หนึ่งอาทิตย์ต่อมาที่ผ่านมาฉันไม่ได้ไปช่วยงานพี่ลีวายแล้วเพราะอ้างกับคุณท่านว่าเรียนหนัก แต่ความจริงคือฉันพยายามหลบหน้าเขา ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอแต่เพราะความใจร้ายของพี่ลีวายทำให้ฉันอยากถอยห่าง… แต่ความรู้สึกที่มีมันยังไม่ยอมลดลงวันนี้คุณท่านต้องไปต่างประเทศแล้วและฉันรู้ดีว่าต้องเจอกับพี่ลีวายอย่างเลี่ยงไม่ได้“ไปอยู่ที่นู้นอย่าลืมโทรมาหาหนูบ้างนะคะ ครั้งนี้คุณท่านไปนานมาก ๆ หนูคงคิดถึงแย่” คุณท่านยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันเบา ๆ อย่างเอ็นดู“สายแล้วลูกชายตัวดีของฉันยังไม่โผล่หัวมาอีกรึไง นี่ถ้ามันรู้ว่าฉันกำลังจะตายมันจะเสียใจบ้างไหม”“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ”“เฮ้อ! ชอบทำให้หนักใจอยู่เรื่อยอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว”ฉันได้แต่ฟังคุณท่านบ่นพี่ลีวายอยู่อย่างนั่นพักใหญ่ ในใจภาวนาขอให้เขาไม่มา แต่ทว่าสิ่งที่ฉันภาวนามันไม่เป็นผลเมื่อเห็นพี่ลีวายเดินผ่านประตูบ้านเข้ามา“ทำไมถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้” พอเห็นหน้าลูกชายคุณท่านก็เค้นถามเสียงเข้มทันที“แค่พ่อจะไปต่างประเทศจะให้ผมมาทำไมครับ” พี่ลีวายถามคุณท่านแต่สายตากลับมองฉัน พอได้สบตากันฉันก็รีบก้มหน้าหลบความอำมหิต“ฉันมีเรื่องต้องสั่งแกไว้ก่อนไป”“เรื
แววตาคู่นั้นของพี่ลีวายมันไร้ความอ่อนโยน เขาไม่เคยมองฉันแบบนั้นเลยสักครั้ง… ไม่เคยเลย ทำไมกันนะความรักของฉันมันถึงเจ็บปวดมากขนาดนี้ฉันมองแววตาคู่นั้นของพี่ลีวายก่อนจะบอก “ที่มิลินไม่ยอมไปเพราะคุณท่าน”“เพราะพ่อฉันเกี่ยวอะไร?”“บ้านหลังนี้เป็นของคุณท่านถ้าท่านไล่มิลินก็จะไป”“ไม่นานบ้านหลังนี้ก็ต้องเป็นของฉัน”“ให้ถึงวันนั้นก่อนนะคะ”พี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะรวบมือของฉันขึ้นมาขึงตรึงไว้เหนือศีรษะแล้วบีบแขนฉันแน่น จากนั้นก็ตวาดถาม “หรือว่าเธอคิดว่าควบทั้งพ่อทั้งลูก”“คิดอะไรบ้า ๆ แบบนั้นได้ยังไงคะ” เหลือจะเชื่อเลยจริง ๆ ที่พี่ลีวายคิดเรื่องแบบนั้นได้ลงคอทั้งที่คุณท่านเป็นผู้มีพระคุณของฉัน“ทำไมจะคิดไม่ได้”“พี่ลีวายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ปล่อยมิลินนะ!!”ครั้งนี้ฉันดิ้นอย่างแรง เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากตรงนี้ โดยที่พี่ลีวายก็ปล่อยให้ฉันดิ้นเขาเพียงแค่มองดู ไม่นานแรงของฉันก็ค่อย ๆ หมดลง ก่อนจะเหนื่อยหอบเพราะดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด“อย่าให้รู้ก็แล้วกันว่าเธออยากจะได้พ่อฉันเป็นผัวอีกคน” พี่ลีวายบีบแขนฉันแรงขึ้นพร้อมจ้องเขม็ง ก่อนจะพูดต่อ “เพราะเธอต้องมีฉันเป็นผัวแค่คนเดียว” “…” เสียง
