“คนหนุ่มอย่าหยิ่งไปนักเลย! คุณก็แค่มีชีวิตอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหละ ทุก ๆ วันหลังจากวันนี้ของคุณ จะเป็นชีวิตที่ถูกไล่ฆ่า!” ฉินเจิ้งคุนกระตุ้นเจตนาฆ่าต่อหลินหยาง ต่อศักยภาพอันยิ่งใหญ่อย่างนี้ และอัจฉริยะที่มีความแค้น ทางเลือกที่ดีที่สุด ถูกเค้นคอฆ่าในเปลแห่งอารยธรรมจีน!แต่ตระกูลหลินและตระกูลหลู โดยธรรมชาติแล้วจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เพราะท้ายที่สุดหลานหยางก็เป็นอัจฉริยะ!เมื่อคำพูดนี้ถูกเปล่งออกมา เหล่าแฟนคลับที่เพิ่งทำการฉลองกันอยู่ ส่งเสียงเชียร์ออกมาล้วนถูกขัดจังหวะ มู่หรงยิ่น มู่หรงหว่านเอ๋อร์ เหยียนหรูอวี้และคนอื่น ๆ ที่กำลังดูไลฟ์อยู่นั้น หัวใจกลับถูกปกคลุมด้วยหมอก ฉินเจิ้งคุนพูดอย่างไม่มีที่ผิด ดูเหมือนว่าหลินหยางจะก้าวข้ามสถานการณ์นี้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่เพียงแค่เริ่มต้นนี้ การเอาคืนของตระกูลฉินและตระกูลหลู ก็เจ็บแปล๊บที่หัวใจขึ้นมา! ในวันต่อต่อมา หลินหยางจะมีชีวิตที่ไม่ปลอดภัยต่อไป “งั้นพวกคุณก็รีบลงมือซะสิถึงจะดี ไม่อย่างงั้นก็ให้เวลาผม ผมจะทำให้พวกคุณคุกเข่าขอร้องผม” หลินหยางเปล่งวาจาดูถูกออกมา เขาอยู่ต่อหน้าหลูอ้าวตงกับฉินเจิ้งคุนทั้งสองคน ด้วยท่าทีเอ
นี่ทำให้เขาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว! “เฒ่าแก่ลั่ว?” อย่าว่าแต่พวกเขาเลย หลินหยางเองก็อึ้งอยู่เหมือนกัน เนื่องจากตัวเขาเองก็ไม่ได้แจ้งให้ลั่วหงอวี๋มาช่วย เธอมาที่เกาะล่วงหน้าก่อนเกิดเรื่องนี้ แล้วแอบดูการต่อสู้ เพื่อคอยคุ้มกันตนเองหรือเปล่านะ? “คิดไม่ถึงเลยว่าเมืองลั่วของคุณจะมีปรมาจารย์เสวียนยอดฝีมืออย่างนี้ด้วย ชาวโลกต่างถือว่าคุณกับเว่ยจ้งและคนอื่น ๆ เป็นมีมหาปรมาจารย์แห่งเมืองลั่ว แต่เป็นปรมาจารย์ท่านหนึ่งที่อ่อนแอที่สุดในสี่มหาปรมาจารย์ ช่างไร้สาระเสียจริง” “เพียงแค่ผมคิดไม่ถึงว่า ทำไมคุณจะต้องก้าวล่วงผมเรื่องค่าชดใช้ของตระกูลหลู และปกป้องเจ้าเด็กนี่ คุณเองก็รู้ ว่าการมาระรานสี่ตระกูลใหญ่ ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร?” หลูอ้าวตงมองไปที่ลั่วหงอวี๋ด้วยทีท่าหวาดเกรง ต่อหน้าปรมาจารย์เสวียนผู้แข็งแกร่งที่สุด แรงกดดันของเขาก็ทวีคูณมากขึ้น ไม่กล้าชะล่าใจเลย ทำได้เพียงขู่ว่าจะย้ายออกจากตระกูลหลูแม้แต่หลินหยางก็อดไม่ได้ที่จะโน้มน้าว “เฒ่าแก่ลั่ว นี่เป็นเรื่องของผม คุณไม่มีความจำเป็นที่จะเอาตัวเองเข้ามา” เราไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพละกำลังของลั่วหงอวี๋เป็นอย่างไร แต่สองตระกูลที่เขาขุ่นเคืองใ
