นขึ้น กดริมฝีปากหยักจูบลงมาบนต้นคอ“มิลาทำเฮียตื่นหรือเปล่าคะ”“เฮียได้ยินเสียงโทรศัพท์น่ะ”“คุณหนูลี่โทรมาค่ะ แต่มิลากดปิดเสียงไว้กลัวเฮียจะตื่น ขอโทษที่วุ่นวายกับของใช้ส่วนตัว”“หืม เฮียยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลยคนดี หนูมีสิทธิ์ยุ่งได้เต็มที่อยู่แล้ว”“รับสายเธอเถอะค่ะ โทรมาสักพักแล้วอาจจะมีเรื่องด่วน”ฉันบอกพลางจับท่อนแขนที่พาดอยู่บนเอวออก ไม่อยากแสดงความหึงหวงให้ตัวเองกลายเป็นคนงี่เง่าจึงเลือกเดินออกมาจากห้องเงียบ ๆถึงเราจะรักกันแต่เรื่องราวตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อีกทั้งฉันที่อยู่ในสถานะว่าที่คู่หมั้นของมาลิคหรือคาแลนที่เป็นข่าวเดตกับคุณหนูลี่เว่ยหลินความสัมพันธ์มันยุ่งเหยิงยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นกังวล ถึงแม้ตอนนี้จะมีความสุขมาก ๆ กับสิ่งที่เลือก แต่ในอนาคตจะเป็นยังไงต่อฉันไม่รู้เลยร่างหนาเดินออกมาจากห้องนอนก่อนจะหย่อนตัวนั่งล
Talk - มิลาพี่เจตเป็นคนไปซื้อวัตถุดิบตามที่ฉันเขียนในกระดาษไว้ให้ หลังจากได้ของจนครบก็ลงมือทำอาหารจนเสร็จหมดทุกอย่าง เหลือแค่รอเจ้าของห้องกลับมาไม่รู้เจ้าความหวังจะเป็นยังไงบ้าง อาหารกับน้ำหมดหรือยัง เป็นห่วงมาก ๆช่วงบ่ายคาแลนกลับมาที่ห้อง สีหน้าของเขาดูเหนื่อยหน้าหัวคิ้วขมวดชนกันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“หิวหรือยังคะ มิลาทำอหารไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเฮียกินตอนนี้จะไปอุ่นให้”“ยัง เฮียขอนั่งพักก่อน”คนตัวสูงเดินไปนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ ไม่อยากคิดมากแต่มันอดไม่ได้ เขาบอกจะไปคุยกับคุณหนูลี่แล้วกลับมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีแบบนี้มันทำให้ฉันใจไม่ค่อยดีเลย“คุณหนูลี่เธอว่ายังไงบ้างคะ”“เธอไม่ยอมจบ”ราวกับหัวใจดวงน้อยหยุดเต้นไปชั่วขณะหลังจากได้ยินคำนั้น คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายอย่างที่หวังแต่ลืมไปว่าชีวิตเรามันไม่มีอะไรง่ายเลย“หนู”“นะ... หนูโอเคค่ะเฮียไม่ต้องห่วง” ถึงแม้ข้างในจะไม่โอเคนักแต่ไม่อยากทำให้คนรักเครียดมากกว่าเดิมจึงเลือกตอบไปอย่างนั้น“มานั่งบนตักเฮีย”มือหนาตบบนท่อนขาแกร่งของตัวเองพร้อมคำสั่ง ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินมาหย่อนก้นนั่งลงบนตักที่ค
ฉันเก็บเอาคำเตือนของคาแลนมาคิดทั้งคืน มันไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจง่าย ๆ อยากรู้ว่าทำไมมินถึงทำได้ น้องคิดจะทำร้ายพี่สาวที่หวังดีคนนี้ได้ยังไงกันจมอยู่กับความคิดในวังวนเดิม ๆ มาตลอด จนตอนนี้เมื่อหันมองคาแคนที่กำลังหลับสนิทความคิดก็เริ่มตกตะกอนได้แล้วว่าควรจะปล่อยให้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น“ครั้งนี้มิลาจะจับมือเฮียไว้แน่น ๆ ไม่ยอมปล่อยอีกแล้ว” พูดกับคนที่ยังนอนหลับก่อนที่ฉันจะก้มลงมาจูบเบา ๆ บนริมฝีปากหนาแต่เหมือนเป็นการรบกวนให้อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมามองทั้งที่ริมฝีปากเราสองคนยังแตะกัน มือสากยกขึ้นมาวางบนศีรษะของฉันแล้วกดลงบดขยี้ริมฝีปากดูดดื่ม“อื้อ”“อืม~”เนิ่นนานกว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยให้เป็นอิสระปากของฉันในตอนนี้มันคงบวมเป่งไปแล้วแน่ ๆ“สวยจังเลยครับ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ วันนี้เฮียต้องไปธุระอย่าลืมนะ”“อยากกอดหนูทั้งวัน” ไม่พูดเปล่า แขนแกร่งวางพาดลงบนเอวของฉันแล้วถึงให้มาแนบติดกับตัวเอง“มิลาคิดแล้วนะคะเรื่องมิน”“พูดมาเลยครับ เฮียฟังหนูอยู่”“จัดการตามที่สมควรได้เลยค่ะ เรื่องนี้มิลาจะไม่ห้าม”“แปลว่ามินอาจจะ…” ฉันยกนิ้ววางบนริมฝีปากหนาไม่ให้อีกฝ่ายเอ่ยคำที่ไม่ต้องการได้ยิน
