“อื้อ!” ฉันพยายามดิ้นขัดขืน แต่ก็ไม่อาจสู้แรงที่มีมากของพี่ลีวายได้ กำปั้นเล็กรัวทุบเข้าที่แผงอกอย่างเต็มแรงแทนที่พี่ลีวายจะยอมหยุด แต่เขากลับใช้ฟันคมกัดริมฝีปากฉันราวกับต้องการลงโทษ ทั้งยังใช้สองมือประคองศีรษะเพื่อบดเบียดริมฝีปากเข้ามาให้แนบชิดกว่าเดิม จนตอนนี้ฉันแทบจะไม่มีอากาศได้หายใจ“โอ๊ย! จะทุบอะไรนักหนาวะ!!” ร่างสูงตวาดถามเสียงดัง แววตาเกรี้ยวกราดจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“มะ... มิลินขอตัวก่อนนะคะ” ขืนยังอยู่ตรงนี้ทุกอย่างมันคงไม่จบแค่ที่จูบอารมณ์พี่ลีวายฉุนเฉียวเอามาก ๆ ด้วย ฉันยังไม่อยากเจ็บตัว เพราะลำพังแค่เจ็บใจก็แทบจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว“คิดว่าเธอจะได้ก้าวขาออกจากห้องนี้ไปง่าย ๆ เหรอ?”“มะ... หมายความว่าไงคะ”“ก็หมายความว่าเธอต้องอยู่ให้ฉันเอาก่อนไง!”“กรี๊ดดด! ปล่อยมิลินนะคะพี่ลีวาย”จู่ ๆ พี่ลีวายก็อุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว จากนั้นก็พาเดินไปที่เตียงตุ้บ!“โอ๊ย~” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อถูกโยนลงบนฟูกอย่างแรงจนรู้สึกจุกสายตาพร่ามัวจ้องมองพี่ลีวายที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออกในตอนนั้นฉันแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเพราะรู้สึกเจ็บ ทว่าก็ไม่อาจปล่อยให้เขาทำเรื่องแบบนั้นได้พรึ่บ!
#ห้องของฉันกลับมาที่ห้องของตัวเองฉันก็เอาแต่ร้องไห้ ร่างกายมันบอบช้ำมีแต่รอยเต็มไปหมด นี่คุณท่านไปยังไม่ถึงวันฉันยังเป็นขนาดนี้ ถ้าเวลาต้องผ่านไปเป็นเดือน ๆ จะเป็นยังไง ถึงมหาวิทยาลัยจะใกล้ปิดเทอมแล้ว แต่มันก็เหลือเวลาอีกตั้งสองเดือน สำหรับฉันในตอนนี้มันเป็นเวลานานเอามาก ๆบอกตามตรงว่าฉันไม่มีความสุขเลยที่มีอะไรกับคนที่ตัวเองชอบอย่างพี่ลีวาย มันเป็นความรู้สึกที่แสนจะทรมาน เพราะรู้ดีว่าต้องแลกด้วยร่างกายอีกกี่ครั้งก็ไม่มีวันได้หัวใจของเขา“แม่จ๋ามิลินคิดถึงแม่จัง… อึก~”“พามิลินไปอยู่ด้วยได้ไหม ตอนนี้ อึก~ มันทรมานมากจริง ๆ”ฉันร้องไห้เอาแต่พูดถึงแม่ด้วยน้ำเสียงสะอื้น ไม่เข้าใจตัวเองว่าต้องเจ็บมากขนาดไหนถึงจะยอมตัดใจถอยห่าง ถามหัวใจตัวเองตอนนี้มันก็ยังมีแต่พี่ลีวายทั้งใจ… หรือว่าฉันควรลองเปิดใจให้ใครสักคนดูเผื่อจะทำให้ความรู้สึกที่มีให้พี่ลีวายมันลดน้อยลง#วันต่อมาฉันรีบตื่นเช้าออกมามหาวิทยาลัยทั้งที่ตัวเองมีเรียนสิบโมงเช้า เหตุผลที่รีบออกมาจากบ้านก็เพราะกลัวว่าจะเจอกับพี่ลีวาย ไม่รู้เขาจะทำอะไรหากเจอฉัน คนแบบนั้นเดาใจยาก แต่ที่แน่ ๆ พี่ลีวายไม่เคยใจดีกับฉันเลย“มาเช้าจังเลยครับ
ฉันพยายามดันตัวเองออกจากพี่ลีวายแต่เขาจับไว้แน่น มันแปลกขณะที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงแต่พี่ลีวายกลับทำเหมือนกำลังรั้งเอาไว้“พี่ลีวายปล่อยมิลินได้แล้วค่ะ”“ขึ้นไปบนห้องกับฉัน”“ขะ… ขึ้นไปทำไมคะ” ขนทั้งตัวมันลุกซู่เมื่อได้ยินพี่ลีวายบอกให้ฉันขึ้นไปบนห้องของเขา“ขึ้นไปทำ… อย่างที่เคยทำ”“มะ… ไม่ค่ะ… มิลินไม่อยากทรยศแทน” ฉันอ้างออกไปทั้งที่ยังไม่ตอบตกลงคบกับแทนแบบจริงจัง หวังว่าพี่ลีวายจะยอมหยุด แต่ฉันคิดผิด… คนอย่างเขาไม่เคยแคร์อะไรเลยพี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความอำมหิต ก่อนจะถาม “คบกับมันแล้ว?”“ค่ะ เราคบกันแล้ว”“เมื่อวานเพิ่งเอากับฉัน… วันนี้คบกับมัน… เธอนี่มันร้ายจริง ๆ”“เราสองคนอย่ายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยนะคะ” “ได้! ฉันจะไม่ยุ่ง ถ้าเธอบอกมาว่าตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรกับฉันแล้ว…” พี่ลีวายจ้องมองดวงตาของฉัน เขาตั้งคำถามแบบนี้เพื่ออะไร“พี่ลีวายบอกว่าเกลียด บอกว่าไม่เคยรัก บอกว่าอยากให้มิลินไปให้พ้น แล้วตอนนี้จะมาถามแบบนั้นทำไมคะ ในเมื่อจะยังรู้สึกหรือไม่มันก็ไม่มีผลอะไรกับพี่ลีวายอยู่แล้ว”“ฉันแค่คิดว่าเธอกำลังโกหกอยู่”ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก
คำพูดเย็นชาของพี่ลีวายเสียดแทงเข้ามาตรงกลางอกข้างซ้ายของฉัน ถึงข้างในจะรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ต้องทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร“ถ้ามิลินจืดชืดอย่างที่ว่า พี่ลีวายจะทนไม่ได้ถึงขนาดนี้เหรอคะ”“คิดว่าที่ฉันทำ เป็นเพราะหลงเธอ?”“…”“อย่าสำคัญตัว” ระหว่างนั้นมือของพี่ลีวายก็ล้วงเข้ามาปลดตะขอบราออก “รู้จักไหม… เครื่องบำเรอกาม”“แต่พี่ลีวายมีผู้หญิงให้เลือกเยอะจะตาย ถ้าไม่ได้ติดใจมิลินจริง ๆ คงไม่…”“มากสุดก็ได้แค่ตัว แต่จำไว้ว่าหัวใจฉันเธอจะไม่มีวันได้ไป”พยายามจะทำเป็นเก่ง ไม่รู้สึกอะไรและต่อกรกับคนใจร้ายอย่างเขา แต่ใจฉันมันก็อ่อนแอเกินกว่าจะแบกรับถ้อยคำใจร้ายนี้ได้“ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าฉันจะรัก…” เสื้อของฉันถูกถอดออกไปอย่างง่ายดายเพราะตัวเองมัวแต่เหม่อ เช่นเดียวกันกับบราเซีย “… คงรักไปนานแล้ว”ร่างฉันถูกดันลงให้นอนราบไปกับขอบสระ ก่อนที่พี่ลีวายจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วตามขึ้นมาคร่อมตัวฉันไว้ตอนนี้ในหัวฉันมันกำลังสับสนว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ดี เพราะมันสะอึกกับคำพูดของเขาจนกลัวทนไม่ไหวที่พี่ลีวายพูดมามันจริงจนฉันเถียงอะไรไม่ออก ตัวฉันมันอยู่ไกลคำ ๆ นั้นของเขามากคำว่ารัก...แต่คนเราจะรักใครม