“อื้อ!” ฉันพยายามดิ้นขัดขืน แต่ก็ไม่อาจสู้แรงที่มีมากของพี่ลีวายได้ กำปั้นเล็กรัวทุบเข้าที่แผงอกอย่างเต็มแรงแทนที่พี่ลีวายจะยอมหยุด แต่เขากลับใช้ฟันคมกัดริมฝีปากฉันราวกับต้องการลงโทษ ทั้งยังใช้สองมือประคองศีรษะเพื่อบดเบียดริมฝีปากเข้ามาให้แนบชิดกว่าเดิม จนตอนนี้ฉันแทบจะไม่มีอากาศได้หายใจ“โอ๊ย! จะทุบอะไรนักหนาวะ!!” ร่างสูงตวาดถามเสียงดัง แววตาเกรี้ยวกราดจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“มะ... มิลินขอตัวก่อนนะคะ” ขืนยังอยู่ตรงนี้ทุกอย่างมันคงไม่จบแค่ที่จูบอารมณ์พี่ลีวายฉุนเฉียวเอามาก ๆ ด้วย ฉันยังไม่อยากเจ็บตัว เพราะลำพังแค่เจ็บใจก็แทบจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว“คิดว่าเธอจะได้ก้าวขาออกจากห้องนี้ไปง่าย ๆ เหรอ?”“มะ... หมายความว่าไงคะ”“ก็หมายความว่าเธอต้องอยู่ให้ฉันเอาก่อนไง!”“กรี๊ดดด! ปล่อยมิลินนะคะพี่ลีวาย”จู่ ๆ พี่ลีวายก็อุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว จากนั้นก็พาเดินไปที่เตียงตุ้บ!“โอ๊ย~” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อถูกโยนลงบนฟูกอย่างแรงจนรู้สึกจุกสายตาพร่ามัวจ้องมองพี่ลีวายที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออกในตอนนั้นฉันแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเพราะรู้สึกเจ็บ ทว่าก็ไม่อาจปล่อยให้เขาทำเรื่องแบบนั้นได้พรึ่บ!
#ห้องของฉันกลับมาที่ห้องของตัวเองฉันก็เอาแต่ร้องไห้ ร่างกายมันบอบช้ำมีแต่รอยเต็มไปหมด นี่คุณท่านไปยังไม่ถึงวันฉันยังเป็นขนาดนี้ ถ้าเวลาต้องผ่านไปเป็นเดือน ๆ จะเป็นยังไง ถึงมหาวิทยาลัยจะใกล้ปิดเทอมแล้ว แต่มันก็เหลือเวลาอีกตั้งสองเดือน สำหรับฉันในตอนนี้มันเป็นเวลานานเอามาก ๆบอกตามตรงว่าฉันไม่มีความสุขเลยที่มีอะไรกับคนที่ตัวเองชอบอย่างพี่ลีวาย มันเป็นความรู้สึกที่แสนจะทรมาน เพราะรู้ดีว่าต้องแลกด้วยร่างกายอีกกี่ครั้งก็ไม่มีวันได้หัวใจของเขา“แม่จ๋ามิลินคิดถึงแม่จัง… อึก~”“พามิลินไปอยู่ด้วยได้ไหม ตอนนี้ อึก~ มันทรมานมากจริง ๆ”ฉันร้องไห้เอาแต่พูดถึงแม่ด้วยน้ำเสียงสะอื้น ไม่เข้าใจตัวเองว่าต้องเจ็บมากขนาดไหนถึงจะยอมตัดใจถอยห่าง ถามหัวใจตัวเองตอนนี้มันก็ยังมีแต่พี่ลีวายทั้งใจ… หรือว่าฉันควรลองเปิดใจให้ใครสักคนดูเผื่อจะทำให้ความรู้สึกที่มีให้พี่ลีวายมันลดน้อยลง#วันต่อมาฉันรีบตื่นเช้าออกมามหาวิทยาลัยทั้งที่ตัวเองมีเรียนสิบโมงเช้า เหตุผลที่รีบออกมาจากบ้านก็เพราะกลัวว่าจะเจอกับพี่ลีวาย ไม่รู้เขาจะทำอะไรหากเจอฉัน คนแบบนั้นเดาใจยาก แต่ที่แน่ ๆ พี่ลีวายไม่เคยใจดีกับฉันเลย“มาเช้าจังเลยครับ
