Talk - มิลาพี่เจตเป็นคนไปซื้อวัตถุดิบตามที่ฉันเขียนในกระดาษไว้ให้ หลังจากได้ของจนครบก็ลงมือทำอาหารจนเสร็จหมดทุกอย่าง เหลือแค่รอเจ้าของห้องกลับมาไม่รู้เจ้าความหวังจะเป็นยังไงบ้าง อาหารกับน้ำหมดหรือยัง เป็นห่วงมาก ๆช่วงบ่ายคาแลนกลับมาที่ห้อง สีหน้าของเขาดูเหนื่อยหน้าหัวคิ้วขมวดชนกันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“หิวหรือยังคะ มิลาทำอหารไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเฮียกินตอนนี้จะไปอุ่นให้”“ยัง เฮียขอนั่งพักก่อน”คนตัวสูงเดินไปนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ ไม่อยากคิดมากแต่มันอดไม่ได้ เขาบอกจะไปคุยกับคุณหนูลี่แล้วกลับมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีแบบนี้มันทำให้ฉันใจไม่ค่อยดีเลย“คุณหนูลี่เธอว่ายังไงบ้างคะ”“เธอไม่ยอมจบ”ราวกับหัวใจดวงน้อยหยุดเต้นไปชั่วขณะหลังจากได้ยินคำนั้น คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายอย่างที่หวังแต่ลืมไปว่าชีวิตเรามันไม่มีอะไรง่ายเลย“หนู”“นะ... หนูโอเคค่ะเฮียไม่ต้องห่วง” ถึงแม้ข้างในจะไม่โอเคนักแต่ไม่อยากทำให้คนรักเครียดมากกว่าเดิมจึงเลือกตอบไปอย่างนั้น“มานั่งบนตักเฮีย”มือหนาตบบนท่อนขาแกร่งของตัวเองพร้อมคำสั่ง ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินมาหย่อนก้นนั่งลงบนตักที่ค
ฉันเก็บเอาคำเตือนของคาแลนมาคิดทั้งคืน มันไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจง่าย ๆ อยากรู้ว่าทำไมมินถึงทำได้ น้องคิดจะทำร้ายพี่สาวที่หวังดีคนนี้ได้ยังไงกันจมอยู่กับความคิดในวังวนเดิม ๆ มาตลอด จนตอนนี้เมื่อหันมองคาแคนที่กำลังหลับสนิทความคิดก็เริ่มตกตะกอนได้แล้วว่าควรจะปล่อยให้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น“ครั้งนี้มิลาจะจับมือเฮียไว้แน่น ๆ ไม่ยอมปล่อยอีกแล้ว” พูดกับคนที่ยังนอนหลับก่อนที่ฉันจะก้มลงมาจูบเบา ๆ บนริมฝีปากหนาแต่เหมือนเป็นการรบกวนให้อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมามองทั้งที่ริมฝีปากเราสองคนยังแตะกัน มือสากยกขึ้นมาวางบนศีรษะของฉันแล้วกดลงบดขยี้ริมฝีปากดูดดื่ม“อื้อ”“อืม~”เนิ่นนานกว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยให้เป็นอิสระปากของฉันในตอนนี้มันคงบวมเป่งไปแล้วแน่ ๆ“สวยจังเลยครับ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ วันนี้เฮียต้องไปธุระอย่าลืมนะ”“อยากกอดหนูทั้งวัน” ไม่พูดเปล่า แขนแกร่งวางพาดลงบนเอวของฉันแล้วถึงให้มาแนบติดกับตัวเอง“มิลาคิดแล้วนะคะเรื่องมิน”“พูดมาเลยครับ เฮียฟังหนูอยู่”“จัดการตามที่สมควรได้เลยค่ะ เรื่องนี้มิลาจะไม่ห้าม”“แปลว่ามินอาจจะ…” ฉันยกนิ้ววางบนริมฝีปากหนาไม่ให้อีกฝ่ายเอ่ยคำที่ไม่ต้องการได้ยิน