เมืองคับแคบอย่างเมืองลั่ว ทั้งยังเป็นเมืองชนชั้นล่าง ทำไมถึงซ่อนปรมาจารย์เสวียนระดับเก้าคนนี้ไว้ได้? ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!แล้วในที่สุดหลินหยางหาผู้สนับสนุนที่มีทักษะระดับสูงเช่นนี้ได้อย่างไร? หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะถูกปรมาจารย์เสวียนท่านนี้เลี้ยงดูมา? เขาประหลาดใจอย่างไม่ลดละ และเมื่อเหยาจงเห็นเข้ากับสิ่งนี้ นอกจากจะตื่นตระหนกแล้ว ก็เพิ่งตระหนักได้ว่าครั้งที่แล้วก็เพิ่งรอดชีวิตมาจากเงื้อมมือของลั่วหงอวี๋ นับว่าโชคดีอย่างมาก หากว่าในตอนนั้นเข้าไปช้ากว่านี้อีกหน่อย เกรงว่าหัวกับตัวคงจะแยกกันอยู่คนละทิศละทาง เมื่อทุกคนถูกปรามให้อยู่ในสถานการณ์ที่สงบลง ลั่วหงอวี๋จึงอ้าปากพูดออกมาเบา ๆ “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ใครที่อยู่เหนือระดับปรมาจารย์ ไม่อนุญาตให้เข้ามาในเมืองลั่วเพื่อทำให้หลินหยางลำบากใจอีก” “หากว่ามีผู้ใดฝ่าฝืนจะฆ่าอย่างไร้ความปรานี” แม้ว่าเสียงของเธอจะแผ่วเบา แต่ก็ราวกับว่าได้ตั้งกฎไว้แล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเพิกเฉยได้ ไม่เช่นนั้นจะต้องตาย!”หลูอ้าวตงที่โกรธอย่างไม่ลดละ “ขี้โม้อยู่ได้ไร้ยางอาย! เธอกล้าออกคำสั่งต่อผมจากสี่มหาตระกูลงั้นเหรอ!” “แกคิดว่าแกเป็นใคร!”ฉินเจ
วันนี้หลินหยางถูกบังคับซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในใจอดกลั้นความโกรธเอาไว้ ในเวลานั้นกลับมีนางฟ้าเข้ามายึดครองสถานการณ์ แน่นอนว่าไม่อาจจะทิ้งโอกาสไป เย่อหยิ่งได้เต็มที่เลย! อย่างไรเสียเขาก็ได้สร้างความบาดหมางร้ายแรงกับทั้งตระกูลฉินและตระกูลหลูไว้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าตระกูลฉินตระกูลหลู!“นี่เจ้าเด็กน้อยกำลังใช้อำนาจคนอื่นมาข่มเหง! แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงกล้าพูดออกมา! ถ้าไม่มีคนหนุนหลังแกก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว!” ฉินเจิ้งคุนพูดด้วยความโกรธจัด เขาสามารถทนต่อลั่วหงอวี๋ได้ เพราะอย่างไรแล้วก็เป็นคนที่แข็งแกร่ง ตัวเขาเองเข้าไม่ถึงความตื้นลึกด้วยซ้ำ จึงไม่กล้าทำพลาดอีก แต่หลินหยางถือว่าตนเป็นใคร ต้อยต่ำราวกับมด! ยังจะกล้าเอ็ดตะโรอีก!“คุณพูดถูกเผงเลย ผมก็แค่แสร้งทำเป็นว่ามีกำลัง แล้วจะทำไม? ทุกคนก็เหมือนกัน แต่คุณไม่เหมือนคุณใช้สถานะความเป็นตระกูลฉินมาโอ้อวด?” “ถ้าสู้กันตัวต่อตัว มือผมเพียงแค่ข้างเดียวก็กำจัดคุณได้แล้ว ล้วนแล้วแต่อาศัยบารมีคนอื่นแอบอ้างตัวตน คุณนี่นะ? ตอนนี้บารมีที่ผมแอบอ้างแข็งแกร่งกว่าคุณ ผมจะยืนอยู่ที่นี่ แล้วคุณจะทำอะไรผมได้ไหม?” ปากของหลินหยางทำให้ผู้คนชดใช้ด้วยชีวิ