ฉันพยายามดันตัวเองออกจากพี่ลีวายแต่เขาจับไว้แน่น มันแปลกขณะที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงแต่พี่ลีวายกลับทำเหมือนกำลังรั้งเอาไว้“พี่ลีวายปล่อยมิลินได้แล้วค่ะ”“ขึ้นไปบนห้องกับฉัน”“ขะ… ขึ้นไปทำไมคะ” ขนทั้งตัวมันลุกซู่เมื่อได้ยินพี่ลีวายบอกให้ฉันขึ้นไปบนห้องของเขา“ขึ้นไปทำ… อย่างที่เคยทำ”“มะ… ไม่ค่ะ… มิลินไม่อยากทรยศแทน” ฉันอ้างออกไปทั้งที่ยังไม่ตอบตกลงคบกับแทนแบบจริงจัง หวังว่าพี่ลีวายจะยอมหยุด แต่ฉันคิดผิด… คนอย่างเขาไม่เคยแคร์อะไรเลยพี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความอำมหิต ก่อนจะถาม “คบกับมันแล้ว?”“ค่ะ เราคบกันแล้ว”“เมื่อวานเพิ่งเอากับฉัน… วันนี้คบกับมัน… เธอนี่มันร้ายจริง ๆ”“เราสองคนอย่ายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยนะคะ” “ได้! ฉันจะไม่ยุ่ง ถ้าเธอบอกมาว่าตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรกับฉันแล้ว…” พี่ลีวายจ้องมองดวงตาของฉัน เขาตั้งคำถามแบบนี้เพื่ออะไร“พี่ลีวายบอกว่าเกลียด บอกว่าไม่เคยรัก บอกว่าอยากให้มิลินไปให้พ้น แล้วตอนนี้จะมาถามแบบนั้นทำไมคะ ในเมื่อจะยังรู้สึกหรือไม่มันก็ไม่มีผลอะไรกับพี่ลีวายอยู่แล้ว”“ฉันแค่คิดว่าเธอกำลังโกหกอยู่”ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก
คำพูดเย็นชาของพี่ลีวายเสียดแทงเข้ามาตรงกลางอกข้างซ้ายของฉัน ถึงข้างในจะรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ต้องทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร“ถ้ามิลินจืดชืดอย่างที่ว่า พี่ลีวายจะทนไม่ได้ถึงขนาดนี้เหรอคะ”“คิดว่าที่ฉันทำ เป็นเพราะหลงเธอ?”“…”“อย่าสำคัญตัว” ระหว่างนั้นมือของพี่ลีวายก็ล้วงเข้ามาปลดตะขอบราออก “รู้จักไหม… เครื่องบำเรอกาม”“แต่พี่ลีวายมีผู้หญิงให้เลือกเยอะจะตาย ถ้าไม่ได้ติดใจมิลินจริง ๆ คงไม่…”“มากสุดก็ได้แค่ตัว แต่จำไว้ว่าหัวใจฉันเธอจะไม่มีวันได้ไป”พยายามจะทำเป็นเก่ง ไม่รู้สึกอะไรและต่อกรกับคนใจร้ายอย่างเขา แต่ใจฉันมันก็อ่อนแอเกินกว่าจะแบกรับถ้อยคำใจร้ายนี้ได้“ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าฉันจะรัก…” เสื้อของฉันถูกถอดออกไปอย่างง่ายดายเพราะตัวเองมัวแต่เหม่อ เช่นเดียวกันกับบราเซีย “… คงรักไปนานแล้ว”ร่างฉันถูกดันลงให้นอนราบไปกับขอบสระ ก่อนที่พี่ลีวายจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วตามขึ้นมาคร่อมตัวฉันไว้ตอนนี้ในหัวฉันมันกำลังสับสนว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ดี เพราะมันสะอึกกับคำพูดของเขาจนกลัวทนไม่ไหวที่พี่ลีวายพูดมามันจริงจนฉันเถียงอะไรไม่ออก ตัวฉันมันอยู่ไกลคำ ๆ นั้นของเขามากคำว่ารัก...แต่คนเราจะรักใครม