พรึบ! พี่ลีวายดันตัวฉัน ออกทำให้น้ำสีขุนที่พ่นเข้ามาไหลออกจากร่องสวาท เมื่อครู่ฉันไม่ทันคิดปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามอารมณ์ไม่พยายามห้ามอย่างที่ควรทำ ตอนนี้ค่อยมาคิดไปมันก็สายเกินไป“เอาเงินนี่ไปหาซื้อยาคุมกินซะ” พี่ลีวายหยิบเงินแบงก์พันออกจากกระเป๋าแล้วโยนให้ฉันที่กำลังตกใจทำตัวไม่ถูก “รีบใส่เสื้อผ้า! อยากให้คนอื่นมาเห็นหรือไง”“มิลินบอกให้ไปทำในห้อง พี่ลีวายดึงดันจะทำตรงนี้เองนี่คะ แล้วจะมาหงุดหงิดใส่กันทำไม”“เธอเริ่มก่อนนะ จะมาโทษฉันได้ยังไง”ฉันเม้มปากแน่น เถียงอะไรไม่ได้เพราะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจริง ๆ“พรุ่งนี้อย่าลืมกินยาคุมฉุกเฉิน” พี่ลีวายบอกย้ำพร้อมจัดการใส่เสื้อผ้าของตัวเอง“ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นบ่อยเหรอคะ” ถามเองแท้ ๆ แต่ทำไมฉันต้องมารู้สึกเจ็บซะเองด้วยนะ ไม่เอาไหนเลยเรา“อยากรู้ไปทำไม ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”“กลัวมิลินจะท้องเหรอคะ”พี่ลีวายเงียบไม่ยอมตอบอะไร ต่อให้เขาเงียบฉันก็พอเดาออกว่าพี่ลีวายต้องการอะไร“มั่นใจหรือเปล่าคะ ว่าถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วมันจะไม่ท้องจริง ๆ”“แค่ทำตามที่สั่ง เธอจะถามมากให้มันได้อะไรขึ้นมาฮะ!!”“ก็พี่ลีวายเองไม่ใช่เหรอ ที่อยากจะปล่อยในทั้งท
ฉันเงียบไม่ยอมบอกพี่ลีวายในสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่เหมือนกับว่ากำลังท้าทายเขาอยู่ “เธอเลือกแล้วนะ!!” พูดจบพี่ลีวายก็ฉุดลากตัวฉันให้เดินขึ้นบันไดตามตัวเองไป แต่ฉันไม่ยอมทั้งที่ก่อนหน้าเป็นฝ่ายเดินตามขึ้นมาเองแท้ ๆ“ปล่อยนะคะ มิลินเจ็บ”“ถ้าไม่อยากให้ฉันใช้ความรุนแรงก็ตอบมา!!”“ไม่สนใจแล้วจะอยากรู้ไปทำไม”“คงต้องใช้อย่างอื่นกระตุ้นสินะถึงจะยอมพูด”ขนทั้งตัวมันลุกซู่ เมื่อคืนก็เพิ่งทำไปพี่ลีวายยังคิดเรื่องบนเตียงอยู่อีกหรือไงทำไมถึงเป็นคนหื่นกามขนาดนี้กัน“อย่าทำหน้าเหมือนกลัวขนาดนั้นสิ พอฉันทำจริง ๆ เธอเองก็ชอบไม่ใช่หรือไง”“…”“อย่าปฏิเสธว่าเธอไม่มีความสุข”“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”“เธอมีสิทธิ์เลือก? หึ!! ฉันต่างหากที่มีสิทธิ์” คงเป็นเพราะฉันเป็นฝ่ายยอมมากเกินไปพี่ลีวายถึงได้เป็นแบบนี้“เห็นมิลินยอม… ไม่ได้แปลว่าจะต้องยอมทุกครั้งนะคะ”“ถึงเตียงก่อนแล้วค่อยมาปากดี!!”“ไม่ไป ปล่อยมิลินนะ!!”“งั้นก็ตอบคำถามของฉันมา ว่าเธอจะไปไหน” พี่ลีวายจ้องหน้าฉันเขม็ง ยังหาเหตุผลไม่ได้เลย ว่าทำไมเขาถึงอยากรู้มากขนาดนั้น ถึงขั้นขู่ฉันสารพัดพี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เมื่อถามยังไงฉันก็ไม่ยอมตอบ ก่อนจะอุ้ม