Talk - มิลาหลังวางสายจากมินฉันก็พยายามไม่คิดอะไรมากปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป แต่ให้หลังจากที่วางสายได้ไม่นานเบอร์ของมาลิคก็โทรมาคิดว่าจะไม่รับสายแต่ไม่รู้อะไรดลใจให้กดรับในที่สุด(น่าแปลกที่ครั้งนี้เธอรับสาย)ฉันเงียบฟังว่าปลายสายจะพูดอะไรต่อ อยากรู้ว่าเขาตั้งใจขู่อะไรอีก(ไม่คิดจะกลับมาหาว่าที่คู่หมั้นหน่อยหรือไงมิลา)“ทำไมต้องกลับไป ในเมื่อตอนนี้มิลาไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว”(น้องสาวของเธอล่ะ ไม่ห่วงแล้วรึไง)“หยุดเอาเรื่องมินมาขู่ได้แล้ว มิลาไม่เชื่อคุณอีกแล้วมาลิค”(คิดไว้แล้วว่าเธอคงรู้ความจริง) เสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ดังขึ้น เขาดูอารมณ์ดีคงไม่รู้เรื่องที่คาแลนกำลังวางแผนจะโค่นตัวเอง“มิลาโง่เองที่ถูกหลอกมาได้ตั้งหลายปี โง่เองที่ทิ้งความสุขไปจมอยู่กับความทุกข์ตั้งนาน”(น้องสาวเธอมันโง่ที่แสดงออกให้รู้ตัว ฉันจะจัดการผู้หญิงคนนี้ยังไงดี บอกมาสิมิลาถ้าเธอเกลียดมินแล้วก็ช่วยแนะนำฉันทีว่าควรฆ่าด้วยวิธีไหนที่จะทรมานมากที่สุด)“…” คำ ๆ นั้นทำให้ฉันเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจกระตุกวูบไหว มือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถึงจะรู้ความจริงแต่จะให้แนะนำวิธีบ้า ๆ นั่นกับน้องสาวของตัวเองฉันทำไม่ลง(ถ้าน้อง
Talk - มิลาเพราะกลัวถูกดุ กลัวคนตัวสูงจะคิดไปเป็นอื่นทำให้น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อถูกจับได้ว่าคุยกับมาลิค“เฮียเชื่อมิลานะ”“หนูคุยอะไรกับมัน” น้ำเสียงโทนต่ำที่เอ่ยถามยิ่งทำให้ความกลัวในใจทวีคูณมากขึ้น“ขะ... เขาก็โทรมาขู่เหมือนอย่างทุกที”“แล้วหนูว่ายังไง มีลังเลบ้างรึเปล่า”“ไม่ ๆ มิลาไม่ลังเลเลย จะ... จริง ๆ นะเฮีย”คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจออกมาแล้วนั่งลงข้าง ๆ ดึงตัวฉันมาสวมกอด ฝ่ามือหนาลูบเบา ๆ บนแผ่นหลัง“เฮียรู้ว่าหนูเป็นห่วง รู้นิสัยหนูดีมิลา”“อื้อ แต่มิลาไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยนะคะ”“อย่าไปสนใจมัน และต่อจากนี้เฮียขอห้ามไม่ให้รับสายใครอีกไม่ว่าจะเป็นไอ้มาลิคหรือมินลี่”“อื้อ”คาแลนดันตัวฉันออกจากอ้อมกอดพลางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มให้“หนูต้องเข้มแข็งนะ”“อื้อมิลาจะเข้มแข็ง”“เฮียมีเรื่องอยากจะคุย หนูหยุดร้องก่อนเร็ว”“อะไรเหรอคะ” ฉันพยายามฮึบให้ตัวเองหยุดร้องไห้และรอฟังว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร“เรื่องโค่นมาลิค เฮียคุยกับเฟลิกซ์กับเคย์เดนแล้วแต่มันสองคนห้าม จริง ๆ ไม่อยากจะบอกหนูสักเท่าไรแต่คิดว่าเฮียควรบอกหนูทุกเรื่อง”เดาได้ไม่ยากเลยว่าเรื่องที่จะพูดนี้คงทำให้อีกฝ่ายหนักใจ เพราะ
ห้าวันผ่านไป ฉันนั่งเล่นกับเจ้าแมวน้อยอยู่ในห้อง คลุกอยู่แบบนี้ทั้งวันไม่ได้ออกไปไหน ส่วนคาแลนออกไปคุยแผนกับเพื่อนของเขา พรุ่งนี้แล้วที่ทุกอย่างมันจะจบ ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีมาลิคและมินโทรมาแทบทุกวันแต่ไม่ได้รับสายเพราะคำขอจากคาแลน ฉันไม่อยากรู้สึกผิดต่อเขาอีกแล้วและไม่อยากคุยให้ตัวเองจมดิ่งกับความรู้สึกเดิม ๆ ตัดสินใจหันหลังให้แล้วก็จะไม่หันกลับไปอีก“เมี๊ยว~” ความหวังเดินมาคลอเคลียขาของฉันพร้อมม้วนตัวไปมาออดอ้อนตามประสา“หิวเหรอ เดี๋ยวมี๊เอาอาหารเปียกให้”พวกอาหารแมวพี่เจตซื้อมาเป็นลังเลย ไม่ใช่แค่ลังเดียวด้วย เยอะขนาดที่ว่าฉันคิดหนักกลัวมันหมดอายุก่อนที่เจ้าความหวังจะกินหมด นี่ก็ขุนจนพุงป่องทุกวันแต่หันไปมองลังอาหารยังเหลือมากเหมือนเดิม“มานี่เร็วความหวัง”“เมี๊ยว~”แมวตัวอ้วนวิ่งดุกดิกตามฉันมายังจานอาหารของตัวเองแถมยังมองด้วยสายตาอ้อน ตัวแค่นี้แต่อ้อนเก่งจริง ๆ หลงจนหาทางออกไม่เจอแล้วคาแลนชอบบ่นว่าฉันน่ะติดเจ้าความหวังมากเกินไปไม่ค่อยสนใจเขา มันคงจะจริง กลัวมันเหงานี่ก็เลยเล่นด้วยจนดึกทุกวันเสียงออดหน้าห้องดังขึ้นฉันจึงลุกขึ้นมาเปิดประตู เป็นพี่เจตที่กดเรียก“คุณมิลาครับ”“ว่าไงค
ฉันนั่งมองดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้า ไม่ได้นอนทั้งคืนเอาแต่ร้องไห้และรอฟังข่าวว่าเจอคาแลนแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครติดต่อมา ความเหนื่อยล้าทำให้แทบไม่มีแรงลุกขึ้นไปไหนจนต้องนอนฟุบลงบนโซฟา“กินข้าวหน่อยนะครับคุณมิลา”“พี่เจต จะ... เจอเฮียหรือยังคะ”“ผมสั่งอาหารมาให้ต้องกินนะครับ ถ้านายกลับมาแล้วเห็นคุณมิลาเป็นแบบนี้ผมโดนดุแน่ ๆ”“จะกลับมาใช่ไหม เฮียจะกลับมาหามิลาใช่ไหมคะ” เพียงแค่เอ่ยน้ำมันเสียงสั่น คราบน้ำตายังคงเปื้อนแก้มตั้งแต่เมื่อคืน“ครับ” พี่เจตเองก็เอ่ยตอบเสียงสั่นเครือเหมือนกัน เขาพยายามเข้มแข็งต่อหน้าฉัน “นายจะกลับมาแน่ ๆ”“ช่วยเป็นพี่ชายคนเดิมให้มิลาได้ไหมพี่เจต มิลาไม่เหลือใครแล้ว ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะแตกสลาย” ฉันขอร้องคนตรงหน้า เพราะต้องการความสบายใจ จากพี่ชายที่แสนดีคนนี้ ที่ผ่านมาถึงจะเคยพูดตักเตือนไปหลายครั้งแต่พี่เจตยังคงมองฉันด้วยสายตาที่อบอุ่นเสมอ“พี่อยู่หน้าห้องมิลาอยากได้อะไรก็เรียกนะครับ ถ้าเจอตัวนายแล้วพี่จะรีบบอกทันที”“ขอบคุณนะคะที่กลับมาเป็นพี่ชายคนเดิมของมิลา” คลี่ยิ้มจาง ๆ ให้กับพี่เจต สุดท้ายก็แทนตัวเองว่าพี่อย่างเมื่อก่อนทั้งที่
เกือบหนึ่งเดือนแล้ว เวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ากว่าจะผ่านพ้นไปแต่ละวันมันช่างยากลำบากการค้นหาคาแลนได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่เฮียคัลเลนก็ยังเชื่อเหมือนฉัน ลั่นคำพูดเอาไว้ว่าถ้าไม่เจอร่างจะไม่จัดงานศพให้น้องชายเด็ดขาดไม่กล้าสู้หน้าใครเลยทางฝั่งครอบครัวของคาแลน เพราะฝังใจว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากตัวเอง ฉันเป็นตัวต้นเรื่อง เป็นสาเหตุ เป็นคนทำให้คาแลนมีจุดจบแบบนี้ตั้งแต่วันนั้นจนตอนนี้ฉันใช้ชีวิตจมปลักกับความเศร้า ความหวังที่เคยมีมันเลือนลางไปทุกวันการสูญเสียมันทำให้เรารู้สึกทรมาน ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับตัวคนเดียว คนที่รักทิ้งฉันไปกันหมด ทั้งคาแลนและมินมินเสียชีวิตในคืนวันนั้น เธอรู้ตัวว่าถูกมาลิคหักหลังจึงช่วยคาแลน แต่พลาดท่าโดนลูกน้องของมาลิคยิง เคย์เดนเล่าว่ากระสุนนัดสุดท้ายที่เจาะกบาลมาลิค มินเป็นคนลั่นไกลยิง ถ้าไม่ได้น้องช่วยคาแลนอาจจะโดนยิงซ้ำอีกนัดก่อนจะตกลงไปในน้ำทะเลสำหรับมินฉันอโหสิกรรมให้ทุกอย่าง อย่างน้อยในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตน้องก็รู้สึกผิดและกลับใจได้ ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวก็ตาม การจากไปของมินทำให้ฉันเจ็บปวดมากเหมือนกันทำไมโลกใบนี้ถึงได้โหดร้ายกับฉันมากขน
บอกพี่เจตแค่คนเดียวเรื่องท้อง แต่ผ่านไปเพียงสามวันทั้งเฮียคัลเลนและเพื่อนของคาแลนก็หอบข้าวของมาให้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนในรอบเดือน“ฉันคงไม่ได้เห็นหน้าหลานในวันคลอด เดี๋ยวจะรับขวัญให้ก่อนก็แล้วกัน” เคย์เดนยื่นซองสีขาวมาให้ เห็นแล้วทำให้แปลกใจว่ามันคืออะไร“อะไรเหรอคะ?”“ฉันยกธุรกิจทั้งหมดให้ เก็บเอาไว้ให้ลูกของเธอถือซะว่าเป็นขวัญถุงในวันคลอด”ฉันเบิกตากว้างรีบส่ายหน้า เขาให้มากเกินไป มันมากซะจนฉันรับเอาไว้ไม่ได้“ดะ... เดี๋ยวนะคะ คุณจะมายกทุกอย่างให้คนอื่นง่าย ๆ แบบนี้ได้ยัง” ถ้ายกให้หมดแบบนี้เขาจะเอาเงินที่ไหนใช้ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเคย์เดนคิดอะไรอยู่“ฉันจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว สมบัติพวกนั้นคงไม่ต่างอะไรกับของไร้ค่าที่ถูกทิ้ง เธอรับเอาไว้เถอะมิลา มีพร้อมทุกอย่างมันดีกว่าขาดเหลือ”“มิลาไม่เข้าใจ คุณไม่อยู่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องใช้เงินนะคะ”“ในที่ที่ฉันจะไป ที่นั่นมีพร้อมทุกอย่างมากกว่าที่ฉันมีในตอนนี้หลายร้อยเท่าเธอไม่ต้องห่วงเรื่องนี้”“ยิ่งพูดมิลายิ่งไม่เข้าใจคุณ”ไม่เข้าใจสิ่งที่เคย์เดนพูดเลย คำที่ชวนให้สับสนนั้นคืออะไร แต่เขาไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้และฉันก็ไม่อยากซัก
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