Talk - มิลาหลังวางสายจากมินฉันก็พยายามไม่คิดอะไรมากปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป แต่ให้หลังจากที่วางสายได้ไม่นานเบอร์ของมาลิคก็โทรมาคิดว่าจะไม่รับสายแต่ไม่รู้อะไรดลใจให้กดรับในที่สุด(น่าแปลกที่ครั้งนี้เธอรับสาย)ฉันเงียบฟังว่าปลายสายจะพูดอะไรต่อ อยากรู้ว่าเขาตั้งใจขู่อะไรอีก(ไม่คิดจะกลับมาหาว่าที่คู่หมั้นหน่อยหรือไงมิลา)“ทำไมต้องกลับไป ในเมื่อตอนนี้มิลาไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว”(น้องสาวของเธอล่ะ ไม่ห่วงแล้วรึไง)“หยุดเอาเรื่องมินมาขู่ได้แล้ว มิลาไม่เชื่อคุณอีกแล้วมาลิค”(คิดไว้แล้วว่าเธอคงรู้ความจริง) เสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ดังขึ้น เขาดูอารมณ์ดีคงไม่รู้เรื่องที่คาแลนกำลังวางแผนจะโค่นตัวเอง“มิลาโง่เองที่ถูกหลอกมาได้ตั้งหลายปี โง่เองที่ทิ้งความสุขไปจมอยู่กับความทุกข์ตั้งนาน”(น้องสาวเธอมันโง่ที่แสดงออกให้รู้ตัว ฉันจะจัดการผู้หญิงคนนี้ยังไงดี บอกมาสิมิลาถ้าเธอเกลียดมินแล้วก็ช่วยแนะนำฉันทีว่าควรฆ่าด้วยวิธีไหนที่จะทรมานมากที่สุด)“…” คำ ๆ นั้นทำให้ฉันเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจกระตุกวูบไหว มือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถึงจะรู้ความจริงแต่จะให้แนะนำวิธีบ้า ๆ นั่นกับน้องสาวของตัวเองฉันทำไม่ลง(ถ้าน้อง
Talk - มิลาเพราะกลัวถูกดุ กลัวคนตัวสูงจะคิดไปเป็นอื่นทำให้น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อถูกจับได้ว่าคุยกับมาลิค“เฮียเชื่อมิลานะ”“หนูคุยอะไรกับมัน” น้ำเสียงโทนต่ำที่เอ่ยถามยิ่งทำให้ความกลัวในใจทวีคูณมากขึ้น“ขะ... เขาก็โทรมาขู่เหมือนอย่างทุกที”“แล้วหนูว่ายังไง มีลังเลบ้างรึเปล่า”“ไม่ ๆ มิลาไม่ลังเลเลย จะ... จริง ๆ นะเฮีย”คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจออกมาแล้วนั่งลงข้าง ๆ ดึงตัวฉันมาสวมกอด ฝ่ามือหนาลูบเบา ๆ บนแผ่นหลัง“เฮียรู้ว่าหนูเป็นห่วง รู้นิสัยหนูดีมิลา”“อื้อ แต่มิลาไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยนะคะ”“อย่าไปสนใจมัน และต่อจากนี้เฮียขอห้ามไม่ให้รับสายใครอีกไม่ว่าจะเป็นไอ้มาลิคหรือมินลี่”“อื้อ”คาแลนดันตัวฉันออกจากอ้อมกอดพลางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มให้“หนูต้องเข้มแข็งนะ”“อื้อมิลาจะเข้มแข็ง”“เฮียมีเรื่องอยากจะคุย หนูหยุดร้องก่อนเร็ว”“อะไรเหรอคะ” ฉันพยายามฮึบให้ตัวเองหยุดร้องไห้และรอฟังว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร“เรื่องโค่นมาลิค เฮียคุยกับเฟลิกซ์กับเคย์เดนแล้วแต่มันสองคนห้าม จริง ๆ ไม่อยากจะบอกหนูสักเท่าไรแต่คิดว่าเฮียควรบอกหนูทุกเรื่อง”เดาได้ไม่ยากเลยว่าเรื่องที่จะพูดนี้คงทำให้อีกฝ่ายหนักใจ เพราะ
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