ไม่คิดว่าคนอย่างพี่ลีวายจะตอบตกลงทำเอาฉันแปลกใจ และอึ้งไปครู่ใหญ่ เพราะปกติเขาไม่ได้กลัวคุณท่านขนาดนั้นหรือว่าครั้งนี้มันรุนแรงเกินไปถึงขั้นที่ฉันต้องเข้าโรงพยาบาล… ถึงยังไงที่พี่ลีวายตอบตกลงก็คงไม่ใช่เพราะอยากจะดูแลฉันแน่นอน“นานเท่าไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาทำลายความเงียบ“คะ?”“เธอต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานเท่าไร”“หมอบอกว่าหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ พร้อมสีหน้าที่หงุดหงิด ดูเหมือนว่าเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องดูแลฉันมันนานเกินไปสำหรับเขา“เสียเวลา!!” เป็นครั้งที่สองแล้วที่พี่ลีวายพ่นคำนี้ออกมาแทนที่จะโกรธกับเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลแท้ ๆ ไม่รู้ทำไม จากที่เศร้าอารมณ์มันก็ดีขึ้นมาเฉยเลย คงเพราะโอกาสแบบนี้ที่พี่ลีวายจะมาดูแลฉันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้… ถึงเขาจะไม่เต็มใจทำก็ตาม“หิวน้ำจังเลยค่ะ”“แล้ว?” พี่ลีวายหรี่ตาถามพร้อมขมวดคิ้วเป็นปม“เอาน้ำให้มิลินดื่มหน่อยค่ะ”“วางอยู่ตรงนั้น หยิบเองมันลำบาก?” เสียงเย็น ๆ เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เพราะแก้วน้ำมันอยู่ใกล้ ๆ ในระยะที่มือเอื้อมถึงแต่ฉันกลับสั่งให้พี่ลีวายหยิบให้“ก็… หมอบอกว่าไม่ให้มิลิ
ฉันเบิกตากว้างเมื่อพี่ลีวายล้วงมือเข้ามาด้านใน เขาจะทำจริง ๆ โดยไม่สนใจเรื่องสถานที่เลยหรือไง“มิลินบอกให้หยุด อื้อ~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นเมื่อปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับจุดกระสันของร่างกาย“จะหยุดได้ยังไง แค่ปลายนิ้วแตะก็ครางออกมาซะเสียงหวาน”“คนนะคะไม่ใช่หุ่นยนต์ จะได้ อ๊ะ~ ไม่มีความรู้สึก”พี่ลีวายยิ้มมุมปากก่อนจะตวัดปลายนิ้วถูขึ้นลงบนติ่งเกสรช้า ๆ ทำให้ร่างกายของฉันเริ่มขยับ“ยะ... หยุดทำอะไร บะ... บ้า ๆ นะ อ๊า~”“ฉันไม่หยุด” เสียงครางกระเส่าของฉันมันทำให้พี่ลีวายใช้นิ้วบดขยี้ติ่งเกสรถี่รัวขึ้น“อ๊ะ~ มิลิน โอ้ย จะ... เจ็บหลัง”แค่ขยับตัวนิดเดี๋ยวก็เจ็บจี๊ดไปทั่วแผ่นหลัง สายตาคมจ้องมองใบหน้าที่เจ็บปวดของฉันก่อนที่พี่ลีวายจะหยุดชะงัก“เจ็บมาก?”“ค่ะ”ฉันขมวดคิ้วนิ่วหน้าเพราะความเจ็บที่ไม่สามารถอธิบายได้ คุณหมอสั่งไว้แล้วว่าห้ามขยับเยอะแต่พี่ลีวายทำแบบนี้จะให้นอนแน่นิ่งได้ยังไง“เธอทำให้ฉันเสียอารมณ์ฉิบ!!”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ราวกับว่ามันเป็นความผิดของฉันก่อนจะดึงมือออกฉันไม่อยากเห็นหรอก แต่สายตามันเหลือบมามองตรงเป้ากางเกงของพี่ลีวายพอดี“มันตื่นเพราะเธอ หายดีเมื่อไรรับผิดชอบมันด