“ตระกูลหลูอันมีเกียรติของฉัน จะเบี้ยวได้ไง! แกไม่ต้องเองฉันไม่เปรียบกับแก ฉันไม่ใช่คนคดโกงอย่างแก” หลูอ้าวตงสูดลมหายใจลึก เพื่อทำให้ตัวเองใจเย็นลงหน่อย “นี่คือบัตรเครดิตเสริมสีดำของฉัน มีโควตาอยู่ห้าร้อยล้าน....” “คุณเอาของพวกนี้ให้ขอทาน? สิ่งที่ผมต้องการคือวัตถุดิบยา ห่อสิ่วโอวห้าร้อยปี โสมอย่างน้อยสองคันรถ! หลินหยางเย่อหยิ่งอย่างมาก “นี่แกเอาเปรียบฉันเหรอ! วัตถุดิบทำยาสองคันรถ ต่อให้แกมีสักสิบชีวิตก็ชดใช้ไม่หมด!” หลูอ้าวตงโกรธจัด วัตถุดิบยาสองร้อยปีค่อยหาง่ายหน่อย แต่วัตถุดิบยาที่อายุถึงห้าร้อยปีนั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติที่หาได้ยาก วัตถุดิบยาห้าร้อยปี สำหรับปรมาจารย์ระดับเทวราชแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่หวงแหน แล้วจะให้หลินหยางได้อย่างไร! ทุกคนที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสด เมื่อได้ยินคำร้องขอของหลินหยางแล้ว ก็ได้แต่สูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไป หลินหยางเรียกราคาเป็นจำนวนมาก ทั้งปากทั้งกระเพาะใหญ่ไปหมดแล้ว “คุณกล้าเรียกตัวเองว่าตระกูลขุนนาง งั้นก็เป็นเพียงการดูหมิ่นสองคำเท่านั้น....” หลินหยางดูถูก ในบันทึกของปรมาจารย์เทพโอสถ วัตถุดิบยาอายุห้าร้อยปีที่อยู่ในมือตระกูลขุนนางไม่ต
“ทำให้คนตระกูลจากสี่มหาตระกูลขายหน้า ก็เหมือนกับถูกปล้น...” ฉินเจิ้งคุนมองไปที่เงาของหลูอ้าวตงที่เดินจากไป แล้วจึงส่ายหัวด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ปรากฏว่าหลินหยางกลับได้ยินเข้า แต่ก็เพียงแค่เหลือบมองเขาแวบเดียว “ผมบอกแล้วเขาไม่ได้ว่าคุณใช่ไหม? คุณเองก็เหมือนกัน ส่งโสมห้าร้อยปีสิบต้นมาให้ผม!” เมื่อฉินเจิ้งคุนได้ยินแบบนี้ก็ถึงกับตะลึง ความโมโหพุ่งขึ้นสู่หน้า “เกี่ยวอะไร! ผมไม่ได้ส่งคนให้ไปจัดการคุณสักหน่อย! “ “คุณไม่ได้ลงมือ แต่คุณก็ดูเกมนี่!” หลินหยางกลอกตาแล้วพูดว่า “ดูผมต่อสู้จะไม่เอาเงินได้ไง? คิดว่าผมแสดงให้คุณดูฟรี ๆ งั้นเหรอ?” “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว จ่ายค่าตั๋วเข้าชมมา!” ฉินเจิ้งคุนสำลัก ตกใจกับความไร้ยางอายของหลินหยาง เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะสร้างโชคลาภจากตัวตนของเขาทั้งสอง!“ว่าไง ไม่ยอมเหรอ?” หลินหยางประเมินเขา สีหน้าดูไม่สู้ดีนัก แล้วจุดโฟกัสของสายตาก็มองไปยังฉินอี๋หลิง “หากว่าไม่ยอมมอบวัตถุดิบยาให้ผมก็ไม่เป็นไร ผมเห็นลูกสาวคุณสวยเสียจนอยากจะกลืนกิน....” นี่ทำให้ฉินอี๋หลิงตกใจเสียจนบดบังความสวย แล้วจึงรีบพูดกับฉินเจิ้งคุน “เขาเป็นเพียงสัตว์ร้าย