พรึบ! พี่ลีวายดันตัวฉัน ออกทำให้น้ำสีขุนที่พ่นเข้ามาไหลออกจากร่องสวาท เมื่อครู่ฉันไม่ทันคิดปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามอารมณ์ไม่พยายามห้ามอย่างที่ควรทำ ตอนนี้ค่อยมาคิดไปมันก็สายเกินไป“เอาเงินนี่ไปหาซื้อยาคุมกินซะ” พี่ลีวายหยิบเงินแบงก์พันออกจากกระเป๋าแล้วโยนให้ฉันที่กำลังตกใจทำตัวไม่ถูก “รีบใส่เสื้อผ้า! อยากให้คนอื่นมาเห็นหรือไง”“มิลินบอกให้ไปทำในห้อง พี่ลีวายดึงดันจะทำตรงนี้เองนี่คะ แล้วจะมาหงุดหงิดใส่กันทำไม”“เธอเริ่มก่อนนะ จะมาโทษฉันได้ยังไง”ฉันเม้มปากแน่น เถียงอะไรไม่ได้เพราะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจริง ๆ“พรุ่งนี้อย่าลืมกินยาคุมฉุกเฉิน” พี่ลีวายบอกย้ำพร้อมจัดการใส่เสื้อผ้าของตัวเอง“ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นบ่อยเหรอคะ” ถามเองแท้ ๆ แต่ทำไมฉันต้องมารู้สึกเจ็บซะเองด้วยนะ ไม่เอาไหนเลยเรา“อยากรู้ไปทำไม ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”“กลัวมิลินจะท้องเหรอคะ”พี่ลีวายเงียบไม่ยอมตอบอะไร ต่อให้เขาเงียบฉันก็พอเดาออกว่าพี่ลีวายต้องการอะไร“มั่นใจหรือเปล่าคะ ว่าถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วมันจะไม่ท้องจริง ๆ”“แค่ทำตามที่สั่ง เธอจะถามมากให้มันได้อะไรขึ้นมาฮะ!!”“ก็พี่ลีวายเองไม่ใช่เหรอ ที่อยากจะปล่อยในทั้งท
ฉันเงียบไม่ยอมบอกพี่ลีวายในสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่เหมือนกับว่ากำลังท้าทายเขาอยู่ “เธอเลือกแล้วนะ!!” พูดจบพี่ลีวายก็ฉุดลากตัวฉันให้เดินขึ้นบันไดตามตัวเองไป แต่ฉันไม่ยอมทั้งที่ก่อนหน้าเป็นฝ่ายเดินตามขึ้นมาเองแท้ ๆ“ปล่อยนะคะ มิลินเจ็บ”“ถ้าไม่อยากให้ฉันใช้ความรุนแรงก็ตอบมา!!”“ไม่สนใจแล้วจะอยากรู้ไปทำไม”“คงต้องใช้อย่างอื่นกระตุ้นสินะถึงจะยอมพูด”ขนทั้งตัวมันลุกซู่ เมื่อคืนก็เพิ่งทำไปพี่ลีวายยังคิดเรื่องบนเตียงอยู่อีกหรือไงทำไมถึงเป็นคนหื่นกามขนาดนี้กัน“อย่าทำหน้าเหมือนกลัวขนาดนั้นสิ พอฉันทำจริง ๆ เธอเองก็ชอบไม่ใช่หรือไง”“…”“อย่าปฏิเสธว่าเธอไม่มีความสุข”“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”“เธอมีสิทธิ์เลือก? หึ!! ฉันต่างหากที่มีสิทธิ์” คงเป็นเพราะฉันเป็นฝ่ายยอมมากเกินไปพี่ลีวายถึงได้เป็นแบบนี้“เห็นมิลินยอม… ไม่ได้แปลว่าจะต้องยอมทุกครั้งนะคะ”“ถึงเตียงก่อนแล้วค่อยมาปากดี!!”“ไม่ไป ปล่อยมิลินนะ!!”“งั้นก็ตอบคำถามของฉันมา ว่าเธอจะไปไหน” พี่ลีวายจ้องหน้าฉันเขม็ง ยังหาเหตุผลไม่ได้เลย ว่าทำไมเขาถึงอยากรู้มากขนาดนั้น ถึงขั้นขู่ฉันสารพัดพี่ลีวายพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เมื่อถามยังไงฉันก็ไม่ยอมตอบ ก่อนจะอุ้ม
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