“ไอ้บอด แกรีบเก็บข้าวของ แล้วไสหัวออกไปจากบ้านฉัน”ในคฤหาสน์ตระกูลฉิน ฉินเยียนหรานเดินมายังห้องใต้ดินที่หลินหยางอาศัยอยู่ พูดจาอย่างหยิ่งผยองกับหลินหยางที่กำลังคุกเข่าถูพื้นอยู่หลินหยางไม่แม้แต่จะเงยหน้า ไม่แม้แต่จะส่งเสียงและถูพื้นต่อไปฉินเยียนหรานถีบหลินหยางจนล้มลงไปกองกับพื้น“ไอ้บอด! ฉันกำลังพูดกับแก แกหูตึงหรือไง?”หลินหยางค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างของเขามองไม่เห็น ด้านหน้ามีเพียงความมืดมิด“ผมไปก็ได้ แต่ผมต้องเอาของที่เป็นของผมกลับคืนมา” หลินหยางกล่าว“ของอะไรที่เป็นของแก? กระจกตา? หรือว่าหุ้นของซิงเย่า กรุ๊ป?”ฉินเยียนหรานหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม “ไอ้บอดอย่างแก ช่างคิดเพ้อฝันจริง ๆ ตอนนี้ไม่มีของชิ้นไหนที่เป็นของแกเลยสักชิ้น ทั้งซิงเย่า กรุ๊ป เป็นของตระกูลพวกฉันหมดแล้ว”“แม้แต่ ชีวิตอันไร้ค่าของแก ก็เป็นของครอบครัวฉันเหมือนกัน ฉันไม่ฆ่าแกให้ตาย แค่จะให้แกไสหัวออกไปใช้ชีวิตตามยถากรรม ก็นับว่าเมตตากับแกแล้ว”เมื่อหลินหยางได้ยินดังนั้น ก็กำหมัดแน่นอย่างหมดความอดทน ใบหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน ฉินโม่หนงพาลูกสาวฉินเยียนหรานหนีภัยมาที่เ
หลินหยางสลบไปนานมาก ทั้งยังฝันประหลาดอีกด้วย ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็เป็นเช้าวันถัดมาแล้วเขาเห็นตาแก่ผมสีดอกเลาคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างหน้า ก็รู้สึกตกใจมาก“เจ้าหนุ่ม ไม่ต้องตกใจ ฉันได้รักษาดวงตากับบาดแผลทั้งหมดของเธอเรียบร้อยแล้ว”ตาแก่กล่าวด้วยสีหน้าเมตตาหลินหยางแอบหยิกตัวเองหนึ่งที เจ็บมาก เขามั่นใจแล้วว่านี่ใช่ความฝันแน่ ๆ แต่ตอนนี้ภายในหัวสมองยังคงยุ่งเหยิงอยู่“ฉันมีชีวิตอยู่อีกไม่นานแล้ว เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว ก่อนตายได้คนสืบทอดแบบเธอ ก็นับว่าปลื้มใจแล้ว”ตาแก่โบกมือให้หลินหยางพร้อมกล่าวขึ้นว่า “เธอคุกเข่าลงก้มหัวคำนับอาจารย์ เดี๋ยวค่อยอธิบายรายละเอียดให้เธอฟัง”หลินหยางไม่ลังเล รีบก้มหัวคำนับอาจารย์ พร้อมทั้งเรียกท่านอาจารย์ตาแก่ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหลินหยาง กล่าวด้วยใบหน้าปลื้มปีติ “เจ้าเด็กดี! เธอนั่งให้ดี ต่อไปเรื่องทุกอย่างที่อาจารย์จะเล่า เธอจะต้องตั้งใจฟัง จดจำเอาไว้ในใจ ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด”หลินหยางเงี่ยหู นั่งลงที่ข้างกายของตาแก่ ตั้งใจฟังตาแก่พูด หลินหยางเป็นผู้มีเนตรคู่ที่หาได้ยากในรอบพันปี เป็นเพราะกระจกตาถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถปลุกพลังของเนตรคู่ได